หยวน ชิงหลิงรู้สึกงง อวี่ เหวินห่าวท่านกำลังทำอะไรกันแน่? “ลูกไม่มีการคัดค้าน” หยวน ชิงหลิงรีบแก้ตัว “เรื่องนี้ท่านอ๋องไม่เคยถามว่าข้าหมายถึงอะไร” “เจ้ากำลังพูดพาดพิงถึงเจ้าห้าว่าดูหมิ่นเจ้าใช่ไหม?” เสียงของจักรพรรดิหมิงหยวนอึมครึมมากขึ้น “ไม่ใช่ ไม่ได้หมายความอย่างนั้น...” นี่ยังห่างไกลจากสิ่งที่เธอคิด เดิมทีเธอคิดว่า แค่เพียงต้องการยืนยันว่าเธอไม่มีความคิดเห็นใด ๆ จากนั้นก็รอการหย่าร้าง และเธอก็ต้องเก็บสัมภาระและจากไป อย่างไรก็ตามข่าวลือข้างนอกทั้งหมด ก็ทำเพื่อปลดเธอลงจากตำแหน่ง “มู่หรูกงกงได้รับคำตอบ คือเจ้าเพิ่งเริ่มต้นได้แค่ปีเดียว ไม่ควรรับสนมมาเร็วอย่างนี้ ข้าจำได้ว่าเจ้าสัญญาว่าเจ้าจะคลอดบุตรเป็นรัชทายาทในไม่ช้านี้ คำพูดของเจ้าขัดแย้งกัน สรุปเจ้าจะหมายคามว่าอะไร? หยวน ชิงหลิงไม่สามารถโต้แย้งได้ ตอนนั้นบอกว่าจะคลอดบุตรให้เร็ว ๆ แต่เพราะบรรยากาศตอนนั้น เธอจึงพูดสิ่งที่ควรพูด ได้คิดผลที่ตามมาทีหลังที่ไหน? “สรุปเจ้าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?” จักรพรรดิหมิงหยวนถามอย่างเฉียบขาด หยวน ชิงหลิงอ้าปาก และคำพูดเห็นด้วยอยู่ในลำคอ มู่หรูกงกงกล่าวว่า “พระชายาระวังคำพูดด้วย เดี
จักรพรรดิหมิงหยวนกล่าวต่อไปว่า “ในเมื่อเจ้าห้าเคารพเจ้า เช่นนั้นข้าเองก็จะเห็นแก่เจ้าห้าสักครั้ง เรื่องแต่งงานไม่ควรบังคับกัน มิเช่นนั้นภายหลังจากคู่ชีวิตจะกลายเป็นคู่เวรคู่กรรมกันไป เรื่องนี้เดี๋ยวข้าจะไปพูดกับสนมเสียนเฟยเอง เจ้าไปเถอะ”ใช่ ยังมีสนมเสียนเฟยอีก นางพึ่งทำให้แม่สามีไม่พอใจมาแบบนี้ ศัตรูรายล้อมรอบทิศทางออกมาจากหอตำราหลวง ในใจของ หยวน ชิงหลิงเหมือนมีมีดยาวสี่สิบเมตรแทงเข้ากลางใจ ถ้าฆ่าคนได้ไม่ผิดกฏหมายล่ะก็ อวี่ เหวินห่าวต้องถูกเธอฆ่าตายคามือแน่ออกมาไกลจากหอตำราหลวง ด้านนอกมีคนรอนางอยู่บอกนางว่าเสียนเฟยอยากพบนาง แรงกดดันภายนอกไม่รู้มาถึงเมื่อไหร่ แต่ในที่นี้สนมเสียนเฟยมาเร็วที่สุด เธอจำใจไปพบสนมเสียนเฟยที่ตำหนักชิงหยู คาดไม่ถึง คนที่เข้ามาขวางคือฉางกงกง“พระชายา ไท่ซ่างหวง เชิญท่านไปพบที่ตำหนัก!”นางกำนัลจากตำหนักชิงหยูกล่าวว่า “ฉางกงกงพระสนมเสียนเฟยเชิญพระชายา ท่านกลับไปกราบทูลก่อน หรือไม่ก็รอพระชายาเสด็จออกจากตำหนักชิงหยูแล้วไปที่พระตำหนักเฉียนคุนท่าจะดีกว่า?”ฉางกงกงยิ้มอย่างอ่อนโยน ราวกับพระพุทธรูป “ไม่ไหวหรอก เกรงว่าไท่ซ่างหวงจะรอไม่ไหวจนทรงกริ้วขึ้นมา”น
“ดื่มสักคำ จะได้ระบายความอัดอั้นตันใจ ดื่มให้ลืมความยากลำบากในวันนี้ ถ้าเจ้าเมาแล้วเดี๋ยวข้าให้คนพาเจ้ากลับจวนเอง”ไท่ซ่างหวงพูด พลางกวักมือเรียกให้ฉางกงกงยกเหล้าเข้ามาชาติก่อน หยวน ชิงหลิงดื่มเหล้าแรงสุดก็เชมเปญ ดื่มไปสองแก้ว ก็เมาเละเทะซะจนกู่ไม่กลับแล้ว แต่ว่าเธอมาอยู่ร่างนี้คอไม่น่าอ่อนแน่ อันที่จริงคนโบราณบางครั้งก็ดื่มเหมือนกันเธอได้กลิ่นสุราหอมหมื่นลี้ที่ฉางกงกงยกมา เธอสูดดมเข้าไป กลิ่นหอมไม่เลว มีกลิ่นแอลกอฮอล์ไม่แรงมากนัก “ข้าดื่มไม่ได้ เจ้าฉางก็ไม่ยอมดื่ม ข้าอยากดมกลิ่นเหล้าก็ยากซะเหลือเกิน” ไท่ซ่างหวงท่าทางดูคึกคักตื่นเต้นฉางกงกงที่รินเหล้าอยู่ด้านข้าง เทให้ไท่ซ่างหวงแก้วนึง หยวน ชิงหลิงยื่นมือไปรับไว้ ฉางกงกงได้กล่าวเตือนไท่ซ่างหวง “ดมอย่างเดียวนะพ่ะย่ะค่ะ”“ได้ดมก็ยังดี” ไท่ซ่างหวงสูดหายใจดมลึก ๆ สูดดมกลิ่นเหล้าผ่านทางจมูกช้า ๆ นึกถึงความรู้สึกเมื่อก่อนที่ดื่มเหล้าแล้ว รู้สึกเหมือนร่างกายลอยละล่องเลย“มา เจ้าดื่ม ข้าดม!” เขายกแก้วขึ้นชนแก้วกับ หยวน ชิงหลิง ไท่ซ่างหวงยกเหล้าเข้าปากตัวเอง “ทำไมเหล้ารสชาติเปลี่ยน? ทำไมรสชาติไม่กลมกล่อมเหมือนแต่ก่อน? บ่าวไพร่พวกนี
หยวน ชิงหลิงถูกพาส่งกลับตำหนักเฝิงอี้ นางกำนัลทั้งสองและลวี่หยาเห็นสภาพนางเป็นเช่นนั้น ต่างร้องตกใจออกมา นางข้าหลวงสี่ที่ยังตั้งสติกับเหตุการณ์นี้อยู่ได้ รีบสั่งให้ลวี่หยาไปเตรียมน้ำแกงสร่างเมามา หลังจากนั้นก็ไปถามเรื่องราวกับกู้ซือกู้ซือได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า “นางดื่มจนเมาที่พระตำหนักของไท่ซ่างหวง ทางนั้นให้ดื่มน้ำแกงสร่างเมาแล้วแต่ก็อาเจียนออกมาหมด”“ดื่มจนเมาที่พระตำหนักของไท่ซ่างหวง โอ้ยสวรรค์ เรื่องนี้ทำให้ไท่ซ่างหวงทรงกริ้วรึเปล่า?” นางข้าหลวงสี่อุทานด้วยความตกใจ“ทรงกริ้วหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ฉางกงกงหน้าซีดเผือดเลย”“โธ่!” นางข้าหลวงสี่หันหน้าไปดู หยวน ชิงหลิงที่นั่งบนเตียง แม่นมฉีคิดจะให้นางนอนเอนหลังพักสักหน่อย นางจับมือไว้แล้ว “อย่าโดนข้า ข้าเวียนหัว!”“ใต้เท้ากู้ โปรดกลับไปก่อน ขอบคุณท่านแล้ว” นางข้าหลวงสี่กล่าวกู้ซือมอง หยวน ชิงหลิงหน้าแดงก่ำจนน่ากลัว ดวงตาก็แดง ผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้าก็หลุดลุ่ย สภาพน่าขายหน้ามาก“ขอตัวก่อน!” กู้ซือหันตัวออกไปไม่คิดเลยว่าการเฝ้าจับตาดูพระชายาฉู่ ที่เงียบสงบในวันธรรมดา พอเมาขึ้นมาจะโกรธอาละวาดได้น่ากลัวขนาดนี้ตอนที่เขาเพิ่งไ
หยวน ชิงหลิงเดินตัวลอย ๆ ปากก็บ่นงึมงัมไป “ลากข้าออกไปอีกแล้วเหรอ? ทำไมช่วงนี้ข้าโชคร้ายขนาดนี้? มาที่นี้ ก็โดนคนทำเหมือนข้าเป็นนักโทษ พวกเจ้ามาขอให้ข้าช่วยอีก”“เพคะ เพคะ!” ทั้งสองคนตอบรับอย่างเดียว ในใจรู้สึกสงสัยเหลือเกิน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมพระชายาถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมฉางกงกงให้นางดื่มมากขนาดนี้?ออกไปรับลมข้างนอกแล้ว หยวน ชิงหลิงไม่รู้สึกสบายขึ้นเลย แถมรู้สึกยิ่งโดนลมยิ่งเวียนหัว แต่ในใจกลับยิ่งรู้สึกฟุ้งซ่านมากขึ้นเรื่อย ๆในใจของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ ความโกรธทำให้เธอทุกข์กายทุกข์ใจ ทำไมไม่มีอะไรได้ดั่งใจสักอย่าง? อวี่ เหวินห่าวปฏิเสธเรื่องแต่งงานตัวเองก็พูดเองสิ ทำไมต้องเอาข้ามาเป็นโล่ด้วย? เห็นว่าจะรังแกกันได้ง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ? ตอนนี้มีคนไม่น้อยจ้องจะเล่นงานเธอ เหมือนหัวเธอผูกไว้กับเข็มขัด รอแค่ว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาลากดึงไปช่างต้อยต่ำ ช่างต้อยไร้ค่า บัดซบสิ้นดี เธอท่องประโยคเหล่านี้ วน ๆ ซ้ำ ๆ ถ้าเธอจะตาย ยังไงก็ต้องฆ่าตัวต้นเหตุให้ได้ด้วยแรงจูงใจนี้ เธอจึงดึงดันจะเข้าไปในห้องครัวให้จงได้ ทั้งสองคนที่หิ้วพาอีกคนนึงเข้ามาอย่างทุลักทุเล เมื่อหันมาลวี่หยาตกใจแทบแย่ “พระ
ถังหยางเห็นนางถือมีดมาแบบนี้ ใจเขาสั่นเทาไปด้วยความตกใจกลัว เขากำลังจะอ้าปากพูด อวี่ เหวินห่าว ยืนขึ้นมาช้า ๆ มือค้ำโต๊ะไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “พวกเจ้าออกไปก่อน พระชายาตามหาข้า” กู้ซือมองไปทาง อวี่ เหวินห่าว “แน่ใจนะพ่ะย่ะค่ะ?”“ไปเถอะ” อวี่ เหวินห่าวตอบกลับกู้ซือพยักหน้าแล้วหันไปพูดกับ ถังหยาง “ไปกันเถอะ”ถังหยางกังวลใจเป็นอย่างมาก กู้ซือเพิ่งมาบอกว่าพระชายากินเหล้าเมาแล้วพากลับมา ตอนนี้ก็ถือมีดเข้ามาแบบไม่ให้ตั้งตัวสักนิดผู้หญิงเมาอาละวาดแบบนี้อันตรายมาก ท่านอ๋องเองก็ยังไม่ฟื้นตัวดีแต่แค่แย่งมีดมาคงไม่มีปัญหา เขากับกู้ซือจึงออกไปด้วยกัน“ปิดประตูซะ!” หยวน ชิงหลิงถือมีดแล้วสั่งอย่างเย็นชาถังหยางมองไปทาง อวี่ เหวินห่าว อวี่ เหวินห่าวบอกว่า “ฟังพระชายาเถอะ นางมีอาวุธที่น่าทึ่งที่สุดอยู่”ปิดประตูแล้ว ในห้องเงียบสงัด หยวน ชิงหลิงหายใจหอบจนหน้าอกขึ้นลงด้วยความวิตกกังวล อวี่ เหวินห่าวมองหน้านาง บนใบหน้าไม่มีความโกรธเลยสักนิด“ท่านเย้ยหยันข้า” หยวน ชิงหลิงที่เพิ่งได้ยินพูดของเขาเมื่อกี้ก็รู้สึกโกรธมาก นางมีอาวุธเจ๋งแค่ไหนแล้วไง? นางรู้ ต่อให้นางมีปืนกลอยู่ต่อหน้าเขา นางก็อ่อนแอก
“ได้ๆ ข้าจะถอยไป” อวี่ เหวินห่าวถอยหลังอย่างช้า ๆ ถอยไปถึงด้านเตียงข้างจริง ๆ ถึงนั่งลงบนเตียง หยวน ชิงหลิงเดินโซซัดโซเซไปที่โต๊ะข้างหน้า มองม้านั่งแล้วก็หย่อนก้นนั่งลงไป นั่งได้ไม่เท่าไหร่ กลิ้งตกเก้าอี้ลงมา เก้าอี้พลิกคว่ำล้มอยู่ตรงเข่าของเธอเธอเตะมันออกไปด้วยความโมโห ค่อยเรียกท่าทีดุดันกลับมาได้ มีดอีโต้นี้ก็หนักซะเหลือเกิน ข้อมือเจ็บจะแย่อยู่แล้ว ไม่มีแรงจะถืออีก เสียงมีดตกลง กระเด้งไปกับพื้น มือของเธอที่ลูบใบมีดที่มีเลือดเปื้อนกระเซ็นเธอนั่งลงกับพื้นอยู่สองนาที คิดถึงตัวเองที่เอามีดอีโต้จะมาทำร้ายคน สุดท้ายคนที่เจ็บมีแต่เธอคนเดียว ความโกรธที่อัดแน่นแปรเปลี่ยนเป็นความโศกเศร้าเสียใจ เธอสูดปากแล้วร้องไห้เสียงดังออกมา อวี่ เหวินห่าวเห็นนางนั่งร้องไห้เสียงดังกับพื้นแบบไม่รักษาอากัปกริยา เหมือนเด็กถูกรังแก ในใจก็รู้สึกเหมือนจี้ใจดำตัวเอง นางเอามือเปื้อนเลือดนั้นปาดน้ำตาออกคราบเลือดที่เปื้อนบนใบหน้า เขารู้สึกทำตัวไม่ถูกเหมือนหมาป่าที่พ่ายแพ้ เขาเดินเข้าไปอย่างเงียบ ๆ หยิบผ้าก๊อชที่เหลือมาช่วยนางทำแผล อวี่ เหวินห่าวถอนหายใจเบา ๆ “ข้าผิดเอง ดีไหม? อย่าร้องไห้เลย ที่เป็นอยู่ก็ขี้
หยวน ชิงหลิงทั้งตีทั้งกัดจนเริ่มหายโกรธไปบ้างแล้ว เธอเวียนหัวมากจริง ๆ สายตาก็สั่นจนจับโฟกัสไม่ได้ เธอจึงหมดสติบนร่างของ อวี่ เหวินห่าวด้วยความเวียนหัวอวี่ เหวินห่าวพบว่าจู่ ๆ นางก็หยุดขยับเขยือนไป อวี่ เหวินห่าวเลยเขย่านาง “นี่!”หยวน ชิงหลิงพึมพัมเบา ๆ หัวเธอซบบนไหล่ของเขา บ่นเสียงเบาว่า “ข้าอยากกลับบ้าน หลับคราวนี้คงได้กลับบ้านแล้ว” อวี่ เหวินห่าวรู้สึกเคืองขึ้นมา เมาอาละวาดจนนอนหลับไปแล้ว กลับบ้านเหรอ? ได้สิ พรุ่งนี้จะพากลับบ้าน แต่ก็แปลกจริง ๆ จวนจิ้งโฮ่วเลวร้ายขนาดนั้น มีอะไรให้น่าคิดถึง?เขาผลักนางออกไปแล้วลุกขึ้น เห็นนางนอนอยู่บนพื้นเย็น ๆ แบบนั้นแล้วขดตัวให้อุ่น อวี่ เหวินห่าวแม้ว่าจะโกรธ แต่ก็อดรู้สึกเห็นใจไม่ได้เขาจึงค่อย ๆ ก้มลงไปอุ้มนางขึ้นมา ตัวนางไม่ได้หนักสักเท่าไหร่ ถึงอาการบาดเจ็บจะยังสาหัส แต่อุ้มนางขึ้นมาแบบนี้ไม่รู้สึกยากลำบากเลยสักนิดอุ้มนางไปไว้บนเตียง คิดแล้วคิดอีก แต่ก็ยังห่มผ้าห่มให้ มองดูใบหน้าที่เคยโกรธจัดจนเป็นสีแดงก่ำของนาง เขาส่ายหน้าเบา ๆ “เป็นหญิงบ้าจริง ๆ”เขาลุกขึ้นมาไปเปิดประตู กู้ซือ, ถังหยางและสวี่อีรีบเข้ามา โผล่หัวเข้าไปมองในห้อง“ไม่