15 ปีมาแล้วที่พลอยนภัสได้มาอาศัยอยู่ใต้ชายคาของบ้าน "อัครไพศาล" หลังจากที่ลุงกับป้าที่เลี้ยงดูเธอมาจากไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อ 15 ปีก่อน ทำให้เธอต้องขาดทั้งที่พึ่งพิงและผู้ดูแล แต่แล้วฟ้าก็ยังมีเมตตาและไม่ได้โหดร้ายจนเกินไปกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ ในวันที่เธอต้องสูญเสียทั้งคุณลุงและคุณป้าไป ครอบครัว "อัครไพศาล" ได้หยิบยื่นช่วยเหลือและความเมตตาปราณีให้
คุณโชติ อัครไพศาล เพื่อนรุ่นพี่คนสนิทของคุณลุงของเธอ ผู้ที่คุณลุงเธอมีส่วนช่วยในการก่อตั้งขยายบริษัทในเครือทั้งการท่องเที่ยวและโรงแรมมาด้วยกันเกือบ 40ปี พร้อมด้วยคุณสุนันทา ภรรยาของเขา
หลังจากลูกสาวคนโตเรียนจบและสามารถดูแลกิจการทั้งหมดแทนได้ คุณโชติก็ได้วางมือทุกอย่างลงโดยปล่อยให้ "ชานิดา" ลูกสาวคนโตได้เข้ามานั่งบริหารดูแลงานทั้งหมดแทน ทุกวันนี้พลอยนภัสเป็นเสมือนส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือในการบริหารดูแลบริษัทนี้ด้วย เพื่อที่เธอจะได้ตอบแทนผู้มีพระคุณทั้งสองที่คอยอุปการะเลี้ยงดูเธอมาในวันที่เธอขาดที่พักพิงและยังใจดีมีเมตตากับเธอเสมือนเป็นลูกสาวแท้ๆ อีกคนหนึ่ง
หลังจากเรียนจบปริญญาตรีด้านการบริหารโรงแรมพลอยนภัสก็ได้เข้ามาช่วยงานชานิดาอย่างเต็มตัว ชานิดาเป็นสาวมั่น ทำงานเก่ง ใจดี แถมยังรักและเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ จึงทำให้พลอยนภัสมีความสุขดีที่ได้อาศัยอยู่ใต้ชายคาของบ้านหลังนี้
แต่จะมีเพียงก็แต่ใครบางคนเท่านั้น ที่กลับมองว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งส่วนเกินในครอบครัวเขามาตลอด เขาคนนั้น คนที่ไม่เคยเห็นเธอมีตัวตนอยู่ในสายตา คนที่เธอได้แต่แอบชื่นชมเขาอยู่ห่างๆ
วันนี้แล้วสินะที่เธอจะได้พบกับเขาอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานถึง 6 ปีเต็ม หลังจากที่เขาต้องไปบริหารดูแลสาขาเปิดใหม่ของบริษัทในเครือที่ต้องการขยายตลาดเพิ่มที่อเมริกา
ตลอดเวลาที่อยู่ทางโน้น เขาไม่ได้กลับมาเมืองไทยเลย จะมีก็เพียงแต่บิดามารดากับพี่สาวของเขา ที่ผลัดเปลี่ยนกันบินไปเยี่ยมเขาตลอดทุกสามเดือนหกเดือนและถือโอกาสไปเที่ยวพักผ่อนไปในตัวด้วย ส่วนเธอ เลือกที่จะอยู่ดูแลบริษัทให้ครอบครัวของเขาทางนี้ในระหว่างที่ทุกคนไปเยี่ยมเยือนเขานั้น เพราะเธอรู้ดีว่าเขาไม่ชอบ เธอจึงไม่ได้มีความคิดที่จะอยากพาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ
แต่เรื่องมีอยู่ว่า....วันนี้เป็นวันหยุด เธอไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าบริษัท คุณสุนันทาได้มาไหว้วานแกมขอร้องให้เธอช่วยไปรับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ที่พึ่งบินกลับมาจากอเมริกาสดๆ ร้อนๆ ให้หน่อย เพราะคนขับรถประจำของที่บ้านขอลากลับต่างจังหวัด ส่วนพี่สาวเขานั้นติดงาน หน้าที่สารถีอันทรงเกียรติจึงตกเป็นของเธออย่างที่ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลย
"จะดีหรอคะคุณป้า ที่จะให้พลอยเป็นคนไปรับพี่เก้า" พลอยนภัสเอ่ยถามหญิงสูงวัยด้วยสีหน้าแววตาวิตกกังวล
"ดีสิลูก โตกันจนป่านนี้แล้วพี่เขาคงจะไม่มานั่งเขม่นพลอยเหมือนอย่างเมื่อก่อนแล้วล่ะลูก" คุณสุนันทาพูดปลอบแม้ว่าในใจลึกๆ ก็ยังแอบกังวลอยู่
"งั้นก็ได้ค่ะ พลอยจะเป็นคนไปรับพี่เก้าเอง" หลังจากที่พลอยนภัสได้ยินคำนั้น แม้ว่าเธอจะอยากหลบเลี่ยงเพียงใดแต่ก็ต้องจำใจที่จะต้องทำตามคำขอร้องของผู้มีพระคุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่สนามบินวันนี้พลอยนภัสอยู่ในลุคสบายๆ เสื้อยืดตัวบางสีขาวเข้ารูปเน้นสัดส่วนกับกระโปรงยีนต์สีเข้มที่สั้นขึ้นมาเหนือเข่าขับผิวขาวแถมยังโชว์เรียวขาสวย เธอเลือกที่จะใส่แว่นตากันแดดสีดำ เพื่อที่ว่าจะได้มีอะไรปกปิดอำพรางสายตาเธอจากเขาได้ เพราะว่ากันว่า ดวงตา คือ หน้าต่างของหัวใจ เธอไม่อยากให้เขาต้องรู้สึกอึดอัดหากว่าเธอไปเผลอจ้องเขาตอนไหน
ก็แน่ล่ะ เขาเป็นผู้ชายที่เธอชอบนี่ จะไม่ให้เธอแอบมองเขาเลยก็คงจะยาก วิธีนี้เธอจึงคิดว่าเหมาะที่สุดแล้ว จากนั้นจึงได้ชะเง้อมองหาคนที่เธอต้องทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้เขาในวันนี้
พลอยนภัสยืนรอเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็เห็นเขาเดินออกมา นาทีแรกใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งๆที่ผ่านไปตั้ง 6 ปีแล้ว แต่เขาก็ยังดูดีเสมอในสายตาเธอ
เมื่อ6ปีที่แล้ว กลวัชรต้องไปอเมริกาตามคำสั่งของบิดา แต่ตอนนี้บริษัทที่เมืองไทยก็กำลังจะมีโปรเจ็คใหญ่ที่ต้องการจะขยายตลาดภายในประเทศเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เขาจึงต้องถูกบิดาเรียกตัวกลับมา แล้วปล่อยให้ครอบครัวของชิดชัย ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของบิดาบริหารดูแลสาขาที่อเมริกาต่อไป
วันนี้กลวัชรอยู่ในฮู้ดแขนยาวสีดำ กับกางเกงยีนต์สีซีด พร้อมหุ่นนายแบบที่สูงถึง 185 เซนติเมตร และจากที่ดูแล้วเขาคงจะเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายดูแลตัวเองอยู่เสมอเป็นแน่ สังเกตได้จากกล้ามแขนที่เป็นมัดๆ ที่ถึงแม้จะมีเสื้อแขนยาวปกปิดอยู่แต่ก็พอจะเดาจากรูปลักษณ์นั้นได้ และภาพที่เห็นก็ทำเอาพลอยนภัสเกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้องเสมือนประหนึ่งว่าได้เจอดาราคนโปรด นาทีนั้นเธอพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ ยืนนิ่งสงบสติอารมณ์ให้เป็นปกติให้ได้ก่อนแล้วจึงค่อยได้เดินออกไปหาเขา
"สวัสดีค่ะพี่เก้า" เธอพูดพร้อมกับยกมือไหว้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างเป็นทางการก่อนจะถอดแว่นกันแดดออก กลวัชรจ้องมองไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าผ่านแว่นตากันแดดสีดำเข้มเช่นกัน แน่นอนเขาจำเธอได้ เด็กแก่แดดในวันนั้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ก่อนที่เขาจะต้องย้ายไปอเมริกา วันนั้นเธอได้มาสารภาพบอกว่าชอบเขา ซึ่งในตอนนั้นเขามองว่าเธอช่างแก่แดดจริงๆ เรียนก็ยังไม่ทันจบมัธยมด้วยซ้ำ แต่กลับมาบอกชอบผู้ชายแบบนี้ทำตัวไม่น่ารักไม่สมกับที่ครอบครัวของเขาให้การอุปถัมภ์รับเลี้ยงดูเลย
ส่วนเขาในตอนนั้นก็เรียกได้ว่าไม่ขาดแคลน คบคนนั้นเลิกคนนี้ เพราะหลังจากที่ถูกเอมมิกาหักอกไป เขาก็ไม่ได้คิดที่จะคบใครจริงจังอีก
ตอนนั้นตัวเขาเอง 27 ส่วนพลอยนภัสนั้นพึ่งจะ 16 ในวันก่อนที่เขาจะบินเธอได้วิ่งมาสารภาพบอกชอบเขา เขาจึงได้แต่ต่อว่าเธอไป ว่าให้เอาเวลาไปสนใจเรียนเถอะ แล้วจากนั้นตัวเขาเองก็ย้ายไปอยู่อเมริกาจนกระทั่งถึงวันนี้ก็ไม่เคยได้เจอกันอีก
แต่มาวันนี้กลวัชรมองไปยังผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าหลังจาก 6ปีเต็มที่ไม่ได้เจอกันพลอยนภัสนั้นดูแตกต่าง ดูมีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นจนเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เด็กหญิงพลอยนภัสในเมื่อวันวานเทียบกับในวันนี้นั้นดูโดดเด่น หรือจะเรียกว่าสวยเลยก็ว่าได้ ผมของเธอสลวยยาวจนเกือบจะถึงสะโพก ดวงตากลมโต ปากแดงชมพูระเรื่อ เห็นแล้วทำให้เขาตกตะลึงราวกับว่าถูกต้องมนต์สะกด ใครจะคิดว่าเด็กแก่แดดในวันนั้นจะสามารถเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้
"เดี๋ยวพลอย..ช่วยลากกระเป๋าให้นะคะ" พลอยนภัสพูดเมื่อเห็นว่ากลวัชรนั้นมีท่าทีเฉยไป เธอจึงเดินเข้าไปหาเขาใกล้ๆ เพื่อหมายจะไปคว้ากระเป๋าเดินทางที่ตั้งอยู่ จึง ทำเอากลวัชรที่ยังอยู่ในอาการตกตะลึงนั้นได้สติ
"ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันถือเอง" กลวัชรบอกพร้อมกับเขยิบถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวเมื่อรู้สึกว่าพลอยนภัสนั้นขยับมาอยู่ในระยะใกล้จนเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของตัวเธอ
"แล้วทำไมน้าแช่มถึงไม่มารับเอง" กลวัชรแสร้งทำเป็นถามหาคนขับรถประจำบ้านที่เขารู้จักและคุ้นเคยมาเป็นอย่างดีเพื่อแก้อาการประดักประเดิด
"น้าแช่มกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอาทิตย์หนึ่งค่ะ ไปเยี่ยมลูกสาวที่พึ่งคลอดลูก" พลอยนภัสพูดพลางเดินนำทางชายหนุ่มไปยังอาคารจอดรถที่เธอได้จอดรถไว้อยู่ โดยหารู้ไม่ว่ามีสายตาของคนตัวสูงที่แอบมองตามหลังเธอไปด้วยสายตาที่ยากจะเดาได้....
เบนซ์สปอร์ตสีดำรุ่นล่าสุด ได้เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าคฤหาสถ์ ในช่วงบ่ายนิดๆ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์ บนท้องถนนการจราจร จึงไม่ค่อยติดขัดนัก ระหว่างทางไม่มีแม้แต่การสนทนาใดๆเกิดขึ้น พอรถออกตัวเขาก็ปิดเปลือกตาลงทันที จนกระทั่งถึงบ้านก็ตื่นขึ้นมาเองโดยที่ไม่ต้องให้เธอปลุก ทำให้พลอยนภัสอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าเขาแกล้งทำเป็นหลับเพราะไม่อยากที่จะสนทนากับเธอระหว่างที่อยู่ในรถด้วยกันสองคนสินะ แต่ก็ไม่ได้แปลกใจ กลวัชรไม่ชอบเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ถ้าวันไหนเขาคุยด้วยกับเธอต่างหากถึงจะแปลกพอก้าวลงจากรถได้ กลวัชรก็รีบเดินตรงเข้าไปในบ้านทันที คุณสุนันทาที่กำลังยืนดูสวนกุหลาบที่ปลูกไว้อยู่ด้านหลังของคฤหาสถ์จึงยังไม่ทันได้สังเกตุว่ามีบุคคนอื่นกำลังเดินเข้ามา ก่อนที่แก้มนุ่มๆของหญิงสูงวัยจะถูกจู่โจมหอมเข้าอย่างจัง"คิดถึงคุณแม่จังเลยครับ" ชายหนุ่มบอกด้วยใบหน้ายิ้มแป้นพร้อมเอามือไปที่โอบรอบเอวของผู้เป็นมารดา"ตาเก้า มาถึงแล้วเหรอลูก" คุณสุนันทาเมื่อเห็นเข้าว่าเป็นใครก็ดีใจและโผเข้าไปกอดและหอมแก้มลูกชายอีกฟอดใหญ่"ไปๆ เข้าไปในบ้านกันลูกข้างนอกมันร้อน"คุณสุนันทาพูดขึ้นพร้อมกับดึงมือลูกชายให้เดินตามเข้าบ้านไป"ตัว
กลวัชรเดินออกมาจากห้องหนังสือเล็กๆนั้นหลังจากที่ชายหนุ่มคนนั้นกลับไปแล้ว เขาเดินออกมาหยุดยืนอยู่กลางห้องรับแขก ซึ่งที่ในขณะนี้มีร่างของใครบางคนเมาและนอนหลับอยู่สายตาเขานั้นจับจ้องไปที่ใบหวาน ที่ตอนนี้ยังคงหลับสนิท โดยที่เธอไม่ได้มีความรู้สึกรับรู้เลยว่ากำลังมีคนยืนจ้องมองเธออยู่อย่างเงียบๆ แสงไฟสลัวจากโคมไฟเล็กบนชั้นวางช่วยขับให้ใบหน้าหวานนั้นยิ่งสวยนวลเด่น สเตฟานไม่ได้พาเธอเข้าไปนอนในห้องนอน แต่เลือกที่จะปล่อยให้พลอยนภัสนอนหลับอยู่ที่โซฟาเบดบริเวณห้องนั่งเล่นแทน เพราะมันเคยมีครั้งหนึ่งตอนที่ฉลองเรียนจบใหม่แล้วพลอยนภัสเมา สเตฟานและข้าวฟ่างพาเธอมาส่งที่บ้านและพาเข้าไปนอนในห้องนอน ปรากฏว่าเธออ้วกออกมาจนเลอะที่นอนไปหมด นับแต่นั้นพลอยนภัสจึงขอร้องว่าถ้าวันไหนเธอเมาแล้วมีคนพามาส่งที่บ้าน ก็ให้ทิ้งเธอนอนไว้ที่โซฟาเบดในห้องนั่งเล่นพอกลวัชรเดินออกมาหยุดมองคนตัวเล็กซึ่งยังคงนอนไร้สติอยู่ เขาตัดสินใจนั่งลงไปข้างๆ จ้องมองพินิจพิจารณาใบหน้าแสนหวานนั้นอีกครั้ง เพราะตั้งแต่เมื่อเช้าที่เขาเห็นเธอที่สนามบิน วินาทีแรกเขาเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ยอมรับกับตัวเองว่าพลอยนภัสในวันนี้จัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมาก
พลอยนภัสตื่นมาด้วยอาการเมาค้าง ร่างกายนั้นก็ยังรู้สึกว่ายังมึนๆ อึนๆ อยู่ ส่วนหัวนั้นก็ยิ่งหนักอึ้งจนต้องสะบัดไปมาอยู่สองสามที ไม่คิดเลยว่าเมื่อคืนเธอจะเมาได้ขนสดนี้ ในขณะที่กำลังนั่งคิดทบทวนเรื่องเมื่อคืน จู่ๆ ภาพเหตุการณ์บางอย่างที่ได้เกิดขึ้นก็ผุดขึ้นมาในหัว พลอยนภัสกำลังพยายามนึกเรียบเรียงอยู่ว่าภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นคือภาพเหตุการณ์จริงหรือเป็นเพียงแค่ความฝันกันแน่หญิงสาวนึกชั่งใจชั่งน้ำหนักเหตุการณ์อยู่นาน จึงได้ให้คำตอบตัวเองได้ว่ามันต้องเป็นเพียงแค่ความฝันแน่ๆ เพราะคนอย่างกลวัชรคงไม่มีทางมาทำอะไรกับเธอแบบนั้นได้ เขาออกจะเกลียดขี้หน้าเธอเสียด้วยซ้ำ เเละเธอยังจำได้ดี ว่าตั้งแต่ที่เธอสารภาพบอกความในใจกับเขาไป เมื่อ 6 ปีก่อน โอกาสที่เธอจะได้เห็นเขาหรืออยู่ใกล้ๆ เขาก็ไม่มีอีกเลย เมื่อก่อนก็ว่าเขาไม่ค่อยจะชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นนี้ที่เขาทั้งหลบหน้าและไม่ยอมมาเจอะเจอเธออีกจนกระทั่งเขาย้ายไปอยู่อเมริกาจะว่าไปที่เธอฝันแบบนั้นได้ มันคงเป็นเพราะว่าจิตใต้สำนึกของเธอแน่ๆ คงเป็นเพราะว่าเธอดีใจที่ได้เจอเขาอีกครั้ง เธอชอบเขา เเละเธอก็คิดถึงเขา จึงทำให้สมองประมวลผลออกมา
เช้าวันจันทร์พลอยนภัสออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพราะต้องมาเตรียมเอกสารการประชุมหลายอย่าง วันนี้หญิงสาวมาถึงออฟฟิศก่อนใครๆ หัวข้อการประชุมในเช้าก็จะเกี่ยวกับการขยายสาขาใหญ่ที่ภูเก็ต ซึ่งมันเป็นการร่วมทุนกันกับบริษัทจากประเทศอังกฤษเธอจึงต้องรีบเตรียมความพร้อมเป็นพิเศษ"น้องพลอยเตรียมเอกสารทุกหัวข้อของการประชุมวันนี้พร้อมแล้วใช่มั้ยคะ" คุณนฤมลเดินมาย้ำเพื่อความแน่ใจ"พร้อมแล้วค่ะพี่มล นี่พลอยตรวจมาสามรอบแล้วนะคะ รับรองว่าไม่มีอะไรผิดพลาดค่ะ" เธอพูดพร้อมส่งเอกสารให้เลขาของชานิดาตรวจดูอีกรอบ"เรียบร้อยจริงๆ ด้วย น้องพลอยนี่ทำงานเรียบร้อยตลอดเลยนะคะ สมแล้วที่คุณกริ้งไว้ใจ" คุณนฤมลเอ่ยชมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม"งั้นเราไปกันเลยนะคะ""ไปค่ะ"9:00 ในห้องประชุมทุกคนมากันพร้อมหน้า โดยชานิดานั่งหัวโต๊ะ พร้อมด้วยชายหนุ่มหน้าใหม่สำหรับห้องประชุมในวันนี้ แต่ไม่ใหม่สำหรับบางคนที่พอจะรู้จักกันอยู่แล้วว่าเขาเป็นใครพลอยนภัสไม่กล้าที่จะจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลานั้นตรงๆ เนื่องจากภาพความฝันสุุดวาบหวิวที่อยู่ในหัวนั้นทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอวนใจที่จะจ้องสบตากับเขา พลอยนภัสรู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งกลวัชรจะต้องกลับมาดูแล
พลอยนภัสเดินตามเจ้านายหนุ่มเข้าไปในห้อง โดยที่เธอไม่ได้นึกเอะใจอะไรว่าเหตุใดเธอจึงถูกเรียกตัวเข้าพบต่อหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม กลวัชรเดินนำหน้าไปก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน เขาพิงสะโพกไปกับขอบโต๊ะแล้วยกมือขึ้นมากอดไว้ที่อก"พี่เก้ามีอะไรหรือเปล่าคะ" พลอยนภัสใช้สรรพนามเป็นกันเองเวลาอยู่กันแค่กับเขาหรือเฉพาะคนรู้จัก แต่เวลาที่ต้องเจอคนหมู่มากหรือต้องพบแขกลูกค้าที่ต้องเป็นทางการของบริษัท เธอจะให้เกียรติเขาด้วยการเรียกชื่อเต็ม ซึ่งกับชานิดาพี่สาวของเขาเธอเองก็ปฏิบัติแบบนี้เช่นกัน"คิดว่าแต่งตัวแบบนี้มาทำงาน มันเหมาะสมแล้วหรอ" ชายหนุ่มเปิดประเด็นขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่สายตาดูเข้มขึงขังพร้อมกับจ้องมองไปที่คนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ"พลอยขอโทษค่ะ งั้นทีหลังพลอยจะแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้" พลอยนภัสก้มมองลงที่ชุดของตัวเองก็แอบตกใจเล็กน้อย วันนี้เธอใส่เป็นเดรสสีดำเปิดไหล่ข้างหนึ่งขนาดพอดีตัว ที่คอมีปกระบายขลิบขาวตั้งแต่ไหล่ซ้ายยาวลงไปถึงไหล่ขวา ความยาวของชุดอยู่สูงเลยขึ้นมาเหนือเข่าเล็กน้อย ผมสลวยเงางามถูกรวบไปไว้ที่ด้านหลังจนหมดจนเผยให้เห็นถึงลำคอขาวสะอาด อาจจะด้วยเหตุนี้กระมังที่กลวัชรคิดว่
กลวัชรและธาวินพากันนั่งมองหน้าสลับกันไปมาไปยังจุดที่หญิงสาวที่ถูกเอ่ยถึงนั่งอยู่ เธออยู่ตรงนั้นสักพักจากนั้นจึงได้ประครองชายหนุ่มที่ดูแสนจะเมามายคนนั้นออกไป"ว้า ไปซะละ ไม่รู้ว่าไปต่อที่ไหนกันต่อ ไหนข้าวฟ่างบอกว่าไม่มีแฟนไง นี่กูต้องอกหักทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มจีบเลยหรอวะเนี่ย"ธาวินทำหน้าเซ็งจัดเต็มที แก้ววิสกี้ที่อยู่ในมือถูกสาดเข้าปากอีกรอบจนหมดเกลี้ยง"ฮึ จะไปไหนกันได้วะผู้หญิงกับผู้ชายสองคน มึงก็รู้ๆอยู่""แต่กูจำได้นะเว้ยว่าผู้ชายที่เมาหัวทิ่มนั่นน่ะเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มเดียวกันกับน้องพลอยนี่แหละ เห็นข้าวฟ่างน้องกูบอกอยู่ แต่ดูท่าแล้วไอ้เด็กนั่นคงชอบน้องพลอยแน่ๆ เห็นมองแต่ละทีงี้ตาเยิ้มเชียว""เออๆ จะยังไงก็ช่างเหอะวันนี้กูกลับก่อนแล้วกันว่ะ พรุ่งนี้ทำงานเช้า เอาไว้จะแวะมาทักทายใหม่""อ้าวเฮ้ยอะไรของมึงวะไอ้เก้า ละนี่กูจะนั่งต่อกะใคร""มึงก็ไปหาสาวๆเอาสิวะ เยอะแยะข้างล่าง กูไปล่ะ"พูดจบกลวัชรก็รีบเดินจากไปทันทีโดยที่ไม่ฟังเสียงทัดทาน ก่อนจะปล่อยให้ธาวินนั่งบ่นหงุมหงิมตามหลัง"เออละแวะมาหากูอีกละกันมึงน่ะไหนๆก็ย้ายกลับมาอยู่ไทยละ""ตามนั้น"หน้าคอนโดสเตฟาน.."ฟานๆ ถึงแล้วตื่นได้แล้ว
วันนี้กลวัชรตื่นสาย เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบตีสอง เพราะหลังจากที่เขาผละออกมาจากบ้านของพลอยนภัส เขาก็ต้องไปจัดการตัวเองที่บ้านต่อ เพราะความคั่งค้างที่ยังไม่ได้รับการปลอดปล่อยกลับมาถึงห้อง ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนที่นอน และรีบจัดการกับความทรมานที่กำลังตื่นตัวอย่างเต็มที่พร้อมกับหลับตานึกถึงใบหน้าสวยหวานที่เป็นต้นเหตุของความทรมานนี้ ซึ่งเขาไม่อยากจะยอมรับเลยว่ามันเกิดมาจากเธอกลวัชรจ้องมองนิ้วที่เขาสอดใส่เข้าไปภายในตัวตนของพลอยนภัสก่อนจะค่อยๆ ยกมันขึ้นมาสูดดม ลิ้นร้อนเละเล็มออกมาเลียลิ้มชิมรสชาติ กลิ่นและรสชาติของเธอยังคงติดอยู่จนเขาสัมผัสได้ถึงความหอมหวานและเร่าร้อน มันคงจะดีถ้าเขาได้ทำอะไรต่อมิอะไรได้มากกว่านี้ชายหนุ่มเริ่มจินตนาการว่าเขาอยากจะดูดดื่ม ลูบไล้ลามเลีย อยากจะทำอะไรๆ อยากสัมผัสเธอให้ได้มากกว่านี้ เพราะดูจากรูปการณ์แล้วก็เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็ไม่ได้ขัดขืน แต่เป็นเขาเองที่ต้องเป็นฝ่ายหักห้ามใจไว้ เพราะถ้าเกิดอะไรเกินเลยไป ย่อมไม่เป็นผลดีต่อตัวเขาอย่างแน่นอนทั้งทางด้านครอบครัว แล้วไหนจะเป็นตัวหญิงสาวที่อยู่ในจินตนาการ เธอคงจะหัวเราะเยาะเขาเป็นแน่ ที่ในที่ส
"อื้อออ" แม้ว่าพลอยนภัสพยายามขัดขืนแต่ก็ถูกข้อมือใหญ่รวบมือทั้งสองข้างของเธอไปไว้ข้างหลัง ส่วนมืออีกข้างของเขาก็บีบเข้าที่คางมนเพื่อเปิดทางรอรับจุมพิตจากเขาอีก'เอาอีกแล้วเขาจูบเธออีกแล้ว ทำไมกันนะ' พลอยนภัสได้แต่ถามตัวเองลิ้นหนากวาดควานเข้าไปในโพรงปากนุ่ม ความหอมหวานนี้ยิ่งทำให้เลือดในกายของเขาสูบฉีด กลวัชรดันเธอให้ไปชิดกับขอบโต๊ะจนจุดกึ่งกลางของทั้งสองร่างกายอยู่ในจุดๆ เดียวกัน พอเขายิ่งบดเบียดมันเข้าไปหาพลอยนภัสยิ่งสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดตรงท้องน้อยร่างบางน้อยๆ เริ่มสั่นไหวเมื่อเขารุกหนักขึ้น อาการหูอื้อตามัวปะดังปะเดเข้ามาจนยากที่จะต้านทานได้จนลิ้นเล็กๆ เริ่มดูดดึงตอบกลับเขาไปอย่างลืมตัว นาทีนั้นพลอยนภัสรู้เลยว่าเธอกำลังจะพ่ายแพ้ พ่ายแพ้ต่อเขา ต่อจูบของเขา ก็แน่ล่ะในเมื่อเขาเป็นผู้มีประสบการณ์ผ่านมาอย่างโชกโชน จะไปเทียบอะไรกับเธอผู้ที่ยังไม่เคยแม้แต่จะจูบใคร เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครกันที่จะเป็นผู้ชนะสองมือแกร่งจากที่ล็อคเคยแขนเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง ตอนนี้กลับกำลังล้วงลึกเข้าไปในคอเสื้อที่เปิดกว้างและสะกิดตุ่มไตจนมันพากันตั้งแข็งชูชัน"อื้มม/อ๊ะ.." สองเสียงหลุดออกมาพร้อมกัน กลว
ในที่สุดก็มาถึงวันนี้ หนึ่งเดือนเต็มๆที่กลวัชรและพลอยนภัสต่างใจจดจ่ออยู่กับการช่วยกันทั้งออกแบบและเตรียมงาน แม้ว่าคุณสุนันทานั้นบอกว่าจะหาฤกษ์ให้ได้เร็วที่สุดแต่ก็ยังต้องรอถึงหนึ่งเดือนงานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างอลังการใหญ่โตและหรูหรา เหล่าบรรดาเพื่อนๆทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและฝ่ายเจ้าสาวต่างพากันมาร่วมแสดงความยินดีกับทั้งสองฝ่ายอย่างคับคั่งงานพิธีในช่วงเช้าคู่บ่าวสาวเลือกที่จะใส่เป็นชุดไทยโบราณ ชุดเจ้าบ่าววันนี้อยู่ในชุดไทยราชปะแตนสีงาช้างคอตั้งสูงกระดุมแถวเดียวที่สวมใส่คู่กับโจงกระเบนสีหม่นเหลือบทองและใส่ถุงเท้าแบบยาว ทรงผมถูกแต่งเซ็ทให้เข้าทรงรับกับใบหน้าหล่อ ส่วนด้านเจ้าสาวสวมใส่ด้วยชุดไทยจักรพรรดิ ตัดเย็บด้วยผ้าไหมอย่างประณีต ห่มด้วยสไบปักเลื่อมลายดอกไม้สีเข้ากันกับฝ่ายเจ้าบ่าว ผมยาวสลวยถูกเกล้าเก็บขึ้นไปด้านบนก่อนจะปักด้วยปิ่นสีทองระย้าและแซมเอาไว้ด้วยช่อดอกไม้เล็กๆตามช่อผมสวยงาม"วันนี้เมียพี่สวยจัง สวยจน..."ในขณะที่พูดก็ไม่ได้พูดเปล่า ฝ่ามือใหญ่ยังคงแวะเวียนลงไปบีบที่สะโพกอวบอิ่มด้วย"พี่เก้าคะ เดี๋ยวก็จะต้องออกไปแล้วนะคะ ยังจะมาทะลึ่งอีก""ก็วันนี้ที่รักสวยมากเป็นพิเศษนี่ พี่เห็นแล้
"พี่อยากอธิบายเรื่องเมื่อคืน" พลอยนภัสเงยหน้าขึ้นมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาที่เวลานี้ขยัยเข้ามาใกล้ กลวัชรเอื้อมมือไปจับมือเธอขึ้นมากุมไว้"เรื่องที่พลอยได้ยิน จริงๆแล้วพี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ที่พี่พูดไปก็แค่อยอยากให้ธาวินมันล้มเลิกความตั้งใจที่จะอยากจีบพลอย แต่เมื่อคืนเป็นวันเกิดมันพี่ก็เลยไม่อยากทำร้ายจิตใจมัน เพราะถ้าพี่บอกความจริงระหว่างเราไปว่าพลอยเป็นอะไรกับพี่ พี่กลัวว่ามันจะเสียใจ เห็นมันยิ่งคลั่งรักพลอยอยู่ พี่ก็เลยเลือกที่จะใช้วิธีนั้นแทน ใครจะคิดว่าอยู่ดีๆพลอยจะไปเดินเล่นอะไรแถวนั้นได้" กลวัชรอธิบายเสียยืดยาวเพียงเพื่อหวังว่าคนตัวเล็กตรงหน้าจะได้เข้าใจเขามากขี้น"พี่พูดจริงๆ พลอยเชื่อพี่หรือเปล่า" เขาจับมือเธอแน่นขึ้น สายตาจ้องมองเธออย่างแน่วแน่เพื่อจะสื่อให้รู้ถึงความจริงใจที่มี"พลอยกลัวว่าพี่เก้าจะแค่อยากหลอกอยากแกล้งพลอย แค่อยากทำให้พลอยเสียใจ" "ตั้งแต่พี่กลับมาแล้วเราอยู่ด้วยกันตลอด พลอยเคยรู้สึกว่าพี่อยากทำแบบนั้นหรอ""ก็มีนะคะ ช่วงแรกๆเห็นแกล้งหาเรื่องพลอยทุกวัน"หื้ออ กลวัชรถึงกับต้องร้องหือออกมาเมื่อพลอยนภัสนั้นตอบกลับไปตรงๆ"โอเคๆก็อันนั้นมันก็อาจช่วงแรกๆไง ใคร
เมื่อคืนทั้งคืนหลังจากที่ไปรับพลอยนภัสมา หญิงสาวก็เอาแต่นั่งเงียบมาตลอดทาง เธอไม่ได้ปริปากบอกหรือพูดอะไร บอกเพียงแค่ว่ามีเรื่องไม่สบายใจเท่านั้น เขาขับรถพาเธอไปจอดอยู่ที่บริเวณริมชายหาด พลอยนภัสเดินลงจากรถก่อนจะขอไปเดินเล่นแบบเงียบๆที่ริมชายหาด จากนั้นเธ จึงกลับขึ้นรถมา ตลอดทั้งคืนเขานั่งเฝ้าดูเธอหลับจนกระทั่งตัวเขาเองก็หลับไป พอเช้ามาจึงได้มาส่งเธอที่บ้าน แต่ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเจอกับความจริงอะไรที่เขาไม่อยากเจอแบบนี้"ฟาน พลอยขอโทษนะที่พามาเจออะไรแบบนี้ตั้งแต่เช้า" พลอยนภัสหันกลับไปหาเพื่อนชายคนสนิทที่เวลานี้ดูจะเสียใจมาก"จริงหรือเปล่าพลอยที่เขาพูดมา เรื่องระหว่างพลอยกับเขามันจริงหรือเปล่า" สเตฟานเอ่ยถามเสียงอ่อน เขาก็ไม่ได้อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเธอมากนักแต่ก็อยากให้ตัวเองกระจ่าง"เอาไว้วันหลังพลอยจะอธิบายให้ฟานฟังนะ แต่ตอนนี้ฟานกลับไปก่อนได้หรือเปล่า ขอบคุณมากๆที่อุตส่าห์ไปรับพลอยเมื่อคืน" พลอยนภัสหันไปพูดกับเพื่อนชายคนสนิทด้วยสีหน้าและแววตาที่ลำบากใจ เธอคิดว่าเธอเข้าใจความรู้สึกของสเตฟานดีและไม่ได้อยากให้เขาต้องมารับรู้และเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยสักนิดในขณะที่สเตฟานยอ
ธาวินยังคงตกใจอึ้งไม่หายเมื่อได้ยินคำตอบของกลวัชร 'พลอยเป็นเมียกู' นี่เขาพลาดอะไรไปตรงไหน ทั้งๆที่เขาพยายามที่จะจีบพลอยนภัสมาตลอด แต่อยู่ดีๆไอ้เพื่อนตัวดีก็ดันมาบอกว่าผู้หญิงที่เขาหมายปองนั้นเป็นเมียมัน"แล้วมึงก็ปล่อยให้กูจีบเมียมึงอยู่ได้ตั้งนานเนี่ยนะ ไอ้บ้าเอ้ย"ธาวินนึกอยากจะตีอกชกชกกำแพงให้มันพังๆไปเลย"กูขอโทษที่ไม่ได้บอกก็เพราะเห็นว่าวันนี้เป็นวันเกิดมึง ไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศว่ะ" กลวัชรยืนเท้าสะเอวหน้ายุ่ง พยายามอยากจะอธิบายให้เพื่อนฟังด้วย"ไอ้เก้ามึงนี่เร็วตัดหน้ากูตลอดตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนะ นี่ถ้าเป็นเพื่อนนคนอื่นคงเลิกคบกับมึงไปนานแล้ว""แล้วมึงเป็นอะไรวะถึงได้คอยมาชอบผู้หญิงคนเดียวกันกับกูอยู่ได้" เออนั่นดิ ธาวินก็ยังคิดว่าทำไมเขากับกลวัชรถึงได้คอยแต่จะชอบผู้หญิงคนเดียวกัน เป็นมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว นึกแล้วก็ยังแปลกใจ"แล้วไอ้ที่พูดกล่อมกูเป็นวรรคเป็นเวรเสียตั้งนานในออฟฟิศคืออะไรวะ อย่าบอกนะว่ากันซีน" "อือ""แต่กันซีนไม่ให้กูจีบเมียตัวเองใช่มั้ย ไม่ใช่กันซีนไม่ให้จีบน้อง" ธาวินยังคงถามย้ำ"อือ ตามนั้นแหละ"หลังจากที่ธาวินเข้าไปเจอกลวัชรและพลอยนภัสที่ตรงบันไ
"ถ้างั้นกูขอแนะนำ นี่น้องพลอย ว่าที่แม่ของลูกกูในอนาคต น้องพลอยครับส่วนนั่นไอ้เก้าเพื่อนพี่แล้วก็เป็นหุ้นส่วนของร้านนี้กับพี่ครับ" ธาวินเอ่ยออกมาหวังว่าจะให้ทั้งสองไอ้รู้จักกันแต่แล้วคำตอบของกลวัชรก็ทำให้ธาวินและข้าวฟ่างนั้นตกใจกลับมากกว่า"รู้จักละ นั่นเลขากูเอง" กลวัชรตอบกลับทันที ทำเอาสองศรีพี่น้องต่างร้อง ห๊าา ออกมาพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย"อืม ไม่ต้องตกใจหรอก แล้วบ้านก็ยังอยู่บ้านเดียวกันกับกูด้วย" กลวัชรพูดไปสายตาก็จ้องไปยังคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อประเมินสถานการณ์ หากแต่ก็ได้รับมาเพียงแค่ความว่างเปล่า"ถามจริง นี่ล้อกูเล่นป่ะเนี่ย" ธาวินยังคงไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองจนต้องหันไปถามพลอยนภัสอีกรอบ"ที่ไอ้เก้าพูดมานี่จริงหรือเปล่าครับน้องพลอย พี่งงไปหมดแล้ว" "ค่ะ ก็อย่างที่พี่เก้าพูดมานั่นแหละค่ะ คุณแม่พี่เก้าเป็นคนอุปถัมภ์เลี้ยงดูพลอยมาตั้งแต่เด็กๆหลังจากที่คุณลุงคุณป้าพลอยเสียน่ะค่ะ โลกกลมจังเลยนะคะ แถมพี่เก้ากับพี่ธาวินยังเป็นเพื่อนกันอีกต่างหาก" พลอยนภัสหันไปยิ้มเจื่อนๆให้กับธาวิน ส่วนกลวัชรนั้นเธอเพียงแค่เหลือบมองแค่หางตา"ถ้าอย่างนั้นน้องพลอยกับไอ้เก้าก็คงจะเป็นเหมือนพี่เห
พลอยนภัสค่อยๆเดินตามเสียงนั้นไป ไม่ได้ต้องการที่จะเสียมารยาท แต่แค่อยากจะไปดูให้เห็นกับตาเพื่อความแน่ใจเท่านั้น ประตูของห้องไม่ได้ถูกปิด แสงไฟภายในสาดส่องออกมาจนถึงทางเดิน หญิงสาวค่อยๆเดินไปอย่างเงียบๆจนไปหยุดอยู่ตรงมุมประตูของห้องนั้นที่เปิดเพียงแค่แง้มๆเอาไว้แต่ก็สามารถที่จะมองเห็นได้ถึงใครที่นั่งอยู่ในนั้นใช่...ใช่เขาจริงๆด้วย กลวัชรกับธาวินกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะทำงานอย่างสนุกสนานโดยไม่ทันได้สังเกตุว่ามีเธอยืนอยู่ตรงนี้ ทุกๆถ้อยคำที่กลวัชรพูดมันออกมาพลอยนภัสได้ยินมันหมดทุกถ้อยทุกคำ "สาวที่ไหน ไม่มี๊....(เสียงสูง) กูก็ไปเรื่อยๆ มึงก็รู้อยู่เหมือนสมัยก่อนนั่นแหละ วันๆทำแต่งานจะเอาเวลาที่ไหนไปหา นอกเสียจากว่ามีมาให้กินถึงที่เอง ฮ่าๆ""ฮ่าๆ มึงลืมไปหรือเปล่าวะว่านี่ใคร 'เก้าฟันดะ' นะเว้ย ฉายานี้ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย จนตอนนี้ก็ยังใช้ได้อยู่ ถ้าไม่แน่จริงคงไม่อยู่มาจนถึงวันนี้หรอก""กูว่ามึงอย่าหาเรื่องใส่ตัวเลยว่ะ จะมีไปทำไมวะฟงแฟน สู้อยู่โสดๆคนเดียวเฟี้ยวกว่าเยอะ อยากฟัดกับใครตอนไหนก็ได้ เลิกคิดเสียเถอะพงพลอยอะไรนั่นน่ะ""ไม่ได้!!ไม่ใช่หรอก กูว่ายัยนั่นไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย หน้า
ภายในร้านเมื่อเดินเข้ามา พลอยนภัสเห็นกลุ่มชายหญิงยืนนั่งกันเป็นกลุ่มๆ เสียงเพลงในงานดังกระหึ่มจนต้องกระซิบคุยกันจึงจะได้ยิน วันนี้ผับทั้งผับปิดต้อนรับเฉพาะกลุ่มเพื่อนที่ได้รับเชิญเท่านั้น พลอยนภัสเลือกหยิบเครื่องดื่มที่เป็นค็อกเทลแบบบางๆมาจิบเพื่อที่ว่าตนเองนั้นจะได้อยู่ได้นานๆโดยไม่เมาไปเสียก่อนธาวินพาเธอและข้าวฟ่างเดินผ่านกลุ่มเพื่อนๆเขาไป หลายคนมองมาด้วยสายตายิ้มๆ คงเพราะเห็นว่าชายหนุ่มเลือกที่จะเอามือมาประครองไว้ที่เอวเธอกรายๆ คืนนี้พลอยนภัสใส่เดรสยีนต์สั้นสีเข้มขึ้นมาเหนือเข่า ด้านบนเป็นเกาะอกแต่มีสายเดี่ยวเส้นเล็กๆพาดอยู่ที่ไหล่ข้างละเส้น ผมยาวสลวยถูกดัดเป็นลอนและปล่อยทิ้งตัวให้ยาวลงมาดูละมุนตายิ่งนัก "คืนนี้น้องพลอยแต่งตัวน่ารักมากๆเลยนะครับ" ธาวินเอ่ยชม แต่ข้างๆก็ยังมีข้าวฟ่างคอยกระแนะกระแหนด้วยความหมั่นไส้อยู่เป็นพักๆ"หมั่นไส้ๆๆๆ เบื่อพวกคนคลั่งรักจริงๆเลย ไหนดูสิว่ามีเพื่อนพี่วินคนไหนหล่อๆบ้าง""พี่เห็นเราเล็งเพื่อนพี่มาหลายคนหลายครั้งหลายหนแล้วนะฟ่าง นี่ยังไม่มีใครถูกตาต้องใจเราอีกหรอ" ธาวินเอ่ยแซวเธอบ้างเมื่อเห็นว่าได้จังหวะ"ยังเลยค่ะ ที่เห็นก็มีแต่งั้นๆ ฟ่างอยากได้หุ่
"เธอไม่เป็นอะไรนะ"กลวัชรเอื้อมมือไปบีบมือเล็กไว้หลังจากขับรถออกมาได้สักแล้ว พลอยนภัสยังคงนั่งเงียบมาตลอดทางไม่ยอมพูดจาอะไรกับเขาอีกจนกลวัชรเห็นว่าเธอและเขาจำเป็นจะต้องคุยกัน"เป็นอะไรหรือเปล่า" กลวัชรถามขึ้นหลังจากหาที่เขาหาที่จอดข้างทางเพื่อจะได้คุยกันกับเธอ"ระหว่างเรามันคืออะไรคะพี่เก้า" พลอยนภัสถามออกไปตรงๆ ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาเพื่อรอฟังคำตอบ"แล้วที่ฉันอยู่กับเธอทุกวันแบบนี้เธอยังไม่รู้อีกหรอว่าระหว่างเรามันคืออะไร" กลวัชรถามย้อนออกไปแต่ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กก็ยังไม่ได้พอใจในคำตอบ"พลอยต้องการคำตอบค่ะ ต้องการความชัดเจน ถ้าหากว่าพี่เก้าไม่ได้คิดว่าระหว่างเรามันมีอะไรมากกว่าแค่เซ็กซ์ พี่เก้าก็ช่วยหยุดมายุ่งเกี่ยวกับพลอยเถอะค่ะ พลอยไม่อยากโดนใครมาด่าว่าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายของคนอื่นอีก" พลอยนภัสพูดออกไปด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังจนกลวัชรเองก็รู้สึกหวั่นๆใจกับท่าทีของคนตรงหน้า"ถ้าเป็นเรื่องของลลิตาฉันขอโทษนะ ทีหลังฉันจะไม่ให้ใครมาว่าเธอได้แบบนี้อีก" "ทีหลัง? นี่หมายความว่ายังจะมีใครที่นอกเหนือจากคุณลลิตาอีกอย่างนั้นหรอคะ""ไม่มีๆ ไม่มีแล้วฉันสัญญา" พูดจบพลอยนภัสก็ถู
ยิ่งเห็นพลอยนภัสและไรอันเดินเข้ามาใกล้ๆจนมาหยุดอยู่ที่หน้าเวทีกลวัชรก็ยิ่งหมั่นไส้ เพราะตอนที่ซ้อมกันไรอันไม่จำเป็นต้องเอามือไปโอบที่รอบเอวของพลอยนภัสเลย มีเพียงแค่ให้พลอยนภัสคล้องแขนไรอันไว้หลวมๆเท่านั้น แต่ตอนนี้หมอนั่นกำลังเล่นนอกบท แถมยังคงจะกวนโอ๊ยเขาด้วยการหันมายิ้มแล้วยักคิ้วให้จนกลวัชรเส้นประสาทดีดดังเปรี๊ยะๆ'รอให้จบงานก่อนเถอะน่าไอ้ฝรั่ง พ่อจะเบิ้ดกะโหลกให้ลั่นเลย' กลวัชรแอบคาดโทษไรอันไว้ในใจหลังจากจบงานกลวัชรบอกให้มารดาและพี่สาวของตนเองนั้นกลับก่อนได้เลย โดยเขาได้โทรไปตามคนขับรถของที่บ้านให้มารอรับ ส่วนพลอยนภัสนั้นตนจะเป็นคนรอรับเอง ขอให้มารดาและพี่สาวไม่ต้องเป็นห่วง ซึ่งทั้งคุณสุนันทาและชานิดาเองก็รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของกลวัชรเช่นกัน"พักหลังๆมานี้ตาเก้าของคุณแม่เลิกเกลียดยัยพลอยแล้วหรอคะ" ชานิดาเอ่ยถามมารดาในขณะที่เดินออกไปขึ้นรถ"แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันลูก แต่ก็ดีแล้วล่ะถ้าเก้าจะเลิกทำตัวไม่ดีใส่น้องแล้วหันมารักมาดูแลน้องน่ะ""หันมารักมาดูแล คุณแม่ว่าตาเก้าจะหันมารักมาดูแลยัยพลอยแบบไหนหรอคะ" "ก็แบบพี่น้องกันยังไงล่ะลูก มีกันอยู่เท่านี้""แล้วถ้าเกิดว่าตาเก้ากับยัยพลอยไม่ไ