พระชายาจี้ตกใจ และมองไปที่ประตู เห็นแค่เจ้าห้าที่ยืนพิงประตูด้วยท่าทางเศร้าสร้อย พระชายาจี้พูดจาเลิ่กลั่ก “กลับมาแล้วรึ? ข้าไม่ได้ว่าเจ้า ข้าแค่อยากบอกว่า ผู้ชายในโลกล้วนเปลี่ยนไปได้ ไม่ได้ว่าเจ้า” อวี่เหวินห่าวชำเลืองมองไปที่สัดส่วนในร่างกายตัวเอง และถอนหายใจเบา ๆ "พี่สะใภ้ใหญ่ สงสัยว่าข้าไม่ใช่ผู้ชายหรือ?" พระชายาจี้รีบโบกมือ "ไม่ ข้าไม่เคยพูดเช่นนั้น" "หมายถึงเรื่องนี้?" “ไม่ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” พระชายาจี้ลำบากใจมาก มันน่าละอายจริง ๆ ที่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา จึงรีบบอกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านและจากไป หมาป่าอวดหาง เพราะกลัวคนอื่นจะมองข้าม หรือมองไม่เห็นตน หยวนชิงหลิงหัวเราะ และมองอวี่เหวินห่าวเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่หดหู่ "ท่านบอกสิว่านางทำอะไร? นางตั้งใจดีจริง ๆ ให้ข้าระวังสุนัขอวดหางอย่างพวกท่าน"“เหล่าหยวน” อวี่เหวินห่าวเข้ามาบีบแก้มนางและพูดอย่างชั่วร้าย “เป็นคนต้องมีมโนธรรม แล้วข้าเหมือนสุนัขอวดหางแบบนั้นรึ? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นสุนัขหางสั้นอยู่ล้อมรอบตัวเจ้า และในท้องเจ้าอีกสามตัว แค่เห่าเรียกก็หันกลับมาแล้ว” หยวนชิงหลิงหัวเราะจนน้ำตาเล็ด
อวี่เหวินห่าวคิดว่านางแค่ล้อเล่น โรงเรียนแพทย์งั้นเหรอ? อะไรนั่น? สอนให้คนเรียนแพทย์รึ? สำหรับวิชาแพทย์ของนาง ไม่มีใครที่นี่สามารถเรียนรู้ได้ เพราะพวกเขาไม่มีสิ่งเหล่านี้ หยวนชิงหลิงนั้นจริงจังมาก นี่ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งคิดขึ้นมา ตั้งแต่ตอนที่ไปถนนคนเดินกับเขา แล้วได้เห็นแถวยาวเหยียดที่ทางเข้าโรงหมอ และถามเกี่ยวกับแนวทางการรักษาของที่นี่แล้ว นางก็มีความคิดขึ้นนี้มา แต่ในเวลานั้น ความคิดยังเป็นเพียงแค่ความคิด อย่างไรก็ตาม มันต้องใช้เงิน กำลังคน ทรัพยากรวัสดุ กระจายข่าวสาร และอย่างอื่นอีก หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว หยวนชิงหลิงก็พูดว่า "วันนี้พระชายาจี้บอกว่า นางสามารถช่วยท่าน สนับสนุนท่านขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาทได้" อวี่เหวินห่าวส่ายหน้าเล็กน้อย "นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางพูดแบบนั้น" "แล้วท่านคิดเห็นว่าอย่างไร?" หยวนชิงหลิงนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง และแต่งหน้าเอง เมื่อนางอยู่ในห้องกับเจ้าห้า นางแทบไม่ต้องให้ใครมาปรนนิบัติรับใช้แม้แต่น้อย อวี่เหวินห่าวกอดนางจากข้างหลังแล้วพูดว่า "เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?" "เครือข่ายของนางกว้างขวางมาก หากสามารถนำมาใช้ได้ มันจะเป็นประโยชน์กับท่านแ
"หยวนชิงหลิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก "ข้าไม่ได้รู้สึกแย่ ข้าไม่ได้คิดเรื่องหยุมหยิมพวกนั้น อย่าเห็นใจข้าไปเลย"อวี่เหวินห่าวรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย "ทำไมเจ้าถึงไม่คิดกัน? ทำไมจะคิดไม่ได้ ข้ายังเคยถามกู้ซีเลย"หยวนชิงหลิงมองเหม่อไปที่เขา “ท่านถามกู้ซีไปทำอะไร? เขาเคยผ่านสาว ๆ มาเยอะอย่างนั้นรึ? แล้วท่านยังเคยเอาเรื่องลับ ๆ ในห้องของพวกเราไปคุยกับกู้ซีด้วยหรือ?”"ไม่ใช่แค่กับกู้ซี บางครั้งก็ยังคุยกับพวกถังหยางและจิ้งเหยียนด้วย”หยวนชิงหลิงโกรธเหลือเกิน และมองไปทางเขาก็รู้สึกว่าควรต้องนั่งคุยกันหน่อยแล้ว"เจ้าห้า นั่งลง ข้ามีเรื่องอยากคุยกับท่าน” หยวนชิงหลิงนั่งลงก่อนหยวนชิงหลิงมองไปที่เขา รู้สึกว่าคอนที่นางท้องอยู่นี้ ทำไมถึงเกิดเรื่องไม่หยุดหย่อนสงสัยต้องควบคุมความคิดเขาหน่อยแล้วหยวนชิงหลิงว่า “ต่อจากนี้ไป ไม่ว่าจะกู้ซีหรือใคร จะไปพูดเรื่องพวกนี้กับพวกเขาไม่ได้นะ”อวี่เหวินห่าวตกใจ “แต่ว่าพวกผู้ชายอยู่ด้วยกันแล้วคุยเรื่องอะไรได้อีกรึ? จะให้มาคุยถกขับบทกวีมันก็หาใช่ไม่”'อย่างอื่นเล่า? อย่างราชกิจ? การงาน?”อวี่เหวินห่าวส่ายหน้า “เรื่องปกติพวกนี้ ไม่คุยกันเป็นการส่วนตัวหรอก”"งั้น
หยวนชิงหลิงรีบหยุดคุยหัวข้อนี้ไม่อยากคิดเลยเถิดไปไกลตอนออกจากบ้านพวกเขาก็ได้รับการตรวจสอบจากคนที่ส่งมาจากในวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางไทเฮาที่ให้องค์รักษ์คอยติดตามไปด้วยค่าใช้จ่ายทั้งของกินของใช้ของหยวนชิงหลิงในการออกไปข้างนอกล้วนแต่เป็นของไทเฮาที่จัดการให้อย่างเข้มงวด“อดทนหน่อยนะ” อวี่เหวินห่าวปลอบนาง และลดม่านในรถม้าลง “หลักจากคลอดแล้วเจ้าอาจรู้สึกไม่ได้รับการดูแลก็ได้”หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่หรอก พอสามแฝดเกิดมาแล้ว พวกเขาอาจถูกรุมล้อมจนแม่แท้ ๆ อย่างข้าไปแตะไม่ได้ด้วยซ้ำ”อวี่เหวินห่าวรู้สึกยินดีมาก “งั้นเยี่ยมเลย พวกเราไม่ต้องมาอุ้มเด็ก ๆ เอง ใช้ชีวิตตามสบายไม่ต้องมาเลี้ยงลูก”หยวนชิงหลิงขำออกมา คนผู้นี้จริง ๆ เลย...จุดนัดพบนั้นคือโรงเตี้ยมหวังเจียงชื่อนี้มักปรากฏอยู่ในนิยายยุทธจักรอยู่บ่อยครั้งหยวนชิงหลิงจินตนาการไปว่ามันต้องเป็นตึกโรงเตี้ยมสูงที่อยู่ริมแม่น้ำ ได้ชมวิวแม่น้ำอันสวยงามจากชั้นบน ลมหนาวพัดโชยมา ชาวยุทธคุยเรื่องวรยุทธ บัณทิตเพลิดเพลินกับการวาดภาพอย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงประตูของลานบ้านคนอื่น รถม้าก็หยุดลงอวี่เหวินห่าวช่วยประคองหยวนชิงหลิงลงมา หยวนชิงหลิ
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็นหยวนชิงหลิง รอยยิ้มของพวกเขาค่อย ๆ จืดเจื่อนลงจากท่าทีที่พวกเขามีต่อหยวนชิงหลิง เห็นได้ชัดเลยว่าหยวนชิงหลิงคนเก่านั้นน่ารังเกียจเพียงใดยิ่งกว่านั้น วันนี้นางออกมาเป็นคนกลุ่มใหญ่ มีคนมากมายอยู่ข้างหลังนางอวี่เหวินห่าวจูงมือนางเดินไป ชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคนทำความเคารพหยวนชิงหลิง "คารวะพระชายาฉู่""ตามสบาย!" หยวนชิงหลิงไม่ใช่คนที่ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร พวกเขามีความสุขมากที่ได้เห็นเจ้าห้า แต่พวกเขาไม่ค่อยดีใจนักที่ได้เห็นนาง ดังนั้นนางจึงลังเลเล็กน้อยว่าจะไปหรืออยู่ต่อดีอวี่เหวินห่าวดึงให้นางนั่งลง และรับคำนับทีละคน ผู้หญิงพูดขึ้นมาคนแรกว่า "ท่านนี้คือเซียวหงเฉิน อย่ามองว่านางอ่อนแอและบอบบาง ถ้าหากทะเลาะกันขึ้นมาจริง ๆ ซูยี่สองคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง และนางเป็นหัวหน้าของพรรคหงเหม่ย”หยวนชิงหลิงชื่นชมคนที่มีความสามารถ และรีบทำความเคารพ "คารวะผู้นำเซียว!"เซียวหงเฉินฝืนยิ้มอย่างแข็งทื่อให้หยวนชิงหลิง "หม่อมฉันไม่กล้ารับเพคะ"จากนั้นเขาก็แนะนำชายรูปงามทางด้านซ้าย ซึ่งสวมเสื้อผ้าสีน้ำเงิน คือชายรูปงามที่พูดกับอวี่เหวินห่าวเมื่อครู่นี้ว่า "นี่คือซูหลง เป
หยวนชิงหลิงชำเลืองมองพวกเขาทั้งสี่คน และเห็นความไม่พอใจในสายตาพวกเขามองไปทางอวี่เหวินห่าวอีกครั้ง เขามีใบหน้าที่ดูกระตือรือร้น ราวกับว่าเขามองไม่เห็นสายตาไม่พอใจของทุกคนเลยหยวนชิงหลิงนั่งลงอีกครั้ง เพราะความกระตือรือร้นในสายตาของเจ้าห้าทั้งสี่คนพยายามหัวเราะ ในสายตาของหยวนชิงหลิงดูแล้วมันช่างฝืนใจเหลือเกินพี่ซูกล่าวว่า "หากพระชายาไม่ชอบหัวข้อที่น่าเบื่อของเรา โปรดนั่งลงและดื่มชากับพวกเราเถอะ"หยวนชิงหลิงอยากจะดื่มชา แต่นางดื่มชาที่นี่ไม่ได้ อย่างน้อยคนที่ไทเฮาส่งมาก็ไม่อนุญาตให้ดื่มเป็นแน่หลังจากอาหารขึ้นโต๊ะแล้ว และยกจัดแจงอาหารสักพักเห็นว่าบนโต๊ะมีของกินและเครื่องดื่ม แต่เป็นของหยวนชิงหลิงเท่านั้นทุกคนอึ้ง มองไปที่อวี่เหวินห่าวด้วยความลำบากใจแต่อวี่เหวินห่าวเกลี้ยกล่อมหยวนชิงหลิงเหมือนเด็ก "กินเถอะ กินอะไรสักหน่อย อย่ากินข้าวเย็นเร็วเกินไป อย่าเพิ่งหิวนะ หมอหลวงบอกว่าเจ้าต้องกินวันละห้ามื้อ"หยวนชิงหลิงกำลังดื่มโจ๊กรังนก จากนั้นเห็นแม่ทัพลู่หม่าดึงตัวอวี่เหวินห่าวออกไป เสียงนั้นดังมาก จนยวนชิงหลิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน“ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรไป? ท่านพานางมาที่นี่ทำไม? ท
ไม่ยุติธรรม!ทางด้านอวี่เหวินห่าวปลอบใจแม่ทัพลู่หม่าและกลับเข้ามานั่งลง เห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างฝืดเฝื่อนและเย็นชาเล็กน้อย เขาก็รู้ว่าทุกคนไม่ชอบหยวนชิงหลิง ดังนั้นเขาจึงจับมือหยวนชิงหลิงและพูดว่า "ข้ารู้ ทุกคนไม่ชอบเหล่าหยวน มีเข้าใจผิดกันบ้าง แต่นางไม่เหมือนหยวนชิงหลิงคนก่อนจริง ๆ อยากให้ทุกคนลองคุยทำความรู้จักกันก่อนอาจเข้ากันได้”ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าว่าอ๋องฉู่โดนเล่นของใส่แล้วไม่มีใครตอบหัวข้อนี้ เซียวหงเฉินจึงถามท่านหวังเจียงว่า "อย่างไรก็ตาม เหล่าหวัง ท่านช่วยเล่าเรื่องราวของอีกาสามขาที่ท่านเขียนได้ไหม"เหล่าหวังยิ้มและโบกมือ "ไม่ได้ ๆ เป็นการสังเกตแบบผิวเผินเท่านั้น เขียนไม่ได้หรอก ข้ายังคงต้องสังเกตต่อไป""อีกาอะไรรึ?" อวี่เหวินห่าวไม่ได้คุยกับพวกเขามานานแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรเซียวหงเฉินกล่าวว่า "เหล่าหวังบอกว่าเขาสังเกตเห็นว่าพระอาทิตย์ขึ้นแสงออกเป็นสีเหลือง มีจุดสีดำขนาดใหญ่เท่าเหรียญทองแดงเหมือนอีกาสามขา""โอ้ เรื่องดาราศาสตร์งั้นรึ" อวี่เหวินห่าวสนใจมาก "เป็นไปได้ไหมว่ามีอีกาสามขาอยู่บนดวงอาทิตย์จริง ๆ"เหล่าหวังโบกมือของเขาและ
อวี่เหวินห่าวคิดว่ามันเป็นการหัวเราะเยาะเย้ย เขาเหลือบมองผู้คนที่อยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ และพูดว่า "หากเจ้าไม่เห็นด้วย เจ้าค่อยเถียง มาหัวเราะเยาะกันแบบนี้ไม่ได้ ข้าจะโกรธเอาได้"พี่ซูจึงหยุดพูดหวังเจียงกล่าวว่า "ไม่ใช่การหัวเราะเยาะ แต่ข้าอยากจะขอคำแนะนำจากพระชายา พระชายาศึกษามาดาราศาสตร์ด้วยอย่างนั้นหรือ?"หยวนชิงหลิงส่ายหน้า "ข้าไม่มีงานวิจัย แค่สนใจนิดหน่อยเท่านั้น"สำหรับนางแล้ว ดาราศาสตร์เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจเท่านั้น“จุดดับบนอาทิตย์ที่ท่านพูดถึงคือจุนวูใช่หรือไม่?” หวังเจียงถาม"คงใช่" หยวนชิงหลิงกล่าว“แล้วท่านรู้ไหมว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” ดวงตาของหวังเจียงเป็นประกายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นหยวนชิงหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า "นี่เป็นการคาดเดาของข้า คิดว่าน่าจะเป็นเพราะสนามแม่เหล็กที่ไม่สามารถถ่ายเทความร้อนออกไปได้ แล้วก่อตัวขึ้นบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำ จากตาเปล่าของเราดูเหมือนว่าจะเป็นวงกลม เปรียบเหมือนเราเอาเตามาจุดไฟ ในกองไฟบางส่วนเผาไม่ไหม้ พอดูแล้วมันดูสีเข้มขึ้นหรือไม่ จึงคาดเดาเอาว่าหลักการน่าจะเป็นอย่างนั้น”ทุกคนมองไปที่หยวนชิงหลิงแม้ว่าสิ่