หยวน ชิงหลิงเดินตัวลอย ๆ ปากก็บ่นงึมงัมไป “ลากข้าออกไปอีกแล้วเหรอ? ทำไมช่วงนี้ข้าโชคร้ายขนาดนี้? มาที่นี้ ก็โดนคนทำเหมือนข้าเป็นนักโทษ พวกเจ้ามาขอให้ข้าช่วยอีก”“เพคะ เพคะ!” ทั้งสองคนตอบรับอย่างเดียว ในใจรู้สึกสงสัยเหลือเกิน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมพระชายาถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมฉางกงกงให้นางดื่มมากขนาดนี้?ออกไปรับลมข้างนอกแล้ว หยวน ชิงหลิงไม่รู้สึกสบายขึ้นเลย แถมรู้สึกยิ่งโดนลมยิ่งเวียนหัว แต่ในใจกลับยิ่งรู้สึกฟุ้งซ่านมากขึ้นเรื่อย ๆในใจของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ ความโกรธทำให้เธอทุกข์กายทุกข์ใจ ทำไมไม่มีอะไรได้ดั่งใจสักอย่าง? อวี่ เหวินห่าวปฏิเสธเรื่องแต่งงานตัวเองก็พูดเองสิ ทำไมต้องเอาข้ามาเป็นโล่ด้วย? เห็นว่าจะรังแกกันได้ง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ? ตอนนี้มีคนไม่น้อยจ้องจะเล่นงานเธอ เหมือนหัวเธอผูกไว้กับเข็มขัด รอแค่ว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาลากดึงไปช่างต้อยต่ำ ช่างต้อยไร้ค่า บัดซบสิ้นดี เธอท่องประโยคเหล่านี้ วน ๆ ซ้ำ ๆ ถ้าเธอจะตาย ยังไงก็ต้องฆ่าตัวต้นเหตุให้ได้ด้วยแรงจูงใจนี้ เธอจึงดึงดันจะเข้าไปในห้องครัวให้จงได้ ทั้งสองคนที่หิ้วพาอีกคนนึงเข้ามาอย่างทุลักทุเล เมื่อหันมาลวี่หยาตกใจแทบแย่ “พระ
ถังหยางเห็นนางถือมีดมาแบบนี้ ใจเขาสั่นเทาไปด้วยความตกใจกลัว เขากำลังจะอ้าปากพูด อวี่ เหวินห่าว ยืนขึ้นมาช้า ๆ มือค้ำโต๊ะไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “พวกเจ้าออกไปก่อน พระชายาตามหาข้า” กู้ซือมองไปทาง อวี่ เหวินห่าว “แน่ใจนะพ่ะย่ะค่ะ?”“ไปเถอะ” อวี่ เหวินห่าวตอบกลับกู้ซือพยักหน้าแล้วหันไปพูดกับ ถังหยาง “ไปกันเถอะ”ถังหยางกังวลใจเป็นอย่างมาก กู้ซือเพิ่งมาบอกว่าพระชายากินเหล้าเมาแล้วพากลับมา ตอนนี้ก็ถือมีดเข้ามาแบบไม่ให้ตั้งตัวสักนิดผู้หญิงเมาอาละวาดแบบนี้อันตรายมาก ท่านอ๋องเองก็ยังไม่ฟื้นตัวดีแต่แค่แย่งมีดมาคงไม่มีปัญหา เขากับกู้ซือจึงออกไปด้วยกัน“ปิดประตูซะ!” หยวน ชิงหลิงถือมีดแล้วสั่งอย่างเย็นชาถังหยางมองไปทาง อวี่ เหวินห่าว อวี่ เหวินห่าวบอกว่า “ฟังพระชายาเถอะ นางมีอาวุธที่น่าทึ่งที่สุดอยู่”ปิดประตูแล้ว ในห้องเงียบสงัด หยวน ชิงหลิงหายใจหอบจนหน้าอกขึ้นลงด้วยความวิตกกังวล อวี่ เหวินห่าวมองหน้านาง บนใบหน้าไม่มีความโกรธเลยสักนิด“ท่านเย้ยหยันข้า” หยวน ชิงหลิงที่เพิ่งได้ยินพูดของเขาเมื่อกี้ก็รู้สึกโกรธมาก นางมีอาวุธเจ๋งแค่ไหนแล้วไง? นางรู้ ต่อให้นางมีปืนกลอยู่ต่อหน้าเขา นางก็อ่อนแอก
“ได้ๆ ข้าจะถอยไป” อวี่ เหวินห่าวถอยหลังอย่างช้า ๆ ถอยไปถึงด้านเตียงข้างจริง ๆ ถึงนั่งลงบนเตียง หยวน ชิงหลิงเดินโซซัดโซเซไปที่โต๊ะข้างหน้า มองม้านั่งแล้วก็หย่อนก้นนั่งลงไป นั่งได้ไม่เท่าไหร่ กลิ้งตกเก้าอี้ลงมา เก้าอี้พลิกคว่ำล้มอยู่ตรงเข่าของเธอเธอเตะมันออกไปด้วยความโมโห ค่อยเรียกท่าทีดุดันกลับมาได้ มีดอีโต้นี้ก็หนักซะเหลือเกิน ข้อมือเจ็บจะแย่อยู่แล้ว ไม่มีแรงจะถืออีก เสียงมีดตกลง กระเด้งไปกับพื้น มือของเธอที่ลูบใบมีดที่มีเลือดเปื้อนกระเซ็นเธอนั่งลงกับพื้นอยู่สองนาที คิดถึงตัวเองที่เอามีดอีโต้จะมาทำร้ายคน สุดท้ายคนที่เจ็บมีแต่เธอคนเดียว ความโกรธที่อัดแน่นแปรเปลี่ยนเป็นความโศกเศร้าเสียใจ เธอสูดปากแล้วร้องไห้เสียงดังออกมา อวี่ เหวินห่าวเห็นนางนั่งร้องไห้เสียงดังกับพื้นแบบไม่รักษาอากัปกริยา เหมือนเด็กถูกรังแก ในใจก็รู้สึกเหมือนจี้ใจดำตัวเอง นางเอามือเปื้อนเลือดนั้นปาดน้ำตาออกคราบเลือดที่เปื้อนบนใบหน้า เขารู้สึกทำตัวไม่ถูกเหมือนหมาป่าที่พ่ายแพ้ เขาเดินเข้าไปอย่างเงียบ ๆ หยิบผ้าก๊อชที่เหลือมาช่วยนางทำแผล อวี่ เหวินห่าวถอนหายใจเบา ๆ “ข้าผิดเอง ดีไหม? อย่าร้องไห้เลย ที่เป็นอยู่ก็ขี้
หยวน ชิงหลิงทั้งตีทั้งกัดจนเริ่มหายโกรธไปบ้างแล้ว เธอเวียนหัวมากจริง ๆ สายตาก็สั่นจนจับโฟกัสไม่ได้ เธอจึงหมดสติบนร่างของ อวี่ เหวินห่าวด้วยความเวียนหัวอวี่ เหวินห่าวพบว่าจู่ ๆ นางก็หยุดขยับเขยือนไป อวี่ เหวินห่าวเลยเขย่านาง “นี่!”หยวน ชิงหลิงพึมพัมเบา ๆ หัวเธอซบบนไหล่ของเขา บ่นเสียงเบาว่า “ข้าอยากกลับบ้าน หลับคราวนี้คงได้กลับบ้านแล้ว” อวี่ เหวินห่าวรู้สึกเคืองขึ้นมา เมาอาละวาดจนนอนหลับไปแล้ว กลับบ้านเหรอ? ได้สิ พรุ่งนี้จะพากลับบ้าน แต่ก็แปลกจริง ๆ จวนจิ้งโฮ่วเลวร้ายขนาดนั้น มีอะไรให้น่าคิดถึง?เขาผลักนางออกไปแล้วลุกขึ้น เห็นนางนอนอยู่บนพื้นเย็น ๆ แบบนั้นแล้วขดตัวให้อุ่น อวี่ เหวินห่าวแม้ว่าจะโกรธ แต่ก็อดรู้สึกเห็นใจไม่ได้เขาจึงค่อย ๆ ก้มลงไปอุ้มนางขึ้นมา ตัวนางไม่ได้หนักสักเท่าไหร่ ถึงอาการบาดเจ็บจะยังสาหัส แต่อุ้มนางขึ้นมาแบบนี้ไม่รู้สึกยากลำบากเลยสักนิดอุ้มนางไปไว้บนเตียง คิดแล้วคิดอีก แต่ก็ยังห่มผ้าห่มให้ มองดูใบหน้าที่เคยโกรธจัดจนเป็นสีแดงก่ำของนาง เขาส่ายหน้าเบา ๆ “เป็นหญิงบ้าจริง ๆ”เขาลุกขึ้นมาไปเปิดประตู กู้ซือ, ถังหยางและสวี่อีรีบเข้ามา โผล่หัวเข้าไปมองในห้อง“ไม่
“เพราะเหตุใดกัน?” กู้ซือไม่เข้าใจเลย ถ้าแต่งกับคุณหนูรองตระกูลฉู่ ถึงจะไม่ได้ช่วยสนับสนุน แต่ก็อาจจะไม่ลงมือกันได้ อย่างน้อยศัตรูที่แข็งแกร่งหายไปหนึ่ง และที่สำคัญเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยแววตาของ อวี่ เหวินห่าวดูเย็นลง “ข้าไม่เคยคิดอยากแต่งงานกับฉู่หมิงหยาง” “นาง...ได้ยินมาว่าเติบโตมาคล้ายพระชายาฉีมาก” กู้ซือพูดเสียงเบาและมองไปที่เขาดวงตาของ อวี่ เหวินห่าวมีประกายเล็กน้อย “โตมาเหมือนแล้วยังไง? สุดท้ายก็ไม่ใช่นาง”กู้ซืออดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “ถึงเป็นนาง ก็แต่งไม่ได้อยู่ดี”อวี่ เหวินห่าวเงียบไปสองสามวินาทีและค่อย ๆ หันไปมองกู้ซืออย่างช้า ๆ “เจ้าจุ้นจ้านเกินไปแล้ว”กู้ซือส่ายหัว “กระหม่อมจุ้นจ้าน ก็เพราะมีเจตนาดี การคิดถึงคนที่ไม่ควรคิดถึง มันจะทำให้ท่านเสี่ยงอันตรายได้ อีกทั้งยังจะทำร้ายความรู้สึกระหว่างท่านกับท่านอ๋องฉีอีกด้วย” ถังหยางอยากจะตบมือยกย่องชมเชยให้กู้ซือมาก ๆ แต่พอเห็นสีหน้าของท่านอ๋องฉู่ดำเข้มเสียขนาดนั้น เขาต้องอดกลั้นไว้“โปรดปล่อยวางตัวท่านเองด้วย!” กู้ซือกล่าวอวี่ เหวินห่าวไม่พูดไม่จา สีหน้าก็ดูไม่สู้ดีกู้ซือรู้ว่าคงไม่อาจกล่าวอะไรได้อีก เลยลุกขึ้
มีของสองสิ่งอยู่ในกระเป๋าแขนเสื้อกล่องไม้ใบเล็กใบหนึ่งที่ทำขึ้นอย่างประณีต เขาเคยเห็นมันมาก่อนแล้ว แต่ตอนที่เขาเห็นกล่องไม่ได้ใบเล็กขนาดนี้นอกจากนี้ยังมีกระดาษอีกหนึ่งใบ กระดาษแผ่นนั้นพับมีลายพิมพ์ตรานกกระเรียน เขาเลยเปิดดู พบว่าเป็นตั๋วเงินที่เสด็จพ่อพระราชทานให้นางจำนวนสองพันตำลึงทอง พร้อมตราประทับขนาดใหญ่ด้านล่างในใจของเขารู้สึกยุ่งยาก ผู้หญิงคนนั้นที่ใคร ๆ ต่างก็เมิน ทำให้ใคร ๆ ก็เกลียดเช่นนั้น ทำไมทำให้เสด็จพ่อและเสด็จปู่รักใคร่เอ็นดูถึงเพียงนี้?เขาค่อย ๆ เปิดกล่องอย่างระมัดระวัง มีปุ่มเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ เขากดมันลงไป ได้ยินเสียงปลดสลักเสียงเบาดังกริ้ก ด้านในว่างเปล่า ไม่มีอะไรแปลกประหลาด น่าจะมีอะไรอยู่ในกล่องใบนี้ นางบอกว่าคือยาและนางหยิบเข็มฉีดยาจากในกล่องนี้ด้วย หรือว่าใช้หมดแล้ว?ใช้หมดแล้วก็ดี ทีหลังจะได้มาจับเขาฉีดไม่ได้อีกแต่ทว่านางซ่อนมันทำราวกับกล่องใบนี้เป็นสมบัติล้ำค่า ต้องซ่อนเอาไว้ หากนางเมาอาละวาดอีกคงเอามีดไล่ฟันคนอีกครั้งแน่ เขาจึงหยิบกล่องนั้นขึ้นมา รีบยัดมันไว้ข้างล่างเตียงหลังจากนั้นเขาก็ตกใจเป็นอย่างมากทันทีที่เจ้ากล่องนี้แตะพื้นมันก็ใหญ่ขึ้นแม้
อวี่ เหวินห่าวพูดตอบอย่างเฉยชาว่า “ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เจ้าก็ลองเอากล่องนี้เข้าวัง ข้าจะดูว่าหัวของเจ้าจะวางบนคอเจ้าได้อย่างปลอดภัยไหม?”ที่จริงแล้ว หยวน ชิงหลิงไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นพระชายาในยุคสมัยโบราณ จะเป็นงานที่อันตรายเช่นนี้ ในประวัติศาสตร์ พวกพระชายาทั้งหลายไม่ใช่ว่าใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขร่ำรวยหรือ? ทำไมเธอช่างน่าอเนจอนาถถึงเพียงนี้?ย้อนอดีตมาไม่ถึงครึ่งเดือน เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้าให้มันรู้แล้วรู้รอดอย่างไรเสีย เมื่อนึกถึงความตาย ชั่วขณะเดียวนั้นในใจเธอก็รู้สึกท้อแท้ขึ้นมา เธอยกกล่องยาขึ้น กล่องยาหดจนเหลือขนาดเล็กเธอเก็บกล่องนั้นใส่แขนเสื้อ แล้วเงยหน้ามอง “ข้ายอมหักไม่ยอมงอ ภายหลังถ้าท่านรังแกข้า ข้าจะบีบท่านให้ตายเลย”กล่องยาที่เล็กลงนั้นทำให้ อวี่ เหวินห่าวตกใจอีกครั้ง เขาสัมผัสคำพูดของนางดูเย่อหยิ่ง รู้สึกไม่ค่อยน่าโกรธ “เจ้าเอามีดหั่นผักมาไล่ฟันคนอื่น ฟันคนอื่นก็ไม่ได้ ยังกล้ามาขู่ข้า? เจ้านี่หน้าไม่อายเลยหรือ?”“ไม่อาย ข้ามีอะไรต้องอายอีก หน้าไม่อาย ไร้อารยะ ไร้ศีลธรรม สรุปคือถ้าข้าตายหัวหลุดจากบ่า ท่านเองต้องเป็นคนแรกที่จะซวยก่อนใคร” อวี่ เหวินห่าวรู้ส
แน่นอนว่า หยวน ชิงหลิงไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ แต่ก็คิดว่าเขาเองก็ไม่ได้ไร้จริยธรรมไปซะทีเดียว มองดูจากรูปการณ์แล้ว เขาแต่งกับฉู่หมิงหยางก็ไม่ได้ทำให้เขาเสียหาย แต่เขาเอง ก็ไม่ได้อยากทำลายทั้งชั่วชีวิตของฉู่หมิงหยางไป ดังนั้นถือว่าเหมือนสละอำนาจวาสนาที่ยิ่งใหญ่ทิ้งในตอนนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นผู้ชายเลวร้าย แต่ก็เป็นผู้ชายที่ชอบใช้ความรุนแรงในบ้าน “หายกัน ตกลงไหม?” อวี่ เหวินห่าวมอง หยวน ชิงหลิงแล้วถามนางน้ำเสียงของเขาให้ความรู้สึกดีมาก ไม่มีการแสดงอำนาจยกตนข่มกัน หยวน ชิงหลิงมองไปที่ อวี่ เหวินห่าวด้วยความจริงใจเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยศัตรูรอบด้าน ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องสู้รบกับ อวี่ เหวินห่าวอีก เธอจับหน้าตัวเองตั้งสติปรับสายตามอง อวี่ เหวินห่าวชัดแล้วพูดกับเขาอย่างจริงจังว่า “คืนดีก็ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไข”“ว่ามา!” อวี่ เหวินห่าวพูดออกมาอย่างง่าย ๆ สบาย ๆ“ข้อแรก อย่าลงไม้ลงมือทำร้ายข้า”“ตกลง!”“ข้อสอง อย่าเอาข้าไปเป็นโล่รับหน้าเรื่องการแต่งสนมอีก ถ้าเรื่องนี้ทางนั้นยังคงต้องการ”อวี่ เหวินห่าวคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตกลง!”“ข้อสาม อย่ามาก้าวก่ายในอิสระของข้า”“นั่นมันก็ได้” เขาเองก