หยวนชิงหลิงที่พักผ่อนในห้องด้านข้างกับพระชายาจี้และพระชายาซุนคู่สามีภรรยาอ๋องอันเข้าไปข้างในและทักทายทุกคนอ๋องอันมองหยวนชิงหลิงและถามว่า "พระชายาฉู่ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้เจอกับมือสังหารเช่นกัน เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"หยวนชิงหลิงมองอ๋องอันและส่ายหน้าพร้อมพูดว่า "ไม่เป็นไรเพคะ ขอบคุณสำหรับความห่วงใยเพคะ พี่สี่"อ๋องอันทำทีสงสาร "ข้าไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในช่วงวันส่งท้ายปีเก่า ข้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมือสังหารมา แต่เขาต้องเป็นคนชั่วร้ายมากยิ่งนัก"พระชายาซุนกล่าวด้วยความประหลาดใจ "เจ้าสี่ เจ้าไม่รู้หรือ ฝ่าบาทสั่งให้จับกุมอ๋องจี้แล้ว"อ๋องอันตกตะลึง "อะไรนะ พี่ใหญ่เป็นคนทำ? เป็นไปได้อย่างไรกัน?"เขาหันมองไปทางพระชายาจี้ทันทีด้วยสายตาที่ตกตะลึงพระชายาจี้เหลือบมองเขาอย่างเงียบ ๆ และหลุบตาลงพระชายาซุนพูดเสียดสี "ข้าหวังว่าจะไม่ใช่เขา ไม่อย่างนั้นคงเสียใจน่าดูที่เห็นพี่น้องห่ำหั่นกันเช่นนี้"อ๋องอันตกตะลึงอย่างมาก ตาเขาเบิกกว้าง "ไม่ใช่พี่ใหญ่ ข้าไม่เชื่อ"หยวนชิงหลิงมองไปที่อ๋องอันและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ อ๋องอันเอ๋ย ใครจะยอมรับการฆ่ากันเองได้? นางมองไปทางพระชายาอ
"พระชายาฉู่ ระวัง!" อ๋องอันดูเหมือนจะตกใจ เขารีบยื่นมือไปช่วยและพูดขอโทษว่า "ข้าขอโทษ ข้าแค่จะเข้าห้องน้ำ ข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่ามีคนอยู่ในนั้น”เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขาซีดเซียวและดวงตาของเขายังคงเศร้าสร้อย อาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บของอ๋องฉี ดังนั้นนางจึงไม่คิดอะไรมาก และพูดว่า "ไม่เป็นไร ท่านเข้าเถอะ"เมื่อเห็นว่าอ๋องอันยังคงจับข้อศอกนางอยู่ นางจึงรีบถอยออกไปอย่างไม่รู้ตัว แต่คาดไม่ถึงว่าอ๋องอันคิดว่านางจะสะดุดล้ม ขาจึงตกใจมากยื่นมือไปโอบนางไว้ทันที "พระชายาฉู่ ระวังด้วย!"หยวนชิงหลิงที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาได้กลิ่นไม้กฤษณาจากร่างเขาลอยโชยเข้ามา นางผลักเขาออกไปและถามอย่างเคร่งเครียดว่า "พี่สี่ ท่านทำอะไร?"อ๋องอันถอยหลังทันที ใบหน้าของเขาดูเขินอายเล็กน้อย "ข้าขอโทษ ข้าแค่คิดว่าเจ้าจะล้ม เฮ้อ วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่? เหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย พระชายาฉู่รีบกลับไปเถอะ"แม้ว่าหยวนชิงหลิงจะสับสน แต่ท่าทางที่แปลกไปของอ๋องอันก็ทำให้นางฉุกคิดสังเกตขึ้นมาแม้ว่าเขาจะร้อนรนแค่ไหน เขาน่าจะเห็นว่านางไม่ได้จะสะดุดล้ม แม้ว่านางจะสะดุดล้ม เขาก็แค่ดึงแขนนางไว้ก็ได้ ทำไมเขา
ทางด้านอ๋องฉีที่มีหยวนหยงอี้กับฮองเฮาอยู่เฝ้า และอาซื่อก็อยู่ที่นั่นด้วยเจ้าอาวาสได้เชิญลงไปดื่มชาแล้ว มีหมอหลวงหลายคนรอรับใช้อยู่ใกล้ ๆ“พี่หยวน เขาจะฟื้นไหม?” หยวนหยงอี้ร้องไห้จนตาบวม นางจับมือหยวนชิงหลิงและถามออกมาฮองเฮาที่ได้ยิน ก็รีบมองไปที่หยวนชิงหลิงอย่างกระตือรือร้นหยวนชิงหลิงยกยิ้มปลอบใจ "คนดีฟ้าคุ้มครอง ต้องไม่เป็นไรแน่"คำพูดแบบนี้เป็นคำปลอบโยนที่จืดชืดที่สุด แต่เพราะหยวนชิงหลิงพูดออกมา หยวนหยงอี้จึงรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก"เสด็จแม่ไปพักสักหน่อยเถอะเพคะ" หยวนชิงหลิงเห็นว่านางนั่งสัปผงกเล็กน้อยและดูเหมือนกำลังจะเป็นลมได้ทุกเมื่อฮองเฮาโบกพระหัตถ์มองลูกชายที่เหมือนสำลีขาดรุ่งริ่ง นางอดไม่ได้ที่จะร้องไห้อีกครั้ง "ไม่ ข้าจะเฝ้าเขา"หลังจากผ่านสถานการณ์ความเป็นความตายของลูกชายมาสองครั้งติดต่อกัน ฮองเฮาก็เข้าใจทุกอย่างอย่างถ่องแท้ไม่ว่าบัลลังก์จักรพรรดิจะดีแค่ไหน ถ้าหากเขาไม่มีชีวิตแล้ว จะไปมีประโยชน์อะไร?ดังนั้นนางจึงมีทัศนคติใหม่ต่อหยวนชิงหลิง อย่างน้อยกับเจ้าแปดในครั้งนี้ นางยืนหยัดขึ้นโดยไม่ลังเล และถูกลอบสังหารด้วยซ้ำนางพูดกับหยวนชิงหลิง "มีหมอหลวงเฝ้าอยู่
เจ้าอาวาสกล่าวว่า "ที่จริงแล้วสภาพแวดล้อมคงรับประกันไม่ได้ว่าจะปลอดเชื้อได้ร้อยเปอร์เซ็นต์"หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เราต้องทำทุกอย่างให้เต็มที่เท่านั้น"เจ้าอาวาสพยักหน้า “นี่ถือเรื่องใหญ่ ในเมื่อรุ่นพี่ถามอาตมา อาตมาก็ย่อมจะช่วยเหลือเป็นธรรมดา”“ข้าจะสั่งให้คนเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ คนที่เข้าไปในห้องผ่าตัดล้วนแต่เป็นคนสนิทของข้า ไม่ต้องกลัวว่าถ้าหลุดออกไปจะกระทบชื่อเสียงท่านได้”ท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นเจ้าอาวาสวัดฮูกั๋ว ซึ่งไม่ต่างอะไรจากราชครูของประเทศนี้ ถ้ารู้ว่าเขามาทำคลอดให้ผู้หญิง มันจะทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายแน่นอนเจ้าอาวาสหัวเราะ "ทำไมเล่า การให้ทารกได้กำเนิดมาอย่างปลอดภัยก็เพื่อช่วยสรรพสัตว์ พระพุทธเจ้าของเราย่อมส่งเสริม"หยวนชิงหลิงรู้สึกโล่งใจหลังจากได้ยินเช่นนี้“อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ คาดว่าหลายคนจะจับจ้องข้าทั้งก่อนและหลังคลอด ท่านคืออาวุธลับสุดท้ายของข้า นอกจากข้ากับท่านแล้ว ข้าจะไม่บอกคนอื่น อย่างท่านอ๋องเองข้าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับชั่วคราว”ไม่ใช่ว่ากลัวเจ้าห้าจะหลุดพูดออกมา แต่เจ้าห้าเ
เจ้าอาวาสถามว่า "รุ่นพี่ สมองของร่างกายนี้ถูกท่านควบคุมอย่างสมบูรณ์ แต่ท่านยังสามารถควบคุมกล่องยาได้ ท่านรู้ไหมว่าทำไม?"หยวนชิงหลิงจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ไปวัดฮูกั๋ว และไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้อีก ครั้งล่าสุดนั้นที่เขาเอาเรื่องเทววิทยากับงานวิจัยของเขาเองมาผสมกัน ทำให้นางตกใจจริง ๆ“เพราะอะไรกัน?” หยวนชิงหลิงถามถ้วยค่อย ๆ ตกลงบนหลังนาง นางหยิบมันและวางลงบนโต๊ะ แล้วมองไปที่เจ้าอาวาสเจ้าอาวาสกล่าวว่า “เพราะในที่ ๆ ท่านเคยอาศัยอยู่ อาจมีคนคนหนึ่งที่มีจิตสำนึกของท่านเชื่อมอยู่ถึงกันด้วย แต่ท่านยังไม่รู้ตัวเท่านั้น”หยวนชิงหลิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ท่านหมายถึงว่า การวิจัยของข้าประสบความสำเร็จแล้วใช่ไหม? ยาที่ข้าพัฒนาขึ้นได้ถูกนำไปใช้ในภายหลังใช่ไหม?"“แผนการวิจัยของท่านถูกระงับไว้ และไม่มีใครทำวิจัยแบบเดียวกันนี้อีก อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีใครเผยแพร่งานวิจัยต่อสาธารณะ เพราะมนุษยชาติฉลาดพออยู่แล้ว” เจ้าอาวาสกล่าว“ดังนั้นท่านทำวิจัยเป็นการส่วนตัวอยู่หรือไม่?” หยวนชิงหลิงถามดวงตาของเจ้าอาวาสยังคงเต็มไปด้วยไฟแห่งความรักในการวิจัยค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ “ใช่แล้ว ข้าศึกษาเรื่องของท่านตั้งแต่อา
เมื่อคนเราเกิดมาจะเป็นตัวกำหนดจำนวนเซลล์สมองที่มีอยู่ หลังจากอายุสิบแปดปี เซลล์สมองจะลดลงและตายทุกปีงานวิจัยของหยวนชิงหลิงเองนั้นเริ่มต้นจากการศึกษาเกี่ยวกับการกำเนิดเซลล์ประสาท ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการวิจัยว่าเซลล์ประสาท สามารถถูกกระตุ้นให้สร้างความแตกต่าง และสร้างเซลล์ต้นกำเนิดจากระบบประสาทขึ้นใหม่ได้แต่การสร้างเซลล์ประสาทนี้จำกัดอยู่เพียงสองบริเวณคือระบบประสาทส่วนกลาง และใยประสาทที่นำกระแสเข้าสู่ตัวเซลล์ภายในฮิปโปแคมปัส การวิจัยของนางอยู่นอกเหนือขอบเขตที่จะกล่าวว่าเซลล์สมองสามารถแบ่งตัวและงอกใหม่ได้จึงไม่เก็บเอาคำของเจ้าอาวาสมาใส่ใจอย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าแม้การสนทนาของนางกับเจ้าอาวาสจะน่าตื่นเต้น แต่นี่เป็นสนามที่คุ้นเคยมิใช่การแย่งตำแหน่งรัชทายาท มิใช่การวิวาท มิใช่อุบายการโต้เถียงกันในโลกวิชาการแม้จะดุเดือดและเฉียบคม ก็ไม่ทำให้ผู้คนเบื่อหน่าย แต่จะยิ่งทำให้ผู้คนตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้นมันยิ่งทำให้นางมุ่งมั่นที่จะเปิดโรงเรียนแพทย์สถานการณ์ของอ๋องฉียังคงไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ดังนั้นแม้ว่าฟ้าจะมืดแล้ว แต่หยวนชิงหลิงก็ยังกลับไปไม่ได้วันนี้จึงอยู่ค้างคืนต่อที่นี่เจ้าห้ายั
อวี่เหวินห่าวรับคำสั่งและกำลังไป มีเพียงสิ่งเดียวที่อยู่ในใจของเขา หากเป็นเจ้าสี่ การเคลื่อนไหวนี้ได้ถูกวางแผนไว้นานแล้วรอจนกว่าเขาจะกลับไปที่จวนจิ้งเป่าก่อนแล้วค่อยลงมือ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัวเขาฆ่าน้องเจ็ดใส่ร้ายพี่ใหญ่ ในท้ายที่สุด เขาซึ่งเป็นผู้ว่าจวนจิ้เงป่าถูกปลดออกอีกครั้ง เนื่องจากไม่มีความสามรถเพียงพอในการจับกุมผู้ลอบสังหารวางแผนได้เยี่ยมจริง ๆในความเป็นจริงอวี่เหวินห่าวได้ป้องกันเขาอย่างลับ ๆ แต่เขาไม่มีทางโจมตีก่อนตอนนี้เขาได้พยายามสะสมการติดต่อมากมาย แต่สถานการณ์ของเหล่าหยวนนั้นสะดุดตาเกินไป เขาทำอะไรก็มีผู้คนเฝ้าจับตาดู หากเขาก้าวพลาดไปก้าวเดียว หรือหากมีพฤติกรรมผิดปกติในจวนอ๋องฉู่ เสด็จพ่อก็จะเข้ามาจัดการเขาทันทีเสด็จพ่อ พระองค์รู้ไหมว่าความสนใจของพระองค์มันบีบคันข้าจริง ๆ? มันบีบคั้นจนข้าได้แต่ถูกล้อมรุมทุบตีแบบนี้อวี่เหวินห่าวขึ้นหลังม้าอย่างเหน็ดเหนื่อย นึกได้ว่าตั้งแต่เหล่าหยวนถูกโจมตีนั้น เขาไม่ได้พูดอะไรกับนางเลยเหล่าหยวนนั้นขี้น้อยใจ ครั้งนี้จะตกใจจนรับไม่ไหวหรือไม่?ขอบตาอวี่เหวินห่าวแดงก่ำ เขาไม่เคยรู้สึกผิดแบบนี้มาก่อนจวนอ๋องอันธูปถูกจุด
ในตอนบ่ายอาการอ๋องฉีค่อย ๆ ทรงตัวขึ้นแม้ว่าการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตจะยังไม่ปกติ แต่ก็มีความคืบหน้ามากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนหยวนชิงหลิงอยากกลับไปที่จวนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า นางข้าหลวงสี่จึงสั่งให้คนไปเตรียมรถม้าเอาไว้รถม้าพร้อมแล้ว นางข้าหลวงสี่ช่วยประคองหยวนชิงหลิงไปที่รถม้า จากนั้นก็กลับไปช่วยพยุงหมานเอ๋อร์คาดไม่ถึงว่าเมื่อหยวนชิงหลิงเข้าไปในรถม้า ล้อของรถม้าก็หลุดออกไปจู่ ๆ รถม้าก็ทรุดลงและเอียงตะแคง ซึ่งทำให้ทหารองค์รักษ์ตกใจเป็นอย่างมากโชคดีที่หยวนชิงหลิงไม่ล้มลงไป แต่ศีรษะไปกระแทกกับคานของรถม้าไม่เจ็บอะไรมากนักนางข้าหลวงสี่จึงช่วยประคองนางลงจากรถม้า และพูดด้วยความโกรธว่า "พวกบ่าวในเรือนอ๋องฉีนี่มันอย่างไรกัน รถม้าพังทำไมไม่ซ่อม""ช่างเถอะ ดูสักหน่อยว่ามีรถม้าคันอื่นพอใช้ได้ไหม?" หยวนชิงหลิงรู้สึกไม่สบายใจหลังจากเกิดเรื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ ดังนั้นนางจึงอยากกลับบ้านโดยเร็วที่สุดทหารองค์รักษ์เข้าไปถามและบอกว่ามีรถม้าเพียงสองคันภายในจวน และหนึ่งในนั้นออกไปทำธุระแล้วหยวนชิงหลิงจึงเอ่ยว่า "งั้นรอสักครู่ก่อนเถอะ"ขณะที่นางคิดจะกลับเข้าไป ก็เหลือบไปเห็นรถม้าขอ