แชร์

ข้าขอเลือกเอง

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-08 12:47:19

1

ข้าขอเลือกเอง

ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยามฮ่องเต้เสด็จมายังอุทยานเพื่อเข้าร่วมงานชมโคมไฟ เนื่องจากบ้านเมืองอยู่ในยามสงบ องค์จักรพรรดิจึงให้จัดงานเฉลิมฉลองให้ราษฎรได้ผ่อนคลาย และให้องค์ชายได้ทำความรู้จักกับบรรดาคุณหนูสูงศักดิ์จากหลากหลายตระกูล

“ถวายบังคมฮ่องเต้/กุ้ยเฟย” ทั้งคุณหนู คุณชาย เชื้อพระวงศ์ต่างพากันทำความเคารพเจ้าครองแคว้นที่เพิ่งเสด็จมา องค์จักรพรรดิในวัยกลางคนส่งยิ้ม โบกมือให้ทั้งหมดทำตัวตามสบาย กระทั่งพระองค์เดินไปนั่ง

“ขอบพระทัย” ทุกคนพากันขยับไปนั่งเมื่อพระองค์ทรงอนุญาต

“เรามาดูครู่เดียวก็จะกลับแล้ว พวกเจ้าตามสบาย”

“เซียวกงกงเริ่มงานเถิด ข้าอยากเห็นนักว่าผู้ใดจะวาดโคมได้งดงามที่สุด” ฮ่องเต้กล่าวจบ ฮองเฮาจึงหันไปสั่งให้เซียวกงกงเริ่มการวาดโคมรูปลงบนโคมกระดาษ ผู้ตัดสินย่อมเป็นฮ่องเต้และกุ้ยเฟย ฮ่องเฮาของแคว้นสิ้นพระชนม์ไปเมื่อสองปีก่อน เนื่องจากตรอมใจที่บุตรชายป่วยตายไปเมื่อสามปีก่อน บัดนี้ตำแหน่งฮ่องเฮาจึงยังว่างอยู่

ว่ากันว่าหากองค์ชายองค์ใดได้ขึ้นเป็นไท่จื่อพระมารดาจะถูกแต่งตั้งเป็นฮ่องเฮาเช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่มีงานรื่นเริงฮ่องเต้จะทรงพาหวงกุ้ยเฟยและกุ้ยเฟยมาร่วมกัน เพียงแต่วันนี้หวงกุ้ยเฟยประชวร ทำให้มีเพียงฮ่องเต้กับกุ้ยเฟยเท่านั้น 

“เชิญท่านหญิง คุณหนู คุณชายที่อยากร่วมวาดภาพแจ้งแก่นางกำนัลข้างกายได้เลย” เซียวกงกงว่าจบบรรดาผู้ที่อยากร่วมแข่งขันก็หันไปสั่งนางกำนัลให้เตรียมหมึก พู่กัน โคมกระดาษ

ผู้ร่วมงานชมโคมไฟจำนวนมากแต่ผู้ที่อยากลงแข่งมีไม่มากนัก ของถูกเตรียมอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงหนึ่งเค่อ บรรดาผู้ร่วมแข่งก็ได้เริ่มวาดหมึกลงบนโคมกระดาษ ในอุทยานมีการร่ายรำของสาวงามให้ชมระหว่างรอการวาดโคมเสร็จสิ้น

ผู้ร่วมแข่งวาดภาพในวันนี้มีเพียงหกคนเท่านั้น ทุกคนล้วนเป็นสตรี ไม่มีบุรุษร่วมลงแข่งเลย เพียงแต่นั่งมอง ยืนมองกันในที่ของตนเท่านั้น

เวลาครึ่งชั่วยามผ่านไป โคมกระดาษก็ถูกนางกำนัลทั้งหกยืนถือไว้ตรงหน้าให้องค์ฮ่องเต้ได้ทอดพระเนตร ภาพทุกภาพบนโคมล้วนแต่งดงามวิจิตรทั้งสิ้น ภาพทุกภาพล้วนวาดเป็นดอกเหมยทั้งสิ้น มีเพียงหนึ่งในหกภาพเท่านั้นที่ต่างจากภาพอื่น

“โคมดวงที่สามเป็นของผู้ใด” องค์จักพรรดิทรงตรัสถามเมื่อได้ทอดพระเนตรโคมทุกดวงแล้ว นางกำนัลที่ถือโคมกระดาษอยู่ค้อมตัวให้องค์จักรพรรดิจากนั้นหันกลับไปชูโคมให้เจ้าของดูว่าเป็นโคมของผู้ใด

“หม่อมฉันเพคะ” ต่งซูเหวินลุกยืนค้อมตัวลงเล็กน้อย ตอบองค์จักรพรรดิด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เมื่อเห็นว่าเป็นโคมของผู้ใดฮ่องเต้ก็ทรงแย้มพระโอษฐ์พร้อมพยักหน้าเล็กน้อย

“ที่แท้ก็เป็นเจ้า งดงามนัก ผู้อื่นล้วนวาดดอกเหมยเหตุใดเจ้าจึงวาดไม่เหมือนผู้อื่น ภาพนี้มีความหมายอย่างไร” ผู้อื่นล้วนวาดทิวทัศน์ในยามนี้ แม้ไม่เหมือนกันทั้งหมดก็คล้ายกันแปดในสิบส่วน

ภาพดวงตะวันกลมโต ส่องแสงให้ผู้คน ต้นไม้ แม้แต่สัตว์เล็กสัตว์น้อย ภาพของนางจึงสะดุดตามากกว่าทุกภาพ

“ภาพของหม่อนฉันมีความหมายถึงพระองค์เพคะ”

“ข้าหรือ เหตุใดข้าจึงเป็นข้า” องค์จักรพรรดิถามอย่างสงสัย สีหน้าตั้งอกตั้งใจ รอฟังคำตอบของนาง

“พระองค์คือดวงตะวันเพียงหนึ่ง แม้ในยามหนาวเหน็บก็มอบความอบอุ่นให้ ในยามมืดมนก็มอบแสงสว่าง พระองค์ทรงเป็นทุกอย่างให้ราษฎรหากมีพระองค์บ้านเมืองย่อมสงบสุขรุ่งเรืองเพคะ ราษฎรเช่นเราหวังเพียงให้ดวงตะวันอยู่บนฟ้ามอบแสงสว่างและความอบอุ่นให้บ้านเมืองไปแสนนาน” นางกล่าวจบก็ประสานมือ ค้อมตัวรับให้พระองค์

“ดี ดีมาก เราชอบ ไม่เสียแรงที่เป็นคนสกุลต่ง” ฮ่องเต้ทรงสรวลเสียงดัง ชอบใจความหมายภาพวาดของนางยิ่งนัก เพราะมันไม่ได้มีเพียงความหมายที่ดี แต่กลับวิจิตรงดงามทั้งที่ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น

“ขอบพระทัยเพคะ”

“เจ้าเห็นด้วยหรือไม่กุ้ยเฟย”

“เพคะ ฝ่าบาทงดงามและมีความหมายยิ่งนัก เห็นทีคงไม่ต้องประกาศผู้ชนะแล้วกระมัง” กุ้ยเฟยกล่าวเสียงอ่อนโยน พลางเทสุราใส่จอกให้ฮ่องเต้

“เช่นนั้นก็ดี เจ้าต้องการสิ่งใดบอกมาเถิด”

“ซูเหวิน ขอบังอาจทูลฝ่าบาท เนื่องจากซูเหวินขาดมารดาแต่เด็กไม่มีผู้ใดคอยดูแลเรื่องออกเรือน จึงอยากทูลขอพระองค์ทรงอนุญาต เรื่องการออกเรือนขอให้ซูเหวินสามารถควบคุมได้ด้วยตนเอง ผู้อื่นไม่สามารถบังคับได้” หลังจากนางกล่าวจบทั้งอุทยานเงียบสงัดไม่มีเสียงผู้ใดเอ่ยออกมา กระทั่งเสียงเครื่องดนตรีก็หยุดบรรเลงเช่นกัน เรื่องนี้ไม่เคยมีผู้ใดกล้ากราบทูลมาก่อน บุรุษหลายคนต่างจ้องมองนางด้วยท่าทีตกใจ แต่ก็มีบุรุษถึงสามคนมองนางด้วยท่าทีชื่นชม

“ได้ เราอนุญาต เจ้าเป็นบุตรสาวแม่ทัพต่ง ท่านตาและมารดาเจ้าช่วยเรากอบกู้บ้านเมืองจนต้องสิ้นชีพไป หากเจ้าไม่มีความสุขเราก็ยากสงบใจ ขอเพียงเจ้าต้องการหากขาดเหลือสิ่งใดบอกข้า ถือเสียว่าข้าเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง” หนึ่งในผู้ที่ชื่นชมนางก็คือองค์จักรพรรดิ ด้วยความเป็นคนจิตใจสูงส่ง มีคุณธรรม พระองค์จึงมีจิตคิดถึงสกุลต่งอยู่เสมอ เป็นไปได้ก็อยากให้นางได้อภิเษกกับองค์ชายสักองค์

แต่ก็ยังนึกถึงความสุขของนางเลยมิอาจบังคับนางได้...

“ซูเหวินขอบพระทัยฝ่าบาท”

“หรือเจ้าถูกใจบุรุษคนใด ข้าจะเป็นธุระให้เอง”

“ยังเพคะ ซูเหวินเพียงกลัวว่าวันข้างหน้าอาจได้ออกเรือนกับผู้ที่ไม่ได้รักชอบกันเท่านั้น” นางรู้ว่าพระองค์ทรงรักใคร่เอ็นดูนางไม่ต่างจากหลานแท้ ๆ แต่สามชาติก่อนเป็นนางที่ดึงดันอยากเป็นชายารองเอง

“เอาเถิด ทุกท่านเชิญดื่มกินกันให้เต็มที่”

หลังจากฮ่องเต้ทรงไปจากอุทยานจัดเลี้ยง บรรดาผู้ร่วมงานก็ทยอยกันกลับ บางคนยังนั่งดูการร่ายรำ ร่ำสุรา ส่วนซูเหวินพอฮ่องเต้กลับ นางก็ตั้งใจปลีกตัวออกไปเช่นเดียวกัน

“ท่านหญิง จะกลับแล้วหรือ” ซูเหวินเดินตามนางกำนัลออกจากอุทยาน ตั้งใจจะกลับจวน มัวแต่มองพื้นที่โคมไฟส่องจนไม่ได้มองว่าผู้ใดยืนขวางทางอยู่ นางค่อย ๆ เงยหน้ามองภาวนาในใจอย่าให้เป็นองค์ชายสี่ผู้นั้นเด็ดขาด

“องค์ชายสามนี่เอง ถวายบังคมองค์ชายสาม” ซูเหวินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นกล่าวทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม พอรู้ว่าไม่ใช่องค์ชายหนิงจินก็รีบยิ้มให้อย่างเป็นมิตรทันที

“เหตุใดจึงมีท่าทีโล่งอกเช่นนั้น คิดว่าข้าเป็นผีสางหรือ” องค์ชายถามด้วยรอยยิ้มขบขัน จนนางเองหลุดหัวเราะออกมาเช่นกัน

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร องค์ชายมีสิ่งใดจะรับสั่งหรือไม่เพคะ”

“ไม่มี”

“เช่นนั้นซูเหวินขอตัว” แม้จะสงสัยแต่นางไม่อยากกล่าวถาม นางไม่ควรอยู่พูดคุยกับผู้ใดทั้งสิ้น กล่าวลาเสร็จก็เดินอ้อมไปอีกด้าน ไม่ได้มองด้วยซ้ำว่าองค์ชายเดินมากับผู้ใด เห็นเพียงผ่าน ๆ ก็รู้ว่าคนผู้นี้ผิวขาวนวลยิ่งนัก ยามนี้ไม่เหมาะแก่การอยู่ลำพังกับองค์ชายองค์ใดทั้งสิ้น นางจึงรีบปลีกตัวออกมาเสียก่อน

ในที่สุดวันนี้นางก็ไม่ได้อยู่ตามลำพังกับองค์ชายหนิงจิน ถือว่านางแก้ไขวันนี้ได้อย่างดี...

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   เพลงนี้เพราะนัก

    2เพลงนี้เพราะนักหญิงสาวนั่งเขียนลำดับเหตุการณ์ในอดีต เพื่อดูว่าตนเองจะสามารถแก้ไขสิ่งใดได้อีก โดยไม่ลืมว่านางจะแก้แค้นคนผู้นั้นให้ได้ ถึงพวกนั้นจะไม่รับรู้ว่าเคยทำสิ่งใดบ้าง แต่ทุกสิ่งนั้นนางสัมผัสมาด้วยตนเองทั้งสิ้นอย่างไรก็ต้องเอาคืนเดิมคิดว่าตนเองอาจต้องเริ่มฝึกวรยุทธ์ วิชาดาบเสียบ้างแต่ผ่านมาหลายปีแล้ว มาฝึกยามนี้เกรงว่าคงไม่ไหว จึงคิดหาองครักษ์เสียยังดีกว่าจริงอยู่ที่ตระกูลนางเป็นตระกูลนักรบแต่มารดาไม่อยากให้นางมีจุดจบเช่นตนเอง จึงไม่ยอมให้บุตรสาวฝึกยุทธ์ หลังจากมารดาสิ้นบิดาจึงขึ้นเป็นเจ้าบ้าน บิดานางแต่งเข้าสกุลต่งสองสามปีหลังมารดาตายก็ให้อนุภรรยาขึ้นเป็นฮูหยิน และบิดานางก็หลงมารดาเลี้ยงผู้นี้เสียยิ่งกว่าสิ่งใด ทำให้นางที่ไม่มีผู้สนับสนุนได้แต่ทนถูกรังแกมาตลอดหลายชาติที่ผ่านมา แต่ไม่ใช่ยามนี้ มารดานางมิใช่สตรีอ่อนหวานยามไปรบจึงให้สามีมีอนุภรรยาคอยดูแล“คุณหนู หงอิงให้พ่อบ้านติดประกาศแล้วเจ้าค่ะ ยามอู่คุณหนูจะไปดูหรือไม่เจ้าคะ” สาวใช้ถาม ขณะผู้เป็นนายกำลังนั่งจรดหมึกลงบนกระดาษผ้า นางกำลังใช้ความคิดอย่างหนักในการคัดเลือกองครักษ์ ผู้มีฝีมือหาไม่ยากนักเช่นนั้นนางจึงอยากให้องคร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   องครักษ์คนใหม่

    3องครักษ์คนใหม่หญิงสาวพาหลันอันฉีเดินตามไปทางโต๊ะหินอ่อนใกล้ลานประลอง ต้นเฟิงต้นใหญ่เริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวเหลืองเป็นสีแดง เมื่ออากาศเริ่มเย็นลง ทั่วทั้งจวนสกุลต่งมีแค่ลานประลองนี้เท่านั้นที่มีต้นเฟิงอยู่ แม้จะเป็นช่วงที่ใบกำลังเปลี่ยนสีแต่บนพื้นกลับไม่มีใบเฟิงอยู่เลยบ่งบอกว่าลานประลองแห่งนี้ถูกดูแลเป็นอย่างดี ไม่ว่านางจะถูกกลั่นแกล้งจากแม่เลี้ยงเท่าใด แต่ลานนี้ไม่เคยถูกละเลย เพราะลานประลองแห่งนี้เป็นความทรงจำของมารดานาง“ท่านหญิงมีสิ่งใดจะสั่งข้าหรือ” หลันอันฉีถามเสียงเข้ม ไม่มีได้ก้าวร้าวรุนแรง เพียงเป็นเอกลักษณ์ของบุรุษเท่านั้น พ่อบ้านพยักหน้าให้หลังจากท่านหญิงต่งมองหน้าครู่เดียว เขาเดินปลีกตัวออกไปปล่อยให้นางได้บอกกล่าวคำสั่งแค่ผู้ติดตามคนใหม่“ข้ามิได้ต้องการองครักษ์เก่งกาจเท่านั้น แต่ข้ายังอยากได้องครักษ์ฉลาดเฉลียวอีกด้วย และเจ้าเป็นผู้เดียวที่เอ่ยทักทำนองฉินของข้า เหตุใดจึงทักเพลงฉินแทนที่จะถามหัวข้อการประลองต่อไปเล่า” ต่งซูเหวินถามเสร็จก็นั่งลงบนหินอ่อนสีเดียวกับหยก รอฟังคำตอบจากหลันอันฉี“นี่ลานประลอง คงไม่มีผู้ใดนำเครื่องดนตรีมาเล่นที่นี่หากไม่มีเหตุผล เช่นนั้นข้าจึงรู้สึก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   เหตุใดจึงช่วยข้า

    4เหตุใดจึงช่วยข้า“องค์หญิง ออกมาเช่นนี้ไม่กลัวเป็นอันตรายหรือเจ้าคะ” หญิงสาวข้างกายถามขึ้นเมื่อองค์หญิงปลอมตัวเป็นบุรุษหนีออกจากวังมาเที่ยว แม้จะเดินห้ามอยู่ข้างกายตลอดแต่นางเป้นบ่าวจะขัดใจผู้เป็นนายได้อย่างไรองค์หญิงหนิงเอ๋อบุตรสาวคนเล็กของฮ่องเต้หนิงหวง พระองค์ทรงรักและตามใจนางมาก เนื่องจากเป็นบุตรสาวที่เกิดจากกุ้ยเหรินคนโปรดเช่นเดียวกับองค์ชายสาม นางมักแอบหนีออกไปเที่ยวนอกวังบ่อย ๆ ยิ่งเป็นลูกคนเล็กถูกตามใจมากไม่มีผู้ใดให้พูดคุยหยอกล้อ ย่อมต้องเบื่อหน่ายเป็นธรรมดา“ข้าหนีออกมาตั้งกี่ครั้งแล้ว เคยถูกจับได้หรืออย่างไร ถึงถูกจับได้แล้วผู้ใดจะเอาโทษข้าเล่า”“โถ่ องค์หญิง”“ไปเถอะอย่ามัวพูดมากเสี่ยวเหมย ไม่เช่นนั้นข้าจะหนีไปเอง” เสี่ยวเหมยจำต้องปิดปากเงียบแล้ววิ่งตามองค์หญิงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำได้เพียงไหว้พระพุทธองค์ในใจให้ปกปักษ์องค์หญิงของนางเท่านั้นตลาดผู้คนค่อนข้างพลุกพล่านองค์หญิงหนิงเอ๋อเดินไปตามทางในตรอก ข้างนอกแม้อาหารไม่ดูดีเท่าในวัง แต่บางอย่างกลับเลิศรสจนนางเอกยังตกใจ เหตุใดจึงไม่เคยกินมาก่อนเพราะเหตุนี้นางมักแอบออกมาสอดส่องดูว่าภายนอกมีชีวิตกันอย่างไร“เสี่ยวเหมยเจ้าดู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   โชคชะตาลิขิต

    5โชคชะตาลิขิต“ข้าเคารพรองแม่ทัพต่งมานาน ได้เห็นว่าเจ้าเป็นบุตรสาวของนางจึงมีความคิดอยากจุดธูปไหว้นางหน่อยได้หรือไม่” ซูเหวินมองหน้าผู้พูดด้วยความงุนงง เหตุใดนางจึงกล่าวพิกลเช่นนี้ มีผู้ใดกันเดินเข้าบ้านผู้อื่นขอไหว้ผู้ล่วงลับ พอเห็นผู้เป็นนายเดินมาองครักษ์ก็หลบไปอยู่ข้างประตูหลีกทางให้ผู้เป็นเจ้านาย“เจ้าเป็นผู้ใด เหตุใดมาโหวกเหวกหน้าจวนผู้อื่นเช่นนี้ แปลกยิ่งนัก”“ข้าองค์หญิงหนิงเอ๋อ”“ข้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเจ้าเป็นองค์หญิง” ซูเหวินกล่าวขณะเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าสตรีที่แสร้งปลอมตัวเป็นชาย มองนางอย่างชั่งใจแปดในสิบส่วนเชื่อไปแล้วว่านางเป็นองค์หญิง คิดว่าหากนางตั้งใจหลอกจริงคงไม่กล้ามาถึงจวนเช่นนี้“หน้าข้าเจ้าคงไม่เคยเห็น แต่คงรู้จักป้ายหยกตระกูลไป๋นี่ใช่หรือไม่” สตรีอายุน้อยกว่ายื่นป้ายหยกขาวสลักคำว่าไป๋ ดูก็รู้ว่าเป็นของในวังอย่างแน่นอน แต่นางกลับคิดว่าแปลกอยู่ดี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   สหายสนิทคนใหม่

    6สหายสนิทคนใหม่ภาพตรงหน้างดงามนัก ไม่คิดเช่นกันว่าจะได้มาเห็นภาพนี้พอดี ไม่รู้ว่าต้องขอบคุณหรือโมโหเด็กสาวผู้นั้นดีที่ชอบหนีหายไปตลอด“นั่นเพคะองค์ชาย องค์หญิงอยู่ตรงนั้น” เสี่ยวเหมยสาวใช้คนสนิทกล่าวพลางชี้ไปยังโต๊ะหินอ่อนตรงลานประลอง นางก้าวเท้าหมายจะเดินเข้าไปหาแต่ถูกชายหนุ่มผู้นั้นห้ามไว้เสียก่อน“เดี๋ยว รอก่อน”“เพคะ องค์ชาย” เสี่ยวเหมยตอบรับแล้วขยับไปยืนด้านหลัง ปล่อยให้องค์ชายหนิงอวี่หรือองคืชายสามยืนมองอยู่เช่นนั้นเกือบทุกวันองค์ชายต้องออกมาตามน้องสาวกลับวังเช่นนี้ ทั้งฮ่องเต้ทั้งพระสนมต่างพากันตามใจนาง น้องสาวจึงค่อนข้างเอาแต่ใจตนเอง แม้ไม่ได้ทำให้ผู้ใดเดือดร้อนแต่นางชอบหาเรื่องให้ตนเองลำบากอยู่บ่อยครั้งหลังยามเว่ยหากนางไม่อยู่ในวังเขาจะรีบออกตามหา เพื่อไม่ให้นางสร้างเรื่องให้ตนเองลำบาก แต่วันนี้ดียิ่งนักนางมิได้สร้างเรื่องให้ตนเอง กลับทำเรื่องดี ๆ ให้ผู้เป็นพี่ชายเช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   ผู้ที่อยู่ในใจ

    7ผู้ที่อยู่ในใจ“อีกหนึ่งเดือนจะเป็นงานฉลองวันเกิดท่านแม่ ข้าขอให้นางมาสอนรำกระบี่ดีหรือไม่ นางจะได้เข้าวังบ่อย ๆ เสด็จจะได้ไปทำความรู้จักกับนางไม่ต้องคิดข้ออ้างมากมาย เพียงมาหาน้องท่านพี่ก็จะเจอนาง” องค์หญิงหนิงเอ๋อบอกผู้เป็นพี่ด้วยน้ำเสียงสดใส แววตาเปล่งประกาย ตามประสาผู้ไม่เคยมีความรักชอบผู้ใด องค์ชายหนิงอวี่ก็มีความเห็นเอนเอียงไปตามคำบอกเล่าของน้องสาว ติดเพียงอย่างเดียว...“นี่เจ้าอยากช่วยพี่หรืออยากเรียนวิชารองแม่ทัพต่งกันแน่”“โถ่ เสด็จพี่ถึงอย่างไรเสียก็ช่วยท่านได้ ให้ข้าได้ประโยชน์บ้างจะเป็นไร” ผู้เป็นน้องสาวตอบอย่างเขินอาย หัวเราะเบา ๆ ให้ชายตรงหน้า นางอยากเรียนก็จริง แต่ไปขอให้นางสอนที่จวนก็ได้นี่นางอยากช่วยพี่ชาย จึงคิดว่าไปขอให้สหายมาช่วยสอนในวังดีกว่า“ได้ ๆ น้องพี่ว่าอย่างไรก็ดีทั้งนั้น แต่หากพรุ่งนี้จะออกไปให้องครักษ์ไปด้วยรู้หรือไม่”“หนิงเอ๋อต้องไปพรุ่งน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   ใบหน้าที่เสแสร้ง

    8ใบหน้าที่เสแสร้ง“คุณหนูซูเหวิน มีคนมาหาเจ้าค่ะ” บ่าวในจวนมาแจ้งนางที่ห้อง ซูเหวินลุกจากโต๊ะเขียนหนังสือเดินไปเปิดประตูห้อง ถามสาวใช้ว่าผู้ใดกันที่มาแต่เช้าเช่นนี้“ใครกันมาแต่เช้าเช่นนี้”“องค์หญิงเจ้าค่ะคุณหนู” สาวใช้กล่าวน้ำเสียงร้อนรน เกรงว่าให้สูงศักดิ์รอนานจะไม่ดีนัก ซูเหวินขมวดคิ้วแล้วตามสาวใช้ออกไปทันที ไม่รู้ว่าเหตุใดองค์หญิงจึงมาหานางแต่เช้า คงไม่มาเคารพป้ายวิญญาณมารดานางหรอกกระมัง ระหว่างเดินก็คิดไปสารพัดอย่าง“ถวายบังคมองค์หญิง”“ไม่ต้องมากพิธี รีบมานั่งเถอะข้ามีเรื่องอยากให้เจ้าช่วย”“หม่อมฉันหรือเพคะ คนทั่วไปอย่างหม่อมฉันจะช่วยสิ่งใดองค์หญิงได้กัน” นางถามอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าว่าใจองค์หญิงผู้มีทุกสิ่งในใต้หล้าอยู่ในมือจะให้นางช่วยสิ่งใดได้ องค์หญิงหนิงเอ๋อราวกับรู้ว่านางคิดสิ่งใดจึงเริ่มพูดต่อ“อีกหนึ่งเดือนจะเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   หน้าที่คือต้องปกป้อง

    9หน้าที่คือต้องปกป้องหลังกลับจากเรือนฝั่งขวาต่งซุเหวินก็เดินกลับไปที่เรือนฝั่งซ้ายซึ่งเป็นเรือนของตนเอง ท่าทีสบายใจ อารมณ์ดียิ่งนัก หลายชาติก่อนนางไม่เคยเถียงหรือมีท่าทีเช่นกับผู้อื่นมาก่อน พอได้ลองแล้วรู้สึกดีไม่น้อย เช่นนี้นี่เองสองแม่ลูกนั่นจึงมักมาหาเรื่องนางอยู่บ่ายครั้งและที่สำคัญยามนี้นางมีคนคอยดูแลปกป้อง มันทำให้นางยิ่งสบายใจมากขึ้นไปอีก ตัวนางเองไม่มีกำลังจะไปสู้กับใครมีเพียงมันสมองเท่านั้น พอได้หลันอันฉีมาราวกับมีมือมีเท้าเพิ่ม โชคดีเสียจริงที่เลือกเขามา“อันฉี”“ขอรับคุณหนู” ชายหนุ่มรีบเดินเร็วมายืนขนาบข้างกายนางเพื่อรอฟังคำสั่ง นางมองหน้าเขาอยู่สักพักจึงยิ้มออกมา รอยยิ้มงดงามสดใสทำให้คนที่มองใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา“เจ้าไม่สบายหรือเหตุใดหน้าจึงแดงเช่นนนี้” นางยกมือขึ้นแตะหน้าผากองครักษ์ตรงหน้า ด้วยความตกใจอันฉีก้าวถอยหลังทันทีที่ฝ่ามือเล็กแตะลงบนหน้าผากตน“ข้าไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18

บทล่าสุด

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   มีเพียงท่าน [จบ]

    45มีเพียงท่านเช้ามาทั่วทั้งเมืองต่างมีข่าวว่าตระกูลหลานของเสนาบดีเลี้ยงต้อนรับบุตรชายคนเล็ก และยังมีข่าวงานหมั้นหมายของบุตรชายกับหญิงสาวตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลหนึ่ง“หงอิงให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะไปตระกูลหลาน”“เจ้าค่ะคุณหนู”“ไหนบอกว่ารักข้า ยอมปลิดชีพตนตามมาเพื่อดูแล แต่เสร็จเรื่องแล้วจะไปแต่งผู้อื่นแบบนี้ได้อย่างไรกัน หลันอันฉีเจ้าใจร้ายยิ่งนัก” นางบ่นพึมพำขณะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์อยู่ลำพัง เดิมทีวันนี้ตั้งใจจะไปถามเขาให้รู้เรื่องว่าเหตุใดจึงหนีนางไปเช่นนี้ แต่เช้านี้กลับได้ยินบ่าวในเรือนพูดคุยกัน บุตรชายคนเล็กของเสนาบดีขวากลับมาและที่จวนหลานกำลังจะมีงานมงคลครึ่งชั่วยามรถม้าจากจวนต่งก็มาถึงหน้าจวนหลาน ผู้คนหน้าจวนมิได้มีผู้คนมากมายนัก อาจเพราะทั่วเมืองกำลังไว้ทุกข์ให้หวงกุ้ยเฟยที่สิ้นพระชนม์ งดเว้นงานรื่นเริงสังสรรค์ งดเว้นการจัดการงานสมรส ที่จวนหลานเพียงเชิญสหายสนิทมากินอาหารและพูดคุยเรื่องแต

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   ในใจมีผู้ใด

    44ในใจมีผู้ใด“องค์ชายสี่เชิญนั่งเพคะ” เมื่อไท่จื่อเดินออกไป องค์ชายสี่ก็เดินเข้ามา เขาเองก็คงมาด้วยเหตุผลเดียวกับไท่จื่อ หลิงซือฝูเองก็เช่นเดียวกัน เหตุใดชาติก่อนนางจึงไม่มีผู้คนมารักมากมายเพียงนี้บ้าง“ท่านหญิงคงรู้แล้วว่าข้ามาด้วยเหตุใด”“พอรู้เพคะ แต่...”“ท่านหญิงฟังข้าให้จบก่อนได้หรือไม่” นางไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าแทนคำตอบ จากนั้นนั่งเงียบให้เขาได้พูดเรื่องราวต่าง ๆ ให้จบสิ้นไม่ติดค้างในใจก่อน“ในใจข้ามีท่านหญิงมาตั้งแต่เราได้รู้จักกันในคราแรกแล้วยิ่งรู้สึกชื่นชมเมื่อได้รู้จักท่านมากขึ้น ช่วงเวลาที่ท่านกับน้องหญิงมาที่สำนักศึกษาข้าดีใจยิ่งนักที่ได้เห็นท่านทุกวัน”“...”“แต่เมื่อได้รู้ว่ามารดาทำสิ่งใดลงไปบ้าง ข้าจึงเริ่มรู้สึกว่าท่านรู้บางสิ่งที่ข้าไม่รู้ จนได้รู้ว่าเสด็จแม่เป็นหนึ่งในผู้ที่ส่งคนมาทำร้ายท่าน ยามนั้นข้าได้รู

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   ผู้ทำผิดถูกลงโทษ

    43ผู้ทำผิดถูกลงโทษประกาศจากในวังให้มีการสอบรับเลือกขุนนางอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เพราะขุนนางจากตระกูลซูถูกลงโทษและถูกปลด องค์จักรพรรดิของแผ่นดินนี้ยังคงเป็นจักรพรรดิหนิงหวง องค์ชายสี่เกลี้ยกล่อมมารดาไม่สำเร็จจึงกราบทูลต่อบิดาด้วยความเสียใจถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ยินมาด้วยเห็นแก่บุตรชายฮ่องเต้จึงยังคงรักษาพระเกียรติของหวงกุ้ยเฟยเอาไว้ ทรงประทานเหล้าพิษและปล่อยข่าวไปว่าพระองค์ทรงป่วยจนสิ้นพระชนม์ มิได้บอกกล่าวแก่ผู้ใดว่าพระนางร่วมมือกับตระกูลซูก่อกบฎองค์ชายสามได้รับแต่งตั้งเป็นไท่จื่อ เพราะองค์ชายสี่ขอเป็นผู้คอยช่วยเหลือเคียงข้างพี่ชายเท่านั้น กุ้ยเฟยเองก็ถูกแต่งตั้งเป็นฮ่องเฮาหลังจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน ราชสำนักสั่นคลอนอย่างแท้จริง โชคดีที่ได้เสนาบดีขวาเป็นเสาหลักอยู่ จึงไม่มีจราจลใดในยามนี้ตระกูลซูถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ซูฉางเหอยอมรับความผิดทั้งหมดไว้เอง ซูชิงเยียนและหญิงสาวในตระกูลจึงถูกลงโทษเนรเทศไปยังเขตชายแดนที่หนาวเหน็บห้ามกลั

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   ข้าไม่รั้ง

    42ข้าไม่รั้งเพียงสามวันนางก็ได้ข่าวจากหลิงซือฝูว่าองค์ชายสี่ทรงกราบทูลต่อฮ่องเต้ หวงกุ้ยเฟยทรงสมคบคิดกับตระกูลซูคิดก่อการกบฎ เรื่องนี้ถูกสอบสวนอย่างหนักรวมไปถึงคดีสินบนของเหล่าขุนนาง กระทั่งคดีลอบทำร้ายท่านหญิงเจียวจ้านแห่งสกุลต่ง ทำให้เช้านี้ต่งซูหนี่ถูกพาตัวไปยังกรมอาญาเพื่อสอบสวนร่วมกันเช้านี้ต่งซูเหวินจึงมีสีหน้าสดชื่นกว่าก่อน หากในจวนไม่มีต่งซูหนี่เหมือนทุกวันคงดีนัก หลังอ่านจดหมายของหลิงซือฝูเสร็จนางไปเดินเล่นอยู่หน้าลานประลองชื่นชมลานประลอง และต้นเฟิงที่มารดารักยิ่ง ใบหน้างดงามประดับด้วยรอยยิ้มกว้างหลังจากนี้นางคงได้ใช้ชีวิตตนเองอย่างสงบสุขเสียที“เหตุใดเจ้าต้องทำกับน้องสาวตนเองถึงเพียงนี้” นางคงลืมไปชั่วครู่ว่าภายในจวนนี้ยังมีมารดาเลี้ยง และบิดาผู้ลำเอียงของนางอยู่ต่งซูเหวินถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับสองสามีภรรยาทางด้านหลัง นางรู้อยู่แล้วว่ามารดาเลี้ยงต้องมาหาเรื่องนางหากซูหนี่ถูกนำตัว

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   ถูกต้องหรือถูกใจ

    41ถูกต้องหรือถูกใจ“ถวายบังคมองค์ชาย องค์ชายท่านมาที่นี่ได้อย่างไร” ต่งซูเหวินถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ นางไม่คิดว่าจะได้เจอองค์ชายสี่ที่หน้าจวนในยามนี้ ท้องฟ้าเริ่มไร้แสงผู้คนเริ่มเก็บตัวอยู่ในบ้านเรือนตนเองเพราะอีกไม่นานตะวันจะลับฟ้าผู้ใดจะคิดเล่าว่าจะมีองค์ชายมายืนหน้าจวนตนเองพร้อมม้าอีกหนึ่งตัวเช่นนี้“ขออภัยท่านหญิงที่ข้าเสียมารยาทมาหาท่านในยามนี้ แต่ข้าไม่รู้ว่าจะพูดคุยเรื่องนี้กับผู้ใดได้อีกนอกจากท่าน ในหัวเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ท่านหญิงพูดเมื่อคราวก่อน”“องค์ชายทรงร้อนใจเช่นนี้ เชิญเถอะเพคะ” แม้นางจะหมดรักในตัวเขาตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว แต่ความห่วงใยนี้ก็คงมิอาจตัดได้หมด ฟังจากเรื่องราวทั้งหมดผู้ที่น่าเห็นใจนอกจากนางก็คือเขา เพราะนางเห็นใจครอบครัวจึงยอมแต่งเป็นพระชายารองอีกครั้ง ส่วนเขาเห็นใจมารดาจึงยอมทำผิดใหญ่หลวงบุตรต้องกตัญญูแต่หากว่าบิดามารดามิได้ใฝ่สิ่งดี บาปกรรมก็ล้วนตกอยู่ที่บุตรท

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   สาเหตุของการตาย

    40สาเหตุของการตาย“เจ้าเล่าให้ละเอียดหน่อย นี่เรื่องจริงหรือไม่” นางถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทั้งยังตกใจมากเมื่อคิดว่ามีผู้อื่นย้อนเวลามาเหมือนนางเช่นนี้ แล้วยังเป็นผู้ที่อยู่ข้างกายนางตลอด อีกทั้งยังปิดบังนางมาตลอดไม่เคยบอกสิ่งใดแก่นางแต่หากเขาได้ย้อนเวลากลับมานั่นหมายถึงเขาก็มีเรื่องอยากแก้ไข แล้วเรื่องนั้นคงต้องเกี่ยวกับนางไม่เช่นนั้นบุตรชายเสนาบดีอย่างเขา คงไม่ยอมมาลำบากอยู่ข้างนางเช่นนี้“หลายปีก่อนตอนรวมแผ่นดินข้ากับมารดาถูกจับเป็นเฉลย เพื่อให้ท่านพ่อยอมทรยศแต่ได้รองทัพต่งแอบลอบเข้าไปช่วยเหลือสุดท้ายหนีออกมาได้ ข้าและท่านแม่บาดเจ็บได้ท่านคอยดูแลตอนอยู่นอกแคว้น ข้าจำได้แม่นยำว่าคุณหนูจิตใจดีมากเพียงใด หลังจากช่วยเหลือไว้คุณหนูกับรองแม่ทัพต่งก็จากไปโดยฝากข้าและท่านแม่ไว้กับชาวบ้านนอกแคว้น ทั้งยังมอบเงินไว้ให้ท่านแม่รักษาตัวด้วย”“...”“ต่อมาพบว่าตระกูลต่งสิ้นแล้ว จึงได้แต่เสียใจ

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   ฐานะแท้จริง

    39ฐานะแท้จริงหลิงเฟยหลง และองค์ชายล้วนงุนงงที่เสนาบดีขวาเรียกรั้งบ่าวคนหนึ่งไว้ในห้องดื่มชานี้ ต่งซูเหวินได้ฟังจากปากองครักษ์ว่ารู้จักกับเสนาบดีขวามาก่อน จึงมิได้แปลกใจเท่าใดนัก“เจ้าไม่เคยแนะนำตัวกับผู้อื่นเลยหรือ” เสนาบดีขวาถามหลันอันฉีด้วยน้ำเสียงกึ่งตำหนิ ต่งซูเหวินคิดว่าทั้งสองคงรู้จักกันมานานจึงพูดจาดูใกล้ชิดกันมากเพียงนี้หลันอันฉีถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาทางโต๊ะดื่มชา เขามองหน้าเสนาบดีขวาอย่างไม่ชอบใจนัก“ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่ารอให้ทุกอย่างจบข้าจะกลับไป เหตุใดต้องให้เรื่องมันวุ่นวายขึ้นเช่นนี้” องครักษ์หนุ่มตอบกลับน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ท่ามกลางสายตางุนงงของคนนอกทั้งสาม“มีเรื่องใดกันหรือเจ้าคะท่านเสนา อันฉีทำสิ่งใดล่วงเกินท่านหรือไม่” แม้จะรู้สึกว่าเรื่องไม่ถูกต้อง แต่นางก็รีบลุกไปยืนบังองครักษ์ของตนเองไว้ ก่อนนี้นางเคยสัญญาว่าหากเขาปกป้องนาง นางก็จะปกป้องเขาไปตลอดชีวิต

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   อำนาจสำคัญ

    38อำนาจสำคัญทางการตัดสินว่าการค้าของตระกูลซูมีความผิดจากการค้าของเถื่อนจริงอย่างที่หญิงชาวบ้านผู้นั้นร้องเรียน เดิมทีเถ้าแก่ผู้ดูแลร้านไม่ยอมรับว่าปิ่นนั่นเป็นของร้านเพราะมันมีสัญลักษณ์อยู่ แต่มีหรือต่งซูเหวินจะยอมให้ตระกูลซูรอดพ้นเรื่องนี้ไปได้ นอกจากปิ่นที่นางยังมีปิ่นอีกอันที่องค์หญิงหนิงเอ๋อเป็นผู้เก็บรักษาไว้เองเมื่อองค์หญิงยอมมอบปิ่นให้เป็นหลักฐานเถ้าแก่ผู้ดูแลจึงปฏิเสธเรื่องราวนี้ไปไม่ได้อีก ทางการสั่งปิดร้านค้าตระกูลซูเพื่อสืบความเรื่องการค้าเถื่อนเป็นอย่างที่นางคิดซูชิงเยียนรอดไปได้เพราะผู้ดูแลร้านเป็นผู้รับความผิดนี้ หญิงชาวบ้านผู้นั้นได้เงินเพิ่มสิบเท่าจากราคาของตามซูชิงเยียนเคยบอกเอาไว้ข่าวต่งซูเหวินถูกลอบทำร้ายภายในจวนตระกูลต่ง เรื่องนี้รู้กันทั่วเมืองแม้แต่องค์จักรพรรดิก็ได้ยินเช่นกัน ทรงโมโหมากจึงสั่งคนสอบสวนเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดเช่นเดียวกัน“ท่านหญิงมีสิ่งใดหรือ เหตุใดจึงอยากเจอพวกข้า” องค์ชา

  • ได้โอกาสอีกคราข้าไม่ขอเป็นอนุ   ย่อมคุ้มค่า

    37ย่อมคุ้มค่า“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร เหตุใดต้องทำตนเองเจ็บถึงเพียงนี้ ท่านไม่รู้หรือว่าแผลเช่นนี้อาจทำให้ท่านเป็นแผลเป็นได้ ท่านเป็นสตรีเหตุใดมุทะลุถึงเพียงนี้ ข้าสู้เพราะกลัวท่านบาดเจ็บแต่ท่านกลับทำตนเองบาดเจ็บเช่นนี้” เขาว่าจบก็จูงมือนางเดินไปนั่ง ส่วนตนเองไปจุดโคมในห้องนอนให้ ชายหนุ่มรีบมาดูแผลของนางไม่สนใจร่างไร้สติบนพื้นเลย“เจ้าตำหนิข้า”“ข้าน้อยย่อมไม่กล้า เพียงแต่เป็นห่วงคุณหนูเท่านั้น หากเป็นแผลเป็นจะทำอย่างไร”“เป็นก็เป็น แค่ได้ตามที่ต้องการย่อมคุ้มค่า”หลันอันฉีดึงผ้ารัดผมของตนเองมารัดแขนนางเพื่อห้ามเลือด แล้วเอื้อมมือไปจัดผมยาวสลวยของนางที่หล่นลงมาไม่ให้มันโดนเลือดตรงแขนต่งซูเหวินมองการกระทำขององครักษ์อย่างแปลกใจ ไม่บ่อยนักที่เขาแสดงความรู้สึกเช่นนี้ ขณะรัดแผลก็บ่นพึมพำไม่ยอมหยุด นางนึกขบขันเป็นอย่างยิ่งโชคดีจริง ๆ ที่ตอนย้อนเวลากลับมานางเลือกหลันอันฉีม

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status