Share

บทที่ 293

Author: จูน
พระชายาซุนหัวเราะออกมา “แต่ว่าช่วงนี้ข้าชอบเจ้านะ ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล ถึงแม้ว่าข้าจะทำไม่ได้ แต่ได้ยินแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก”

หยวนชิงหลิงรู้ว่าไม่มีทางเกลี้ยกล่อมนาง ความคิดขนถธรรมเนียมบางอย่างมันหยั่งรากฝังลึก ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืน

หลังจากที่ส่งคู่สามีภรรยาอ๋องซุนกลับแล้ว อวี่เหวินห่าวก็พาหยวนชิงหลิงไปที่จวนอ๋องหวย

ก็เหมือนอย่างที่เคยเป็นมา ตรวจอาการจ่ายยาแล้วพูดคุยกันอยู่สักพัก แล้วจึงกลับ

“พวกเราออกไปเดินซื้อของกันดีกว่า” หยวนชิงหลิงออกมาพบอ๋องหวยยังเช้าอยู่มาก และเขาเองก็แทบไม่มีเวลาว่างอยู่เป็นเพื่อนนางแบบนี้ นางมาที่นี่ก็ตั้งนานแล้ว เคยเดินถนนสายการค้าหลักนี้เพียงไม่กี่ครั้งเอง แต่กลับไม่เคยเดินซื้อของมาก่อน

อวี่เหวินห่าวเองก็อารมณ์ดีมาก ทั้งสองเดินอย่างช้า ๆ ไปพร้อมกัน

ลวี่หยาและซูยี่เดินตามอยู่ข้างหลังอย่างสบายอกสบายใจ

หยวนชิงหลิงไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเกี่ยวกับเป่ยถัง แต่ว่าเมื่อได้เห็นความคึกครื้นของเมืองหลวงแล้วนั้น เป่ยถังต้องเจริญรุ่งเรืองมากแน่

นางเดินไปถามไปที่ร้านค้า ร้านขายข้าว ร้านธัญพืช ร้านขายเครื่องประดับ ร้านขายผ้าไหม โรงหมอ และก็เข้าไปด
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Ying Sukunya
ทำไมสั้นลงทุกวัน
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 294

    หยวนชิงหลิงเห็นสีหน้าของอวี่เหวินห่าวเหมือนมีความไม่สบายใจอยู่นางจึงเอ่ยถาม “ท่านเป็นอะไรไป?”อวี่เหวินห่าวถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความโล่งอก แล้วจับข้อมือนาง “แค่ข้ารู้สึกว่าตัวเองไร้พลัง”เขาเป็นคนในราชวงศ์ เขาสามารถปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของราษฏรได้ แต่ว่าเขากลับไร้พลังอำนาจที่สุดหยวนชิงหลิงเข้าใจสิ่งที่เขาคิด และรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ารักเสียจริง ทางข้างหน้าเป็นเส้นทางแคบ ๆ เหมือนคอขวดบีบเข้าไป ด้านในสุดมีโรงหมอ ปากทางเข้าประตูมีคนเข้าแถวกันยาวเหยียด มีผู้ป่วยบางคนนอนอยู่บนพื้นถนน เสื้อผ้าสกปรกขาดวิ่น และมีแมลงวันบินอยู่รอบ ๆ“คนเข้าแถวมากขนาดนี้? ไม่สามารถไปโรงหมอที่อื่นได้งั้นหรือ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามซูยี่ยิ้มออกมา “พระชายา โรงหมอที่อื่นพวกเขาก็ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา”“ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา? ถ้าอย่างนั้นรัฐบาล… ราชสำนักคงมีโรงหมอที่อื่นอะไรแบบนี้?”“มีหมอชาวบ้านประจำชุมชน ” อวี่เหวินห่าวกล่าวหยวนชิงหลิงถามต่อ “งั้นที่หมอชาวบ้านเองค่ารักษาก็แพงมากหรือ?”“ในเมืองหลวงมีหมอชาวบ้านอยู่แค่สองแห่ง ถ้าคนมาต่อแถวตรวจโรค อย่างดีหน่อยก็ต้องรอสามถึงห้าเดือน หากนานกว่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 295

    “สุขภาพของท่านย่าเป็นอย่างไรบ้าง?”หยวนชิงผิงตอบ “ก็เหมือนเดิม ไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่ได้แย่ลง”“อีกสองวันข้าจะกลับไปดูนาง” หยวนชิงหลิงบอกน้องสาวของนางสองพี่น้องออกจากจวนไปขึ้นรถมา สารถีถามว่า “พระชายาจะเสด็จไปที่ใด?”หยวนชิงหลิงถามลวี่หยา “เมื่อวานพวกเราไปที่ไหนกัน?”“ถนนซิงผิงเพคะ” ลวี่หยาตอบ“งั้นก็ไปถนนซิงผิงเถอะ”สารถีตอบรับ “พ่ะย่ะค่ะ!”ล้อรถม้าบดลงแผ่นหินปูถนน และขับควบออกไปจากถนนเส้นจวนอ๋องไม่นานนัก รถม้าก็ได้หยุดลง“พระชายาถึงแล้ว พ่ะย่ะค่ะ!” สารถีพูดเมื่อถึงที่หมายหยวนชิงหลิงเปิดม่านออก เห็นว่าไม่ใช่ที่ ๆ นางอยากไป และเมื่อวานที่ได้ไปเดินที่ถนนเส้นหลักครั้งแรกมันก็ยังคงจริญรุ่งเรืองเช่นเคยหยวนชิงผิงลงจากม้าแล้วนางพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่สาว พวกเราไปเดินร้านแป้งสีชาดกันเถอะ ข้าอยากซื้อของเยอะแยะเลย”พูดจบ นางก็ยื่นมือเข้าไปคล้องแขนหยวนชิงหลิงหยวนชิงหลิงจึงเดินไปเป็นเพื่อนนางซื้อของไปก่อนนางไม่มีอะไรจะซื้อ แต่หยวนชิงผิงชอบที่นี่มาก โดยเฉพาะร้านเครื่องหอมและร้านแป้งสีชาดนางซื้อน้ำมันหอมไปหลายอย่าง ทั้งสองเดินไปดูแป้งทาหน้าและชาดทาปากเมื่อเข้าไปก็เห็นฉู่หมิ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 296

    คนอย่างหยวนชิงผิงมีที่ไหนจะให้คนตบหน้าตัวเองง่าย ๆ? แค่จงใจให้นางผลักแค่ไหล่เท่านั้น นางจึงตวาดด้วยความโกรธ “ได้ ในเมื่อเจ้ากล้าตบคน? ดูสิว่าวันนี้ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ หรือไม่” พูดแล้วนางก็ตบลงไปบนหน้าของฉู่หมิงเฝิง ตบแล้วยังตบด้วยหลังมือซ้ำลงไปอีกฉาดฉู่หมิงเฝิงถึงกับอึ้งไป ยังไม่ทันจะง้างมือโต้กลับ ก็ได้ยินเสียงพยายามข่มความโกรธของฉู่หมิงชุ่ย “หยุดนะ!”ฉู่หมิงเฝิงตกใจจนรีบถถอยหลังไป และจ้องมองหยวนชิงหลิงด้วยสายตาเคียดแค้นฉู่หมิงชุ่ยกวาดสายตามองหยวนชิงผิงอย่างเย็นชา หลังจากนั้นก็ก้มหัวต่อหน้าหยวนชิงหลิง และกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “พระชายาฉู่ ข้าและเจ้าต่างก็เป็นพี่สะใภ้ น้องสะใภ้ ยังไงเราก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน นางกล้าพูดอะไรที่ไม่น่าฟังออกมาเช่นนี้ เจ้าก็อย่าได้ถือโทษไปเลย น้องสาวผู้ต่ำต้อยของเจ้าก่อเรื่องขึ้น เจ้าในฐานะพี่สาวมิอาจนิ่งดูดายได้ จะให้สอนมันก็กะไรอยู่ หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานออกเรือนเช่นนี้ หากข่าวแพร่ออกไปแล้วช่างชวนให้คนอื่นหัวเราะขบขันเสียจริง”หยวนชิงหลิงไม่ใช่คู่มือในการทะเลาะกันครั้งนี้ แต่ว่าการพูดด้วยเหตุผลนางก็ทำได้ดีทีเดียวนางกล่าวอย่างยิ้มแ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 297

    หยวนชิงผิงท้อแท้ใจเหลือเกินกับคำพูดพี่สาวนาง “ท่านออกมาเดินซื้อของ แต่กลับไม่พกเงินมาเลยสักแดงเนี่ยนะ?”หยวนชิงหลิงมองเจ้าของร้าน “เขียนลงบัญชีไว้ก่อนได้หรือ?”“ได้สิ ได้สิเจ้าค่ะ ได้แน่นอน พระชายาฉู่ใช่หรือไม่? เท่าไหร่ก็เขียนติดบัญชีไว้ได้” เจ้าของร้านประจบสอพอ เสมือนประหนึ่งลูกค้าคือเง็กเซียนฮ่องเต้หยวนชิงผิงเลือกแป้งอย่างเพลิดเพลินมาสองตลับและซื้อหลัวจื่อไต้ที่เป็นดินสอเขียนคิ้วนำเข้ามาจากเปอร์เซียอีกแท่งหนึ่งหยวนชิงหลิงไปยังถนนคับคั่งเส้นเมื่อวานอีกครั้งเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชนนางทำอะไรไม่ได้เลย แต่เรื่องการรักษาพยาบาล ยังคงต้องมองดูก่อนว่าทำยังไงได้บ้างเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกคนล้วนต้องประสบพบเจอ การขาดแคลนและไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ จะทำให้เสถียรของสังคมขาดความมั่นคง อวี่เหวินห่าวบอกว่า พวกที่เรียนจบหมอมาแล้วก็มักจะไปเปิดโรงหมอเองทั้งสิ้น นางเองก็พูดอะไรไม่ได้ ทุ่มเทศึกษาทั้งยาและการเคี่ยวยามาตั้งหลายปี เรียนจบแล้วก็คงไม่ไปเป็นแรงานราคาถูกให้หน่วยแพทย์ชุมชมหรอกอย่าพูดถึงเรื่องจะมีคนใจดีมากแค่ไหนก่อนเลย ต้องดูแลชีวิตตัวเองกับคนรอบข้างให้ได้ซะก่อน ถึงจะไปสน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 298

    หยวนชิงผิงพบว่านางไม่รู้อะไรเลยแบบนี้ จึงอธิบายเรื่องราวในช่วงนี้ให้นางฟัง “พรุ่งนี้ฉู่หมิงชุ่ยได้เปิดโรงทานต้มโจ๊กที่นอกเมือง เพื่อช่วยเหลือจุนเจือขอทานในเมืองนี้ และเมื่อสองวันก่อน พระชายาจี้ที่ยังป่วยอยู่ไปอธิษฐานที่วัดชิงฮว๋าเพื่อประชาชนผู้ประสบอุทกภัย นางคุกเข่าอธิษฐานขอพรทั้งคืนเลย”หยวนชิงหลิงถามเปิดหูเปิดตากับเรื่องนี้ต่อ “พระชายาจี้ที่ยังป่วยอยู่แบบนี้ไปอธิษฐาน? คุกเข่าทั้งคืนแบบนี้ ไม่กลัวว่าอาการป่วยจะทรุดลงงั้นหรือ?”“ใช่แล้ว ได้ยินมาว่าอาการป่วยหนักขึ้น ฝ่าบาททรงพระราชทานโอสถให้ด้วย” ทันใดนั้นหยวนชิงผิงมองนางด้วยความประหลาดใจ “ไม่ถูกสิ ข่าวพวกนี้ในฐานะพระชายาฉู่ของท่าน ท่านไม่รู้อะไรเลยรึไง? ข่าวพวกนี้ขนาดข้ายังรู้เลย”หยวนชิงหลิงยิ้มออกมาอย่างขมชื่น “ข้าไม่รู้อะไรเลยสักนิดเหมือนกบในกะลาไม่มีผิด”นางไม่รู้เรื่องการเกิดอุทกภัยด้วยซ้ำนางอดกลั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามออกไป “เกิดอุทกภัยที่ไหน?”“ใครจะไปรู้ล่ะ ได้ยินมาว่าเมืองเล็ก ๆ แถวชายแดน””กลับไปแล้วข้าจะไปถามอวี่เหวินห่าว” หยวนชิงหลิงพูดหยวนชิงหลิงมองนางแล้วเลิกคิ้วขึ้นมา “ท่านเรียกท่านอ๋องด้วยชื่อตรง ๆ แบบนี้เหรอ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 299

    หยวนชิงหลิงยิ้ม “ไม่เกี่ยวกัน แต่ว่าถ้าทำให้ผลดีแก่ราษฎร มันก็ควรค่าที่จะยินดีกับเรื่องนี้ไหม?”“ไม่รู้ว่าควรค่าหรือไม่ แต่ไม่ใช่ข้าที่ได้รับประโยชน์” หยวนชิงผิงไม่ได้เจตนาพูดโต้เถียง แต่ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมนางถึงคิดเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีแบบนี้หยวนชิงหลิงพูด “เพราะว่านี่ก็เป็นชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร”หยวนชิงผิงไม่เข้าใจ แต่ตอนที่มองนาง กลับมีดวงตาประหลาดปรากฏขึ้นมาหลายส่วน “ท่านอยากเป็นพระชายาองค์รัชทายาทจริง ๆ หรือ ท่านคิดเรื่องพวกนี้ไปทําไม?”หยวนชิงหลิงเผลอตัวหัวเราะออกมาเรื่องการเป็นพระชายาองค์รัชทายาทไม่แน่ว่าบางทีนางอาจไม่ต้องการถ้าอวี่เหวินห่าวเป็นองค์รัชทายาท นางเองก็ต้องเป็นพระชายาองค์รัชทายาทถ้าอวี่เหวินห่าวไม่เป็นหรือไม่มีใจใฝ่ที่จะเป็นรัชทายาท ตำแหน่งพระชายาองค์รัชทายาท ก็ไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจนางเลยสักนิดวันรุ่งขึ้น สองพี่สาวน้องสาวออกไปที่นอกเมืองด้วยกันที่นอกเมืองมีลานโล่งกว้างขนาดใหญ่อยู่แห่งนึง ตอนนี้ได้ตั้งกระโจมอย่างเรียบง่ายขึ้นมา และมีการตั้งเตามีหม้อขนาดใหญ่อยู่สองสามใบ ด้านล่างมีไฟที่โหมแรงเผาไหม้อยู่ ข้าวในหม้อเหล็กเดือดปุด ๆ ส่งกลิ่นหอมฉุยโชยไ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 300

    ฉู่หมิงชุ่ยไม่ทันเห็นสองพี่น้องหยวนชิงหลิงที่ยืนอยู่หน้าประตูเมือง นางถูกประคองโดนสาวรับใช้และหญิงชราข้างหน้า และยังไม่ทันได้แจกจ่ายโจ๊กทันที หญิงชราคนนั้นก้าวไปข้างหน้าคนที่ยืนต่อแถวรอแจกโจ๊กและพูดป่าวประกาศ “ทุก ๆ ท่านอย่าได้กังวลไป อีกสักครู่ก็จะแจกโจ๊กให้ทุกคน พระชายาฉียังรับสั่งให้คนเตรียมซาลาเปาไส้เนื้อจะส่งมาทีหลัง ซึ่งจะแจกจ่ายไปด้วยกันกับโจ๊ก”เมื่อได้ยินว่าจะมีซาลาเปาให้กิน มีเสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความยินดีจากเบื้องล่าง ความร้อนร้นเมื่อครู่ได้อันตธานหายไปหมดรออีกครู่เดียว ก็พบรถม้าค่อย ๆ เข้ามาอย่างช้า ๆฮูหยินผู้สูงศักดิ์หลายท่านได้ถูกประคองลงจากรถม้า และยังมีสาวน้อยอีกหลายคน ต่างก็มาที่โรงแจกโจ๊กด้านใน มาทักทายฉู่หมิงชุ่ยนอกจากฉู่หมิงหยางและฉู่หมิงเฝิง คนอื่น ๆ พวกนั้นหยวนชิงหลิงไม่รู้จักเลย จึงหันกลับมาหา ลวี่หยา “คนพวกนั้นคือใครกัน?”ลวี่หยามองอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “นอกจากฮูหยินที่สวนชุดผ้าไหมสีเหลืองลูกแพรท่านนั้น คนอื่น ๆ บ่าวล้วนไม่รู้จักเพคะ?”“งั้นฮูหยินที่สวนชุดผ้าไหมสีเหลืองลูกแพรคนนั้นคือใคร?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม“มารดาของพระชายาฉี ฮูหยินใหญ่ฉู่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 301

    หยวนชิงผิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่หมิงหยาง สายตาของทั้งคู่สบตากันไม่กี่วินาที หยวนชิงผิงรู้สึกพ่ายแพ้ยับเยิน จึงรีบละสายตาออกและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “คนตระกูลฉู่ไม่มีคนดีสักคน”เป็นธรรมชาติที่ตระกูลฉู่ไม่มีคนดีสักคน แต่ว่านี่ไม่ใช่เหตุผลที่หยวนชิงผิงเกลียดฉู่หมิงหยางนางเกลียดฉู่หมิงหยาง เพราะนางไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา ยโสโอหังเป็นอย่างยิ่งและเห็นได้ชัดว่านางเป็นแบบนี้มาแต่ต้นอยู่แล้วหยวนชิงผิงไม่อยากยอมรับว่านางอิจฉาความเย่อหยิ่งจองหองของฉู่หมิงหยางซาลาเปาได้นำมาส่งแล้วคนครัวผู้คุมไฟได้ตะโกนเสียงดังออกมา “จะเริ่มแจกโจ๊กแล้ว ทุกคนโปรดเข้าแถวตามลำดับให้เป็นระเบียบด้วย”ไม่มีคนเข้าแถวเลยด้วยซ้ำคนรีบพุ่งไปที่ข้างหน้า เป้าหมายเดียวที่ล้วนถูกจับจ้องคือ ซาลาเปาไส้เนื้อที่พึ่งนึ่งสดใหม่ร้อน ๆ ส่งมาที่นี่ซาลาเปาร้อนกรุ่นด้วยไอน้ำส่งกลิ่นเนื้อหอมฉุย คนที่มารอแต่เช้าจนถึงตอนเที่ยง พวกเขาล้วนหิวจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว จะมาสนเรื่องเข้าแถวที่ไหนกันอีก? แค่รีบหยิบซาลาเปาพวกนั้นมาสนองความอยากของหัวใจ ตับ ไต ไส้พุง สักสองสามลูกเท่านั้นเมื่อฉู่หมิงชุ่ยพบว่าคนพวกนั้นไม่สนใจฟังหัวหน้าพ่อครัว น

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status