Share

บทที่ 10

Author: จูน
last update Last Updated: 2021-07-08 11:00:46
หลังจากทำแผลเสร็จแล้ว เธอเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด เธอเอนกายพักผ่อน เธอรู้ตัวเองดีกว่ากระทำของตัวเองไม่ได้น่าภูมิใจมากนัก แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมันอีกแล้ว

พักอยู่ครู่หนึ่ง ได้ยินเสียงแม่นมฉีบ่นด้วยความกังวลใจ “พระชายา เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”

หยวน ชิงหลิง ดันตัวเองขึ้นจากโต๊ะอย่างช้า ๆ แล้วยืนให้เรียบร้อย ก่อนเรียกแม่นมฉี “เข้ามาเถอะ”

เสียงผลักประตูดังขึ้น แม่นมฉีกับลวี่หยาเมา ทั้งสองคนรีบวิ่งไปดูฮั่วเกอเอ๋อร์ พบว่าลมหายใจสม่ำเสมอดี แม่นมฉีจึงถอนหายใจได้อย่างโล่งอก

หยวน ชิงหลิง ยกกล่องยาขึ้นแล้วพกกับทั้งคู้ว่า “เรื่องในคืนนี้ พวกเจ้าทั้งสองจงเก็บเป็นความลับ อย่าได้บอกอ๋องฉู่หรือคนในจวนแม้แต่คนเดียว”

แม่นมฉีและลวี่หยามองหน้ากันและคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย

ลวี่หยาเข้าไปพยุง หยวน ชิงหลิง “พระชายา หม่อมฉันพยุงพระองค์กลับไปนะเพคะ”

“ไม่เป็นไร เจ้าเฝ้าเขาเถอะ ที่หัวเตียงข้าวางยาเอาไว้ สองชั่วยามให้เขากินหนึ่งครั้ง ถ้ากินหมดแล้ว ค่อยมาหาข้า” หยวน ชิงหลิง ปล่อยมือลวี่หยาแล้วเดินออกไปข้างนอกอย่างยากลำบาก

“พระชายาเพคะ!” จริง ๆ แล้วนางอยากพูดขอบคุณสักคำ แต่พอนึกเรื่องเมื่อก่อนที่ หยวน ชิงหลิง เคยก่อมา จึงไม่อาจเอ่ยคำขอบคุณออกมาได้ จึงทำแค่พูดอีกเล็กน้อย “ทางเดินตอนยามค่ำคืนมันมืด ถือตะเกียงกลับไปเถอะเพคะ”

นางถือตะเกียงไปให้ หยวน ชิงหลิง ยื่นมือไปรับมา “ขอบคุณ!”

แม่นมฉีตกใจ!

ขอบคุณ? นางพูดว่าขอบคุณ?

หยวน ชิงหลิง กลับถึงตำหนักเฝิงอี๋ ฉีดยาให้ตัวเองสักเข็มและพักผ่อนบนเตียง

อาการบาดเจ็บของนางแม้จะยังไม่อักเสบ แต่บาดแผลที่ได้รับเป็นบริเวณกว้างบวกกับผลของยาปฏิชีวนะ ทำให้เธออ่อนล้ามาก

หลังจากเธอไข้ขึ้นสูง เรี่ยวแรงทั้งหมดได้หายไป เธอขดตัวพักผ่อนเป็นก้อนกลม อ่อนล้าจนลืมตาแทบไม่ขึ้น

ไม่นาน ความมืดที่คืบคลานเข้ามาเธอก็ผล็อยหลับไปในที่สุด

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เธอได้ยินเสียงผลักกประตูเข้ามาได้ยินเสียงพูดอย่างเร่งรีบ “พระชายา รีบตื่นเถอะเพคะ”

หยวน ชิงหลิง ลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก มองเห็นลวี่หยามองดูด้วยความเป็นห่วง มองดูแล้ว ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาเที่ยงแล้ว

เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นมา “ฮั่วเกอเอ๋อร์ไข้ขึ้นอีกแล้วหรือ?”

“ไม่ใช่เพคะ พระองค์รีบตื่นเถถอะเพคะ คนจากในวังหลวงเชิญพระองค์กับท่านอ๋องเข้าวัง” ลวี่หยามองแผลที่หลังของนางแล้วตื่นตระหนก “แต่... ตอนนี้พระองค์ทรงเดินได้ไหมเพคะ?”

“ในวังหลวงเกิดเรื่องขึ้นรึ?” หยวน ชิงหลิง นอนหลับได้ตื่นหนึ่งแต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกดีขขึ้นมากสักเท่าไหร่ รู้สึกเวียนหัวไปหมด บาดแผลก็ไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นและยังไม่ได้ฉีดยาทำให้อาการเริ่มหนัก ตอนนี้ก็เริ่มเกิดการอักเสบแล้ว

ลวี่หยาพูดเสียงต่ำ “ได้ยินว่าอาการประชวรของไท่ซ่านหวงดูท่าไม่ค่อยดีแล้ว”

หยวน ชิงหลิงเริ่มนึกถึงความทรงจำของผู้หญิงคนนี้ ไท่ซ่านหวง?

จักรพรรดิองค์ปัจจุบันคือจักรพรรดิ์หมิงหยวน ในช่วงเวลานั้นไท่ซ่านหวงได้ประชวรเป็นโรคหัวใจและโรคลม หมอหลวงบอกว่าพระองค์อาจอยู่ไม่พ้นฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ตอนที่พระองค์ยังพอแข็งแรงอยู่เลยแต่งตั้งให้องค์รัชทายาทขึ้นมาเป็นจักรพรรดิ หลังจากองค์รัชทายาทขึ้นมาจักรพรรดิแล้ว ไท่ซ่านหวงก็อาการหนักขึ้นจนนอนซมกับแท่นบรรทม

ฤดูหนาวปีที่แล้ว อากการประชวรของไท่ซ่านหวงก็เริ่มหนักขึ้น

จนถึงตอนนี้ เวลาคงเหลืออีกไม่มากแล้ว

หยวน ชิงหลิง ไม่ค่อยเข้าใจกฏเกณฑ์ในวังหลวง แต่ว่าตามธรรมเนียมถึงจะเป็นครอบครัวสามัญชน ปู่เสียชีวิต หลานและหลานสะใภ้ต้องไปไว้อาลัยท่าน

เธอค่อย ๆ ลุกขึ้น บาดแผลไม่ได้แสดงอาการออกมา เลือดกับเสื้อตัวในที่แห้งติดกันกับแผล ขยับเพียงเล็กน้อยก็เจ็บจนน้ำตาไหลออกมา

เมื่อคืนวานไปรักษาฮั่วเกอเอ๋อร์ ยังขยับกายอยู่เรื่อยๆ เลือดก็ยังไม่หยุดไหล อาการบาดเจ็บแย่กว่าเดิมเสียอีก

สองมือของเธอไม่สามารถจับพยุงตัวเองได้ จึงล้มลงกับเตียง

ลวี่หยาเห็นอย่างงั้นจึงพูดว่า “หม่อมฉันจะกลับไปทูลท่านอ๋องว่าพระองค์ยังไม่สามารถขยับได้นะเพคะ”

อาการ หยวน ชิงหลิง ทำให้ข้ารับใช้ถึงกับปวดหัว เธอนอนพักอยู่บนเตียงฟังเสียงฝีเท้าของลวี่หยาวิ่งออกไป ในสมองเธอคิดอย่างสับสน อาการเป็นอย่างนี้ อ๋องฉู่คงไม่อยากพาเธอเข้าวังในสภาพแบบนี้แน่?

เธอลุกขึ้นมาอย่างอ่อนแรงและกินยาลดไข้สักเม็ดนึง แล้วปิดกล่องยาลงทันใดนั้นเธอมองเห็นขวดยาแอสไพรินที่วางอยู่ด้านใน

ในกล่องยาของเธอไม่เคยมียาแอสไพริน

เธอหยิบมันขึ้นมา เธอยังพบว่าข้างในยังมีโดพามีนและยังมีกระบอกฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำที่เธอเคยออกแบบเอง

เป็นไปไม่ได้

โดพามีนกับแอสไพรินเป็นของที่มีในห้องทดลอง มันเป็นยาใช้สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เธอมักจะสำรองไว้ในห้องทดลอง แต่ทว่าในกล่องยานี้ อย่างเครื่องวัดความดันชีพจรและอุปกรณ์ยึดตรึงกระดูก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ในกล่องยาแบบนี้

ไม่เพียงแค่มีกล่องยาในยุคปัจจุบัน เมื่อตรวจดูตัวยาด้านในกล่องยา กลับไม่พบอะไรเลย

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 11

    เธอมีความรู้สึกแยกไม่ออกแล้วว่านี่เป็นความจริงหรือความฝัน ก่อนจะดันกล่องยากลับไปที่ใต้เตียงอย่างสั่นเทา แต่ทันทีที่กล่องยาเข้าไปใต้เตียง มันก็หายไปเธอกลั้นหายใจไปสามวินาที ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะใต้เตียง มันไม่มีอะไรเลยจริง ๆตัวเธอสั่นเทา และค่อย ๆ คลานกลับไปที่เตียง เธอหายใจแรงขึ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้เกินความรู้ความเข้าใจของเธอ ความรู้อย่างเป็นมืออาชีพ และที่ไม่ใช่มืออาชีพของเธอก็ไม่สามารถให้คำตอบกับเธอได้ มนุษย์มักกลัวสิ่งที่ไม่รู้ และมีความกลัวอยู่ลึก ๆ ในใจ และเธอรู้สึกกลัวจริง ๆประตูถูกผลักออกเสียงดัง "ปัง" หยวน ชิงหลิงยังไม่ทันจะเงยหน้าขึ้นมอง และไม่รู้สึกถึงบรรยากาศเย็นชาที่เต็มไปรอบ ๆ เธอเพียงรู้สึกเจ็บที่หนังศีรษะเท่านั้น จากนั้นตัวเธอก็ถูกโยนลงพื้น“เจ้าคิดจะสำออยแกล้งตายงั้นรึ? เจ้าอยากจะตายเสียในตอนนี้ หรือลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับวังไปกับข้า” เสียงเย็นชาดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ และร่างเธอกูถูกพลิกอย่างรุนแรงป่าเถื่อน หลังเธอกระแทกกับพื้น เจ็บจนทำให้ทั้งร่างกายของเธอสั่นสะท้าน และยังไม่ทันที่เธอจะสูดหายใจ คางของเธอก็ถูกมือบีบไว้อย่างแรงจนรู้สึกเหมือนจะ

    Last Updated : 2021-07-08
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 12

    หลังจากดื่มยาเข้าไป เธอก็รู้สึกในท้องอุ่นขึ้นมา มันทำให้เธอรู้สึกสบายตัวขึ้นมาก แม่นมฉีกล่าวอย่างแผ่วเบา: “พระชายา หลังจากพระองค์กลับจวนแล้ว ข้าจะค่อย ๆ ให้บำรุงร่างกายพระองค์ ตอนนี้ได้โปรดหลับตาและพักผ่อนสักครู่ เดี๋ยวก็ดีขึ้น” หยวน ชิงหลิงหลับตาลง รู้สึกเพียงว่ามีแสงไฟกระพริบในหัวรู้สึกเหมือนจะระเบิด และเสียงที่ยุ่งวุ่นวายบางอย่างสะท้อนกลับมา “เจ้าไม่มีค่าพอให้ข้าเกลียดเจ้า ข้าแค่ขยะแขยงเจ้า ในสายตาข้าเจ้าเป็นเหมือนแมลงวันเน่าเหม็นที่ทำให้ผู้คนเกลียด ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่จำเป็นต้องดื่มยาเพื่อมาร่วมหอกับเจ้า” มันคือเสียงของท่านอ๋องฉู๋ อวี่ เหวินห่าวน้ำเสียงเต็มไปด้วยความแค้นและความเกลียดชัง เธอไม่เคยได้ยินคำพูดที่ทำร้ายความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน และมีบางคนกำลังร้องไห้ฮือฮืออยู่ที่ข้างหู และแสงไฟในหัวก็กลายเป็นแอ่งเลือด หลังจากนั้นทุกอย่างก็ค่อย ๆ สงบลง ราวกับว่าเส้นประสาทนับพันในหัวของเธอได้ผ่อนคลายในที่สุด ความเจ็บปวดค่อย ๆ หายไป หรือจะพูดได้ว่า มันไม่ได้หายไปแต่กลับชาไปแล้ว เธอลืมตาขึ้นเห็นลวี่หยายืนอยู่ที่เตียงขมวดคิ้วมองเธอ “พระชายา รู้สึกดีขึ้นบ้างไหมเพคะ?” ลวี่หย

    Last Updated : 2021-07-08
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 13

    กล่องเล็ก ๆ นั้น มีขนาดประมาณครึ่งกำปั้น ไม่ใช่สิ่งของอย่างอื่น แต่เป็นกล่องยาที่หายไปของเธอเป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร? ทำไมกล่องยาถึงเล็กลงและซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของเธอ?ร่างกายที่ชาของ หยวน ชิงหลิงก็มีอาการขนลุกขึ้นทันทีมีเสียงเท้าตามหลังเธอ แล้วเธอก็รีบยัดกล่องยาเล็ก ๆ กลับเข้าไปในกระเป๋าแขนเสื้อ“ข้าเดินไปส่งพระชายา” ลวี่หยาพยุงเธอ “ข้าจะขอร้องกับท่านอ๋องและขอเข้าวังพร้อมพระองค์”หยวน ชิงหลิงรู้สึกสับสน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลวี่หยาพูดอะไร ก่อนที่จะพยักหน้าอย่างงง ๆ และเดินตามเธอออกไปเดินผ่านซุ้มประตูต่าง ๆ ขึ้นไปตามทางเดิน หลังจากเดินคดเคี้ยวได้ซักพัก ก็ถึงทางเข้าลานด้านหน้ารถม้าเตรียมพร้อมอยู่ที่หน้าประตูแล้ว อวี่ เหวินห่าวไม่ได้นั่งอยู่ในรถม้า แต่กลับนั่งอยู่บนหลังม้าสีดำตัวหนึ่งเขาสวมชุดสีทองและมงกุฏหยกสีทอง ใบหน้ามืดมนเหมือนสภาพอากาศและแววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นเธอเดินมาก็เพียงแค่เหลือบมอง และพูดอย่างเย็นชาว่า"เตรียมตัวขึ้นมา"“ท่านอ๋อง ต้องการให้ข้าตามเข้าไปในวังหรือไม่เพคะ?” หลี่หยาถามขึ้นอย่างดื้อรั้นอวี่ เหวินห่าวเหลือบมองที่หลี่หยาแล้วพูดว่า “ก็ดี ประหยั

    Last Updated : 2021-07-08
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 14

    รถม้าตรงไปที่ประตูวังภายใต้การนำทางของอวี่เหวินห่าว จนถึงวันนี้หยวนชิงหลิงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นสงสัยอะไรเกี่ยวกับพระราชวังเลยมองเห็นถนนในวังที่ทอดยาวลึกเข้าไป กับกำแพงวังที่ทำจากอิฐสีแดง ซึ่งมีรอยกระดำกระด่าง ผ่านทางช่องผ้าม่านที่สะบัดไปมาเท่านั้นตลอดทางสัญจรไม่สามารถมองไปในระยะไกลได้ มีหอคอยสูงตระหง่านอยู่เป็นระลอก ๆ หลังคาปูด้วยกระเบื้องเคลือบแลดูงดงามจับตาเมื่อต้องแสงแดดรถม้าหยุดลง หยวนชิงหลิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ลวี่หยาก็พยุงเธอให้ลงจากรถม้าแสงแดดส่องกระทบกับกำแพงสีแดงสด กระเบื้องเคลือบสัทองสะท้อนแสงเจิดจ้าในระยะไกล ดวงตาของเธอพร่ามัวแทบจะบอด เธอทำตัวเหมือนตัวเองเป็นผีไม่สามารถเห็นแสงสว่างได้อย่างไรอย่างนั้น รีบยกมือขึ้นมาบังแสงอาทิตย์ที่ส่องหน้าเธอโดยไม่รู้ตัวอวี่เหวินห่าวก็ลงจากม้าแล้ว ทั้งรถม้าและม้าถูกมัดไว้ที่นี่ แล้วเดินต่อไปเมื่อมาถึงนอกห้องโถงเสียวหยุ๋น ลวี่หยากระซิบเบา ๆ ว่า: "พระชายา ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป พระองค์เดินอย่างระมัดระวังด้วยเพคะ"หยวน ชิงหลิงรู้ว่าห้องโถงเสียวหยุ๋น เป็นวังที่ไท่ซ่างหวงอาศัยอยู่ ข้างนอกนั้นเต็มไปด้วยบ่าวจากจวนต่าง ๆ มากมาย เธอสูด

    Last Updated : 2021-07-08
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 15

    หยวน ชิงหลิงเงยหน้าขึ้น และได้พบกับดวงตาที่อ่อนโยนและห่วงใยของ ฉู่ หมิงชุ่ย “อยากนั่งพักสักหน่อยไหม” ฉู่ หมิงชุ่ยถาม หยวน ชิงหลิงส่ายหัวและดึงมือของเธอออกโดยไม่รู้ตัว "ไม่ ขอบคุณ" อ๋องฉี อวี่ เหวินชิงรีบดึง ฉู่ หมิงชุ่ยกลับมาพร้อมกับเหลือบมองไปที่ใบหน้าของ หยวน ชิงหลิง ด้วยสายตาที่ไม่พอใจและพูดกับ ฉู่ หมิงชุ่ย "คนแบบนั้น จะสนใจไปทำไม?" ฉู่ หมิงชุ่ยกลับมายืนข้างกายท่านอ๋องฉี และเหลือบมอง หยวน ชิงหลิงแวบหนึ่ง เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอกระซิบว่า "อย่างไรก็เป็นคนในตระกลู ” “เจ้าช่างมีเมตตา” อ๋องฉีจับมือ ฉู่ หมิงชุ่ย ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันราวกับเทพเจ้าและเทพธิดาคู่หนึ่ง เป็นคู่ครองที่ดูเหมาะสมอย่างยิ่ง หยวน ชิงหลิงรู้สึกถึงความเย็นรอบ ๆ ตัวของเธอ ซึ่งความเย็นนี้มาจาก อวี่ เหวินห่าว คนที่ตัวเองรัก ยืนข้างชายผู้อื่น แล้วเขาจะไม่รู้สึกปวดใจและโกรธได้อย่างไร? หยวน ชิงหลิง คิดอย่างนั้น ภายในห้องโถง มีเสียงร้องไห้ดังขึ้น ทุกคนดูประหลาดใจ และมองไปที่ประตูพร้อมกัน ผ้าม่านถูกม้วนขึ้น ขันทีที่มีผมสีขาวเหมือนหิมะเดินออกมา ตาของเขาแดงและบวม ใบหน้าของเขาเศร้าและดูอ้างว้าง เสียงแหบ

    Last Updated : 2021-07-08
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 16

    ไท่ซ่างหวงละสายตาไปมองยังศีรษะมากมายของผู้ที่คุกเข่าบนพื้น ปากสั่นเทา ไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใด ๆ ออกมา ถอนหายใจเบา ๆ และดูโศกเศร้ามากหยวน ชิงหลิงรู้ว่าพวกเขาคุกเข่าอยู่ที่นี่เพื่อรอไท่ซ่างหวงสิ้นลม ตั้งแต่ที่เพิ่งเข้ามา ดูเหมือนว่าไท่ซ่างหวงใกล้จะสิ้นลม และท่านจะจากไปในไม่ช้าแต่เมื่อมองดูเขาตอนนี้ เปรียบเสมือนตะเกียงที่ยังมีน้ำมัน และการหายใจของเขาดูแข็งแรงขึ้นมากเพียงแต่ว่า อาจจะเป็นเพราะแพทย์หลวงเพิ่งจะให้ยาแก่เขาดูเหมือนว่าไท่ซ่างหวงจะเป็นโรคหัวใจ และโรคหัดเยอรมันด้วยดังนั้นตอนนี้ กลัวว่าจะหัวใจล้มเหลวหัวใจล้มเหลว หายใจลำบาก...เธอมีโดพามีนอยู่ในกล่องยาของเธอหยวน ชิงหลิงคิดในใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ภาษาสุนัขที่เธอเข้าใจได้นั้นยังคงทำให้เธอตกใจ และเธอกำลังเผชิญหน้ากับบททดสอบชีวิต อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเธอจะสับสนแค่ไหนเธอก็รู้ว่าไม่มีใครเชื่อเธอ และยอมให้เธอรักษาไท่ซ่างหวงดังนั้น สิ่งเดียวที่เธอจะทำได้ก็คือ ต้องดูไท่ซ่างหวงหมดลมไปต่อหน้าเธอสำหรับผู้ที่เป็นแพทย์ นี่ถือเป็นเรื่องที่ทรมานมากสั่นไหวโอนเอน ท่าคุกเข่าของเธอนั้นเป็นอะไรที่อึดอัดและต้องเกร็งตัวจนแข็งทื่อไปหมด เนื่องจ

    Last Updated : 2021-07-08
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 17

    หลังจากองค์ชายที่สี่ของจักรพรรดิหมิงหยวนและพระชายาของเขาเข้าไปข้างใน ต่อไปคือ อวี่ เหวินห่าว และ หยวน ชิงหลิงหยวน ชิงหลิงค่อย ๆ หายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ ปรับอารมณ์ของเธอ และไม่สนต่อความรู้สึกไม่สบายทางร่างกายทั้งหมดเธอไม่สามารถทนต่อเรื่องความเป็นและความตายได้ฉางกงกงกล่าวว่า "ท่านอ๋องฉู่และพระชายา เชิญเข้าไปข้างใน"หยวน ชิงหลิงลุกขึ้นเดินตาม อวี่ เหวินห่าว เขาเดินนำหน้าเธอ เปิดม่านและเข้าไปข้างใน อวี่ เหวินห่าวคุกเข่าข้างเตียง หยวน ชิงหลิงคุกเข่าอยู่ข้างหลังเขา และรีบหยิบกล่องยาของเธอออกมา หลังจากที่มันตกลงที่พื้นกล่องยาก็ใหญ่ขึ้น หยวน ชิงหลิงไม่มีเวลาคิดว่าทำไมกล่องยาถึงเป็นแบบนี้ ทำเพียงแค่รีบนำเข็มฉีดยาชาออกมาอย่างรวดเร็วอวี่ เหวินห่าว ผู้ซึ่งจมอยู่ในความเศร้าโศก และไม่ได้สังเกตพฤติกรรมของเธอ เขาสะอื้น และเรียก "ท่านปู่... "หยวน ชิงหลิงจับมือของเขา ทันใดนั้นเขาก็หันกลับมาอย่างไม่รู้ตัวและลืมตาขึ้น หยวน ชิงหลิง ก็ฉีดยาชาเข้าไปที่มือของเขาเขาสะดุ้งตกใจ ดวงตาของลุกวาวเต็มไปด้วยความโกรธ หยวน ชิงหลิงเอื้อมมือไปหาเขาแล้วพูดว่า “ท่านปู่ หลานขอคุกเข่าต่อหน้าท่าน...”นับในใจ หนึ่ง

    Last Updated : 2021-07-08
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 18

    ปริมาณของยาชาที่ไม่มาก ทำให้ อวี่ เหวินห่าวนอนพักในห้องเพียงชั่วครู่เท่านั้น และเขาก็ดีขึ้นแล้วหยวน ชิงหลิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาบรรดาผู้คนที่อยู่ในห้องโถงก็ได้ออกไปหมดแล้ว ในห้องโถงเงียบมากมือที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กจับคอของเธอ และบีบคอเธอเกือบจะหายใจไม่ออก อวี่ เหวินห่าวเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังโกรธ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น พร้อมกับคำพูดจากปากของเขา "เจ้ากล้าดียังไงวางยาพิษท่านปู่?"หน้าของ หยวน ชิงหลิงเชิดขึ้นอย่างแรง ใบหน้าของเธอแดงก่ำ เส้นเลือดแดงปูดขึ้นที่ดวงตาของเธอ เธอพูดขึ้นอย่างยากลำบาก : “ท่านอ๋องก็ลองก้มลงมองดูสิ”เข็มแทงทะลุต้นขาของเขา เข็มนั้นพิเศษมาก มีหลอดเล็ก ๆ ที่มีของเหลวอยู่ข้างใน“ท่านจะบีบคอข้าให้ตายก็ได้ แต่ท่านต้องตายก่อนข้า เพราะอย่างนั้น ทำไมไม่ลองฟังที่ข้าจะอธิบายก่อนละ?” หยวน ชิงหลิงดิ้นรนและมีอาการหายใจลำบากมือของเขาค่อย ๆ คลายออกอย่างช้า ๆ แต่ความโกรธในดวงตาของเขากลับรุนแรงขึ้น และใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เขาพยายามอย่างมากที่จะระงับความโกรธเอาไว้“บอกมา เจ้าใช้ยาพิษชนิดใด?” เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่า หยวน ชิงหลิงจะใช้ยาพิษ ดูเห

    Last Updated : 2021-07-08

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status