ฮูหยินชอบความเงียบ และมีเพียงแม่นมซุนเท่านั้นที่คอยรับใช้อยู่ในบ้านเมื่อเห็น หยวน ชิงหลิงกลับมา แม่นมซุนก็ยิ้มออกมา “พระชายามาแล้วหรือ? เชิญเข้ามาเร็ว ๆ”หยวน ชิงหลิงถอนหายใจเบา ๆ มันไม่ง่ายเลยที่จะเห็นรอยยิ้มที่จริงใจในจวนโฮ่วแห่งนี้ เธอเดินเข้าไปพลางถามไปด้วย “อาหารของท่านย่าเป็นอย่างไรบ้าง?” แม่นมซุนสกัดกั้นด้วยมือข้างหนึ่งและยิ้มอย่างอึดอัด “ยังไม่เป็นไรมาก วันนี้กินโจ๊กไปครึ่งชาม แต่เมื่อก่อนวันหนึ่งรวม ๆ แล้วก็กินไปครึ่งชาม” หยวน ชิงหลิงมองมือที่ยื่นออกมาของนาง นางไม่อนุญาตให้เข้าไปด้วยตัวเองหรือ? “แม่นมซุน ข้าอยากเข้าไปหาท่านย่า” หยวน ชิงหลิงกล่าว แม่นมซุนถอนหายใจ “พระชายา ท่านกลับไปก่อนเถอะ ความโกรธของฮูหยินยังไม่สงบลง เมื่อไม่กี่วันก่อนบ่าวพูดถึงท่าน ฮูหยินก็ทำหน้าเคร่งขรึมไม่พูดไม่จา” หยวน ชิงหลิงจำได้ทันทีว่า ฮูหยินคัดค้านแผนการที่จะให้แต่งงานเข้าจวนอ๋อง แม้กระทั่งก่อนที่เธอจะแต่งงานก็ลุกขึ้นยืนและดุเธอ บอกว่าเธอหน้ามือตามัวและไร้สาระ ว่าเธอประเมินค่าตัวเองสูงเกินไป และว่าเธอทำตามใจตัวเอง แต่ก่อนที่เจ้าของเดิมจะกลับบ้านท่านแม่เพื่อไปเยี่ยมท่านย่า ท่านย่าก็ป
เมื่อได้ยินว่าไท่ซ่างหวงมอบของให้ ใบหน้าของฮูหยินก็ค่อย ๆ หันกลับมา มองดูนางด้วยสายตาอย่างเฉียบขาด “ไท่ซ่างหวงพบเจ้าแล้ว?” “ใช่ หลานอยู่ในวังรักษาคนป่วยตลอดเมื่อสองสามวันก่อน เพิ่งออกจากวังเมื่อวานนี้” หยวน ชิงหลิงยิ้มแล้วพูด แม่นมซุนรีบพูดว่า “ดูสิ พระชายาจิตใจงดงามจริง ๆ เพิ่งออกจากวังเมื่อวานนี้ วันนี้ก็มาเยี่ยมท่านย่าแต่เช้า” สีหน้าของฮูหยินดูไม่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นนั่งตบ หยวน ชิงหลิง ด้วยความโกรธพร้อมกับตัวที่สั่นเทา “เจ้ายังจะกุเรื่องอะไรขึ้นมาอีก? ไท่ซ่างหวงต้องการให้เจ้าเข้าวังรักษาผู้ป่วย?” การตบครั้งนี้ไปที่ใบหน้าของ หยวน ชิงหลิง แต่นางมีแรงไม่มากพอที่จะทำให้ หยวน ชิงหลิงรู้สึกถึงความเจ็บปวด กำลังทั้งหมดของฮูหยินใช้เพื่อกรีดร้องประโยคนั้น หลังจากนั้น นางก็หอบอย่างแรง แต่ไม่มีไอ และอากาศในหลอดลมของนางก็เหมือนกับน้ำเดือด ใบหน้าของนางค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วง ริมฝีปากก็ซีดขึ้นเพราะขาดเลือด ร่างกายอ่อนตัวลงก็นอนลง โดยยังคงหอบอย่างไม่มีหยุด หยวน ชิงหลิงรีบหันกลับไปหยิบกล่องยาออกมา เมื่อกล่องยาเปิดออก ก็พบว่ามีกล่องยาสูดพ่นหอบหืด เธอเปิดแล้วใส่เข้าไปในปากข
หยวน ชิงหลิงยังคงอยู่กับฮูหยิน ลุงซูกั๋วก็มาเยี่ยมเหมือนกัน ลุงซูกั๋วเป็นน้องชายของไทเฮา ได้รับฉายาว่าลุงกั๋ว หลายปีมานี้ตระกูลซูไม่ได้มีคนที่มีความสามารถมากนัก ถึงแม้จะไม่ได้เรื่องแต่ก็ยังมีประโยชน์ ในที่สุดแล้วฮองเฮาหนึ่งท่าน พระสนมหนึ่งท่าน เป็นคนที่หน้ามือเป็นหลังมือเมื่อลุงซูกั๋วมาถึงจวนโฮ่ว ก็ตรงเข้าพูดเรื่องที่ว่าอ๋องฉู่จะแต่งงานกับนางสนม ในขณะที่พูดก็ยกไทเฮาขึ้นมาพูดตลอด ให้จิ้งโฮ่วรับรองว่าเมื่ออ๋องฉู่แต่งงานกับนางสนม ทั้งพระชายาฉู่และจวนจิ้งโฮ่วจะต้องอวยพรอย่างจริงใจ จิ้งโฮวฟังว่าอ๋องฉู่จะแต่งงานกับลูกสาวของตระกูลฉู่เป็นนางสนม ใจก็เริ่มท้อแท้อย่างมาก ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรก เขาคงไม่วางแผนจัดฉากในจวนองค์หญิงหรอก ตอนนี้อ๋องฉู๋ไม่ได้ประจบประแจง ยังทำให้ตระกูลฉู่ขุ่นเคือง เขาชดใช้ด้วยลูกสาวของเขาจริง ๆ และยังเสียกองทัพทหาร เมื่อเผชิญกับการคุกคามของลุงซูกั๋ว เขาทำได้เพียงพูดด้วยสีหน้าที่จริงใจว่า “ท่านลุงกั๋ว ท่านไม่ต้องกังวล เสี่ยวโฮ่วสามารถรับประกันได้ว่าพระชายาก็มีความสุขเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ลูกสาวคนรองของตระกูลฉู่เข้ามาที่ประตู ซึ่งกับนางถือว่าเป็นพี่น้องกัน ต่
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไงก็ต้องให้เขาเป็นคนริเริ่มถึงจะได้ จะต้องรักษาหน้าทั้งสองฝ่ายและไม่ให้ขุ่นเคืองอ๋องฉู่ ควรใช้ข้ออ้างอะไรในการขอตัวกลับไป? หากจะไม่ทำให้หน้าของอ๋องฉู่และหน้าของจวนจิ้งโฮ่วของเขาเสียหาย ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเสียสละ หยวน ชิงกลิงเท่านั้น ร่องรอยของความเกลียดชังแวบผ่านดวงตาของเขา และกล่าวว่า “เด็ก ๆ ไปเชิญคุณนายรอง” ภายในสามวันหลังจาก หยวน ชิงหลิงกลับมาที่จวน ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วเมืองว่า หยวน ชิงหลิง กลับมาที่จวนโฮ่ว เพื่อขอให้คุณนายรองหาหมอดี ๆ สักคน ผลคือนางกลับได้รับการวินิจฉัยว่ามีโรคประจำตัวและไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ว่ากันว่าข่าวนี้เป็นความจริงอย่างยิ่ง คนที่อยู่ข้างกายคุณนายรองของจวนโฮ่วก็เล่าขานกันกว่า หยวน ชิงหลิงจะรู้ข่าวก็สามวันต่อมาแล้ว ลวี่หยาออกไปซื้อเข็มและด้ายจึงได้ยินข่าวลือนี้ กลับมาบอก หยวน ชิงหลิง ลวี่หยาโกรธมาก วันนั้นนางเป็นคนตาม หยวน ชิงหลิงกลับบ้าน เชิญหมอดี ๆ มาทำอะไรที่ไหนกัน? หลังจากที่ หยวน ชิงหลิงฟังแล้ว ก็ยิ้มอย่างเฉยเมยด้วยใจที่ชัดเจน เห็นแผนในใจของจิ้งโฮ่วมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้เธอเป็นผลประโยชน์ของจวนจิ้งโฮ่ว และไม่สามาร
หยวน ชิงหลิงคิดว่าเรื่องแต่งงานกับนางสนมค้างคามาเป็นเวลาหลายวันแล้ว และข่าวลือภายนอกก็บอกว่าเธอมีลูกไม่ได้ การเรียกเธอเข้าไปในวังครั้งนี้ น่าจะเป็นเรื่องของการเลิกลา เธอถามแม่นมฉีว่ามีคนในวังมาที่นี่ในวันนี้หรือเมื่อคืนนี้ไหม แม่นมฉีกล่าวว่า “มู่หรูกงกงมาที่นี่ด้วยตนเอง” ถ้าอย่างนั้นก็ใช่แล้ว น่าจะเป็นฝ่าบาทที่ถามตรงกับความหมายของอ๋องฉู่อีกครั้ง แต่งงานกับลูกสาวของตระกูลฉู่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ เขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร? หยวน ชิงหลิงจิตใจสงบ เนื่องจากราชวงศ์ต้องการทอดทิ้งเธอ คงต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับเธอเพียงพออย่างแน่นอน เพื่อที่ต่อไปจะได้ไม่ต้องเสียใจ กับการดำรงชีวิตในอนาคต และถึงเธอไม่ได้รับการช่วยเหลือ แต่เธอก็ยังมีใบรับรองการเป็นลูกหนี้ เชื่อว่าใบรับรองการเป็นลูกหนี้ใบนี้จะสามารถเปลี่ยนเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ให้ตัวเองได้ ในที่สุดก็มีความรู้สึกโล่งใจ เธอจึงก้าวขึ้นไปบนรถม้า ที่ประตูวัง เธอเปิดม่านของรถม้า มองดูชายคาที่งอนขึ้นเคลือบทองอย่างไม่ละสายตา คิดในใจว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเข้ามาในวัง ในใจเธอมีความปิติยินดีและความเป็นอิสระที่ไม่อาจบรรยายได้ ด้วยอารมณ์นี้
หยวน ชิงหลิงรู้สึกงง อวี่ เหวินห่าวท่านกำลังทำอะไรกันแน่? “ลูกไม่มีการคัดค้าน” หยวน ชิงหลิงรีบแก้ตัว “เรื่องนี้ท่านอ๋องไม่เคยถามว่าข้าหมายถึงอะไร” “เจ้ากำลังพูดพาดพิงถึงเจ้าห้าว่าดูหมิ่นเจ้าใช่ไหม?” เสียงของจักรพรรดิหมิงหยวนอึมครึมมากขึ้น “ไม่ใช่ ไม่ได้หมายความอย่างนั้น...” นี่ยังห่างไกลจากสิ่งที่เธอคิด เดิมทีเธอคิดว่า แค่เพียงต้องการยืนยันว่าเธอไม่มีความคิดเห็นใด ๆ จากนั้นก็รอการหย่าร้าง และเธอก็ต้องเก็บสัมภาระและจากไป อย่างไรก็ตามข่าวลือข้างนอกทั้งหมด ก็ทำเพื่อปลดเธอลงจากตำแหน่ง “มู่หรูกงกงได้รับคำตอบ คือเจ้าเพิ่งเริ่มต้นได้แค่ปีเดียว ไม่ควรรับสนมมาเร็วอย่างนี้ ข้าจำได้ว่าเจ้าสัญญาว่าเจ้าจะคลอดบุตรเป็นรัชทายาทในไม่ช้านี้ คำพูดของเจ้าขัดแย้งกัน สรุปเจ้าจะหมายคามว่าอะไร? หยวน ชิงหลิงไม่สามารถโต้แย้งได้ ตอนนั้นบอกว่าจะคลอดบุตรให้เร็ว ๆ แต่เพราะบรรยากาศตอนนั้น เธอจึงพูดสิ่งที่ควรพูด ได้คิดผลที่ตามมาทีหลังที่ไหน? “สรุปเจ้าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?” จักรพรรดิหมิงหยวนถามอย่างเฉียบขาด หยวน ชิงหลิงอ้าปาก และคำพูดเห็นด้วยอยู่ในลำคอ มู่หรูกงกงกล่าวว่า “พระชายาระวังคำพูดด้วย เดี
จักรพรรดิหมิงหยวนกล่าวต่อไปว่า “ในเมื่อเจ้าห้าเคารพเจ้า เช่นนั้นข้าเองก็จะเห็นแก่เจ้าห้าสักครั้ง เรื่องแต่งงานไม่ควรบังคับกัน มิเช่นนั้นภายหลังจากคู่ชีวิตจะกลายเป็นคู่เวรคู่กรรมกันไป เรื่องนี้เดี๋ยวข้าจะไปพูดกับสนมเสียนเฟยเอง เจ้าไปเถอะ”ใช่ ยังมีสนมเสียนเฟยอีก นางพึ่งทำให้แม่สามีไม่พอใจมาแบบนี้ ศัตรูรายล้อมรอบทิศทางออกมาจากหอตำราหลวง ในใจของ หยวน ชิงหลิงเหมือนมีมีดยาวสี่สิบเมตรแทงเข้ากลางใจ ถ้าฆ่าคนได้ไม่ผิดกฏหมายล่ะก็ อวี่ เหวินห่าวต้องถูกเธอฆ่าตายคามือแน่ออกมาไกลจากหอตำราหลวง ด้านนอกมีคนรอนางอยู่บอกนางว่าเสียนเฟยอยากพบนาง แรงกดดันภายนอกไม่รู้มาถึงเมื่อไหร่ แต่ในที่นี้สนมเสียนเฟยมาเร็วที่สุด เธอจำใจไปพบสนมเสียนเฟยที่ตำหนักชิงหยู คาดไม่ถึง คนที่เข้ามาขวางคือฉางกงกง“พระชายา ไท่ซ่างหวง เชิญท่านไปพบที่ตำหนัก!”นางกำนัลจากตำหนักชิงหยูกล่าวว่า “ฉางกงกงพระสนมเสียนเฟยเชิญพระชายา ท่านกลับไปกราบทูลก่อน หรือไม่ก็รอพระชายาเสด็จออกจากตำหนักชิงหยูแล้วไปที่พระตำหนักเฉียนคุนท่าจะดีกว่า?”ฉางกงกงยิ้มอย่างอ่อนโยน ราวกับพระพุทธรูป “ไม่ไหวหรอก เกรงว่าไท่ซ่างหวงจะรอไม่ไหวจนทรงกริ้วขึ้นมา”น
“ดื่มสักคำ จะได้ระบายความอัดอั้นตันใจ ดื่มให้ลืมความยากลำบากในวันนี้ ถ้าเจ้าเมาแล้วเดี๋ยวข้าให้คนพาเจ้ากลับจวนเอง”ไท่ซ่างหวงพูด พลางกวักมือเรียกให้ฉางกงกงยกเหล้าเข้ามาชาติก่อน หยวน ชิงหลิงดื่มเหล้าแรงสุดก็เชมเปญ ดื่มไปสองแก้ว ก็เมาเละเทะซะจนกู่ไม่กลับแล้ว แต่ว่าเธอมาอยู่ร่างนี้คอไม่น่าอ่อนแน่ อันที่จริงคนโบราณบางครั้งก็ดื่มเหมือนกันเธอได้กลิ่นสุราหอมหมื่นลี้ที่ฉางกงกงยกมา เธอสูดดมเข้าไป กลิ่นหอมไม่เลว มีกลิ่นแอลกอฮอล์ไม่แรงมากนัก “ข้าดื่มไม่ได้ เจ้าฉางก็ไม่ยอมดื่ม ข้าอยากดมกลิ่นเหล้าก็ยากซะเหลือเกิน” ไท่ซ่างหวงท่าทางดูคึกคักตื่นเต้นฉางกงกงที่รินเหล้าอยู่ด้านข้าง เทให้ไท่ซ่างหวงแก้วนึง หยวน ชิงหลิงยื่นมือไปรับไว้ ฉางกงกงได้กล่าวเตือนไท่ซ่างหวง “ดมอย่างเดียวนะพ่ะย่ะค่ะ”“ได้ดมก็ยังดี” ไท่ซ่างหวงสูดหายใจดมลึก ๆ สูดดมกลิ่นเหล้าผ่านทางจมูกช้า ๆ นึกถึงความรู้สึกเมื่อก่อนที่ดื่มเหล้าแล้ว รู้สึกเหมือนร่างกายลอยละล่องเลย“มา เจ้าดื่ม ข้าดม!” เขายกแก้วขึ้นชนแก้วกับ หยวน ชิงหลิง ไท่ซ่างหวงยกเหล้าเข้าปากตัวเอง “ทำไมเหล้ารสชาติเปลี่ยน? ทำไมรสชาติไม่กลมกล่อมเหมือนแต่ก่อน? บ่าวไพร่พวกนี