แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: แสงอรุณฤดูใบไม้ผลิ
เธอยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด

หลายปีมานี้ เธอไม่เคยคิดเลยว่าเสิ่นเยี่ยนจือจะทรยศตัวเอง

ตอนที่เห็นเขานอนกับผู้หญิงคนอื่นนั้น จะบอกว่าเหมือนถูกธนูนับพันดอกแทงใจก็ไม่เกินจริง

"ฉันก็แค่รู้สึกว่าเขารักเธอมากขนาดนั้น ดูไม่น่าจะนอกใจเธอได้ หรืออาจจะมีการเข้าใจผิดกันหรือเปล่า"

จี้อี่หนิงหัวเราะเยาะ "ฉันเห็นกับตาตัวเอง ยังจะเรียกว่าเข้าใจผิดเหรอ?"

ห้องรับรองเงียบกริบทันที จี้อี่หนิงดื่มเหล้าแก้วต่อแก้วไปเรื่อย ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด สือเวยทนไม่ไหวจึงแย่งแก้วเหล้าในมือเธอมา "ถึงเขาจะนอกใจจริง เธอก็ไม่ควรลงโทษตัวเองด้วยการดื่มเหล้าเมามายแบบนี้นะ แล้ว...ต่อไปเธอจะทำยังไงล่ะ?"

"ก็ต้องหย่าสิ ตอนนี้แค่นึกถึงภาพที่เห็นเขานอนกับผู้หญิงคนนั้น ฉันก็รู้สึกขยะแขยงเต็มทีแล้ว"

เห็นดวงตาแดงก่ำและแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่ยอมรับของเธอ สือเวยก็รู้สึกสงสาร

"อย่าเพิ่งคิดมากเลย ตอนนี้เธอต้องพักผ่อนให้ดี รอให้จิตใจสงบลงแล้วค่อยคิดว่าจะทำยังไงต่อ ฉันจะไปส่งเธอเอง"

จี้อี่หนิงส่ายหน้า "ไม่...ฉันไม่อยากกลับไป"

พอกลับไปบ้านหลังนั้น เธอจะต้องนึกถึงภาพที่เสิ่นเยี่ยนจือนอกใจแน่ ๆ นึกถึงครั้งหนึ่งก็ต้องขยะแขยงไปครั้งหนึ่ง

เห็นเธอทำหน้ารังเกียจ สือเวยจึงไม่ยืนกรานอีกต่อไป "งั้นฉันจะจองโรงแรมให้เธอ"

หลังจองโรงแรมเสร็จ สือเวยก็พาจี้อี่หนิงไปส่งที่หน้าโรงแรม รู้สึกไม่วางใจจึงถาม "เธอแน่ใจนะว่าไม่ต้องให้ฉันขึ้นไปส่ง"

จี้อี่หนิงส่ายหน้า "ไม่ต้องหรอก เธอรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ"

เธอถือคีย์การ์ดขึ้นมาโบกมือให้สือเวยแล้วเดินเข้าโรงแรมไป เห็นเธอยังเดินได้มั่นคง สือเวยจึงโล่งใจ มองเธอเดินเข้าโรงแรมไปแล้วถึงขับรถจากไป

แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ เวลาที่จี้อี่หนิงเมานั้นเธอไม่ได้ต่างไปจากตอนปกติหรอก มองผิวเผินดูเหมือนยังมีสติดี แต่จริง ๆ แล้วในหัวเละเป็นโจ๊กไปตั้งนานแล้ว

เธอถือคีย์การ์ดเดินเข้าลิฟต์ รูดการ์ดแล้วประตูลิฟต์ก็ปิดลงและเริ่มเคลื่อนขึ้น

ไม่นานก็ได้ยินเสียง "ติ๊ง" แล้วประตูลิฟต์ก็เปิดออก

ทันทีที่ก้าวออกจากลิฟต์เหยียบบนพรม ขาของจี้อี่หนิงก็อ่อนแรงจนเกือบล้ม

เธอเอามือยันผนังข้าง ๆ พยายามยืนให้มั่นคง นวดขมับที่ปวดตึงก่อนจะเดินไปข้างในพลางมองหาเลขห้อง

แต่ตอนนี้ฤทธิ์เหล้าเริ่มออกฤทธิ์ มองอะไรภาพตรงหน้าก็เบลอซ้อนกันไปหมด เมื่อเห็นเลข 8919 เธอก็เอาคีย์การ์ดแตะที่ประตูทันที

แต่กลับไม่ได้ยินเสียง "ปี๊บ" ที่ประตูห้องเปิด เธอขมวดคิ้วแล้วยื่นมือหมายจะผลักประตู ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกเอง

จี้อี่หนิงชะงักไปครู่ ยังไม่ทันได้ตั้งตัว มือใหญ่ข้างหนึ่งก็ดึงเธอเข้าไปในความมืด

"ปัง!"

พร้อมกับที่ประตูห้องปิดลง แสงสว่างจากด้านนอกก็ถูกกั้นไว้

เธอถูกกดแนบกับประตู กลิ่นอายรุกรานของชายคนนั้นโชยมาที่ข้างหู ทำให้เธอสั่นเทาเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว

กลิ่นหอมสดชื่นของไม้สนโชยมา จี้อี่หนิงรู้สึกคุ้นเคยนัก แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็รู้สึกถึงสัมผัสอุ่น ๆ ที่ริมฝีปาก

"อื้อ..."

พอรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น จี้อี่หนิงก็ดิ้นรนทันที

แต่แรงของชายคนนั้นเยอะมาก ประกอบกับคืนนี้เธอดื่มเหล้ามาไม่น้อย มือที่ยันอกเขาไว้จึงอ่อนแรง ดูไม่เหมือนขัดขืน ทว่ากลับดูเหมือนเชื้อเชิญซะมากกว่า

มือร้อนผ่าวของเขาลูบไล้ไปทั่วร่างของเธอ ทุกที่ที่เขาสัมผัสราวกับถูกไฟลวก ส่งความร้อนผ่านมาเป็นระลอก ร่างกายของจี้อี่หนิงก็อ่อนระทวยลงเรื่อย ๆ

เธอพยายามผลักชายที่ทาบทับร่างเธอออก แต่เขากลับรู้ทันอย่างง่ายดาย จับมือทั้งสองข้างของเธอยกขึ้นกดไว้เหนือศีรษะ

"ปล่อย...อื้อ...ปล่อยนะ..."

ชายคนนั้นผละจากริมฝีปากเธอ หัวเราะเบาๆ "ไม่ต้องแกล้งทำเป็นขัดขืนหรอก"

นิ้วมือของเขาตกลงที่คอเสื้อของจี้อี่หนิง สัมผัสเย็นๆ ทำให้เธอสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว

อุณหภูมิร่างกายของเขาราวกับจะหลอมละลายเธอ ขาของเธอก็ค่อย ๆ อ่อนแรงลง

ในความมืด ประสาทสัมผัสถูกขยายให้ไวขึ้น

จี้อี่หนิงรู้สึกได้ว่านิ้วมือของเขากำลังปลดกระดุมเสื้อเธอทีละเม็ด เธอรู้สึกคอแห้งผาก สติสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็บอกกับเธอว่า ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ ๆ

"ปล่อยฉันนะ!"

เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขา แต่ผลลัพธ์คือเขาอุ้มเธอขึ้นแล้วโยนลงบนเตียงทันที

เตียงนุ่มมาก จี้อี่หนิงจึงไม่รู้สึกเจ็บ แต่การถูกโยนครั้งนี้กลับทำให้หัวเธอรู้สึกมึนงงยิ่งขึ้น

เธอพยายามดิ้นลุกขึ้น แต่ร่างสูงใหญ่ก็ทาบทับลงมา

ไม่นาน เสื้อผ้าของเธอก็ถูกถอดออกจนหมด ทั้งสองแทบไม่มีเสื้อผ้าปกคลุมร่างกาย

ชายคนนั้นแนบชิดกับเธอ พร้อมที่จะบุกรุกเข้ามา

กลิ่นอายรุกรานจากตัวเขาทำให้เธอสั่นสะท้านไม่หยุด เธอยกมือยันแผงอกเขาไว้ กัดริมฝีปากแรง ๆ บังคับตัวเองให้มีสติและใจเย็น

"คุณคะ ฉันอาจจะเข้าผิดห้อง ขอร้องละ ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ..."

เพราะตื่นตระหนกมาก น้ำเสียงของเธอจึงสั่นเครือเล็กน้อย

"จิ๊!"

เสียงของชายคนนั้นฟังดูหงุดหงิด น้ำเสียงเย็นชา "ติดเล่นหรือไง?"

เสิ่นซื่อกำลังจะลุกขึ้นไล่อีกฝ่ายให้ไปให้พ้น แต่ไฟในห้องก็สว่างขึ้นกะทันหัน

ที่แท้ตอนที่จี้อี่หนิงดิ้นรน หลังมือดันไปโดนสวิตช์ไฟเข้าโดยบังเอิญ

แสงไฟที่สว่างขึ้นทันทีทำให้เสิ่นซื่อต้องหรี่ตาลง เมื่อมองเห็นหญิงสาวที่นอนอยู่ใต้ร่างได้อย่างชัดเจน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที

ตอนนี้จี้อี่หนิงก็มองเห็นเสิ่นซื่อชัดเจนเช่นกัน ใบหน้าที่ซีดเพราะความกลัวยิ่งซีดขาวลงไปอีก ในหัวที่ยังมึนงงก็สร่างเมาในทันที

เธอไม่คิดเลยว่า...คนที่เกือบจะล่วงเกินเธอ กลับเป็นเสิ่นซื่อ อาเล็กของเสิ่นเยี่ยนจือ

"อาเล็ก..."

จี้อี่หนิงรู้สึกหวาดกลัวเสิ่นซื่อมาตลอด

เขาเป็นลูกชายคนเล็กสุดของตระกูลเสิ่น ท่านผู้เฒ่าเสิ่นและท่านแม่เฒ่าเสิ่นมีลูกตอนแก่ จึงตามใจจนมีนิสัยเอาแต่ใจและโหดเหี้ยม ไม่ใช่แค่ในตระกูลเสิ่น แม้แต่คนนอกก็ไม่กล้ายุ่งกับเขา

ตอนที่เพิ่งแต่งงานกับเสิ่นเยี่ยนจือและไปทำความเคารพกับผู้อาวุโสของตระกูลเสิ่น เสิ่นเยี่ยนจือก็เตือนเธอแล้วว่าอย่าเข้าใกล้เสิ่นซื่อมากนัก

"หุบปาก!"

สีหน้าของเสิ่นซื่อดูแย่มาก สายตาที่จ้องมองจี้อี่หนิงเย็นยะเยือกราวหิมะ ราวกับกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะฆ่าปิดปาก

แต่พอสายตาสัมผัสกับผิวขาวบริสุทธิ์บนหน้าอกของเธอ ดวงตาของเขาก็พลันขุ่นมัวลงชั่วขณะ

เขาเบือนหน้าหนี ลุกจากเตียงพลางพูดเสียงเย็นชา "ใส่เสื้อผ้าแล้วไปให้พ้น!"

ตอนที่เขาลุกขึ้น สายตาของจี้อี่หนิงก็เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า

เธอชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วรีบเบือนสายตาอย่างเก้อเขิน กระนั้นใบหูกลับแดงก่ำ

เมื่อเห็นใบหน้าแดงของเธอ สีหน้าของเสิ่นซื่อก็ยิ่งดูแย่ลงไปอีก

"ยังไม่ไปอีก?"

จี้อี่หนิงไม่สนใจความอึดอัด รีบเก็บเสื้อผ้าขึ้นมาสวมลวกๆ แล้วออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวหลัง

จนกระทั่งออกมานอกห้อง เธอถึงกล้าหันไปมองเลขห้อง เมื่อเห็นชัด ๆ ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมเสิ่นซื่อถึงบอกว่าเธอทำเป็นขัดขืน

นั่นมันไม่ใช่ห้อง 8919 สักหน่อย นี่มันห้อง 8916 ชัดๆ!

เธอเข้าผิดห้อง แถมยังเกือบมีอะไรกับอาเล็กของสามีตัวเองอีก...

คิดถึงตรงนี้ จี้อี่หนิงก็รู้สึกว่าอาการปวดหัวหลังเมาค้างยิ่งรุนแรงขึ้น

ถ้ารู้แบบนี้ตอนนั้นให้สือเวยขึ้นมาส่งเธอเสียก็ดี ถึงยังไงก็คงไม่ถึงขั้นเข้าผิดห้องแบบนี้

แต่ตอนนี้เสียใจไปก็ไม่ทันแล้ว...

ในห้อง หลังจากจี้อี่หนิงจากไป เสิ่นซื่อก็หยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยสีหน้ามืดมน

"ลบภาพกล้องวงจรปิดในคืนนี้ทั้งหมดซะ!"

สั่งเสร็จ เสิ่นซื่อก็มองผ้าปูที่นอนและผ้าห่มที่ยับยู่ยี่ จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ดวงตาฉายแววหงุดหงิดมากขึ้น

เกือบได้ขึ้นเตียงกับเมียของหลานชายตัวเอง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 3

    ระหว่างทางกลับ จี้อี่หนิงลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจส่งข้อความถึงเสิ่นซื่อที่ไม่เคยติดต่อกันมาสามปีเลย[อาเล็ก... เรื่องคืนนี้ลืมมันไปได้ไหมคะ ตอนนั้นฉันเมามากจริง ๆ เลยเข้าผิดห้องค่ะ]รออยู่นานมาก เสิ่นซื่อก็ไม่ตอบจี้อี่หนิงขมวดคิ้ว แล้วส่งข้อความอีกครั้ง[?]แต่พอส่งไป ก็เห็นเครื่องหมายตกใจสีแดงขึ้นมาทันที'อีกฝ่ายเปิดการยืนยันเพื่อน คุณยังไม่ใช่เพื่อนของอีกฝ่าย...'จี้อี่หนิงเม้มปาก ถึงกับลบเธอทิ้งแล้ว คงหมายความว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกสินะ?คิดได้เช่นนั้น จี้อี่หนิงก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อยกลับถึงบ้านก็เป็นเวล่ากว่าหกโมงเช้าเมื่อเปิดประตู ก็เห็นเสิ่นเยี่ยนจือนั่งอยู่บนโซฟาเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เขาก็หันขวับมา ดวงตาที่มองจี้อี่หนิงแดงก่ำ เห็นชัดว่าไม่ได้นอนทั้งคืน"ที่รัก เมื่อคืนคุณไปไหนมา? ผมโทรหาคุณสิบกว่าครั้ง ทำไมไม่รับสาย?"เสิ่นเยี่ยนจือลุกขึ้นเดินเร็วๆ มาหาเธอ ยื่นมือจะจับมือเธอ แต่จี้อี่หนิงกลับหลบเขาเขาชะงักไป กำลังจะเอ่ยปากพูด แต่จี้อี่หนิงก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "คุณไม่กลับบ้านทั้งคืนได้ แต่ฉันกลับทำบ้างไม่ได้งั้นสิ?"จี้อี่หนิงเป็นค

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 4

    จี้อี่หนิงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะดิ้นรนสุดแรงทันทีแค่นึกว่าเมื่อคืนเขาเพิ่งจูบผู้หญิงคนอื่น เธอก็รู้สึกขยะแขยงและโกรธแค้น"อื้อ...ปล่อยฉัน..."การดิ้นรนของเธอสำหรับเสิ่นเยี่ยนจือเหมือนมดพยายามเขย่าต้นไม้ มือที่กอดเอวเธอไว้ไม่ได้คลายออกแม้แต่น้อย กลับยิ่งกระชับแน่นขึ้นเพราะพยายามดิ้น ผ้าขนหนูที่พันตัวเธอก็หลุดออกอย่างรวดเร็ว จากมุมมองของเสิ่นเยี่ยนจือ สามารถเห็นหน้าอกของเธอได้อย่างชัดเจนดวงตาของเขาหรี่ลง รู้สึกเลือดในร่างกายพุ่งไปรวมกันที่จุดเดียวร่างกายทั้งสองแนบชิดกัน จี้อี่หนิงรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเสิ่นเยี่ยนจือได้อย่างรวดเร็วเธอทั้งโกรธทั้งแค้น กัดเขาอย่างแรง กลิ่นคาวเลือดแผ่ซ่านในปากของทั้งสองทันทีแต่เขาไม่เพียงไม่ปล่อยเธอ มืออีกข้างกลับลอดเข้าไปใต้เสื้อคลุมอาบน้ำเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ข้างล่างไม่ได้ใส่อะไรเลยร่างกายของจี้อี่หนิงแข็งทื่อขึ้นมาทันที ก่อนจะยิ่งดิ้นรนรุนแรงขึ้น"เสิ่นเยี่ยนจือ ไปให้พ้น!"เสิ่นเยี่ยนจือทำเหมือนไม่ได้ยิน นิ้วไม่หยุดเร้าต่อมรับความรู้สึกของเธอ"อี่หนิง เธอก็ต้องการฉันเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?"จี้อี่หนิงดิ้นรนไม่หยุด แต่กลับไ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 5

    เมื่อเห็นความเย็นชาในดวงตาของเขา จี้อี่หนิงก็รู้สึกว่าเมื่อก่อนตัวเองนั้นตาบอดจริง ๆ ทำไมถึงได้หลงรักคนแบบนี้ดวงตาทั้งสองข้างร้อนผ่าว แต่เธอไม่อยากแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเขาแม้แต่น้อยเธอสะบัดมือเขาออกอย่างแรงจี้อี่หนิงสูดหายใจเข้าลึก หันหลังเดินขึ้นบันไดตอนนี้ในใจเธอของมีความคิดเดียว คือต้องรีบหางานทำให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ย้ายออกไป และหาทางหย่ากับเสิ่นเยี่ยนจือเธอสุ่มหยิบชุดมาเปลี่ยน เสียบปิ่นมวยผมแบบลวก ๆ จี้อี่หนิงก็ลงบันไดมาเธอเป็นคนสบาย ๆ ไม่ค่อยสนใจเรื่องการแต่งตัวแต่ก่อนเพื่อให้ตระกูลเสิ่นประทับใจ ตอนไปงานเลี้ยงตระกูลเสิ่นทีไร ก็จะแต่งตัวอย่างดีทุกครั้งตอนนี้ เธอขี้เกียจจะเอาอกเอาใจพวกเขาอีกต่อไปแล้วได้ยินเสียงฝีเท้า เสิ่นเยี่ยนจือก็เงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวจี้อี่หนิงสวมชุดกี่เพ้าสีขาวแบบทันสมัย เอวบางราวกับต้นหลิว ดูเหมือนจะกำรอบได้ด้วยมือเดียว ผมยาวสีดำมวยด้วยปิ่นหยก เผยให้เห็นลำคอขาวเรียวบาง งดงามจนไม่อาจละสายตาบรรยากาศอ่อนหวานสงบรอบตัวเธอ ไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรกเลยเพียงแต่ สายตาที่เธอมองเขากลับเย็นชาที่สุด ไม่มีความอบอุ่นเหมือนแต่ก่อนเลย"

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 6

    จี้อี่หนิงเงยหน้าขึ้น กำลังจะพูด เสิ่นเยี่ยนจือก็จับมือเธอไว้ พูดยิ้ม ๆ ว่า "คุณย่าครับ พวกเรากำลังเตรียมตัวอยู่ครับ!"เธออยากสะบัดมือเขาออก แต่เสิ่นเยี่ยนจือจับมือเธอไว้แน่นมาก ไม่ให้โอกาสเธอได้ขยับเลยในเมื่อเขาไม่ยอมให้เธอสบายใจ ก็อย่าโทษที่เธอจะทำให้เขาไม่สบายใจบ้างเธอมองไปที่คุท่านแม่เฒ่าเสิ่น "คุณย่าคะ หนูกำลังหางานทำอยู่ค่ะ เรื่องมีลูกคงต้องเลื่อนออกไปก่อนค่ะ"พูดจบ ห้องรับแขกก็ตกอยู่ในความเงียบเสิ่นเยี่ยนจือบีบมือเธอแน่นขึ้น สีหน้าก็ดูมืดครึ้มขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ จี้อี่หนิงก็ขมวดคิ้วแน่นเสิ่นซื่อมองไปที่มือของเสิ่นเยี่ยนจือที่บีบจี้อี่หนิงแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนอยู่หนึ่งวินาที ก่อนจะเบือนสายตาไปอย่างเฉยเมยน้าสาวของเสิ่นเยี่ยนจือ เสิ่นซูหว่านหัวเราะเยาะ "อี่หนิง อย่าว่าน้าพูดมากเลยนะ เธอแต่งงานกับเยี่ยนจือมาก็หลายปีแล้ว ถ้ายังไม่มีลูกสักคนมันจะดูยังไงอยู่นะ?""แล้วถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยนจือยืนกรานจะแต่งงานกับเธอ เธอคิดว่าแค่ครอบครัวของเธอจะแต่งเข้าตระกูลเสิ่นได้เหรอ?""อย่าไม่รู้จักบุญคุณกันหน่อยเลย เธอไม่อยากมีลูกให้เยี่ยนจือ ข้างนอกมีผู้หญิงตั้งเยอะที่

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 7

    เสิ่นเยี่ยนจือตัวแข็งทื่อทันที สีหน้าเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดในชั่วพริบตามือที่บีบคางของจี้อี่หนิงกระชับแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ผ่านไปหลายวินาทีกว่าจะปล่อยเธอแล้วหันไปมองเสิ่นซื่อเมื่อสบตากับเสิ่นซื่อที่มองมาด้วยสายตากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม เสิ่นเยี่ยนจือก็ฝืนยิ้มออกมา"ไม่เป็นไรครับ อาเล็กมีธุระอะไรเหรอครับ?"เสิ่นซื่อยิ้มมุมปาก "ย่าของนายให้ฉันมาเรียกพวกนายไปกินข้าว""ครับ รบกวนอาเล็กแล้ว""ไม่รบกวนหรอก แต่ที่นี่ถึงยังไงก็คือบ้านเดิม หลานชายควรระวังหน่อยนะ"ขณะพูด สายตาเขาก็เหลือบมองคางของจี้อี่หนิงที่ถูกบีบจนแดง ดวงตาเต็มไปด้วยแววล้อเลียนเมื่อสังเกตเห็นสายตาของเขาที่มองมาที่จี้อี่หนิง เสิ่นเยี่ยนจือขมวดคิ้วแล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อบังเธอไว้"อาเล็ก ผมเข้าใจแล้วครับ"ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของเขาไม่ค่อยดีนัก มองเสิ่นซื่อด้วยสายตาไม่พอใจ แม้แต่มีท่าทีระแวงอยู่ลึก ๆเสิ่นซื่อหัวเราะเบา ๆ แล้วละสายตาไปอย่างไม่ใส่ใจ"เอาล่ะ ไปกินข้าวกันเถอะ"หลังจากเสิ่นซื่อจากไป เสิ่นเยี่ยนจือหันมาจะจับมือจี้อี่หนิง แต่เธอกลับหลบมือเขาแล้วเดินผ่านเขาไปเลยเสิ่นเยี่ยนจือรีบไล่ตามเธอแล้วคว้ามือ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 8

    เสิ่นเยี่ยนจือคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทันที จ้องมองข้อความนั้นอย่างเคร่งเครียด ดวงตาดำมืดไปด้วยความโกรธทุกครั้งที่เขามีอะไรกับฉินจืออี้ เขาก็ใช้วิธีป้องกันเสมอ ดังนั้นไม่ก็เธอกำลังโกหกเขา ก็คือเธอแอบทำอะไรกับถุงยางอนามัยไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ก็ล้วนแตะต้องขีดจำกัดของเสิ่นเยี่ยนจือทั้งสิ้นเขาโทรหาฉินจืออี้ทันที "ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?"เมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็นชาและโกรธเกรี้ยวของเขา หัวใจของฉินจืออี้ก็พลันรู้สึกปวดร้าว"บอส ฉันท้องแล้ว คุณไม่ดีใจเลยเหรอคะ?"เสิ่นเยี่ยนจือหัวเราะอย่างเย็นชา "เธอแน่ใจเหรอว่าท้อง แล้วก็เป็นลูกของฉันน่ะ?""บอสคะ ฉันมีแค่คุณคนเดียว ลูกในท้องฉันจะเป็นของคุณหรือเปล่า คุณจะไม่รู้เหรอคะ?"น้ำเสียงของเธอเจือด้วยการต่อว่าและความน้อยใจ แต่เสิ่นเยี่ยนจือกลับรู้สึกเพียงรำคาญ"งั้นก็ทำแท้งซะ"นอกจากจี้อี่หนิง เขาไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนไหนมามีลูกให้เขาอีกยิ่งไปกว่านั้น สำหรับผู้หญิงอย่างฉินจืออี้ที่เข้าหาเขาเองแบบนี้ เขาก็แค่เล่น ๆ เท่านั้น ไม่เคยจริงเอาจังด้วยเลย"ไม่ค่ะ นี่เป็นลูกของฉันกับคุณ ฉันจะคลอดเขาออกมา"เสิ่นเยี่ยนจือขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความรำคาญ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 9

    เสียงร้องไห้ของฉินจืออี้หยุดชะงักทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความน้อยใจ "บอสคะ ฉันจริงใจกับคุณนะคะ"นึกถึงการวางแผนของผู้หญิงคนนี้ที่มีต่อตน ความรู้สึกรังเกียจก็พลุ่งพล่านในใจของเสิ่นเยี่ยนจือ"ความจริงใจของเธอมีค่าเท่าไหร่กัน?"เขาหยิบบัตรเครดิตใบหนึ่งโยนลงบนโต๊ะ มองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ในนี้มีเงินอยู่สองล้าน เอาเงินไปทำแท้งที่โรงพยาบาลเอง หรือจะให้ฉันสั่งบอดี้การ์ดมัดเธอไปโรงพยาบาล เธอน่าจะรู้ว่าควรจะเลือกยังไงนะ"ฉินจืออี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มือสั่นเทาหยิบบัตรเครดิต แล้วเอามือปิดหน้าวิ่งออกจากร้านอาหารไปเมื่อโทรศัพท์สั่งให้บอดี้การ์ดคอยจับตาดูฉินจืออี้ไปโรงพยาบาล เสิ่นเยี่ยนจือจึงได้วางสายอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นรูปจี้อี่หนิงที่เป็นภาพพื้นหลังหน้าจอ สีหน้าของเขาก็อ่อนโยนลงเล็กน้อยโดยไม่ลังเลเลย เขากดโทรหาเธอทันทีเสียงรอสายดังอยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะรับสาย "มีเรื่องอะไร?"น้ำเสียงเย็นชาของเธอ เหมือนสาดน้ำเย็นลงบนหัว หัวใจของเสิ่นเยี่ยนจือที่เดิมอุ่นขึ้นเล็กน้อยเพราะคิดถึงเธอ พลันเย็นชาลงในทันทีมือที่จับโทรศัพท์บีบแน่นโดยไม่รู้ตัว พยายามควบคุมไม่ให้เธอรู้ว่าตัวเองผิดหวัง"ไม่มีอะไ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 10

    เสิ่นเยี่ยนจือตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเผลอพูดออกมาว่า "แต่ทุกครั้งที่คุณไปร้านดอกไม้ คุณก็ซื้อแต่ดอกนี้นี่นา"จี้อี่หนิงหลบตา เขาคงลืมไปแล้วว่าวันที่เขาสารภาพรักกับเธอ ก็ให้ดอกกุหลาบนี่แหละทว่ามันไม่สำคัญอะไรแล้ว แม้แต่ความรู้สึกของพวกเขาเขายังทรยศได้ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ที่เขาไม่ใส่ใจก็เป็นเรื่องปกติ"นั่นมันเมื่อก่อน"จี้อี่หนิงเดินผ่านเขาเข้าห้องนอนไป เธอรู้สึกได้ว่าสายตาของเสิ่นเยี่ยนจือจับจ้องอยู่ที่เธอตลอด แต่เธอไม่สนใจแล้วว่าเขาจะรู้สึกเสียใจหรือทุกข์ใจกับคำพูดของเธอหรือเปล่าหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ลงมาชั้นล่าง แม่บ้านได้นำอาหารเย็นมาวางบนโต๊ะแล้ว"นายน้อย นายหญิงน้อย อาหารเย็นเสร็จแล้วค่ะ"จี้อี่หนิงพยักหน้า เดินตรงไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ไม่แม้แต่จะมองเสิ่นเยี่ยนจือเสิ่นเยี่ยนจือขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไร เดินมานั่งตรงข้ามเธออย่างเงียบ ๆป้าหวังสังเกตเห็นบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนไม่ค่อยดี เดาว่าคงทะเลาะกันมาเธออุ้มดอกไม้บนโต๊ะในห้องรับแขกขึ้นมา ยิ้มมองจี้อี่หนิงแล้วพูดว่า "นายหญิงน้อยคะ ดอกไม้นี้ให้จัดแจกันส่งไปไว้ในห้องคุณเหมือนเดิมนะคะ?""ไม่ต้อง โยน

บทล่าสุด

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 104

    วินาทีที่กริดทะลุเข้าไปบนหลังมือ จี้อี่หนิงหลุดร้องออกมา เจ็บปวดจนใบหน้าขาวซีดเลือดสดๆ รินไหลจากหลังมือของเธอ ดูน่าสยดสยองเป็นอย่างมากหลิ่วอี๋หนิงหัวเราะ แล้วดึงกริดออกมาจนเลือดพุ่งกระฉูดตามไปด้วย จี้อี่หนิงกัดริมฝีปากอย่างแรง จึงไม่มีเสียงโหยหวนเล็ดลอดออกมาดูสีหน้าอดทนอดกลั้นของเธอแล้ว มุมปากของหลิ่วอี๋หนิงก็ยกยิ้มกว้างขึ้น"ไม่คิดว่ากระดูกของเธอมันจะแข็งเอาเรื่อง แต่ก็ไม่รู้ว่า มันจะแข็งไปได้ถึงเมื่อไหร่"หล่อนชูกริดขึ้นอีกครั้ง เตรียมจะแทงลงไปยังหน้าอกของจี้อี่หนิงสุดแรงเกิดทว่าจังหวะที่กริดอยู่ห่างจากหน้าอกข้างซ้ายของจี้อี่หนิงเพียงไม่กี่เซนติเมตร จู่ๆ ความปวดร้าวก็ส่งตรงมาจากข้อมือ กริดที่กำอยู่ก็ตกลงบนพื้นเช่นกันหลิ่วอี๋หนิงมองลูกดอกที่แทงใส่ข้อมือของหล่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แล้วช้อนสายตาขึ้นมองไปยังทิศทางที่ลูกดอกยิงมาในทันที ก่อนจะเห็นร่างใครบางคนกำลังวิ่งมายังที่หล่อนอยู่แววตาของหล่อนเผยความลนลาน รีบก้มหน้าไปเก็บกริด ทว่าจังหวะที่กำลังก้มหน้าอยู่นั้น หล่อนก็ถูกเตะเข้าตรงลิ้นปี่อย่างรุนแรง จนกระเด็นออกไปทั้งร่างร่างกายของหล่อนกระแทกลงบนพื้นราวกับว่าวที่ด้

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 103

    ตอนนี้หากจี้อี่หนิงตายไป นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ให้เงินแล้ว ดีไม่ดีจะโยนขี้ให้เขาว่าเป็นคนฆ่าจี้อี่หนิง เขาไม่มีอำนาจ แถมตอนนี้เจิ้งโหยวโหย่วยังโดนขังอยู่ในคุกอีก เขาจะเอาอะไรไปสู้หลิ่วอี๋หนิงเพราะงั้นเวลานี้การที่จี้อี่หนิงมีชีวิตต่อไป จะเป็นผลดีกับเขามากกว่า"แกเป็นบ้าไปแล้วหรอ? ดีไม่ดีตอนนี้เสิ่นเยี่ยนจือรู้แล้วว่าพวกเราจับตัวหล่อนมา ยิ่งชักช้ายิ่งจะไม่เป็นผลดีกับพวกเรา""ฉันแค่ต้องการเห็นเงินก่อน ถ้าคุณอยากฆ่าเธอผมจะไม่ยุ่ง""ดึกดื่นป่านนี้ ฉันจะไปโอนเงินให้แกได้ยังไง อย่างน้อยๆ ก็ต้องรอพรุ่งนี้เช้า ให้เจ้าหน้าที่ธนาคารเข้างานก่อน!"หลิ่วอี๋หนิงโมโหจนจะบ้า เจิ้งกั๋วอันเหมือนกับเจิ้งโหยวโหย่วไม่มีผิด ร่วมมือกับคนโง่ มีแต่จะพาเธอลงเหวอีกอย่างถึงจะโอนเงิน เธอก็ต้องใช้บัญชีต่างประเทศ ไม่งั้นถึงตอนนั้นเธอจะโดนตรวจพบได้"ฉันไม่สน ฉันจะเอาเงิน"ขณะที่ทั้งสองคนกำลังมีปากเสียงกัน แสงไฟจากที่ไกลๆ ก็เคลื่อนตัวเข้ามาเรื่อยๆสีหน้าของหลิ่วอี๋หนิงเปลี่ยนในทันใด เธอสั่งเสียงเย็นชา "เร็ว รีบพาเธอขึ้นบนดาดฟ้า!"เจิ้งกั๋วอันเองก็ตระหนักได้ถึงความตึงเครียดของสถานการณ์ ก็ไม่ได้โต้เถียงกับหลิ่วอ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 102

    สีหน้าของเสิ่นซื่อเปลี่ยนทันที เขาพูดเสียงเย็น "เกิดอะไรขึ้น?""ในบ้านของคุณจี้เละเทะไปหมด โทรศัพท์ของเธอวางอยู่บนโซฟา แต่เจ้าตัวหายไปครับ""รีบไปสืบเดี๋ยวนี้"ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ซุนสิงก็สืบได้ว่าจี้อี่หนิงถูกลักพาตัวไป จีบรีบรายงานเสิ่นซื่อทันทีรถตู้ไม่ติดป้ายทะเบียนเพิ่งจะเข้าเขตตัวเมืองได้ไม่เท่าไหร่ ก็ถูกกลุ่มคนขวางเอาไว้เมื่อเห็นชายชุดดำสิบกว่าคนยืนล้อมตัวรถ ชายหนุ่มก็ชะงักไป เปิดประตูลงจากรถ ขณะกำลังจะถามว่ามีอะไร ก็ถูกคนถีบเข้าอย่างแรง จนทรุดลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น"โอ๊ย!"เขาโอดครวญอย่างน่าสังเวช ความเจ็บปวดจากหัวเข่าที่แตกทำให้เขาหน้าซีด เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มไปหน้าไม่หยุดซุนสิงมีสีหน้าเย็นยะเยือก "แกลักพาตัวคนไปไว้ที่ไหน?"แววตาของชายหนุ่มเผยความลนลานเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะรีบส่ายหน้า "พวกแกพูดอะไร...ฉันไม่รู้เรื่อง"ซุนสิงแค่นหัวเราะเสียงเย็น "ไม่รู้เรื่องใช่ไหม? งั้นก็จะกระทืบจนกว่าจะรู้"วินาทีที่เขาพูดจบ ชายชุดดำสิบกว่าคนรุมเข้าไป เสียงโอดครวญดังเป็นระลอกๆไม่ถึงห้านาที ชายหนุ่มก็พูดอย่างสังเวช "อย่าทำผมเลย...อย่าทำผมเลย ผมจะบอกแล้ว...ผมจะบอก"ซุนสิงส่งซิ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 101

    "ใครน่ะ?"เมื่อฟังออกว่าเป็นฉินจืออี้ สีหน้าของจี้อี่หนิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย"ฉันคือจี้อี่หนิง ฉันต้องการคุยกับเสิ่นเยี่ยนจือ เอาโทรศัพท์ให้เขา"เสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากปลายสาย "เธอบอกว่าเยี่ยนจือน่ะหรอ เขากำลังอาบน้ำอยู่ เกรงว่าจะไม่ว่างรับสายเธอน่ะสิ คุณจี้ มีธุระอะไรกับเขาบอกฉันได้เลย ฉันจะช่วยบอกเขาให้"จี้อี่หนิงกัดริมฝีปากเล็กน้อย มือที่ทิ้งน้ำหนักลงข้างตัวกำแน่นโดยอัตโนมัติ"ฉินจืออี้ ฉันถูกลักพาตัว..."ยังพูดไม่ทันจบ ฉินจืออี้ก็ตัดบทเธอขึ้นมา "จี้อี่หนิง เธอคิดว่าคำโกหกเงอะงะแบบนี้จะทำให้เยี่ยนจือไปหาเธอได้หรอ? ถ้าเธออยากจะเขาจริงๆ เธอก็มาหาเขาเองสิ แต่คืนนี้เขาต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันกับลูก เกรงว่าจะไม่ว่างสนใจเธอหรอก"เวลานี้เหตุการณ์เกี่ยวพันกับชีวิต จี้อี่หนิงจึงไม่มีเวลามาคิดแค้นหล่อน"ฉันโดนลักพาตัวจริงๆ...ขอแค่เธอบอกเขาเรื่องนี้ก็พอ...""ถ้าเธอโดนลักพาตัวจริง งั้นก็ไปตายซะสิ ถ้าไม่มีเธอสักคน ลูกในท้องของฉันก็เชิดหน้าชูตาเกิดมาได้อย่างภาคภูมิ ฉันเองก็จะได้อยู่กับเยี่ยนจือ ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าเธอตายไป ฉันจะเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ทุกปีเลยล่ะ"น้ำเสียงของฉินจืออี้เต

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 100

    "ต่อให้แกแฉออกไปตอนนี้ฉันก็ไม่มีเงิน อีกอย่างถ้าเรื่องนี้ถูกแฉออกไป แกก็ต้องติดคุกเหมือนกัน!"เสียงถกเถียงของทั้งสองคนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดจี้อี่หนิงก็รู้แล้วว่าคนที่ลักพาตัวตนเองคือพ่อของเจิ้งโหยวโหย่ว เจิ้งกั๋วอันแต่ตัวเธอเคยเขาแค่ครั้งเดียวเอง เขารู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่ไหน? อีกทั้งยังแอบซุ่มอยู่ในบ้านเธออีก...เธอสามารถมั่นใจได้ว่า นี่ไม่ใช่วิธีที่แรงงานเกษตรคิดออกมาได้แน่ ๆ ต้องมีคนคอยบงการเขาอยู่เบื้องหลังแน่นอนและคนคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นหลิ่วอี๋หนิงผ่านไปสักพัก เสียงถกเถียงข้างนอกก็หยุดลง ตามมาด้วยเสียงสตาร์ทรถยนต์ และไม่นานบริเวณโดยรอบก็เหลือแต่ความเงียบจี้อี่หนิงหายใจช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าหอบหายใจเสียงดังทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่ากระเป๋าเดินทางขยับ จากนั้นก็เป็นเสียงล้อลากกับพื้นเมื่อสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายกำลังลากตัวเธอไปที่ไหนก็ไม่รู้ ในใจจี้อี่หนิงก็ตื่นตระหนกทันที ครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าจะหนียังไงดีเธอค่อย ๆ รูดซิปบนหัวออก แต่ข้างนอกมืดสนิท มีแค่แสงสว่างเพียงเล็กน้อยคอยส่องทางจากไฟฉายกระบอกหนึ่งในมือของคนข้างหน้าที่ลากกระเป๋าเดินทางจี้อี่หนิงมองไม่ส

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 99

    มีคนแอบซุ่มรอทั้งในห้องนอนและหน้าประตู เห็นทีอีกฝ่ายคงวางแผนมาแล้วเธอลุกขึ้นมาวิ่งไปตรงไปยังห้องครัว แต่เพิ่งเริ่มวิ่งได้สองก้าวก็ถุกคนคว้าแขนเอาไว้ แล้วกระแทกเธอเข้ากับกำแพงอย่างแรง"แกเป็นใคร? ทำไมต้อง...อื้อ..."อีกฝ่ายใช้มือข้างหนึ่งกดจี้อี่หนิงไว้ มืออีกข้างก็ใช้ผ้าผืนหนึ่งอุดจมูกของจี้อี่หนิง ไม่ให้โอกาสจี้อี่หนิงได้พูดเลยสักนิดกลิ่นฉุนเตะจมูก ภาพตรงหน้าของจี้อี่หนิงก็ค่อย ๆ มัวลงช้า ๆผ่านไปไม่นาน ผู้ชายสวมผ้าปิดปากสองคนก็ลากกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งเดินออกไปจากบ้านของจี้อี่หนิงเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว คนส่วนมาก็เลิกงานกลับบ้านกันหมด ในหมู่บ้านจึงไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตสองคนนี้ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงประตูหลังของหมู่บ้าน มีรถตู้ที่ไม่มีป้ายทะเบียนคันหนึ่งจอดอยู่ใต้ต้นไม้ทั้งสองคนเอากระเป๋าเดินทางใส่ไว้ในกระโปรงหลังรถ จากนั้นก็ขับรถมุ่งตรงออกไปยังนอกเมืองทันทีชิงหงกรุ๊ปห้องทำงานประธานซุนสิงถือเอกสารชุดหนึ่งรีบเดินเข้าไปอย่างรีบเร่ง "ประธานเสิ่นครับ เมื่อกี้บริษัทคู่ค้าส่งเอกสารชุดนี้กลับมา บอกว่าข้อมูลการทดลองเหมือนจะมีปัญหา แต่

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 98

    ทันใดนั้น ใบหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือก็ปรากฏเป็นรอยฝ่ามือขึ้นมาทันที แววตาของเขาที่มองจี้อี่หนิงก็กลายเปลี่ยนเป็นความเย็นชาอย่างสุดขั้ว“นี่คุณกล้าตบผมเหรอ?!”จี้อี่หนิงเงยหน้าขึ้นสบตากับแววตาโกรธเคืองของเขา แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ "ทำไมฉันจะตบคุณไม่ได้? คนที่นอกใจคือคุณต่างหาก แต่คุณบังอาจวิ่งแจ้นไปใส่ร้ายฉันต่อหน้าพ่อของฉัน คุณไม่สมควรโดนตบรึไง?"ทันทีที่พูดจบ เสิ่นเยี่ยนจือก็บีบคางเธอและกดเธอไว้กับกำแพงทันที รังสีความโหดฉายออกมาในแววตา"อี่หนิง คุณไม่เชื่อฟังคำสั่งของผมก่อนเอง ถ้าคุณเชื่อฟังผมดี ๆ ผมก็ไม่มาหาพ่อตาหรอก"จี้อี่หนิงแค่นหัวเราะออกมา "ถ้าคุณกล้ามาหาพ่อของฉันอีก ฉันก็จะแฉเรื่องที่คุณนอกใจออกมาให้หมด""ถ้าคุณไม่กลัวว่าพ่อจะได้รับแรงกระตุ้นแล้วอาการแย่ลง คุณจะไปบอกตอนนี้เลยก็ได้"น้ำเสียงไม่แยแสของเสิ่นเยี่ยนจือทำให้ความโกรธของจี้อี่หนิงสุมขึ้นในอก มือที่วางข้างลำตัวก็กำแน่นโดยไม่รู้ตัว"เสิ่นเยี่ยนจือ ทำไมคุณกลายเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายได้ขนาดนี้?!"เสิ่นเยี่ยนจือก้มหน้ามองเธอ เมื่อเห็นความเกลียดชังและความโกรธในแววตาของเธอ ม่านตาของเขาก็หดตัวลงแล้วบีบคางเธอแน่นกว่าเดิ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 97

    ฝีเท้าของจี้อี่หนิงหยุดชะงักไป ขมวดคิ้วมองเสิ่นเยี่ยนจือที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาโกรธเคือง"คุณไปพูดอะไรกับพ่อฉัน?!"เสิ่นเยี่ยนจือยังไม่ทันปริปาก จี้เหว่ยหงก็พูดด้วยความเกรี้ยวกราด "เธอยังกล้าคาดคั้นเยี่ยนจืออีก?! เธอกับอาเล็กของเขาแอบกิ๊กกันเธอไม่รู้สึกผิดกับเขาเลยรึไง?"จี้อี่หนิงโมโหจนหน้าซีด แม้แต่ปลายนิ้วยังสั่นระริกเธอไม่คิดเลยว่าเสิ่นเยี่ยนจือจะหน้าไม่อายขนาดนี้ แว้งกัดต่อหน้าจี้เหว่ยหงก่อนซะงั้นสิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็ถึง จี้เหว่ยหงกลับเชื่อจริง ๆ"พ่อคะ ในสายตาพ่อหนุเป็นคนแบบนั้นเหรอ? พ่อไม่ถามหนูเลยด้วยซ้ำ แค่คำพูดของเสิ่นเยี่ยนจือฝ่ายเดียวก็คิดว่าหนุหักหลังเขาแล้ว?!"จี้อี่หนิงสูดหายใจลึก ตัดสินใจจะไม่ปิดบังเรื่องที่เสิ่นเยี่ยนจือนอกใจแอีกต่อไปแล้ว"พ่อรู้ไหมว่าเขาแอบ...""อี่หนิง เมื่อกี้พ่อเกือบจะเป็นลมเพราะเรื่องของเธอ หมอบอกว่าห้ามให้เขาถูกกระตุ้นแล้ว เธอต้องทำให้พ่อโมโหจนอกแตกตายก่อนถึงจะพอใจใช่ไหม?"เสียงของเสิ่นเยี่ยนจือดังมากจนกลบเสียงของจี้อี่หนิงไปหมดมือที่วางข้างลำตัวของจี้อี่หนิงกำแน่น ในใจเกลียดเสิ่นเยี่ยนจืออย่างสุดขีด"ในเมื่อคุณรู้ว่าพ่อของฉัน

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 96

    เสิ่นซื่อเงยหน้ามองเขา เอ่ยปากด้วยสีหน้าเย็นชา "รู้แล้ว"เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเฉยเมย ซุนสิงก็รู้สึกว่าการที่ตัวเองตั้งใจบอกเขาเรื่องนี้โดยเฉพาะมันไม่จำเป็นเลยพร้อมทั้งเตือนเสิ่นซื่อว่ามีประชุมตอนสิบโมง ซุนสิงก็หมุนตัวออกไปช่วงเที่ยง จี้อี่หนิงถือบัตรอาหารไปที่โรงอาหารเพิ่งเดินเข้าไปก็ต้องอึ้งกับความหรูหราของโรงอาหารชิงหง นี่ไม่ใช่โรงอาหารแล้ว ไม่ต่างอะไรกับร้านอาหารติดดาวเลยสักนิดเมื่อกวาดตามองไปแล้วอาหารทุกช่องล้วนประณีตเป็นอย่างมาก แค่มองก็รู้สึกหิวแล้วอีกทั้งราคาอาหารยังถูกมากเทียบเท่ากับโรงอาหารในมหาวิทยาลัยเลยโรงอาหารมีสามชั้นถ้วน มีอาหารครอบคลุมทุกชนิดทั้งอาหารตะวันตก อาหารจีน อีกทั้งยังมีอาหารประจำชาติเฉพาะกลุ่มประเทศอื่น ๆ อีกจี้อี่หนิงยืนต่อแถวอยู่ที่ช่องอาหารไทย สั่งข้าวผัดสับปะรดหนึ่งจานและต้มยำกุ้งหนึ่งถ้วยแล้วหาที่นั่งมุมหนึ่งนั่งลงเมื่อชิมน้ำซุปไปหนึ่งคำ ความเซอร์ไพรส์ก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเธอ นี่มันอร่อยเหมือนที่เธอเคยกินที่ร้านอาหารห้าดาวเลยก่อนหน้านี้บนโซเชียลมีคนพูดกันว่าเรื่องโรงอาหารของชิงหงเทียบเท่าระดับห้าดาว ตอนนั้นจี้อี่หนิงยังคิดว่ากล่าวเกินจร

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status