ฉางกงกงยิ้มแล้วกล่าว "ท่านรีบนำกลับไปเถอะ หยกนี้หายากมาก ท่านไม่สามารถหาได้ดีขนาดนี้ นี่เป็นของที่เซียวเหยาโฮ่ว เข้าวังมาถวายไท่ซ่างหวงเมื่อสองวันก่อน พระองค์ชอบมันมาก แต่พระองค์ก็ไม่เก็บมันไว้เพื่อตัวเอง"หยวนชิงหลิงรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก กำลังจะปลีกเดินออกไป ไท่ซ่างหวงตวาด "อย่าเพิ่งไป! ตกลงเจ้าจะรับหรือไม่?".หยวนชิงหลิงรีบแย่งกล่องไปถือไว้ในมือ โค้งคำนับ "หลานสะใภ้ทูลลา"นางคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรับความหวังดีของผู้เฒ่าหยวนชิงหลิงออกจากวังเฉียนคุนแล้ว จึงถือกล่องไปหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมองไปที่กล่อง ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางกล่าว "นี่เป็นหยกที่เซียวเหยาโฮ่วมอบให้ไท่ซ่างหวงใช่หรือไม่? ทำไมถึงให้เจ้าหมดเลยล่ะ?""ใช่เพคะ" หยวนชิงหลิงมองพระองค์แว๊บนึง รีบถวาย "เสด็จพ่อชอบหรือไม่เพคะ? ถ้าอย่างนั้น หม่อมฉันคงจะต้องเปลี่ยนเป็น ยืมดอกไม้บูชาพระ ขอถวายฝ่าบาทเพคะ"จักรพรรดิหมิงหยวนโบกมือพลางกล่าว "ของที่ไท่ซ่างหวงให้เจ้า เจ้าก็เก็บรักษาไว้ ข้าไม่สนใจของพวกนี้ เพียงแต่ ไท่ซ่างหวงดูเหมือนจะให้ราคากับเจ้ามาก"ไท่ซ่างหวงชอบหยกนี้มาก ขนาดลูก ๆ ของเขาเห็น ไท่ซ่างหวงยังรีบใ
“เอาเถอะ ไปได้แล้ว ข้าคุยกับเจ้าวันนี้ เจ้ากลับไปที่บ้านบอกเจ้าห้าให้เรียบร้อย ที่นี่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก” จักรพรรดิหมิงหยวนกล่าวเสริมอีกประโยคหยวนชิงหลิงย่อตัวลงเพื่อทูลลา แต่ในใจกลับรู้สึกสงสัยยิ่งนักยามค่ำคืน สามีภรรยาสองคนที่อยู่บนเตียงนอนไม่ได้ทำกิจกรรมบนเตียงด้วยกัน เพียงแค่วิเคราะห์รับสั่งของฝ่าบาทในวันนี้หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “เสด็จพ่อของท่าน ทำไมถึงสนพระทัยเรื่องที่ข้าจะมีลูกหรือไม่?”อวี่เหวินห่าวกอดนางเอาไว้ มือที่หมุนเส้นผมเรียบลื่นดั่งแพรไหมของนาง “เจ้าคิดว่ายังไง?”หยวนชิงหลิงใจกล้าบังอาจลองคาดเดา “ไม่ใช่ว่าพระองค์ทรงคิดแต่งตั้งให้ท่านเป็นรัชทายาทหรอกหรือ?”อวี่เหวินห่าวส่ายหน้า “ไม่มีทาง หนึ่งปีมานี้ ท่านพ่อทรงเย็นชาและทรงผิดหวังกับข้ายิ่งนัก”“นั่นเป็นเพราะข้า...เรื่องที่ตำหนักองค์หญิง ตอนนี้พวกเราคืนดีกันแล้ว แสดงว่าเรื่องก่อนหน้านี้ พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับท่านมาก?”อวี่เหวินห่าวพูดว่า “การแต่งตั้งตำแหน่งรัชทายาท ต้องมีทั้งอายุอาวุโสหรือตำแหน่งทายาทเกิดจากภรรยาเอกเองก็มีส่วน”“เป็นไปได้หรือไม่ทีจำเป็นต้องมีคุณธรรม?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามอวี่เหวินห่าวหัวเร
อวี่เหวินห่าวไม่ทันสังเกตอารมณ์ของนาง “เรื่องนี้เจ้าควบคุมมันไม่ได้หรอก นี่คงเป็นโชคชะตาของเราและลูก”ม่านมุ้งเบาบางที่ถูกคลายออก แขนเสื้อโบกพัดเปลวเทียนดับลง“วันนี้ขอพักได้ไหม?” ในความมืด ได้ยินเพียงแค่เสียงขอร้องของหยวนชิงหลิง“พักผ่อนมาสองปีแล้ว” อวี่เหวินห่าวทาบทับลงบนร่างนางไม่ให้นางเปิดปากพูดอะไรได้เลย ห้องนี้ช่างงดงามเสียจริง!วันรุ่งขึ้น คู่สามีภรรยาอ๋องซุนมาเยี่ยมเยือนเป็นแขกจวนอ๋องอวี่เหวินห่าวที่สะสางงานจากที่สำนักผู้ตรวจการเสร็จจึงรีบกลับมาพูดคุยกับอ๋องซุนในห้องโถง หยวนชิงหลิงกับพระชายาซุนจึงออกไปเดินเล่นที่สวนในใจของพระชายาซุนดูเหมือนมีเรื่องหนักใจอย่างไรอย่างนั้น“พี่สะใภ้รองเป็นอะไรไปหรือ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม และเอื้อมมือไปทุบที่หลังตัวเอง นางปวดเอวเจ็บหลังไปหมด“ไม่เป็นไร” พระชายาซุนกล่าวอย่างเรียบเฉย แล้วมองไปที่นาง “เอวเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? ตีหลังทำไมน่ะ?”“ไม่เป็นไร!” หยวนชิงหลิงดึงมือกลับแล้วตอบอย่างเรียบเฉยเหมือนนางพระชายาซุนยิ้มออกมา “เอาเถอะ ใครไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้บ้าง?”หยวนชิงหลิงเคอะเขิน “พี่สะใภ้รองคิดมากไปแล้ว ข้าแค่เหนื่อยเท่านั้น”“เข้
พระชายาซุนหัวเราะออกมา “แต่ว่าช่วงนี้ข้าชอบเจ้านะ ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล ถึงแม้ว่าข้าจะทำไม่ได้ แต่ได้ยินแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก”หยวนชิงหลิงรู้ว่าไม่มีทางเกลี้ยกล่อมนาง ความคิดขนถธรรมเนียมบางอย่างมันหยั่งรากฝังลึก ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืนหลังจากที่ส่งคู่สามีภรรยาอ๋องซุนกลับแล้ว อวี่เหวินห่าวก็พาหยวนชิงหลิงไปที่จวนอ๋องหวยก็เหมือนอย่างที่เคยเป็นมา ตรวจอาการจ่ายยาแล้วพูดคุยกันอยู่สักพัก แล้วจึงกลับ “พวกเราออกไปเดินซื้อของกันดีกว่า” หยวนชิงหลิงออกมาพบอ๋องหวยยังเช้าอยู่มาก และเขาเองก็แทบไม่มีเวลาว่างอยู่เป็นเพื่อนนางแบบนี้ นางมาที่นี่ก็ตั้งนานแล้ว เคยเดินถนนสายการค้าหลักนี้เพียงไม่กี่ครั้งเอง แต่กลับไม่เคยเดินซื้อของมาก่อนอวี่เหวินห่าวเองก็อารมณ์ดีมาก ทั้งสองเดินอย่างช้า ๆ ไปพร้อมกัน ลวี่หยาและซูยี่เดินตามอยู่ข้างหลังอย่างสบายอกสบายใจหยวนชิงหลิงไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเกี่ยวกับเป่ยถัง แต่ว่าเมื่อได้เห็นความคึกครื้นของเมืองหลวงแล้วนั้น เป่ยถังต้องเจริญรุ่งเรืองมากแน่นางเดินไปถามไปที่ร้านค้า ร้านขายข้าว ร้านธัญพืช ร้านขายเครื่องประดับ ร้านขายผ้าไหม โรงหมอ และก็เข้าไปด
หยวนชิงหลิงเห็นสีหน้าของอวี่เหวินห่าวเหมือนมีความไม่สบายใจอยู่นางจึงเอ่ยถาม “ท่านเป็นอะไรไป?”อวี่เหวินห่าวถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความโล่งอก แล้วจับข้อมือนาง “แค่ข้ารู้สึกว่าตัวเองไร้พลัง”เขาเป็นคนในราชวงศ์ เขาสามารถปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของราษฏรได้ แต่ว่าเขากลับไร้พลังอำนาจที่สุดหยวนชิงหลิงเข้าใจสิ่งที่เขาคิด และรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ารักเสียจริง ทางข้างหน้าเป็นเส้นทางแคบ ๆ เหมือนคอขวดบีบเข้าไป ด้านในสุดมีโรงหมอ ปากทางเข้าประตูมีคนเข้าแถวกันยาวเหยียด มีผู้ป่วยบางคนนอนอยู่บนพื้นถนน เสื้อผ้าสกปรกขาดวิ่น และมีแมลงวันบินอยู่รอบ ๆ“คนเข้าแถวมากขนาดนี้? ไม่สามารถไปโรงหมอที่อื่นได้งั้นหรือ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามซูยี่ยิ้มออกมา “พระชายา โรงหมอที่อื่นพวกเขาก็ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา”“ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา? ถ้าอย่างนั้นรัฐบาล… ราชสำนักคงมีโรงหมอที่อื่นอะไรแบบนี้?”“มีหมอชาวบ้านประจำชุมชน ” อวี่เหวินห่าวกล่าวหยวนชิงหลิงถามต่อ “งั้นที่หมอชาวบ้านเองค่ารักษาก็แพงมากหรือ?”“ในเมืองหลวงมีหมอชาวบ้านอยู่แค่สองแห่ง ถ้าคนมาต่อแถวตรวจโรค อย่างดีหน่อยก็ต้องรอสามถึงห้าเดือน หากนานกว่
“สุขภาพของท่านย่าเป็นอย่างไรบ้าง?”หยวนชิงผิงตอบ “ก็เหมือนเดิม ไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่ได้แย่ลง”“อีกสองวันข้าจะกลับไปดูนาง” หยวนชิงหลิงบอกน้องสาวของนางสองพี่น้องออกจากจวนไปขึ้นรถมา สารถีถามว่า “พระชายาจะเสด็จไปที่ใด?”หยวนชิงหลิงถามลวี่หยา “เมื่อวานพวกเราไปที่ไหนกัน?”“ถนนซิงผิงเพคะ” ลวี่หยาตอบ“งั้นก็ไปถนนซิงผิงเถอะ”สารถีตอบรับ “พ่ะย่ะค่ะ!”ล้อรถม้าบดลงแผ่นหินปูถนน และขับควบออกไปจากถนนเส้นจวนอ๋องไม่นานนัก รถม้าก็ได้หยุดลง“พระชายาถึงแล้ว พ่ะย่ะค่ะ!” สารถีพูดเมื่อถึงที่หมายหยวนชิงหลิงเปิดม่านออก เห็นว่าไม่ใช่ที่ ๆ นางอยากไป และเมื่อวานที่ได้ไปเดินที่ถนนเส้นหลักครั้งแรกมันก็ยังคงจริญรุ่งเรืองเช่นเคยหยวนชิงผิงลงจากม้าแล้วนางพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่สาว พวกเราไปเดินร้านแป้งสีชาดกันเถอะ ข้าอยากซื้อของเยอะแยะเลย”พูดจบ นางก็ยื่นมือเข้าไปคล้องแขนหยวนชิงหลิงหยวนชิงหลิงจึงเดินไปเป็นเพื่อนนางซื้อของไปก่อนนางไม่มีอะไรจะซื้อ แต่หยวนชิงผิงชอบที่นี่มาก โดยเฉพาะร้านเครื่องหอมและร้านแป้งสีชาดนางซื้อน้ำมันหอมไปหลายอย่าง ทั้งสองเดินไปดูแป้งทาหน้าและชาดทาปากเมื่อเข้าไปก็เห็นฉู่หมิ
คนอย่างหยวนชิงผิงมีที่ไหนจะให้คนตบหน้าตัวเองง่าย ๆ? แค่จงใจให้นางผลักแค่ไหล่เท่านั้น นางจึงตวาดด้วยความโกรธ “ได้ ในเมื่อเจ้ากล้าตบคน? ดูสิว่าวันนี้ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ หรือไม่” พูดแล้วนางก็ตบลงไปบนหน้าของฉู่หมิงเฝิง ตบแล้วยังตบด้วยหลังมือซ้ำลงไปอีกฉาดฉู่หมิงเฝิงถึงกับอึ้งไป ยังไม่ทันจะง้างมือโต้กลับ ก็ได้ยินเสียงพยายามข่มความโกรธของฉู่หมิงชุ่ย “หยุดนะ!”ฉู่หมิงเฝิงตกใจจนรีบถถอยหลังไป และจ้องมองหยวนชิงหลิงด้วยสายตาเคียดแค้นฉู่หมิงชุ่ยกวาดสายตามองหยวนชิงผิงอย่างเย็นชา หลังจากนั้นก็ก้มหัวต่อหน้าหยวนชิงหลิง และกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “พระชายาฉู่ ข้าและเจ้าต่างก็เป็นพี่สะใภ้ น้องสะใภ้ ยังไงเราก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน นางกล้าพูดอะไรที่ไม่น่าฟังออกมาเช่นนี้ เจ้าก็อย่าได้ถือโทษไปเลย น้องสาวผู้ต่ำต้อยของเจ้าก่อเรื่องขึ้น เจ้าในฐานะพี่สาวมิอาจนิ่งดูดายได้ จะให้สอนมันก็กะไรอยู่ หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานออกเรือนเช่นนี้ หากข่าวแพร่ออกไปแล้วช่างชวนให้คนอื่นหัวเราะขบขันเสียจริง”หยวนชิงหลิงไม่ใช่คู่มือในการทะเลาะกันครั้งนี้ แต่ว่าการพูดด้วยเหตุผลนางก็ทำได้ดีทีเดียวนางกล่าวอย่างยิ้มแ
หยวนชิงผิงท้อแท้ใจเหลือเกินกับคำพูดพี่สาวนาง “ท่านออกมาเดินซื้อของ แต่กลับไม่พกเงินมาเลยสักแดงเนี่ยนะ?”หยวนชิงหลิงมองเจ้าของร้าน “เขียนลงบัญชีไว้ก่อนได้หรือ?”“ได้สิ ได้สิเจ้าค่ะ ได้แน่นอน พระชายาฉู่ใช่หรือไม่? เท่าไหร่ก็เขียนติดบัญชีไว้ได้” เจ้าของร้านประจบสอพอ เสมือนประหนึ่งลูกค้าคือเง็กเซียนฮ่องเต้หยวนชิงผิงเลือกแป้งอย่างเพลิดเพลินมาสองตลับและซื้อหลัวจื่อไต้ที่เป็นดินสอเขียนคิ้วนำเข้ามาจากเปอร์เซียอีกแท่งหนึ่งหยวนชิงหลิงไปยังถนนคับคั่งเส้นเมื่อวานอีกครั้งเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชนนางทำอะไรไม่ได้เลย แต่เรื่องการรักษาพยาบาล ยังคงต้องมองดูก่อนว่าทำยังไงได้บ้างเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกคนล้วนต้องประสบพบเจอ การขาดแคลนและไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ จะทำให้เสถียรของสังคมขาดความมั่นคง อวี่เหวินห่าวบอกว่า พวกที่เรียนจบหมอมาแล้วก็มักจะไปเปิดโรงหมอเองทั้งสิ้น นางเองก็พูดอะไรไม่ได้ ทุ่มเทศึกษาทั้งยาและการเคี่ยวยามาตั้งหลายปี เรียนจบแล้วก็คงไม่ไปเป็นแรงานราคาถูกให้หน่วยแพทย์ชุมชมหรอกอย่าพูดถึงเรื่องจะมีคนใจดีมากแค่ไหนก่อนเลย ต้องดูแลชีวิตตัวเองกับคนรอบข้างให้ได้ซะก่อน ถึงจะไปสน