อวี่เหวินห่าวถูกปลุกให้ตื่นกลางดึกโดยคนจากจวนจิ้งเป่า เขาสวมเสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง และรีบออกไปเพื่อไม่รบกวนที่หยวนชิงหลิงกำลังหลับลึกเมื่อรู้ว่าอ๋องฉีถูกลอบสังหาร อันดับแรกเขาสั่งให้คนปิดล้อมประตูเมือง และค้นหาอย่างละเอียดจากนั้นเขาก็พาซูยี่ ถังหยาง และหมอหลวงเฉาตรงไปยังเรือนของอ๋องฉีอ๋องฉีได้รับบาดเจ็บสาหัสจ บอกว่าเขาเกือบตายไปแล้วก็ย่อมได้ มีคนเข้าไปในวังขอยาจินจื่อจากองค์ชายแปด แต่เขายังไม่กลับมาหยวนหยงอี้มายืนอยู่ข้างเตียงด้วยขาที่ได้รับบาดเจ็บของตัวเอง นางร้องไห้จนน้ำตาไม่เหลือแล้ว อ๋องฉีนอนอยู่บนเตียงเหมือนร่างไร้ชีวิต น้ำร้อนสำหรับล้างแผลเข้ามา จนกลายเป็นอ่างเลือดออกไปเขาแทบจะไม่หายใจอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะยังมีชีพจร เขาแทบจะไม่พบสัญญาณของการมีชีวิตเลย“ท่านอ๋อง” หมอหลวงเฉาดึงเขาออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “อ๋องฉีถูกแทงที่ลำตัวแปดครั้ง ที่มือและที่ขาอย่างละสาม ที่ท้องและหน้าอกอย่างละแผล แผลที่หน้าอกนั้นไม่โดนหัวใจ นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงยังรอดชีวิตมาจนถึงตอนนี้ แต่มีดทุกเล่มแทงตัดเข้ากระดูก สถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายมาก กระหม่อมทำอะไรไม่ได้แล้ว ไปเชิญพระชายามาที่นี่
อวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "เสด็จพ่อโปรดวางพระทัย ลูกได้สั่งให้คนค้นทั่วเมืองแล้ว"จักรพรรดิหมิงหยวนพูดด้วยความโกรธ "เจ้ายังอยู่ที่นี่อีกทำไม? นำกำลังคนออกไปค้นหามือสังหารเหล่านั้นซะ ข้าอยากเห็นมันแบบเป็น ๆ หากมันตายก็ต้องเห็นศพมัน"เดิมทีอวี่เหวินห่าวอยากรอให้หยวนชิงหลิงมาถึงก่อน แต่เสด็จพ่อทรงกริ้วเช่นนี้ เขาจึงไม่กล้าที่จะโต้แย้งเขาเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นเขาจึงรีบออกคำสั่งพาถังหยางออกไปทันทีทางซูยี่ที่กลับมาที่จวน เขาขอให้หมานเอ๋อร์รีบไปปลุกหยวนชิงหลิงขึ้นมาทันทีหยวนชิงหลิงหลับอยู่ลุกขึ้นมาอย่างงุนงง และเมื่อได้ยินว่าอ๋องฉีถูกลอบสังหารและได้รับบาดเจ็บสาหัส นางก็รีบตื่นขึ้นทันที และเพิ่งได้รู้ว่าเจ้าห้าออกไปแล้วนางลากร่างของนางออกจากเตียงอย่างเงอะงะ สวมเสื้อผ้าหนา ๆ สองชั้นอย่างส่งเดช นางเปิดกล่องยาและตรวจสอบ พบว่าอุปกรณ์และยาทั้งหมดอยู่ครบ นางจึงให้หมานเอ๋อร์ถือกล่องยาแล้วออกเดินทางทันทีรถม้าพร้อมแล้ว ในคืนที่มืดมิดเช่นนี้ นอกจากลมหนาวแล้วยังมีเสียงสุนัขเห่ามาจากไกล ๆ ตัวเป่าเดินตามมาและกระโดดเข้าไปในรถม้าหยวนชิงหลิงเกลี้ยกล่อมให้มันลงไป แต่ตัวเป่าดื้อไม่ยอมไป หยวนชิงหลิงเสีย
ในใจหยวนชิงหลิงตื่นตระหนกยิ่งนัก หลังจากที่ได้อยู่อย่างปลอดภัยและสงบสุขมาหนึ่งเดือน นางก็ผ่อนคลายลดความระมัดระวังตัวอยู่อย่างสบายใจ คิดว่าอยู่ห่างไกลจากอันตรายเหล่านั้น เมื่อนึกถึงอาวุธ นางเริ่มรื้อกล่องยาและพบขวดสเปรย์พริกไทยจึงหยิบมาถือไว้ ดีกว่าไม่มีอะไรเลยแม้ว่านางจะรู้ว่าข้างนอกนั้นอันตราย แต่ก็ยังแอบเปิดม่านมองออกไปด้านนอก มีเพียงโคมไฟที่แขวนส่องสว่างอยู่หน้ารถม้าเท่านั้น ด้านนอกแม้แต่แสงไปนี่ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี ในค่ำคืนที่มืดมิดดั่งน้ำหมึกเช่นนี้นางเห็นเพียงลูกธนูที่กระจัดกระจายพุ่งลงมาทั่วพื้น และทหารองครักษ์ที่ป้องกันพวกลูกธนูด้วยดาบทันใดนั้น จิตสังหารที่พุ่งเข้ามา ชายชุดดำหลายคนถือดาบสั้นทะยานลงมาบนท้องฟ้า“ปกป้องพระชายา!” ทหารองครักษ์ตะโกนด้วยน้ำเสียงดังทุ้ม แล้วพวกเขาก็พุ่งไปข้างหน้า เหลือสองคนและหมานเอ๋อร์เฝ้ารถม้าเอาไว้ชายในชุดดำนั้นโหดเหี้ยมมาก ลงมือโจมตีครั้งเดียวก็ฆ่าคนได้แล้ว หยวนชิงหลิงเห็นเลือดสาดกระจายไปทั่ว ไม่รู้ว่าใครทำร้ายใครกันแน่ชายในชุดดำโจมตีที่หน้ารถม้า หมานเอ๋อร์แทงด้วยดาบ จากนั้นสาดผงอะไรไม่รู้ไปหนึ่งกำ พยายามบังคับให้ชายในชุดดำถอยห่างออกไ
หยวนชิงหลิงสูดหายใจเข้าลึก ยื่นมือไปกุมท้องไว้ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด "โม่โม่ ข้าเจ็บท้องมาก"โม่โม่ตกใจมาก "สวรรค์ เป็นอย่างไรบ้าง? ท้องเป็นอะไรไหมเพคะ?""ไม่ต้องกลัว..." หยวนชิงหลิงพิงกำแพง พยายามปรับลมหายใจช้า ๆ "ไม่...มันเจ็บมาก ข้าไปไม่ไหว โม่โม่รีบไปเถอะ"เสียงของดาบและอาวุธต่าง ๆของมือสังหารยังคงดังก้องมา กลิ่นเลือดที่ลอยไปตามลมก็ดูเหมือนจะอบอวลไปทั่วทั้งเมืองหลวงใบหน้านางข้าหลวงสี่ซีดเผือด นางย่อตัวลงจะแบกหยวนชิงหลิง แต่ท้องของหยวนชิงหลิงนั้นใหญ่มาก ถึงแม้ว่านางจะแบกได้ แต่มันก็อันตรายมากเช่นกันหมานเอ๋อร์ที่ได้รับบาดเจ็บรีบวิ่งเข้ามา ร่างกายของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด แต่ได้กัดฟันฝืนทนไว้ นางกับนางข้าหลวงสี่พยุงหยวนชิงหลิงให้ล่าถอยในขณะนี้ได้ยินเสียงเกือกม้าดังขึ้นคนสามคนและสุนัขหนึ่งตัว ไม่รู้ว่าเป็นศัตรูหรือมิตรกันแน่ ตัวเป่าตั้งท่าจะต่อสู้ และหมานเอ๋อร์เองถือดาบเพื่อขวางเอาไว้ทหารม้าเข้ามาหาพวกเขา มีคนมากกว่าสิบคนถือคบเพลิงและขี่ม้าเข้ามาทั้งสามคนมองและเห็นว่าผู้นำขบวนสวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าซีดผอมมือถือบังเหียนไว้และหยุดช้า ๆ ที่แท้คือพระชายาจี้ข
บาดแผลที่ท้องลึกและมีเลือดออกมากหากเสียเลือดมากเกินไป การถ่ายเลือดยังคงจำเป็นเพื่อช่วยชีวิต มิฉะนั้น เมื่อฤทธิ์ของยาจื่นจินหมดลง คนอาจไม่รอดก็ได้สำหรับสภาพร่างกายของหยวนชิงหลิงในตอนนี้ การถ่ายเลือดนั้นเป็นงานใหญ่เกินไปแต่เมื่อเทียบกับการเย็บบาดแผลกับการถ่ายเลือดถือเป็นงานง่าย ๆ เมื่อเทียบกับสภาพร่างกายนางบาดแผลที่ท้องนั้นจัดการได้ยากเป็นพิเศษ หลังจากยืนยันจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอวัยวะภายในอื่นเสียหาย จึงเริ่มเย็บแผลหลังจากเย็บชั้นแรกบนหน้าท้องเสร็จแล้ว นางรู้สึกว่าตากำลังจะบอดลง ดวงตานางแดงก่ำไปหมดสำหรับการยึดแผลที่หน้าท้องนั้น นางทำอะไรไม่ได้แล้วจริง ๆ จึงพูดกับจักรพรรดิหมิงหยวนว่า "เสด็จพ่อ โปรดไปเชิญเจ้าอาวาสวัดฮูกั๋วมาเถอะเพคะ"“เขารู้วิชาแพทย์ของเจ้าหรือไม่?” จักรพรรดิหมิงหยวนมองดูการเคลื่อนไหวของนาง และรู้สึกว่านางฝืนใช้แรงมากเกินไปหยวนชิงหลิงพูดอย่างเหนื่อยล้า "อย่างน้อย การเย็บแผลก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเพคะ"เขาเรียนหมอปริญญาเอกอยู่แล้วมิใช่หรือ? ดูเหมือนจะใช่ จำไม่ได้แล้ว แต่ไม่เป็นไร รุ่นน้อง คงต้องฝากนายแล้วล่ะ"เขา..." จักรพรรดิหมิงหยวนมองอ๋องฉีอย่างเคร่งเคร
มันไม่ง่ายเลยที่จะให้การสารภาพ ต้องทรมานอยู่นานเกือบตายกว่าจะยอมสารภาพได้ในขณะเดียวกัน พบจดหมายฉบับหนึ่ง และตั๋วหมื่นตำลึงในโรงเตี้ยมที่ทั้งคู่พักอยู่เป็นการชั่วคราวลายมือในจดหมายได้และตราประทับนั้นเป็นจดหมายที่อ๋องจี้เขียนด้วยตัวเองผลการสืบสวนของทหารองค์รักษ์ทั้งหมดถูกนำทูลเกล้าให้จักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนอ่านคำสารภาพและจดหมายที่มีตราประทับ พระพักตร์ของพระองค์ดำคล้ำจนเหมือนท้องฟ้ามืดครึ้มเพลิงโทสะปะทุในดวงตาของพระองค์ พระองค์สั่งการให้กู้ซีไปจับตัวอ๋องจี้มาขังไว้ก่อน และรอการลงโทษหลังจากอวี่เหวินห่าวกลับมาเพิ่งได้ทราบว่าหยวนชิงหลิงก็ถูกทำร้ายเช่นกัน เขาอยากรีบไปเจอหยวนชิงหลิง แต่ถูกจักรพรรดิหมิงหยวนสั่งให้ออกไปอีกครั้งเขาวางแนวป้องกันทั่วเมือง จัดพลลาดตระเวนตามล่าหาเบาะแสของมือสังหารคนอื่น ๆอวี่เหวินห่าวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรีบวิ่งไป โดยอ้างว่าดื่มน้ำ เมื่อเห็นว่านางปลอดภัยดี ไม่สนว่าพระชายาจี้จะอยู่ตรงนั้นหรือไม่ เขาก็กอดนางแน่น และจูบหน้าผากนางอยู่นานไม่ยอมปล่อยแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่หยวนชิงหลิงก็เห็นทั้งความกังวลและความเจ็บปวดในแววตาของเขา เช่
หยวนชิงหลิงที่พักผ่อนในห้องด้านข้างกับพระชายาจี้และพระชายาซุนคู่สามีภรรยาอ๋องอันเข้าไปข้างในและทักทายทุกคนอ๋องอันมองหยวนชิงหลิงและถามว่า "พระชายาฉู่ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้เจอกับมือสังหารเช่นกัน เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"หยวนชิงหลิงมองอ๋องอันและส่ายหน้าพร้อมพูดว่า "ไม่เป็นไรเพคะ ขอบคุณสำหรับความห่วงใยเพคะ พี่สี่"อ๋องอันทำทีสงสาร "ข้าไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในช่วงวันส่งท้ายปีเก่า ข้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมือสังหารมา แต่เขาต้องเป็นคนชั่วร้ายมากยิ่งนัก"พระชายาซุนกล่าวด้วยความประหลาดใจ "เจ้าสี่ เจ้าไม่รู้หรือ ฝ่าบาทสั่งให้จับกุมอ๋องจี้แล้ว"อ๋องอันตกตะลึง "อะไรนะ พี่ใหญ่เป็นคนทำ? เป็นไปได้อย่างไรกัน?"เขาหันมองไปทางพระชายาจี้ทันทีด้วยสายตาที่ตกตะลึงพระชายาจี้เหลือบมองเขาอย่างเงียบ ๆ และหลุบตาลงพระชายาซุนพูดเสียดสี "ข้าหวังว่าจะไม่ใช่เขา ไม่อย่างนั้นคงเสียใจน่าดูที่เห็นพี่น้องห่ำหั่นกันเช่นนี้"อ๋องอันตกตะลึงอย่างมาก ตาเขาเบิกกว้าง "ไม่ใช่พี่ใหญ่ ข้าไม่เชื่อ"หยวนชิงหลิงมองไปที่อ๋องอันและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ อ๋องอันเอ๋ย ใครจะยอมรับการฆ่ากันเองได้? นางมองไปทางพระชายาอ
"พระชายาฉู่ ระวัง!" อ๋องอันดูเหมือนจะตกใจ เขารีบยื่นมือไปช่วยและพูดขอโทษว่า "ข้าขอโทษ ข้าแค่จะเข้าห้องน้ำ ข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่ามีคนอยู่ในนั้น”เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขาซีดเซียวและดวงตาของเขายังคงเศร้าสร้อย อาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บของอ๋องฉี ดังนั้นนางจึงไม่คิดอะไรมาก และพูดว่า "ไม่เป็นไร ท่านเข้าเถอะ"เมื่อเห็นว่าอ๋องอันยังคงจับข้อศอกนางอยู่ นางจึงรีบถอยออกไปอย่างไม่รู้ตัว แต่คาดไม่ถึงว่าอ๋องอันคิดว่านางจะสะดุดล้ม ขาจึงตกใจมากยื่นมือไปโอบนางไว้ทันที "พระชายาฉู่ ระวังด้วย!"หยวนชิงหลิงที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาได้กลิ่นไม้กฤษณาจากร่างเขาลอยโชยเข้ามา นางผลักเขาออกไปและถามอย่างเคร่งเครียดว่า "พี่สี่ ท่านทำอะไร?"อ๋องอันถอยหลังทันที ใบหน้าของเขาดูเขินอายเล็กน้อย "ข้าขอโทษ ข้าแค่คิดว่าเจ้าจะล้ม เฮ้อ วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่? เหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย พระชายาฉู่รีบกลับไปเถอะ"แม้ว่าหยวนชิงหลิงจะสับสน แต่ท่าทางที่แปลกไปของอ๋องอันก็ทำให้นางฉุกคิดสังเกตขึ้นมาแม้ว่าเขาจะร้อนรนแค่ไหน เขาน่าจะเห็นว่านางไม่ได้จะสะดุดล้ม แม้ว่านางจะสะดุดล้ม เขาก็แค่ดึงแขนนางไว้ก็ได้ ทำไมเขา