Share

บทที่ 849

Author: จูน
เมื่อเห็นอ๋องอันถูกตี สารถีก็โกรธมาก แต่หยวนชิงหลิงกระโดดลงมาอย่างมั่นคง ไม่มีล้ม จากนั้นใช้ไม้ฟาดไปที่ก้นม้าพร้อมตะโกนว่า "ไป!"

ม้าเจ็บจึงลากรถวิ่งหนีไป

ข้างหลังนาง ทหารองค์รักษ์ที่ตามมามองไปที่หยวนชิงหลิงด้วยความประหลาดใจ "พระชายา เกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ? เกิดอะไรขึ้น?"

หยวนชิงหลิงพยุงท้องนาง จากนั้นร่างนางก็สั่นสะท้าน ฟันก็สั่นกระทบกัน

บนถนนในฤดูหนาวนี้ช่างลมแรง แต่หยวนชิงหลิงกลับหน้าซีดและเหงื่อออกเป็นอย่างมาก

นางยืนพิงประตูร้านข้างถนน ทรุดตัวนั่งลงช้า ๆ หายใจเข้าลึก

นางข้าหลวงสี่ที่ไล่ตามทันแล้ว นางจับมือของโม่โม่และบีบแน่น "กลับบ้าน กลับบ้านกันเถอะ"

เมื่อเห็นนางเช่นนี้ นางข้าหลวงสี่รู้สึกตื่นตระหนกหวาดกลัว แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ช่วยนางเข้าไปในรถม้าของพระชายาจี้

ตอนที่นางช่วยหมานเอ๋อร์ออกมา นางเห็นว่ารถม้าของอ๋องอันออกไปแล้ว พระชายาจี้ที่ฟังนางเล่าจึงบอกให้นางขึ้นรถม้า และไล่ตามนางไป

พระชายาจี้ที่อยู่ในรถม้า เห็นหยวนชิงหลิงเข้ามา นางจึงปิดปากและหันหน้าหนีไปอีกทาง

หยวนชิงหลิงพูดอย่างอ่อนแรง "เจ้าไม่ต้องปิดหรอก โรคของเจ้าไม่แพร่เชื้อแล้ว"

รถม้าไม่ใหญ่นัก นางข้าหลวงสี่นั่งด้วย
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 850

    ใบหน้าของหยวนชิงหลิงเย็นชา และไม่ได้พูดอะไรสักคำพระชายาจี้ทำให้หัวใจของนางแข็งกระด้างเหมือนเหล็กกล้า และพูดอีกประโยคหนึ่งว่า "ใส่ร้ายว่าท่านอ๋องทำรุ่มร่าม นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเจ้าใช่หรือไม่?"คำพูดเหล่านี้ทำลายหยวนชิงหลิงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย“ข้าไม่มีวันรอดพ้นคำสาปนี้ไปตลอดชีวิต” หยวนชิงหลิงกัดฟันพระชายาจี้พูดเบา ๆ "เจ้าทนได้เท่านั้น จนกว่าเจ้าจะคลอดลูก เจ้าห้าก็ต้องทนด้วย ถ้าข้าเดาถูก เสด็จพ่อจะลงโทษในครั้งนี้แน่ แต่พวกเจ้าไม่ต้องเสียใจไป ลูกชายของพระองค์ คนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และอีกคนหนึ่งถูกจำคุก เจ้าห้าเป็นผู้บริสุทธิ์ พระองค์ย่อมทรงทราบดี ตอนนี้พระองค์ต้องใช้แผนอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องเจ้าห้าก่อน อ๋องอันเป็นคนฉลาดแกมโกง แต่ฝ่าบาทก็ฉลาดด้วยเช่นกัน”หลังจากได้ยินเช่นนี้แล้ว หยวนชิงหลิงนั้นรู้สึกเหนื่อยล้าทันที นางเป็นนักวิจัยทางการแพทย์ ไม่ใช่ยอดฝีมือด้านเกมการเมือง ดังนั้นนางจึงไม่อาจมองทะลุถึงความความซับซ้อนตรงนี้ได้แม้ว่านางจะบีบตัวเองให้ทำเรื่องที่ตัวเองไม่ทำ แต่นางก็ยังช้ากว่าคนอื่นครึ่งก้าวนางมองพระชายาจี้และพูดว่า "ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ขอบคุณที่ช่วยข้าไว้ถึงสองคร

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 851

    ในเวลาเดียวกัน นางขอให้แม่นมสี่บอกทหารองครักษ์ด้านนอกว่า นางถูกอ๋องอันจับตัวเข้าไปในรถม้า และพูดคำข่มขู่มากมาย เนื่องจากนางตกใจกลัวมากจนเกินไป นางจึงเสียขวัญ และทารกในครรภ์ของนางก็ดิ้นจนผิดปกติแม่นมสี่ตะโกนใส่อ๋องอันที่ลานภายในจวนอ๋องฉู่ คำพูดของนางรุนแรงมาก แม่นมสี่ใช้ทุกคำพูดที่นางเคยใช้ด่าในทุกวันแม่นมสี่โกรธมาก และนางไม่สามารถควบคุมความโกรธของตัวเองได้ในเวลาครึ่งวัน ข่าวก็แพร่สะพัดทั่วทั้งเมืองหลวง"อ๋องฉีถูกลอบสังหาร อ๋องจี้ถูกส่งตัวเข้าคุก ส่วนอ๋องฉู่นั้นกำลังไปจับกุมผู้ลอบสังหาร องค์ชายทั้งสามล้วนมีส่วนเกี่ยว อ๋องเว่ยไปค่ายทหารของมณฑลทางเหนือ และอ๋องหวยเพิ่งฟื้นตัวจากอาการป่วยหนัก ดูท่าแล้วมีเพียงอ๋องอันเท่านั้น"“ใช่ อ๋องอันดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตระกูลของบรรพบุรุษฝ่ายมารดาของเขามีอำนาจมาก ดังนั้นบางทีเขาอาจไม่มีความทะเยอทะยานที่จะยึดครองราชบัลลังก์ก็เป็นได้”“ไม่ว่าอย่างไร ในภาพรวมแล้ว เขาคือผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุด”ในช่วงปีใหม่ ทุกครอบครัวหยุดทำงานและรวมตัวกันในโรงเตี๊ยมและโรงน้ำชาเพื่อพูดคุยกัน เมื่อพูดถึงหัวข้อเหล่านี้ พวกเขาก็ต่างทนไม่ได้ขึ้

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 852

    ความคิดเห็นของราษฎรลุกลามอย่างรวดเร็ว แม้ว่าในเมืองหลวงจะมีการบังคับให้ผู้คนอยู่ภายในบ้านเรือนในตอนกลางคืน แต่โรงเตี๊ยมและร้านน้ำชาก็กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในยามเช้าตรู่ ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ อ๋องอันไม่เพียงโหดร้าย และสังหารพี่น้องของเขาเท่านั้น แต่ชีวิตส่วนตัวของเขาก็วุ่นวายเช่นกัน เขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนนักกับอาหรูที่ปรึกษาในจวนของเขา และหลายคนต่างก็พูดว่า เคยเห็นอ๋องอันจ้องมองผู้หญิงคนหนึ่งที่มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น เขาจ้องมองจนนางถึงกับร้องไห้ยิ่งไปกว่านั้นยังพูดอีกว่า อ๋องอันนั้นมีงานอดิเรกบางอย่าง เช่น เขาชื่นชอบเสื้อผ้าและผ้าเช็ดหน้าของผู้หญิง ถึงขั้นสั่งให้คนรวบรวมสิ่งเหล่านี้ไปให้เขาชื่อเสียงของอ๋องอันที่สั่งสมมาเป็นเวลานานหลายปี หายไปภายในวันเดียวคำพูดเหล่านี้แพร่กระจายมาถึงจวนอ๋องอันอ๋องอันที่ถูกหยวนชิงหลิงเตะเมื่อวานนี้เจ็บปวดเป็นอย่างมาก จนเขาต้องประคบน้ำแข็งเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในฤดูหนาว และเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ดวงตาเช้าตรู่วันนี้ คนที่อาหรูส่งออกไปกลับมารายงานเกี่ยวกับข่าวลือที่ด้านนอก อาหรูก็รีบไปรายงานกับอ๋องอันในทันท

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 853

    วันนี้อวี่เหวินห่าวพาซูยี่ออกไปด้วยกัน และเขาก็สั่งกับซูยี่ว่า "แสดงความเป็นนักเลงของเจ้าในอดีตออกมาให้หมด เมื่อไปถึงจวนของอ๋องอันแล้วนั้น เจ้าจงเป็นผู้นำ เห็นอะไรก็ทำลายมันให้สิ้น ถ้าไม่เข้าใจก็เรียนรู้จากตัวเป่า”“แล้วเหตุใดท่านถึงไม่พาตัวเป่ามาด้วยกันด้วย?” ซูยี่ถามขึ้นอวี่เหวินห่าวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้น "พาตัวเป่าไปด้วย"คนสองคนกับสุนัขหนึ่งตัวมุ่งหน้าไปจวนของอ๋องอันอย่างแรงกล้าอ๋องอันไม่ได้หลบซ่อนแต่อย่างใด อันที่จริงกล่าวได้ว่าเขาไม่สามารถหลบได้อวี่เหวินห่าวเป็นเหมือนสุนัขบ้า ถ้าเขาวันนี้เขาไม่ได้กัด เขาก็จะกัดในวันพรุ่งนี้ ถ้าเขาไม่ได้กัดวันพรุ่งนี้ ก็อย่าแม้แต่จะคิดที่จะมีชีวิตที่สงบสุขในวันข้างหน้ากู้ซีมาถึงก่อน และเมื่ออ๋องอันเห็นกู้ซี ภายใจใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น เพราะนั่นหมายความว่าเสด็จพ่อรับรู้เรื่องแล้วและหากเสด็จพ่อต้องการที่จะหยุดเจ้าห้า พระองค์ก็ต้องออกคำสั่งให้เจ้าห้าเข้าวังในทันที แต่พระองค์กลับส่งกู้ซีมาที่นี่ แถมกู้ซียังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าห้าอีกด้วยทันใดนั้นหัวใจของอ๋องอันพลันรู้สึกด้านชาเขารู้สึกเสียใจ เขาไม่ควรทำอะ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 854

    อีกด้านหนึ่ง อ๋องอันโกรธมากที่ถูกอวี่เหวินห่าวบีบบังคับ เขาผลักออกด้วยมือข้างเดียว และพูดด้วยความกรุ่นโกรธ "เจ้าห้า เจ้าอย่าได้ทำตัวเหมือนหมาบ้าเช่นนี้ เป็นบ้าอะไรกัน? เหตุใดถึงไม่คุยกันด้วยเหตุผล"อวี่เหวินห่าวต่อยเขาและคำรามว่า "ข้ายังต้องให้เหตุผลกับคนอย่างเจ้าอยู่อีกรึ? ข้าจะใช้กำปั้นบอกเหตุผลกับเจ้าเอง"อ๋องอันถูกต่อยจนหางตาของเขาแตก และถูกเตะออกไป อวี่เหวินห่าวดันเข่ากลับไปแล้วชกเขาอีกครั้ง "เจ้าจะแหวกท้องเหล่าหยวน แล้วเอาลูกชายข้าไปอย่างนั้นหรือ? ข้าจะคอยดูว่าเจ้ายังจะแหวกอยู่ไหม ข้าไม่เคยทำอะไรเจ้า เจ้าอยากได้ตำแหน่งรัชทายาท ข้าก็ไม่เคยสนใจ แต่เจ้ากลับรังแกเหล่าหยวนของข้า ทำร้ายลูกชายข้า ข้าจะฆ่าเจ้า""เจ้า..."อ๋องอันเห็นว่าเขาต่อยตีไม่หยุด ราวกับสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่ง เขาไม่สามารถต้านทานได้ และก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยเลยสักคน กู้ซีเองก็เฝ้าดูอยู่อย่างนั้น ขณะที่เขาค่อย ๆ ถอยออกไป เขาพูดอย่างเฉียบขาด "กู้ซี เสด็จพ่อให้เจ้ามาเฝ้าดูอย่างเดียวงั้นรึ?"กู้ซีโบกผ้าเช็ดหน้าในมือแล้วพูดว่า "ท่านอ๋องอัน ฮ่องเต้ทรงมีคำสั่งให้หม่อมฉันมาที่จวนของอ๋องอันเพื่อเฝ้าดูเพียงเท่านั้น หม่อมฉั

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 855

    นางเป็นคนมีการศึกษาสูง จึงไม่ดื้อดึง ดันทุรัง พบไม่ได้ก็ไม่พบ เช่นนั้นนางก็จะกลับฉางกงกงผงะเล็กน้อย ทำไมถึงยอมง่ายดายเช่นนี้?เขาผลักประตูเข้าไปข้างใน ทั้งสามท่านและจักรพรรดิหมิงหยวนกำลังดื่มกันอยู่ เมื่อฉางกงกงเดินเข้ามา จักรพรรดิหมิงหยวนจึงรีบถามขึ้นทันที "นางมาแล้วรึ? กลับไปแล้วหรือยัง?”ฉางกงกงกล่าวว่า “ฝ่าบาท พระชายาเสด็จมาแล้ว และกลับไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิหมิงหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และถามขึ้นอีกครั้ง "เจ้าบอกนางไปว่าอย่างไร? ทำไมถึงได้ยอมจากไปง่ายดายเช่นนี้?"ฉางกงกงพูดขึ้นว่า "หม่อมฉันแค่บอกว่าฝ่าบาทไม่ได้อยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ แล้วพระชายาจึงบอกว่าต้องการพบไท่ซ่างหวง แต่หม่อมฉันบอกว่าไท่ซ่างหวงกำลังหารืออยู่ และไม่ต้องการให้ใครเข้าพบ พระชายาจึงจากไปพ่ะย่ะค่ะ"ทุกคนมองหน้ากัน นี่...ดูไม่เหมือนหยวนชิงหลิงเท่าไรนัก“กลับไปแล้วจริงรึ?” ไท่ซ่างหวงไม่ค่อยเชื่อนัก“กลับไปแล้วจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ” ฉางกงกงเองก็ประหลาดใจมากเช่นกันที่จริงแล้ววันนี้ไท่ซ่างหวงสามารถพบเจอหยวนชิงหลิงได้ เขาเองก็ไม่ได้พบนางมาสองสามวันแล้ว แต่... เขาเหลือบมองจักรพรรดิอย่างเฉยเมย ชายผู้นี้ไม่ควรมาขัดจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 856

    เมื่อเห็นว่ามีคนมา หยวนชิงหลิงจึงโน้มตัวลงไปดู การกระทำนี้ทำให้จักรพรรดิหมิงหยวนแทบทรุดลงกับพื้น สวรรค์ เขาตกใจแทบตายนึกว่านางจะกระโดดลงมาเสียแล้วตอนนี้เขาก็เป็นโรคหัวใจแล้ว ไม่แปลกใจที่ชายชราจะไม่ยอมมา"ลงมา รีบลงมาเดี๋ยวนี้!" เสียงของเขาอ่อนแรง เขาหันกลับมาตวาดอย่างโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง "พวกเจ้ายืนอยู่ตรงนั้นทำไม? รีบขึ้นไปสิ!"ทหารราชองครักษ์ทำอะไรไม่ถูก "ฝ่าบาท หม่อมฉันก็อยากจะขึ้นไป แต่เมื่อขึ้นไปบนบันได พระชายาฉู่ก็บอกว่าจะกระโดดลงมา หม่อมฉันจึงไม่กล้าขึ้นไปพ่ะย่ะค่ะ"จักรพรรดิหมิงหยวนโกรธมากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่า แม้แต่ในวังหลวงก็ยังจะก่อเรื่องกับเขาอีกหรือ ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน สมกับที่เป็นลูกสาวของจิ้งโฮ่วเสียจริง เขาโบกมืออย่างอ่อนแรง "ถ่ายทอดคำสั่ง มีราชโองการให้เชิญพระชายาฉู่ไปที่ห้องหนังสือวี่"จักรพรรดิหมิงหยวนนั่งอยู่ภายในห้องหนังสือวี่ หลังจากอาการกรุ่นโกรธนั้นก็ตามมาด้วยความโศกเศร้าลูกชายทั้งสามที่ตกลงไปตามลำดับ ส่วนคนอื่น ๆ นั้นล้วนแต่ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลมากนักว่ากันว่าครอบครัวที่มั่งคั่งนั้นจะมีความสุข แล้วความสุขอยู่ที่ใดกัน?หากไม่มี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 857

    จักรพรรดิหมิงหยวนมองดูดวงที่ตาบวมแดงของนาง เขาเข้าใจทุกอย่างชัดเจน และอดที่จะโศกเศร้าเสียไม่ได้คำพูดของนางทำให้เขาตกใจบางทีอาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องแสดงตนออกมา และใช้สถานะขององค์จักรพรรดิเพื่อเฝ้ามองดูการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งรัชทายาทชะตาฟ้าลิขิตให้มีเพียงหนึ่งเดียว ถ้ายังสู้กันไปเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาต้องฆ่ากันจนตายเขาพูดอย่างนุ่มนวลว่า "เจ้ากลับไปก่อนเถิด"หยวนชิงหลิงโค้งคำนับแล้วจากไปจักรพรรดิหมิงหยวนเห็นนางตัวสั่น และขาของนางยังคงแกว่งไปมาอย่างไร้เรี่ยวแรง เขาหัวเราะครู่หนึ่งก่อนจะรู้สึกเจ็บปวดใจหยวนชิงหลิงไม่พูดสักคำหลังจากออกมาจากวังหลวงแล้วนางมีความเศร้าอยู่ภายในใจเช่นเดียวกับจักรพรรดิหมิงหยวนนางกล่าวว่าตัวนางนั้นเป็นคนมีการศึกษาสูงส่ง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ไม่ต้องใช้ความคิดในการแก้ปัญหา?แต่นางอับจนหาทางจนต้องไปร้องไห้ สร้างปัญหา และก่อเรื่องกระโดดลงจากศาลาเหวินชาง อาซื่อนึกว่านางยังตกใจกลัวอยู่ จึงเอ่ยปลอบนาง "ท่านพี่ไม่ต้องกลัวแล้วนะ ฮ่องเต้เองก็ดูเหมือนว่าจะไม่โกรธเคืองท่านแล้ว"“อาซื่อ” หยวนชิงหลิงพูดเสียงต่ำ “ฝ่าบาทไม่ทรงโกรธ แต่พระองค์ก็ดูเศร้าเหลือเกิ

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status