พอเขาเห็นคอนโดฉันก็ตินั่นนี่บ่นมาตลอดทางบ่นเก่งยิ่งกว่าผู้หญิงอย่างฉันอีกสุดท้ายก็ต้องให้เขาเข้าห้องมาด้วย!
“น้ำอยู่ในตู้เย็น” ฉันบอกก่อนจะนั่งเอนหลังอยู่บนโซฟาอีกอย่างเหมือนเท้าฉันจะบวมด้วยยิ่งเจ้าตัวเล็กใกล้คลอดฉันก็ยิ่งนอนไม่หลับกินไม่เท่าไหร่ก็จุกแถมยังต้องฉี่บ่อยมากกว่าเดิมการอยู่คนเดียวไม่ใช่ทางเลือกที่ดีก็จริงแต่ฉันไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนจึงได้แต่ต้องทำอะไรคนเดียวฉันหลับตาพักเหนื่อยโดยมีคนแปลกหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นท่านประธานบริษัทรวมไปถึงพ่อของลูกที่เดินไปทั่วก่อนจะได้ยินเสียงสวบสาบแก้วน้ำเย็นวางกระทบกับโต๊ะแก้วฉันลืมตาก็เห็นเขานั่งอยู่บนพื้นแถมยังจ้องขาฉันอยู่อย่างนั้น
“จะทำอะไร” ฉันถามเสียงแข็ง
“เท้าคุณบวมขนาดนี้คุณยังไปทำงานอีก”
“ฉันยังไหวน่า”
“คุณใช้ชีวิตที่ผ่านมายังไงเนี่ย” ฉันกำลังจะอ้าปากเถียงหุบปากฉับเมื่อฝ่ามืออุ่นกำลังยกขาของฉันไปพาดที่ต้นขาของตัวเองพร้อมกับบีบนวดให้ด้วยน้ำหนักมือที่พอดีไม่หนักไม่เบาจนเกินไป
“คุณ!” ฉันทำท่าจะยกเท้าออกแต่กลับถูกเจ้าของฝ่ามือนั้นยึดเอาไว้
“อย่าดื้อ”
“คุณต้องการอะไร” ฉันกอดอกถามเขาด้วยความสงสัยพอได้ยินว่าฉันจะไม่จดทะเบียนสมรสกับเขาเด็ดขาดเลยทำดีด้วยอย่างนั้นเหรอฝันไปเถอะ! ฉันไม่ซาบซึ้งหรอกพอเห็นสายตาคู่นั้นที่จ้องมองมากลายเป็นฉันเองที่ทำตัวไม่ถูก
ผู้หญิงคนนี้นี่ยังไงกันใช้ไม่แข็งก็ไม่ได้ไม้อ่อนก็ไม่ดีริวอิจิคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะต้องเป็นฝ่ายมาง้อผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งที่กำลังตั้งท้องลูกของเขาแถมยังจะคลอดอยู่รอมร่อตอนนี้เขาอยู่ที่ประเทศไทยเลยศึกษากฎหมายมาพอสมควรหากเด็กคลอดโดยที่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสเขาจะไม่มีสิทธิ์ใดๆตามกฎหมายอีกทั้งเรื่องราวการจดทะเบียนรับเป็นบุตรจะยุ่งวุ่นวายมากกว่าหลังจดทะเบียนสมรสยังไงเขาก็ต้องเกลี้ยกล่อมให้เธอยอมเซ็นเอกสารสมรสในเร็ววันดูท่าว่าเด็กน้อยจะใจร้อนบางทีอาจจะคลอดก่อนกำหนดด้วยซ้ำฮึบไว้ก่อนนะเจ้าหนูเพื่อสิทธิประโยชน์ของตัวเอง! ชายหนุ่มร้องขออยู่ในใจ
“อื้อ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังลูบท้องของตัวเองพลันสายตาริวอิจิก็เหลือบไปเห็นคล้ายกับว่ามีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้อาภรณ์นั้นเหมือนคลื่นเดี๋ยวโป่งนูนตรงนั้นตรงนี้คุณพ่อมือใหม่มองตามโดยไม่รู้ตัวเลยว่าฝ่ามือของตัวเองหยุดนวดตั้งแต่เมื่อไหร่แต่กลับวางแนบไปกับท้องนูนคล้ายกับหยอกล้อกับเจ้าตัวเล็กที่กำลังคล้ายกับโก่งตูดเหมือนกับว่าอยากจะพุ่งออกมาเสียเต็มประดา
“แสบจริงๆ” ริวอิจิไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าสายตาหรือรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าคมคร้ามนั้นช่างดูอบอุ่นแววตานั้นดูอ่อนโยนทว่าจู่ๆเขาก็รู้สึกชะงักเมื่อได้สบตากับเจ้าหล่อนที่มองมาอย่างคลางแคลงใจในพฤติกรรมของเขา
“อะแฮ่ม” ริวอิจิแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะเริ่มบ่นเหมือนหมีกินผึ้ง
“ทำไมถึงปล่อยให้เท้าบวมแบบนี้”
“ปกติของคนท้องน่ะ” ฉันตอบอย่างรำคาญเขาบ่นเหมือนผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมามากกว่าอย่างไรอย่างนั้นทั้งๆที่อายุน่าจะห่างจากฉันไม่มากเท่าไหร่
“คุณจะบ่นให้ได้อะไรขึ้นมา” ฉันพยายามจะชักเท้าหนีแต่ก็ต้องสะดุ้ง “อูย”
“เจ็บเหรอ” ฉันพยักหน้าเมื่อเขาคลึงตรงจุดบนฝ่าเท้าและบริเวณน่องพอมีคนนวดให้แบบนี้ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยเหมือนว่าเลือดลมจะไหลเวียนดีมากขึ้นบวกกับแอร์เย็นๆในห้องนอนจู่ๆฉันก็ผล็อยหลับไป
ริวอิจิส่ายหน้าผู้หญิงตรงหน้าแปลกจริงๆทั้งๆที่ไม่ได้สวยจนหาตัวจับยากแต่ทว่ากลับมีเสน่ห์จนเขาต้องแอบมองปฏิกิริยาของเจ้าหล่อนไม่ได้ผู้หญิงอะไรไม่มีมารยาหญิงเลยสักนิดคิดอ่านอะไรแสดงออกมาทางสีหน้าหมดอีกอย่างเขาเป็นผู้ชายเจ้าสำราญเจอผู้หญิงมามากแค่เพียงสบตาเจ้าหล่อนก็ทอดสะพานให้เขาเชยชมได้อย่างง่ายต่างคนต่างวินๆแต่ไม่เหมือนกับผู้หญิงตรงหน้าทั้งๆที่ผ่านคืนเร่าร้อนนั้นด้วยกันมาแท้ๆแต่กลับหนีกลับก่อนแถมยังเป็นคนเดียวที่ไม่รู้ว่าเขาพลาดหรืออะไรยังไงถึงได้โอบอุ้มเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาโดยที่ไม่ปริปากจะเรียกร้องอะไรออกมาทั้งสิ้น
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาไม่อยากจะคิด
พอมาเจอเจ้าหล่อนเหตุการณ์กลับตาลปัตรอีกทั้งเขายังแอบหวังว่าจะได้สานสัมพันธ์กับเจ้าหล่อนต่ออีกสักหน่อยกลับกลายเป็นว่าการมาเมืองไทยครั้งนี้ของเขาแผนเดิมที่วางไว้พังไม่พอดันต้องวางแผนใหม่เสียยกใหญ่พอเห็นหน้าท้องที่โป่งนูนของหญิงสาวบวกกับอาการก่อนหน้าที่เขาป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุจนหลับนอนกับใครหน้าไหนไม่ได้อีกจนมาพบความจริงเหมือนโดนค้อนปอนด์ทุบเข้าที่ศีรษะอย่างจัง
แสบนักนะเจ้าตัวเล็ก!
ถ้าแม่ของเขารู้เรื่องเข้าคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไปเขามองใบหน้ารูปไข่นึกถึงดวงตากลมโตที่จ้องมองเขาเหมือนตัวประหลาดริมฝีปากสวยเหมือนกระจับนั้นมักจะเม้มอยู่เสมอเมื่อเจ้าหล่อนหาวิธีเอาตัวรอดหรือเวลาที่ระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านรวมไปถึงคิ้วสวยนั้นที่มักจะขมวดชนกันเมื่อเห็นเขาเข้ามาใกล้เป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆนั่นแหละคนอย่างริวอิจิไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิบัติกับเขาแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำเขานวดเท้าทั้งสองข้างของเจ้าตัวอย่างระวังอะไร! แม้แต่คนแปลกหน้าอยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสองก็ยังจะหลับได้อีกแถมยังหลับเป็นตายไม่มีความระแวงเลยสักนิด
อีกทั้งฝ่าเท้ามีจุดสำคัญหากนวดแรงเข้าจะกลายเป็นกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวเขาเลยเลื่อนฝ่ามืออุ่นนั้นมานวดที่น่องบางเรียวนั้นอย่างเบามือเนื้อตัวบอบบางแต่กลับซ่อนรูปภาพในคืนนั้นผุดขึ้นมาในหัวเป็นฉากเมื่อเห็นข้อเท้าบางนั้นเขากระแอมไอเพื่อเรียกสติที่กำลังจะเตลิดก่อนจะค่อยๆวางเท้าทั้งสองข้างลงบนสลิปเปอร์อย่างแผ่วเบาก่อนจะออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง
แต่คนที่แกล้งหลับกลับลืมตาขึ้นจ้องมองแผ่นหลังที่กำลังหันหลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแถมยังหยิบบุหรี่ออกมาสูบหน้าตาเฉยหากฉันไม่ปวดท้องตอนนี้อยากจะไปเขย่าคอเขาสักตั้งบุหรี่ไม่ดีต่อเด็กในท้องและผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์โว้ย! แต่ตอนนี้ช่างมันเถอะขอพักยกเก็บแรงไว้สักหน่อยก่อนจะหลับตาลงเหมือนเดิมและหลับไปทั้งอย่างนั้น
ฉันสะดุ้งตื่นก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่มแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจว่าจะพักสายตาอยู่ครู่หนึ่งแท้ ๆ แล้วคืนนี้จะนอนได้ไหมเนี่ย พอเห็นผ้าคลุมที่ตกลงไปที่เอวก็รู้สึกตัว จริงสิ! ฉันไม่ได้อยู่คนเดียวนี่นายังมีอีตาประธานขี้บ่นคนนั้นอีกทั้งคน พอนึกขึ้นได้ก็หันซ้ายแลขวาพลันจมูกได้กลิ่นหอม ๆ ของกะเพรา อย่าบอกนะ…ถุงอาหารมากมายวางอยู่บนโต๊ะกินข้าวแถมอีตาประธานยังผิวปากจัดแจงจานชามอย่างอารมณ์ดีเหมือนอยู่บ้านตัวเอง ฉันกอดอกยืนมองแผ่นหลังที่กำลังง่วนอยู่กับการล้างผลไม้ พอได้ยินเสียงน้ำในอ่างที่ไหลอยู่นานสองนานฉันก็ยิ่งหน้ามืดครึ้ม ก่อนจะกระแอมไอเผื่ออีกฝ่ายจะได้ยิน“อ้าว…ตื่นแล้วเหรอผมจัดโต๊ะเสร็จพอดีนั่งเลยๆ” เขาบุ้ยหน้าพร้อมกับรีบเช็ดมือให้แห้งก่อนจะรีบพยุงฉันไปนั่งที่เก้าอี้เลื่อนเก้าอี้ออกให้เสร็จสรรพไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนกลางวันยังยืนด่ากันปาวๆตกกลางคืนกลับมาบริการกันเสียอย่างนั้นแม้ว่าท้องจะร้องโครกครากแต่ก็ไม่ได้เห็นแก่กินหรอกนะ“คุณมีอะไรจะพูดกับฉันหรือเปล่าคะ” ฉันโพล่งถามออกไปพลันมือที่กำลังจัดองุ่นอยู่ในจานชะงักยิ่งเห็นเขาถอดชุดสูทราคาแพงออกพับเสื้อเชิ้ตแขนยาวขึ้นไปถึงข้อศอกมีแววความเป็นพ่อบ้านอยู่บ้าง
หนังท้องตึงหนังตาหย่อน ฉันนั่งอยู่ที่เก้าอี้นั่งรอกระเพาะย่อยอาหารสักพัก ไม่รู้ว่าวันนี้ฉันจ้องมองแผ่นหลังนั้นไปกี่ครั้งแล้วกันแน่ แถมยังหน้าด้านหน้าทน ตีหน้ามึนได้อย่างหน้าไม่อายเหมือนอย่างตอนนี้“ถ้าคุณล้างเสร็จแล้วก็กลับไปซะฉันไม่ส่งขอตัว!” พูดเสร็จก็ลุกเข้าห้องนอนตัวเองไปทันทีฉันล็อกห้องพลางเช็กให้แน่ใจก่อนจะเข้าไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้านอนคุณแม่ท้องแก่ก็งี้…เมื่อก่อนสามทุ่มครึ่งฉันต้องดื่มอยู่ที่คลับสักที่พอคิดไปถึงชีวิตตอนนั้นก็ใจหายเหมือนกันคล้ายกับว่าจะไม่ได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างนั้นอีกฉันรักและรู้สึกผูกพันกับเด็กคนนี้มากก็จริงแต่เพราะไม่ได้เตรียมใจและเตรียมตัวตั้งแต่แรกมันไม่เหมือนคนที่วางแผนครอบครัวแต่งงานมีลูกแต่ว่าฉันดันข้ามมามีลูกเลยมันก็เลยช็อกอยู่เหมือนกันอีกทั้งการจะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้ดีต้องเอาใจใส่มากพอสมควรเพราะตัดสินใจเก็บเขาเอาไว้ทำให้ชีวิตลุ่มๆดอนๆของฉันกลายเป็นมั่นคงขึ้นมองอนาคตให้ไกลขึ้นนี่และนะสัญชาตญาณของความเป็นแม่ฉันสวมชุดนอนคนท้องพร้อมกับแกะมาร์สพิเศษแปะลงบนหน้าท้องที่โป่งนูนของตัวเอง ‘คล้ายกับลูกโป่งเลยแฮะ’ แถมเจ้าเด็กแสบยังขยันขยับตัวบ่อยวันไหนที่ขยับน้อย
“ทำยังกะว่าคุณไว้ใจได้อย่างนั้นแหละ” ฉันตอบโดยไม่มองหน้าเขาอีกคนอะไรยั่วให้โมโหได้เก่งเหลือเกินอีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้เจ้าตัวเล็กในท้องเกิดมาอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายจึงพยายามทำจิตใจให้ผ่องใสมองโลกในแง่ดีแต่พอมาเจอผู้ชายคนนี้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกกลับตาลปัตรไปเสียหมดกลายเป็นว่าเขาเป็นคนที่ทำให้ฉันคิดบวกบวกให้แหลกไปเลยลูกเพ่อะไรทำนองนั้นแถมยังทำหน้ายียวนกวนอารมณ์ได้เก่งเหลือเกินไม่รู้ว่าคุณเขาใช้ชีวิตมาจนถึงป่านนี้ได้ยังไงโดยไม่โดนเสยคางไปเสียก่อนฉันจ้องหน้าเขาอยู่นานโดยไม่ปริปากพูดอะไร“ถ้าคุณจะด่าผมในใจขนาดนั้นด่าออกมาเลยจะดีกว่า”“รู้ตัวก็ดี” ฉันเหลือบมองนาฬิกาตรงผนังจะสี่ทุ่มอยู่รอมร่อ “ถ้าคุณจะนอนที่นี่…โน้น” ฉันผายมือไปยังโซฟาก่อนจะกดคันโยกประตูจะกลับเข้าไปนอนแต่อีตาประธานมือไวยกมือดันประตูเอาไว้เสียก่อน“ผมอยากอาบน้ำ” ฉันเหลือกตาอย่างรำคาญแม้ว่าจะมีสองห้องนอนแต่อีกห้องเป็นห้องนอนของพ่อแม่ที่ฉันเรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้เข้าไปในห้องนั้นเลยไม่ต้องถามเรื่องฝุ่นก่อนจะเปิดประตูให้เขาได้เข้าห้องนอนมาอย่างช่วยไม่ได้ฉันเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่ให้ค้นในตู้เสื้อผ้าช่วงก่อนฉันชอบใส่เสื้อตราห่า
ฉันรู้สึกนอนหลับเต็มอิ่มเพราะปกติต้องลุกตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำประจำทุกคืนกว่าจะข่มตานอนได้ก็เกือบช่วงเช้าวันใหม่แต่ทว่าคืนนี้กลับแตกต่างออกไปฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างแช่มช้าโฟกัสสายตาไปยังนาฬิกาบนหัวเตียงอยากจะบอกว่าฉันเป็นคนทำอะไรชักช้าจึงมีนาฬิกาหลายเรือนในห้องนอนรวมไปถึงทุกส่วนของบ้านแม้จะตื่นนอนแต่เช้าจึงมีเวลาให้เอ้อระเหยลอยชายแต่ก็รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่าอยู่ตรงหลังคอแถมตรงเอวก็รู้สึกหนักๆยังไงชอบกลคงไม่ใช่…ฉันกระเด้งตัวลุกขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนนอนซ้อนหลังของฉันฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเขาเปลือยท่อนบนไม่อยากจะนึกไปถึงท่อนล่างฉันรีบลุกออกจากเตียงก่อนจะยืนจังก้าอยู่ข้างเตียงตะโกนด้วยความโมโหสุดขีด“คุณริวอิจิคุณมานอนที่นี่ได้ยังไง” พอเห็นเขาไม่ขยับเขยื้อนหลับเหมือนตายฉันก็เข้าไปเขย่าเขาอย่างแรงหากไม่ติดที่ว่าฉันท้องโตจะล็อกคอตีเข่าเสียให้เข็ดคนอะไรได้คืบจะเอาศอก! หน้าหนาจริงๆแถมยังมานอนเตียงห้องคนอื่นอย่างสบายใจเฉิบนี่เขาต้องเป็นคนญี่ปุ่นปลอมแน่ๆบ้าเอ๊ยมู้ดอารมณ์ดีๆพลันเสียหมดเพราะเขาคนเดียว “คุณริวอิจิ!!” ฉันตะโกนใส่หูของเขาด้วยเสียงสิบแปดหลอ
“คืนนั้นคุณคิดดีๆนะว่าทำไมมันถึงผิดพลาด” ฉันทำหน้างงเมื่อจู่ๆเขาก็เอ่ยเรื่องคืนนั้นมามันผ่านมาจะแรมปีแล้วด้วยซ้ำอีกอย่างฉันก็แทบจะจำอะไรไม่ได้เลยรู้แต่ว่าเราต่างก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างหยาบโลนดูจากสภาพร่างกายของฉันที่สะบักสะบอมตอนตื่นเช้ามารวมไปถึงน้องสาวที่รู้สึกแสบขัดอยู่ตั้งหลายวันแถมยังต้องนั่งเครื่องข้ามน้ำข้ามทะเลมาอีกตั้งหลายชั่วโมงกลับมาถึงประเทศไทยโดยที่ฉันไม่เป็นลมเป็นแล้งไปก่อนกลับมาถึงบ้านนั่นก็ถือว่าร่างกายอึดพอสมควร“คุณจะพูดอะไร” มือฉันเริ่มเย็นเฉียบเมื่อเห็นแววตาที่แข็งกระด้างแถมน้ำเสียงก็ดูราบเรียบจนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องจนต้องจิบนมในแก้วนั้นเพื่อดับกระหาย“ช่างเถอะ! มันผ่านมาแล้วพูดไปแล้วจะได้อะไรในเมื่อตอนนี้คุณกำลังจะคลอดอยู่แล้วอีกอย่างญี่ปุ่นยังไม่ยอมรับสามีภรรยาที่ไม่ใช้นามสกุลเดียวกันอีกอย่างเขามีสิทธิ์ในเคอิกรุ๊ปทุกประการหรือว่าคุณจะปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของผม” ริวอิจิเอนตัวใส่พนักพิงเก้าอี้ก่อนจะกอดอกจ้องมองแม่เสือสาวในคืนนั้นที่กำลังทำหน้าเหมือนลูกแมวที่กำลังเงื้ออุ้งมือจะตะปบเจ้านายที่พูดจาไม่เข้าหูอีกอย่างคืนนั้นเขาก็พูดได้เต็มปากว่าพึงพอใจ
เอาวะยังไงก็มาถึงขั้นนี้ละจะทำอะไรได้อีกจึงนั่งรถมาบริษัทกับท่านประธานสุดหล่อของพี่ๆในแผนกนั่นแหละอีกอย่างเคอิกรุปเองก็เทคโอเวอร์บริษัทลีโอในไทยได้ไม่นานการเปลี่ยนแปลงภายในจึงยังไม่สมบูรณ์โดยเฉพาะล่ามภาษาญี่ปุ่นพนักงานใหม่ที่รับมามีเพียงฉันคนเดียวที่ทักษะภาษาเด่นกว่าคนอื่นเพราะว่าจบป.โทที่โน่นหลังๆก็จะรับพนักงานใหม่ที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นควบกับล่ามญี่ปุ่นอีกสองสามตำแหน่งเพราะกลัวว่าพี่ๆในที่ทำงานจะรู้ถึงความสัมพันธ์ลับระหว่างฉันกับท่านประธานฉันเลยบอกให้ท่านประธานจอดห่างจากบริษัทสักเล็กน้อย“คุณจอดตรงป้ายนั้น”“ทำไม” “เถอะน่าเดี๋ยวฉันจะเดินไป” ริวอิจิเลิกคิ้วอย่างสงสัยในพฤติกรรมของสาวเจ้าก่อนจะขบขันกับความคิดตื้นเขินของอีกฝ่ายช่างเถอะในเมื่ออยากจะเดินเขาก็จะให้เจ้าหล่อนได้เดินสมใจอยากจอดรถให้อีกฝ่ายลงตามที่ขอเขาก็ผิวปากขับไปจอดรถที่ใต้ตึกอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับส่ายหน้าให้แม่ของลูกความคิดความอ่านตื้นเขินจริงๆเห็นอยู่ชัดๆว่าเขาขับรถของเธอมีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่คิดไม่ได้ว่าทำไมท่านประธานถึงได้ขับรถของพนักงานสาวอีกคนมาในตอนเช้าแบบนี้เขาล็อกรถผิวปากด้วยความเคยชินเห็นคุณนากามูระยืนตัวตรงแน
เอแคร์จีบปากจีบคอแซว ภพมองหน้าฉันเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูดออกมา ก่อนจะถอนหายใจทันกลับไปทำงานเหมือนเดิม พอเอ่ยลุ้นเพศกันพอหอมปากหอมคอทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำงาน ส่วนฉันถูกเรียกเข้าไปห้องท่านประธานตั้งแต่สิบโมงครึ่ง ก็อย่างที่บอกไปว่าตอนนี้ล่ามบริษัทยังไม่มี อีกทั้งน้องฝึกงานจะมาวันจันทร์หน้า ตอนเที่ยงนัดพี่ ๆ ว่าจะไปทานข้าวด้วยกันแท้ ๆ ฉันกลับถูกท่านประธานกระเตงออกไปพบลูกค้าทั้งที่ท้องโตอย่างนี้ โชคดีที่วันนี้สวมชุดเดรสสีขาวแขนยาวสวมทับด้วยเบลเซอร์สีดำจึงดูเหมือนกึ่งทางการ มันก็พอจะเป็นชุดทางการเท่าที่คนท้องจะสวมได้ ฉันเดินตามท่านประธานต้อย ๆ พยักหน้าให้พวกพี่น้ำตาลว่าฉันไปทานข้าวกลางวันด้วยไม่ได้ ก่อนจะตามท่านประธานเข้าลิฟต์ไปฉันสังเกตได้ว่าคุณนากามูระเลขาของท่านประธานดูจะนอบน้อมกับฉันเป็นพิเศษไม่เหมือนเมื่อวานที่หน้าแทบจะไม่มองเรียกได้ว่าไม่อยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำเอาจริงไม่ใช่ฉันคิดไปเองพวกพี่ๆในแผนกเองก็เช่นกันที่มักจะเงียบเป็นพิเศษเวลาเลขาสาวเดินผ่านพอมาถึงลานจอดรถเธอก็โค้งสี่สิบห้าองศาให้ท่านประธานก่อนจะเดินฉับๆไปอีกทางฉันที่กำลังจะอ้าปากถามพอนึกได้ว่าตัวเองเป็นเพียงพนักงานคนหนึ
“สวัสดีครับคุณเคอิ”“สวัสดีครับ” ทั้งคู่ทักทายกันเป็นภาษาไทยก่อนล่ามของอีกฝ่ายจะเกริ่นเรื่องของสัญญาแต่เคอิบอกปัด“ทานก่อนดีไหมครับทานไปคุยไปไม่ทราบว่าคุณจิรัติกรมีธุระเร่งด่วนอะไรหรือเปล่า” พลางผายมือไปยังอีกฝ่ายอย่างนอบน้อมพอเห็นท่านประธานรัวญี่ปุ่นออกมาปากของฉันก็ขยับไปเองตามประโยคและชื่อจริงของอีกฝ่ายที่ออกเสียงตามสำเนียงญี่ปุ่น“ทานก่อนดีไหมคะทานไปคุยไปไม่ทราบว่าคุณจิรัติกรมีธุระเร่งด่วนอะไรหรือเปล่า” พอฉันพูดเสร็จอีกฝ่ายก็หัวเราะออกเบาๆ “เก่งจริงๆเลยนะครับปกติชื่อผมมักจะออกเสียงยากแต่คุณเคอิกลับเรียกชื่อผมได้ถูกต้องรวมไปถึงล่ามเองก็เก่งมาก” จิรัติกรยิ้มมุมปากพลางปรายตามองมาที่ฉันฉันก้มหน้าให้อย่างนอบน้อมแต่ก็ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาอีกสายตารวมไปถึงการพูดของเขาดูเหมือนว่าจะรับมือได้ไม่ง่ายหนักเหลี่ยมทุกดอกแล้วบอกพาร์ทเนอร์แน่ทรงนี้ฉันลอบปาดเหงื่อโง่ที่เริ่มผุดออกมาจากไรผมก่อนจะสูดหายใจโฟกัสสมาธิไปยังบทสนทนาของทั้งคู่ที่พูดคุยฟ้าฝนระหว่างที่กำลังสั่งอาหารเขาก็วกมาที่ฉัน“ครั้งที่แล้วไม่ใช่ล่ามคนนี้นี่ครับ” ล่ามอีกฝั่งแปลเป็นญี่ปุ่นอย่างรวดเร็วริวอิจิยิ้มก่อนจะตอบ “ใช่ครับครั้งก่อนเ
จิรัติกรมางานแต่งเพื่อนชาวญี่ปุ่นด้วยความไม่คาดคิด ไม่คาดคิดว่าเพื่อนเขาจะสละโสดเร็วกว่าใคร ๆ ในรุ่น ก็แหงล่ะ…เจ้าชู้ประตูดินเสียขนาดนั้น แต่พอมาเจอเจ้าสาวในวันนี้ เขายังรับรู้ได้เลยว่าเพื่อนรักของเขามีความสุขในการแต่งงานครั้งนี้จริง ๆ แถมลูกชายยังน่ารักน่าชัง อ้วนท้วนสมบูรณ์เชียวนึกถึงตอนที่มาขอให้ช่วยรวบหัวรวบหางสาวเจ้าแล้วก็อดขำไม่ได้เพื่อนเขาถึงต้องลงทุนมากมายเพื่อทะเบียนสมรสฉบับเดียวแทนที่จะเป็นหญิงสาวคนนั้นที่ต้องอ้อนวอนขอทะเบียนสมรสจากริวอิจิน่ะส่งเพื่อนเข้าประตูวิวาห์พลันอดที่จะคิดถึงตัวเองไม่ได้…แล้วชีวิตคู่ของเขาจะเป็นแบบไหนเจ้าสาวจะเป็นใครแม้ว่าไม่เคยฉุกคิดเรื่องนี้ในหัวมาก่อนเลยก็ตามความคิดในหัวแตกกระเจิงเมื่อเจอใครบางคนคนคนนั้นที่ติดอยู่ในหัวของเขาแมวขโมย! สองแขนของปานประดับถูกกระชากอย่างแรงหลังจากที่เธอเพิ่งจะเรียงจานชามบนโต๊ะได้ไม่นาน“อะ” ฉันร้องเสียงหลงแถมยังต้องตกใจจนหน้าขาวซีดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครโลกมันจะกลมเกินไปแล้วอีกอย่างฉันเองก็คอยระมัดระวังตัวตลอด…“ไง” เขาถามด้วยใบหน้าราบเรียบแต่แววตากลับวาวโรจน์“คะ” ฉันตีเนียนแต่มือไม้เย็นจนเกือบจะถือถาดในมือไว้ไม
งานแต่งงานของฉันกับริวอิจิที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นการแต่งงานแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ศาลเจ้าแห่งหนึ่งในโตเกียว เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ ซึ่งคุณนายเคอิเป็นคนขอเอาไว้เนื่องจากเราแต่งงานที่ไทยกันมาแล้ว เลยอยากจะจัดงานแบบญี่ปุ่นบ้าง ฉันเลือกชุดกิโมโนสีขาว ส่วนเจ้าบ่าวเป็นสีดำ พิธีการค่อนข้างเคร่งครัดและเป็นระเบียบ แขกเหรื่อจะต้องยืนยันว่าจะมาร่วมงานเพราะชุดอาหารนับตามจำนวนคนและแพงมาก แม่เจ้า! รวมไปถึงของชำร่วยที่แขกเหรื่อจะเป็นคนเลือกเอง แต่สำหรับฉันพิธีการเรียบง่ายแต่กลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเป็นการบอกกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าฉันจะมาเป็นสะใภ้ของที่นี่ ทุกคนให้การต้อนรับฉันอย่างดีไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในสถานะที่แตกต่างออกไปในตอนแรกฉันมาเยือนโตเกียวด้วยวีซ่านักเรียนแต่พอมาอีกครั้งกลับมาในสถานะภรรยาของชาวญี่ปุ่นจัดงานเสร็จสรรพใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ฉันชอบความเรียบง่ายเลยไม่ได้จัดการฉลองที่โรงแรมอีกอีกอย่างเราก็มีลูกเล็กด้วยกระเตงออกงานทั้งวันคงเหนื่อยน่าดูที่สำคัญเจ้าเด็กอ้วนยังติดพี่เลี้ยงมากๆอีกด้วยพี่ไผ่เองตอนนี้ก็เปรียบเสมือนญาติอีกคนที่เข้าร่วมพิธีการในครั้ง
อีกทั้งฉันเองก็ขอร้องว่า…ไม่ต้องใส่ซองอะไรมาให้อีกอย่างทุกคนก็เสียสละวันหยุดมางานกันแล้วไหนจะเสื้อผ้าหน้าผมอีกแต่ทุกคนกลับมีของขวัญชิ้นเล็กชิ้นน้อยติดมือมาให้อยู่ดีคุณนายเคอิเองก็ยิ้มแช่มชื่นแม้จะมีอุปสรรคทางภาษาแต่เอแคร์เองก็พูดควบสองภาษาเพื่อให้คนทั้งงานเอนจอยไปด้วยกันแถมเพื่อนรักอย่างจิรัติกรเองก็มาร่วมงานด้วย“ไง” จิรัติกรเอ่ยทักเจ้าบ่าวข้างกายฉันพลางส่งของขวัญในมือให้“ขอบใจ” “งานสำคัญของนายทั้งทีฉันต้องมาอยู่แล้วน่า”“ยินดีด้วยนะครับคุณ…เอ่อ”“เจค่ะ”“ยินดีด้วยนะครับคุณเจ” “ขอบคุณมากค่ะ” แถมเขายังเข้ามาหยอกล้อเจ้าตัวน้อยที่นั่งหันหน้าบนเป้นั่งคาดเอวด้วยความเอ็นดู“นี่มันริวอิจิฉบับจิ๋วชัดๆ” เขาว่าพลางหัวเราะในคอแต่พลันสายตาก็เบิกกว้างเมื่อเห็นพนักงานที่คอยเติมอาหารและเครื่องดื่มในงาน“ขอตัวก่อนนะครับ” “ค่ะ” ฉันผายมือให้เขาเข้าไปในงานก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มลูกน้อยที่แทะยีราฟตัวสีเหลืองอย่างมันเขี้ยวโดยไม่รู้เลยว่าบริเวณหลังร้านคนสองคนกำลังมีปากเสียงกันอยู่ เพราะเน้นความเรียบง่ายห้าโมงเย็นทุกอย่างก็เป็นอันสิ้นสุดนิ้วนางข้างซ้ายของฉันและเขาต่างประดับด้วยแหวนแต่งงานที่เราต่างแลกแห
“แต่พี่ก็ดีใจนะ อย่างน้อยเจก็ไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนอย่างตอนแรก ให้ตาย! ตอนแรกพี่เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน หลังคลอดเราจะอยู่ยังไงกันสองคน พอรู้ว่าน้องเจมีคนคอยดูแลพี่ก็เบาใจ” พี่น้ำตาลที่ผ่านการมีลูกเต้ามาก่อนเอ่ยพร้อมกับเดินมาตบต้นแขนให้กำลังใจฉันยิ้มทั้งน้ำตา“ขอบคุณนะคะแต่ยังไงก็ยังเป็นเจคนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป” ทุกคนพยักหน้าให้ “วันหลังเอาอากิระมาให้พี่ๆอุ้มบ้างพวกเราจะได้กอดหอมตอนยังเด็กนี่แหละ” เอแคร์ว่า“โตขึ้นมาพี่สาวคนนี้จองตัวเป็นผู้จัดการดาราเลยนะคะ” บรรยากาศผ่อนคลายลงมากภพที่ยังพูดน้อยเหมือนเดิมเอ่ยเพียงสองสามประโยค“ยินดีด้วยนะเจ”“ขอบคุณนะภพ” จะว่าไปเขาเป็นคนแรกๆก็ว่าได้ที่รู้ว่าพ่อในท้องของผู้หญิงตรงหน้าเป็นใครเป็นการพบกันโดยบังเอิญไม่ว่าจะรถของหญิงสาวที่ท่านประธานคนใหม่ใช้อยู่เนืองๆไหนจะตอนที่คนทั้งสองไปซื้อของด้วยกันตอนแรกเขาทั้งตกใจและคาดไม่ถึง…ตอนแรกเขายอมรับว่าสนใจผู้หญิงคนนี้อยู่เหมือนกันแต่เหมือนเจ้าหล่อนก็ไม่เปิดโอกาสให้ใครหน้าไหนได้เข้าหามีกำแพงบางๆกั้นเอาไว้หากเธอไม่ท้องหรือมีครอบครัวไปเสียก่อนเขาก็ยังหวังว่าเราจะมีโอกาสได้สานต่อ…“แหมน้องภพมองตาละห้อยเชียวพ
ริวอิจิส่งข้อความมาบ้างแต่เราก็แทบไม่ได้คุยกันเลยตารางชีวิตแต่ละคนยุ่งสุดๆแต่แล้วความทรมานในการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงกดออดที่หน้าห้องเมื่อเห็นในมอนิเตอร์ว่าเป็นใครฉันก็เปิดประตูให้อย่างเร็วรี่แม้ใบหน้าเขาจะเหนื่อยล้าสุดๆแต่กลับยิ้มแฉ่งเข้ามากอดและอุ้มฉันจนตัวลอย“ว้ายเล่นอะไรคะเนี่ย” ฉันแหวใส่เขาเมื่อถูกอุ้มจนเท้าไม่ติดพื้นแถมในตอนนี้เจ้าตัวน้อยเริ่มจะคว่ำแล้วคอกเด็กที่สั่งทำเอาไว้ก็ได้ฤกษ์ใช้เสียที“อากิระคุง” เสียงมาก่อนตัวริวอิจิที่สองมือหอบข้าวของพะรุงพะรังมามากมายก็ไม่ลืมที่จะรีบไปล้างมือหมายจะรีบมาอุ้มลูกชายแต่โดนฉันเบรกไว้ก่อน“ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าคะ” พ่อหมาทำหน้าละห้อยเหงื่อไหลโทรมกายขนาดนั้นอีกอย่างเชื้อโรคก็เยอะด้วยกันไว้ดีกว่าแก้เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างเงียบเชียบบริเวณข้างๆคอกเด็กฉันรีบไปอุ้มเจ้าก้อนมาไว้แนบอกนั่งหันหน้าออก“ปะป๊ากลับมาแล้วดีใจไหมครับ” เจ้าก้อนดิ้นดุ๊กดิ๊กมือเท้าปัดป่ายกลางอากาศอย่างน่ารักฉันอุ้มเขาไม่กี่อึดใจอากิระคุงก็ถูกริวอิจิอุ้มไปฟัดในคอกเด็กสองพ่อลูกคุยกันงุ้งงิ้งอยู่นานสองนานส่วนฉันก็รีบกลับมาเคลียร์งานที่ค้างไว้ต่อพี่ไผ่เองก็เก็บของเตรียมต
“แค่ก แค่ก ๆ” เมื่อเขาถอนออก ฉันสำลักหน้าดำหน้าแดง อีตาบ้ากดมาได้! ฉันทำได้เพียงก่นด่าเขาในใจเท่านั้น ไม่นานแผ่นหลังก็แนบติดกับประตู ชุดนอนกระโปรงถูกถกมากองไว้ที่เอว ขาข้างหนึ่งพาดบนท่อนแขนแกร่ง ยืนอย่างหมิ่นเหม่เพื่อให้เขาตอกอย่างถนัดถนี่“อื้อ” ฉันครางเครือแทบไม่เป็นภาษาเข็มยักษ์นี้ไม่รู้ว่าจะทำให้ฉันหายไข้หรือว่าป่วยเพิ่มกันแน่ยิ่งเข้าสุดออกสุดอย่างนี้ฉันจิกเล็บกับต้นแขนเขาอย่างแรงเมื่อเอวสอบเร่งจังหวะไม่ว่าจะเสียงเฉอะแฉะของน้ำลายน้ำหล่อลื่นส่วนล่างที่เชื่อมต่อกันอยู่หรือเสียงเนื้อกระทบเนื้อต่างก็พาอารมณ์พุ่งทะยานสุดกู่ริมฝีปากจูบคลอเคลียกันไม่ห่างช่วงล่างเองก็เช่นกันฉันตบต้นแขนเขาเป็นเชิงให้เปลี่ยนท่าก่อนจะผลักเขาลงกับเตียงกว้างถอดชุดนอนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดีก้าวเข้าไปควบคี่กลายเป็นคนคุมเกมและจังหวะเสียเอง สองมือสอดประสานกันเพื่อให้ฉันพยุงตัวแถมเขายังกระเด้งเอวขึ้นมาตอบรับจังหวะของฉันอีกที “อึกอื้อ” เสียงปักปักของเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่วห้องนอนฉันหลับตาพริ้มคอเชิดแหงนเมื่อจุดกระสันถูกแทงย้ำๆอย่างไม่ปรานีย้ำๆจุดนั้นไม่กี่ทีฉันก็ตัวสั่นกระตุกหอบเสียงครางเครือเท้าแขนไว้ข้างศีรษะเขา
“แล้วฝั่งของคุณล่ะ” ฉันชั่งใจ…เพื่อนร่วมงานมีแค่ไม่กี่คน เพื่อนหลายคนที่เคยสนิทก่อนหน้าก็ห่างหายกันไปตามกาลเวลา จะร่อนการ์ดส่งไปให้ก็กะไรอยู่…ฉันค่อนข้างเป็นคนคิดมาก อีกอย่างไม่ค่อยได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันจู่ ๆ จะส่งการ์ดไปให้เขาจะหาว่าฉันอยากได้เงินใส่ซองไหมนะ“คิดอะไรขนาดนั้น”“ก็…”“ไม่รู้สิคะนอกจากเพื่อนร่วมงานแล้วก็คงไม่มีใครอีกอย่างญาติฝั่งพ่อแม่ก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วค่ะตั้งแต่ท่านเสีย” เขาโอบกอดฉันเข้ามาในอ้อมแขน“แต่ตอนนี้คุณไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้วนะมีผมอากิระแล้วก็แม่ผมที่เป็นหนึ่งในครอบครัวของคุณ”“ขอบคุณมากค่ะ” ฉันยิ้มตอบเขาด้วยใจจริงไม่น่าเชื่อว่าความบังเอิญความเมาหรือผีผลักในคืนนั้นที่ทำให้เราทั้งสองได้มาเจอกันได้มาใช้ชีวิตคู่ด้วยกันและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นไปพร้อมกันตลอดกาลมีจริงหรือไม่…นั่นไม่ใช่คำตอบที่ฉันเฝ้าหาคำตอบอีกต่อไปเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเฝ้าหา…อยู่ตรงหน้านี้แล้วเราแพลนทุกอย่างไว้ล่วงหน้าหลังจากที่ริวอิจิกลับมาจากญี่ปุ่นก็จะจัดงานแต่งที่ประเทศไทยหลังจากนั้นค่อยกลับไปจัดที่ญี่ปุ่นต่อจะว่าปุบปับก็ไม่เกินจริงหลังจากนั้นไม่กี่วันฉันและเขาก็มาฟิตติ้งชุดเจ้
พอรู้ว่าต้นเดือนหน้าจะเริ่มงานตารางชีวิตของฉันก็ต้องจัดการใหม่หมดรวมไปถึงเวลาที่ให้พ่อของลูกด้วย“ทำไมไม่ลาหนึ่งปีไปเลยคุณจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”“ไม่ดีกว่าค่ะฉันอยากทำงานไม่อยากแบมือขอเงินคุณ” ฉันพูดออกไปตามจริงใช้เงินเขามันก็ดีอยู่หรอกแต่อย่างว่า…เราต้องมีเก็บสำรองด้วยอีกอย่างฉันเพิ่งเริ่มชีวิตการทำงานได้ไม่ถึงปีเสียดายวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาใช้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องกลายมาเป็นแม่คนเสียแล้ว “เป็นถึงคุณนายเคอิ” เขาพูดพร้อมกับบีบจมูกที่เชิดรั้นของฉันตอนนี้เจ้าหมูน้อยก็เข้าเต้าอยู่แถมมือป้อมๆนั้นยังกำของเล่นในมือไว้แน่น“เงินของคุณนี่คะไม่ใช่เงินฉันสักหน่อย” “แต่ผมเต็มใจให้คุณใช้นะ…ใช้เท่าที่คุณต้องการยังได้” ฉันมองค้อนเขา“ทราบค่ะว่าคุณรวย”“แถมยังหล่อเหลามากอีกด้วย” ชมเองชงเองเหลือจะเชื่อฉันรู้ว่าเขาน่ะรวยมากขนาดไหนแล้วยังไงล่ะ…เกิดวันไหนเขาหมดใจกับฉันขึ้นมาทวงเงินที่ฉันใช้ไปทำไงล่ะทีนี้…สมองพลันนึกถึงกรุปแม่บ้านที่ว่าขึ้นมาที่แม่บ้านคนไทยต่างประสบปัญหาต่างๆกับสามีชาวญี่ปุ่นแล้วการที่ฉันไม่ได้เอาแต่พึ่งพาเขามากเกินไปเพื่อเป็นการเหลือทางรอดให้กับตัวเอง “สัปดาห์หน้าผมจะกลับไปเคลียร์งา
“อะอ๊ะ” แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปขัดถูหลังให้เล่าเขาต้องการคนขัดหลังให้ที่ไหนต้องการรวบหัวรวบหางเหยื่อเสียมากกว่า…แต่จะว่าไปฉันก็เป็นเหยื่อที่เต็มใจให้ถูกกินซะด้วยสิหากเขาเป็นกองไฟฉันก็พร้อมจะเป็นน้ำมันให้มันเผาไหม้พวกเราสองคนไปพร้อมกัน แถมเจ้าหมูน้อยยังนอนหลับปุ๋ยในเปลอย่างฝันหวานเหมือนว่าเมื่อคืนพ่อลูกทำข้อตกลงอะไรกันเอาไว้อย่างนั้นเจ้าหมูน้อยรีบตื่นมาช่วยแม่หน่อยเร็ว!!!พ่ออากิระผิวปากออกจากห้องนอนมาในตอนเจ็ดโมงเช้าร่างกายไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อนไม่เหมือนแม่ของลูกที่แทบจะลืมตาไม่ขึ้นวันนี้เขาคงไปทำงานสายหน่อยรอจนกว่าพี่เลี้ยงลูกจะมาช่วยไม่ได้นี่นะก็แม่ของลูกสวยขนาดนั้นใครจะอดใจยั้งมือไหว…ก็อย่างที่เคยบอก…เราสองคนเข้ากันได้ดีดีมากเสียด้วยดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก ;pเขาจัดแจงทำอาหารเช้าไว้ให้ภรรยาดูแลลูกน้อยเมื่อพี่เลี้ยงมาถึงก็แปะมือเปลี่ยนกะเขาออกไปทำงานก่อนจะออกจากห้องแวะไปดูคุณเขาเสียหน่อยอีกฝ่ายนอนหลับอุตุจะว่าไปสองแม่ลูกนอนท่าเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนเขาหยิกจมูกที่เชิดรั้นของเธอเบาๆก่อนจะกระซิบที่ข้างหู “ผมไปทำงานก่อนนะอย่านอนตื่นสายล่ะ” ฉันงัวเงียแม้ว่าร่างกายจะอ่อนเปลี้ยแต่ยังไงลูก