อวี่เหวินห่าวกุมขมับพยายามทำสมาธิ ขนาดจะยกมือยังไม่มีแรง พึมพำไปเรื่อยเปื่อยว่า "คนนอกวออกไป!" นางข้าหลวงสี่และฉีหลัวรีบออกไปปิดประตูอวี่เหวินห่าวมองไปที่นาง สีหน้ามีความรู้สึกตื้นตันใจ "เจ้า...เจ้าอย่าโกรธไปเลย" หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "ข้าไม่ได้โกรธ""เจ้าโกหก!" อวี่เหวินห่าวนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน นางไม่โกรธก็แปลกแล้ว!"ท่านดื่มจนเมาแล้ว!"เขาตบลงไปที่โต๊ะ "ข้าไม่ได้เมา"หยวนชิงหลิง ดูที่ฝ่ามือของเขาที่บวมแดงไปหมดแล้ว "พอแล้ว ข้าไม่ได้โกรธแล้ว""ข้าไม่เชื่อ เจ้าต้องโกรธแน่ ๆ" อวี่เหวินห่าวกล่าวหา เขาและระบายความโกรธออกมา "เจ้าเอาแต่ถาม ข้าบอกแล้วว่าไม่มี เจ้ายังจะถามข้าต่ออีก""ได้ ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรถาม" หยวนชิงหลิงไม่สนใจเขาอีก สองวันนี้นางก็รู้สึกไม่สบายอยู่เหมือนกัน อวี่เหวินห่าวเริ่มเข้าสู่การสนทนา "ถามได้ แต่ไม่ใช่เอาแต่ถาม ข้าบอกแล้วว่าไม่มี เจ้าก็ไม่เชื่อยังถามอยู่อีก"หยวนชิงหลิงก็ทนไม่ไหวแล้ว "ถ้าข้าไม่เอาแต่ถาม ท่านก็ไม่ยอมพูดสิ""ก็ข้าบอกแล้วว่าไม่มี!" ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ อ่า แต่กลับปากแข็ง "แต่ในความเป็นจริงเจ้ามี!" อวี่เหวิ
อวี่เหวินห่าวก้มหัวลงและกัดไปที่ข้อมือของนาง คิดว่าต้องไม่ใช้แรงมากไป ทั้งยังไม่ยอมที่จะเสียหน้า ด้วยความโกรธจึงได้ฝังรอยฟันลงไป แต่ไม่ลึกเกิน"เราอย่ามาทะเลาะกันอีกเลย ทะเลาะกันไป ใจข้ามีแต่ความอึดอัด" เขามองหน้านาง มองเข้าไปในดวงตา ในใจยังปนไปด้วยโทสะหยวนชิงหลิงหลบตา "ได้ เราจะไม่ทะเลาะกันแล้ว""ขอกอดหน่อย!" อวี่เหวินห่าวดึงนางเข้ามากอดไว้แนบอกร่างทั้งสองแนบชิดกัน แล้วล้มตัวลงไปหยวนชิงหลิงยิ้มออกมาได้ "นี่บนพื้นนะ มีอะไรไปคุยกันบนเตียง"เขาจะขยับก็ไม่ขยับทับบนร่างของนาง แล้วก็ล้มลงไป"อวี่เหวินห่าว ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!" หยวนชิงหลิงตีไปที่แผ่นหลังของเขาเสียงกรน ดังก้องอยู่ในหูของนาง หยวนชิงหลิงปล่อยมืออย่างอ่อนแรง ดี หลับไปเลยสุดท้าย ต้องเรียกซูยี่เข้ามานำเขาย้ายออกไปหยวนชิงหลิงลูบหลังคนผู้นี้อย่างเอาเป็นเอาตาย น้ำแกงสร่างเมาก็ดื่มไม่ได้ ตียังไงก็ไม่ตื่น หยวนชิงหลิงได้แต่ปล่อยให้เขานอนไม่มีผ้าปูเตียงกับหมอนเลยเหรอ?ชอบตำหนิติเตียนความน่าเกลียดของผู้อื่น? มันเป็นความดื้อรั้นนางยิ้มออกมาแล้ว คำพูดของเขาถึงแม้ไม่น่าเชื่อถือ และอาจเป็นเพราะกลัวนางโกรธ ดังนั้นก็เลยโกหก
หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม "ถ้าเช่นนั้น เสด็จแม่ได้เคยหาหมอยาหรือหมอหลวงมารักษาท่านหรือไม่?""เคยหามารักษาแล้ว แต่ว่าข้าไม่ให้ความร่วมมือ เสด็จแม่ก็เลยโกรธมาก" อวี่เหวินห่าวกล่าวเขาถูใบหน้าของนาง "ไม่โกรธนะ?""เดิมทีก็ไม่ได้โกรธ คืนนั้นข้าก็ได้พูดแล้วว่าไม่ได้โกรธ" "เจ้าโกหก ข้าจะไม่เชื่อผู้หญิงอีกแล้ว"ถังหยางพูดถูก พูดกับผู้หญิงให้พูดความจริงแค่ครึ่งเดียวอันที่จริงแลัว มันไม่เหมือนเดิมตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เดิมทีได้รับหญิงสองคนเข้ามาในวังให้เลือก แต่เขากลับเลือกอีกคน ผลก็คือเสด็จแม่ไม่เห็นด้วย เลยเปลี่ยนให้เขาใหม่ในเวลานั้น เขาเพิ่งสังเกตเห็นลักษณะบุคลิกภาพของตัวเอง เขาชอบที่จะตัดสินใจด้วยตนเองเริ่มไม่พอใจกับอํานาจเผด็จการของเสด็จแม่และขัดขืนโดยไม่รู้ตัวเขาจงใจไม่แตะต้องนางข้าหลวงเพื่อต่อต้านเสด็จแม่ แน่นอนว่ามันน่าเกลียดเกินไปจริง ๆเสด็จแม่คิดว่าเขาป่วยจริง ๆ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เขาก็ปฏิเสธที่จะรักษา เพราะเมื่อรักษาแล้ว เสด็จแม่ก็จะรู้เข้า และที่สําคัญที่สุดคือเขาไม่อาจยอมรับว่าเขาจงใจหลอกเสด็จแม่ ด้วยเหตุนี้หลายปีมานี้ ข้างกายเขาไม่มีแม้แต่นางสนมสักคนหลังข่าวของจวนองค์หญิ
ติดตามเขามาหลายปี ไม่มีค่าในสายตาเลยสักนิดฉางกงกงกระอักกระอ่วนกล่าวว่า "ไม่จำเป็นพ่ะย่ะค่ะ"หยวนชิงหลิงยิ้มน้อย ๆ แต่มือก็ยังคงใช้แรงนวดคลึงเหมือนเดิมคนสูงอายุ อันที่จริงก็เหมือนเด็กน้อย ต้องการให้คนมารักและเอาใจใส่นวดคลึงได้สักพัก ไท่ซ่างหวงบอกนางให้นั่งลง ยังแบ่งขนมให้นางชิ้นหนึ่ง"อาการปวดหายดีหรือยังเพคะ?" ไท่ซ่างหวงเห็นนางถาม จึงตอบไปว่า"หายดีแล้ว!" หยวนชิงหลิงกินขนม ยิ้มเล็กน้อยกับคำตอบ"โง่ขนาดนี้ เจ้าจะตายหรือไม่?" ไท่ซ่างหวงมีลิ้นที่ร้ายกาจเสมอมา หยวนชิงหลิงเบ้ปากพลางพูดว่า "ยังไม่ตาย"รู้อยู่แล้วว่ามาที่นี่ต้องโดนต่อว่าอยู่ไม่น้อยไท่ซ่างหวงถลึงตาจ้องมองนางเขม็ง "เข้าวังครั้งที่แล้ว ข้าเพียงบอกเจ้าว่า ให้เจ้าคิดทุกอย่างคิดจนถึงที่สุด คิดให้สุดทาง หรือว่าเจ้าสมองพิการไปแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าหกมีอาการป่วยอย่างไร?”หยวนชิงหลิงถอนหายใจ คำว่าสมองพิการช่างเป็นคำที่ข้ามมิติมาบ้างแล้ว "รู้แล้ว รู้แล้ว ข้าประมาทไปชั่วขณะ" หยวนชิงหลิงสมควรถูกดุ ที่จริงวันนั้นอ๋องหวยถูวางยา นางควรจะตื่นตัวให้มากกว่านี้แต่ว่าในเวลานั้น นางคิดว่าฝ่ายตรงข้ามวางยาอ๋องหวย ไม่ได้คิดถึงตัวเอง
ฉางกงกงยิ้มแล้วกล่าว "ท่านรีบนำกลับไปเถอะ หยกนี้หายากมาก ท่านไม่สามารถหาได้ดีขนาดนี้ นี่เป็นของที่เซียวเหยาโฮ่ว เข้าวังมาถวายไท่ซ่างหวงเมื่อสองวันก่อน พระองค์ชอบมันมาก แต่พระองค์ก็ไม่เก็บมันไว้เพื่อตัวเอง"หยวนชิงหลิงรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก กำลังจะปลีกเดินออกไป ไท่ซ่างหวงตวาด "อย่าเพิ่งไป! ตกลงเจ้าจะรับหรือไม่?".หยวนชิงหลิงรีบแย่งกล่องไปถือไว้ในมือ โค้งคำนับ "หลานสะใภ้ทูลลา"นางคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรับความหวังดีของผู้เฒ่าหยวนชิงหลิงออกจากวังเฉียนคุนแล้ว จึงถือกล่องไปหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมองไปที่กล่อง ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางกล่าว "นี่เป็นหยกที่เซียวเหยาโฮ่วมอบให้ไท่ซ่างหวงใช่หรือไม่? ทำไมถึงให้เจ้าหมดเลยล่ะ?""ใช่เพคะ" หยวนชิงหลิงมองพระองค์แว๊บนึง รีบถวาย "เสด็จพ่อชอบหรือไม่เพคะ? ถ้าอย่างนั้น หม่อมฉันคงจะต้องเปลี่ยนเป็น ยืมดอกไม้บูชาพระ ขอถวายฝ่าบาทเพคะ"จักรพรรดิหมิงหยวนโบกมือพลางกล่าว "ของที่ไท่ซ่างหวงให้เจ้า เจ้าก็เก็บรักษาไว้ ข้าไม่สนใจของพวกนี้ เพียงแต่ ไท่ซ่างหวงดูเหมือนจะให้ราคากับเจ้ามาก"ไท่ซ่างหวงชอบหยกนี้มาก ขนาดลูก ๆ ของเขาเห็น ไท่ซ่างหวงยังรีบใ
“เอาเถอะ ไปได้แล้ว ข้าคุยกับเจ้าวันนี้ เจ้ากลับไปที่บ้านบอกเจ้าห้าให้เรียบร้อย ที่นี่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก” จักรพรรดิหมิงหยวนกล่าวเสริมอีกประโยคหยวนชิงหลิงย่อตัวลงเพื่อทูลลา แต่ในใจกลับรู้สึกสงสัยยิ่งนักยามค่ำคืน สามีภรรยาสองคนที่อยู่บนเตียงนอนไม่ได้ทำกิจกรรมบนเตียงด้วยกัน เพียงแค่วิเคราะห์รับสั่งของฝ่าบาทในวันนี้หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “เสด็จพ่อของท่าน ทำไมถึงสนพระทัยเรื่องที่ข้าจะมีลูกหรือไม่?”อวี่เหวินห่าวกอดนางเอาไว้ มือที่หมุนเส้นผมเรียบลื่นดั่งแพรไหมของนาง “เจ้าคิดว่ายังไง?”หยวนชิงหลิงใจกล้าบังอาจลองคาดเดา “ไม่ใช่ว่าพระองค์ทรงคิดแต่งตั้งให้ท่านเป็นรัชทายาทหรอกหรือ?”อวี่เหวินห่าวส่ายหน้า “ไม่มีทาง หนึ่งปีมานี้ ท่านพ่อทรงเย็นชาและทรงผิดหวังกับข้ายิ่งนัก”“นั่นเป็นเพราะข้า...เรื่องที่ตำหนักองค์หญิง ตอนนี้พวกเราคืนดีกันแล้ว แสดงว่าเรื่องก่อนหน้านี้ พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับท่านมาก?”อวี่เหวินห่าวพูดว่า “การแต่งตั้งตำแหน่งรัชทายาท ต้องมีทั้งอายุอาวุโสหรือตำแหน่งทายาทเกิดจากภรรยาเอกเองก็มีส่วน”“เป็นไปได้หรือไม่ทีจำเป็นต้องมีคุณธรรม?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามอวี่เหวินห่าวหัวเร
อวี่เหวินห่าวไม่ทันสังเกตอารมณ์ของนาง “เรื่องนี้เจ้าควบคุมมันไม่ได้หรอก นี่คงเป็นโชคชะตาของเราและลูก”ม่านมุ้งเบาบางที่ถูกคลายออก แขนเสื้อโบกพัดเปลวเทียนดับลง“วันนี้ขอพักได้ไหม?” ในความมืด ได้ยินเพียงแค่เสียงขอร้องของหยวนชิงหลิง“พักผ่อนมาสองปีแล้ว” อวี่เหวินห่าวทาบทับลงบนร่างนางไม่ให้นางเปิดปากพูดอะไรได้เลย ห้องนี้ช่างงดงามเสียจริง!วันรุ่งขึ้น คู่สามีภรรยาอ๋องซุนมาเยี่ยมเยือนเป็นแขกจวนอ๋องอวี่เหวินห่าวที่สะสางงานจากที่สำนักผู้ตรวจการเสร็จจึงรีบกลับมาพูดคุยกับอ๋องซุนในห้องโถง หยวนชิงหลิงกับพระชายาซุนจึงออกไปเดินเล่นที่สวนในใจของพระชายาซุนดูเหมือนมีเรื่องหนักใจอย่างไรอย่างนั้น“พี่สะใภ้รองเป็นอะไรไปหรือ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม และเอื้อมมือไปทุบที่หลังตัวเอง นางปวดเอวเจ็บหลังไปหมด“ไม่เป็นไร” พระชายาซุนกล่าวอย่างเรียบเฉย แล้วมองไปที่นาง “เอวเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? ตีหลังทำไมน่ะ?”“ไม่เป็นไร!” หยวนชิงหลิงดึงมือกลับแล้วตอบอย่างเรียบเฉยเหมือนนางพระชายาซุนยิ้มออกมา “เอาเถอะ ใครไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้บ้าง?”หยวนชิงหลิงเคอะเขิน “พี่สะใภ้รองคิดมากไปแล้ว ข้าแค่เหนื่อยเท่านั้น”“เข้
พระชายาซุนหัวเราะออกมา “แต่ว่าช่วงนี้ข้าชอบเจ้านะ ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล ถึงแม้ว่าข้าจะทำไม่ได้ แต่ได้ยินแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก”หยวนชิงหลิงรู้ว่าไม่มีทางเกลี้ยกล่อมนาง ความคิดขนถธรรมเนียมบางอย่างมันหยั่งรากฝังลึก ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืนหลังจากที่ส่งคู่สามีภรรยาอ๋องซุนกลับแล้ว อวี่เหวินห่าวก็พาหยวนชิงหลิงไปที่จวนอ๋องหวยก็เหมือนอย่างที่เคยเป็นมา ตรวจอาการจ่ายยาแล้วพูดคุยกันอยู่สักพัก แล้วจึงกลับ “พวกเราออกไปเดินซื้อของกันดีกว่า” หยวนชิงหลิงออกมาพบอ๋องหวยยังเช้าอยู่มาก และเขาเองก็แทบไม่มีเวลาว่างอยู่เป็นเพื่อนนางแบบนี้ นางมาที่นี่ก็ตั้งนานแล้ว เคยเดินถนนสายการค้าหลักนี้เพียงไม่กี่ครั้งเอง แต่กลับไม่เคยเดินซื้อของมาก่อนอวี่เหวินห่าวเองก็อารมณ์ดีมาก ทั้งสองเดินอย่างช้า ๆ ไปพร้อมกัน ลวี่หยาและซูยี่เดินตามอยู่ข้างหลังอย่างสบายอกสบายใจหยวนชิงหลิงไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเกี่ยวกับเป่ยถัง แต่ว่าเมื่อได้เห็นความคึกครื้นของเมืองหลวงแล้วนั้น เป่ยถังต้องเจริญรุ่งเรืองมากแน่นางเดินไปถามไปที่ร้านค้า ร้านขายข้าว ร้านธัญพืช ร้านขายเครื่องประดับ ร้านขายผ้าไหม โรงหมอ และก็เข้าไปด