อย่างไรก็ตาม หยวน ชิงหลิงกินแต่โจ๊กข้าวฟ่าง และไม่ได้กินขนมกุ้ยฮัว เธอมักจะไม่กินของหวานในตอนเช้า ขนมกุ้ยฮัวนั้นก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ทิ้งไว้ที่นั่น ไม่ได้แตะต้องเลย หลังจากกินโจ๊กข้าวฟ่างแล้ว หยวน ชิงหลิงก็ยืนขึ้นและพูดว่า “คุณนายรอง ข้าขอตัวก่อน!” คุณนายรองพูดอย่างใจดีว่า “รีบไปเถอะ พ่อเจ้ากำลังรอเจ้าอยู่” หยวน ชิงหลิงพยักหน้าและเดินตรงออกไป ทันทีที่ออกมา ก็ได้ยินเสียงดุด่าว่าร้ายของหลวนว่า “วางอำนาจอะไร ไม่รู้หรือว่าสภาพของนางขณะอยู่ในจวนอ๋องเป็นเช่นไร หากไม่ใช่บารมีของจวนโหว แม้แต่โจ๊กข้าวฟ่างนางยังไม่มีบุญได้กินเลย ข้าเคยได้ยินมา ท่านอ๋องไม่ทุบตีก็ดุด่าว่านาง พวกเจ้าเห็นหน้าผากของนางหรือยัง? ยังมีบาดแผลอยู่เลย ต้องถูกท่านอ๋องทุบตีแน่นอน ครบหนึ่งปีแล้วตั้งแต่นางแต่งงาน ก็ยังไม่เคยนอนร่วมหอกัน แต่ก็คงไม่กลัวคนหัวเราะเยาะ” ภรรยาแซ่ชุยของ หยวน หลุนเหวินกล่าวว่า “ข้าได้ยินเกี่ยวกับเรื่องห้องหอแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้ยินมาว่าเป็นเพราะความกดดันของไทเฮา อ๋องฉู่ต้องกินยาถึงจะสามารถร่วมหอกับนางได้ จะเห็นได้ว่าอ๋องฉู่ไม่สนใจนางจริง ๆ” “พอแล้ว ไม่ต้องพูดถึง หากคนข้างนอกพูดก็ช่าง แล้วพวกเ
“ไท่ซ่างหวง!” หยวน ชิงหลิงกล่าว จิ้งโฮ่วลุกขึ้นอย่างกระทันหัน “ไท่ซ่างหวง?” สีหน้าของเขาค่อนข้างประหลาดใจ นี่เป็นบุคคลที่ไม่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดที่จะเรียกนาง และไท่ซ่างหวงก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ แล้ว “เขาเรียกเจ้าเข้าไปในวังทำไม” “ดูแลผู้ป่วย!” สีหน้าของจิ้วโฮ่วเปลี่ยนไปเล็กน้อย และโล่งใจเล็กน้อย “จริง ๆ แล้วไท่ซ่างหวงให้เจ้ารักษาผู้ป่วย ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องคว้าโอกาสทำดีต่อหน้าไท่ซ่างหวง ทำให้เขาชอบเจ้า” หยวน ชิงหลิงก็รู้สึกอึดอัดเมื่อความโกรธของเขาเบาลง จากนั้นก็เริ่มมีสายตาที่มีแผนการ พูดว่า “คว้าไว้ไม่ได้ ข้าทำให้ไท่ซ่างหวงขุ่นเคือง ไท่ซ่างหวงจะขับไล่ข้าออกจากวัง” จิ้งโฮ่วตบลงบนโต๊ะ พูดอย่างโกรธเคือง “ทำไมเจ้าถึงไม่มีอนาคตอย่างนี้? โอกาสที่ดีที่หายากถูกเจ้าทำลายไปหมด ลองบอกมาสิเจ้ายังจะมีประโยชน์อะไรอีก? อย่าบอกนะว่าเจ้าพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับพระชายาฉีต่อหน้าไท่ซ่างหวงและฝ่าบาท?” “คงจะใช่!” หยวน ชิงหลิงไม่ต้องการอธิบายมากเกินไป ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ครอบครัวนี้ไม่มีที่ไหนไม่เย็นชา ไม่มีที่ไหนไม่ใจร้าย ไม่อยากจะอยู่นาน ๆ จิ้งโฮ่วพูดอย่างโกรธเคือง “เ
ฮูหยินชอบความเงียบ และมีเพียงแม่นมซุนเท่านั้นที่คอยรับใช้อยู่ในบ้านเมื่อเห็น หยวน ชิงหลิงกลับมา แม่นมซุนก็ยิ้มออกมา “พระชายามาแล้วหรือ? เชิญเข้ามาเร็ว ๆ”หยวน ชิงหลิงถอนหายใจเบา ๆ มันไม่ง่ายเลยที่จะเห็นรอยยิ้มที่จริงใจในจวนโฮ่วแห่งนี้ เธอเดินเข้าไปพลางถามไปด้วย “อาหารของท่านย่าเป็นอย่างไรบ้าง?” แม่นมซุนสกัดกั้นด้วยมือข้างหนึ่งและยิ้มอย่างอึดอัด “ยังไม่เป็นไรมาก วันนี้กินโจ๊กไปครึ่งชาม แต่เมื่อก่อนวันหนึ่งรวม ๆ แล้วก็กินไปครึ่งชาม” หยวน ชิงหลิงมองมือที่ยื่นออกมาของนาง นางไม่อนุญาตให้เข้าไปด้วยตัวเองหรือ? “แม่นมซุน ข้าอยากเข้าไปหาท่านย่า” หยวน ชิงหลิงกล่าว แม่นมซุนถอนหายใจ “พระชายา ท่านกลับไปก่อนเถอะ ความโกรธของฮูหยินยังไม่สงบลง เมื่อไม่กี่วันก่อนบ่าวพูดถึงท่าน ฮูหยินก็ทำหน้าเคร่งขรึมไม่พูดไม่จา” หยวน ชิงหลิงจำได้ทันทีว่า ฮูหยินคัดค้านแผนการที่จะให้แต่งงานเข้าจวนอ๋อง แม้กระทั่งก่อนที่เธอจะแต่งงานก็ลุกขึ้นยืนและดุเธอ บอกว่าเธอหน้ามือตามัวและไร้สาระ ว่าเธอประเมินค่าตัวเองสูงเกินไป และว่าเธอทำตามใจตัวเอง แต่ก่อนที่เจ้าของเดิมจะกลับบ้านท่านแม่เพื่อไปเยี่ยมท่านย่า ท่านย่าก็ป
เมื่อได้ยินว่าไท่ซ่างหวงมอบของให้ ใบหน้าของฮูหยินก็ค่อย ๆ หันกลับมา มองดูนางด้วยสายตาอย่างเฉียบขาด “ไท่ซ่างหวงพบเจ้าแล้ว?” “ใช่ หลานอยู่ในวังรักษาคนป่วยตลอดเมื่อสองสามวันก่อน เพิ่งออกจากวังเมื่อวานนี้” หยวน ชิงหลิงยิ้มแล้วพูด แม่นมซุนรีบพูดว่า “ดูสิ พระชายาจิตใจงดงามจริง ๆ เพิ่งออกจากวังเมื่อวานนี้ วันนี้ก็มาเยี่ยมท่านย่าแต่เช้า” สีหน้าของฮูหยินดูไม่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นนั่งตบ หยวน ชิงหลิง ด้วยความโกรธพร้อมกับตัวที่สั่นเทา “เจ้ายังจะกุเรื่องอะไรขึ้นมาอีก? ไท่ซ่างหวงต้องการให้เจ้าเข้าวังรักษาผู้ป่วย?” การตบครั้งนี้ไปที่ใบหน้าของ หยวน ชิงหลิง แต่นางมีแรงไม่มากพอที่จะทำให้ หยวน ชิงหลิงรู้สึกถึงความเจ็บปวด กำลังทั้งหมดของฮูหยินใช้เพื่อกรีดร้องประโยคนั้น หลังจากนั้น นางก็หอบอย่างแรง แต่ไม่มีไอ และอากาศในหลอดลมของนางก็เหมือนกับน้ำเดือด ใบหน้าของนางค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วง ริมฝีปากก็ซีดขึ้นเพราะขาดเลือด ร่างกายอ่อนตัวลงก็นอนลง โดยยังคงหอบอย่างไม่มีหยุด หยวน ชิงหลิงรีบหันกลับไปหยิบกล่องยาออกมา เมื่อกล่องยาเปิดออก ก็พบว่ามีกล่องยาสูดพ่นหอบหืด เธอเปิดแล้วใส่เข้าไปในปากข
หยวน ชิงหลิงยังคงอยู่กับฮูหยิน ลุงซูกั๋วก็มาเยี่ยมเหมือนกัน ลุงซูกั๋วเป็นน้องชายของไทเฮา ได้รับฉายาว่าลุงกั๋ว หลายปีมานี้ตระกูลซูไม่ได้มีคนที่มีความสามารถมากนัก ถึงแม้จะไม่ได้เรื่องแต่ก็ยังมีประโยชน์ ในที่สุดแล้วฮองเฮาหนึ่งท่าน พระสนมหนึ่งท่าน เป็นคนที่หน้ามือเป็นหลังมือเมื่อลุงซูกั๋วมาถึงจวนโฮ่ว ก็ตรงเข้าพูดเรื่องที่ว่าอ๋องฉู่จะแต่งงานกับนางสนม ในขณะที่พูดก็ยกไทเฮาขึ้นมาพูดตลอด ให้จิ้งโฮ่วรับรองว่าเมื่ออ๋องฉู่แต่งงานกับนางสนม ทั้งพระชายาฉู่และจวนจิ้งโฮ่วจะต้องอวยพรอย่างจริงใจ จิ้งโฮวฟังว่าอ๋องฉู่จะแต่งงานกับลูกสาวของตระกูลฉู่เป็นนางสนม ใจก็เริ่มท้อแท้อย่างมาก ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรก เขาคงไม่วางแผนจัดฉากในจวนองค์หญิงหรอก ตอนนี้อ๋องฉู๋ไม่ได้ประจบประแจง ยังทำให้ตระกูลฉู่ขุ่นเคือง เขาชดใช้ด้วยลูกสาวของเขาจริง ๆ และยังเสียกองทัพทหาร เมื่อเผชิญกับการคุกคามของลุงซูกั๋ว เขาทำได้เพียงพูดด้วยสีหน้าที่จริงใจว่า “ท่านลุงกั๋ว ท่านไม่ต้องกังวล เสี่ยวโฮ่วสามารถรับประกันได้ว่าพระชายาก็มีความสุขเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ลูกสาวคนรองของตระกูลฉู่เข้ามาที่ประตู ซึ่งกับนางถือว่าเป็นพี่น้องกัน ต่
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไงก็ต้องให้เขาเป็นคนริเริ่มถึงจะได้ จะต้องรักษาหน้าทั้งสองฝ่ายและไม่ให้ขุ่นเคืองอ๋องฉู่ ควรใช้ข้ออ้างอะไรในการขอตัวกลับไป? หากจะไม่ทำให้หน้าของอ๋องฉู่และหน้าของจวนจิ้งโฮ่วของเขาเสียหาย ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเสียสละ หยวน ชิงกลิงเท่านั้น ร่องรอยของความเกลียดชังแวบผ่านดวงตาของเขา และกล่าวว่า “เด็ก ๆ ไปเชิญคุณนายรอง” ภายในสามวันหลังจาก หยวน ชิงหลิงกลับมาที่จวน ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วเมืองว่า หยวน ชิงหลิง กลับมาที่จวนโฮ่ว เพื่อขอให้คุณนายรองหาหมอดี ๆ สักคน ผลคือนางกลับได้รับการวินิจฉัยว่ามีโรคประจำตัวและไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ว่ากันว่าข่าวนี้เป็นความจริงอย่างยิ่ง คนที่อยู่ข้างกายคุณนายรองของจวนโฮ่วก็เล่าขานกันกว่า หยวน ชิงหลิงจะรู้ข่าวก็สามวันต่อมาแล้ว ลวี่หยาออกไปซื้อเข็มและด้ายจึงได้ยินข่าวลือนี้ กลับมาบอก หยวน ชิงหลิง ลวี่หยาโกรธมาก วันนั้นนางเป็นคนตาม หยวน ชิงหลิงกลับบ้าน เชิญหมอดี ๆ มาทำอะไรที่ไหนกัน? หลังจากที่ หยวน ชิงหลิงฟังแล้ว ก็ยิ้มอย่างเฉยเมยด้วยใจที่ชัดเจน เห็นแผนในใจของจิ้งโฮ่วมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้เธอเป็นผลประโยชน์ของจวนจิ้งโฮ่ว และไม่สามาร
หยวน ชิงหลิงคิดว่าเรื่องแต่งงานกับนางสนมค้างคามาเป็นเวลาหลายวันแล้ว และข่าวลือภายนอกก็บอกว่าเธอมีลูกไม่ได้ การเรียกเธอเข้าไปในวังครั้งนี้ น่าจะเป็นเรื่องของการเลิกลา เธอถามแม่นมฉีว่ามีคนในวังมาที่นี่ในวันนี้หรือเมื่อคืนนี้ไหม แม่นมฉีกล่าวว่า “มู่หรูกงกงมาที่นี่ด้วยตนเอง” ถ้าอย่างนั้นก็ใช่แล้ว น่าจะเป็นฝ่าบาทที่ถามตรงกับความหมายของอ๋องฉู่อีกครั้ง แต่งงานกับลูกสาวของตระกูลฉู่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ เขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร? หยวน ชิงหลิงจิตใจสงบ เนื่องจากราชวงศ์ต้องการทอดทิ้งเธอ คงต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับเธอเพียงพออย่างแน่นอน เพื่อที่ต่อไปจะได้ไม่ต้องเสียใจ กับการดำรงชีวิตในอนาคต และถึงเธอไม่ได้รับการช่วยเหลือ แต่เธอก็ยังมีใบรับรองการเป็นลูกหนี้ เชื่อว่าใบรับรองการเป็นลูกหนี้ใบนี้จะสามารถเปลี่ยนเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ให้ตัวเองได้ ในที่สุดก็มีความรู้สึกโล่งใจ เธอจึงก้าวขึ้นไปบนรถม้า ที่ประตูวัง เธอเปิดม่านของรถม้า มองดูชายคาที่งอนขึ้นเคลือบทองอย่างไม่ละสายตา คิดในใจว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเข้ามาในวัง ในใจเธอมีความปิติยินดีและความเป็นอิสระที่ไม่อาจบรรยายได้ ด้วยอารมณ์นี้
หยวน ชิงหลิงรู้สึกงง อวี่ เหวินห่าวท่านกำลังทำอะไรกันแน่? “ลูกไม่มีการคัดค้าน” หยวน ชิงหลิงรีบแก้ตัว “เรื่องนี้ท่านอ๋องไม่เคยถามว่าข้าหมายถึงอะไร” “เจ้ากำลังพูดพาดพิงถึงเจ้าห้าว่าดูหมิ่นเจ้าใช่ไหม?” เสียงของจักรพรรดิหมิงหยวนอึมครึมมากขึ้น “ไม่ใช่ ไม่ได้หมายความอย่างนั้น...” นี่ยังห่างไกลจากสิ่งที่เธอคิด เดิมทีเธอคิดว่า แค่เพียงต้องการยืนยันว่าเธอไม่มีความคิดเห็นใด ๆ จากนั้นก็รอการหย่าร้าง และเธอก็ต้องเก็บสัมภาระและจากไป อย่างไรก็ตามข่าวลือข้างนอกทั้งหมด ก็ทำเพื่อปลดเธอลงจากตำแหน่ง “มู่หรูกงกงได้รับคำตอบ คือเจ้าเพิ่งเริ่มต้นได้แค่ปีเดียว ไม่ควรรับสนมมาเร็วอย่างนี้ ข้าจำได้ว่าเจ้าสัญญาว่าเจ้าจะคลอดบุตรเป็นรัชทายาทในไม่ช้านี้ คำพูดของเจ้าขัดแย้งกัน สรุปเจ้าจะหมายคามว่าอะไร? หยวน ชิงหลิงไม่สามารถโต้แย้งได้ ตอนนั้นบอกว่าจะคลอดบุตรให้เร็ว ๆ แต่เพราะบรรยากาศตอนนั้น เธอจึงพูดสิ่งที่ควรพูด ได้คิดผลที่ตามมาทีหลังที่ไหน? “สรุปเจ้าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?” จักรพรรดิหมิงหยวนถามอย่างเฉียบขาด หยวน ชิงหลิงอ้าปาก และคำพูดเห็นด้วยอยู่ในลำคอ มู่หรูกงกงกล่าวว่า “พระชายาระวังคำพูดด้วย เดี