ปริมาณของยาชาที่ไม่มาก ทำให้ อวี่ เหวินห่าวนอนพักในห้องเพียงชั่วครู่เท่านั้น และเขาก็ดีขึ้นแล้วหยวน ชิงหลิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาบรรดาผู้คนที่อยู่ในห้องโถงก็ได้ออกไปหมดแล้ว ในห้องโถงเงียบมากมือที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กจับคอของเธอ และบีบคอเธอเกือบจะหายใจไม่ออก อวี่ เหวินห่าวเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังโกรธ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น พร้อมกับคำพูดจากปากของเขา "เจ้ากล้าดียังไงวางยาพิษท่านปู่?"หน้าของ หยวน ชิงหลิงเชิดขึ้นอย่างแรง ใบหน้าของเธอแดงก่ำ เส้นเลือดแดงปูดขึ้นที่ดวงตาของเธอ เธอพูดขึ้นอย่างยากลำบาก : “ท่านอ๋องก็ลองก้มลงมองดูสิ”เข็มแทงทะลุต้นขาของเขา เข็มนั้นพิเศษมาก มีหลอดเล็ก ๆ ที่มีของเหลวอยู่ข้างใน“ท่านจะบีบคอข้าให้ตายก็ได้ แต่ท่านต้องตายก่อนข้า เพราะอย่างนั้น ทำไมไม่ลองฟังที่ข้าจะอธิบายก่อนละ?” หยวน ชิงหลิงดิ้นรนและมีอาการหายใจลำบากมือของเขาค่อย ๆ คลายออกอย่างช้า ๆ แต่ความโกรธในดวงตาของเขากลับรุนแรงขึ้น และใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เขาพยายามอย่างมากที่จะระงับความโกรธเอาไว้“บอกมา เจ้าใช้ยาพิษชนิดใด?” เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่า หยวน ชิงหลิงจะใช้ยาพิษ ดูเห
เธอพยุงร่างกายที่ชาของเธอยังไปเตียงที่ อวี่ เหวินห่าวนอนอยู่เมื่อครู่ เธอนอนลง และเธอรู้สึกว่าร่างกายทั้งหมดของเธอสั่นเทา เมื่อเธอสงบลง เธอคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เธอได้ใช้เซลล์สมองของเธอไปจนหมด ไม่เคยคิดเลยพัฒนาการสมองยังไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมุ่งไปทางความเชื่อในเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติมีคนเคยกล่าวว่าวิทยาศาสตร์และและไสยศาสตร์มีความต่างกัน แต่สุดท้ายแล้วก็มักจะมาบรรจบกัน เมื่อสมองมีการพัฒนาไปถึงระดับหนึ่ง ในกรณีที่สมองสั่งจิตให้หยิบจับเคลื่อนย้ายวัตถุเหล่านั้นได้อย่างอิสระ สมองจะประมวลข้อมูลทุกอย่างเองโดยอัตโนมัติ เหมือนในปัจจุบันที่มนุษย์โลกทุกวันนี้ยังบูชากราบไหว้พระเจ้าเธอค่อย ๆ ยกมืออันสั่นเทาขึ้น พยายามแตะกล่องยาในกระเป๋าเสื้อ เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย แขนเสื้อเลื่อนลงมาเผยให้เห็นข้อมือขาว แต่มีรอยแดงบนข้อมือของเธอซึ่งเป็นแผลเธอตกใจ ไม่รู้ว่าได้รับบาดเจ็บตอนไหน? อาจจะเป็นตอนที่กำลังทะเลาะกับ อวี่ เหวินห่าวไม่น่าจะใช่ เลือดที่ขอบปากแข็งตัวแล้ว และรอยเลือดที่แขนเสื้อก็แห้งแล้วด้วย แผลนี้ต้องเกิดขึ้นอย่างน้อยเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วครึ่งชั่วโมงที่แล
แพทย์หลวงทุกคนต่างตกตะลึงเป็นไปได้อย่างไร? ไท่ซ่างหวงยังเสวยพระกระยาหารลงได้อย่างนั้นหรือ? ภาวะหัวใจล้มเหลวนี้รุนแรงมาก ถึงเวลาที่น้ำมันจะหมด ตะเกียงก็จะดับไป เกรงว่าแม้แต่จะดื่มน้ำสักอึกก็ยังดื่มไม่ได้ แพทย์หลวงรีบเข้าไปวินิจฉัยอาการของไท่ซ่างหวง ขณะตรวจชีพจรเขาร้องไห้ และกล่าวว่า "ขอพระเจ้าอวยพรแก่พระองค์ ขอพระเจ้าอวยพรแก่ไท่ซ่างหวง!"ชีพจรมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจริง ๆ ผ้าม่านสีทองถูกม้วนขึ้นและม่านสีฟ้าค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ ไท่ซ่างหวงดูเหนื่อยล้า พระองค์กวาดสายตาทอดพระเนตรมองยังภายในโถงตำหนักครู่หนึ่ง ตรัสด้วยเสียงอันแหบพร่าว่า “จะคุกเข่ากันทำไม ลุกขึ้นเถอะ!”เสียงนั้นเบาเหมือนเสียงใบไม้ค่อย ๆ ร่วง แต่กลับเหมือนจะดังสนั่นในหูของทุกคนทุกคนมองด้วยความปิติยินดี และยืนขึ้นพร้อมโค้งคำนับไท่ซ่างหวงถอนหายใจเบา ๆ อย่างโล่งอก ริมฝีปาเขียวค่อย ๆ จางลง และหลังจากเหลือบมอง เขาก็พูดออกมาดัง ๆ "เจ้าห้าอยู่ที่ไหน?"ฉางกงกงรีบทูลกลับไปว่า "ท่านอ๋องฉู่ทรงเป็นกังวลในพระอาการของฝ่าบาท จึงเป็นลมหมดสติไป เพลานี้ถูกพาไปพักผ่อนยังตำหนักข้าง ๆ พ่ะย่ะค่ะ"“ไปพาเขามาที่นี่” ไท่ซ่างหวงลูบหัวฟูเป่า
หยวนชิงหลิงลอบมองสีหน้าของไท่ซ่างหวง ผิวหนังที่เป็นสีเขียวค่อย ๆ เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด เสียงลมหายใจลื่นไหลขึ้นมาก เธอถอนลมหายใจออกเฮือกหนึ่ง ในที่สุดก็ช่วยพระองค์ไว้ได้ทันเวลาไท่ซ่างหวงมองมาที่อวี่เหวินห่าว พยายามดันตัวขึ้นมาช้า ๆ อวี่เหวินห่าวเห็นเข้าเลยนำเบาะไปวางไว้ที่หลังให้ลุกขึ้นนั่ง“เจ้าห้า ชายาของเจ้าคนนี้ ดูเหมือนว่าปู่จะไม่เคยเห็นมาก่อน” ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แต่แตกต่างไปจากคนปกติ เห็นได้ชัดว่ายังไม่แข็งแรงดีนักอวี่เหวินห่าวรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ที่ท่านปู่ฟื้นมาก็ถามถึงเรื่องของนางก่อนปีนี้ไท่ซ่างหวงนอนติดเตียงมาโดยตลอด หลังจากที่พวกเขาแต่งงาน และสุขภาพของไท่ซ่างหวงไม่ค่อยดี อวี่เหวินห่าวจึงไม่ได้พานางมาเข้าเฝ้าหยวนชิงหลิงก้มหน้าไม่พูดจา และก็ไม่ได้แสดงออกอะไรเช่นกันแต่นางรู้สึกว่าสายตาของไท่ซ่างหวงจับจ้องมาที่ใบหน้าของนาง จ้องมองอย่างพินิจพิจารณา ดวงตาคู่นี้คล้ายมีพลังอำนาจแรงกล้าอย่างถึงที่สุด อย่างกับจะมองให้ทะลุหยวนชิงหลิงไท่ซ่างหวงครองบันลังก์มาสามสิบแปดปี ในระยะเวลาที่ถือรวมอำนาจสูงสุด การมีอยู่อันเกรียงไกรของพระองค์นั้น ได้ผ่านการใช้เวล
ระหว่างที่อวี่เหวินห่าวกลับจวน ยิ่งคิดก็ยิ่งผิดปกติเขาเห็นนางใช้เข็มฉีดยาฉีดเสด็จปู่ ไม่รู้ว่ากรอกอะไรเข้าไปข้างใน เป็นพิษหรือเป็นอย่างอื่น ไม่อาจรู้ได้แม้ว่าอาการของเสด็จปู่จะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ว่าพิษนั่นสามารถทำให้พระองค์นั้นทรงเสียสติ และอาจมีผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมา ก่อให้เกิดผลกระทบต่อส่วนอื่น ยกตัวอย่างเช่นการสูญเสียการควบคุมเดิมทีหยวนชิงหลิงก็ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ เว้นแต่ว่ามีใครคอยสอนนางอยู่เบื้องหลังหรืออาจจะเป็นบิดาของนาง หยวนปาหลง?เขาไม่มีความกล้ามากพอ หยวนปาหลงก็เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงคนหนึ่งอวี่เหวินห่าวตระหนักได้ถึงผลลัพธ์ที่ร้ายแรง หยวนชิงหลิงเป็นชายาของเขา สิ่งที่นางทำให้ไท่ซ่างหวงทั้งหมด หากถูกเปิดเผย เขาต้องกลายเป็นคนยุยงที่อยู่เบื้องหลัง จะไม่มีใครเชื่อว่าเขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ จึงมีรับสั่งให้ถังหยางเรียกตัว ลวี่หยาและแม่นมฉีมานางสองคนเป็นคนดูแลใกล้ชิดหยวนชิงหลิง หากนางมีท่าทีไม่ชอบมาพากล คงจะปิดไม่พ้นแม่นมฉีลวี่หยาเป็นคนที่เข้าวังมากับนาง แต่เมื่อออกจากวัง หยวนชิงหลิงกลับบอกว่าจะอยู่ที่วังเฉียนคุนคอยรักษาอาการป่วย เมื่อกลับมาแจ
ภายในวังเฉียนคุนไท่ซ่างหวงสนทนากับจักรพรรดิหมิงหยวนและท่านอ๋องลุ่ยอยู่ครู่หนึ่ง ก็อ่อนเพลียแล้ว จึงให้พวกเขาออกไป แม้แต่แพทย์ประจำพระองค์ก็ต้องออกไปเช่นกัน เหลือเพียง หยวน ชิงหลิงอยู่ในวังเฉียนคุนเพียงลำพัง ก่อนที่จักรพรรดิหมิงหยวนจะออกไป ก็มอง หยวน ชิงหลิงด้วยสายตาที่มีความนัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรภายในวังเงียบสงัด ผ้าม่านมืดมิด แม้แต่ลมก็เล็ดลอดเข้ามาไม่ได้ หยวน ชิงหลิงยืนอยู่ข้างเตียง เพียงครู่หนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีไท่ซ่างหวงเดิมทีที่กำลังพักสายตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นมา กวาดสายตาอย่างเยือกเย็น พูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “คุกเข่า!”หยวน ชิงหลิงค่อย ๆ ย่อลงไปคุกเข่า ท่านั่งคุกเข่าของเธอ สำหรับเธอแล้ว ยังสบายกว่านั่งปกติ สรุปก็คือ ตอนนี้ยาต้มจื่อจินหมดฤทธิ์แล้ว รูขุมขนบนร่างกายกำลังทะลุคำว่าเจ็บออกมา“เจ้ามีความผิด?” ไท่ซ่างหวงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาหยวน ชิงหลิงรู้ว่าไท่ซ่างหวงไม่ลงโทษเธอจริง ๆ หรอก อย่างน้อยช่วงวิกฤตอย่างตอนนี้คงไม่ ขอเพียงแต่พระองค์ยังมีความโหยหาต่อโลกใบนี้ ตนก็จะเป็นกำลังเดียวของพระองค์ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเงยหน้าขึ้น ตอบกลับไปอย่างจริงใจ “มีเพคะ”“ผิดมากจากไหน
ตกเย็น จักรพรรดิหมิงหยวนมาเข้าเฝ้า พบว่าอาการของไท่ซ่างหวงดีขึ้น พระองค์พูดคุยกับไท่ซ่างหวงอยู่ครู่หนึ่งก็ไปหยวนชิงหลิงได้แต่ก้มหน้า การมีอยู่ของเธอจึงไม่ได้เป็นที่สนใจ จักรพรรดิหมิงหยวนเลยไม่ทันสังเกต ทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติหลังจากที่จักรพรรดิหมิงหยวนกลับไป ฉางกงกงก็ทำเหมือนอย่างเคย คือเช็ดตัวให้ไท่ซ่างหวง หยวนชิงหลิงจึงเลี่ยงออกไปนอกวังถือโอกาสตอนที่ยังมีเวลา ฉีดยาให้ตัวเธอเอง น่าเสียดายที่ไม่ได้เปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ ตอนนี้รู้สึกได้ว่าแผลเปียกชื้น เหมือนว่าจะมีเลือดซึมออกมาหลังจากที่ฉีดยาแล้ว เธอก็ฟุบลงพักผ่อนอยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ข้างใน จึงรู้ว่าฉางกงกงเสร็จเรื่องแล้ว เธอเหยียดตัวขึ้นตรง การขยับตัวทันที ทำให้เลือดลมของหัวใจเธอรวนขึ้นมาชั่วขณะ และรู้สึกถึงกลิ่นคาวในช่องคอ ภายในปากปนไปด้วยเลือดเล็กน้อยเธอเดินสั่น ๆ ออกไปด้านนอก บ้วนเลือดลงบนรากไม้พิงต้นไม้เอาไว้ สักพักเธอก็ดีขึ้นจนเลือดลมคงที่“พระชายาเป็นอะไรหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”ข้างหลัง ตามมาด้วยเสียงของฉางกงกงหยวนชิงหลิงหมุนตัวกลับไปโบกมือ “ไม่เป็นอะไร กินเยอะไปหน่อยน่ะ”“อ้อ!” สีหน้าของฉางกงกงฉายแววประหล
ผลที่ตามาคือฉู่หมิงชุ่ยเห็นว่าใบหน้าของไท่ซ่างหวงเริ่มหนักอึ้งฉู่หมิงชุ่ยวางใจแล้ว แม้ว่าไท่ซ่างหวงจะตามใจอ๋องฉู่ แต่ก็เพราะตามใจเช่นนี้จึงให้หยวนชิงหลิงอยู่ดูแลในวัง แต่น่าเสียดาย หยวนชิงหลิงเป็นคนโง่ที่คิดว่าตัวนางถูกเสมอ ช่างราคาคุยเสียจริงหมอหลวงเห็นว่าสีหน้าของไท่ซ่างหวงเริ่มไม่ดี จึงรีบนำยาออกไปแต่ไท่ซ่างหวงกลับพูดด้วยความโกรธว่า “ยังไม่รีบเอายามาอีก? ไม่ได้ยินที่พระชายาฉู่พูดว่าต้องกินยาหรือไง?”ทุกคนต่างตกใจ ค่อย ๆ มองมาที่หยวนชิงหลิงทีละคนสองคน โดยเฉพาะฉู่หมิงชุ่ยสีหน้าเปลี่ยนทันที แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตนเอง หยวนชิงหลิงก้มหน้า เธอไม่ได้อยากจะเปิดปากพูดประโยคนั้นออกไปจริง ๆ แต่ว่า หากไท่ซ่างหวงไม่กินยา แต่กลับดีขึ้นนี่จะทำให้คนสงสัยจักรพรรดิหมิงหยวนมีสีหน้าดีใจ “ยังไม่รีบยกกลับมาอีก?”ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ จนในที่สุดจักรพรรดิหมิงหยวนก็มองตรงมาที่หยวนชิงหลิง อีกทั้งยังตามมาด้วยสายตาที่ชื่นชมไท่ซ่างหวงกินยาจนหมดในทีเดียว แต่ดูพระองค์คงจะกลัวรสขมจริง ๆ หลังจากกินยาจนหมด ใบหน้าก็มากองอยู่รวมกัน ไทเฮารีบนำบ๊วยหวานส่งให้ สีหน้าจึงกลับมาดีขึ้นอวี่เหวินห่าวมองห