ในใจหยวนชิงหลิงตื่นตระหนกยิ่งนัก หลังจากที่ได้อยู่อย่างปลอดภัยและสงบสุขมาหนึ่งเดือน นางก็ผ่อนคลายลดความระมัดระวังตัวอยู่อย่างสบายใจ คิดว่าอยู่ห่างไกลจากอันตรายเหล่านั้น เมื่อนึกถึงอาวุธ นางเริ่มรื้อกล่องยาและพบขวดสเปรย์พริกไทยจึงหยิบมาถือไว้ ดีกว่าไม่มีอะไรเลยแม้ว่านางจะรู้ว่าข้างนอกนั้นอันตราย แต่ก็ยังแอบเปิดม่านมองออกไปด้านนอก มีเพียงโคมไฟที่แขวนส่องสว่างอยู่หน้ารถม้าเท่านั้น ด้านนอกแม้แต่แสงไปนี่ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี ในค่ำคืนที่มืดมิดดั่งน้ำหมึกเช่นนี้นางเห็นเพียงลูกธนูที่กระจัดกระจายพุ่งลงมาทั่วพื้น และทหารองครักษ์ที่ป้องกันพวกลูกธนูด้วยดาบทันใดนั้น จิตสังหารที่พุ่งเข้ามา ชายชุดดำหลายคนถือดาบสั้นทะยานลงมาบนท้องฟ้า“ปกป้องพระชายา!” ทหารองครักษ์ตะโกนด้วยน้ำเสียงดังทุ้ม แล้วพวกเขาก็พุ่งไปข้างหน้า เหลือสองคนและหมานเอ๋อร์เฝ้ารถม้าเอาไว้ชายในชุดดำนั้นโหดเหี้ยมมาก ลงมือโจมตีครั้งเดียวก็ฆ่าคนได้แล้ว หยวนชิงหลิงเห็นเลือดสาดกระจายไปทั่ว ไม่รู้ว่าใครทำร้ายใครกันแน่ชายในชุดดำโจมตีที่หน้ารถม้า หมานเอ๋อร์แทงด้วยดาบ จากนั้นสาดผงอะไรไม่รู้ไปหนึ่งกำ พยายามบังคับให้ชายในชุดดำถอยห่างออกไ
หยวนชิงหลิงสูดหายใจเข้าลึก ยื่นมือไปกุมท้องไว้ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด "โม่โม่ ข้าเจ็บท้องมาก"โม่โม่ตกใจมาก "สวรรค์ เป็นอย่างไรบ้าง? ท้องเป็นอะไรไหมเพคะ?""ไม่ต้องกลัว..." หยวนชิงหลิงพิงกำแพง พยายามปรับลมหายใจช้า ๆ "ไม่...มันเจ็บมาก ข้าไปไม่ไหว โม่โม่รีบไปเถอะ"เสียงของดาบและอาวุธต่าง ๆของมือสังหารยังคงดังก้องมา กลิ่นเลือดที่ลอยไปตามลมก็ดูเหมือนจะอบอวลไปทั่วทั้งเมืองหลวงใบหน้านางข้าหลวงสี่ซีดเผือด นางย่อตัวลงจะแบกหยวนชิงหลิง แต่ท้องของหยวนชิงหลิงนั้นใหญ่มาก ถึงแม้ว่านางจะแบกได้ แต่มันก็อันตรายมากเช่นกันหมานเอ๋อร์ที่ได้รับบาดเจ็บรีบวิ่งเข้ามา ร่างกายของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด แต่ได้กัดฟันฝืนทนไว้ นางกับนางข้าหลวงสี่พยุงหยวนชิงหลิงให้ล่าถอยในขณะนี้ได้ยินเสียงเกือกม้าดังขึ้นคนสามคนและสุนัขหนึ่งตัว ไม่รู้ว่าเป็นศัตรูหรือมิตรกันแน่ ตัวเป่าตั้งท่าจะต่อสู้ และหมานเอ๋อร์เองถือดาบเพื่อขวางเอาไว้ทหารม้าเข้ามาหาพวกเขา มีคนมากกว่าสิบคนถือคบเพลิงและขี่ม้าเข้ามาทั้งสามคนมองและเห็นว่าผู้นำขบวนสวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าซีดผอมมือถือบังเหียนไว้และหยุดช้า ๆ ที่แท้คือพระชายาจี้ข
บาดแผลที่ท้องลึกและมีเลือดออกมากหากเสียเลือดมากเกินไป การถ่ายเลือดยังคงจำเป็นเพื่อช่วยชีวิต มิฉะนั้น เมื่อฤทธิ์ของยาจื่นจินหมดลง คนอาจไม่รอดก็ได้สำหรับสภาพร่างกายของหยวนชิงหลิงในตอนนี้ การถ่ายเลือดนั้นเป็นงานใหญ่เกินไปแต่เมื่อเทียบกับการเย็บบาดแผลกับการถ่ายเลือดถือเป็นงานง่าย ๆ เมื่อเทียบกับสภาพร่างกายนางบาดแผลที่ท้องนั้นจัดการได้ยากเป็นพิเศษ หลังจากยืนยันจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอวัยวะภายในอื่นเสียหาย จึงเริ่มเย็บแผลหลังจากเย็บชั้นแรกบนหน้าท้องเสร็จแล้ว นางรู้สึกว่าตากำลังจะบอดลง ดวงตานางแดงก่ำไปหมดสำหรับการยึดแผลที่หน้าท้องนั้น นางทำอะไรไม่ได้แล้วจริง ๆ จึงพูดกับจักรพรรดิหมิงหยวนว่า "เสด็จพ่อ โปรดไปเชิญเจ้าอาวาสวัดฮูกั๋วมาเถอะเพคะ"“เขารู้วิชาแพทย์ของเจ้าหรือไม่?” จักรพรรดิหมิงหยวนมองดูการเคลื่อนไหวของนาง และรู้สึกว่านางฝืนใช้แรงมากเกินไปหยวนชิงหลิงพูดอย่างเหนื่อยล้า "อย่างน้อย การเย็บแผลก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเพคะ"เขาเรียนหมอปริญญาเอกอยู่แล้วมิใช่หรือ? ดูเหมือนจะใช่ จำไม่ได้แล้ว แต่ไม่เป็นไร รุ่นน้อง คงต้องฝากนายแล้วล่ะ"เขา..." จักรพรรดิหมิงหยวนมองอ๋องฉีอย่างเคร่งเคร
มันไม่ง่ายเลยที่จะให้การสารภาพ ต้องทรมานอยู่นานเกือบตายกว่าจะยอมสารภาพได้ในขณะเดียวกัน พบจดหมายฉบับหนึ่ง และตั๋วหมื่นตำลึงในโรงเตี้ยมที่ทั้งคู่พักอยู่เป็นการชั่วคราวลายมือในจดหมายได้และตราประทับนั้นเป็นจดหมายที่อ๋องจี้เขียนด้วยตัวเองผลการสืบสวนของทหารองค์รักษ์ทั้งหมดถูกนำทูลเกล้าให้จักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนอ่านคำสารภาพและจดหมายที่มีตราประทับ พระพักตร์ของพระองค์ดำคล้ำจนเหมือนท้องฟ้ามืดครึ้มเพลิงโทสะปะทุในดวงตาของพระองค์ พระองค์สั่งการให้กู้ซีไปจับตัวอ๋องจี้มาขังไว้ก่อน และรอการลงโทษหลังจากอวี่เหวินห่าวกลับมาเพิ่งได้ทราบว่าหยวนชิงหลิงก็ถูกทำร้ายเช่นกัน เขาอยากรีบไปเจอหยวนชิงหลิง แต่ถูกจักรพรรดิหมิงหยวนสั่งให้ออกไปอีกครั้งเขาวางแนวป้องกันทั่วเมือง จัดพลลาดตระเวนตามล่าหาเบาะแสของมือสังหารคนอื่น ๆอวี่เหวินห่าวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรีบวิ่งไป โดยอ้างว่าดื่มน้ำ เมื่อเห็นว่านางปลอดภัยดี ไม่สนว่าพระชายาจี้จะอยู่ตรงนั้นหรือไม่ เขาก็กอดนางแน่น และจูบหน้าผากนางอยู่นานไม่ยอมปล่อยแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่หยวนชิงหลิงก็เห็นทั้งความกังวลและความเจ็บปวดในแววตาของเขา เช่
หยวนชิงหลิงที่พักผ่อนในห้องด้านข้างกับพระชายาจี้และพระชายาซุนคู่สามีภรรยาอ๋องอันเข้าไปข้างในและทักทายทุกคนอ๋องอันมองหยวนชิงหลิงและถามว่า "พระชายาฉู่ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้เจอกับมือสังหารเช่นกัน เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"หยวนชิงหลิงมองอ๋องอันและส่ายหน้าพร้อมพูดว่า "ไม่เป็นไรเพคะ ขอบคุณสำหรับความห่วงใยเพคะ พี่สี่"อ๋องอันทำทีสงสาร "ข้าไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในช่วงวันส่งท้ายปีเก่า ข้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมือสังหารมา แต่เขาต้องเป็นคนชั่วร้ายมากยิ่งนัก"พระชายาซุนกล่าวด้วยความประหลาดใจ "เจ้าสี่ เจ้าไม่รู้หรือ ฝ่าบาทสั่งให้จับกุมอ๋องจี้แล้ว"อ๋องอันตกตะลึง "อะไรนะ พี่ใหญ่เป็นคนทำ? เป็นไปได้อย่างไรกัน?"เขาหันมองไปทางพระชายาจี้ทันทีด้วยสายตาที่ตกตะลึงพระชายาจี้เหลือบมองเขาอย่างเงียบ ๆ และหลุบตาลงพระชายาซุนพูดเสียดสี "ข้าหวังว่าจะไม่ใช่เขา ไม่อย่างนั้นคงเสียใจน่าดูที่เห็นพี่น้องห่ำหั่นกันเช่นนี้"อ๋องอันตกตะลึงอย่างมาก ตาเขาเบิกกว้าง "ไม่ใช่พี่ใหญ่ ข้าไม่เชื่อ"หยวนชิงหลิงมองไปที่อ๋องอันและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ อ๋องอันเอ๋ย ใครจะยอมรับการฆ่ากันเองได้? นางมองไปทางพระชายาอ
"พระชายาฉู่ ระวัง!" อ๋องอันดูเหมือนจะตกใจ เขารีบยื่นมือไปช่วยและพูดขอโทษว่า "ข้าขอโทษ ข้าแค่จะเข้าห้องน้ำ ข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่ามีคนอยู่ในนั้น”เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขาซีดเซียวและดวงตาของเขายังคงเศร้าสร้อย อาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บของอ๋องฉี ดังนั้นนางจึงไม่คิดอะไรมาก และพูดว่า "ไม่เป็นไร ท่านเข้าเถอะ"เมื่อเห็นว่าอ๋องอันยังคงจับข้อศอกนางอยู่ นางจึงรีบถอยออกไปอย่างไม่รู้ตัว แต่คาดไม่ถึงว่าอ๋องอันคิดว่านางจะสะดุดล้ม ขาจึงตกใจมากยื่นมือไปโอบนางไว้ทันที "พระชายาฉู่ ระวังด้วย!"หยวนชิงหลิงที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาได้กลิ่นไม้กฤษณาจากร่างเขาลอยโชยเข้ามา นางผลักเขาออกไปและถามอย่างเคร่งเครียดว่า "พี่สี่ ท่านทำอะไร?"อ๋องอันถอยหลังทันที ใบหน้าของเขาดูเขินอายเล็กน้อย "ข้าขอโทษ ข้าแค่คิดว่าเจ้าจะล้ม เฮ้อ วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่? เหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย พระชายาฉู่รีบกลับไปเถอะ"แม้ว่าหยวนชิงหลิงจะสับสน แต่ท่าทางที่แปลกไปของอ๋องอันก็ทำให้นางฉุกคิดสังเกตขึ้นมาแม้ว่าเขาจะร้อนรนแค่ไหน เขาน่าจะเห็นว่านางไม่ได้จะสะดุดล้ม แม้ว่านางจะสะดุดล้ม เขาก็แค่ดึงแขนนางไว้ก็ได้ ทำไมเขา
ทางด้านอ๋องฉีที่มีหยวนหยงอี้กับฮองเฮาอยู่เฝ้า และอาซื่อก็อยู่ที่นั่นด้วยเจ้าอาวาสได้เชิญลงไปดื่มชาแล้ว มีหมอหลวงหลายคนรอรับใช้อยู่ใกล้ ๆ“พี่หยวน เขาจะฟื้นไหม?” หยวนหยงอี้ร้องไห้จนตาบวม นางจับมือหยวนชิงหลิงและถามออกมาฮองเฮาที่ได้ยิน ก็รีบมองไปที่หยวนชิงหลิงอย่างกระตือรือร้นหยวนชิงหลิงยกยิ้มปลอบใจ "คนดีฟ้าคุ้มครอง ต้องไม่เป็นไรแน่"คำพูดแบบนี้เป็นคำปลอบโยนที่จืดชืดที่สุด แต่เพราะหยวนชิงหลิงพูดออกมา หยวนหยงอี้จึงรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก"เสด็จแม่ไปพักสักหน่อยเถอะเพคะ" หยวนชิงหลิงเห็นว่านางนั่งสัปผงกเล็กน้อยและดูเหมือนกำลังจะเป็นลมได้ทุกเมื่อฮองเฮาโบกพระหัตถ์มองลูกชายที่เหมือนสำลีขาดรุ่งริ่ง นางอดไม่ได้ที่จะร้องไห้อีกครั้ง "ไม่ ข้าจะเฝ้าเขา"หลังจากผ่านสถานการณ์ความเป็นความตายของลูกชายมาสองครั้งติดต่อกัน ฮองเฮาก็เข้าใจทุกอย่างอย่างถ่องแท้ไม่ว่าบัลลังก์จักรพรรดิจะดีแค่ไหน ถ้าหากเขาไม่มีชีวิตแล้ว จะไปมีประโยชน์อะไร?ดังนั้นนางจึงมีทัศนคติใหม่ต่อหยวนชิงหลิง อย่างน้อยกับเจ้าแปดในครั้งนี้ นางยืนหยัดขึ้นโดยไม่ลังเล และถูกลอบสังหารด้วยซ้ำนางพูดกับหยวนชิงหลิง "มีหมอหลวงเฝ้าอยู่
เจ้าอาวาสกล่าวว่า "ที่จริงแล้วสภาพแวดล้อมคงรับประกันไม่ได้ว่าจะปลอดเชื้อได้ร้อยเปอร์เซ็นต์"หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เราต้องทำทุกอย่างให้เต็มที่เท่านั้น"เจ้าอาวาสพยักหน้า “นี่ถือเรื่องใหญ่ ในเมื่อรุ่นพี่ถามอาตมา อาตมาก็ย่อมจะช่วยเหลือเป็นธรรมดา”“ข้าจะสั่งให้คนเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ คนที่เข้าไปในห้องผ่าตัดล้วนแต่เป็นคนสนิทของข้า ไม่ต้องกลัวว่าถ้าหลุดออกไปจะกระทบชื่อเสียงท่านได้”ท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นเจ้าอาวาสวัดฮูกั๋ว ซึ่งไม่ต่างอะไรจากราชครูของประเทศนี้ ถ้ารู้ว่าเขามาทำคลอดให้ผู้หญิง มันจะทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายแน่นอนเจ้าอาวาสหัวเราะ "ทำไมเล่า การให้ทารกได้กำเนิดมาอย่างปลอดภัยก็เพื่อช่วยสรรพสัตว์ พระพุทธเจ้าของเราย่อมส่งเสริม"หยวนชิงหลิงรู้สึกโล่งใจหลังจากได้ยินเช่นนี้“อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ คาดว่าหลายคนจะจับจ้องข้าทั้งก่อนและหลังคลอด ท่านคืออาวุธลับสุดท้ายของข้า นอกจากข้ากับท่านแล้ว ข้าจะไม่บอกคนอื่น อย่างท่านอ๋องเองข้าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับชั่วคราว”ไม่ใช่ว่ากลัวเจ้าห้าจะหลุดพูดออกมา แต่เจ้าห้าเ