“คืนนั้นคุณคิดดีๆนะว่าทำไมมันถึงผิดพลาด” ฉันทำหน้างงเมื่อจู่ๆเขาก็เอ่ยเรื่องคืนนั้นมามันผ่านมาจะแรมปีแล้วด้วยซ้ำอีกอย่างฉันก็แทบจะจำอะไรไม่ได้เลยรู้แต่ว่าเราต่างก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างหยาบโลนดูจากสภาพร่างกายของฉันที่สะบักสะบอมตอนตื่นเช้ามารวมไปถึงน้องสาวที่รู้สึกแสบขัดอยู่ตั้งหลายวันแถมยังต้องนั่งเครื่องข้ามน้ำข้ามทะเลมาอีกตั้งหลายชั่วโมงกลับมาถึงประเทศไทยโดยที่ฉันไม่เป็นลมเป็นแล้งไปก่อนกลับมาถึงบ้านนั่นก็ถือว่าร่างกายอึดพอสมควร
“คุณจะพูดอะไร” มือฉันเริ่มเย็นเฉียบเมื่อเห็นแววตาที่แข็งกระด้างแถมน้ำเสียงก็ดูราบเรียบจนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องจนต้องจิบนมในแก้วนั้นเพื่อดับกระหาย
“ช่างเถอะ! มันผ่านมาแล้วพูดไปแล้วจะได้อะไรในเมื่อตอนนี้คุณกำลังจะคลอดอยู่แล้วอีกอย่างญี่ปุ่นยังไม่ยอมรับสามีภรรยาที่ไม่ใช้นามสกุลเดียวกันอีกอย่างเขามีสิทธิ์ในเคอิกรุ๊ปทุกประการหรือว่าคุณจะปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของผม”
ริวอิจิเอนตัวใส่พนักพิงเก้าอี้ก่อนจะกอดอกจ้องมองแม่เสือสาวในคืนนั้นที่กำลังทำหน้าเหมือนลูกแมวที่กำลังเงื้ออุ้งมือจะตะปบเจ้านายที่พูดจาไม่เข้าหูอีกอย่างคืนนั้นเขาก็พูดได้เต็มปากว่าพึงพอใจเป็นอย่างมากเพราะความสุขสมที่ได้รับหัวสมองพลันขาวโพลนคิดว่าจะชักออกทันเพราะว่าถุงยางดันมาหมดแต่อารมณ์เขายังไม่หมดที่เขามั่นใจว่าไม่ติดโรคแน่ๆเพราะผู้หญิงที่กำลังนอนอ่อนระทวยใต้ร่างของเขาไม่เคยผ่านมือชายคนไหนมาก่อนเขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอดูได้จากช่องทางที่คับแคบชำแรกไปเพียงไม่ถึงครึ่งเจ้าตัวก็ถอยหนีแถมเลือดยังซึมออกมาในตอนที่แกนกายชำแรกเข้าไปยังร่องแคบนั้นจนสุดทำเอาเขาเสียวเสียจนเกือบยั้งอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ไม่ให้ซอยเอวถี่ๆเพื่อพาตัวเองไปถึงความสุขสมปลายทางที่รออยู่ทั้งๆที่เขาไม่ชอบเปิดเวอร์จิ้นสาวเพราะว่ามันค่อนข้างใช้เวลาแถมพวกหล่อนยังไร้เดียงสาแต่ผู้หญิงตรงหน้ากลับไม่ใช่…เธอแตกต่างจากที่คิดไว้ไปไกลมากไกลจนถึงกับต้องเพ้อหา
เขาประสานฝ่ามือไว้ใต้คางเพื่อเป็นที่รองก่อนจะจ้องมองใบหน้ารูปไข่นั้นที่เหมือนกำลังขวัญหนีดีฝ่อแต่ก็แสร้งทำเป็นใจดีสู้เสืออีกอย่างเรื่องก็บานปลายมาจนถึงตอนนี้มันจะต่างอะไรกับการแต่งงานคลุมถุงชนแต่อย่างน้อยก็เคยขี่กันมาก่อนเขามั่นใจว่าเรื่องบนเตียงไม่ใช่ปัญหาในชีวิตคู่ของพวกเขาแต่เป็นเรื่องความคิดความอ่านมากกว่าดูเหมือนว่าตัวเจ้าหล่อนเองจะแอนตี้สังคมของเขารวมถึงตัวของเขาเองด้วยอยู่กลายๆทั้งๆที่เคยไปร่ำเรียนอยู่ที่บ้านเกิดเมืองนอนของเขาตั้งหลายปีก่อนจะโยนคำถามปลายเปิดให้อีกฝ่าย
“แล้วคุณคิดว่ามีทางเลือกที่ดีกว่านี้ไหม” ฉันเม้มปากแน่นมันก็ไม่มีอะไรดีกว่าจริงๆนั่นแหละแต่การจดทะเบียนสมรสกับคนที่ไม่ได้รักกันมาก่อนนี่แหละเป็นเรื่องที่ฉันคิดไม่ตกอีกอย่างถึงแม้จะเป็นสิทธิ์ที่ลูกควรได้ก็จริงแต่ก็ไม่ถึงกับต้องจดทะเบียนสมรสหรอกมั้งเมื่อเขาเห็นสีหน้าและแววตาที่ลังเลและกำลังตัดสินใจอย่างยากลำบากของแม่ของลูกริวอิจิจึงเอ่ยข้อเท็จจริงทางกฎหมายที่แม่ของลูกต้องรู้ “กฎหมายญี่ปุ่นจะให้สิทธิ์กับภรรยาที่จดทะเบียนสมรสเท่านั้นไม่ว่าจะเงินในบัญชีของผมรวมไปถึงสิทธิ์ต่างๆที่ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสพึงได้อีกอย่างต่อให้ผมร่างพินัยกรรมให้คุณคิดเหรอว่าเขาจะยอมรามือง่ายๆอีกอย่างทางทนายก็ต้องตามหาเด็กจนเจออยู่ดีเพราะบางอย่างต้องให้เขาเซ็นยินยอมเพราะเขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผมอีกคนบางทีคุณอาจจะไม่ได้อะไรเลยด้วยซ้ำเมื่อผมเป็นอะไรไปอย่างพวกเงินบำนาญเงินในบัญชีของผมจะตกกับภรรยาที่จดทะเบียนสมรสทั้งหมดและจะลดหลั่นปันส่วนไปตามวงเงินประกันที่ผมทำไว้” เขาเว้นจังหวะก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบแต่กลับเหมือนมีค้อนปอนด์ที่ทุบใส่หัวของฉันอย่างจัง
“ถ้าเขาฟ้องว่าคุณเป็นชู้ล่ะทั้งๆที่คุณมาก่อนแต่กลับกลายมาเป็นภรรยาน้อยโดยที่คุณไม่คาดหวังตั้งแต่แรกแล้วผมคิดว่าคงไม่มีภรรยาเอกที่ไหนอยากจะให้สามีตัวเองเซ็นรับเป็นพ่อลูกของภรรยาอีกคนแม้ว่าจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผมก็ตามที…คุณคิดว่าไง? คุณมีแผนอะไรดีๆที่จะหาทางรอดให้ตัวเองได้นอกจากจดทะเบียนสมรสกับผมเพราะไม่งั้นคุณเองก็จะกลายเป็นภรรยาน้อยในสายตาของคนอื่นที่มองมา”
ริวอิจิเคาะโต๊ะเป็นจังหวะก่อนจะลุกขึ้นเอ่ยทิ้งท้ายให้แม่ของลูกได้ขบคิดให้มากๆกว่าทิฐิและการเอาชนะที่ไม่ได้อะไรอีกอย่างทั้งๆเจ้าหล่อนจะได้สิทธิ์ทุกอย่างหลังจากที่จดทะเบียนกับเขาแท้ๆแต่กลับตั้งแง่บ่ายเบี่ยงหากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ได้เป็นสะใภ้เคอิกรุปก่อนจะเท้าแขนกับโต๊ะเสียงลากของเก้าอี้ทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์เมื่อเห็นว่าเขาตั้งท่าจะเดินจากไปพลันริมฝีปากของฉันก็ไวกว่าสมองโพล่งออกไปเมื่อเห็นว่าแผ่นหลังนั้นหยุดเดิน
“แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณพูดจริงอีกทั้งฝั่งครอบครัวของคุณจะรับฉันได้ยังไงฉันฉัน” ความสับสนปนเปไปกับความคิดมากมายที่วิ่งวนอยู่ในหัวจู่ๆเขาก็หันกลับมาเดินมาอยู่ตรงหน้าฉันก่อนจะเอ่ย
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณควรกังวลสิ่งที่คุณควรกังวลตอนนี้คือนี่” เขาชี้นิ้วมายังท้องที่โป่งนูนเหมือนลูกโป่งของฉันก่อนจะเอ่ย
“คุณควรจะกังวลเรื่องคลอดมากกว่านะแล้วจะไปหาหมอเมื่อไหร่”
“วันจันทร์หน้า”
“งั้นผมจะไปด้วย” ฉันพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย
“ตอนนี้ทานข้าวได้แล้วสายแล้วอีกอย่างเจ้าตัวเล็กคงหิวแล้วแหละ” ฉันเหลือบมองนาฬิกาตรงผนัง 7:45 นาฬิกาแล้วก่อนจะโซ้ยโจ๊กที่ยังอุ่นไม่ได้เย็นจนเกินไปเข้าปากอย่างสติไม่อยู่กับร่องกับรอยมากนัก
กินก่อนเรื่องอื่นไว้ทีหลัง! ตั้งแต่ตื่นมาพลังงานของฉันก็เหมือนจะถูกสูบออกไปง่ายๆเมื่อเจอกับผู้ชายคนนี้
เอาวะยังไงก็มาถึงขั้นนี้ละจะทำอะไรได้อีกจึงนั่งรถมาบริษัทกับท่านประธานสุดหล่อของพี่ๆในแผนกนั่นแหละอีกอย่างเคอิกรุปเองก็เทคโอเวอร์บริษัทลีโอในไทยได้ไม่นานการเปลี่ยนแปลงภายในจึงยังไม่สมบูรณ์โดยเฉพาะล่ามภาษาญี่ปุ่นพนักงานใหม่ที่รับมามีเพียงฉันคนเดียวที่ทักษะภาษาเด่นกว่าคนอื่นเพราะว่าจบป.โทที่โน่นหลังๆก็จะรับพนักงานใหม่ที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นควบกับล่ามญี่ปุ่นอีกสองสามตำแหน่งเพราะกลัวว่าพี่ๆในที่ทำงานจะรู้ถึงความสัมพันธ์ลับระหว่างฉันกับท่านประธานฉันเลยบอกให้ท่านประธานจอดห่างจากบริษัทสักเล็กน้อย“คุณจอดตรงป้ายนั้น”“ทำไม” “เถอะน่าเดี๋ยวฉันจะเดินไป” ริวอิจิเลิกคิ้วอย่างสงสัยในพฤติกรรมของสาวเจ้าก่อนจะขบขันกับความคิดตื้นเขินของอีกฝ่ายช่างเถอะในเมื่ออยากจะเดินเขาก็จะให้เจ้าหล่อนได้เดินสมใจอยากจอดรถให้อีกฝ่ายลงตามที่ขอเขาก็ผิวปากขับไปจอดรถที่ใต้ตึกอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับส่ายหน้าให้แม่ของลูกความคิดความอ่านตื้นเขินจริงๆเห็นอยู่ชัดๆว่าเขาขับรถของเธอมีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่คิดไม่ได้ว่าทำไมท่านประธานถึงได้ขับรถของพนักงานสาวอีกคนมาในตอนเช้าแบบนี้เขาล็อกรถผิวปากด้วยความเคยชินเห็นคุณนากามูระยืนตัวตรงแน
เอแคร์จีบปากจีบคอแซว ภพมองหน้าฉันเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูดออกมา ก่อนจะถอนหายใจทันกลับไปทำงานเหมือนเดิม พอเอ่ยลุ้นเพศกันพอหอมปากหอมคอทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำงาน ส่วนฉันถูกเรียกเข้าไปห้องท่านประธานตั้งแต่สิบโมงครึ่ง ก็อย่างที่บอกไปว่าตอนนี้ล่ามบริษัทยังไม่มี อีกทั้งน้องฝึกงานจะมาวันจันทร์หน้า ตอนเที่ยงนัดพี่ ๆ ว่าจะไปทานข้าวด้วยกันแท้ ๆ ฉันกลับถูกท่านประธานกระเตงออกไปพบลูกค้าทั้งที่ท้องโตอย่างนี้ โชคดีที่วันนี้สวมชุดเดรสสีขาวแขนยาวสวมทับด้วยเบลเซอร์สีดำจึงดูเหมือนกึ่งทางการ มันก็พอจะเป็นชุดทางการเท่าที่คนท้องจะสวมได้ ฉันเดินตามท่านประธานต้อย ๆ พยักหน้าให้พวกพี่น้ำตาลว่าฉันไปทานข้าวกลางวันด้วยไม่ได้ ก่อนจะตามท่านประธานเข้าลิฟต์ไปฉันสังเกตได้ว่าคุณนากามูระเลขาของท่านประธานดูจะนอบน้อมกับฉันเป็นพิเศษไม่เหมือนเมื่อวานที่หน้าแทบจะไม่มองเรียกได้ว่าไม่อยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำเอาจริงไม่ใช่ฉันคิดไปเองพวกพี่ๆในแผนกเองก็เช่นกันที่มักจะเงียบเป็นพิเศษเวลาเลขาสาวเดินผ่านพอมาถึงลานจอดรถเธอก็โค้งสี่สิบห้าองศาให้ท่านประธานก่อนจะเดินฉับๆไปอีกทางฉันที่กำลังจะอ้าปากถามพอนึกได้ว่าตัวเองเป็นเพียงพนักงานคนหนึ
“สวัสดีครับคุณเคอิ”“สวัสดีครับ” ทั้งคู่ทักทายกันเป็นภาษาไทยก่อนล่ามของอีกฝ่ายจะเกริ่นเรื่องของสัญญาแต่เคอิบอกปัด“ทานก่อนดีไหมครับทานไปคุยไปไม่ทราบว่าคุณจิรัติกรมีธุระเร่งด่วนอะไรหรือเปล่า” พลางผายมือไปยังอีกฝ่ายอย่างนอบน้อมพอเห็นท่านประธานรัวญี่ปุ่นออกมาปากของฉันก็ขยับไปเองตามประโยคและชื่อจริงของอีกฝ่ายที่ออกเสียงตามสำเนียงญี่ปุ่น“ทานก่อนดีไหมคะทานไปคุยไปไม่ทราบว่าคุณจิรัติกรมีธุระเร่งด่วนอะไรหรือเปล่า” พอฉันพูดเสร็จอีกฝ่ายก็หัวเราะออกเบาๆ “เก่งจริงๆเลยนะครับปกติชื่อผมมักจะออกเสียงยากแต่คุณเคอิกลับเรียกชื่อผมได้ถูกต้องรวมไปถึงล่ามเองก็เก่งมาก” จิรัติกรยิ้มมุมปากพลางปรายตามองมาที่ฉันฉันก้มหน้าให้อย่างนอบน้อมแต่ก็ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาอีกสายตารวมไปถึงการพูดของเขาดูเหมือนว่าจะรับมือได้ไม่ง่ายหนักเหลี่ยมทุกดอกแล้วบอกพาร์ทเนอร์แน่ทรงนี้ฉันลอบปาดเหงื่อโง่ที่เริ่มผุดออกมาจากไรผมก่อนจะสูดหายใจโฟกัสสมาธิไปยังบทสนทนาของทั้งคู่ที่พูดคุยฟ้าฝนระหว่างที่กำลังสั่งอาหารเขาก็วกมาที่ฉัน“ครั้งที่แล้วไม่ใช่ล่ามคนนี้นี่ครับ” ล่ามอีกฝั่งแปลเป็นญี่ปุ่นอย่างรวดเร็วริวอิจิยิ้มก่อนจะตอบ “ใช่ครับครั้งก่อนเ
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อการเซ็นสัญญาครั้งนี้จบลงด้วยดี…ละมั้ง ทางฝ่าย OCC เองก็ได้กำไรจากการร่วมมือครั้งนี้ไม่น้อย แต่เหมือนกับว่าทั้งสองฝ่ายไม่ได้ยินดีมากมายเท่าไหร่ ไม่รู้สิ! ฉันไม่สันทัดในเรื่องค้าขายทำธุรกิจแบบนี้ด้วย ดูจากน้ำเสียงและท่าทีของอีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่พอใจมากอยู่ดี แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พอท่านประธานของเธอที่ดูนิ่ง ๆ เงียบ ๆ แต่กลับเชือดเฉือนคู่ค้าได้อย่างละมุนละม่อม ไม่แตกหักแต่ก็ไม่ได้ลำบากใจไปมากกว่านี้ แผ่นหลังของฉันชุ่มไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะกัดฟันยืนตัวตรงโค้งทำความเคารพส่งแขกเมื่อการเจรจาครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะสูดปากเมื่อขาฉันชาไปทั้งสองข้างเมื่อกี้กัดฟันแทบตาย ความเจ็บแล่นปราบไปทั่วขาทั้งสองข้างก่อนจะเซรีบหันหน้าเข้าหากำแพงเพื่อพยุงตัวและรอให้ขาหายชาแต่ก็ช้ากว่าอ้อมแขนแกร่งนั้นที่โอบฉันไว้อย่างรวดเร็วพร้อมกับค่อย ๆ วางฉันวางกับพื้น “ค่อยๆเหยียดขาอย่างนั้นแหละ”“โอ๊ย…ซี้ด” ฉันสูดปากครางด้วยความเจ็บขาทั้งสองข้างชาดิกแถมยังดูเหมือนจะบวมอีกด้วย“ทำไมคุณขาบวมขนาดนี้”“พอดีนั่งนานไปหน่อยค่ะ”“ทำไมคุณไม่เปลี่ยนท่านั่ง”ฉันกลอกตาสาม
“เวลานี้คุณยังมาพูดล้อเล่นอีกเหรอ…ว้าย” ฉันรีบเอามือปิดปากตัวเองแน่นเพราะเมื่อกี้คนขับแซงคนบรรทุกไปด้วยเส้นยาแดงผ่าแปดถ้ารอดวันนี้ไปได้สัญญาเลยว่าจะทำบุญบ่อยใส่บาตรบ่อยๆเลยเอ้าดีที่คาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้เพราะการหักเลี้ยวเมื่อกี้ทำเอาร่างกายฉันเซไปปะทะอกกว้างเต็มแรงอีกทั้งยังรู้สึกแน่นตรงหน้าอกอย่างบอกไม่ถูกเขาเองก็โอบฉันไว้เหมือนกันเมื่อเห็นว่ารถเริ่มเซคล้ายจะเสียหลักฉันหลับตาปี๋ซุกอยู่ในอ้อมกอดเขาด้วยความกลัวตายอีกทั้งในเวลานั้นคล้ายว่าฉันเองก็อ่อนแอและหวาดกลัวจนต้องหาที่พึ่งพิง ‘ขอให้ลูกรอดขอให้ลูกรอด’ แถมยังขยุ้มเสื้อตรงหน้าอกของเขาจนยับยู่ยี่ไปหมดเหมือนเจ้าตัวแสบในท้องจะรู้ว่าแม่กำลังขวัญหนีดีฝ่อจึงยกเท้าถีบตุ๊บๆคล้ายอยากส่งกำลังใจให้ให้ตายเถอะทำไมชีวิตฉันถึงได้ขึ้นลงเหมือนรถไฟเหาะอย่างนี้ความคิดมากมายวิ่งวนในหัวจนได้ยินคนขับรถพูด“สลัดหลุดแล้วครับ”“ดี…ถึงบริษัทแล้วเอาเมมไปเช็กว่าใครเป็นเจ้าของรถ” ยังไงก็เป็นทะเบียนปลอมแน่ริวอิจิคิดในใจไม่รู้อีกฝ่ายต้องการอะไรอาจจะแค่ต้องการเขียนเสือให้วัวกลัวตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้ามาขยายธุรกิจในประเทศนี้ก็มีเรื่องที่ต้องให้แปลกใจมากมายรวมไปถึงเส้
ริวอิจิหลังจากให้คนขับรถไปส่งแม่ของลูกเขาก็ไปยังคลับแห่งหนึ่งที่นัดกันไว้กับเพื่อนตัวดี ‘จิรัติกร’ ที่เจอในฐานะลูกค้ารายใหญ่ก่อนหน้าเขาสองคนรู้จักและคบหากันตั้งแต่ไปเรียนโทที่บอสตันภายในห้องส่วนตัวเมื่อเห็นหน้าเพื่อนรักจิรัติกรก็ยกบรั่นดีในมือเป็นเชิงทักทาย“ไฮ”ริวอิจิเดินเข้าไปนั่งข้างเพื่อนรักพลางไขว่ห้างก่อนจะเท้าแขนกับผนังพิงโซฟาเขาถอนหายใจดังเฮือกหากไม่ใช้ยาแรงคิดว่าเรื่องจดทะเบียนสมรสในวันนี้คงไม่สำเร็จไปได้โดยง่าย“เอ้า..ดื่มหน่อย” จิรัติกรรินเครื่องดื่มสีอำพันส่งให้เพื่อนรักก่อนจะยิงคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจเมื่อได้ยินอีกฝ่ายออกปากขอให้ช่วย“แกคิดยังไงถึงจะหาบ่วงมาผูกคอ” ชายหนุ่มหน้าตาคมคายหลังจากถอดสูทปลดกระดุมหน้าออกสองเม็ดด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายดูยังไงก็มีเลศนัยและดูเจ้าชู้แต่ทว่าจิรัติกรเองกลับไม่มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาให้ปวดหัวเท่าริวอิจิที่ดูเงียบขรึมเย็นชาแต่กลับหลีหญิงจีบสาวเก่งกว่าเขาที่ดูแพรวพราวด้วยเพราะสายตาที่มักจะหวานหยาดเยิ้มมองสาวๆทีแม่สาวเจ้าใจอ่อนระทวย“ก็ไม่คิดไง”“หืม…ถึงขนาดจดทะเบียนสมรสแกบอกไม่คิดไงเนี่ยนะ”“แกก็เห็น”“เออ…ปกติระวังจะตายนี่หว่าไปทำอีท่าไหนจนเค้า
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”“นอนหรือยัง?” ฉันอึ้งกับคำถามของเขาสงสัยจะเมาจริงๆถ้ารู้ว่าเป็นเวลานอนก็ไม่น่าจะมากดออดเวลานี้ไหม “มีอะไรหรือเปล่าคะ”“ผมหาคีย์การ์ดไม่เจอ” คอนโดที่นี่จะมีคีย์การ์ดสองใบใบแรกสำหรับแตะเข้าประตูใหญ่อีกใบสำหรับแตะลิฟต์และเปิดประตูหน้าห้องพัก “แล้วคุณขึ้นลิฟต์มาได้ยังไง”“ผมติดคนอื่นมาน่ะ”“อ้อ…แล้วยังไงคะ”“คุณช่วยผมหาหน่อยได้หรือเปล่า” พอได้ยินดังนั้นฉันก็ตัดสินใจเปิดประตูโดยสวมชุดคลุมบดบังเรือนร่างเอาไว้“คุณ” ฉันมองเขาตั้งแต่หัวลงล่างเห็นเขายืนหลังพิงกำแพงพร้อมกับกอดอกเหมือนเก๊กแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาบุคลิกของเขาในสายตาฉันนี่มันขัดหูขัดตาเสียจริงเหมือนผู้ชายขี้เก๊กขี้หลีสาวอะไรเถือกนั้นแม้จะเมามายแต่ชุดสูทที่สวมอยู่บนตัวยิ่งขับให้เขาดูมีเสน่ห์ตามฉบับคาสโนว่ายิ่งสายตาที่ฉ่ำเยิ้มตอนเมานี่ทำเอาฉันไม่กล้าสบตาเขาเลยจริงๆให้ตาย! “คุณเอาคีย์การ์ดไปไว้ที่ไหน” เขาแบมือสองข้างพร้อมยักไหล่“ผมจำไม่ได้”“งั้นคุณก็ไปติดต่อนิติ”“เขาคุยภาษาญี่ปุ่นได้ที่ไหน” ฉันอดที่จะกลอกตาไม่ได้แม้รู้ว่าเสียมารยาทมากก็เถอะ “ไม่งั้นในกระเป๋าเสื้อสูทกระเป๋ากางเกงคุณหาดูหรือยัง”“ผมอยากเข้าห้อง
เพราะอาการนอนไม่พอหรืออย่างไรไม่ทราบ ขนมปังปิ้งที่ปกติจะปิ้งแผ่นเดียวดันใส่สองแผ่น คล้ายกับสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พอกำลังจะนั่งกินเสียงออดที่หน้าห้องดังขึ้นมาพอดี ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร มีอยู่คนเดียว ฉันเดินไปเปิดประตูด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ ส่วนเขานั้นใบหน้าอิ่มเอมไม่เหมือนคนนอนไม่พอ สมกับประเทศที่โนมิไกเมาหัวราน้ำตามสถานีรถไฟ พอตอนเช้าสวมวิญญาณซาลารีแมนไปทำงานได้อย่างกระปรี้กระเปร่า เขาเอ่ย “อรุณสวัสดิ์” ฉันก็เอ่ยตอบไปตามมารยาท“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”“พอดีผมยังไม่ได้ทานข้าวเช้า”“อ้อ” ฉันเดินนำไปนั่งตรงเก้าอี้ทานอาหารเช้าเหมือนเดิม “อยากทานอะไรหยิบได้เลยไม่ต้องเกรงใจนะคะ!” ฉันกระแทกเสียงตรงไม่ต้องเกรงใจก่อนจะนั่งลงดื่มนมไม่สนใจเขาอีกแต่อีกฝ่ายกลับผิวปากเปิดคุ้ยตู้เย็นบ้านคนอื่นอย่างอารมณ์ดีแถมหั่นนั่นนี่อย่างสบายใจเฉิบ“ขนมปังแผ่นเดียวเจ้าหนูน่าสงสารเกินไปแล้ว” พูดเสร็จก็วางอะโวคาโดสตรอว์เบอร์รี่กล้วยลงในจานที่มีขนมปังปิ้งที่เว้าแหว่งเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งฉันมองเขาที่ชงกาแฟสำเร็จนั่งทานอยู่ตรงข้ามในจานของเขาไม่ต่างจากจานของฉันเลยสักนิดเมื่อเขาเห็นฉันจ้องมองเขาโดยไม่ปริปากพูดอะไรก็ผายมือ “
จิรัติกรมางานแต่งเพื่อนชาวญี่ปุ่นด้วยความไม่คาดคิด ไม่คาดคิดว่าเพื่อนเขาจะสละโสดเร็วกว่าใคร ๆ ในรุ่น ก็แหงล่ะ…เจ้าชู้ประตูดินเสียขนาดนั้น แต่พอมาเจอเจ้าสาวในวันนี้ เขายังรับรู้ได้เลยว่าเพื่อนรักของเขามีความสุขในการแต่งงานครั้งนี้จริง ๆ แถมลูกชายยังน่ารักน่าชัง อ้วนท้วนสมบูรณ์เชียวนึกถึงตอนที่มาขอให้ช่วยรวบหัวรวบหางสาวเจ้าแล้วก็อดขำไม่ได้เพื่อนเขาถึงต้องลงทุนมากมายเพื่อทะเบียนสมรสฉบับเดียวแทนที่จะเป็นหญิงสาวคนนั้นที่ต้องอ้อนวอนขอทะเบียนสมรสจากริวอิจิน่ะส่งเพื่อนเข้าประตูวิวาห์พลันอดที่จะคิดถึงตัวเองไม่ได้…แล้วชีวิตคู่ของเขาจะเป็นแบบไหนเจ้าสาวจะเป็นใครแม้ว่าไม่เคยฉุกคิดเรื่องนี้ในหัวมาก่อนเลยก็ตามความคิดในหัวแตกกระเจิงเมื่อเจอใครบางคนคนคนนั้นที่ติดอยู่ในหัวของเขาแมวขโมย! สองแขนของปานประดับถูกกระชากอย่างแรงหลังจากที่เธอเพิ่งจะเรียงจานชามบนโต๊ะได้ไม่นาน“อะ” ฉันร้องเสียงหลงแถมยังต้องตกใจจนหน้าขาวซีดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครโลกมันจะกลมเกินไปแล้วอีกอย่างฉันเองก็คอยระมัดระวังตัวตลอด…“ไง” เขาถามด้วยใบหน้าราบเรียบแต่แววตากลับวาวโรจน์“คะ” ฉันตีเนียนแต่มือไม้เย็นจนเกือบจะถือถาดในมือไว้ไม
งานแต่งงานของฉันกับริวอิจิที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นการแต่งงานแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ศาลเจ้าแห่งหนึ่งในโตเกียว เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ ซึ่งคุณนายเคอิเป็นคนขอเอาไว้เนื่องจากเราแต่งงานที่ไทยกันมาแล้ว เลยอยากจะจัดงานแบบญี่ปุ่นบ้าง ฉันเลือกชุดกิโมโนสีขาว ส่วนเจ้าบ่าวเป็นสีดำ พิธีการค่อนข้างเคร่งครัดและเป็นระเบียบ แขกเหรื่อจะต้องยืนยันว่าจะมาร่วมงานเพราะชุดอาหารนับตามจำนวนคนและแพงมาก แม่เจ้า! รวมไปถึงของชำร่วยที่แขกเหรื่อจะเป็นคนเลือกเอง แต่สำหรับฉันพิธีการเรียบง่ายแต่กลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเป็นการบอกกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าฉันจะมาเป็นสะใภ้ของที่นี่ ทุกคนให้การต้อนรับฉันอย่างดีไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในสถานะที่แตกต่างออกไปในตอนแรกฉันมาเยือนโตเกียวด้วยวีซ่านักเรียนแต่พอมาอีกครั้งกลับมาในสถานะภรรยาของชาวญี่ปุ่นจัดงานเสร็จสรรพใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ฉันชอบความเรียบง่ายเลยไม่ได้จัดการฉลองที่โรงแรมอีกอีกอย่างเราก็มีลูกเล็กด้วยกระเตงออกงานทั้งวันคงเหนื่อยน่าดูที่สำคัญเจ้าเด็กอ้วนยังติดพี่เลี้ยงมากๆอีกด้วยพี่ไผ่เองตอนนี้ก็เปรียบเสมือนญาติอีกคนที่เข้าร่วมพิธีการในครั้ง
อีกทั้งฉันเองก็ขอร้องว่า…ไม่ต้องใส่ซองอะไรมาให้อีกอย่างทุกคนก็เสียสละวันหยุดมางานกันแล้วไหนจะเสื้อผ้าหน้าผมอีกแต่ทุกคนกลับมีของขวัญชิ้นเล็กชิ้นน้อยติดมือมาให้อยู่ดีคุณนายเคอิเองก็ยิ้มแช่มชื่นแม้จะมีอุปสรรคทางภาษาแต่เอแคร์เองก็พูดควบสองภาษาเพื่อให้คนทั้งงานเอนจอยไปด้วยกันแถมเพื่อนรักอย่างจิรัติกรเองก็มาร่วมงานด้วย“ไง” จิรัติกรเอ่ยทักเจ้าบ่าวข้างกายฉันพลางส่งของขวัญในมือให้“ขอบใจ” “งานสำคัญของนายทั้งทีฉันต้องมาอยู่แล้วน่า”“ยินดีด้วยนะครับคุณ…เอ่อ”“เจค่ะ”“ยินดีด้วยนะครับคุณเจ” “ขอบคุณมากค่ะ” แถมเขายังเข้ามาหยอกล้อเจ้าตัวน้อยที่นั่งหันหน้าบนเป้นั่งคาดเอวด้วยความเอ็นดู“นี่มันริวอิจิฉบับจิ๋วชัดๆ” เขาว่าพลางหัวเราะในคอแต่พลันสายตาก็เบิกกว้างเมื่อเห็นพนักงานที่คอยเติมอาหารและเครื่องดื่มในงาน“ขอตัวก่อนนะครับ” “ค่ะ” ฉันผายมือให้เขาเข้าไปในงานก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มลูกน้อยที่แทะยีราฟตัวสีเหลืองอย่างมันเขี้ยวโดยไม่รู้เลยว่าบริเวณหลังร้านคนสองคนกำลังมีปากเสียงกันอยู่ เพราะเน้นความเรียบง่ายห้าโมงเย็นทุกอย่างก็เป็นอันสิ้นสุดนิ้วนางข้างซ้ายของฉันและเขาต่างประดับด้วยแหวนแต่งงานที่เราต่างแลกแห
“แต่พี่ก็ดีใจนะ อย่างน้อยเจก็ไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนอย่างตอนแรก ให้ตาย! ตอนแรกพี่เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน หลังคลอดเราจะอยู่ยังไงกันสองคน พอรู้ว่าน้องเจมีคนคอยดูแลพี่ก็เบาใจ” พี่น้ำตาลที่ผ่านการมีลูกเต้ามาก่อนเอ่ยพร้อมกับเดินมาตบต้นแขนให้กำลังใจฉันยิ้มทั้งน้ำตา“ขอบคุณนะคะแต่ยังไงก็ยังเป็นเจคนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป” ทุกคนพยักหน้าให้ “วันหลังเอาอากิระมาให้พี่ๆอุ้มบ้างพวกเราจะได้กอดหอมตอนยังเด็กนี่แหละ” เอแคร์ว่า“โตขึ้นมาพี่สาวคนนี้จองตัวเป็นผู้จัดการดาราเลยนะคะ” บรรยากาศผ่อนคลายลงมากภพที่ยังพูดน้อยเหมือนเดิมเอ่ยเพียงสองสามประโยค“ยินดีด้วยนะเจ”“ขอบคุณนะภพ” จะว่าไปเขาเป็นคนแรกๆก็ว่าได้ที่รู้ว่าพ่อในท้องของผู้หญิงตรงหน้าเป็นใครเป็นการพบกันโดยบังเอิญไม่ว่าจะรถของหญิงสาวที่ท่านประธานคนใหม่ใช้อยู่เนืองๆไหนจะตอนที่คนทั้งสองไปซื้อของด้วยกันตอนแรกเขาทั้งตกใจและคาดไม่ถึง…ตอนแรกเขายอมรับว่าสนใจผู้หญิงคนนี้อยู่เหมือนกันแต่เหมือนเจ้าหล่อนก็ไม่เปิดโอกาสให้ใครหน้าไหนได้เข้าหามีกำแพงบางๆกั้นเอาไว้หากเธอไม่ท้องหรือมีครอบครัวไปเสียก่อนเขาก็ยังหวังว่าเราจะมีโอกาสได้สานต่อ…“แหมน้องภพมองตาละห้อยเชียวพ
ริวอิจิส่งข้อความมาบ้างแต่เราก็แทบไม่ได้คุยกันเลยตารางชีวิตแต่ละคนยุ่งสุดๆแต่แล้วความทรมานในการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงกดออดที่หน้าห้องเมื่อเห็นในมอนิเตอร์ว่าเป็นใครฉันก็เปิดประตูให้อย่างเร็วรี่แม้ใบหน้าเขาจะเหนื่อยล้าสุดๆแต่กลับยิ้มแฉ่งเข้ามากอดและอุ้มฉันจนตัวลอย“ว้ายเล่นอะไรคะเนี่ย” ฉันแหวใส่เขาเมื่อถูกอุ้มจนเท้าไม่ติดพื้นแถมในตอนนี้เจ้าตัวน้อยเริ่มจะคว่ำแล้วคอกเด็กที่สั่งทำเอาไว้ก็ได้ฤกษ์ใช้เสียที“อากิระคุง” เสียงมาก่อนตัวริวอิจิที่สองมือหอบข้าวของพะรุงพะรังมามากมายก็ไม่ลืมที่จะรีบไปล้างมือหมายจะรีบมาอุ้มลูกชายแต่โดนฉันเบรกไว้ก่อน“ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าคะ” พ่อหมาทำหน้าละห้อยเหงื่อไหลโทรมกายขนาดนั้นอีกอย่างเชื้อโรคก็เยอะด้วยกันไว้ดีกว่าแก้เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างเงียบเชียบบริเวณข้างๆคอกเด็กฉันรีบไปอุ้มเจ้าก้อนมาไว้แนบอกนั่งหันหน้าออก“ปะป๊ากลับมาแล้วดีใจไหมครับ” เจ้าก้อนดิ้นดุ๊กดิ๊กมือเท้าปัดป่ายกลางอากาศอย่างน่ารักฉันอุ้มเขาไม่กี่อึดใจอากิระคุงก็ถูกริวอิจิอุ้มไปฟัดในคอกเด็กสองพ่อลูกคุยกันงุ้งงิ้งอยู่นานสองนานส่วนฉันก็รีบกลับมาเคลียร์งานที่ค้างไว้ต่อพี่ไผ่เองก็เก็บของเตรียมต
“แค่ก แค่ก ๆ” เมื่อเขาถอนออก ฉันสำลักหน้าดำหน้าแดง อีตาบ้ากดมาได้! ฉันทำได้เพียงก่นด่าเขาในใจเท่านั้น ไม่นานแผ่นหลังก็แนบติดกับประตู ชุดนอนกระโปรงถูกถกมากองไว้ที่เอว ขาข้างหนึ่งพาดบนท่อนแขนแกร่ง ยืนอย่างหมิ่นเหม่เพื่อให้เขาตอกอย่างถนัดถนี่“อื้อ” ฉันครางเครือแทบไม่เป็นภาษาเข็มยักษ์นี้ไม่รู้ว่าจะทำให้ฉันหายไข้หรือว่าป่วยเพิ่มกันแน่ยิ่งเข้าสุดออกสุดอย่างนี้ฉันจิกเล็บกับต้นแขนเขาอย่างแรงเมื่อเอวสอบเร่งจังหวะไม่ว่าจะเสียงเฉอะแฉะของน้ำลายน้ำหล่อลื่นส่วนล่างที่เชื่อมต่อกันอยู่หรือเสียงเนื้อกระทบเนื้อต่างก็พาอารมณ์พุ่งทะยานสุดกู่ริมฝีปากจูบคลอเคลียกันไม่ห่างช่วงล่างเองก็เช่นกันฉันตบต้นแขนเขาเป็นเชิงให้เปลี่ยนท่าก่อนจะผลักเขาลงกับเตียงกว้างถอดชุดนอนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดีก้าวเข้าไปควบคี่กลายเป็นคนคุมเกมและจังหวะเสียเอง สองมือสอดประสานกันเพื่อให้ฉันพยุงตัวแถมเขายังกระเด้งเอวขึ้นมาตอบรับจังหวะของฉันอีกที “อึกอื้อ” เสียงปักปักของเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่วห้องนอนฉันหลับตาพริ้มคอเชิดแหงนเมื่อจุดกระสันถูกแทงย้ำๆอย่างไม่ปรานีย้ำๆจุดนั้นไม่กี่ทีฉันก็ตัวสั่นกระตุกหอบเสียงครางเครือเท้าแขนไว้ข้างศีรษะเขา
“แล้วฝั่งของคุณล่ะ” ฉันชั่งใจ…เพื่อนร่วมงานมีแค่ไม่กี่คน เพื่อนหลายคนที่เคยสนิทก่อนหน้าก็ห่างหายกันไปตามกาลเวลา จะร่อนการ์ดส่งไปให้ก็กะไรอยู่…ฉันค่อนข้างเป็นคนคิดมาก อีกอย่างไม่ค่อยได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันจู่ ๆ จะส่งการ์ดไปให้เขาจะหาว่าฉันอยากได้เงินใส่ซองไหมนะ“คิดอะไรขนาดนั้น”“ก็…”“ไม่รู้สิคะนอกจากเพื่อนร่วมงานแล้วก็คงไม่มีใครอีกอย่างญาติฝั่งพ่อแม่ก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วค่ะตั้งแต่ท่านเสีย” เขาโอบกอดฉันเข้ามาในอ้อมแขน“แต่ตอนนี้คุณไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้วนะมีผมอากิระแล้วก็แม่ผมที่เป็นหนึ่งในครอบครัวของคุณ”“ขอบคุณมากค่ะ” ฉันยิ้มตอบเขาด้วยใจจริงไม่น่าเชื่อว่าความบังเอิญความเมาหรือผีผลักในคืนนั้นที่ทำให้เราทั้งสองได้มาเจอกันได้มาใช้ชีวิตคู่ด้วยกันและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นไปพร้อมกันตลอดกาลมีจริงหรือไม่…นั่นไม่ใช่คำตอบที่ฉันเฝ้าหาคำตอบอีกต่อไปเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเฝ้าหา…อยู่ตรงหน้านี้แล้วเราแพลนทุกอย่างไว้ล่วงหน้าหลังจากที่ริวอิจิกลับมาจากญี่ปุ่นก็จะจัดงานแต่งที่ประเทศไทยหลังจากนั้นค่อยกลับไปจัดที่ญี่ปุ่นต่อจะว่าปุบปับก็ไม่เกินจริงหลังจากนั้นไม่กี่วันฉันและเขาก็มาฟิตติ้งชุดเจ้
พอรู้ว่าต้นเดือนหน้าจะเริ่มงานตารางชีวิตของฉันก็ต้องจัดการใหม่หมดรวมไปถึงเวลาที่ให้พ่อของลูกด้วย“ทำไมไม่ลาหนึ่งปีไปเลยคุณจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”“ไม่ดีกว่าค่ะฉันอยากทำงานไม่อยากแบมือขอเงินคุณ” ฉันพูดออกไปตามจริงใช้เงินเขามันก็ดีอยู่หรอกแต่อย่างว่า…เราต้องมีเก็บสำรองด้วยอีกอย่างฉันเพิ่งเริ่มชีวิตการทำงานได้ไม่ถึงปีเสียดายวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาใช้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องกลายมาเป็นแม่คนเสียแล้ว “เป็นถึงคุณนายเคอิ” เขาพูดพร้อมกับบีบจมูกที่เชิดรั้นของฉันตอนนี้เจ้าหมูน้อยก็เข้าเต้าอยู่แถมมือป้อมๆนั้นยังกำของเล่นในมือไว้แน่น“เงินของคุณนี่คะไม่ใช่เงินฉันสักหน่อย” “แต่ผมเต็มใจให้คุณใช้นะ…ใช้เท่าที่คุณต้องการยังได้” ฉันมองค้อนเขา“ทราบค่ะว่าคุณรวย”“แถมยังหล่อเหลามากอีกด้วย” ชมเองชงเองเหลือจะเชื่อฉันรู้ว่าเขาน่ะรวยมากขนาดไหนแล้วยังไงล่ะ…เกิดวันไหนเขาหมดใจกับฉันขึ้นมาทวงเงินที่ฉันใช้ไปทำไงล่ะทีนี้…สมองพลันนึกถึงกรุปแม่บ้านที่ว่าขึ้นมาที่แม่บ้านคนไทยต่างประสบปัญหาต่างๆกับสามีชาวญี่ปุ่นแล้วการที่ฉันไม่ได้เอาแต่พึ่งพาเขามากเกินไปเพื่อเป็นการเหลือทางรอดให้กับตัวเอง “สัปดาห์หน้าผมจะกลับไปเคลียร์งา
“อะอ๊ะ” แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปขัดถูหลังให้เล่าเขาต้องการคนขัดหลังให้ที่ไหนต้องการรวบหัวรวบหางเหยื่อเสียมากกว่า…แต่จะว่าไปฉันก็เป็นเหยื่อที่เต็มใจให้ถูกกินซะด้วยสิหากเขาเป็นกองไฟฉันก็พร้อมจะเป็นน้ำมันให้มันเผาไหม้พวกเราสองคนไปพร้อมกัน แถมเจ้าหมูน้อยยังนอนหลับปุ๋ยในเปลอย่างฝันหวานเหมือนว่าเมื่อคืนพ่อลูกทำข้อตกลงอะไรกันเอาไว้อย่างนั้นเจ้าหมูน้อยรีบตื่นมาช่วยแม่หน่อยเร็ว!!!พ่ออากิระผิวปากออกจากห้องนอนมาในตอนเจ็ดโมงเช้าร่างกายไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อนไม่เหมือนแม่ของลูกที่แทบจะลืมตาไม่ขึ้นวันนี้เขาคงไปทำงานสายหน่อยรอจนกว่าพี่เลี้ยงลูกจะมาช่วยไม่ได้นี่นะก็แม่ของลูกสวยขนาดนั้นใครจะอดใจยั้งมือไหว…ก็อย่างที่เคยบอก…เราสองคนเข้ากันได้ดีดีมากเสียด้วยดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก ;pเขาจัดแจงทำอาหารเช้าไว้ให้ภรรยาดูแลลูกน้อยเมื่อพี่เลี้ยงมาถึงก็แปะมือเปลี่ยนกะเขาออกไปทำงานก่อนจะออกจากห้องแวะไปดูคุณเขาเสียหน่อยอีกฝ่ายนอนหลับอุตุจะว่าไปสองแม่ลูกนอนท่าเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนเขาหยิกจมูกที่เชิดรั้นของเธอเบาๆก่อนจะกระซิบที่ข้างหู “ผมไปทำงานก่อนนะอย่านอนตื่นสายล่ะ” ฉันงัวเงียแม้ว่าร่างกายจะอ่อนเปลี้ยแต่ยังไงลูก