อีกด้านหนึ่ง อ๋องอันโกรธมากที่ถูกอวี่เหวินห่าวบีบบังคับ เขาผลักออกด้วยมือข้างเดียว และพูดด้วยความกรุ่นโกรธ "เจ้าห้า เจ้าอย่าได้ทำตัวเหมือนหมาบ้าเช่นนี้ เป็นบ้าอะไรกัน? เหตุใดถึงไม่คุยกันด้วยเหตุผล"อวี่เหวินห่าวต่อยเขาและคำรามว่า "ข้ายังต้องให้เหตุผลกับคนอย่างเจ้าอยู่อีกรึ? ข้าจะใช้กำปั้นบอกเหตุผลกับเจ้าเอง"อ๋องอันถูกต่อยจนหางตาของเขาแตก และถูกเตะออกไป อวี่เหวินห่าวดันเข่ากลับไปแล้วชกเขาอีกครั้ง "เจ้าจะแหวกท้องเหล่าหยวน แล้วเอาลูกชายข้าไปอย่างนั้นหรือ? ข้าจะคอยดูว่าเจ้ายังจะแหวกอยู่ไหม ข้าไม่เคยทำอะไรเจ้า เจ้าอยากได้ตำแหน่งรัชทายาท ข้าก็ไม่เคยสนใจ แต่เจ้ากลับรังแกเหล่าหยวนของข้า ทำร้ายลูกชายข้า ข้าจะฆ่าเจ้า""เจ้า..."อ๋องอันเห็นว่าเขาต่อยตีไม่หยุด ราวกับสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่ง เขาไม่สามารถต้านทานได้ และก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยเลยสักคน กู้ซีเองก็เฝ้าดูอยู่อย่างนั้น ขณะที่เขาค่อย ๆ ถอยออกไป เขาพูดอย่างเฉียบขาด "กู้ซี เสด็จพ่อให้เจ้ามาเฝ้าดูอย่างเดียวงั้นรึ?"กู้ซีโบกผ้าเช็ดหน้าในมือแล้วพูดว่า "ท่านอ๋องอัน ฮ่องเต้ทรงมีคำสั่งให้หม่อมฉันมาที่จวนของอ๋องอันเพื่อเฝ้าดูเพียงเท่านั้น หม่อมฉั
นางเป็นคนมีการศึกษาสูง จึงไม่ดื้อดึง ดันทุรัง พบไม่ได้ก็ไม่พบ เช่นนั้นนางก็จะกลับฉางกงกงผงะเล็กน้อย ทำไมถึงยอมง่ายดายเช่นนี้?เขาผลักประตูเข้าไปข้างใน ทั้งสามท่านและจักรพรรดิหมิงหยวนกำลังดื่มกันอยู่ เมื่อฉางกงกงเดินเข้ามา จักรพรรดิหมิงหยวนจึงรีบถามขึ้นทันที "นางมาแล้วรึ? กลับไปแล้วหรือยัง?”ฉางกงกงกล่าวว่า “ฝ่าบาท พระชายาเสด็จมาแล้ว และกลับไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิหมิงหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และถามขึ้นอีกครั้ง "เจ้าบอกนางไปว่าอย่างไร? ทำไมถึงได้ยอมจากไปง่ายดายเช่นนี้?"ฉางกงกงพูดขึ้นว่า "หม่อมฉันแค่บอกว่าฝ่าบาทไม่ได้อยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ แล้วพระชายาจึงบอกว่าต้องการพบไท่ซ่างหวง แต่หม่อมฉันบอกว่าไท่ซ่างหวงกำลังหารืออยู่ และไม่ต้องการให้ใครเข้าพบ พระชายาจึงจากไปพ่ะย่ะค่ะ"ทุกคนมองหน้ากัน นี่...ดูไม่เหมือนหยวนชิงหลิงเท่าไรนัก“กลับไปแล้วจริงรึ?” ไท่ซ่างหวงไม่ค่อยเชื่อนัก“กลับไปแล้วจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ” ฉางกงกงเองก็ประหลาดใจมากเช่นกันที่จริงแล้ววันนี้ไท่ซ่างหวงสามารถพบเจอหยวนชิงหลิงได้ เขาเองก็ไม่ได้พบนางมาสองสามวันแล้ว แต่... เขาเหลือบมองจักรพรรดิอย่างเฉยเมย ชายผู้นี้ไม่ควรมาขัดจ
เมื่อเห็นว่ามีคนมา หยวนชิงหลิงจึงโน้มตัวลงไปดู การกระทำนี้ทำให้จักรพรรดิหมิงหยวนแทบทรุดลงกับพื้น สวรรค์ เขาตกใจแทบตายนึกว่านางจะกระโดดลงมาเสียแล้วตอนนี้เขาก็เป็นโรคหัวใจแล้ว ไม่แปลกใจที่ชายชราจะไม่ยอมมา"ลงมา รีบลงมาเดี๋ยวนี้!" เสียงของเขาอ่อนแรง เขาหันกลับมาตวาดอย่างโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง "พวกเจ้ายืนอยู่ตรงนั้นทำไม? รีบขึ้นไปสิ!"ทหารราชองครักษ์ทำอะไรไม่ถูก "ฝ่าบาท หม่อมฉันก็อยากจะขึ้นไป แต่เมื่อขึ้นไปบนบันได พระชายาฉู่ก็บอกว่าจะกระโดดลงมา หม่อมฉันจึงไม่กล้าขึ้นไปพ่ะย่ะค่ะ"จักรพรรดิหมิงหยวนโกรธมากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่า แม้แต่ในวังหลวงก็ยังจะก่อเรื่องกับเขาอีกหรือ ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน สมกับที่เป็นลูกสาวของจิ้งโฮ่วเสียจริง เขาโบกมืออย่างอ่อนแรง "ถ่ายทอดคำสั่ง มีราชโองการให้เชิญพระชายาฉู่ไปที่ห้องหนังสือวี่"จักรพรรดิหมิงหยวนนั่งอยู่ภายในห้องหนังสือวี่ หลังจากอาการกรุ่นโกรธนั้นก็ตามมาด้วยความโศกเศร้าลูกชายทั้งสามที่ตกลงไปตามลำดับ ส่วนคนอื่น ๆ นั้นล้วนแต่ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลมากนักว่ากันว่าครอบครัวที่มั่งคั่งนั้นจะมีความสุข แล้วความสุขอยู่ที่ใดกัน?หากไม่มี
จักรพรรดิหมิงหยวนมองดูดวงที่ตาบวมแดงของนาง เขาเข้าใจทุกอย่างชัดเจน และอดที่จะโศกเศร้าเสียไม่ได้คำพูดของนางทำให้เขาตกใจบางทีอาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องแสดงตนออกมา และใช้สถานะขององค์จักรพรรดิเพื่อเฝ้ามองดูการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งรัชทายาทชะตาฟ้าลิขิตให้มีเพียงหนึ่งเดียว ถ้ายังสู้กันไปเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาต้องฆ่ากันจนตายเขาพูดอย่างนุ่มนวลว่า "เจ้ากลับไปก่อนเถิด"หยวนชิงหลิงโค้งคำนับแล้วจากไปจักรพรรดิหมิงหยวนเห็นนางตัวสั่น และขาของนางยังคงแกว่งไปมาอย่างไร้เรี่ยวแรง เขาหัวเราะครู่หนึ่งก่อนจะรู้สึกเจ็บปวดใจหยวนชิงหลิงไม่พูดสักคำหลังจากออกมาจากวังหลวงแล้วนางมีความเศร้าอยู่ภายในใจเช่นเดียวกับจักรพรรดิหมิงหยวนนางกล่าวว่าตัวนางนั้นเป็นคนมีการศึกษาสูงส่ง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ไม่ต้องใช้ความคิดในการแก้ปัญหา?แต่นางอับจนหาทางจนต้องไปร้องไห้ สร้างปัญหา และก่อเรื่องกระโดดลงจากศาลาเหวินชาง อาซื่อนึกว่านางยังตกใจกลัวอยู่ จึงเอ่ยปลอบนาง "ท่านพี่ไม่ต้องกลัวแล้วนะ ฮ่องเต้เองก็ดูเหมือนว่าจะไม่โกรธเคืองท่านแล้ว"“อาซื่อ” หยวนชิงหลิงพูดเสียงต่ำ “ฝ่าบาทไม่ทรงโกรธ แต่พระองค์ก็ดูเศร้าเหลือเกิ
มหาเสนาบดีฉู่มองไปที่ไท่ซ่างหวง "ท่านตั้งตาเหลนชายใช่หรือไม่?"ไท่ซ่างหวงตรัสว่า "ข้าไม่ได้คาดหวัง จะหญิงหรือชายก็เหมือนกันหมด"“อย่าโกหกเลย” เซียวเหยากงหัวเราะเยาะ “ไม่รู้ว่าใครกันเคยกล่าวว่า ขนาดฝันยังฝันเห็นด้ามฝัก?”ไท่ซ่างหวงไม่พอใจและกล่าวว่า "ความฝันก็คือความฝัน ไม่ได้หมายถึงความคิดเสียหน่อย"มหาเสนาบดีฉู่มองเขา “ท่านเคยพูดว่า หากคิดถึงสิ่งใดก็จะฝันเห็นสิ่งนั้น? ท่านฝันถึงก็แสดงว่าท่านตั้งตารอไม่ใช่หรือ?”ไท่ซ่างหวงตอบโต้อย่างเงียบ ๆ "เมื่อคืนนี้ข้าฝันว่าพวกเจ้าทั้งสองกลายเป็นขอทาน"“ช่างใจร้ายเสียจริง!” มหาเสนาบดีและเซียวเหยากงพูดขึ้นพร้อมกันไท่ซ่างหวงเงยหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง "ตอนนี้ข้าขอแค่นางคลอดอย่างปลอดถัยก็พอ แล้วค่อยขอสิ่งอื่น และไม่ว่ามีด้ามฝักหรือไม่ มันก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ดังนั้นขอร้องไปจะมีประโยชน์อะไร?"เซียวเหยากงกล่าวว่า "เช่นนั้นรึ? ข้าเคยได้ยินพระภิกษุที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากคุกเข่าลงอ้อนวอนพระพุทธองค์ด้วยใจจริง คำอธิษฐานนั้นก็จะเป็นจริง""เจ้าเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?" ไท่ซ่างหวงเย้ยหยัน "การอ้อนวอนขอพรต่อเทพเจ้า และบูชาพระพุทธอง
“ขอสิ่งใดก็ได้ใช่หรือไม่?”ไทเฮากล่าวว่า "ใช่เพคะ ขอเพียงแต่อย่าขอมากเกินไปในคราวเดียว เกรงว่าพระโพธิสัตว์จะกล่าวว่าท่านโลภเอานะเพคะ"ไท่ซ่างหวงพึมพำว่า "หากมนุษย์ไม่โลภ แล้วเหตุใดจึงต้องอ้อนวอนขอพรพระพุทธองค์กันเล่า"หลังจากพึมพำ เขาก็คุกเข่าลงอย่างเชื่อฟังฉางกงกงจุดธูปแทนเขา แล้วมองดุเขาไทเฮากล่าวขึ้นว่า "หากพระองค์ต้องการขออะไรก็กล่าวออกมาดัง ๆ เลยเพคะ"“การกล่าวเงียบ ๆ ไม่เหมือนกันหรอกหรือ?” ไท่ซ่างหวงกล่าวไทเฮายิ้มเล็กน้อย "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านเคยบอกไว้เสมอไม่ใช่หรือว่า ไม่ว่าจะทำสิ่งใด ต้องใช้เสียงข่มคนไว้ก่อน? หากท่านไม่กล่าวพรที่ต้องกาารขอออกมาดัง ๆ พระโพธิสัตว์มีเรื่องให้ต้องจัดการตั้งมากมาย แล้วจะได้ยินคำอธิษฐานในใจของท่านได้อย่างไรกันเล่า? ในเมื่อพระองค์มาที่นี่แล้ว แล้วเหตุใดถึงไม่ขอพรเพคะ? เหลือเพียงขั้นตอนเดียวเท่านั้น”ไท่ซ่างหวงลังเลเป็นเวลานานและถามขึ้นว่า "ขอสิ่งเดียวใช่หรือไม่”“ขอสิ่งเดียวก่อนเพคะ” ไทเฮาตอบไท่ซ่างหวงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "ขอพระโพธิสัตว์จงโปรดคุ้มครองปกปักษ์รักษา ให้พระชายาฉู่คลอดบุตรโดยราบรื่น และขอให้ทารกนั้นปลอดภัย"
หยวนชิงหลิงมองเขาที่กึ่งโกรธกึ่งขอคำแนะนำ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา "แล้วท่านปฏิบัติต่อเสด็จแม่อย่างไรกันเล่า?""เข้าเฝ้า"“นอกเหนือจากนั้น?” หยวนชิงหลิงถามอีกครั้งอวี่เหวินห่าวเกาหัว "ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นแล้ว อย่างไรเสียเสด็จแม่ก็มีครบหมดแล้วทุกอย่าง ก็แค่เข้าเฝ้า ถามไถ่ก็เพียงพอแล้ว"“แล้วสิ่งใดที่ทำให้นางโปรดปราน” หยวนชิงหลิงถามอวี่เหวินห่าวยิ้มเบา ๆ “โปรดปรานงั้นหรือ? ต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทมาได้เสด็จแม่ก็โปรดปรานแล้ว อย่างอื่นไม่ว่าข้าจะทำอะไรก็ดูเป็นเด็ก ล้วนไม่จำเป็น เอาแต่ใจ และบ้าบิ่นเสมอ”ดวงตาของหยวนชิงหลิงเบิกกว้าง แต่นางก็เห็นด้วยทันที พระสนมเสียนเฟยมีความหวังเดียวในตัวเขา นั่นก็คือพยายามต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทมาให้ได้เมื่อมองไปที่ลูกคนโตคนนี้ที่ขาดความรักจากครอบครัว หยวนชิงหลิงก็ถอนหายใจเบา ๆ “หาเวลาว่างสักวัน เข้าวังไปเล่นหมากรุก ดื่มเหล้า และอยู่เคียงข้างเสด็จพ่อ น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการแสดงกตัญญู”“พระองค์ต้องคิดว่าข้าไปเพื่อเอาใจเป็นแน่” อวี่เหวินห่าวพูดอย่างหดหู่ใจ“ไม่ว่าพระองค์จะคิดอย่างไร? ท่านก็แค่ทำส่วนของท่านให้ดีที่สุดก็เพียงพอแล
เขาร้องไห้อย่างขมขื่นภายในคุก และชี้ไปที่อวี่เหวินห่าว โดยบอกว่าเขาเป็นคนทำ และโยนความผิดไปให้เขาเขายังสารภาพอีกว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยต่อสู้กับอวี่เหวินห่าวภายในจวน และตอนนั้นเขาก็ใช้ทหารในจวนลงมือ เขาจึงคิดว่าอวี่เหวินห่าวต้องโกรธแค้นเรื่องตอนในนั้นเป็นแน่ จึงได้โยนความผิดให้กับเขาคำพูดเหล่านี้ ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้ แต่อ๋องจี้ก็ไม่ได้บอกว่าเหตุใดพวกเขาถึงต่อสู้กัน บอกเพียงว่าพวกเขามีความเห็นที่ไม่ลงรอยกันอย่างไรก็ตาม หลังจากได้ฟัง จักรพรรดิหมิงหยวนก็เพียงโบกมือเบา ๆ "สอบสวนต่อไป"ผู้ใต้บังคับบัญชาต่างก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ยังต้องสอบสวนอีกหรือ? สอบสวนไปก็คาดว่าคงไม่ได้ความอันใดหากไม่ลงโทษ ก็ควรจัดการอย่างไรสักอย่างจักรพรรดิหมิงหยวนไม่รู้จะถามอะไรอย่างนั้นหรือ? แต่พระองค์ยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร และเขาคิดว่าบางอย่างสามารถดองไว้ก่อนได้ดังนั้นอ๋องจี้จึงถูกล่ามตรวนอยู่ในคุกอ๋องจี้รอให้ฉู่หมิงหยางไปวิ่งเรื่องให้ อย่างน้อยมหาเสนาบดีพูดช่วยเขาสักสองสามคำ ยังดีเสียกว่าคนอื่นพูดร้อยคำแต่รอแล้วรอเล่า ฉู่หมิงหยางก็ไม่มาพบเขาเสียทีแม้ว่าเขาจะเป็นอาชญากร แต่เขาก็ไม่ถ