หยวนชิงผิงพูดว่า “ข้าไม่ไป ข้าจะอยู่ฟังที่นี่ด้วย”สักครู่หนึ่ง จิ้งโฮ่วเดินเอามือไขว้หลังเข้ามาเขาสวมชุดสีน้ำเงินปักลวดลายปลา คาดเข็มขัดหยก ก้าวเดินลงน้ำหนักเท้าทำให้ดูมีสง่าราศีเขาเข้ามาเหลือบมองหยวนชิงผิง “มาแต่เช้า มีทองให้เก็บรึอย่างไร?”“คารวะท่านพ่อ!” หยวนชิงผิงลุกขึ้นย่อกายทำความเคารพหยวนชิงหลิงก็ลุกขึ้นย่อกายทำความเคารพด้วยเช่นกัน “คารวะท่านพ่อ!”จิ้งโฮ่วว้าวุ่นใจตลอดคืน ร้อนรนกระวนกระวานเสียจนไม่สนหยวนชิงผิงที่อยู่ที่นี่ด้วย และเอ่ยถามไปตามตรงทันที “เจ้าบอกมา เมื่อคืนกลับมากลางดึกขนาดนั้น ถูกไล่กลับมาหรือไม่?”หยวนชิงหลิงขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด “ท่านพ่อ ลูกอยู่ที่จวนอ๋องได้รับความลำบาก อยากกลับมาบ้านแม่หาที่พึ่งพิง ท่านไม่ยินดีต้อนรับหรือ?”จิ้งโฮ่วที่ได้ยินก็ไม่รอให้หยวนชิงหลิงพูดจบ เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “พูดจาให้มันดี ๆ เจ้าถูกหย่ามารึเปล่า?”หยวนชิงหลิงถอนหายใจ "ถ้าท่านเห็นหนังสือหย่า ก็คงหย่าแล้ว ถ้าท่านไม่เห็นหนังสือหย่า ก็อีกไม่นาน"จิ้งโฮ่วโกรธซะจนทุบโต๊ะอย่างแรง “เจ้าอธิบายให้ข้าเข้าใจเดี๋ยวนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ถ้าเจ้าไม่บอก ข้าจะไล่เจ้าออกไป”
ตอนที่จิ้งโฮ่วได้สติขึ้นมานั้นก็เห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของหยวนชิงหลิงเขาตื่นตระหนกเหมือนอสรพิษกำลังกัดแขนขาของเขาไปทั่วทั้งร่าง เขาตัวสั่น และคว้ามือของหยวนชิงหลิงเอาไว้ "ฉู่หมิงชุ่ยพูดอย่างนั้นจริงหรือ? ฝ่าบาททรงกริ้วมากจริงหรือ?"หยวนชิงหลิงมองไปยังคนผู้น่าสงสารตรงหน้า และพูดว่า "ท่านพ่อ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ตอนนี้ข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ ฝ่าบาทจะให้ข้ากลับไปหาครอบครัวของข้าได้อย่างไร? ท่านควรรีบคิดหาทางนะ"จิ้งโฮ่วทรุดตัวลงกับเก้าอี้เอน ปากของเขากระตุกสองสามครั้ง ตายแน่ครั้งนี้ ฉู่หมิงชุ่ยช่างน่าเกลียด ตัวเองตายไปคนเดียวก็ดีแล้ว ยังจะมาลำบากลากพวกเขาจวนจิ้งโฮ่วให้ตามตกไปด้วยฝ่าบาทต้องทรงกริ้วมากแน่เขามองไปที่ท้องของหยวนชิงหลิง โอ้สวรรค์ แค่สี่เดือน ท้องทั้งใหญ่ืและกลมมากดูเหมือนจะเป็นลูกสาว ตายแน่ ไม่ได้การแล้วเมื่อนึกถึงตรงนี้ จิ้งโฮ่วก็ยิ่งหดหู่ใจ นึกถึงตัวเองที่ใช้เวลาไปครึ่งชีวิต ไม่ต่างจากสุนัขและแมลงวันที่ไร้ยางอายไร้ศักดิ์ศรีแล้วนั้น อาชีพการงานของเขาไม่มีความเจริญก้าวหน้าใด และความรุ่งโรจน์ของจวนจิ้งโฮ่วก็ไม่เหมือนดั่งวันวาน มีแต่จะตกต่ำมากขึ้นเรื่อย ๆนับตั้งแต่ที่เ
จิ้งโฮ่วดูออกว่านางคิดอย่างไรจึงถอนหายใจออกมา “อาสะใภ้รอง สมองท่านกลับไปแล้วหรือ? ในเมืองหลวงหายาก ท่านก็ไปหาที่ยากจนทุรกันดานเสียสิ? ขายลูกชายลูกสาวเยอะแยะ ให้สักสิบตำลึง อย่าว่าแต่ลูกชายเลย ลูกสะใภ้ก็ให้ท่านได้”ฮูหยินรองเฒ่าได้สติกลับมา “ใช่แล้ว ๆ ได้เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเอง”ช่วงนี้ฮูหยินเฒ่าเริ่มกลับเข้ามาดูแลจัดการเรื่องในจวนแล้ว นางเองก็กังวลว่าอาจจะมีสถานการณ์พลิกกลับไปอีก ตอนนี้นางจัดการเรื่องนี้ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิตคนในจวน นางจึงเป็นคนสำคัญที่สุดทางด้านหยวนชิงหลิงหลังจากจิ้งโฮ่วไปแล้ว หยวนชิงผิงถามอย่างตื่นตระหนก “พี่ใหญ่ นั้นเรื่องจริงหรือ?” หยวนชิงหลิงยิ้มและยกนิ้วจุ๊ปาก “แค่ขู่เขาให้ตกใจน่ะ” หยวนชิงผิงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไมถึงต้องขู่เขาล่ะ?”หยวนชิงหลิงยิ้มและตอบกลับว่า “แบบนี้ เขาก็ไม่มีเวลามาก่อกวนข้าแล้ว” เขาต้องต่อสู้เพื่อชีวิตของผู้คนจำนวนมากในจวนนางจูงหยวนชิงผิงและเอ่ยว่า “พวกเราไปหาท่านย่า ไปคารวะท่านย่ากันเถอะ”หยวนชิงผิงเองก็ยังอยากถามต่ออย่างละเอียด แต่ไปพบท่านย่าและค่อยคุยก็ยังไม่สาย อย่างไรเสียพี่ใหญ่ต้องอธิ
หยวนชิงหลิงรู้สึกสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูกอาจกล่าวได้ว่าในสายตาของทุกคน นางตกระกำลำบากกลับมา ลูกสาวที่แต่งงานแล้วถูกครอบครัวของสามีรังเกียจ จนกลับบ้านแม่มาแบบนี้จะเหลืออะไรน่าดูอีกแต่ไม่คาดคิดเลยว่าฮูหยินเฒ่าจะปกป้องนางเช่นนี้ต้องตกต่ำจึงจะได้เห็นจิตใจคนนี่เป็นความจริงฮูหยินเฒ่าเห็นแค่ขอบตานางเปียกชื้น ยังคิดว่านางเจ็บปวดเศร้าใจ จึงปลอบโยนนางอีกหยวนชิงผิงเองก็กล่าวว่า “พี่ใหญ่ ท่านเองก็ฟังท่านย่าอยู่ที่จวนดูแลครรภ์ให้ดี เรื่องอื่นไม่ต้องไปสน ใครมาก่อกวนท่าน ข้าจะจัดการมันเอง”หยวนชิงหลิงยิ้มทั้งน้ำตา “ได้ ขอบคุณพวกเจ้านะ”อย่างไรก็ตาม ฮูหยินเฒ่าและหยวนชิงผิงปฏิบัติต่อนางอย่างอ่อนโยน แต่คนอื่น ๆ กลับปฏิบัติกับนางไม่ดีเลยสักนิดแน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าทำให้นางอับอายโดยตรง แต่ในครึ่งวัน ทุกคนในจวนต่างพูดว่านางถูกท่านอ๋องทอดทิ้ง และพวกเขาจะหย่ากับนางหลังจากให้กำเนิดลูกลูกสะใภ้ของฮูหยินรองหลวนซรื่อ เห็นหยวนชิงหลิงเดินผ่านทางเดินระเบียงในตอนเที่ยง และด่าออกมาอย่างเย็นชาว่า "ภรรยาที่ถูกทิ้ง!"เมื่ออาซื่อได้ยิน จึงพุ่งไปข้างหน้า และนางได้เอ่ยถามอย่างดุร้ายว่า "สงบปากเจ้าบ้าง"เดิม
อาซื่อพูดอย่างไม่สนอะไร “ชาติตระกูลอะไรไม่สำคัญหรอก ถ้าเขาเป็นคนซื่อตรงและใจดี เขารู้วรยุทธ์ และเข้าใจการก้าวไปหน้า เขาย่อมจะชนะการแข่งขันเสมอ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่มีอะไรสำเร็จเลยก็ตาม”หยวนชิงหลิงประทับใจยิ่งนัก "ข้าประหลาดใจจริงที่เจ้ามีความคิดเช่นนี้ อาซื่อ เจ้าพูดถูก สิ่งที่เจ้าว่ามานั้น ชาติตระกูลไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือนิสัยต่างหาก"ฐานะทางครอบครัวของอาซื่อก็ดี หากแต่งงานกับชายยากจนจริง ก็ไม่จำต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนิสัยที่ดีของคนอาซื่อยิ้มและหันไปหาหมานเอ๋อร์ "แล้วเจ้าล่ะ? สิ่งที่เจ้าอยากจะได้จากว่าที่สามีในอนาคต?"หมานเอ๋อร์ตกใจ "นี่ บ่าวไม่กล้าคิดหรอกเจ้าค่ะ"ตอนนี้นางเป็นแค่คนเร่ร่อนในเมืองหลวง จะไปกล้าคิดแบบนี้ได้อย่างไร? กินอิ่มนอนหลับมีชีวิตอยู่ดีก็นับว่าดีมากแล้ว“ทำไมไม่กล้าคิดกัน? ผู้หญิงทุกคนล้วนมีความฝันเกี่ยวกับอนาคต โดยเฉพาะเหตุการณ์สำคัญชั่วชีวิตอย่างการแต่งงาน ตอนเจ้ายังเด็กเจ้าไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยหรือ?” อาซื่อถามหมานเอ๋อร์ยิ้มอย่างเขินอาย "ตอนเด็ก ข้าเคยคิดเรื่องนี้ ข้าแค่อยากแต่งงานกับใครสักคนที่ซื่อสัตย์และดีกับข้า
หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองนาง "เสียใจไหม?"พระชายาจี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเสียใจหรือไม่ ก้าวมาถึงจุดนี้แล้ว และข้าไม่มีทางคิดเสียใจหรือไม่เสียใจอีกแล้ว ใจของคนยากแท้หยั่งถึง ข้าพยายามที่สุด แต่เมื่อเจอคนใจร้ายจะทำอย่างไรได้? ตั้งแต่แรกข้าก็รู้แล้วว่าทุกอย่างที่ข้าให้ไป อาจไม่ได้อะไรกลับคืนมา"“เพราะเจ้ารักเขาจริงงั้นหรือ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามพระชายาจี้ที่ได้ยินเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "รัก? อาจจะใช่กระมั้ง?""ทำไมเจ้าถึงรักอ๋องจี้ล่ะ? เขามีดีอะไรตรงไหน?" หยวนชิงหลิงเอ่ยถามพระชายาจี้เอ่ยว่า "ข้ารักเขาไม่ใช่เพราะว่าเขามีดีอะไรตรงไหน แต่เพราะเขาเป็นสามีของข้า"หยวนชิงหลิงตกตะลึงจนอึ้งไป "แค่นั้นน่ะรึ?"แล้วจะเอาอะไรอีก?” พระชายาจี้มองนาง แปลกใจจริงๆ ที่ไม่เป็นการถามแบบเสียเปล่ารึ? ไม่รักสามีตัวเองแล้วใครจะรักกัน?“แล้วตอนนี้เจ้ายังรักเขาอยู่หรือเปล่า? ถึงอย่างไร เขาก็ยังเป็นสามีของเจ้าอยู่ดี” หยวนชิงหลิงถามนางตามตรรกะความคิดของตัวเองแววตาของพระชายาจี้เย็นชา "ข้าไม่คิดว่าคงเป็นเช่นนั้น"หยวนชิงหลิงถามว่า "ทำไมกัน?""เขาไม่จำเป็นต้องรักข้า แต่เ
นางข้าหลวงสี่ช่วยประคองนางนั่งลงและพูดปลอบ "พระชายาอย่ากังวลไปเลยนะเพคะ อาซื่อพูดจาเหลวไหลไร้สาระ ถูกขังไว้ในห้องมืดที่ไหนกัน? แม้ว่าชินอ๋องจะไม่ได้รับอนุญาตให้ค้างคืนในวัง แต่ก็มีเจ้าชายองค์อื่นในวัง เขาสามารถไปพักค้างคืนกับองค์ชายแปดได้สักคืนหนึ่ง หรืออาจจะไปอยู่กับไท่ซ่างหวงก็ได้นะเพคะ”จะให้หยวนชิงหลิงสงบใจได้อย่างไร? ในเมื่อเขาเคยได้รับความทุกข์ทรมานจากห้องมืดนั้นมาก่อน นี่ยังต้องทรมานอีกครั้งหรือ?นางอดโกรธต่อความโหดร้ายของตาเฒ่านั้นไม่ได้ ทำไมถึงได้ทำกับเจ้าห้าเช่นนี้? ใครอยากจะมายุ่งยากเป็นรัชทายาทกัน?อาซื่อก็ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลอีก และมองไปทางนางข้าหลวงสี่เพื่อขอความช่วยเหลือนางข้าหลวงสี่ถอนหายใจ “เช่นนั้น ข้าจะไปรอที่ซอยจวนของตระกูลฉู่ให้เร็วหน่อย ดูว่าท่านมหาเสนาบดีจะกลับมาเมื่อไหร่”“ลำบากโมโม่แล้ว” หยวนชิงหลิงพูดด้วยความซาบซึ้งใจ“พระชายา อย่าพูดเกรงใจเช่นนี้กับข้าเลย ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ท่านควรพักผ่อนให้เพียงพอจะได้ไม่กระทบถึงครรภ์นะเพคะ” โมโม่พูดปลอบใจนางหยวนชิงหลิงพยักหน้ารัว ตัวเองกลับบ้านแม่มา แม้ว่านางจะแสร้งทำเหมือนสงบนิ่ง แต่ในใจนางร้อนร้นยิ่งน
น้ำแกงขิงที่ยกเข้ามา มหาเสนาบดีฉู่บังคับให้นางข้าหลวงสี่ดื่มลงไปก่อนเมื่อน้ำแกงขิงร้อน ๆ ตกถึงท้อง โมโม่ก็รู้สึกร้อนไปทั้งร่าง และหน้าผากก็เหงื่อซึมออกมาเล็กน้อยเหลืออีกสองคำและดื่มไม่ลงแล้ว มหาเสนาบดีฉู่จึงรับมันและดื่มลงไปให้หมด “อย่าสิ้นเปลือง”นางข้าหลวงสี่มองมือผอมแห้งแต่ยังแข็งแรงของเขาวางถ้วยนั้นลงก็รีบถามทันที “พระชายาขอให้ข้ามาถาม ตอนนี้อ๋องฉู่อยู่ที่ไหน? ฝ่าบาทได้สั่งให้นำไปขังในห้องมืดรึเปล่า”มหาเสนาบดีฉู่กอดอก และเอามือสอดเข้าไปในแขนเสื้อตัวเองด้วยความเคยชิน และกล่าวว่า “บอกให้พระชายาวางใจเถอะ ฝ่าบาทไม่ได้สั่งลงโทษอะไร แค่ไล่เขาออกจากวังเท่านั้น”“แต่ว่า” นางข้าหลวงสี่กระวนกระวายใจเหลือเกิน “เขาไม่ได้กลับจวนอ๋อง”มหาเสนาบดีฉู่วางมือเขาลงบนมือนาง “เจ้าอย่าเพิ่งวู่วาม อดทนรอดูเหตุการณ์ไปก่อน เขาไม่ได้กลับจวน แต่ไปพระตำหนักเฉียนคุน ทำตัวขี้เกียจสังกะตายไม่ต่างจากตัวทากเลยสักนิด”“ตัวทาก?” นางข้าหลวงสี่ตกใจในแววตาของมหาเสนาบดีฉู่เจือไปด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ข้าไปที่พระตำหนักเฉียนคุน เขาก็อยู่ที่นั้น”นางข้าหลวงสี่เอ่ยอย่างหมดหนทาง “เช่นนั้นทำไมถึงไม่กลับจวนเล่า? พระชาย