เมื่อเห็นอ๋องอันถูกตี สารถีก็โกรธมาก แต่หยวนชิงหลิงกระโดดลงมาอย่างมั่นคง ไม่มีล้ม จากนั้นใช้ไม้ฟาดไปที่ก้นม้าพร้อมตะโกนว่า "ไป!"ม้าเจ็บจึงลากรถวิ่งหนีไปข้างหลังนาง ทหารองค์รักษ์ที่ตามมามองไปที่หยวนชิงหลิงด้วยความประหลาดใจ "พระชายา เกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ? เกิดอะไรขึ้น?"หยวนชิงหลิงพยุงท้องนาง จากนั้นร่างนางก็สั่นสะท้าน ฟันก็สั่นกระทบกันบนถนนในฤดูหนาวนี้ช่างลมแรง แต่หยวนชิงหลิงกลับหน้าซีดและเหงื่อออกเป็นอย่างมากนางยืนพิงประตูร้านข้างถนน ทรุดตัวนั่งลงช้า ๆ หายใจเข้าลึก นางข้าหลวงสี่ที่ไล่ตามทันแล้ว นางจับมือของโม่โม่และบีบแน่น "กลับบ้าน กลับบ้านกันเถอะ"เมื่อเห็นนางเช่นนี้ นางข้าหลวงสี่รู้สึกตื่นตระหนกหวาดกลัว แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ช่วยนางเข้าไปในรถม้าของพระชายาจี้ตอนที่นางช่วยหมานเอ๋อร์ออกมา นางเห็นว่ารถม้าของอ๋องอันออกไปแล้ว พระชายาจี้ที่ฟังนางเล่าจึงบอกให้นางขึ้นรถม้า และไล่ตามนางไปพระชายาจี้ที่อยู่ในรถม้า เห็นหยวนชิงหลิงเข้ามา นางจึงปิดปากและหันหน้าหนีไปอีกทางหยวนชิงหลิงพูดอย่างอ่อนแรง "เจ้าไม่ต้องปิดหรอก โรคของเจ้าไม่แพร่เชื้อแล้ว"รถม้าไม่ใหญ่นัก นางข้าหลวงสี่นั่งด้วย
ใบหน้าของหยวนชิงหลิงเย็นชา และไม่ได้พูดอะไรสักคำพระชายาจี้ทำให้หัวใจของนางแข็งกระด้างเหมือนเหล็กกล้า และพูดอีกประโยคหนึ่งว่า "ใส่ร้ายว่าท่านอ๋องทำรุ่มร่าม นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเจ้าใช่หรือไม่?"คำพูดเหล่านี้ทำลายหยวนชิงหลิงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย“ข้าไม่มีวันรอดพ้นคำสาปนี้ไปตลอดชีวิต” หยวนชิงหลิงกัดฟันพระชายาจี้พูดเบา ๆ "เจ้าทนได้เท่านั้น จนกว่าเจ้าจะคลอดลูก เจ้าห้าก็ต้องทนด้วย ถ้าข้าเดาถูก เสด็จพ่อจะลงโทษในครั้งนี้แน่ แต่พวกเจ้าไม่ต้องเสียใจไป ลูกชายของพระองค์ คนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และอีกคนหนึ่งถูกจำคุก เจ้าห้าเป็นผู้บริสุทธิ์ พระองค์ย่อมทรงทราบดี ตอนนี้พระองค์ต้องใช้แผนอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องเจ้าห้าก่อน อ๋องอันเป็นคนฉลาดแกมโกง แต่ฝ่าบาทก็ฉลาดด้วยเช่นกัน”หลังจากได้ยินเช่นนี้แล้ว หยวนชิงหลิงนั้นรู้สึกเหนื่อยล้าทันที นางเป็นนักวิจัยทางการแพทย์ ไม่ใช่ยอดฝีมือด้านเกมการเมือง ดังนั้นนางจึงไม่อาจมองทะลุถึงความความซับซ้อนตรงนี้ได้แม้ว่านางจะบีบตัวเองให้ทำเรื่องที่ตัวเองไม่ทำ แต่นางก็ยังช้ากว่าคนอื่นครึ่งก้าวนางมองพระชายาจี้และพูดว่า "ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ขอบคุณที่ช่วยข้าไว้ถึงสองคร
ในเวลาเดียวกัน นางขอให้แม่นมสี่บอกทหารองครักษ์ด้านนอกว่า นางถูกอ๋องอันจับตัวเข้าไปในรถม้า และพูดคำข่มขู่มากมาย เนื่องจากนางตกใจกลัวมากจนเกินไป นางจึงเสียขวัญ และทารกในครรภ์ของนางก็ดิ้นจนผิดปกติแม่นมสี่ตะโกนใส่อ๋องอันที่ลานภายในจวนอ๋องฉู่ คำพูดของนางรุนแรงมาก แม่นมสี่ใช้ทุกคำพูดที่นางเคยใช้ด่าในทุกวันแม่นมสี่โกรธมาก และนางไม่สามารถควบคุมความโกรธของตัวเองได้ในเวลาครึ่งวัน ข่าวก็แพร่สะพัดทั่วทั้งเมืองหลวง"อ๋องฉีถูกลอบสังหาร อ๋องจี้ถูกส่งตัวเข้าคุก ส่วนอ๋องฉู่นั้นกำลังไปจับกุมผู้ลอบสังหาร องค์ชายทั้งสามล้วนมีส่วนเกี่ยว อ๋องเว่ยไปค่ายทหารของมณฑลทางเหนือ และอ๋องหวยเพิ่งฟื้นตัวจากอาการป่วยหนัก ดูท่าแล้วมีเพียงอ๋องอันเท่านั้น"“ใช่ อ๋องอันดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตระกูลของบรรพบุรุษฝ่ายมารดาของเขามีอำนาจมาก ดังนั้นบางทีเขาอาจไม่มีความทะเยอทะยานที่จะยึดครองราชบัลลังก์ก็เป็นได้”“ไม่ว่าอย่างไร ในภาพรวมแล้ว เขาคือผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุด”ในช่วงปีใหม่ ทุกครอบครัวหยุดทำงานและรวมตัวกันในโรงเตี๊ยมและโรงน้ำชาเพื่อพูดคุยกัน เมื่อพูดถึงหัวข้อเหล่านี้ พวกเขาก็ต่างทนไม่ได้ขึ้
ความคิดเห็นของราษฎรลุกลามอย่างรวดเร็ว แม้ว่าในเมืองหลวงจะมีการบังคับให้ผู้คนอยู่ภายในบ้านเรือนในตอนกลางคืน แต่โรงเตี๊ยมและร้านน้ำชาก็กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในยามเช้าตรู่ ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ อ๋องอันไม่เพียงโหดร้าย และสังหารพี่น้องของเขาเท่านั้น แต่ชีวิตส่วนตัวของเขาก็วุ่นวายเช่นกัน เขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนนักกับอาหรูที่ปรึกษาในจวนของเขา และหลายคนต่างก็พูดว่า เคยเห็นอ๋องอันจ้องมองผู้หญิงคนหนึ่งที่มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น เขาจ้องมองจนนางถึงกับร้องไห้ยิ่งไปกว่านั้นยังพูดอีกว่า อ๋องอันนั้นมีงานอดิเรกบางอย่าง เช่น เขาชื่นชอบเสื้อผ้าและผ้าเช็ดหน้าของผู้หญิง ถึงขั้นสั่งให้คนรวบรวมสิ่งเหล่านี้ไปให้เขาชื่อเสียงของอ๋องอันที่สั่งสมมาเป็นเวลานานหลายปี หายไปภายในวันเดียวคำพูดเหล่านี้แพร่กระจายมาถึงจวนอ๋องอันอ๋องอันที่ถูกหยวนชิงหลิงเตะเมื่อวานนี้เจ็บปวดเป็นอย่างมาก จนเขาต้องประคบน้ำแข็งเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในฤดูหนาว และเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ดวงตาเช้าตรู่วันนี้ คนที่อาหรูส่งออกไปกลับมารายงานเกี่ยวกับข่าวลือที่ด้านนอก อาหรูก็รีบไปรายงานกับอ๋องอันในทันท
วันนี้อวี่เหวินห่าวพาซูยี่ออกไปด้วยกัน และเขาก็สั่งกับซูยี่ว่า "แสดงความเป็นนักเลงของเจ้าในอดีตออกมาให้หมด เมื่อไปถึงจวนของอ๋องอันแล้วนั้น เจ้าจงเป็นผู้นำ เห็นอะไรก็ทำลายมันให้สิ้น ถ้าไม่เข้าใจก็เรียนรู้จากตัวเป่า”“แล้วเหตุใดท่านถึงไม่พาตัวเป่ามาด้วยกันด้วย?” ซูยี่ถามขึ้นอวี่เหวินห่าวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้น "พาตัวเป่าไปด้วย"คนสองคนกับสุนัขหนึ่งตัวมุ่งหน้าไปจวนของอ๋องอันอย่างแรงกล้าอ๋องอันไม่ได้หลบซ่อนแต่อย่างใด อันที่จริงกล่าวได้ว่าเขาไม่สามารถหลบได้อวี่เหวินห่าวเป็นเหมือนสุนัขบ้า ถ้าเขาวันนี้เขาไม่ได้กัด เขาก็จะกัดในวันพรุ่งนี้ ถ้าเขาไม่ได้กัดวันพรุ่งนี้ ก็อย่าแม้แต่จะคิดที่จะมีชีวิตที่สงบสุขในวันข้างหน้ากู้ซีมาถึงก่อน และเมื่ออ๋องอันเห็นกู้ซี ภายใจใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น เพราะนั่นหมายความว่าเสด็จพ่อรับรู้เรื่องแล้วและหากเสด็จพ่อต้องการที่จะหยุดเจ้าห้า พระองค์ก็ต้องออกคำสั่งให้เจ้าห้าเข้าวังในทันที แต่พระองค์กลับส่งกู้ซีมาที่นี่ แถมกู้ซียังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าห้าอีกด้วยทันใดนั้นหัวใจของอ๋องอันพลันรู้สึกด้านชาเขารู้สึกเสียใจ เขาไม่ควรทำอะ
อีกด้านหนึ่ง อ๋องอันโกรธมากที่ถูกอวี่เหวินห่าวบีบบังคับ เขาผลักออกด้วยมือข้างเดียว และพูดด้วยความกรุ่นโกรธ "เจ้าห้า เจ้าอย่าได้ทำตัวเหมือนหมาบ้าเช่นนี้ เป็นบ้าอะไรกัน? เหตุใดถึงไม่คุยกันด้วยเหตุผล"อวี่เหวินห่าวต่อยเขาและคำรามว่า "ข้ายังต้องให้เหตุผลกับคนอย่างเจ้าอยู่อีกรึ? ข้าจะใช้กำปั้นบอกเหตุผลกับเจ้าเอง"อ๋องอันถูกต่อยจนหางตาของเขาแตก และถูกเตะออกไป อวี่เหวินห่าวดันเข่ากลับไปแล้วชกเขาอีกครั้ง "เจ้าจะแหวกท้องเหล่าหยวน แล้วเอาลูกชายข้าไปอย่างนั้นหรือ? ข้าจะคอยดูว่าเจ้ายังจะแหวกอยู่ไหม ข้าไม่เคยทำอะไรเจ้า เจ้าอยากได้ตำแหน่งรัชทายาท ข้าก็ไม่เคยสนใจ แต่เจ้ากลับรังแกเหล่าหยวนของข้า ทำร้ายลูกชายข้า ข้าจะฆ่าเจ้า""เจ้า..."อ๋องอันเห็นว่าเขาต่อยตีไม่หยุด ราวกับสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่ง เขาไม่สามารถต้านทานได้ และก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยเลยสักคน กู้ซีเองก็เฝ้าดูอยู่อย่างนั้น ขณะที่เขาค่อย ๆ ถอยออกไป เขาพูดอย่างเฉียบขาด "กู้ซี เสด็จพ่อให้เจ้ามาเฝ้าดูอย่างเดียวงั้นรึ?"กู้ซีโบกผ้าเช็ดหน้าในมือแล้วพูดว่า "ท่านอ๋องอัน ฮ่องเต้ทรงมีคำสั่งให้หม่อมฉันมาที่จวนของอ๋องอันเพื่อเฝ้าดูเพียงเท่านั้น หม่อมฉั
นางเป็นคนมีการศึกษาสูง จึงไม่ดื้อดึง ดันทุรัง พบไม่ได้ก็ไม่พบ เช่นนั้นนางก็จะกลับฉางกงกงผงะเล็กน้อย ทำไมถึงยอมง่ายดายเช่นนี้?เขาผลักประตูเข้าไปข้างใน ทั้งสามท่านและจักรพรรดิหมิงหยวนกำลังดื่มกันอยู่ เมื่อฉางกงกงเดินเข้ามา จักรพรรดิหมิงหยวนจึงรีบถามขึ้นทันที "นางมาแล้วรึ? กลับไปแล้วหรือยัง?”ฉางกงกงกล่าวว่า “ฝ่าบาท พระชายาเสด็จมาแล้ว และกลับไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิหมิงหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และถามขึ้นอีกครั้ง "เจ้าบอกนางไปว่าอย่างไร? ทำไมถึงได้ยอมจากไปง่ายดายเช่นนี้?"ฉางกงกงพูดขึ้นว่า "หม่อมฉันแค่บอกว่าฝ่าบาทไม่ได้อยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ แล้วพระชายาจึงบอกว่าต้องการพบไท่ซ่างหวง แต่หม่อมฉันบอกว่าไท่ซ่างหวงกำลังหารืออยู่ และไม่ต้องการให้ใครเข้าพบ พระชายาจึงจากไปพ่ะย่ะค่ะ"ทุกคนมองหน้ากัน นี่...ดูไม่เหมือนหยวนชิงหลิงเท่าไรนัก“กลับไปแล้วจริงรึ?” ไท่ซ่างหวงไม่ค่อยเชื่อนัก“กลับไปแล้วจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ” ฉางกงกงเองก็ประหลาดใจมากเช่นกันที่จริงแล้ววันนี้ไท่ซ่างหวงสามารถพบเจอหยวนชิงหลิงได้ เขาเองก็ไม่ได้พบนางมาสองสามวันแล้ว แต่... เขาเหลือบมองจักรพรรดิอย่างเฉยเมย ชายผู้นี้ไม่ควรมาขัดจ
เมื่อเห็นว่ามีคนมา หยวนชิงหลิงจึงโน้มตัวลงไปดู การกระทำนี้ทำให้จักรพรรดิหมิงหยวนแทบทรุดลงกับพื้น สวรรค์ เขาตกใจแทบตายนึกว่านางจะกระโดดลงมาเสียแล้วตอนนี้เขาก็เป็นโรคหัวใจแล้ว ไม่แปลกใจที่ชายชราจะไม่ยอมมา"ลงมา รีบลงมาเดี๋ยวนี้!" เสียงของเขาอ่อนแรง เขาหันกลับมาตวาดอย่างโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง "พวกเจ้ายืนอยู่ตรงนั้นทำไม? รีบขึ้นไปสิ!"ทหารราชองครักษ์ทำอะไรไม่ถูก "ฝ่าบาท หม่อมฉันก็อยากจะขึ้นไป แต่เมื่อขึ้นไปบนบันได พระชายาฉู่ก็บอกว่าจะกระโดดลงมา หม่อมฉันจึงไม่กล้าขึ้นไปพ่ะย่ะค่ะ"จักรพรรดิหมิงหยวนโกรธมากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่า แม้แต่ในวังหลวงก็ยังจะก่อเรื่องกับเขาอีกหรือ ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน สมกับที่เป็นลูกสาวของจิ้งโฮ่วเสียจริง เขาโบกมืออย่างอ่อนแรง "ถ่ายทอดคำสั่ง มีราชโองการให้เชิญพระชายาฉู่ไปที่ห้องหนังสือวี่"จักรพรรดิหมิงหยวนนั่งอยู่ภายในห้องหนังสือวี่ หลังจากอาการกรุ่นโกรธนั้นก็ตามมาด้วยความโศกเศร้าลูกชายทั้งสามที่ตกลงไปตามลำดับ ส่วนคนอื่น ๆ นั้นล้วนแต่ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลมากนักว่ากันว่าครอบครัวที่มั่งคั่งนั้นจะมีความสุข แล้วความสุขอยู่ที่ใดกัน?หากไม่มี