"ไม่...ไม่มีแล้ว" เมื่อเห็นนางเป็นแบบนี้ จิ้งโฮ่วก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกหยวนชิงหลิงกุมมือตัวเอง สูดหายใจเข้าลึก และกลืนยารักษาหัวใจ "ไม่ บอกข้า บอกข้ามา ข้าทนได้ อย่างน้อยที่สุดข้าแค่โกรธจนตาย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อย่างไรก็ตาม นั่นมันเรื่องท่านไม่เกี่ยวกับข้า"เมื่อเห็นว่านางเริ่มหอบและต้องกินยา จิ้งโฮ่วจึงรู้ได้ว่านางกำลังโกรธมาก ดังนั้นจึงต้องตอบอย่างซื่อสัตย์ ท้ายที่สุดจวนจิ้งโฮ่วต้องยังจำเป็นที่จะต้องพึ่งพานาง และมันคงไม่ดีถ้านางโกรธขึ้นมาจริง ๆเขาเลยตอบไปตามจริง ในจำนวนเหล่านี้มีสตรีที่แต่งงานแล้วมากกว่าสิบคน ต่างก็ล้วนเป็นภริยาของพวกขุนนางข้าราชบริพารหลังจากที่หยวนชิงหลิงได้ฟัง นางก็โกรธมากจนแทบจำไม่ได้ นางแค่สับสนว่าใบหน้าของหยวนปาหลงนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้หญิงได้อย่างไร?นางมองเขา เขามีหน้าตาที่ดีจริง ๆ เขาอายุสี่สิบปี รูปร่างของเขาดูอ่อนกว่าวัยไม่มากนัก เขามีดวงตาดอกท้อที่มีเสน่ห์คู่หนึ่ง และเขายังเคยได้ฝึกวรยุทธ์มาบ้าง แม้ว่าเขาจะถดถอยไปแล้วครึ่งหนึ่งด้วยสุรานารีก็ตาม แต่พื้นฐานของเขายังคงอยู่จิ้งโฮ่วพึมพำ "หลายปีมานี้ไม่มีทางเลือก บางครั้งเราต้องติดสินบนบ้าง ไม่เช่นนั้นด้ว
หยวนชิงหลิงไม่ได้โกรธเคืองหรือผิดหวังในชั่วขณะนั้น อันที่จริงในครอบครัวของนางไม่มีผู้อาวุโสที่ไว้ใจได้นอกจากท่านย่าของนางเท่านั้นแม้แต่แม่ของเจ้าของร่างเดิมอย่างนางหวงก็มาหานางในวันนั้น และนางก็ไม่ได้พูดอะไรหรือเห็นใจสักคำ แต่กลับเอาแต่พูดถึงการแข่งขันเพื่อแย่งชิงความโปรดปรานกับอนุโจวไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดของลูกสาวของตัวเองที่ให้กำเนิดทารกสามคนจนเกือบตายแม่สามีที่โหดร้าย และแม่ตัวเองก็เย็นชาอมหิต ถ้าไม่ใช่เพราะคำปลอบโยนอย่างจริงใจของนางข้าหลวงสี่ก่อนนอนทุกวัน นางคงทรุดลงไปแล้วจริง ๆเมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ นางข้าหลวงสี่รู้สึกเสียใจแทนนางและพูดว่า "อย่ากังวลกับเรื่องนั้น รักษาสุขภาพอยู่เดือนให้ดี ไม่ต้องกังวลกับสิ่งใดอื่นในตอนนี้ มันจะทำลายสุขภาพเอาได้ นอนเถอะเพคะ"หยวนชิงหลิงขานรับและหลับตาแม้ว่าใจจะกระวนกระวาย แต่ก็เหนื่อยล้ามากเหลือเกิน และหลังจากนั้นไม่นานก็ผล็อยหลับไปนางหลับไปหนึ่งชั่วยาม และเมื่อนางตื่นขึ้นมา นางก็เห็นเจ้าห้านั่งอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ นางสีหน้าของเขาดูจดจ่อมาก เขาพลิกหน้ากระดาษไปทีละหน้า หยวนชิงหลิงไม่ขยับเขยือนและมองเขาอยู่แบบนั้นมีหนังสือประเภทเด
“ไม่เพียงแค่ฮูหยินชางเท่านั้น แต่ยังมีฮูหยินของขุนนางข้าราชการทั้งน้อยใหญ่อีกกว่าสิบคนที่มีความสัมพันธ์กับเขา…”อวี่เหวินห่าวทนไม่ไหวอีกต่อไป "ไม่ใช่ใช่ไหม? เหล่าหยวน พ่อของเจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ ทำไมเขาถึงทำเช่นนี้? เขาเสพติดการเป็นชู้กับชาวบ้านหรือเปล่า"หยวนชิงหลิงแบมือ "ท่านว่าจะทำอย่างไรต่อ?"ดวงตาของอวี่เหวินห่าวเบิกกว้าง "ข้าจะทำอะไรได้อีก? ส่งเขาไป ถ้าเรื่องนี้ความแตกออกมา จวนจิ้งโฮ่วจะกลายเป็นตะแกรง? ถูกประนามด่าสาปจนตายเป็นแน่"“ข้าก็คิดอย่างนั้น ข้าหาวิธีบอกเขาให้ออกไปได้แล้ว” หยวนชิงหลิงพูดอย่างโกรธเคืองอวี่เหวินห่าวตกตะลึงอย่างมากและนึกถึงกู้จือขึ้นมา จึงเอ่ยถามไปว่า "เขายอมรับว่าลูกของกู้จือเป็นของเขาหรือไม่?""ไม่อยากยอมรับ แต่ข้าคาดว่าเป็นของเขาแน่ เขาบอกว่าเขาจะบีบคอเด็กหลังจากที่เด็กเกิดมา" หยวนชิงหลิงรู้สึกละอายใจเมื่อพูดออกมาอวี่เหวินห่าวพูดอะไรไม่ออก "เป็นไปได้ คนที่ทำงานใหญ่ เขาก็ต้องโหดร้ายมากพอ"“โหดร้ายและไร้ความปรานี? นับรวมเขาไม่ได้จริง ๆ เขาแค่เด็ดลูกพลับอ่อน จัดการแต่เรื่องง่าย ๆ เพียงเท่านั้น”อวี่เหวินห่าวไม่เห็นด้วย "อย่างน้อยเขาก็กล้าหาญกว่าข้
จิ้งโฮ่วพูดด้วยความโกรธ "นี่มันเรื่องของข้า ข้าไม่ได้บอกว่าจะจัดการกับมันอย่างไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเขา? หากมีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง"เขาไม่ยอมไปที่หนานเจียงเพื่อใช้ชีวิตอย่างทุรกันดาน ปราศจากความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่งในเมืองหลวง ไม่ใช่ท่านโฮ่วของราชสำนัก แต่เป็นเพียงสามัญชนเหมือนคนอื่นทั่วไปเขารู้สึกโกรธเล็กน้อยกับความปากมากของหยวนชิงหลิงไม่เคยมีใครรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน แต่ตอนนี้หลายคนรู้เรื่องนี้แล้ว แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะเกิดเรื่องขึ้นจริง แต่มันเป็นความผิดของนางที่มาวุ่นวายเองเองถังหยางโน้มน้าวอย่างจริงจัง "ท่านโฮ่ว ผู้หญิงเหล่านี้ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ฮูหยินชางทำให้ท่านหัวขาดได้เลยนะ แล้วฮูหยินคนอื่นอีกเล่า? ครอบครัวสามีของพวกนางมีหรือปล่อยท่านไปได้? ท่านรีบไป ออกไปจากที่นี่ อย่างน้อยที่สุดก็เอาชีวิตรอดได้ และรัชทายาทก็ไม่ต้องมาพลอยลำบากไปด้วย"จิ้งโฮ่วพูดอย่างไม่พอใจ "เจ้ามักพูดว่าข้าจะทำให้เขาเดือดร้อน ข้าไปทำให้เขาเดือดร้อนอย่างไร? ไม่ใช่เขาที่ไปมีเรื่องวุ่นวายกับพวกนางสักหน่อย เป็นแค่เรื่องซุบซิบเล็กน้อยมิใช่หรือ? แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้ว? เขาเป็
คาดไม่ถึงว่าในขณะที่กำลังจะพาจิ้งโฮ่วออกไปนั้น ฮูหยินเฒ่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย นางมีอาการเส้นเลือดในสมองแตกอย่างกะทันหัน แต่นางก็ได้รับการช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว แต่นางก็ยังพูดไม่ค่อยได้ และครึ่งร่างก็ขยับไม่ได้ เมื่อหยวนชิงหลิงได้ทราบนั้น นางรู้สึกกระวนกระวายใจมากที่ไม่สามารถกลับไปที่บ้านของนางได้ในช่วงที่อยู่เดือนเช่นนี้ นี่เป็นธรรมเนียม ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงขอให้เจ้าห้าและหมอหลวงไปเยี่ยมเมื่ออวี่เหวินห่าวและหมอหลวงมาถึง จิ้งโฮ่วและนางหวงฮูหยินของเขาก็ยืนอยู่ข้างเตียงดูแลฮูหยินเฒ่าอยู่ฮูหยินเฒ่ายังคงหลับอยู่ ใบหน้าของนางแดงก่ำ หมอหลวงบอกว่าหลังจากเกิดโรคลมนางเซื่องซึมมาก และสถานการณ์ก็ยังไม่พ้นขีดอันตราย ยังคงมีความเสี่ยงอยู่จิ้งโฮ่วถึงกับร้องไห้จนตาบวม เขาดึงอวี่เหวินห่าวออกมาและพูดว่า "ข้ารู้ว่าพวกท่านกำลังจะพาข้าไป ข้าเองก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน การอยู่ในเมืองหลวงมันอันตรายจริง ๆ ข้ายอมไปแล้ว แต่รออีกสองสามวัน หลังจากอาการของฮูหยินเฒ่าทรงตัวข้าจะไปเอง ไม่เช่นนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนางหลังจากที่ข้าออกไป ก็จะไม่มีใครส่งศพนางเลยแม้แต่คนเดียว”อวี่เหวินห่าวมองไปที
อวี่เหวินห่าวเห็นนางมองไปที่เสี่ยวลั่วหมี่อยู่ตลอดก็พูดว่า "อย่ารังเกียจไปเลย น่าเกลียดก็น่าเกลียดนิดหน่อย แต่เจ้าก็คลอดออกมาเอง ยอมรับเถอะนะ"หยวนชิงหลิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ "ดูอย่างไรว่าน่าเกลียด?"“ตัวเหลือง ๆ ย่น ๆ เหมือนลูกหนูตัวเล็ก ข้าคิดว่าไม่ควรเรียกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ น่าจะเรียกเสี่ยวเหล่าสู่มากกว่า” อวี่เหวินห่าวยื่นมือออกไปอุ้มเขาไว้ “อย่าอุ้มนานเกินไป แผลยังไม่หายดี”เขามองลงไปที่เสี่ยวลั่วหมี่พลันรู้สึกขี้เหร่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่หัวใจของเขาเต้นแรงเล็กน้อยเมื่อเห็นคนตัวเล็ก ๆ ที่เงียบสงบนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา ที่มีส่วนค่อนข้างคล้ายกับตัวเอง มันรู้สึกแปลกมากและมองไปก็คล้ายกับเหล่าหยวน จึงอดที่จะก้มหน้าจูบนางไม่ได้ลูกหนูสีเหลืองตัวเล็กนี้ แล้วมันทำไมกันล่ะ?“เขาตัวเหลืองค่อนข้างผิดปกติ” หยวนชิงหลิงกล่าว"อันที่จริงตาขาวก็เป็นสีเหลือง" อวี่เหวินห่าวกังวลเล็กน้อย "มีอะไรผิดปกติหรือไม่"“แค่เฝ้าสังเกตดูก่อน ไม่ต้องกังวลไป” หยวนชิงหลิงกล่าว“หนำซ้ำยังผอมมาก หรือว่าไม่ได้กินนม” อวี่เหวินห่าวอุ้มไปไว้ที่เปล หลังจากเปรียบเทียบทั้งสามคน ก็รู้สึกว่าเสี่ยวลั่วหมี่มีอะไรบางอย่าง
หยวนชิงหลิงยิ้ม "ข้าชอบนะ"ชื่อที่ราชวงศ์ตั้งให้ต้องบอกความหมายและความนัยนางชอบชื่อทั้งสามมากการได้เป็นมนุษย์มีชีวิตที่สงบสุขและร่มเย็น และชื่อสกุลอวี่ที่สอดคล้องกันก็เหมาะกับชื่อนี้เช่นกันอวี่เหวินห่าวชอบคำว่ากตัญญูเขาเห็นชัดเจนว่าที่เหล่าหยวนให้กำเนิดพวกเขานั้นลำบากเพียงใด ดังนั้นในอนาคตลูก ๆ จะต้องกตัญญูต่อเหล่าหยวนกู้จือถูกส่งกลับไปที่อารามชีหมิงเยว่ หยวนชิงหลิงมอบยาไร้กังวลให้แก่นาง และขอให้แม่นมฉีไปที่นั่นเพื่อดูแลนางจิ้งโฮ่วไม่กล้าที่จะสร้างปัญหาใด ๆ ในช่วงนี้ และทุ่มเทดูแลฮูหยินเฒ่าในจวนเพียงเท่านั้นตอนนี้ฮูหยินเฒ่าคือผู้ช่วยชีวิตของเขา นางตายไม่ได้เป็นขาด แต่นางก็อยู่อย่างสบายไม่ได้เช่นเดียวกันอนุโจวคิดว่าเขาทำเช่นนี้เพื่อแสดงละคร และเห็นเขาดูแลฮูหยินเฒ่าอย่างหนัก นางแอบพูดกับเขาว่า "ท่านโฮ่วไม่ต้องลำบากดูแล ให้คนรับใช้มาปรนนิบัตินางเถิด ฮูหยินเฒ่าไร้ประโยชน์ ใช้การไม่ได้แล้ว"หลังจากได้ยิน จิ้งโฮ่วก็โกรธเป็นอย่างมากจนตบหน้านางลงไป และพูดอย่างโกรธเคือง "เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ไร้ประโยชน์ ถ้าเจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระ ข้าจะฉีกปากเจ้าเป็นชิ้น ๆ"จิ้งโฮ่วโปรดปร
จิ้งโฮ่วที่ได้ยินก็ผิดหวังมาก เขาพูดด้วยความโกรธว่า "หยวนชิงหลิง ในสายตาของเจ้ายังมีข้าเป็นพ่ออยู่หรือไม่?"หยวนชิงหลิงไม่อยากคุยกับเขา เมื่อเห็นว่าเขาโกรธ นางจึงไม่ถามถึงท่านย่า เกรงว่าเขาจะโกรธจนจะสาปแช่งออกมาฆ่าลูกชายและขายลูกสาวเขายังทำได้ แล้วนับประสาอะไรการสาปแช่งแม่ของตัวเอง บางทีก็อาจทำได้เช่นเดียวกันนางจึงหันหลังกลับและออกไปจิ้งโฮ่วพูดใส่นางด้วยความโมโห "ถ้าเจ้าไม่บอก ข้าจะไปหาลูกเขยของข้าเอง"หยวนชิงหลิงไม่หันหน้ากลับมา และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ข้าจะบอกเขาให้อยู่ห่างจากท่าน พวกเราไม่สนใจท่านอีกต่อไปแล้ว"หลังจากได้ยินเช่นนี้ จิ้งโฮ่วรู้สึกว่าเขาพยายามทุ่มเทอย่างหนักเพื่อส่งนางมาถึงจุดนี้ แต่นางไม่เชื่อฟังและยังเนรคุณอีก เขาโกรธมากจนอยากจะทุบทำลายข้าวของ แต่เพราะตัวเองไม่มีปัญญาจ่ายอะไรได้สักอย่าง จึงจำต้องกลับไปด้วยความโกรธเมื่อหยวนชิงหลิงกลับมาถึงที่ห้อง นางโกรธมากจนปวดท้องไปหมด แต่นางเป็นห่วงท่านย่าของนางจริง ๆ ดังนั้นนางจึงขอให้หมานเอ๋อร์เชิญหมอหลวงเฉาไปที่จวนจิ้งโฮ่วเพื่อดูว่าท่านย่าเป็นอย่างไรบ้างหมอหลวงเฉาที่กลับมาในตอนเย็นนั้น ได้รายงานกับหยวนชิงหลิงว่า "