เขาหันกลับไปสั่งถังหยางและเอ่ยอย่างเย็นชา "เชิญพระสนมเสียนเฟยเสด็จกลับวังพ่ะย่ะค่ะ"“ลูกห้า อย่าเมินคำแนะนำของข้า แม่ทำทุกอย่างเพื่อเจ้านะ” พระสนมเสียนเฟยพูดอย่างร้อนใจ และยื่นมือไปดึงแขนเขา เขาสะบัดทิ้งและก็เข้าไปข้างในพร้อมปิดประตูทันทีถังหยางพยายามเกลี้ยกล่อมให้นางกลับไป หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนจากข้างนอก "พระสนมเสียนเฟย เคลื่อนขบวนได้!"อวี่เหวินห่าวนั่งบนเตียงและกอดหยวนชิงหลิงเอาไว้สำหรับชีวิตคู่แล้ว นี่เป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดในใจของหยวนชิงหลิงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะถามเต็มไปหมดนางอยากถามเกี่ยวกับความวุ่นวายข้างนอก และยังอยากบอกว่าเสียนเฟยบอกนางให้รักษาเด็กไม่รักษาแม่เอาไว้อย่างไรก็ตาม ในตอนท้ายนางไม่ได้ถามหรือพูดอะไร เรี่ยวแรงของเธอที่เหลืออยู่ตอนนี้ ทำให้นางสนสถานการณ์อื่นไม่ได้อีกนางยังคงหอบเล็กน้อยเหมือนปลาทองท้องโตอวี่เหวินห่าวอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ยื่นมือออกไปประคองเอวของนาง และกดไปที่หน้าท้องด้านข้างเบา ๆ เขารู้สึกได้ว่าเด็กกำลังเคลื่อนไหวอยู่ข้างในการเคลื่อนไหวนั้นรุนแรงราวกับว่าทนรอแทบไม่ไหวแล้วที่จะออกมาอวี่เหวินห่าวรู้สึกได้ แม้ว่าเขาจ
หลังจากที่พระสนมเสียนเฟยถูกเชิญกลับวัง นางก็กระวนกระวายมากไทเฮาทรงหมดสติไปสองครั้งครั้ง เพราะการกระทบกระเทือนถึงครรภ์ของหยวนชิงหลิง หากเกิดอะไรขึ้นกับไทเฮา ตระกูลซูจะทำอย่างไร? ตระกูลซูในวันนี้ล้วนได้รับการสนับสนุนจากไทเฮาทั้งสิ้นนางนึกถึงสิ่งที่ลูกห้าพูดแล้วรู้สึกหวาดกลัวขึ้น หยวนชิงหลิงคนนี้รู้จักมนต์เสน่ห์หรือไม่? ทำให้ลูกห้าหลงใหลเช่นนี้ กล่าวได้ว่าในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่แสนสำคัญ เขาจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาหยวนชิงหลิงเอาไว้เขาไม่สนอนาคตของตัวเองหรือ? ไม่ได้ ปล่อยหยวนชิงหลิงอยู่เคียงข้างเขาไว้ไม่ได้แล้ว มิฉะนั้น ในภายภาคหน้าลูกห้าจะสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ทั้งหมดและกลายเป็นคนขี้ขลาดอย่างสิ้นเชิงนางต้องคิดหาวิธีในพริบตาก็เข้าสู่ต้นเดือนเมษายน หยวนชิงได้รับบาดเจ็บ ผ่านการพักฟื้นก็ไม่ได้ผล และนางยังคงอยู่บนเตียงทุกคนคิดว่าหยวนชิงหลิงกำลังจะคลอดลูกในปลายเดือนมีนาคม แต่คาดไม่ถึงว่าในต้นเดือนเมษายน ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดจากนาง ซึ่งทำให้ผู้คนวิตกกังวลอย่างมากทั้งหมดนับดูนับว่าเป็นเวลาเก้าเดือนแล้วไม่รู้ว่าเกิดเรื่องบ้าบออะไรขึ้นมากับราชวงศ์เป่ยถังในปีนี้จริง ๆ ไทเฮาทร
อาหรูถอนหายใจเบา ๆ “เพคะ หม่อมฉันจะออกไป”เมื่อพระชายาอันมาถึงห้องหนังสือ อ๋องอันก็ลุกขึ้นจับมือนางแล้วพูดเบา ๆ ว่า "ทำไมใส่เสื้อผ้าน้อยจริง ไม่หนาวรึ?”พระชายาอันยิ้มอย่างอ่อนโยน "ไม่หนาว ลมอุ่นดีเพคะ""รีบนั่งลงเถอะ" หลังจากให้นางนั่งลง อ๋องอันก็โอบไหล่นางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า "เจ้ารู้เรื่องที่พระชายาฉู่จะคลอดแล้วใช่ไหม? เพราะเรื่องของนางทำให้ไท่ซ่างหวงและไทเฮาล้มป่วย ข้าจึงเป็นห่วง"พระชายาอันถอนหายใจอย่างโศกเศร้า "ใช่ หม่อมฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จู่ ๆ เรื่องก็วุ่นวายเช่นนี้""ก่อนหน้านี้ ถึงข้าจะมีเรื่องเข้าใจผิดกับเจ้าห้า แม้ว่าในภายหลังความเข้าใจผิดจะคลี่คลายลงแล้ว แต่ก็มีความร้าวฉานเหลืออยู่ ข้าเองก็ไปถามไถ่เขาไม่ได้ แต่เป็นพี่น้องกัน เมื่อเกิดเรื่องขึ้นที่จวนของเขา ในฐานะพี่ชายจะไม่สนใจถามไถ่มันก็รู้สึกไม่ดีนัก เจ้าเข้าวังไปหาพระสนมเสียนเฟย และให้คำแนะนำนิดหน่อยก็ถือว่าพวกเราทำดีที่สุดแล้ว”พระชายาอันมองเขาด้วยแววตาลังเล “วันที่เจ้าห้าพาคนมาก่อเรื่อง และเอาแต่พูดว่าท่านทำร้ายพระชายาของเขา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”นางอยากจะถามเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ไม่กล้าถาม เพรา
ไทเฮาที่ประชวรอยู่นั้น เมื่อได้ฟังคำแนะนำของพระสนมเสียนเฟย จึงได้พยายามดิ้นรนสั่งให้คนไปเชิญจักรพรรดิหมิงหยวน และขอทำพิธีสักการะบูชาฟ้าดินอย่างจักรพรรดิหมิงหยวนมีหรือคิดจะสักการะฟ้าดินที่ไหน? แต่ไทเฮาเชื่อว่าเป็นเพราะในปีที่แล้ว ที่ไม่ได้จัดงานอย่างยิ่งใหญ่ จึงถูกสวรรค์ลงโทษจักรพรรดิหมิงหยวนกลัวว่าความคิดฟุ้งซ่านของนางจะทำให้นางเสียสุขภาพได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตกลงเพียงแต่ว่าพิธีสักการะบูชาฟ้าดินอย่างยิ่งใหญ่นั้นไม่สามารถทำได้ด้วยการสั่งออกไปแค่คำสองคำไทเฮามีพระราชเสาวนีย์เชิญท่านเจ้าอาวาสเข้าวังเพื่อหารือกับกรมราชพิธี เรื่องพิธีสักการะบูชาฟ้าดินก่อนที่เจ้าอาวาสจะเข้าวัง เขาบอกอวี่เหวินห่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า หากพระชายามีสัญญาณของการคลอดบุตรจะต้องแจ้งให้เขาทราบหยวนชิงหลิงเคยบอกอวี่เหวินห่าวมาก่อนว่า เขาต้องการให้เจ้าอาวาสอยู่เฝ้าเพื่ออธิษฐานขอพร แต่อวี่เหวินห่าวได้ยินว่ามีการจัดพิธีสักการะบูชาฟ้าดินดังนั้นเขาจึงไม่ได้ขัดขวาง เขาอธิษฐานขอพรในจวนอยู่แล้ว และพิธีสักการะบูชาฟ้าดินดูจะทรงพลังมาก บางทีอาจจะได้ผลดีกว่าเขาเพียงแต่บอกหยวนชิงหลิงว่า เขาจะจัดพิธีสักก
หยวนชิงหลิงยิ้ม “ดี”อย่าตกใจจนเป็นลมไปซะก่อน“ว่าแต่ท่านเจ้าอาวาสอยู่ที่ไหน?” หยวนชิงหลิงถามเหมือนว่าไม่ได้พบเขามาสองวันแล้วอวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "ไปเป็นประธานในพิธีสักการะฟ้าดิน"หยวนชิงหลิงตกใจขึ้นมาทันที และคว้าข้อมือของเขาไว้ "ไปพิธีสักการะฟ้าดินหรือ? จะกลับมาเมื่อไหร่?""เสร็จงานแล้วคงกลับมา" อวี่เหวินห่าวพยายามทำสีหน้าผ่อนคลาย และปลอบโยนนางด้วยรอยยิ้ม “เจ้าวางใจเถอะ เจ้าอาวาสเคยบอกไว้ว่าตอนที่เจ้าจะคลอดให้บอกเขา แต่ข้าคิดว่าเขาสามารถอธิษฐานขอพรเผื่อเจ้าได้ในพิธี"ท่าทางสงบและผ่อนคลายบนใบหน้าของหยวนชิงหลิงหายไป และรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที "เชิญกลับมาก่อนได้หรือไม่?"สีหน้าของอวี่เหวินห่าวเปลี่ยนไปเล็กน้อย และพูดว่า "เกิดอะไรขึ้น? นั่นคงไม่ได้หรอก เสด็จพ่อและข้าราชบริพาน รวมทั้งผู้คนทั่วทั้งเมืองคงไปที่นั่นกันหมด ในฐานะเจ้าภาพของพิธี เขาย่อมกลับมาก่อนไม่ได้"จู่ ๆ ใจของหยวนชิงหลิงก็ว้าวุ่นไปหมด "พยุงข้ากลับไปที"“เป็นอะไรไป? เจ้าเดินไม่ได้อีกแล้วใช่ไหม?” อวี่เหวินห่าวอยากจะอุ้มนางไป แต่หยวนชิงหลิงหันกลับมาแล้วเอ่ยว่า “ไปเรียกอาซื่อมา”เมื่อหยวนชิงหลิงกลับมาที่เรือนที่พัก
ข่าวความเคลื่อนไหวของพระชายาฉู่ถูกรายงานไปยังพระตำหนักของไทเฮาทันทีไทเฮาทนไม่ไหวจนอยากจะออกจากวัง เสียนเฟยรีบห้ามนางและกล่าวว่า "ท่านป้า ท่านไปไม่ได้ ท่านยังป่วยอยู่เลย"“ข้าไม่สบายใจ ไปดูเองถึงจะสบายใจได้”เสียนเฟยปลอบโยนนาง "ท่านป้า ให้ข้าไปดีกว่า ข้าเป็นแม่สามีของนางอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรผิดพลาด ข้ายังสั่งการได้ ท่านอย่าไปเลย ตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นบ้าง หากเกิดเหตุร้ายขึ้นมา ร่างกายท่านรับไหวหรือไม่?”ไทเฮาที่ทรงร้อนรนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้นางก็ตำหนิทันที “พูดอย่างนั้นได้อย่างไร? ตบหน้าตัวเองเดี๋ยวนี้ พูดอะไรดี ๆ ไม่ได้เลยรึ เหตุร้ายอะไรกัน?"เสียนเฟยรู้ว่านางทำพลาดไป นางจึงตบตัวเองสองครั้งเพื่อเอาใจไทเฮา “ได้ ๆ ข้าตบปากเอง ไทเฮาโปรดให้ข้าออกจากวังไปด้วยเถอะนะเพคะ”ไทเฮาอยากไปจริง ๆ แต่สิ่งที่เสียนเฟยพูดทำให้นางตกใจมากนางจะทนได้อย่างไรดังนั้นนางจึงสั่งการลงไป ให้พาหูโม่โม่ออกจากวังไปกับนางไทเฮาจับข้อมือของนางและตรัสว่า "เจ้าต้องเฝ้าดูไว้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ให้หมอหลวงรักษานางด้วยกำลังทั้งหมดที่มี และใช้ยาที่ดีที่สุด"“อย่ากังวลไปเลย ยาในวังได้เตรียมไ
เขาทำตามความคาดหวัง และให้กำเนิดลูกชายหลายคน แต่โชคไม่ดีที่ลูกชายเหล่านี้ไม่ได้เรื่องเลย ที่ไม่สามารถมีลูกชายได้มาจนถึงตอนนี้ดังนั้นการคุกเข่าโขกศีรษะในครั้งนี้ จักรพรรดิหมิงหยวนได้ใช้พิธีการนี้ทุ่มความอึดอัดใจทั้งหมดลงไปด้วยพระสนมเสียนเฟยพาหูโม่โม่และทหารองค์รักษ์กลุ่มหนึ่งมาที่จวนอ๋องฉู่ เห็นว่าในจวนนั้นบรรยากาศตึงเครียดอย่างถึงที่สุดนางพาหูโม่โม่เข้าไปหาหยวนชิงหลิง ทันทีที่นางเห็นหยวนชิงหลิง นางก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที อ่อนแอขนาดนี้จะคลอดได้อย่างไร? นางรู้สึกเครียดจนหน้าดำคร่ำเครียดไปหมดใช้ไม่ได้เลยจริง ๆเห็นห้องที่รายล้อมไปด้วยผู้คน แต่มีไม่กี่คนที่ยุ่งอยู่ อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความโกรธ "พวกเจ้าเป็นบ้าอะไรกัน? ไม่รู้เลยรึไงว่าควรทำอะไร ยังไม่ย้ายไปที่ห้องคลอดอีก?"อวี่เหวินห่าวขมวดคิ้ว "เสด็จแม่ อย่าตะโกน อย่าทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ทำข้าตกใจได้ แต่อย่าทำให้เหล่าหยวนตกใจ"เขาเพิ่งเป็นลมจากความกลัว และฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน ตอนนี้เหล่าหยวนบอกว่าความดันโลหิตของเขาพุ่งสูงขึ้นมาก จนเขาจะเป็นลมอีกครั้งได้ทุกเมื่อ เขาตกใจจนทนไม่ไหวหลังจากได้ยินเช่นนี้ พระสนมเสียนเฟยก็โกรธแต่
เสียนเฟยถึงกับสะอึก ใบหน้าของนางก็ดำคล้ำด้วยความโมโหทันทีนางพูดไม่ออก แต่นางรู้สึกผิดหวังมากในใจ นางมองไปที่หยวนชิงหลิงที่นอนเอนกุมท้องนาง นางทำใจร้ายมองไปทางคนพวกนั้นอย่างเย็นชา ทั้งหมอหลวงและหมอตำแยที่อยู่ข้างใน นางพูดอย่างเคร่งเครียด "คุกเข่ารับพระราชเสาวนีย์ ไทเฮาทรงมีพระราชเสาวนีย์"ทุกคนคุกเข่าลง แม้ว่าอวี่เหวินห่าวจะโกรธอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังคุกเข่าลงเพื่อรับพระราชเสาวนีย์ของเสด็จย่าเสียนเฟยพูดเสียงดัง "ไทเฮาทรงมีรับสั่งว่า หากพระชายาฉู่ประสบเหตุอันตรายใด ๆ ระหว่างการคลอดบุตร เด็กที่คลอดมานั้นสำคัญที่สุด จะใช้ยาหรือวิธีใดก็ได้ จะต้องปกป้องเด็กเอาไว้ให้ได้...”ในประโยคสุดท้าย นางมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชา "แม้ว่าจะต้องเสียสละแม่ก็ตาม!"หยวนชิงหลิงกำลังมีอาการหดเกร็งจะคลอดนั้น เมื่อนางได้ยินเช่นนี้ ก็ตกใจจนหน้าซีดลงในทันทีอวี่เหวินห่าวลุกขึ้นมาทันทีและพูดอย่างเย็นชา "เสด็จแม่ถ่ายทอดพระราชเสาวนีย์ปลอม ไม่รู้หรือว่านี่เป็นโทษร้ายแรง"เขาเหลือบมองฝูงชนอย่างเย็นชา “ข้าสงสัยว่าเป็นพระราชเสาวนีย์ปลอม ดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้องสนใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พระชายาคือสิ่งสำคัญที่