ไม่ยุติธรรม!ทางด้านอวี่เหวินห่าวปลอบใจแม่ทัพลู่หม่าและกลับเข้ามานั่งลง เห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างฝืดเฝื่อนและเย็นชาเล็กน้อย เขาก็รู้ว่าทุกคนไม่ชอบหยวนชิงหลิง ดังนั้นเขาจึงจับมือหยวนชิงหลิงและพูดว่า "ข้ารู้ ทุกคนไม่ชอบเหล่าหยวน มีเข้าใจผิดกันบ้าง แต่นางไม่เหมือนหยวนชิงหลิงคนก่อนจริง ๆ อยากให้ทุกคนลองคุยทำความรู้จักกันก่อนอาจเข้ากันได้”ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าว่าอ๋องฉู่โดนเล่นของใส่แล้วไม่มีใครตอบหัวข้อนี้ เซียวหงเฉินจึงถามท่านหวังเจียงว่า "อย่างไรก็ตาม เหล่าหวัง ท่านช่วยเล่าเรื่องราวของอีกาสามขาที่ท่านเขียนได้ไหม"เหล่าหวังยิ้มและโบกมือ "ไม่ได้ ๆ เป็นการสังเกตแบบผิวเผินเท่านั้น เขียนไม่ได้หรอก ข้ายังคงต้องสังเกตต่อไป""อีกาอะไรรึ?" อวี่เหวินห่าวไม่ได้คุยกับพวกเขามานานแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรเซียวหงเฉินกล่าวว่า "เหล่าหวังบอกว่าเขาสังเกตเห็นว่าพระอาทิตย์ขึ้นแสงออกเป็นสีเหลือง มีจุดสีดำขนาดใหญ่เท่าเหรียญทองแดงเหมือนอีกาสามขา""โอ้ เรื่องดาราศาสตร์งั้นรึ" อวี่เหวินห่าวสนใจมาก "เป็นไปได้ไหมว่ามีอีกาสามขาอยู่บนดวงอาทิตย์จริง ๆ"เหล่าหวังโบกมือของเขาและ
อวี่เหวินห่าวคิดว่ามันเป็นการหัวเราะเยาะเย้ย เขาเหลือบมองผู้คนที่อยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ และพูดว่า "หากเจ้าไม่เห็นด้วย เจ้าค่อยเถียง มาหัวเราะเยาะกันแบบนี้ไม่ได้ ข้าจะโกรธเอาได้"พี่ซูจึงหยุดพูดหวังเจียงกล่าวว่า "ไม่ใช่การหัวเราะเยาะ แต่ข้าอยากจะขอคำแนะนำจากพระชายา พระชายาศึกษามาดาราศาสตร์ด้วยอย่างนั้นหรือ?"หยวนชิงหลิงส่ายหน้า "ข้าไม่มีงานวิจัย แค่สนใจนิดหน่อยเท่านั้น"สำหรับนางแล้ว ดาราศาสตร์เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจเท่านั้น“จุดดับบนอาทิตย์ที่ท่านพูดถึงคือจุนวูใช่หรือไม่?” หวังเจียงถาม"คงใช่" หยวนชิงหลิงกล่าว“แล้วท่านรู้ไหมว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” ดวงตาของหวังเจียงเป็นประกายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นหยวนชิงหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า "นี่เป็นการคาดเดาของข้า คิดว่าน่าจะเป็นเพราะสนามแม่เหล็กที่ไม่สามารถถ่ายเทความร้อนออกไปได้ แล้วก่อตัวขึ้นบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำ จากตาเปล่าของเราดูเหมือนว่าจะเป็นวงกลม เปรียบเหมือนเราเอาเตามาจุดไฟ ในกองไฟบางส่วนเผาไม่ไหม้ พอดูแล้วมันดูสีเข้มขึ้นหรือไม่ จึงคาดเดาเอาว่าหลักการน่าจะเป็นอย่างนั้น”ทุกคนมองไปที่หยวนชิงหลิงแม้ว่าสิ่
คำพูดแค่คำสองคำเช่นนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าขาดจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เช่นเดียวกับการรีบตัดสินใจออกไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ ดูเลอะเทอะเสียจริงไม่ต้องถามเหตุผล ไม่ต้องสนใจสถานการณ์ ไม่ต้องวิเคราะห์โอกาสว่าจะชนะหรือไม่ แค่ลงมือทำเท่านั้นหัวข้อนี้เป็นอันจบลงที่นี่หวังเจียงหันกลับมาถามนางว่า "พระชายาได้ศึกษาดวงดาวอื่น ๆ ด้วยหรือไม่? อย่างพวกดวงจันทร์?"เซียวหงเฉินหัวเราะออกมา "พระชายาต้องรู้ว่ามีอู่กัง ฉางเอ๋อร์ กระต่ายอ้วนและต้นหอมหมื่นลี้บนดวงจันทร์ใช่ไหม?"ยังคงเต็มไปด้วยการประชดประชันเสียดสีอวี่เหวินห่าวไม่พอใจ จึงพูดกับหยวนชิงหลิงว่า "บอกพวกเขาไปสิว่าดาวประกายพรึกอยู่ห่างไกลจากเราแค่ไหน"อวี่เหวินห่าวไม่เคยลืมคำพูดที่ทำให้ประหลาดใจเป็นครั้งคราวของหยวนชิงหลิงเลยดวงตาของหวังเจียงเป็นประกาย "พระชายาได้ศึกษาเรื่องดาวประกายพรึกด้วยหรือ?"เห็นแววตาที่ลุกโชนเป็นประกายของอวี่เหวินห่าว หยวนชิงหลิงรู้ว่าวันนี้เขาพาตัวเองมาพบกับคนเหล่านี้ และคนเหล่านี้ต้องการร่วมงานกับเขา เขาต้องการพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่านางไม่ใช่หยวนชิงหลิงคนเดิมแม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนมุมมองเล็กน้อย แต่ก็ดีกว่าความรั
อ๋องจี้สูญเสียไปมาก แต่เขาก็สงบขึ้นมากเช่นกันไม่กี่วันต่อมา พระชายาจี้มาพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา อาซื่อบอกว่าเขากำลังหยุดสถานการณ์วุ่นวายไว้ พระชายาจี้บอกให้หยวนชิงหลิงสบายใจได้ เขาหยุดสถานการณ์วุ่นวายไม่ได้ เพราะเขายุ่งจนไม่สนหัวสนหางแล้วเกี่ยวกับการเรื่องตุ๊กตาสาปแช่ง แม้ว่าพระชายาจี้จะมอบเงินหนึ่งหมื่นตำลึงให้เขา เพื่อแลกกับความสงบสุขชั่วคราว แต่พระชายาจี้ก็เริ่มติดต่อกับผู้คนอย่างลับ ๆ และไม่สนใจอ๋องจี้อีกต่อไปอ๋องจี้ทุ่มเทไปให้ฉู่หมิงหยาง โดยหวังว่าฉู่หมิงหยางจะสามารถทำให้ตระกูลฉู่ทำการสนับสนุนเขาได้"ฉู่หมิงหยาง? ตระกูลฉู่จะไม่ฟังฉู่หมิงหยางน่ะสิ" หยวนชิงหลิงหัวเราะพระชายาจี้ก็หัวเราะ "เมื่อเป็นคน การเต็มไปด้วยความหวังเป็นเรื่องดี ในเมื่อเขาต้องการการสนับสนุนจากตระกูลฉู่ ก็ให้เขาพยายามเพื่อมันสักหน่อย อย่างน้อยมันก็ทำให้เรามีเวลาว่าง แล้วตัวเขาเองก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายในช่วงไม่กี่ปีมานี้ อย่างมากสุดก็ใช้ฐานะความดีความชอบเป็นหลักประกัน แต่ของเหล่านั้นเทียบไม่ได้เลย เมื่อเทียบกับความผิดของเขา ตรงกันข้ามเจ้าห้าของเจ้านั้นมีความดีความชอบจริง แต่ความเข้าใจผิดทั้งหลายนั้นล้วนเกิดจา
เขาหันกลับมาและรีบวิ่งเข้าไปทันที หมานเอ๋อร์และนางข้าหลวงสี่กำลังช่วยนวดขาให้นาง นางร้องไห้น้ำตาไหลบนหน้าบวม ๆ เหมือนขนมปัง สภาพดูน่าสงสารยิ่งนักอวี่เหวินห่าวรีบเข้าไปกอดปลอบนาง "ไม่เป็นไร ๆ ข้าอยู่นี่"หยวนชิงหลิงพยายามยอมรับความจริงเรื่องตั้งครรภ์ของตัวเอง นางไม่เคยบอกว่าอยากมีลูก แต่ครั้งนี้นางรู้สึกลำบากทรมานมากทั้งกายใจ นางร้องไห้และพูดว่า "เจ้าห้า หลังคลอดแล้ว ข้าไม่ต้องการมีลูกอีก ถ้าให้ข้าคลอดลูกอีก ข้ายอมตายเสียดีกว่า”อวี่เหวินห่าวพูดปลอบนางว่า "ได้ ๆ พวกเราจะไม่คลอดลูกแล้ว ไม่เอาอีก ใครคลอดลูกอีกเป็นคนงี่เง่านะ"เขาคุกเข่าลงเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนาง จ้องมองใบหน้ากลม ๆ ของนาง ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้อ้วนขึ้นเลย แค่บวมขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นหยวนชิงหลิงหันหน้าหนี "อย่ามองนะ ตอนนี้ข้าน่าเกลียดจะมาก" "ไม่ขี้เหร่เลย ตอนนี้เป็นตอนที่เจ้าสวยที่สุดเลยนะ" อวี่เหวินห่าวปลอบโยนนางหยวนชิงหลิงไม่เชื่อ ไม่ใช่ว่าตัวเองไม่ได้ส่องกระจกสักหน่อยนางผลักเขา “ท่านเข้าวังคนเดียวเถอะ ข้าไม่ไป”อวี่เหวินห่าวกอดนางอีกครั้ง "ถ้าเจ้าไม่ไป ข้าก็ไม่ไปเหมือนกัน ไปฉลองปีใหม่ที่บ้านกันเถอะ"
รถม้าถูกทำขึ้นเป็นพิเศษโดยเฉพาะ มีเบาะนุ่ม ๆ อยู่ข้างใน หลังจากที่หยวนชิงหลิงขึ้นไปแล้ว นางก็นอนเอนหลังอยู่ในอ้อมแขนของอวี่เหวินห่าว ทำแบบนี้แล้วช่วยลดกระแทกที่รุนแรงเกินไปให้นางได้เมื่อเห็นท่าทางลำบากของตัวเอง หยวนชิงหลิงก็ถอนหายใจ "ถ้าเด็กสามคนนี้ทำตัวซุกซนในอนาคต ข้าจะตีพวกเขาให้ตาย"“ไม่ใช่เจ้าที่ต้องมาลงมือเองหรอก” อวี่เหวินห่าวพูดวางอำนาจเหนือ เขากำหมัดแน่นก็มีเสียงดังจากกำปั้น “จะทุบทีเดียวให้เละเป็นโคลนเลยเชียว”“โหดร้ายเกินไปแล้ว” หยวนชิงหลิงตัวสั่นด้วยความกลัวอวี่เหวินห่าวหายใจฮึดฮัด "ต้องให้พวกเขารู้ตั้งแต่เล็ก ๆ ว่าโลกนี้โหดร้าย เช่นเดียวกับเสด็จพ่อและข้า ถ้าพวกเขามัวแต่ทนจะไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขหรอก"หยวนชิงหลิงคลอเคลียเขาและเงียบไป“เป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนเหรอ” อวี่เหวินห่าวถามขณะกอดนางหยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วความกังวล "เจ้าห้า ข้าไม่อยากให้ท่านเป็นจักรพรรดิเลย""ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงพูดเช่นนี้" อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง มองนางแล้วยิ้มออกมา "เจ้ากลัวสาวงามสามพันคนในวังหลังงั้นรึ? ไม่ต้องกังวล แม้ว่าข้าจะกลายเป็นจักรพรรดิจริง ข้าจะดีต่
ฉางกงกงกล่าวอย่างจริงจังว่า "ตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ พระวรกายพระองค์เริ่มหนักมากแล้ว ต้องใส่ใจทุกอย่างจึงจะถูกต้อง"เขาช่วยประคองนางไปถึงด้านหน้าของไท่ซ่างหวง อวี่เหวินห่าวช่วยนางคุกเข่าลงอย่างช้า ๆ แต่ไท่ซ่างหวงห้ามเขา "เจ้าห้า เจ้าคุกเข่าแทนนาง นางก้มหัวก็พอแล้ว"เสด็จปู่รักหลานสะใภ้ของพระองค์อย่างสุดซึ้งไทเฮาที่ได้เห็นก็ทรงพอพระทัยมาก พระนางเองก็กลัวว่านางจะคุกเข่าลงและทำร้ายเหลนนางบาดเจ็บได้อวี่เหวินห่าวคุกเข่าก้มศีรษะถวายบังคมสองครั้ง จากนั้นจึงไปถวายบังคมเสด็จพ่อ ผ่านไปสิบกว่าครั้งจึงจะถวายบังคมเสร็จ“เจ้าน้ำหนักตัวหนักมากแล้ว อย่าเดินไปมา นั่งรออยู่ตรงนี้จนกว่าจะถึงมื้อค่ำเถอะ” ไทเฮาตรัส“เพคะ!” หยวนชิงหลิงตอบรับอย่างรวดเร็วหลังจากนั่งลง นางเดินเข้าไป นางเกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว“ช่วงนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง?” จักรพรรดิหมิงหยวนมองดูนางและถามไถ่หยวนชิงหลิงตอบตามจริงว่า "ทูลเสด็จพ่อ ไม่ค่อยดีเลยเพคะ ทุกวันเหนื่อยมาก นอนไม่ค่อยหลับ กินอะไรก็ไม่อร่อย""อย่าง้อแง้ไปนักเลย ผู้หญิงทุกคนต้องเคยผ่านเรื่องพวกนี้ อย่าคิดว่าตัวเองลำบากมาก ผู้หญิงเป็นแม่ต้องเข้มแข็ง
ไท่ซ่างหวงรู้สึกไม่พอใจ "เจ้ากำลังทำอะไร?"หยวนชิงหลิงรีบพูดทันที "พระองค์ได้ยินผิดไป พระองค์หูฝาดไปแล้ว"ไท่ซ่างหวงชำเลืองมองนาง "เจ้าลุกมาตรวจให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้ารู้สึกเจ็บปวดมาตลอดเลยเชียว"“ได้เพคะ!” หยวนชิงหลิงรีบลุกขึ้นทันทีไท่ซ่างหวงมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาด และความดันโลหิตของพระองค์ก็สูงเล็กน้อย ดังนั้นสถานการณ์จึงไม่ค่อยสู้ดีนักกล่าวอีกนัยหนึ่งถูกกระตุ้นไม่ได้เด็ดขาดโชคดีที่เขาประสบกับปัญหาเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คิดว่าตอนนี้ไม่มีอะไรสามารถกระตุ้นเขาได้หลังจากสั่งยาแล้ว ไท่ซ่างหวงก็ตรัสถามอย่างเรียบเฉยว่า "สำหรับจิ้งเหอจวิ้นจู่ เจ้าต้องหาเวลาไปคุยกับนางบ้าง คนเราเมื่อตกอยู่ในความสิ้นหวัง หากพลาดไปเพียงเล็กน้อย ชีวิตก็อาจปลิวหายไปได้ "หยวนชิงหลิงเองไม่คิดว่าพระองค์ยังคงคิดถึงจิ้งเหอจวิ้นจู่ นางรู้สึกโล่งอกมาก และขอบพระทัยพระองค์แทนจิ้งเหอจวิ้นจู่ และสัญญาว่าจะส่งคนไปเยี่ยมนางเมื่อหยวนชิงหลิงออกมา นางพบชายวัยกลางคนท่าทางแข็งแรงเดินเข้ามา ชายคนนั้นก้มศีรษะลงและคำนับนาง "คารวะพระชายา"หยวนชิงหลิงไม่รู้จักเขาจึงถามไปว่า "ท่า