แชร์

บทที่ 855

ผู้เขียน: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
นางเป็นคนมีการศึกษาสูง จึงไม่ดื้อดึง ดันทุรัง พบไม่ได้ก็ไม่พบ เช่นนั้นนางก็จะกลับ

ฉางกงกงผงะเล็กน้อย ทำไมถึงยอมง่ายดายเช่นนี้?

เขาผลักประตูเข้าไปข้างใน ทั้งสามท่านและจักรพรรดิหมิงหยวนกำลังดื่มกันอยู่ เมื่อฉางกงกงเดินเข้ามา จักรพรรดิหมิงหยวนจึงรีบถามขึ้นทันที "นางมาแล้วรึ? กลับไปแล้วหรือยัง?”

ฉางกงกงกล่าวว่า “ฝ่าบาท พระชายาเสด็จมาแล้ว และกลับไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิหมิงหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และถามขึ้นอีกครั้ง "เจ้าบอกนางไปว่าอย่างไร? ทำไมถึงได้ยอมจากไปง่ายดายเช่นนี้?"

ฉางกงกงพูดขึ้นว่า "หม่อมฉันแค่บอกว่าฝ่าบาทไม่ได้อยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ แล้วพระชายาจึงบอกว่าต้องการพบไท่ซ่างหวง แต่หม่อมฉันบอกว่าไท่ซ่างหวงกำลังหารืออยู่ และไม่ต้องการให้ใครเข้าพบ พระชายาจึงจากไปพ่ะย่ะค่ะ"

ทุกคนมองหน้ากัน นี่...ดูไม่เหมือนหยวนชิงหลิงเท่าไรนัก

“กลับไปแล้วจริงรึ?” ไท่ซ่างหวงไม่ค่อยเชื่อนัก

“กลับไปแล้วจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ” ฉางกงกงเองก็ประหลาดใจมากเช่นกัน

ที่จริงแล้ววันนี้ไท่ซ่างหวงสามารถพบเจอหยวนชิงหลิงได้ เขาเองก็ไม่ได้พบนางมาสองสามวันแล้ว แต่... เขาเหลือบมองจักรพรรดิอย่างเฉยเมย ชายผู้นี้ไม่ควรมาขัดจ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 856

    เมื่อเห็นว่ามีคนมา หยวนชิงหลิงจึงโน้มตัวลงไปดู การกระทำนี้ทำให้จักรพรรดิหมิงหยวนแทบทรุดลงกับพื้น สวรรค์ เขาตกใจแทบตายนึกว่านางจะกระโดดลงมาเสียแล้วตอนนี้เขาก็เป็นโรคหัวใจแล้ว ไม่แปลกใจที่ชายชราจะไม่ยอมมา"ลงมา รีบลงมาเดี๋ยวนี้!" เสียงของเขาอ่อนแรง เขาหันกลับมาตวาดอย่างโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง "พวกเจ้ายืนอยู่ตรงนั้นทำไม? รีบขึ้นไปสิ!"ทหารราชองครักษ์ทำอะไรไม่ถูก "ฝ่าบาท หม่อมฉันก็อยากจะขึ้นไป แต่เมื่อขึ้นไปบนบันได พระชายาฉู่ก็บอกว่าจะกระโดดลงมา หม่อมฉันจึงไม่กล้าขึ้นไปพ่ะย่ะค่ะ"จักรพรรดิหมิงหยวนโกรธมากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่า แม้แต่ในวังหลวงก็ยังจะก่อเรื่องกับเขาอีกหรือ ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน สมกับที่เป็นลูกสาวของจิ้งโฮ่วเสียจริง เขาโบกมืออย่างอ่อนแรง "ถ่ายทอดคำสั่ง มีราชโองการให้เชิญพระชายาฉู่ไปที่ห้องหนังสือวี่"จักรพรรดิหมิงหยวนนั่งอยู่ภายในห้องหนังสือวี่ หลังจากอาการกรุ่นโกรธนั้นก็ตามมาด้วยความโศกเศร้าลูกชายทั้งสามที่ตกลงไปตามลำดับ ส่วนคนอื่น ๆ นั้นล้วนแต่ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลมากนักว่ากันว่าครอบครัวที่มั่งคั่งนั้นจะมีความสุข แล้วความสุขอยู่ที่ใดกัน?หากไม่มี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 857

    จักรพรรดิหมิงหยวนมองดูดวงที่ตาบวมแดงของนาง เขาเข้าใจทุกอย่างชัดเจน และอดที่จะโศกเศร้าเสียไม่ได้คำพูดของนางทำให้เขาตกใจบางทีอาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องแสดงตนออกมา และใช้สถานะขององค์จักรพรรดิเพื่อเฝ้ามองดูการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งรัชทายาทชะตาฟ้าลิขิตให้มีเพียงหนึ่งเดียว ถ้ายังสู้กันไปเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาต้องฆ่ากันจนตายเขาพูดอย่างนุ่มนวลว่า "เจ้ากลับไปก่อนเถิด"หยวนชิงหลิงโค้งคำนับแล้วจากไปจักรพรรดิหมิงหยวนเห็นนางตัวสั่น และขาของนางยังคงแกว่งไปมาอย่างไร้เรี่ยวแรง เขาหัวเราะครู่หนึ่งก่อนจะรู้สึกเจ็บปวดใจหยวนชิงหลิงไม่พูดสักคำหลังจากออกมาจากวังหลวงแล้วนางมีความเศร้าอยู่ภายในใจเช่นเดียวกับจักรพรรดิหมิงหยวนนางกล่าวว่าตัวนางนั้นเป็นคนมีการศึกษาสูงส่ง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ไม่ต้องใช้ความคิดในการแก้ปัญหา?แต่นางอับจนหาทางจนต้องไปร้องไห้ สร้างปัญหา และก่อเรื่องกระโดดลงจากศาลาเหวินชาง อาซื่อนึกว่านางยังตกใจกลัวอยู่ จึงเอ่ยปลอบนาง "ท่านพี่ไม่ต้องกลัวแล้วนะ ฮ่องเต้เองก็ดูเหมือนว่าจะไม่โกรธเคืองท่านแล้ว"“อาซื่อ” หยวนชิงหลิงพูดเสียงต่ำ “ฝ่าบาทไม่ทรงโกรธ แต่พระองค์ก็ดูเศร้าเหลือเกิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 858

    มหาเสนาบดีฉู่มองไปที่ไท่ซ่างหวง "ท่านตั้งตาเหลนชายใช่หรือไม่?"ไท่ซ่างหวงตรัสว่า "ข้าไม่ได้คาดหวัง จะหญิงหรือชายก็เหมือนกันหมด"“อย่าโกหกเลย” เซียวเหยากงหัวเราะเยาะ “ไม่รู้ว่าใครกันเคยกล่าวว่า ขนาดฝันยังฝันเห็นด้ามฝัก?”ไท่ซ่างหวงไม่พอใจและกล่าวว่า "ความฝันก็คือความฝัน ไม่ได้หมายถึงความคิดเสียหน่อย"มหาเสนาบดีฉู่มองเขา “ท่านเคยพูดว่า หากคิดถึงสิ่งใดก็จะฝันเห็นสิ่งนั้น? ท่านฝันถึงก็แสดงว่าท่านตั้งตารอไม่ใช่หรือ?”ไท่ซ่างหวงตอบโต้อย่างเงียบ ๆ "เมื่อคืนนี้ข้าฝันว่าพวกเจ้าทั้งสองกลายเป็นขอทาน"“ช่างใจร้ายเสียจริง!” มหาเสนาบดีและเซียวเหยากงพูดขึ้นพร้อมกันไท่ซ่างหวงเงยหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง "ตอนนี้ข้าขอแค่นางคลอดอย่างปลอดถัยก็พอ แล้วค่อยขอสิ่งอื่น และไม่ว่ามีด้ามฝักหรือไม่ มันก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ดังนั้นขอร้องไปจะมีประโยชน์อะไร?"เซียวเหยากงกล่าวว่า "เช่นนั้นรึ? ข้าเคยได้ยินพระภิกษุที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากคุกเข่าลงอ้อนวอนพระพุทธองค์ด้วยใจจริง คำอธิษฐานนั้นก็จะเป็นจริง""เจ้าเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?" ไท่ซ่างหวงเย้ยหยัน "การอ้อนวอนขอพรต่อเทพเจ้า และบูชาพระพุทธอง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 859

    “ขอสิ่งใดก็ได้ใช่หรือไม่?”ไทเฮากล่าวว่า "ใช่เพคะ ขอเพียงแต่อย่าขอมากเกินไปในคราวเดียว เกรงว่าพระโพธิสัตว์จะกล่าวว่าท่านโลภเอานะเพคะ"ไท่ซ่างหวงพึมพำว่า "หากมนุษย์ไม่โลภ แล้วเหตุใดจึงต้องอ้อนวอนขอพรพระพุทธองค์กันเล่า"หลังจากพึมพำ เขาก็คุกเข่าลงอย่างเชื่อฟังฉางกงกงจุดธูปแทนเขา แล้วมองดุเขาไทเฮากล่าวขึ้นว่า "หากพระองค์ต้องการขออะไรก็กล่าวออกมาดัง ๆ เลยเพคะ"“การกล่าวเงียบ ๆ ไม่เหมือนกันหรอกหรือ?” ไท่ซ่างหวงกล่าวไทเฮายิ้มเล็กน้อย "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านเคยบอกไว้เสมอไม่ใช่หรือว่า ไม่ว่าจะทำสิ่งใด ต้องใช้เสียงข่มคนไว้ก่อน? หากท่านไม่กล่าวพรที่ต้องกาารขอออกมาดัง ๆ พระโพธิสัตว์มีเรื่องให้ต้องจัดการตั้งมากมาย แล้วจะได้ยินคำอธิษฐานในใจของท่านได้อย่างไรกันเล่า? ในเมื่อพระองค์มาที่นี่แล้ว แล้วเหตุใดถึงไม่ขอพรเพคะ? เหลือเพียงขั้นตอนเดียวเท่านั้น”ไท่ซ่างหวงลังเลเป็นเวลานานและถามขึ้นว่า "ขอสิ่งเดียวใช่หรือไม่”“ขอสิ่งเดียวก่อนเพคะ” ไทเฮาตอบไท่ซ่างหวงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "ขอพระโพธิสัตว์จงโปรดคุ้มครองปกปักษ์รักษา ให้พระชายาฉู่คลอดบุตรโดยราบรื่น และขอให้ทารกนั้นปลอดภัย"

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 860

    หยวนชิงหลิงมองเขาที่กึ่งโกรธกึ่งขอคำแนะนำ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา "แล้วท่านปฏิบัติต่อเสด็จแม่อย่างไรกันเล่า?""เข้าเฝ้า"“นอกเหนือจากนั้น?” หยวนชิงหลิงถามอีกครั้งอวี่เหวินห่าวเกาหัว "ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นแล้ว อย่างไรเสียเสด็จแม่ก็มีครบหมดแล้วทุกอย่าง ก็แค่เข้าเฝ้า ถามไถ่ก็เพียงพอแล้ว"“แล้วสิ่งใดที่ทำให้นางโปรดปราน” หยวนชิงหลิงถามอวี่เหวินห่าวยิ้มเบา ๆ “โปรดปรานงั้นหรือ? ต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทมาได้เสด็จแม่ก็โปรดปรานแล้ว อย่างอื่นไม่ว่าข้าจะทำอะไรก็ดูเป็นเด็ก ล้วนไม่จำเป็น เอาแต่ใจ และบ้าบิ่นเสมอ”ดวงตาของหยวนชิงหลิงเบิกกว้าง แต่นางก็เห็นด้วยทันที พระสนมเสียนเฟยมีความหวังเดียวในตัวเขา นั่นก็คือพยายามต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทมาให้ได้เมื่อมองไปที่ลูกคนโตคนนี้ที่ขาดความรักจากครอบครัว หยวนชิงหลิงก็ถอนหายใจเบา ๆ “หาเวลาว่างสักวัน เข้าวังไปเล่นหมากรุก ดื่มเหล้า และอยู่เคียงข้างเสด็จพ่อ น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการแสดงกตัญญู”“พระองค์ต้องคิดว่าข้าไปเพื่อเอาใจเป็นแน่” อวี่เหวินห่าวพูดอย่างหดหู่ใจ“ไม่ว่าพระองค์จะคิดอย่างไร? ท่านก็แค่ทำส่วนของท่านให้ดีที่สุดก็เพียงพอแล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 861

    เขาร้องไห้อย่างขมขื่นภายในคุก และชี้ไปที่อวี่เหวินห่าว โดยบอกว่าเขาเป็นคนทำ และโยนความผิดไปให้เขาเขายังสารภาพอีกว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยต่อสู้กับอวี่เหวินห่าวภายในจวน และตอนนั้นเขาก็ใช้ทหารในจวนลงมือ เขาจึงคิดว่าอวี่เหวินห่าวต้องโกรธแค้นเรื่องตอนในนั้นเป็นแน่ จึงได้โยนความผิดให้กับเขาคำพูดเหล่านี้ ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้ แต่อ๋องจี้ก็ไม่ได้บอกว่าเหตุใดพวกเขาถึงต่อสู้กัน บอกเพียงว่าพวกเขามีความเห็นที่ไม่ลงรอยกันอย่างไรก็ตาม หลังจากได้ฟัง จักรพรรดิหมิงหยวนก็เพียงโบกมือเบา ๆ "สอบสวนต่อไป"ผู้ใต้บังคับบัญชาต่างก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ยังต้องสอบสวนอีกหรือ? สอบสวนไปก็คาดว่าคงไม่ได้ความอันใดหากไม่ลงโทษ ก็ควรจัดการอย่างไรสักอย่างจักรพรรดิหมิงหยวนไม่รู้จะถามอะไรอย่างนั้นหรือ? แต่พระองค์ยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร และเขาคิดว่าบางอย่างสามารถดองไว้ก่อนได้ดังนั้นอ๋องจี้จึงถูกล่ามตรวนอยู่ในคุกอ๋องจี้รอให้ฉู่หมิงหยางไปวิ่งเรื่องให้ อย่างน้อยมหาเสนาบดีพูดช่วยเขาสักสองสามคำ ยังดีเสียกว่าคนอื่นพูดร้อยคำแต่รอแล้วรอเล่า ฉู่หมิงหยางก็ไม่มาพบเขาเสียทีแม้ว่าเขาจะเป็นอาชญากร แต่เขาก็ไม่ถ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 862

    พระชายาจี้พูดกับพระสนมฉินเฟยว่า "เสด็จแม่ ลูกไปรอที่ด้านนอกนะเพคะ"หลังจากพูดจบ นางก็หันหลังและจากไปโดยไม่แม้แต่จะมองอ๋องจี้อ๋องจี้มองด้านหลังของนางด้วยความไม่อยากเชื่อ นางจากไปจริงหรือ?พระสนมฉินเฟยได้แต่ตกตะลึง นางมองไปที่อ๋องจี้ด้วยดวงตาที่บวมแดง และพูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย "เกิดอะไรขึ้น? นางบ้าไปแล้วหรือ? เหตุใดถึงได้เดินออกไปเฉย ๆ เช่นนี้?"อ๋องจี้ไม่กล้าพูดว่าเขาเคยคิดที่จะหย่ากับนาง ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นอย่างเย็นชา "ตั้งแต่รับหยางเอ๋อเข้ามา นางก็ดูชั่วร้ายมาโดยตลอด"พระสนมฉินเฟยขมวดคิ้วและมองดูเขา "เจ้าเอาแต่เอาอกเอาใจชายารองจนละเลยนางใช่หรือไม่? เจ้าอย่าทำเช่นนี้เด็ดขาด ตอนนี้เจ้ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังต้องพึ่งพานางและครอบครัวของนางอยู่""ตระกูลถงนั้นไร้ประโยชน์" อ๋องจี้กล่าว "เมื่อครู่ท่านก็ได้ยินแล้วว่า นางบอกว่าถงอันถูกเสด็จพ่อเพิกเฉยแล้วนี่พ่ะย่ะค่ะ"พระสนมฉินเฟยตำหนิ "เจ้าคนสายตาสั้น ตระกูลถงเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากมายในราชสำนัก และตระกูลถงมีรากฐานที่ร่ำรวยมหาศาล หากเจ้าเกลี้ยกล่อมนางให้ดี อนาคตเจ้าสามารถจับจ่ายได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ ถงอันอยู่ในราชสำนักมาเป็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 863

    หลังจากพระชายาจี้ได้ยินเช่นนั้น นางก็ส่ายหัวและพูดว่า "เสด็จแม่ บอกตามตรง พี่ชายของข้าเคยพูดไว้ก่อนแล้วว่า เขาจะไม่ยุ่งเรื่องภานในจวนของอ๋องจี้"พระสนมฉินเฟยขมวดคิ้วอย่างเย็นชา "หมายความว่าอย่างไร? หากเขาไม่ยุ่งเรื่องในจวนของอ๋องจี้ แล้วเขาจะยุ่งเรื่องของครอบครัวใคร? หรือว่าเขามีเจ้านายใหม่อย่างนั้นรึ?"พระชายาจี้ยิ้มจาง “เสด็จแม่ ดูสิ่งที่ท่านพูดสิเพคะ พี่ชายของข้ามีฮ่องเต้เป็นนายเพียงผู้เดียว เขาจะมีนายใหม่ได้อย่างไร? ท่านพูดเช่นนี้ หมายความว่าพี่ชายข้าทรยศต่อราชสำนัก สมรู้ร่วมคิดแล้วก่อเกิดความวุ่นวายหรือเพคะ?”ดวงตาของพระสนมฉินเฟยเคร่งขรึม "เจ้าอย่าได้พูดอะไรไร้สาระ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พี่ใหญ่ถูกขังอยู่ด้านใน เจ้าต้องคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาให้ได้"พระชายาจี้เสียความรู้สึกเป็นอย่างยิ่ง นางหันศีรษะออกไปมองด้านนอก "ลูกจะพยายามเพคะ"พระสนมฉินเฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็ได้ยินนางพูดขึ้นอีกครั้งว่า "เพียงแต่ตอนนี้มีเพียงคนที่มีความสามารถ และทักษะที่ทรงพลังเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้"พระสนมฉินเฟยพูดอย่างเย็นชา "เจ้ามีไหวพริบเสมอ เรื่องนี้เจ้าย่อมรู้ดีว่าอวี่เหวินห่าวใส่ร้ายเขา ตราบใดที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status