Share

บทที่ 831

Author: จูน
ฉางกงกงกล่าวอย่างจริงจังว่า "ตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ พระวรกายพระองค์เริ่มหนักมากแล้ว ต้องใส่ใจทุกอย่างจึงจะถูกต้อง"

เขาช่วยประคองนางไปถึงด้านหน้าของไท่ซ่างหวง อวี่เหวินห่าวช่วยนางคุกเข่าลงอย่างช้า ๆ แต่ไท่ซ่างหวงห้ามเขา "เจ้าห้า เจ้าคุกเข่าแทนนาง นางก้มหัวก็พอแล้ว"

เสด็จปู่รักหลานสะใภ้ของพระองค์อย่างสุดซึ้ง

ไทเฮาที่ได้เห็นก็ทรงพอพระทัยมาก พระนางเองก็กลัวว่านางจะคุกเข่าลงและทำร้ายเหลนนางบาดเจ็บได้

อวี่เหวินห่าวคุกเข่าก้มศีรษะถวายบังคมสองครั้ง จากนั้นจึงไปถวายบังคมเสด็จพ่อ ผ่านไปสิบกว่าครั้งจึงจะถวายบังคมเสร็จ

“เจ้าน้ำหนักตัวหนักมากแล้ว อย่าเดินไปมา นั่งรออยู่ตรงนี้จนกว่าจะถึงมื้อค่ำเถอะ” ไทเฮาตรัส

“เพคะ!” หยวนชิงหลิงตอบรับอย่างรวดเร็วหลังจากนั่งลง นางเดินเข้าไป นางเกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว

“ช่วงนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง?” จักรพรรดิหมิงหยวนมองดูนางและถามไถ่

หยวนชิงหลิงตอบตามจริงว่า "ทูลเสด็จพ่อ ไม่ค่อยดีเลยเพคะ ทุกวันเหนื่อยมาก นอนไม่ค่อยหลับ กินอะไรก็ไม่อร่อย"

"อย่าง้อแง้ไปนักเลย ผู้หญิงทุกคนต้องเคยผ่านเรื่องพวกนี้ อย่าคิดว่าตัวเองลำบากมาก ผู้หญิงเป็นแม่ต้องเข้มแข็ง
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 832

    ไท่ซ่างหวงรู้สึกไม่พอใจ "เจ้ากำลังทำอะไร?"หยวนชิงหลิงรีบพูดทันที "พระองค์ได้ยินผิดไป พระองค์หูฝาดไปแล้ว"ไท่ซ่างหวงชำเลืองมองนาง "เจ้าลุกมาตรวจให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้ารู้สึกเจ็บปวดมาตลอดเลยเชียว"“ได้เพคะ!” หยวนชิงหลิงรีบลุกขึ้นทันทีไท่ซ่างหวงมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาด และความดันโลหิตของพระองค์ก็สูงเล็กน้อย ดังนั้นสถานการณ์จึงไม่ค่อยสู้ดีนักกล่าวอีกนัยหนึ่งถูกกระตุ้นไม่ได้เด็ดขาดโชคดีที่เขาประสบกับปัญหาเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คิดว่าตอนนี้ไม่มีอะไรสามารถกระตุ้นเขาได้หลังจากสั่งยาแล้ว ไท่ซ่างหวงก็ตรัสถามอย่างเรียบเฉยว่า "สำหรับจิ้งเหอจวิ้นจู่ เจ้าต้องหาเวลาไปคุยกับนางบ้าง คนเราเมื่อตกอยู่ในความสิ้นหวัง หากพลาดไปเพียงเล็กน้อย ชีวิตก็อาจปลิวหายไปได้ "หยวนชิงหลิงเองไม่คิดว่าพระองค์ยังคงคิดถึงจิ้งเหอจวิ้นจู่ นางรู้สึกโล่งอกมาก และขอบพระทัยพระองค์แทนจิ้งเหอจวิ้นจู่ และสัญญาว่าจะส่งคนไปเยี่ยมนางเมื่อหยวนชิงหลิงออกมา นางพบชายวัยกลางคนท่าทางแข็งแรงเดินเข้ามา ชายคนนั้นก้มศีรษะลงและคำนับนาง "คารวะพระชายา"หยวนชิงหลิงไม่รู้จักเขาจึงถามไปว่า "ท่า

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 833

    ทุกคนไม่ได้สนใจเรื่องนี้ บางทีเจ้าของม้าอาจไม่กล้าออกมายอมรับ เมื่อเขาเห็นว่าม้านั้นได้ทำร้ายชายารองของอ๋องฉี คนไม่ดีมีอยู่ทุกที่หลังจากออกจากวัง แต่ละคนต่างขึ้นรถม้า หยวนชิงหลิงคิดจะไปหาที่จวนอ๋องฉี เพื่อเยี่ยมเยียนสาวน้อยหยงอี้ในวันพรุ่งนี้ในวันแรกของปีใหม่หลังจากกลับมาถึงจวน นางก็เหนื่อยล้ามาก นางจึงทำแค่เพียงล้างหน้าและหลับไปตอนที่ง่วงซึมอยู่นั้น ยังฉุกนึกขึ้นมาได้ จึงถามเจ้าห้าว่า "ฝ่าบาทให้ท่านไปทำอะไรในหอตำราหลวง""เลือกอะไรสักอย่างขึ้นมาต่อสู้ พ่อลูกทะเลาะกันเฉย ๆ น่ะ" อวี่เหวินห่าวยื่นมือมาปิดตานาง "นอนเถอะ เจ้ารีบนอนซะนะ"หยวนชิงหลิงลืมตาไม่ขึ้น และผล็อยหลับไปหลังจากแยกทางกันหน้าประตูวังแล้ว อ๋องฉีก็ขึ้นรถม้าและกลับไปที่จวนเขาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดทั้งคืน กังวลเกี่ยวกับหยวนหยงอี้ ดังนั้นหลังจากลาพี่ห้าและพี่สะใภ้ห้าแล้ว เขาจึงสั่งให้คนรีบพากลับไปเขาไม่ได้นำผู้ติดตามไปด้วยมากนัก ปกติแล้วเขามักไปไหนมาไหนกับหยวนหยงอี้ นางจะรับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันและจำนวนผู้คุ้มกันค่อย ๆ ลดลงอากาศหนาวและลมพัดวีดหวิว ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่จวนอ๋องฉีถูกไฟไหม้ เขาก็พัก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 834

    อวี่เหวินห่าวถูกปลุกให้ตื่นกลางดึกโดยคนจากจวนจิ้งเป่า เขาสวมเสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง และรีบออกไปเพื่อไม่รบกวนที่หยวนชิงหลิงกำลังหลับลึกเมื่อรู้ว่าอ๋องฉีถูกลอบสังหาร อันดับแรกเขาสั่งให้คนปิดล้อมประตูเมือง และค้นหาอย่างละเอียดจากนั้นเขาก็พาซูยี่ ถังหยาง และหมอหลวงเฉาตรงไปยังเรือนของอ๋องฉีอ๋องฉีได้รับบาดเจ็บสาหัสจ บอกว่าเขาเกือบตายไปแล้วก็ย่อมได้ มีคนเข้าไปในวังขอยาจินจื่อจากองค์ชายแปด แต่เขายังไม่กลับมาหยวนหยงอี้มายืนอยู่ข้างเตียงด้วยขาที่ได้รับบาดเจ็บของตัวเอง นางร้องไห้จนน้ำตาไม่เหลือแล้ว อ๋องฉีนอนอยู่บนเตียงเหมือนร่างไร้ชีวิต น้ำร้อนสำหรับล้างแผลเข้ามา จนกลายเป็นอ่างเลือดออกไปเขาแทบจะไม่หายใจอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะยังมีชีพจร เขาแทบจะไม่พบสัญญาณของการมีชีวิตเลย“ท่านอ๋อง” หมอหลวงเฉาดึงเขาออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “อ๋องฉีถูกแทงที่ลำตัวแปดครั้ง ที่มือและที่ขาอย่างละสาม ที่ท้องและหน้าอกอย่างละแผล แผลที่หน้าอกนั้นไม่โดนหัวใจ นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงยังรอดชีวิตมาจนถึงตอนนี้ แต่มีดทุกเล่มแทงตัดเข้ากระดูก สถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายมาก กระหม่อมทำอะไรไม่ได้แล้ว ไปเชิญพระชายามาที่นี่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 835

    อวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "เสด็จพ่อโปรดวางพระทัย ลูกได้สั่งให้คนค้นทั่วเมืองแล้ว"จักรพรรดิหมิงหยวนพูดด้วยความโกรธ "เจ้ายังอยู่ที่นี่อีกทำไม? นำกำลังคนออกไปค้นหามือสังหารเหล่านั้นซะ ข้าอยากเห็นมันแบบเป็น ๆ หากมันตายก็ต้องเห็นศพมัน"เดิมทีอวี่เหวินห่าวอยากรอให้หยวนชิงหลิงมาถึงก่อน แต่เสด็จพ่อทรงกริ้วเช่นนี้ เขาจึงไม่กล้าที่จะโต้แย้งเขาเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นเขาจึงรีบออกคำสั่งพาถังหยางออกไปทันทีทางซูยี่ที่กลับมาที่จวน เขาขอให้หมานเอ๋อร์รีบไปปลุกหยวนชิงหลิงขึ้นมาทันทีหยวนชิงหลิงหลับอยู่ลุกขึ้นมาอย่างงุนงง และเมื่อได้ยินว่าอ๋องฉีถูกลอบสังหารและได้รับบาดเจ็บสาหัส นางก็รีบตื่นขึ้นทันที และเพิ่งได้รู้ว่าเจ้าห้าออกไปแล้วนางลากร่างของนางออกจากเตียงอย่างเงอะงะ สวมเสื้อผ้าหนา ๆ สองชั้นอย่างส่งเดช นางเปิดกล่องยาและตรวจสอบ พบว่าอุปกรณ์และยาทั้งหมดอยู่ครบ นางจึงให้หมานเอ๋อร์ถือกล่องยาแล้วออกเดินทางทันทีรถม้าพร้อมแล้ว ในคืนที่มืดมิดเช่นนี้ นอกจากลมหนาวแล้วยังมีเสียงสุนัขเห่ามาจากไกล ๆ ตัวเป่าเดินตามมาและกระโดดเข้าไปในรถม้าหยวนชิงหลิงเกลี้ยกล่อมให้มันลงไป แต่ตัวเป่าดื้อไม่ยอมไป หยวนชิงหลิงเสีย

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 836

    ในใจหยวนชิงหลิงตื่นตระหนกยิ่งนัก หลังจากที่ได้อยู่อย่างปลอดภัยและสงบสุขมาหนึ่งเดือน นางก็ผ่อนคลายลดความระมัดระวังตัวอยู่อย่างสบายใจ คิดว่าอยู่ห่างไกลจากอันตรายเหล่านั้น เมื่อนึกถึงอาวุธ นางเริ่มรื้อกล่องยาและพบขวดสเปรย์พริกไทยจึงหยิบมาถือไว้ ดีกว่าไม่มีอะไรเลยแม้ว่านางจะรู้ว่าข้างนอกนั้นอันตราย แต่ก็ยังแอบเปิดม่านมองออกไปด้านนอก มีเพียงโคมไฟที่แขวนส่องสว่างอยู่หน้ารถม้าเท่านั้น ด้านนอกแม้แต่แสงไปนี่ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี ในค่ำคืนที่มืดมิดดั่งน้ำหมึกเช่นนี้นางเห็นเพียงลูกธนูที่กระจัดกระจายพุ่งลงมาทั่วพื้น และทหารองครักษ์ที่ป้องกันพวกลูกธนูด้วยดาบทันใดนั้น จิตสังหารที่พุ่งเข้ามา ชายชุดดำหลายคนถือดาบสั้นทะยานลงมาบนท้องฟ้า“ปกป้องพระชายา!” ทหารองครักษ์ตะโกนด้วยน้ำเสียงดังทุ้ม แล้วพวกเขาก็พุ่งไปข้างหน้า เหลือสองคนและหมานเอ๋อร์เฝ้ารถม้าเอาไว้ชายในชุดดำนั้นโหดเหี้ยมมาก ลงมือโจมตีครั้งเดียวก็ฆ่าคนได้แล้ว หยวนชิงหลิงเห็นเลือดสาดกระจายไปทั่ว ไม่รู้ว่าใครทำร้ายใครกันแน่ชายในชุดดำโจมตีที่หน้ารถม้า หมานเอ๋อร์แทงด้วยดาบ จากนั้นสาดผงอะไรไม่รู้ไปหนึ่งกำ พยายามบังคับให้ชายในชุดดำถอยห่างออกไ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 837

    หยวนชิงหลิงสูดหายใจเข้าลึก ยื่นมือไปกุมท้องไว้ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด "โม่โม่ ข้าเจ็บท้องมาก"โม่โม่ตกใจมาก "สวรรค์ เป็นอย่างไรบ้าง? ท้องเป็นอะไรไหมเพคะ?""ไม่ต้องกลัว..." หยวนชิงหลิงพิงกำแพง พยายามปรับลมหายใจช้า ๆ "ไม่...มันเจ็บมาก ข้าไปไม่ไหว โม่โม่รีบไปเถอะ"เสียงของดาบและอาวุธต่าง ๆของมือสังหารยังคงดังก้องมา กลิ่นเลือดที่ลอยไปตามลมก็ดูเหมือนจะอบอวลไปทั่วทั้งเมืองหลวงใบหน้านางข้าหลวงสี่ซีดเผือด นางย่อตัวลงจะแบกหยวนชิงหลิง แต่ท้องของหยวนชิงหลิงนั้นใหญ่มาก ถึงแม้ว่านางจะแบกได้ แต่มันก็อันตรายมากเช่นกันหมานเอ๋อร์ที่ได้รับบาดเจ็บรีบวิ่งเข้ามา ร่างกายของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด แต่ได้กัดฟันฝืนทนไว้ นางกับนางข้าหลวงสี่พยุงหยวนชิงหลิงให้ล่าถอยในขณะนี้ได้ยินเสียงเกือกม้าดังขึ้นคนสามคนและสุนัขหนึ่งตัว ไม่รู้ว่าเป็นศัตรูหรือมิตรกันแน่ ตัวเป่าตั้งท่าจะต่อสู้ และหมานเอ๋อร์เองถือดาบเพื่อขวางเอาไว้ทหารม้าเข้ามาหาพวกเขา มีคนมากกว่าสิบคนถือคบเพลิงและขี่ม้าเข้ามาทั้งสามคนมองและเห็นว่าผู้นำขบวนสวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าซีดผอมมือถือบังเหียนไว้และหยุดช้า ๆ ที่แท้คือพระชายาจี้ข

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 838

    บาดแผลที่ท้องลึกและมีเลือดออกมากหากเสียเลือดมากเกินไป การถ่ายเลือดยังคงจำเป็นเพื่อช่วยชีวิต มิฉะนั้น เมื่อฤทธิ์ของยาจื่นจินหมดลง คนอาจไม่รอดก็ได้สำหรับสภาพร่างกายของหยวนชิงหลิงในตอนนี้ การถ่ายเลือดนั้นเป็นงานใหญ่เกินไปแต่เมื่อเทียบกับการเย็บบาดแผลกับการถ่ายเลือดถือเป็นงานง่าย ๆ เมื่อเทียบกับสภาพร่างกายนางบาดแผลที่ท้องนั้นจัดการได้ยากเป็นพิเศษ หลังจากยืนยันจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอวัยวะภายในอื่นเสียหาย จึงเริ่มเย็บแผลหลังจากเย็บชั้นแรกบนหน้าท้องเสร็จแล้ว นางรู้สึกว่าตากำลังจะบอดลง ดวงตานางแดงก่ำไปหมดสำหรับการยึดแผลที่หน้าท้องนั้น นางทำอะไรไม่ได้แล้วจริง ๆ จึงพูดกับจักรพรรดิหมิงหยวนว่า "เสด็จพ่อ โปรดไปเชิญเจ้าอาวาสวัดฮูกั๋วมาเถอะเพคะ"“เขารู้วิชาแพทย์ของเจ้าหรือไม่?” จักรพรรดิหมิงหยวนมองดูการเคลื่อนไหวของนาง และรู้สึกว่านางฝืนใช้แรงมากเกินไปหยวนชิงหลิงพูดอย่างเหนื่อยล้า "อย่างน้อย การเย็บแผลก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเพคะ"เขาเรียนหมอปริญญาเอกอยู่แล้วมิใช่หรือ? ดูเหมือนจะใช่ จำไม่ได้แล้ว แต่ไม่เป็นไร รุ่นน้อง คงต้องฝากนายแล้วล่ะ"เขา..." จักรพรรดิหมิงหยวนมองอ๋องฉีอย่างเคร่งเคร

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 839

    มันไม่ง่ายเลยที่จะให้การสารภาพ ต้องทรมานอยู่นานเกือบตายกว่าจะยอมสารภาพได้ในขณะเดียวกัน พบจดหมายฉบับหนึ่ง และตั๋วหมื่นตำลึงในโรงเตี้ยมที่ทั้งคู่พักอยู่เป็นการชั่วคราวลายมือในจดหมายได้และตราประทับนั้นเป็นจดหมายที่อ๋องจี้เขียนด้วยตัวเองผลการสืบสวนของทหารองค์รักษ์ทั้งหมดถูกนำทูลเกล้าให้จักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนอ่านคำสารภาพและจดหมายที่มีตราประทับ พระพักตร์ของพระองค์ดำคล้ำจนเหมือนท้องฟ้ามืดครึ้มเพลิงโทสะปะทุในดวงตาของพระองค์ พระองค์สั่งการให้กู้ซีไปจับตัวอ๋องจี้มาขังไว้ก่อน และรอการลงโทษหลังจากอวี่เหวินห่าวกลับมาเพิ่งได้ทราบว่าหยวนชิงหลิงก็ถูกทำร้ายเช่นกัน เขาอยากรีบไปเจอหยวนชิงหลิง แต่ถูกจักรพรรดิหมิงหยวนสั่งให้ออกไปอีกครั้งเขาวางแนวป้องกันทั่วเมือง จัดพลลาดตระเวนตามล่าหาเบาะแสของมือสังหารคนอื่น ๆอวี่เหวินห่าวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรีบวิ่งไป โดยอ้างว่าดื่มน้ำ เมื่อเห็นว่านางปลอดภัยดี ไม่สนว่าพระชายาจี้จะอยู่ตรงนั้นหรือไม่ เขาก็กอดนางแน่น และจูบหน้าผากนางอยู่นานไม่ยอมปล่อยแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่หยวนชิงหลิงก็เห็นทั้งความกังวลและความเจ็บปวดในแววตาของเขา เช่

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status