“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“นอนหรือยัง?” ฉันอึ้งกับคำถามของเขาสงสัยจะเมาจริงๆถ้ารู้ว่าเป็นเวลานอนก็ไม่น่าจะมากดออดเวลานี้ไหม
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมหาคีย์การ์ดไม่เจอ” คอนโดที่นี่จะมีคีย์การ์ดสองใบใบแรกสำหรับแตะเข้าประตูใหญ่อีกใบสำหรับแตะลิฟต์และเปิดประตูหน้าห้องพัก
“แล้วคุณขึ้นลิฟต์มาได้ยังไง”
“ผมติดคนอื่นมาน่ะ”
“อ้อ…แล้วยังไงคะ”
“คุณช่วยผมหาหน่อยได้หรือเปล่า” พอได้ยินดังนั้นฉันก็ตัดสินใจเปิดประตูโดยสวมชุดคลุมบดบังเรือนร่างเอาไว้
“คุณ” ฉันมองเขาตั้งแต่หัวลงล่างเห็นเขายืนหลังพิงกำแพงพร้อมกับกอดอกเหมือนเก๊กแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาบุคลิกของเขาในสายตาฉันนี่มันขัดหูขัดตาเสียจริงเหมือนผู้ชายขี้เก๊กขี้หลีสาวอะไรเถือกนั้นแม้จะเมามายแต่ชุดสูทที่สวมอยู่บนตัวยิ่งขับให้เขาดูมีเสน่ห์ตามฉบับคาสโนว่ายิ่งสายตาที่ฉ่ำเยิ้มตอนเมานี่ทำเอาฉันไม่กล้าสบตาเขาเลยจริงๆให้ตาย!
“คุณเอาคีย์การ์ดไปไว้ที่ไหน” เขาแบมือสองข้างพร้อมยักไหล่
“ผมจำไม่ได้”
“งั้นคุณก็ไปติดต่อนิติ”
“เขาคุยภาษาญี่ปุ่นได้ที่ไหน” ฉันอดที่จะกลอกตาไม่ได้แม้รู้ว่าเสียมารยาทมากก็เถอะ
“ไม่งั้นในกระเป๋าเสื้อสูทกระเป๋ากางเกงคุณหาดูหรือยัง”
“ผมอยากเข้าห้องน้ำผมขอยืมห้องของคุณหน่อยได้หรือเปล่า” มาถึงขั้นนี้ล่ะจะปฏิเสธก็กระไรอยู่
“เชิญค่ะ” ฉันผายมือให้เขาก่อนจะปิดประตูลงเดินตามหลังเขาไปอย่างว่าง่ายนั่งจิบนมที่โซฟาอยู่สักพักเขาก็ออกมานั่งข้างๆฉันเขยิบหนีทันทีเว้นที่ว่างให้พอสมควร
“หิวเหรอ”
“พอดีนอนไม่หลับเลยลุกมาหาอะไรกินนิดหน่อย” ฉันเหลือบมองเวลาก็เกือบจะตีสองเข้าไปแล้วอีกอย่างคุณแม่ใกล้คลอดมักจะนอนไม่หลับด้วยสรีระที่เปลี่ยนไปรวมไปถึงเด็กเองก็ตัวโตจนเบียดอวัยวะภายในทั้งหมดฉันตื่นมาเข้าห้องน้ำบ่อยและกินบ่อยขึ้นเพราะไม่สามารถกินเป็นมื้อได้อย่างเมื่อก่อน
“ตรงนี้คุณเปื้อนน่ะ” เขาพูดพลางใช้นิ้วชี้จิ้มที่มุมปากตัวเองฉันมองตามแลบลิ้นเลียไปตรงตำแหน่งที่เขาว่า
“ไม่ใช่ตรงนี้ต่างหาก” เขาเขยิบมาใช้นิ้วโป้งเช็ดมุมปากให้ฉันอย่างแผ่วเบาฉันรู้สึกถึงลมหายใจร้อนของเขาที่เป่าอยู่ข้างแก้มไหนจะกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมปนเปไปกับกลิ่นบุหรี่กับน้ำหอมบนตัวเขาฉันเบือนหน้าหนีทันทีโดยที่นิ้วโป้งของเขายังอยู่ที่มุมปากฉันเหมือนเดิมก่อนจะเอนตัวไปด้านหลังหลีกหนีสัมผัสนั้นโดยไม่ปริปากพูดอะไรออกมาจนได้ยินเสียงเขาหัวเราะในลำคอฉันจึงหันหน้ามาทันทีโดยที่ใบหน้าของเขายังอยู่ที่เดิมเหมือนรอจังหวะปลายจมูกของฉันสัมผัสโดนกับแก้มสากของเขาโดยที่เขาเองก็เอียงใบหน้าให้ปลายจมูกของเราสัมผัสกันฉันตกใจจนเบิกตากว้างก่อนจะเบี่ยงตัวหนีสัมผัสนั้นเหมือนแตะโดนของร้อน
“คุณ” เขาเองก็เขยิบมานั่งที่เดิมฉันเองก็เขยิบหนีเหมือนกันก่อนจะตั้งสติเอ่ยออกไป
“คุณเมาแล้วฉันฉันจะนอนแล้ว” ฉันพูดตะกุกตะกักพร้อมกับเก็บอาการลนลานไว้แทบไม่อยู่ให้ตายเถอะยัยเจจะหลงกลเขาไม่เด็ดขาด! ภายในหัวสมองของฉันตบตีกับความคิดของตัวเองอย่างบ้าคลั่งสองวันก่อนเขายังทิ้งระยะห่างจากฉันอยู่เลยพอจดทะเบียนเท่านั้นแหละโอ๊ย! ฉันมองหน้าเขายิ่งเห็นรอยยิ้มที่แต้มตรงมุมปากแถมยังเท้าแขนมองมาที่ฉันโดยไม่พูดอะไรทำเอาฉันอึดอัดไปหมด
“คุณก็ไปนอนสิผมไม่ได้ห้าม”
“แต่ว่าคุณอยู่ตรงนี้ฉันจะนอนตาหลับได้ยังไง”
“หรือว่าคุณต้องการให้ผมนอนด้วยเอาจริงผมไม่ติดนะ” แถมยังยื่นหน้ามาเข้าใกล้ฉันอีก
“ผมอยากนอนกอดคุณจะแย่”
‘ริวอิจิคุณมันร้ายกาจที่สุด’ พอเขาพูดเสร็จก็ลุกออกไปทิ้งฉันเอาไว้ด้วยคำพูดนั้นทำเอานอนไม่หลับไปทั้งคืนไอ้บ้า! เขาเหมือนหมาหยอกไก่อย่าไปหลงกลคำพูดหวานๆนั้นจะดีกว่า
ตอนเช้าฉันตื่นมาด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนักอีกอย่างวันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ก่อนจะลาคลอดความจริงก็ไม่เชิงลาเพียงแต่ว่าแค่ย้ายมาทำที่บ้านมีคอมฯเครื่องเดียวฉันสามารถทำงานได้ทุกทีเพียงแต่สังขารไม่อำนวยตอนแรกพี่ปุ้ยจะให้ฉันลาเพราะไม่อยากใช้งานคนใกล้คลอดหนักเกินไปแต่ฉันแย้งตอนนั้นฉันอยู่คนเดียวถ้าเกิดฉันเป็นอะไรไปหรือหายไปสันนิษฐานไว้ก่อนว่าฉันอาจจะถึงกำหนดคลอดยิ่งเวลาใกล้คลอดเข้ามาอาการเจ็บเตือนมันเริ่มถี่ขึ้นจากตอนแรกเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวก็กลัวและวิตกกังวลล่วงหน้าไปสารพัดและเข้าใจถึงไลน์สวัสดีตอนเช้าในกลุ่มของแผนกทั้งๆที่ตอนแรกฉันไม่เห็นถึงความสำคัญของมันและน่ารำคาญด้วยซ้ำเพียงแค่ส่งสติ๊กเกอร์กลับไปตัวเดียวอย่างน้อยคนที่เหลือก็จะได้รู้ว่าฉันยังมีชีวิตอยู่
การตั้งครรภ์โดยความไม่พร้อมของฉันทำให้มีเวลาได้ตกตะกอนเรื่องราวหลายสิ่งในชีวิตรวมไปถึงชีวิตที่เหลือในอนาคตว่าจะไปในทิศทางไหนนี่สินะที่เขาว่าเมื่อชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยนหลายๆอย่างที่ฉันละเลยและไม่คิดใส่ใจอย่างเช่นไลน์กลุ่มกลับอุ่นใจทุกครั้งที่ทุกคนเอ่ยทักทายและถามสารทุกข์สุกดิบกันคนอื่นที่เขามีครอบครัวสมบูรณ์พูนพร้อมอาจจะเห็นว่ามันน่ารำคาญเวลามีโนติฯแต่สำหรับฉันที่ตัวคนเดียวกลับยิ่งอุ่นใจเมื่อทุกคนถามไถ่ยิ่งเวลาใกล้คลอดแบบนี้เสาร์อาทิตย์ที่น่าเบื่อของฉันพลันมีชีวิตชีวาเมื่อเอแคร์บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆในไลน์แถมคนอื่นก็เข้ามาแซวพลางตบมุกตลบขบขันและบางทีคนเหล่านี้ก็คือหนึ่งในครอบครัว…
ฉันไม่เล่นเฟสบุ๊กไอจีและทวิตเตอร์อะไรพวกนั้นทำงานก็เหนื่อยมากแล้วไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องชาวบ้านแต่ก็ยอมรับว่าโลกออนไลน์ทำให้คนหายเหงาบ้างก็ทำให้คนเป็นประสาทฉันเคยคิดอิจฉาเพื่อนบางคนที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิตมีที่บ้านมีครอบครัวแสดงความยินดีและทุกข์สุขไปด้วยกันแต่ฉันไม่มีใครไม่รู้จะอวดความสำเร็จนั้นกลับใครแม้ตอนได้ทุนไปเรียนต่อป.โทก็ไม่ได้เอ่ยปากบอกใครคล้ายกับว่ามีชีวิตเพื่อตัวเองสุขทุกข์เพื่อตัวเองพอตระหนักได้ฉันก็เลิกเล่นโซเชียลทั้งหลายและหันมาใส่ใจชีวิตและปากท้องของตัวเองแทนอีกทั้งตอนนี้ฉันกำลังจะมีเจ้าตัวน้อยในท้องที่ต้องใส่ใจเพิ่มมาในชีวิตอีกคน
อย่างน้อยฉันในตอนนี้ก็ไม่ได้ตัวเดียวอยู่บนโลกนี้อีก
เพราะอาการนอนไม่พอหรืออย่างไรไม่ทราบ ขนมปังปิ้งที่ปกติจะปิ้งแผ่นเดียวดันใส่สองแผ่น คล้ายกับสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พอกำลังจะนั่งกินเสียงออดที่หน้าห้องดังขึ้นมาพอดี ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร มีอยู่คนเดียว ฉันเดินไปเปิดประตูด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ ส่วนเขานั้นใบหน้าอิ่มเอมไม่เหมือนคนนอนไม่พอ สมกับประเทศที่โนมิไกเมาหัวราน้ำตามสถานีรถไฟ พอตอนเช้าสวมวิญญาณซาลารีแมนไปทำงานได้อย่างกระปรี้กระเปร่า เขาเอ่ย “อรุณสวัสดิ์” ฉันก็เอ่ยตอบไปตามมารยาท“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”“พอดีผมยังไม่ได้ทานข้าวเช้า”“อ้อ” ฉันเดินนำไปนั่งตรงเก้าอี้ทานอาหารเช้าเหมือนเดิม “อยากทานอะไรหยิบได้เลยไม่ต้องเกรงใจนะคะ!” ฉันกระแทกเสียงตรงไม่ต้องเกรงใจก่อนจะนั่งลงดื่มนมไม่สนใจเขาอีกแต่อีกฝ่ายกลับผิวปากเปิดคุ้ยตู้เย็นบ้านคนอื่นอย่างอารมณ์ดีแถมหั่นนั่นนี่อย่างสบายใจเฉิบ“ขนมปังแผ่นเดียวเจ้าหนูน่าสงสารเกินไปแล้ว” พูดเสร็จก็วางอะโวคาโดสตรอว์เบอร์รี่กล้วยลงในจานที่มีขนมปังปิ้งที่เว้าแหว่งเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งฉันมองเขาที่ชงกาแฟสำเร็จนั่งทานอยู่ตรงข้ามในจานของเขาไม่ต่างจากจานของฉันเลยสักนิดเมื่อเขาเห็นฉันจ้องมองเขาโดยไม่ปริปากพูดอะไรก็ผายมือ “
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้เหมือนทุกวัน “มาพอดีเลยเรานี่พี่คุยกับคนอื่นๆอยู่พอดีอีกอย่างโปรเจกต์ก็ผ่านไปได้ด้วยดีพี่นุ้ยพูดพลางลูบหน้าท้องฉันไปด้วย “ลำบากเราแย่เลย”“ไม่เป็นไรเลยค่ะเจต่างหากที่ทำให้ทุกคนต้องลำบาก” เพราะกว่าจะหาคนมาแทนช่วงที่ฉันลาคลอดก็ทำเอาพี่นุ้ยหัวหมุนไปเหมือนกันเพราะว่ามันค่อนข้างฉุกละหุกอีกอย่างหากเป็นงานประเภทอื่นที่ไม่สามารถทำที่บ้านได้ฉันคงโดนวีนไปสิบแปดตลบ “ถ้าไม่ติดว่าเราท้องจะชวนไปปล่อยผีกันสักหน่อยคืนนี้วันศุกร์ด้วย” ฉันหัวเราะก็จริง…ถ้าฉันไม่ท้องป่านนี้ก็คงไปปล่อยผีเหมือนอย่างที่พี่นุ้ยว่าพี่นุ้ยพี่ศจีเองแม้จะมีครอบครัวแต่ทว่าลูกเต้าโตกันหมดแล้วไม่มีอะไรให้ห่วงเห็นว่าคนเล็กจะจบป.ตรีอยู่แล้วมั้ง“รอเจคลอดก่อนนะคะ” ฉันพูดหยอก“โอ๊ย! มีแรงลุกมากินให้ได้ก่อนเถอะตอนพี่มีคนแรกขยาดไปเลยกว่าจะตัดสินใจมีคนที่สองผมเผ้ายังไม่มีเวลาได้หวีด้วยซ้ำ” “โห…ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” พอเห็นสีหน้าสลดของฉันพี่นุ้ยก็ตบหลังเบาๆ “เอาน่ามนุษย์แม่อย่างเราทำได้สบายอยู่แล้วเดี๋ยวลูกก็โตแรกๆเหนื่อยหน่อยสักพักก็อยู่ตัวมีอะไรก็ทักมาถามไถ่ได้” พี่นุ้ยพูดฉันยกมือไหว้ด้วยความซาบซึ้งใจ“คลอดเมื
ฉันกลับมาถึงห้องโดยที่ติดรถพี่นุ้ยมาพอเปิดเข้ามาในห้องก็สว่างโร่แสดงว่ามีคนอยู่ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่มีแต่ความมืดมิดนานแค่ไหนแล้วนะที่ห้องนี้ไม่มีใครก้าวเข้ามาอีกทั้งไม่มีใครรอฉันกลับบ้าน…ริวอิจิที่สวมชุดนอนนั่งดูทีวีอย่างสบายใจเฉิบฉันก็อดไม่ได้ที่จะพูดตามธรรมเนียม“ทะไดมะ/กลับมาแล้วค่ะ”“โอไคริ”/ยินดีต้อนรับกลับ” “คุณ/คุณ”“เชิญคุณพูดก่อนเลย”“คุณทานข้าวหรือยัง” จะไม่ถามก็กระไรอยู่อีกอย่างนี่มันสามทุ่มเข้าไปแล้ว“คุณว่ากี่โมงแล้วล่ะ”“ถ้างั้นเชิญตามสบายฉันขอตัว” “ดูเหมือนว่าคุณจะปวดส้นเท้ามากนะ” ฉันที่ก้าวขาเดินไม่กี่ก้าวถึงกับหยุดชะงัก “นิดหน่อยค่ะ”“ผมเตรียมน้ำไว้ให้คุณแล้วรอแป๊ป” ฉันทำหน้างงอีกอย่างอ่างอาบน้ำที่ห้องของฉันไม่เหมือนกับอ่างอาบน้ำของญี่ปุ่นที่มีปุ่มกดอุ่นน้ำหรือปรับระดับอุณหภูมิอะไรได้สักพักก็เห็นเขายกกาน้ำร้อนเข้าไปในห้องนอนของฉันฉันจึงรีบวางกระเป๋าแล้วรีบสาวเท้าตามไปดูเห็นว่าเทลงไปในอ่างจนหมดก่อนจะวัดอุณหภูมิ “เสียดายที่แช่ได้แค่ข้อเท้าไม่เหมือนอ่างที่ญี่ปุ่น” “เท้าคุณบวมมากแช่น้ำร้อนสักหน่อยค่อยอาบน้ำ” ก่อนจะหันไปปรับอุณหภูมิน้ำร้อนไปที่สี่สิบองศาฉันตาโตนี่เข
น้ำหนักมือของเขากดลงบนฝ่าเท้าอย่างพอดีจนฉันอดคิดในใจไม่ได้ว่าเขาดูชำนาญขนาดนี้ไม่ได้เพิ่งทำเป็นครั้งแรกแน่ๆไม่ว่าจะเป็นการลงน้ำหนักกดเส้นต่างๆพอเขาเห็นฉันเงียบไปก็เงยหน้ามายิ้มมุมปาก“น้ำหนักพอใช้ได้ไหม”“อือ”“ทำไมคุณถึงนวดเป็น”“ก็แค่นวดจะแปลกอะไร” พอเขาเห็นสีหน้าของฉันเขาก็พูดต่อทันที “ถ้าผมเหาะเหินเดินอากาศได้สิถึงจะแปลก”“ไม่ใช่แบบนั้น…คือฉันหมายถึงผู้บริหารแบบคุณไม่น่าจะมีงานอดิเรกแบบนี้” จะว่าไงดี “ฮ่าๆแล้วคุณคิดว่าผู้บริหารต้องมีงานอดิเรกตีกอล์ฟสังสรรค์อะไรทำนองนั้นเหรอคนอื่นอาจจะใช่แต่สำหรับผมการตีกอล์ฟไม่ใช่งานอดิเรกแต่เป็นการพบปะพูดคุยเรื่องงานนวดนี่สิถึงจะเป็นงานอดิเรก” ไม่ใช่ว่านวดด้วยแล้วนาบด้วยหรอกนะฉันคิดในใจ “เจ็บ” “ตรงนี้ตำแหน่งนี้เป็นส่วนท้องบริเวณกระเพาะ” นิ้วชี้เรียวยาวจิ้มตรงด้านข้างของบริเวณฝ่าเท้าที่ถัดลงมาจากหัวแม่โป้งลงมาสามนิ้ว“ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าบริเวณฝ่าเท้าสามารถบอกตำแหน่งโรคได้ด้วย”“นวดไทยดังระดับโลกแปลกที่คุณไม่รู้” ฉันทำหน้ายู่เหมือนถูกเขาหลอกด่ายังไงก็ไม่รู้ “ฉันไม่ได้ชอบนวดฉันจะไปรู้ได้ยังไง” ฉันกอดอกหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อเขากดลงตำแหน่งไหนก็เ
พอกลับออกมาเขาก็นอนอีกฝั่งของเตียง ฉันลังเลแต่เขากลับตบลงเตียงดังปุ ปุ“ผมเล่าเรื่องครอบครัวให้คุณฟังขนาดนี้แล้วยังต้องกลัวอะไรอีก” ฉันก้มลงนอนหันข้างไปทางฝั่งเขาอย่างว่าง่ายพร้อมกับหมอนข้างคนท้องที่สอดใต้ท้องเอาไว้เขาเอื้อมมือมาสัมผัสหน้าท้องนูนแถมเจ้าตัวเล็กยังเคลื่อนไหวคล้ายฉีกแข้งขาอยู่ข้างในบอลลูนใบเล็กอย่างไม่ชอบใจนัก “นี่ก้นหรือเปล่า” เขาหัวเราะเมื่อเห็นว่าหน้าท้องปูดโปนโย้เย้ไปมาน่าจะซนน่าดู “รู้หรือยังว่าเพศอะไร”“แล้วคุณล่ะอยากได้เพศอะไร” เขาเลิกคิ้วพลางทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยปนขำออกมา“ผมเลือกได้ที่ไหนไม่ว่าเพศอะไรก็ดีทั้งนั้นขอแค่เขาคลอดออกมาสมบูรณ์แข็งแรงเป็นพอ”“ฉันคิดว่าคุณอยากได้ลูกชายเสียอีก”“ผมไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะกลายมาเป็นพ่อคน” เกิดความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งห้องมีเพียงเสียงเข็มนาฬิกาที่ดังอยู่อย่างนั้นฉันเม้มปากเป็นเส้นตรงไหนๆเรื่องก็มาถึงขั้นนี้การมีลูกสักคนต้องคิดให้ถี่ถ้วนไม่ใช่เฉพาะเงินแต่ต้องใช้เวลาด้วยกว่าเด็กคนหนึ่งจะเติบโตต้องช่วยกันเลี้ยงทั้งหมู่บ้านไม่เกินจริงจะเที่ยวดื่มเหล้ายาปาร์ตี้เมื่อก่อนก็ทำไม่ได้การมีลูกทำให้พ่อแม่เสียเวลาชีวิตส่วนตัวไป
ฉันนอนตื่นสายกว่าปกติเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก่อนปาไปค่อนคืน ลืมตาตื่นตอนเช้าก็ไม่เจอเขาแล้ว หากเขายังนอนอยู่ตรงนี้ฉันก็คงไม่รู้จะทำหน้ายังไงเหมือนกัน เมื่อคืนไม่รู้ว่าฉันผล็อยหลับไปตอนไหน พอนึกไปถึงเมื่อคืนที่ฉันร้องไห้ต่อหน้าเขาอย่างหน้าไม่อายก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าคำขอโทษของเขาจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยการที่เขาเอ่ยคำขอโทษออกมาโดยที่ฉันไม่ได้เอ่ยปากร้องขอ ก็แสดงว่าเขาอาจจะเอ่ยออกมาจากใจ การเป็นพ่อแม่คนไม่ใช่ว่าทำลูกเกิดมาก็เป็นพ่อแม่ได้เลยแต่การจะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งเป็นผู้ปกครองที่ตัดสินใจแทนเด็กที่อายุไม่บรรลุนิติภาวะเป็นตัวอย่างเป็นต้นแบบที่ดีให้เขาได้เจริญรอยตามนั่นล่ะถึงจะเรียกว่าพ่อแม่แม้จะตื่นแล้วแต่ก็ยังไม่ลุกจากเตียงก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาฉันแกล้งหลับตานอนแน่นิ่งคล้ายว่ายังไม่ตื่น“ผมรู้ว่าคุณตื่นแล้ว” ฉันที่แสร้งคลุมโปงก่อนหน้าเลิกผ้าห่มออกมาจ้องเขาที่ปลายเตียง“เลยเวลาอาหารเช้าแล้วนะคุณเจ้าตัวเล็กคงหิวแล้วล่ะลุกมาทานอะไรสักหน่อยแล้วค่อยนอนก็ได้” พอเห็นเขาสวมเสื้อยืดกางเกงห้าส่วนแถมยังผูกผ้ากันเปื้อนแบบนี้เหมือนพ่อบ้านยังไง
“แอร์ราคาตั้งห้าหมื่นแถมยังเปลี่ยนทั้งสองห้องด้วยฉันว่ามันแพงไป”“แต่สุขภาพที่ดีซื้อไม่ได้ด้วยเงิน” ฉันอ้าปากค้าง “อีกอย่างที่คุณนอนไม่ค่อยหลับเพราะว่าฝุ่นภายในห้องมันเยอะผมลองไปเปิดดูที่กรองแสดงว่าคุณไม่เคยทำความสะอาดเลยล่ะสิ” ฉันหน้างอง้ำก็จริงอย่างที่เขาว่าแถมเถียงไม่ออกอีกต่างหาก“ที่มันแพงเพราะว่ามันมีระบบกรองอากาศในตัวอีกอย่างไม่มีตะแกรงที่ต้องถอดออกมามันจะทำความสะอาดฝุ่นแล้วรวมอัดเป็นก้อนเราก็แค่ถอดมันออกมาทิ้งแค่นั้น” เขาร่ายคุณสมบัติของมันยาวจนฉันฟังแทบไม่ทันฉันก็ได้แต่ตกลงอีกอย่างคนจ่ายเงินไม่ใช่ฉันนี่นาตกบ่ายพวกเราก็ไปห้างไปเลือกดูของใช้สำหรับเด็กอ่อนเขาลิสต์รายชื่อมายาวเกือบหนึ่งหน้ากระดาษเอสี่“เชื่อเถอะฉันว่าอันนี้ไม่ได้ใช้” เขาเลิกคิ้วก่อนจะมองหน้าฉันสลับกับของตรงหน้า“มีไว้ไม่ได้ใช้ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี” เพราะเขาพูดแบบนี้ฉันก็ไม่มีคำพูดอะไรจะโต้แย้งอีกคนงกอย่างฉันดูคุณภาพของสินค้าเปรียบเทียบกับอีกหลายยี่ห้อส่วนเขาหยิบเอาๆหยิบเอาจนเต็มตะกร้าไปหมด “คุณรู้เหรอว่าเพศอะไร”“เพศไม่มีสีสักหน่อยเด็กผู้ชายสวมสีชมพูก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรน่ารักออก” ผู้ชายคนนี้ทำให้ฉันทึ่งไม่รู้กี่
ตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่คอนโดเดียวกับฉันก็ไม่เห็นเขาใช้รถของตัวเองได้แต่ใช้รถญี่ปุ่นของฉันไปไหนมาไหนตอนนี้เขาเองก็ทำหน้าที่เป็นสารถีมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่ฉันได้ซื้อแพ็คเกจคลอดไว้อีกทั้งเป็นโรงพยาบาลที่มีล่ามคอยสื่อสารภาษาญี่ปุ่นให้เสร็จสรรพแม้ค่าคลอดจะแพงแต่ก็ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องเอกสารเพื่อแจ้งเกิดฉันจองโรงพยาบาลแห่งนี้ไว้เผื่อเป็นทางเลือกไม่คิดว่าโชคชะตาจะพัดพาให้ริวอิจิมาเจอเราแม่ลูกได้ทันเวลาพอดี ฉันนอนลงบนเตียงถกชายเสื้อขึ้นเพื่ออัลตราซาวด์แบบสี่มิติภายในจอเห็นเจ้าจิ๋วตัวน้อยอย่างเห็นได้ชัดจมูกนี่ได้พ่อมาเชียวอีกทั้งยังดูดนิ้วเล่นอีกการมาโรงพยาบาลครั้งนี้ของฉันแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาความรู้สึกอบอุ่นความรู้สึกที่โดดเดี่ยวอ้างว้างก่อนหน้ากลับผ่อนคลายขึ้นเมื่อมีใครอีกคนคอยแบ่งเบาอยู่เป็นเพื่อนคุยมาโรงพยาบาลด้วยกันฉันเองก็เป็นแม่คนครั้งแรกอีกทั้งไม่มีใครให้คอยปรึกษาถามไถ่และที่กังวลที่สุดคือการคลอดการคลอดธรรมชาติไม่เหมือนการผ่าที่สามารถกำหนดวันและเวลาได้แน่นอนอีกอย่างการผ่าแพงเพิ่มขึ้นไปอีกหลายหมื่นด้วยความงกและอยากจะคลอดธรรมชาติดูสักครั้งว่าความรู้สึกที่ว่าเจ็บเจียนตายมันเป็นยังไ
จิรัติกรมางานแต่งเพื่อนชาวญี่ปุ่นด้วยความไม่คาดคิด ไม่คาดคิดว่าเพื่อนเขาจะสละโสดเร็วกว่าใคร ๆ ในรุ่น ก็แหงล่ะ…เจ้าชู้ประตูดินเสียขนาดนั้น แต่พอมาเจอเจ้าสาวในวันนี้ เขายังรับรู้ได้เลยว่าเพื่อนรักของเขามีความสุขในการแต่งงานครั้งนี้จริง ๆ แถมลูกชายยังน่ารักน่าชัง อ้วนท้วนสมบูรณ์เชียวนึกถึงตอนที่มาขอให้ช่วยรวบหัวรวบหางสาวเจ้าแล้วก็อดขำไม่ได้เพื่อนเขาถึงต้องลงทุนมากมายเพื่อทะเบียนสมรสฉบับเดียวแทนที่จะเป็นหญิงสาวคนนั้นที่ต้องอ้อนวอนขอทะเบียนสมรสจากริวอิจิน่ะส่งเพื่อนเข้าประตูวิวาห์พลันอดที่จะคิดถึงตัวเองไม่ได้…แล้วชีวิตคู่ของเขาจะเป็นแบบไหนเจ้าสาวจะเป็นใครแม้ว่าไม่เคยฉุกคิดเรื่องนี้ในหัวมาก่อนเลยก็ตามความคิดในหัวแตกกระเจิงเมื่อเจอใครบางคนคนคนนั้นที่ติดอยู่ในหัวของเขาแมวขโมย! สองแขนของปานประดับถูกกระชากอย่างแรงหลังจากที่เธอเพิ่งจะเรียงจานชามบนโต๊ะได้ไม่นาน“อะ” ฉันร้องเสียงหลงแถมยังต้องตกใจจนหน้าขาวซีดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครโลกมันจะกลมเกินไปแล้วอีกอย่างฉันเองก็คอยระมัดระวังตัวตลอด…“ไง” เขาถามด้วยใบหน้าราบเรียบแต่แววตากลับวาวโรจน์“คะ” ฉันตีเนียนแต่มือไม้เย็นจนเกือบจะถือถาดในมือไว้ไม
งานแต่งงานของฉันกับริวอิจิที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นการแต่งงานแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ศาลเจ้าแห่งหนึ่งในโตเกียว เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ ซึ่งคุณนายเคอิเป็นคนขอเอาไว้เนื่องจากเราแต่งงานที่ไทยกันมาแล้ว เลยอยากจะจัดงานแบบญี่ปุ่นบ้าง ฉันเลือกชุดกิโมโนสีขาว ส่วนเจ้าบ่าวเป็นสีดำ พิธีการค่อนข้างเคร่งครัดและเป็นระเบียบ แขกเหรื่อจะต้องยืนยันว่าจะมาร่วมงานเพราะชุดอาหารนับตามจำนวนคนและแพงมาก แม่เจ้า! รวมไปถึงของชำร่วยที่แขกเหรื่อจะเป็นคนเลือกเอง แต่สำหรับฉันพิธีการเรียบง่ายแต่กลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเป็นการบอกกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าฉันจะมาเป็นสะใภ้ของที่นี่ ทุกคนให้การต้อนรับฉันอย่างดีไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในสถานะที่แตกต่างออกไปในตอนแรกฉันมาเยือนโตเกียวด้วยวีซ่านักเรียนแต่พอมาอีกครั้งกลับมาในสถานะภรรยาของชาวญี่ปุ่นจัดงานเสร็จสรรพใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ฉันชอบความเรียบง่ายเลยไม่ได้จัดการฉลองที่โรงแรมอีกอีกอย่างเราก็มีลูกเล็กด้วยกระเตงออกงานทั้งวันคงเหนื่อยน่าดูที่สำคัญเจ้าเด็กอ้วนยังติดพี่เลี้ยงมากๆอีกด้วยพี่ไผ่เองตอนนี้ก็เปรียบเสมือนญาติอีกคนที่เข้าร่วมพิธีการในครั้ง
อีกทั้งฉันเองก็ขอร้องว่า…ไม่ต้องใส่ซองอะไรมาให้อีกอย่างทุกคนก็เสียสละวันหยุดมางานกันแล้วไหนจะเสื้อผ้าหน้าผมอีกแต่ทุกคนกลับมีของขวัญชิ้นเล็กชิ้นน้อยติดมือมาให้อยู่ดีคุณนายเคอิเองก็ยิ้มแช่มชื่นแม้จะมีอุปสรรคทางภาษาแต่เอแคร์เองก็พูดควบสองภาษาเพื่อให้คนทั้งงานเอนจอยไปด้วยกันแถมเพื่อนรักอย่างจิรัติกรเองก็มาร่วมงานด้วย“ไง” จิรัติกรเอ่ยทักเจ้าบ่าวข้างกายฉันพลางส่งของขวัญในมือให้“ขอบใจ” “งานสำคัญของนายทั้งทีฉันต้องมาอยู่แล้วน่า”“ยินดีด้วยนะครับคุณ…เอ่อ”“เจค่ะ”“ยินดีด้วยนะครับคุณเจ” “ขอบคุณมากค่ะ” แถมเขายังเข้ามาหยอกล้อเจ้าตัวน้อยที่นั่งหันหน้าบนเป้นั่งคาดเอวด้วยความเอ็นดู“นี่มันริวอิจิฉบับจิ๋วชัดๆ” เขาว่าพลางหัวเราะในคอแต่พลันสายตาก็เบิกกว้างเมื่อเห็นพนักงานที่คอยเติมอาหารและเครื่องดื่มในงาน“ขอตัวก่อนนะครับ” “ค่ะ” ฉันผายมือให้เขาเข้าไปในงานก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มลูกน้อยที่แทะยีราฟตัวสีเหลืองอย่างมันเขี้ยวโดยไม่รู้เลยว่าบริเวณหลังร้านคนสองคนกำลังมีปากเสียงกันอยู่ เพราะเน้นความเรียบง่ายห้าโมงเย็นทุกอย่างก็เป็นอันสิ้นสุดนิ้วนางข้างซ้ายของฉันและเขาต่างประดับด้วยแหวนแต่งงานที่เราต่างแลกแห
“แต่พี่ก็ดีใจนะ อย่างน้อยเจก็ไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนอย่างตอนแรก ให้ตาย! ตอนแรกพี่เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน หลังคลอดเราจะอยู่ยังไงกันสองคน พอรู้ว่าน้องเจมีคนคอยดูแลพี่ก็เบาใจ” พี่น้ำตาลที่ผ่านการมีลูกเต้ามาก่อนเอ่ยพร้อมกับเดินมาตบต้นแขนให้กำลังใจฉันยิ้มทั้งน้ำตา“ขอบคุณนะคะแต่ยังไงก็ยังเป็นเจคนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป” ทุกคนพยักหน้าให้ “วันหลังเอาอากิระมาให้พี่ๆอุ้มบ้างพวกเราจะได้กอดหอมตอนยังเด็กนี่แหละ” เอแคร์ว่า“โตขึ้นมาพี่สาวคนนี้จองตัวเป็นผู้จัดการดาราเลยนะคะ” บรรยากาศผ่อนคลายลงมากภพที่ยังพูดน้อยเหมือนเดิมเอ่ยเพียงสองสามประโยค“ยินดีด้วยนะเจ”“ขอบคุณนะภพ” จะว่าไปเขาเป็นคนแรกๆก็ว่าได้ที่รู้ว่าพ่อในท้องของผู้หญิงตรงหน้าเป็นใครเป็นการพบกันโดยบังเอิญไม่ว่าจะรถของหญิงสาวที่ท่านประธานคนใหม่ใช้อยู่เนืองๆไหนจะตอนที่คนทั้งสองไปซื้อของด้วยกันตอนแรกเขาทั้งตกใจและคาดไม่ถึง…ตอนแรกเขายอมรับว่าสนใจผู้หญิงคนนี้อยู่เหมือนกันแต่เหมือนเจ้าหล่อนก็ไม่เปิดโอกาสให้ใครหน้าไหนได้เข้าหามีกำแพงบางๆกั้นเอาไว้หากเธอไม่ท้องหรือมีครอบครัวไปเสียก่อนเขาก็ยังหวังว่าเราจะมีโอกาสได้สานต่อ…“แหมน้องภพมองตาละห้อยเชียวพ
ริวอิจิส่งข้อความมาบ้างแต่เราก็แทบไม่ได้คุยกันเลยตารางชีวิตแต่ละคนยุ่งสุดๆแต่แล้วความทรมานในการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงกดออดที่หน้าห้องเมื่อเห็นในมอนิเตอร์ว่าเป็นใครฉันก็เปิดประตูให้อย่างเร็วรี่แม้ใบหน้าเขาจะเหนื่อยล้าสุดๆแต่กลับยิ้มแฉ่งเข้ามากอดและอุ้มฉันจนตัวลอย“ว้ายเล่นอะไรคะเนี่ย” ฉันแหวใส่เขาเมื่อถูกอุ้มจนเท้าไม่ติดพื้นแถมในตอนนี้เจ้าตัวน้อยเริ่มจะคว่ำแล้วคอกเด็กที่สั่งทำเอาไว้ก็ได้ฤกษ์ใช้เสียที“อากิระคุง” เสียงมาก่อนตัวริวอิจิที่สองมือหอบข้าวของพะรุงพะรังมามากมายก็ไม่ลืมที่จะรีบไปล้างมือหมายจะรีบมาอุ้มลูกชายแต่โดนฉันเบรกไว้ก่อน“ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าคะ” พ่อหมาทำหน้าละห้อยเหงื่อไหลโทรมกายขนาดนั้นอีกอย่างเชื้อโรคก็เยอะด้วยกันไว้ดีกว่าแก้เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างเงียบเชียบบริเวณข้างๆคอกเด็กฉันรีบไปอุ้มเจ้าก้อนมาไว้แนบอกนั่งหันหน้าออก“ปะป๊ากลับมาแล้วดีใจไหมครับ” เจ้าก้อนดิ้นดุ๊กดิ๊กมือเท้าปัดป่ายกลางอากาศอย่างน่ารักฉันอุ้มเขาไม่กี่อึดใจอากิระคุงก็ถูกริวอิจิอุ้มไปฟัดในคอกเด็กสองพ่อลูกคุยกันงุ้งงิ้งอยู่นานสองนานส่วนฉันก็รีบกลับมาเคลียร์งานที่ค้างไว้ต่อพี่ไผ่เองก็เก็บของเตรียมต
“แค่ก แค่ก ๆ” เมื่อเขาถอนออก ฉันสำลักหน้าดำหน้าแดง อีตาบ้ากดมาได้! ฉันทำได้เพียงก่นด่าเขาในใจเท่านั้น ไม่นานแผ่นหลังก็แนบติดกับประตู ชุดนอนกระโปรงถูกถกมากองไว้ที่เอว ขาข้างหนึ่งพาดบนท่อนแขนแกร่ง ยืนอย่างหมิ่นเหม่เพื่อให้เขาตอกอย่างถนัดถนี่“อื้อ” ฉันครางเครือแทบไม่เป็นภาษาเข็มยักษ์นี้ไม่รู้ว่าจะทำให้ฉันหายไข้หรือว่าป่วยเพิ่มกันแน่ยิ่งเข้าสุดออกสุดอย่างนี้ฉันจิกเล็บกับต้นแขนเขาอย่างแรงเมื่อเอวสอบเร่งจังหวะไม่ว่าจะเสียงเฉอะแฉะของน้ำลายน้ำหล่อลื่นส่วนล่างที่เชื่อมต่อกันอยู่หรือเสียงเนื้อกระทบเนื้อต่างก็พาอารมณ์พุ่งทะยานสุดกู่ริมฝีปากจูบคลอเคลียกันไม่ห่างช่วงล่างเองก็เช่นกันฉันตบต้นแขนเขาเป็นเชิงให้เปลี่ยนท่าก่อนจะผลักเขาลงกับเตียงกว้างถอดชุดนอนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดีก้าวเข้าไปควบคี่กลายเป็นคนคุมเกมและจังหวะเสียเอง สองมือสอดประสานกันเพื่อให้ฉันพยุงตัวแถมเขายังกระเด้งเอวขึ้นมาตอบรับจังหวะของฉันอีกที “อึกอื้อ” เสียงปักปักของเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่วห้องนอนฉันหลับตาพริ้มคอเชิดแหงนเมื่อจุดกระสันถูกแทงย้ำๆอย่างไม่ปรานีย้ำๆจุดนั้นไม่กี่ทีฉันก็ตัวสั่นกระตุกหอบเสียงครางเครือเท้าแขนไว้ข้างศีรษะเขา
“แล้วฝั่งของคุณล่ะ” ฉันชั่งใจ…เพื่อนร่วมงานมีแค่ไม่กี่คน เพื่อนหลายคนที่เคยสนิทก่อนหน้าก็ห่างหายกันไปตามกาลเวลา จะร่อนการ์ดส่งไปให้ก็กะไรอยู่…ฉันค่อนข้างเป็นคนคิดมาก อีกอย่างไม่ค่อยได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันจู่ ๆ จะส่งการ์ดไปให้เขาจะหาว่าฉันอยากได้เงินใส่ซองไหมนะ“คิดอะไรขนาดนั้น”“ก็…”“ไม่รู้สิคะนอกจากเพื่อนร่วมงานแล้วก็คงไม่มีใครอีกอย่างญาติฝั่งพ่อแม่ก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วค่ะตั้งแต่ท่านเสีย” เขาโอบกอดฉันเข้ามาในอ้อมแขน“แต่ตอนนี้คุณไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้วนะมีผมอากิระแล้วก็แม่ผมที่เป็นหนึ่งในครอบครัวของคุณ”“ขอบคุณมากค่ะ” ฉันยิ้มตอบเขาด้วยใจจริงไม่น่าเชื่อว่าความบังเอิญความเมาหรือผีผลักในคืนนั้นที่ทำให้เราทั้งสองได้มาเจอกันได้มาใช้ชีวิตคู่ด้วยกันและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นไปพร้อมกันตลอดกาลมีจริงหรือไม่…นั่นไม่ใช่คำตอบที่ฉันเฝ้าหาคำตอบอีกต่อไปเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเฝ้าหา…อยู่ตรงหน้านี้แล้วเราแพลนทุกอย่างไว้ล่วงหน้าหลังจากที่ริวอิจิกลับมาจากญี่ปุ่นก็จะจัดงานแต่งที่ประเทศไทยหลังจากนั้นค่อยกลับไปจัดที่ญี่ปุ่นต่อจะว่าปุบปับก็ไม่เกินจริงหลังจากนั้นไม่กี่วันฉันและเขาก็มาฟิตติ้งชุดเจ้
พอรู้ว่าต้นเดือนหน้าจะเริ่มงานตารางชีวิตของฉันก็ต้องจัดการใหม่หมดรวมไปถึงเวลาที่ให้พ่อของลูกด้วย“ทำไมไม่ลาหนึ่งปีไปเลยคุณจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”“ไม่ดีกว่าค่ะฉันอยากทำงานไม่อยากแบมือขอเงินคุณ” ฉันพูดออกไปตามจริงใช้เงินเขามันก็ดีอยู่หรอกแต่อย่างว่า…เราต้องมีเก็บสำรองด้วยอีกอย่างฉันเพิ่งเริ่มชีวิตการทำงานได้ไม่ถึงปีเสียดายวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาใช้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องกลายมาเป็นแม่คนเสียแล้ว “เป็นถึงคุณนายเคอิ” เขาพูดพร้อมกับบีบจมูกที่เชิดรั้นของฉันตอนนี้เจ้าหมูน้อยก็เข้าเต้าอยู่แถมมือป้อมๆนั้นยังกำของเล่นในมือไว้แน่น“เงินของคุณนี่คะไม่ใช่เงินฉันสักหน่อย” “แต่ผมเต็มใจให้คุณใช้นะ…ใช้เท่าที่คุณต้องการยังได้” ฉันมองค้อนเขา“ทราบค่ะว่าคุณรวย”“แถมยังหล่อเหลามากอีกด้วย” ชมเองชงเองเหลือจะเชื่อฉันรู้ว่าเขาน่ะรวยมากขนาดไหนแล้วยังไงล่ะ…เกิดวันไหนเขาหมดใจกับฉันขึ้นมาทวงเงินที่ฉันใช้ไปทำไงล่ะทีนี้…สมองพลันนึกถึงกรุปแม่บ้านที่ว่าขึ้นมาที่แม่บ้านคนไทยต่างประสบปัญหาต่างๆกับสามีชาวญี่ปุ่นแล้วการที่ฉันไม่ได้เอาแต่พึ่งพาเขามากเกินไปเพื่อเป็นการเหลือทางรอดให้กับตัวเอง “สัปดาห์หน้าผมจะกลับไปเคลียร์งา
“อะอ๊ะ” แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปขัดถูหลังให้เล่าเขาต้องการคนขัดหลังให้ที่ไหนต้องการรวบหัวรวบหางเหยื่อเสียมากกว่า…แต่จะว่าไปฉันก็เป็นเหยื่อที่เต็มใจให้ถูกกินซะด้วยสิหากเขาเป็นกองไฟฉันก็พร้อมจะเป็นน้ำมันให้มันเผาไหม้พวกเราสองคนไปพร้อมกัน แถมเจ้าหมูน้อยยังนอนหลับปุ๋ยในเปลอย่างฝันหวานเหมือนว่าเมื่อคืนพ่อลูกทำข้อตกลงอะไรกันเอาไว้อย่างนั้นเจ้าหมูน้อยรีบตื่นมาช่วยแม่หน่อยเร็ว!!!พ่ออากิระผิวปากออกจากห้องนอนมาในตอนเจ็ดโมงเช้าร่างกายไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อนไม่เหมือนแม่ของลูกที่แทบจะลืมตาไม่ขึ้นวันนี้เขาคงไปทำงานสายหน่อยรอจนกว่าพี่เลี้ยงลูกจะมาช่วยไม่ได้นี่นะก็แม่ของลูกสวยขนาดนั้นใครจะอดใจยั้งมือไหว…ก็อย่างที่เคยบอก…เราสองคนเข้ากันได้ดีดีมากเสียด้วยดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก ;pเขาจัดแจงทำอาหารเช้าไว้ให้ภรรยาดูแลลูกน้อยเมื่อพี่เลี้ยงมาถึงก็แปะมือเปลี่ยนกะเขาออกไปทำงานก่อนจะออกจากห้องแวะไปดูคุณเขาเสียหน่อยอีกฝ่ายนอนหลับอุตุจะว่าไปสองแม่ลูกนอนท่าเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนเขาหยิกจมูกที่เชิดรั้นของเธอเบาๆก่อนจะกระซิบที่ข้างหู “ผมไปทำงานก่อนนะอย่านอนตื่นสายล่ะ” ฉันงัวเงียแม้ว่าร่างกายจะอ่อนเปลี้ยแต่ยังไงลูก