Share

บทที่ 932

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
อวี่เหวินห่าวเห็นนางมองไปที่เสี่ยวลั่วหมี่อยู่ตลอดก็พูดว่า "อย่ารังเกียจไปเลย น่าเกลียดก็น่าเกลียดนิดหน่อย แต่เจ้าก็คลอดออกมาเอง ยอมรับเถอะนะ"

หยวนชิงหลิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ "ดูอย่างไรว่าน่าเกลียด?"

“ตัวเหลือง ๆ ย่น ๆ เหมือนลูกหนูตัวเล็ก ข้าคิดว่าไม่ควรเรียกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ น่าจะเรียกเสี่ยวเหล่าสู่มากกว่า” อวี่เหวินห่าวยื่นมือออกไปอุ้มเขาไว้ “อย่าอุ้มนานเกินไป แผลยังไม่หายดี”

เขามองลงไปที่เสี่ยวลั่วหมี่พลันรู้สึกขี้เหร่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่หัวใจของเขาเต้นแรงเล็กน้อยเมื่อเห็นคนตัวเล็ก ๆ ที่เงียบสงบนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา ที่มีส่วนค่อนข้างคล้ายกับตัวเอง มันรู้สึกแปลกมาก

และมองไปก็คล้ายกับเหล่าหยวน จึงอดที่จะก้มหน้าจูบนางไม่ได้

ลูกหนูสีเหลืองตัวเล็กนี้ แล้วมันทำไมกันล่ะ?

“เขาตัวเหลืองค่อนข้างผิดปกติ” หยวนชิงหลิงกล่าว

"อันที่จริงตาขาวก็เป็นสีเหลือง" อวี่เหวินห่าวกังวลเล็กน้อย "มีอะไรผิดปกติหรือไม่"

“แค่เฝ้าสังเกตดูก่อน ไม่ต้องกังวลไป” หยวนชิงหลิงกล่าว

“หนำซ้ำยังผอมมาก หรือว่าไม่ได้กินนม” อวี่เหวินห่าวอุ้มไปไว้ที่เปล หลังจากเปรียบเทียบทั้งสามคน ก็รู้สึกว่าเสี่ยวลั่วหมี่มีอะไรบางอย่าง
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 933

    หยวนชิงหลิงยิ้ม "ข้าชอบนะ"ชื่อที่ราชวงศ์ตั้งให้ต้องบอกความหมายและความนัยนางชอบชื่อทั้งสามมากการได้เป็นมนุษย์มีชีวิตที่สงบสุขและร่มเย็น และชื่อสกุลอวี่ที่สอดคล้องกันก็เหมาะกับชื่อนี้เช่นกันอวี่เหวินห่าวชอบคำว่ากตัญญูเขาเห็นชัดเจนว่าที่เหล่าหยวนให้กำเนิดพวกเขานั้นลำบากเพียงใด ดังนั้นในอนาคตลูก ๆ จะต้องกตัญญูต่อเหล่าหยวนกู้จือถูกส่งกลับไปที่อารามชีหมิงเยว่ หยวนชิงหลิงมอบยาไร้กังวลให้แก่นาง และขอให้แม่นมฉีไปที่นั่นเพื่อดูแลนางจิ้งโฮ่วไม่กล้าที่จะสร้างปัญหาใด ๆ ในช่วงนี้ และทุ่มเทดูแลฮูหยินเฒ่าในจวนเพียงเท่านั้นตอนนี้ฮูหยินเฒ่าคือผู้ช่วยชีวิตของเขา นางตายไม่ได้เป็นขาด แต่นางก็อยู่อย่างสบายไม่ได้เช่นเดียวกันอนุโจวคิดว่าเขาทำเช่นนี้เพื่อแสดงละคร และเห็นเขาดูแลฮูหยินเฒ่าอย่างหนัก นางแอบพูดกับเขาว่า "ท่านโฮ่วไม่ต้องลำบากดูแล ให้คนรับใช้มาปรนนิบัตินางเถิด ฮูหยินเฒ่าไร้ประโยชน์ ใช้การไม่ได้แล้ว"หลังจากได้ยิน จิ้งโฮ่วก็โกรธเป็นอย่างมากจนตบหน้านางลงไป และพูดอย่างโกรธเคือง "เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ไร้ประโยชน์ ถ้าเจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระ ข้าจะฉีกปากเจ้าเป็นชิ้น ๆ"จิ้งโฮ่วโปรดปร

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 934

    จิ้งโฮ่วที่ได้ยินก็ผิดหวังมาก เขาพูดด้วยความโกรธว่า "หยวนชิงหลิง ในสายตาของเจ้ายังมีข้าเป็นพ่ออยู่หรือไม่?"หยวนชิงหลิงไม่อยากคุยกับเขา เมื่อเห็นว่าเขาโกรธ นางจึงไม่ถามถึงท่านย่า เกรงว่าเขาจะโกรธจนจะสาปแช่งออกมาฆ่าลูกชายและขายลูกสาวเขายังทำได้ แล้วนับประสาอะไรการสาปแช่งแม่ของตัวเอง บางทีก็อาจทำได้เช่นเดียวกันนางจึงหันหลังกลับและออกไปจิ้งโฮ่วพูดใส่นางด้วยความโมโห "ถ้าเจ้าไม่บอก ข้าจะไปหาลูกเขยของข้าเอง"หยวนชิงหลิงไม่หันหน้ากลับมา และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ข้าจะบอกเขาให้อยู่ห่างจากท่าน พวกเราไม่สนใจท่านอีกต่อไปแล้ว"หลังจากได้ยินเช่นนี้ จิ้งโฮ่วรู้สึกว่าเขาพยายามทุ่มเทอย่างหนักเพื่อส่งนางมาถึงจุดนี้ แต่นางไม่เชื่อฟังและยังเนรคุณอีก เขาโกรธมากจนอยากจะทุบทำลายข้าวของ แต่เพราะตัวเองไม่มีปัญญาจ่ายอะไรได้สักอย่าง จึงจำต้องกลับไปด้วยความโกรธเมื่อหยวนชิงหลิงกลับมาถึงที่ห้อง นางโกรธมากจนปวดท้องไปหมด แต่นางเป็นห่วงท่านย่าของนางจริง ๆ ดังนั้นนางจึงขอให้หมานเอ๋อร์เชิญหมอหลวงเฉาไปที่จวนจิ้งโฮ่วเพื่อดูว่าท่านย่าเป็นอย่างไรบ้างหมอหลวงเฉาที่กลับมาในตอนเย็นนั้น ได้รายงานกับหยวนชิงหลิงว่า "

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 935

    หยวนชิงหลิงที่ได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะไม่ได้ "ในบรรดาผู้หญิง มีผู้หญิงไม่มากนักที่ปล่อยวางได้เท่าเจ้า"พระชายาจี้ไม่คิดอะไรและพูดว่า "สถานการณ์บังคับทั้งนั้น ใครไม่อยากมีชีวิตที่มีสามีรักใคร่ทะนุถนอมบ้าง? แต่ถ้าไม่ได้ก็อย่าฝืนไปเลย ข้าผ่านมาครึ่งชีวิตแล้ว ยังจะเสพสุขอะไรอีก? ตอนนี้ข้าทำเพื่อลูก ข้าทำทุกอย่างเพื่อพวกนาง ถ้าหากพวกนางสบายดี ข้าก็วางใจแล้ว”หยวนชิงหลิงที่เป็นแม่คนแล้วเห็นด้วยกับประโยคนี้"อย่างไรก็ตาม” เมื่อนึกถึงเรื่องของเสียนเฟยขึ้นมาได้บางอย่างจึงมองมาที่นางแล้วพูดว่า "รู้ไหม เสียนเฟยก่อเรื่องวุ่นวายในวัง ค่อนข้างร้ายแรงเลยทีเดียว""ก่อเรื่องอะไรขึ้นรึ?" เมื่อหยวนชิงหลิงพูดถึงเสียนเฟย นางมักจะนึกถึงคำพูดที่นางได้ยินในห้องคลอด และอดรู้สึกเหน็บหนาวในใจขึ้นมาไม่ได้พระชายาจี้กล่าวว่า "จะก่อเรื่องอะไรได้อีก โต้แย้งเรื่องตำแหน่งฐานะน่ะสิ ตอนนี้เจ้าห้าเป็นรัชทายาทแล้ว นางควรได้เป็นหวังกุ้ยเฟย แต่นางไม่พอใจที่เสด็จพ่อไม่ได้เลื่อนตำแหน่งใหม่ให้นาง และไม่กล้าสร้างปัญหากับเสด็จพ่อ จึงไปร้องห่มร้องไห้กับไทเฮา เมื่อวานนี้ไทเฮาทนไม่ไหวเลยตำหนินางไป นางกำลังโกรธไทเฮา แล้วบัง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 936

    จิ้งโฮ่วลงจากรถม้ามา แล้วเดินคนเดียวบนถนนตะวันออก ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านไปมาทำให้เขารู้สึกเหว่ว้าและสิ้นหวังเขาพบโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้วเขาก็สั่งเหล้ามาดื่มเอง เช่นเดียวกับบรรดานักปราชญ์และนักกวีทุกยุคทุกสมัย เวลารู้สึกเจ็บแปลบในใจก็อยากจะเขียนบทกวีออกมา แต่เขาละเลยเรื่องบทกวีกับวรรณกรรมมานานมากแล้ว หลายปีมานี้มีชีวิตเหมือนสุนัขและแมลงวัน ในใจยึดติดกับหน้าที่การงาน จะมีใจที่จะเขียนบทกวีได้อย่างไรความรู้สึกหดหู่ในใจมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงเงยหน้าขึ้นและดื่มเหล้าเกือบหมดไห จนเริ่มรู้สึกเมาวิงเวียนและตาพร่ามัวขึ้นมา“เฮ้ นี่หยวนซื่อหลางไม่ใช่หรือ?” ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเย้ยหยันที่ดังขึ้นเขาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ เห็นชายวัยกลางคนในชุดผ้าสีน้ำเงินเดินเข้ามาพร้อมกับคนรับใช้ เมื่อเขามองเข้าไปใกล้ ๆ ก็พบว่านั่นคืออู๋ซื่อหลางเขารู้สึกผิดอยู่ครู่หนึ่ง และสีหน้าของเขาก็ตื่นตระหนกขึ้นมา เพราะฮูหยินของอู่ซื่อหลางคนนี้เคยสนิทกับเขาอู่ซื่อหลางอายุได้ห้าสิบสามปีในปีนี้ ฮูหยินคนก่อนของเขาอยู่ตอนเลื่อนตำแหน่งของเขา และหย่าขาดจากกันด้วยความหึงหวง เขาแต่งงานกับฮูหยินคนปัจจุบั

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 937

    จิ้งโฮ่วยิ้มอย่างมีเลศนัย รอยยิ้มนี้เป็นนิสัย และเขาเองก็เผลอแสดงมันออกมาโดยไม่ตั้งใจหลังจากหัวเราะแล้ว เขานึกขึ้นได้ว่าเรื่องของกู้จือเป็นอ๋องอันที่เป็นคนบงการ จนเขาอดรู้สึกโกรธขึ้นมาในใจไม่ได้อย่างไรก็ตาม เมื่อเสี่ยวเอ้อร์ยกแก้วเหล้ามาวางบนโต๊ะ เขาก็ยืนขึ้นมาประสานมือความเคารพและรินเหล้าให้ "ท่านอ๋อง กระหม่อมรินเหล้าให้พ่ะย่ะค่ะ"เมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนน้อมของเขา อ๋องอันก็พอใจมากและจิบเหล้าไปหนึ่งคำ "เหล้านี้ไม่ดี ถ้าจิ้งโฮ่วไม่รังเกียจ ไปที่จวนอ๋องอันเพื่อดื่มสักหน่อยดีหรือไม่? ""มิกล้า ๆ กระหม่อมไม่อาจรับไว้!" จิ้งโฮ่วรู้สึกปลื้มใจและพูดทันทีอ๋องอันยืนขึ้นและพูดอย่างมีความนัย "ท่านโฮ่วเชิญ!"จิ้งโฮ่วโค้งคำนับ "ท่านอ๋องเชิญ"เมื่อเขามาถึงจวนอ๋องอัน อ๋องอันสั่งให้คนยกเหล้าชั้นดีมาและแลกแก้วกันดื่ม หลังจากนั้นไม่นานจิ้งโฮ่วก็เมาไปมากแล้วเขาเองก็เป็นคนคอแข็งดื่มเก่ง เนื่องจากปีนี้มีเรื่องให้สังสรรค์เยอะ จึงต้องดื่มเก่งไปโดยปริยายแต่ในใจของเขาช่างหดหู่เหลือเกิน และเหล้าก็แรงจนเขาทนไม่ไหวจริง ๆเมื่อเห็นว่าเขาเมาพอสมควรแล้ว อ๋องอันก็วางแก้วลงและมองจิ้งโฮ่ว "ท่านโฮ่วอายุแค่ส

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 938

    อนุโจวเห็นเขาลืมตาขึ้นก็ถอยห่างด้วยความตกใจ แล้วพูดบ่นอย่างไม่พอใจว่า "ท่านเห็นผีรึไง? เบิกตากว้างขนาดนี้ คนไม่รู้นึกว่าศพกระตุกเด้งขึ้นมาเสียอีก"จิ้งโฮ่วที่ได้ยินก็ตะคอกใส่นาง "หุบปาก หาเรื่องดี ๆ จากปากเน่าเหม็นไม่ได้เลยจริง ๆ ศพกระตุกอะไรกัน? ข้าตายไปแล้วหรือไง?"อนุโจวตกใจกับเสียงตะคอกของเขา เห็นว่าช่วงนี้เขาโกรธมากจริง ๆ จึงไม่กล้ายั่วโมโหเขา นางจึงยกซุปแก้เมาค้างขึ้นมาแล้วพูดว่า "ดื่มซุปแก้เมาค้างก่อน"จิ้งโฮ่วคอแห้งมาก เขารับมันและดื่มรวดเดียวแล้วถามว่า "คืนนี้ท่านแม่กินอะไรแล้วยัง?"อนุโจวเม้มปาก “ใครจะไปรู้กัน? ฮูหยินดูแลอยู่ทางนั้น”จิ้งโฮ่วยกผ้าห่มลุกขึ้นจากเตียง อนุโจวห้ามเขาไว้ "ท่านจะไปทำอะไรกัน? มันดึกแล้ว ถ้าท่านอยากไป พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้ ตอนนี้ฮูหยินเฒ่าคงหลับไปแล้ว"จิ้งโฮ่วเดินโซซัดโซเซออกไปพลางสบถ "เจ้าไม่รู้อะไรเลย คนที่ป่วยแบบนี้นอนทั้งวัน? ในตอนกลางวันนอนมากขนาดนั้น ในตอนกลางคืนแบบนี้นอนไม่หลับหรอก"อนุโจวพูดอย่างไม่พอใจ "ไม่เคยเห็นจะกตัญญูแบบนี้มาก่อนเลย ไม่รู้ไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า ถึงมาทำดีชดเชย หรือว่าท่านทำให้ฮูหยินเฒ่าโกรธมากกันแน่?”จิ้งโฮ่วหันขวั

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 939

    จิ้งโฮ่วนิ่งอึ้งไปและมองกลับมาที่อ๋องอัน "ใคร? พูดอะไรพ่ะย่ะค่ะ?"อ๋องอันหรี่ตา "ฮูหยินชางนางขอให้ข้าถามท่านโฮ่วว่านานแล้วทำไมไม่ได้เจอท่านโฮ่วเลย"จู่ ๆ สีเลือดบนหน้าจิ้งโฮ่วก็ซีดลง ขาของเขารู้สึกอ่อนแรง เขาทรุดตัวคุกเข่าลงมา ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปหมดอ๋องอันนั่งลงและมองเขาอย่างเคร่งขรึม "ท่านโฮ่ว คนไม่ตายเพราะฟ้าดินลงโทษหรอก ท่านผ่านมาครึ่งชีวิตไม่เคยคิดถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวอะไรเลย ท่านเสียสละทุกอย่างเพื่อตำแหน่งหน้าที่ของท่าน เสียทุกอย่างไปแล้ว ตอนนี้เห็นโอกาสใหญ่อยู่ตรงหน้า ท่านจะยอมแพ้จริงรึ ท่านปกป้ององค์หญิงรัชทายาทเช่นนี้ สงสัยจริงว่าถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับท่าน นางจะปกป้องท่านเช่นนี้หรือไม่? "จิ้งโฮ่วคุกเข่าลงกับพื้น ร่างกายของเขายังคงสั่นและกำลังจะร้องไห้ออกมาแล้ว“ท่านอ๋องทราบได้อย่างไร” เขาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเขาคิดว่าเขาเก็บความลับได้ดี และฮูหยินชางจะไม่บอกคนนอก อ๋องอันรู้ได้อย่างไร?อ๋องอันยิ้มเย้ยหยัน "ถ้าท่านไม่อยากให้ใครรู้ ท่านก็ไม่ควรทำเลย ไม่ใช่แค่ฮูหยินชางเท่านั้น ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับท่านโฮ่วด้วย ตอนนี้ท่านโฮ่วมีเพียงสองทางเลือก ทำตามที่ข้าบอกเมื

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 940

    เป็นหลักฐานที่พิสูจน์ว่าได้เจ้าอาวาสนั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ ดังนั้นจักรพรรดิหมิงหยวนจึงอนุญาตให้ครอบครัวของพวกเขาอาศัยอยู่ในจวนอ๋องฉู่เป็นการชั่วคราวนอกจากนี้ อ๋องฉู่ยังคงตำแหน่งเดิมของเขา และยังไม่ได้ถูกเรียกกลับคืน ดังนั้นจึงยังคงเรียกว่าจวนอ๋องฉู่ดังเดิม และไม่มีใครมาแย้งความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับเรื่องนี้จักรพรรดิไม่ได้บอกว่าจะจัดงานเลี้ยงครบเดือนของเด็กทั้งสามคนอย่างไร แต่ไท่ซ่างหวงได้ตรัสไว้แล้วว่าทั้งหมดจะจัดขึ้นตามแบบธรรมเนียมของลูกชายคนโตของราชวงศ์ในช่วงเวลานี้ ท่าทีไท่ซ่างหวงในพระตำหนักเฉียนคุนดูแล้วไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เดินเอามือไพล่หลังอย่างกระวนกระวายใจทั้งวันฉางกงกงจึงถามเขาว่า "พระองค์ทรงเป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ? ลงแดงอยากดื่มสุราสักอึกใช่หรือไม่? ถ้าพระองค์อยากดื่ม บ่าวจะเชิญมหาเสนาบดีฉู่และเซียวเหยากงเข้าวังมาดื่มเป็นเพื่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”ไท่ซ่างหวงหันกลับมามองเขา "ไม่ต้อง ๆ พวกเขาน่ารำคาญมาก"“แล้วพระองค์ทรงเป็นอะไรไป?” ฉางกงกงถามไท่ซ่างหวงไม่พูดอะไรสักคำ เขายังคงเดินไปรอบ ๆ สองสามครั้ง จากนั้นนั่งลงและเรียกตัวฝูเข้ามา และฝึกสอนมันอยู่พักหนึ่ง เมื่อเงยหน้าขึ้นและเห็นฉางกง

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status