แชร์

บทที่ 826

ผู้เขียน: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
อวี่เหวินห่าวคิดว่ามันเป็นการหัวเราะเยาะเย้ย เขาเหลือบมองผู้คนที่อยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ และพูดว่า "หากเจ้าไม่เห็นด้วย เจ้าค่อยเถียง มาหัวเราะเยาะกันแบบนี้ไม่ได้ ข้าจะโกรธเอาได้"

พี่ซูจึงหยุดพูด

หวังเจียงกล่าวว่า "ไม่ใช่การหัวเราะเยาะ แต่ข้าอยากจะขอคำแนะนำจากพระชายา พระชายาศึกษามาดาราศาสตร์ด้วยอย่างนั้นหรือ?"

หยวนชิงหลิงส่ายหน้า "ข้าไม่มีงานวิจัย แค่สนใจนิดหน่อยเท่านั้น"

สำหรับนางแล้ว ดาราศาสตร์เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจเท่านั้น

“จุดดับบนอาทิตย์ที่ท่านพูดถึงคือจุนวูใช่หรือไม่?” หวังเจียงถาม

"คงใช่" หยวนชิงหลิงกล่าว

“แล้วท่านรู้ไหมว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” ดวงตาของหวังเจียงเป็นประกายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

หยวนชิงหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า "นี่เป็นการคาดเดาของข้า คิดว่าน่าจะเป็นเพราะสนามแม่เหล็กที่ไม่สามารถถ่ายเทความร้อนออกไปได้ แล้วก่อตัวขึ้นบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำ จากตาเปล่าของเราดูเหมือนว่าจะเป็นวงกลม เปรียบเหมือนเราเอาเตามาจุดไฟ ในกองไฟบางส่วนเผาไม่ไหม้ พอดูแล้วมันดูสีเข้มขึ้นหรือไม่ จึงคาดเดาเอาว่าหลักการน่าจะเป็นอย่างนั้น”

ทุกคนมองไปที่หยวนชิงหลิง

แม้ว่าสิ่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 827

    คำพูดแค่คำสองคำเช่นนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าขาดจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เช่นเดียวกับการรีบตัดสินใจออกไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ ดูเลอะเทอะเสียจริงไม่ต้องถามเหตุผล ไม่ต้องสนใจสถานการณ์ ไม่ต้องวิเคราะห์โอกาสว่าจะชนะหรือไม่ แค่ลงมือทำเท่านั้นหัวข้อนี้เป็นอันจบลงที่นี่หวังเจียงหันกลับมาถามนางว่า "พระชายาได้ศึกษาดวงดาวอื่น ๆ ด้วยหรือไม่? อย่างพวกดวงจันทร์?"เซียวหงเฉินหัวเราะออกมา "พระชายาต้องรู้ว่ามีอู่กัง ฉางเอ๋อร์ กระต่ายอ้วนและต้นหอมหมื่นลี้บนดวงจันทร์ใช่ไหม?"ยังคงเต็มไปด้วยการประชดประชันเสียดสีอวี่เหวินห่าวไม่พอใจ จึงพูดกับหยวนชิงหลิงว่า "บอกพวกเขาไปสิว่าดาวประกายพรึกอยู่ห่างไกลจากเราแค่ไหน"อวี่เหวินห่าวไม่เคยลืมคำพูดที่ทำให้ประหลาดใจเป็นครั้งคราวของหยวนชิงหลิงเลยดวงตาของหวังเจียงเป็นประกาย "พระชายาได้ศึกษาเรื่องดาวประกายพรึกด้วยหรือ?"เห็นแววตาที่ลุกโชนเป็นประกายของอวี่เหวินห่าว หยวนชิงหลิงรู้ว่าวันนี้เขาพาตัวเองมาพบกับคนเหล่านี้ และคนเหล่านี้ต้องการร่วมงานกับเขา เขาต้องการพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่านางไม่ใช่หยวนชิงหลิงคนเดิมแม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนมุมมองเล็กน้อย แต่ก็ดีกว่าความรั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 828

    อ๋องจี้สูญเสียไปมาก แต่เขาก็สงบขึ้นมากเช่นกันไม่กี่วันต่อมา พระชายาจี้มาพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา อาซื่อบอกว่าเขากำลังหยุดสถานการณ์วุ่นวายไว้ พระชายาจี้บอกให้หยวนชิงหลิงสบายใจได้ เขาหยุดสถานการณ์วุ่นวายไม่ได้ เพราะเขายุ่งจนไม่สนหัวสนหางแล้วเกี่ยวกับการเรื่องตุ๊กตาสาปแช่ง แม้ว่าพระชายาจี้จะมอบเงินหนึ่งหมื่นตำลึงให้เขา เพื่อแลกกับความสงบสุขชั่วคราว แต่พระชายาจี้ก็เริ่มติดต่อกับผู้คนอย่างลับ ๆ และไม่สนใจอ๋องจี้อีกต่อไปอ๋องจี้ทุ่มเทไปให้ฉู่หมิงหยาง โดยหวังว่าฉู่หมิงหยางจะสามารถทำให้ตระกูลฉู่ทำการสนับสนุนเขาได้"ฉู่หมิงหยาง? ตระกูลฉู่จะไม่ฟังฉู่หมิงหยางน่ะสิ" หยวนชิงหลิงหัวเราะพระชายาจี้ก็หัวเราะ "เมื่อเป็นคน การเต็มไปด้วยความหวังเป็นเรื่องดี ในเมื่อเขาต้องการการสนับสนุนจากตระกูลฉู่ ก็ให้เขาพยายามเพื่อมันสักหน่อย อย่างน้อยมันก็ทำให้เรามีเวลาว่าง แล้วตัวเขาเองก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายในช่วงไม่กี่ปีมานี้ อย่างมากสุดก็ใช้ฐานะความดีความชอบเป็นหลักประกัน แต่ของเหล่านั้นเทียบไม่ได้เลย เมื่อเทียบกับความผิดของเขา ตรงกันข้ามเจ้าห้าของเจ้านั้นมีความดีความชอบจริง แต่ความเข้าใจผิดทั้งหลายนั้นล้วนเกิดจา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 829

    เขาหันกลับมาและรีบวิ่งเข้าไปทันที หมานเอ๋อร์และนางข้าหลวงสี่กำลังช่วยนวดขาให้นาง นางร้องไห้น้ำตาไหลบนหน้าบวม ๆ เหมือนขนมปัง สภาพดูน่าสงสารยิ่งนักอวี่เหวินห่าวรีบเข้าไปกอดปลอบนาง "ไม่เป็นไร ๆ ข้าอยู่นี่"หยวนชิงหลิงพยายามยอมรับความจริงเรื่องตั้งครรภ์ของตัวเอง นางไม่เคยบอกว่าอยากมีลูก แต่ครั้งนี้นางรู้สึกลำบากทรมานมากทั้งกายใจ นางร้องไห้และพูดว่า "เจ้าห้า หลังคลอดแล้ว ข้าไม่ต้องการมีลูกอีก ถ้าให้ข้าคลอดลูกอีก ข้ายอมตายเสียดีกว่า”อวี่เหวินห่าวพูดปลอบนางว่า "ได้ ๆ พวกเราจะไม่คลอดลูกแล้ว ไม่เอาอีก ใครคลอดลูกอีกเป็นคนงี่เง่านะ"เขาคุกเข่าลงเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนาง จ้องมองใบหน้ากลม ๆ ของนาง ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้อ้วนขึ้นเลย แค่บวมขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นหยวนชิงหลิงหันหน้าหนี "อย่ามองนะ ตอนนี้ข้าน่าเกลียดจะมาก" "ไม่ขี้เหร่เลย ตอนนี้เป็นตอนที่เจ้าสวยที่สุดเลยนะ" อวี่เหวินห่าวปลอบโยนนางหยวนชิงหลิงไม่เชื่อ ไม่ใช่ว่าตัวเองไม่ได้ส่องกระจกสักหน่อยนางผลักเขา “ท่านเข้าวังคนเดียวเถอะ ข้าไม่ไป”อวี่เหวินห่าวกอดนางอีกครั้ง "ถ้าเจ้าไม่ไป ข้าก็ไม่ไปเหมือนกัน ไปฉลองปีใหม่ที่บ้านกันเถอะ"

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 830

    รถม้าถูกทำขึ้นเป็นพิเศษโดยเฉพาะ มีเบาะนุ่ม ๆ อยู่ข้างใน หลังจากที่หยวนชิงหลิงขึ้นไปแล้ว นางก็นอนเอนหลังอยู่ในอ้อมแขนของอวี่เหวินห่าว ทำแบบนี้แล้วช่วยลดกระแทกที่รุนแรงเกินไปให้นางได้เมื่อเห็นท่าทางลำบากของตัวเอง หยวนชิงหลิงก็ถอนหายใจ "ถ้าเด็กสามคนนี้ทำตัวซุกซนในอนาคต ข้าจะตีพวกเขาให้ตาย"“ไม่ใช่เจ้าที่ต้องมาลงมือเองหรอก” อวี่เหวินห่าวพูดวางอำนาจเหนือ เขากำหมัดแน่นก็มีเสียงดังจากกำปั้น “จะทุบทีเดียวให้เละเป็นโคลนเลยเชียว”“โหดร้ายเกินไปแล้ว” หยวนชิงหลิงตัวสั่นด้วยความกลัวอวี่เหวินห่าวหายใจฮึดฮัด "ต้องให้พวกเขารู้ตั้งแต่เล็ก ๆ ว่าโลกนี้โหดร้าย เช่นเดียวกับเสด็จพ่อและข้า ถ้าพวกเขามัวแต่ทนจะไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขหรอก"หยวนชิงหลิงคลอเคลียเขาและเงียบไป“เป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนเหรอ” อวี่เหวินห่าวถามขณะกอดนางหยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วความกังวล "เจ้าห้า ข้าไม่อยากให้ท่านเป็นจักรพรรดิเลย""ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงพูดเช่นนี้" อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง มองนางแล้วยิ้มออกมา "เจ้ากลัวสาวงามสามพันคนในวังหลังงั้นรึ? ไม่ต้องกังวล แม้ว่าข้าจะกลายเป็นจักรพรรดิจริง ข้าจะดีต่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 831

    ฉางกงกงกล่าวอย่างจริงจังว่า "ตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ พระวรกายพระองค์เริ่มหนักมากแล้ว ต้องใส่ใจทุกอย่างจึงจะถูกต้อง"เขาช่วยประคองนางไปถึงด้านหน้าของไท่ซ่างหวง อวี่เหวินห่าวช่วยนางคุกเข่าลงอย่างช้า ๆ แต่ไท่ซ่างหวงห้ามเขา "เจ้าห้า เจ้าคุกเข่าแทนนาง นางก้มหัวก็พอแล้ว"เสด็จปู่รักหลานสะใภ้ของพระองค์อย่างสุดซึ้งไทเฮาที่ได้เห็นก็ทรงพอพระทัยมาก พระนางเองก็กลัวว่านางจะคุกเข่าลงและทำร้ายเหลนนางบาดเจ็บได้อวี่เหวินห่าวคุกเข่าก้มศีรษะถวายบังคมสองครั้ง จากนั้นจึงไปถวายบังคมเสด็จพ่อ ผ่านไปสิบกว่าครั้งจึงจะถวายบังคมเสร็จ“เจ้าน้ำหนักตัวหนักมากแล้ว อย่าเดินไปมา นั่งรออยู่ตรงนี้จนกว่าจะถึงมื้อค่ำเถอะ” ไทเฮาตรัส“เพคะ!” หยวนชิงหลิงตอบรับอย่างรวดเร็วหลังจากนั่งลง นางเดินเข้าไป นางเกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว“ช่วงนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง?” จักรพรรดิหมิงหยวนมองดูนางและถามไถ่หยวนชิงหลิงตอบตามจริงว่า "ทูลเสด็จพ่อ ไม่ค่อยดีเลยเพคะ ทุกวันเหนื่อยมาก นอนไม่ค่อยหลับ กินอะไรก็ไม่อร่อย""อย่าง้อแง้ไปนักเลย ผู้หญิงทุกคนต้องเคยผ่านเรื่องพวกนี้ อย่าคิดว่าตัวเองลำบากมาก ผู้หญิงเป็นแม่ต้องเข้มแข็ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 832

    ไท่ซ่างหวงรู้สึกไม่พอใจ "เจ้ากำลังทำอะไร?"หยวนชิงหลิงรีบพูดทันที "พระองค์ได้ยินผิดไป พระองค์หูฝาดไปแล้ว"ไท่ซ่างหวงชำเลืองมองนาง "เจ้าลุกมาตรวจให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้ารู้สึกเจ็บปวดมาตลอดเลยเชียว"“ได้เพคะ!” หยวนชิงหลิงรีบลุกขึ้นทันทีไท่ซ่างหวงมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาด และความดันโลหิตของพระองค์ก็สูงเล็กน้อย ดังนั้นสถานการณ์จึงไม่ค่อยสู้ดีนักกล่าวอีกนัยหนึ่งถูกกระตุ้นไม่ได้เด็ดขาดโชคดีที่เขาประสบกับปัญหาเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คิดว่าตอนนี้ไม่มีอะไรสามารถกระตุ้นเขาได้หลังจากสั่งยาแล้ว ไท่ซ่างหวงก็ตรัสถามอย่างเรียบเฉยว่า "สำหรับจิ้งเหอจวิ้นจู่ เจ้าต้องหาเวลาไปคุยกับนางบ้าง คนเราเมื่อตกอยู่ในความสิ้นหวัง หากพลาดไปเพียงเล็กน้อย ชีวิตก็อาจปลิวหายไปได้ "หยวนชิงหลิงเองไม่คิดว่าพระองค์ยังคงคิดถึงจิ้งเหอจวิ้นจู่ นางรู้สึกโล่งอกมาก และขอบพระทัยพระองค์แทนจิ้งเหอจวิ้นจู่ และสัญญาว่าจะส่งคนไปเยี่ยมนางเมื่อหยวนชิงหลิงออกมา นางพบชายวัยกลางคนท่าทางแข็งแรงเดินเข้ามา ชายคนนั้นก้มศีรษะลงและคำนับนาง "คารวะพระชายา"หยวนชิงหลิงไม่รู้จักเขาจึงถามไปว่า "ท่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 833

    ทุกคนไม่ได้สนใจเรื่องนี้ บางทีเจ้าของม้าอาจไม่กล้าออกมายอมรับ เมื่อเขาเห็นว่าม้านั้นได้ทำร้ายชายารองของอ๋องฉี คนไม่ดีมีอยู่ทุกที่หลังจากออกจากวัง แต่ละคนต่างขึ้นรถม้า หยวนชิงหลิงคิดจะไปหาที่จวนอ๋องฉี เพื่อเยี่ยมเยียนสาวน้อยหยงอี้ในวันพรุ่งนี้ในวันแรกของปีใหม่หลังจากกลับมาถึงจวน นางก็เหนื่อยล้ามาก นางจึงทำแค่เพียงล้างหน้าและหลับไปตอนที่ง่วงซึมอยู่นั้น ยังฉุกนึกขึ้นมาได้ จึงถามเจ้าห้าว่า "ฝ่าบาทให้ท่านไปทำอะไรในหอตำราหลวง""เลือกอะไรสักอย่างขึ้นมาต่อสู้ พ่อลูกทะเลาะกันเฉย ๆ น่ะ" อวี่เหวินห่าวยื่นมือมาปิดตานาง "นอนเถอะ เจ้ารีบนอนซะนะ"หยวนชิงหลิงลืมตาไม่ขึ้น และผล็อยหลับไปหลังจากแยกทางกันหน้าประตูวังแล้ว อ๋องฉีก็ขึ้นรถม้าและกลับไปที่จวนเขาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดทั้งคืน กังวลเกี่ยวกับหยวนหยงอี้ ดังนั้นหลังจากลาพี่ห้าและพี่สะใภ้ห้าแล้ว เขาจึงสั่งให้คนรีบพากลับไปเขาไม่ได้นำผู้ติดตามไปด้วยมากนัก ปกติแล้วเขามักไปไหนมาไหนกับหยวนหยงอี้ นางจะรับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันและจำนวนผู้คุ้มกันค่อย ๆ ลดลงอากาศหนาวและลมพัดวีดหวิว ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่จวนอ๋องฉีถูกไฟไหม้ เขาก็พัก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 834

    อวี่เหวินห่าวถูกปลุกให้ตื่นกลางดึกโดยคนจากจวนจิ้งเป่า เขาสวมเสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง และรีบออกไปเพื่อไม่รบกวนที่หยวนชิงหลิงกำลังหลับลึกเมื่อรู้ว่าอ๋องฉีถูกลอบสังหาร อันดับแรกเขาสั่งให้คนปิดล้อมประตูเมือง และค้นหาอย่างละเอียดจากนั้นเขาก็พาซูยี่ ถังหยาง และหมอหลวงเฉาตรงไปยังเรือนของอ๋องฉีอ๋องฉีได้รับบาดเจ็บสาหัสจ บอกว่าเขาเกือบตายไปแล้วก็ย่อมได้ มีคนเข้าไปในวังขอยาจินจื่อจากองค์ชายแปด แต่เขายังไม่กลับมาหยวนหยงอี้มายืนอยู่ข้างเตียงด้วยขาที่ได้รับบาดเจ็บของตัวเอง นางร้องไห้จนน้ำตาไม่เหลือแล้ว อ๋องฉีนอนอยู่บนเตียงเหมือนร่างไร้ชีวิต น้ำร้อนสำหรับล้างแผลเข้ามา จนกลายเป็นอ่างเลือดออกไปเขาแทบจะไม่หายใจอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะยังมีชีพจร เขาแทบจะไม่พบสัญญาณของการมีชีวิตเลย“ท่านอ๋อง” หมอหลวงเฉาดึงเขาออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “อ๋องฉีถูกแทงที่ลำตัวแปดครั้ง ที่มือและที่ขาอย่างละสาม ที่ท้องและหน้าอกอย่างละแผล แผลที่หน้าอกนั้นไม่โดนหัวใจ นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงยังรอดชีวิตมาจนถึงตอนนี้ แต่มีดทุกเล่มแทงตัดเข้ากระดูก สถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายมาก กระหม่อมทำอะไรไม่ได้แล้ว ไปเชิญพระชายามาที่นี่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status