ฉันกลับมาถึงห้องโดยที่ติดรถพี่นุ้ยมาพอเปิดเข้ามาในห้องก็สว่างโร่แสดงว่ามีคนอยู่ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่มีแต่ความมืดมิดนานแค่ไหนแล้วนะที่ห้องนี้ไม่มีใครก้าวเข้ามาอีกทั้งไม่มีใครรอฉันกลับบ้าน…ริวอิจิที่สวมชุดนอนนั่งดูทีวีอย่างสบายใจเฉิบฉันก็อดไม่ได้ที่จะพูดตามธรรมเนียม
“ทะไดมะ/กลับมาแล้วค่ะ”
“โอไคริ”/ยินดีต้อนรับกลับ”
“คุณ/คุณ”
“เชิญคุณพูดก่อนเลย”
“คุณทานข้าวหรือยัง” จะไม่ถามก็กระไรอยู่อีกอย่างนี่มันสามทุ่มเข้าไปแล้ว
“คุณว่ากี่โมงแล้วล่ะ”
“ถ้างั้นเชิญตามสบายฉันขอตัว”
“ดูเหมือนว่าคุณจะปวดส้นเท้ามากนะ” ฉันที่ก้าวขาเดินไม่กี่ก้าวถึงกับหยุดชะงัก
“นิดหน่อยค่ะ”
“ผมเตรียมน้ำไว้ให้คุณแล้วรอแป๊ป” ฉันทำหน้างงอีกอย่างอ่างอาบน้ำที่ห้องของฉันไม่เหมือนกับอ่างอาบน้ำของญี่ปุ่นที่มีปุ่มกดอุ่นน้ำหรือปรับระดับอุณหภูมิอะไรได้สักพักก็เห็นเขายกกาน้ำร้อนเข้าไปในห้องนอนของฉันฉันจึงรีบวางกระเป๋าแล้วรีบสาวเท้าตามไปดูเห็นว่าเทลงไปในอ่างจนหมดก่อนจะวัดอุณหภูมิ
“เสียดายที่แช่ได้แค่ข้อเท้าไม่เหมือนอ่างที่ญี่ปุ่น”
“เท้าคุณบวมมากแช่น้ำร้อนสักหน่อยค่อยอาบน้ำ” ก่อนจะหันไปปรับอุณหภูมิน้ำร้อนไปที่สี่สิบองศาฉันตาโตนี่เขาจะลวกฉันหรือไงน้ำประปาที่กทม.เองตอนกลางวันก็ร้อนเหมือนน้ำต้มไก่อยู่แล้ว
พอเห็นสีหน้าของฉันเขาก็พูดออกมา “น้ำเย็นไม่เหมาะกับคนท้อง” ฉันไม่โต้แย้งเขาอีกได้แต่เข้าไปนั่งอยู่บนอ่างค่อยๆหย่อนฝ่าเท้าลงไปโดยที่เสื้อผ้ายังอยู่ครบทุกชิ้นฉันอดที่จะสูดปากไม่ได้เพราะมันร้อนมากสำหรับฉัน
“อดทนหน่อยเท้าคุณบวมมาก” ฉันค่อยๆรวบกระโปรงพร้อมเอนหลังลงกับกระเบื้องห้องน้ำอย่างผ่อนคลายพอร่างกายปรับตัวกับอุณหภูมิของน้ำได้ก็ไม่รู้สึกร้อนเหมือนอย่างตอนแรกฉันมองเขาที่ก้มลงพร้อมกับบีบนวดน่องขาให้ฉันอย่างเบามือพร้อมกับขยับเท้าหนี
“อย่าขยับหนีสิ”
“ทำอะไรของคุณ”
“นวด”
“แต่” มือที่กำลังรีดเส้นนวดน่องให้ฉันชะงักก่อนจะเงยหน้ามามองด้วยสายตาขุ่นเคือง
“ผมไม่เข้าใจว่าเวลาผมทำอะไรดีๆให้คุณทำไมคุณถึงปฏิเสธอยู่เรื่อยไป”
“ฉัน” จะบอกยังไงดีว่าการกระทำของเขาทำให้ฉันหวาดกลัวคนเราเมื่อได้ลิ้มลองของหวานก็ไม่อยากจะกลับมาดื่มด่ำความขมขื่นอีกฉันกังขาในความสัมพันธ์ของเราแม้ว่าจะจดทะเบียนสมรสกันแล้วก็ตามฉันกลัว…กลัวว่าที่เขาทำดีเพียงเพราะว่าฉันอุ้มท้องลูกของเขาอยู่ฉันไม่อยากให้ตัวเองถลำลึกไปมากกว่านี้ ฉันหลุบตามองน้ำในอ่าง ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวไม่รู้จะพูดยังไงดี ริวอิจิไม่พูดอะไรอีกก่อนจะค่อย ๆ บีบคลึงฝ่าเท้าของฉันด้วยน้ำหนักที่พอดี รวมไปถึงบริเวณตรงน่องขาที่แข็งปูดออกมาอย่างเห็นได้ชัด ฉันซี้ดปากด้วยความเจ็บ อาการนอนไม่หลับส่วนหนึ่งก็มาจากเท้าทั้งสองข้างที่บวมนั่นแหละ
“แช่สักพักค่อยอาบน้ำมีอะไรก็เรียกผมจะออกไปรอข้างนอก”
“เดี๋ยว” เมื่อเห็นเขาลุกขึ้นยืนแล้วล้างมือฉันก็อดที่จะเรียกเขาไว้ไม่ได้ดูจากแววตาเมื่อครู่ก็รู้ว่าเขาไม่พอใจที่ฉันเอาแต่ปฏิเสธเขาไม่พูดอะไรได้แต่ยืนนิ่งๆฉันจึงถอนหายใจแล้วเอ่ย “ขอบคุณ” ออกมาเบาๆ เขาเพียงแต่ขานรับในลำคอก่อนจะสาวเท้าเดินออกไปโดยที่ไม่หันหลังกลับมามองอีก
เพราะรีบตามเขาเข้ามาในห้องน้ำชุดนอนจึงไม่ได้หยิบติดมือมาประจวบกับคิดว่าเขาคงไม่นอนรอบนเตียงของฉันภายในห้องนอนหรอกนะฉันห่อผ้าเช็ดตัวก่อนจะเหน็บตรงใต้ฐานนมอย่างแน่นส่วนผมก็โพกด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเล็กหมายจะเดินออกไปหยิบชุดนอนแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแผ่นหลังของใครบางคนที่นอนหันหลังทำเอาฉันทำหน้าไม่ถูก
ก่อนจะย่องเสียงเบาค่อยๆหยิบเสื้อผ้าในตู้ออกมารีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็วส่วนคนที่นอนหันหลังอยู่นั้นอมยิ้มมุมปากแสร้งทำท่าว่านอนหลับเสียอย่างนั้น
พอฉันเป่าผมออกจากห้องน้ำมาก็เห็นเขานั่งเตรียมปูผ้าอยู่ที่ปลายเตียงพร้อมกับกวักมือเรียกให้ฉันเดินไปหา
“นอนสิผมจะนวดเท้าให้”
“ฉัน…เกรงใจ”
“แต่ทนเจ็บทั้งคืนเนี่ยนะ” ฉันเลยขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างว่าง่ายพอเขาเห็นว่าฉันสวมชุดนอนกระโปรงก็เอาผ้าขนขนหนูมาปิดบริเวณต้นขาเหลือแต่เพียงส่วนน่อง
“ดูคุณช่ำชอง”
“คุณใช้ผิดบริบทนะ” เขาก้มหน้านวดฝ่าเท้าให้ฉันอย่างเบามือ “งั้นต้องพูดว่าอย่างไร”
“เดาสิ”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงไม่ใช่คนญี่ปุ่นสักหน่อย” เขาแค่นหัวเราะในลำคอก่อนจะค่อยๆหยดออยล์ลงบนฝ่ามือแล้วค่อยๆนวดให้ฉันอย่างตั้งใจ
“ดูแล้วคุณไม่ชอบนวดสักเท่าไหร่”
“ก็เพราะเคยเห็นข่าวคนท้องนวดแล้วแท้งน่ะ”
“นั่นก็ส่วนหนึ่งแต่ถ้าไม่นวดเลยเท้าก็จะบวมจนแทบเดินไม่ได้”
“เด็กในท้องสำคัญที่สุดนี่นา”
“ลูกสำคัญก็จริงแต่แม่ก็สำคัญไม่แพ้กันเขาอาศัยเลือดเนื้อจากคุณในการดำรงอยู่คุณอย่าลืม”
น้ำหนักมือของเขากดลงบนฝ่าเท้าอย่างพอดีจนฉันอดคิดในใจไม่ได้ว่าเขาดูชำนาญขนาดนี้ไม่ได้เพิ่งทำเป็นครั้งแรกแน่ๆไม่ว่าจะเป็นการลงน้ำหนักกดเส้นต่างๆพอเขาเห็นฉันเงียบไปก็เงยหน้ามายิ้มมุมปาก“น้ำหนักพอใช้ได้ไหม”“อือ”“ทำไมคุณถึงนวดเป็น”“ก็แค่นวดจะแปลกอะไร” พอเขาเห็นสีหน้าของฉันเขาก็พูดต่อทันที “ถ้าผมเหาะเหินเดินอากาศได้สิถึงจะแปลก”“ไม่ใช่แบบนั้น…คือฉันหมายถึงผู้บริหารแบบคุณไม่น่าจะมีงานอดิเรกแบบนี้” จะว่าไงดี “ฮ่าๆแล้วคุณคิดว่าผู้บริหารต้องมีงานอดิเรกตีกอล์ฟสังสรรค์อะไรทำนองนั้นเหรอคนอื่นอาจจะใช่แต่สำหรับผมการตีกอล์ฟไม่ใช่งานอดิเรกแต่เป็นการพบปะพูดคุยเรื่องงานนวดนี่สิถึงจะเป็นงานอดิเรก” ไม่ใช่ว่านวดด้วยแล้วนาบด้วยหรอกนะฉันคิดในใจ “เจ็บ” “ตรงนี้ตำแหน่งนี้เป็นส่วนท้องบริเวณกระเพาะ” นิ้วชี้เรียวยาวจิ้มตรงด้านข้างของบริเวณฝ่าเท้าที่ถัดลงมาจากหัวแม่โป้งลงมาสามนิ้ว“ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าบริเวณฝ่าเท้าสามารถบอกตำแหน่งโรคได้ด้วย”“นวดไทยดังระดับโลกแปลกที่คุณไม่รู้” ฉันทำหน้ายู่เหมือนถูกเขาหลอกด่ายังไงก็ไม่รู้ “ฉันไม่ได้ชอบนวดฉันจะไปรู้ได้ยังไง” ฉันกอดอกหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อเขากดลงตำแหน่งไหนก็เ
พอกลับออกมาเขาก็นอนอีกฝั่งของเตียง ฉันลังเลแต่เขากลับตบลงเตียงดังปุ ปุ“ผมเล่าเรื่องครอบครัวให้คุณฟังขนาดนี้แล้วยังต้องกลัวอะไรอีก” ฉันก้มลงนอนหันข้างไปทางฝั่งเขาอย่างว่าง่ายพร้อมกับหมอนข้างคนท้องที่สอดใต้ท้องเอาไว้เขาเอื้อมมือมาสัมผัสหน้าท้องนูนแถมเจ้าตัวเล็กยังเคลื่อนไหวคล้ายฉีกแข้งขาอยู่ข้างในบอลลูนใบเล็กอย่างไม่ชอบใจนัก “นี่ก้นหรือเปล่า” เขาหัวเราะเมื่อเห็นว่าหน้าท้องปูดโปนโย้เย้ไปมาน่าจะซนน่าดู “รู้หรือยังว่าเพศอะไร”“แล้วคุณล่ะอยากได้เพศอะไร” เขาเลิกคิ้วพลางทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยปนขำออกมา“ผมเลือกได้ที่ไหนไม่ว่าเพศอะไรก็ดีทั้งนั้นขอแค่เขาคลอดออกมาสมบูรณ์แข็งแรงเป็นพอ”“ฉันคิดว่าคุณอยากได้ลูกชายเสียอีก”“ผมไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะกลายมาเป็นพ่อคน” เกิดความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งห้องมีเพียงเสียงเข็มนาฬิกาที่ดังอยู่อย่างนั้นฉันเม้มปากเป็นเส้นตรงไหนๆเรื่องก็มาถึงขั้นนี้การมีลูกสักคนต้องคิดให้ถี่ถ้วนไม่ใช่เฉพาะเงินแต่ต้องใช้เวลาด้วยกว่าเด็กคนหนึ่งจะเติบโตต้องช่วยกันเลี้ยงทั้งหมู่บ้านไม่เกินจริงจะเที่ยวดื่มเหล้ายาปาร์ตี้เมื่อก่อนก็ทำไม่ได้การมีลูกทำให้พ่อแม่เสียเวลาชีวิตส่วนตัวไป
ฉันนอนตื่นสายกว่าปกติเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก่อนปาไปค่อนคืน ลืมตาตื่นตอนเช้าก็ไม่เจอเขาแล้ว หากเขายังนอนอยู่ตรงนี้ฉันก็คงไม่รู้จะทำหน้ายังไงเหมือนกัน เมื่อคืนไม่รู้ว่าฉันผล็อยหลับไปตอนไหน พอนึกไปถึงเมื่อคืนที่ฉันร้องไห้ต่อหน้าเขาอย่างหน้าไม่อายก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าคำขอโทษของเขาจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยการที่เขาเอ่ยคำขอโทษออกมาโดยที่ฉันไม่ได้เอ่ยปากร้องขอ ก็แสดงว่าเขาอาจจะเอ่ยออกมาจากใจ การเป็นพ่อแม่คนไม่ใช่ว่าทำลูกเกิดมาก็เป็นพ่อแม่ได้เลยแต่การจะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งเป็นผู้ปกครองที่ตัดสินใจแทนเด็กที่อายุไม่บรรลุนิติภาวะเป็นตัวอย่างเป็นต้นแบบที่ดีให้เขาได้เจริญรอยตามนั่นล่ะถึงจะเรียกว่าพ่อแม่แม้จะตื่นแล้วแต่ก็ยังไม่ลุกจากเตียงก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาฉันแกล้งหลับตานอนแน่นิ่งคล้ายว่ายังไม่ตื่น“ผมรู้ว่าคุณตื่นแล้ว” ฉันที่แสร้งคลุมโปงก่อนหน้าเลิกผ้าห่มออกมาจ้องเขาที่ปลายเตียง“เลยเวลาอาหารเช้าแล้วนะคุณเจ้าตัวเล็กคงหิวแล้วล่ะลุกมาทานอะไรสักหน่อยแล้วค่อยนอนก็ได้” พอเห็นเขาสวมเสื้อยืดกางเกงห้าส่วนแถมยังผูกผ้ากันเปื้อนแบบนี้เหมือนพ่อบ้านยังไง
“แอร์ราคาตั้งห้าหมื่นแถมยังเปลี่ยนทั้งสองห้องด้วยฉันว่ามันแพงไป”“แต่สุขภาพที่ดีซื้อไม่ได้ด้วยเงิน” ฉันอ้าปากค้าง “อีกอย่างที่คุณนอนไม่ค่อยหลับเพราะว่าฝุ่นภายในห้องมันเยอะผมลองไปเปิดดูที่กรองแสดงว่าคุณไม่เคยทำความสะอาดเลยล่ะสิ” ฉันหน้างอง้ำก็จริงอย่างที่เขาว่าแถมเถียงไม่ออกอีกต่างหาก“ที่มันแพงเพราะว่ามันมีระบบกรองอากาศในตัวอีกอย่างไม่มีตะแกรงที่ต้องถอดออกมามันจะทำความสะอาดฝุ่นแล้วรวมอัดเป็นก้อนเราก็แค่ถอดมันออกมาทิ้งแค่นั้น” เขาร่ายคุณสมบัติของมันยาวจนฉันฟังแทบไม่ทันฉันก็ได้แต่ตกลงอีกอย่างคนจ่ายเงินไม่ใช่ฉันนี่นาตกบ่ายพวกเราก็ไปห้างไปเลือกดูของใช้สำหรับเด็กอ่อนเขาลิสต์รายชื่อมายาวเกือบหนึ่งหน้ากระดาษเอสี่“เชื่อเถอะฉันว่าอันนี้ไม่ได้ใช้” เขาเลิกคิ้วก่อนจะมองหน้าฉันสลับกับของตรงหน้า“มีไว้ไม่ได้ใช้ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี” เพราะเขาพูดแบบนี้ฉันก็ไม่มีคำพูดอะไรจะโต้แย้งอีกคนงกอย่างฉันดูคุณภาพของสินค้าเปรียบเทียบกับอีกหลายยี่ห้อส่วนเขาหยิบเอาๆหยิบเอาจนเต็มตะกร้าไปหมด “คุณรู้เหรอว่าเพศอะไร”“เพศไม่มีสีสักหน่อยเด็กผู้ชายสวมสีชมพูก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรน่ารักออก” ผู้ชายคนนี้ทำให้ฉันทึ่งไม่รู้กี่
ตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่คอนโดเดียวกับฉันก็ไม่เห็นเขาใช้รถของตัวเองได้แต่ใช้รถญี่ปุ่นของฉันไปไหนมาไหนตอนนี้เขาเองก็ทำหน้าที่เป็นสารถีมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่ฉันได้ซื้อแพ็คเกจคลอดไว้อีกทั้งเป็นโรงพยาบาลที่มีล่ามคอยสื่อสารภาษาญี่ปุ่นให้เสร็จสรรพแม้ค่าคลอดจะแพงแต่ก็ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องเอกสารเพื่อแจ้งเกิดฉันจองโรงพยาบาลแห่งนี้ไว้เผื่อเป็นทางเลือกไม่คิดว่าโชคชะตาจะพัดพาให้ริวอิจิมาเจอเราแม่ลูกได้ทันเวลาพอดี ฉันนอนลงบนเตียงถกชายเสื้อขึ้นเพื่ออัลตราซาวด์แบบสี่มิติภายในจอเห็นเจ้าจิ๋วตัวน้อยอย่างเห็นได้ชัดจมูกนี่ได้พ่อมาเชียวอีกทั้งยังดูดนิ้วเล่นอีกการมาโรงพยาบาลครั้งนี้ของฉันแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาความรู้สึกอบอุ่นความรู้สึกที่โดดเดี่ยวอ้างว้างก่อนหน้ากลับผ่อนคลายขึ้นเมื่อมีใครอีกคนคอยแบ่งเบาอยู่เป็นเพื่อนคุยมาโรงพยาบาลด้วยกันฉันเองก็เป็นแม่คนครั้งแรกอีกทั้งไม่มีใครให้คอยปรึกษาถามไถ่และที่กังวลที่สุดคือการคลอดการคลอดธรรมชาติไม่เหมือนการผ่าที่สามารถกำหนดวันและเวลาได้แน่นอนอีกอย่างการผ่าแพงเพิ่มขึ้นไปอีกหลายหมื่นด้วยความงกและอยากจะคลอดธรรมชาติดูสักครั้งว่าความรู้สึกที่ว่าเจ็บเจียนตายมันเป็นยังไ
ไป ๆ มา ริวอิจิก็ขนของใช้ส่วนตัวของเขา รวมทั้งเสื้อผ้ามาไว้ที่ห้องฉันจนหมด อีกทั้งยังเอาแบบบ้านมาให้ฉันเลือกอีก หากเจ้าจิ๋วเริ่มโตต้องมีพื้นที่ให้วิ่งเล่นเขาว่าอย่างนั้น ฉันพลิกดูแต่ละหลังด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก บ้านเดี่ยวในเมืองราคาถูกซะเมื่อไหร่ เมื่อเห็นราคาที่ไม่รวมที่ดิน ตัวบ้าน ไหนจะของตกแต่งฉันก็แทบจะตาถลนออกจากเบ้าอยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายกลับพลิกดูเหมือนไม่สะทกสะท้านกับราคาฉันเอนหลังเปิดดูโบชัวร์ของบ้านแต่ละแบรนด์รวมไปถึงทำเลและโรงเรียนแต่ฉันก็ยังกังวลว่าเขาจะย้ายกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่นเมื่อไหร่ “คุณจะอยู่ที่นี่เหรอคะ” เขาชะงักก่อนจะหันหน้ามาถามฉัน“หรือว่าคุณอยากย้ายไปอยู่ญี่ปุ่น”“เปล่าค่ะฉันก็แค่กังวล”“ผมอยู่ได้ทุกที่…ถ้ามีคุณกับลูก” ฉันก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มที่มุมปากเอาไว้ไม่รู้ว่าผู้ชายที่ดูแบดๆเหมือนคุณชายเจ้าสำราญจะมีมุมนี้ด้วยไม่แปลกใจว่าทำไมสาวๆถึงหลงเขานักรูปหล่อไม่พอยังเต๊าะเก่งอีกเฮ้อ…หัวใจดวงน้อยของฉันช่วงนี้ทำงานหนักเหลือเกิน“แล้วครอบครัวของคุณละคะ” อดที่จะถามไม่ได้อย่างฉันเองตัวเปล่าเล่าเปลือยไม่มีพ่อแม่ที่ต้องคอยดูแลไม่เหมือนกันกับเขาเห็นว่ายังอาศัยอยู่บ้านเดียวกับมารด
แม้แต่ตอนอาบน้ำเขาบอกว่ากลัวฉันจะเป็นอะไรไปเพราะว่าเท้าที่เริ่มบวม หรือไม่รู้ว่าเป็นอาหารตาให้เขาได้แทะโลมกันแน่ สองร่างอิงแอบแช่อ่างอยู่ด้วยกันอย่างนั้น การมีเงินนี่สามารถจ้างผีให้โม่แป้งยังได้เหมือนที่สุภาษิตจีนว่าไว้ไม่มีผิด ชีวิตประจำวันของฉันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อริวอิจิมาอยู่ด้วย เขาเปลี่ยนและต่อเติมห้องใหม่ รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ ลำพังมนุษย์เงินเดือนอย่างฉันมีคอนโดให้ซุกหัวนอนโดยที่ไม่ต้องผ่อนก็ถือว่าดีมากแล้ว คอนโดนี้แม้จะเก่าหลายสิบปีแต่ก็มีการซ่อมแซมปรับปรุงให้เหมือนใหม่อยู่เสมอ แน่ล่ะสิค่าส่วนกลางก็หลายพันต่อเดือน ถ้าปล่อยให้ตึกโทรมนิติคงถูกลูกบ้านโวยตายแน่ อ่างอาบน้ำแบบทันสมัยก็ถูกติดตั้งด้วยเช่นกันแถมยังปรับอุณหภูมิได้ฉันนั่งทับอยู่บนหน้าขาของเขาตอนนี้เราต่างก็เปลือยเปล่าแช่น้ำ“ร้อนไปหรือเปล่า” ฉันส่ายหน้าแถมยังก้มหน้างุดจ้องมองหน้าท้องตัวเองปล่อยให้เขากอดฉันอยู่อย่างนั้นอีกอย่างไม่อยากจะดิ้นหรือขยับส่งเดชกลัวว่าหนอนยักษ์จะตื่นขึ้นมาพอเห็นความยาวของมันฉันก็กลัวว่าจะรับไม่ไหว“เท้าคุณบวมมากใกล้คลอดแล้วไม่ยืนนานๆจะดีที่สุด”“ให้นั่งๆนอนๆอย่
กลางดึกเที่ยงคืนฉันนอนไม่หลับ รู้สึกเหมือนปวดหนักแต่นั่งก็ไม่ออก และรู้สึกว่ามดลูกบีบรัดตัวถี่มากกว่าปกติ ‘ไม่ใช่มั้ง!’ กำหนดคลอดก็คืออีกสองวันข้างหน้าจะเข้าๆออกห้องน้ำแบบนี้ก็เกรงใจริวอิจิเพราะว่าเขาก็ประชุมอยู่ทุกวันเรื่องงานก็ดูจะวุ่นวายแถมบางคืนยังต้องตื่นตีสามมาเพื่อประชุมคอนเฟอเร้นกับทีมยุโรปเขาทำหน้าที่ทั้งพ่อบ้านและประธานบริษัทได้ดีจนฉันเกรงอกเกรงใจเขาที่ต้องมาคอยดูแลฉันแต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกอุ่นใจแม้ว่าเริ่มแรกพวกเราจะเริ่มต้นด้วยกันไม่ดีแต่เขาก็แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้พูดปากเปล่าบอกว่าจะรับผิดชอบก็รับผิดชอบทุกอย่างรวมไปถึงชีวิตประจำวันเล็กๆน้อยๆของฉันด้วย ฉันเดินวนอยู่ในห้องน้ำลูบหน้าท้องของตัวเองพร้อมเป่าปากออกเป็นจังหวะตามแบบที่คุณหมอสอนมาเรื่องการควบคุมลมเบ่งมดลูกบีบตัวถี่ขึ้นจนฉันรู้สึกถึงของเหลวที่ไหลออกมาจนชั้นในเปียกชุ่มฉันก้มล้มมองก่อนจะถอดชั้นในออกมาภาพตรงหน้าทำเอาฉันตะโกนสุดเสียง“ริวอิจิ !” เสียงตะโกนของอีกฝ่ายทำเอาริวอิจิที่กำลังจมดิ่งในห้วงนิทรากระเด้งตื่นขึ้นมาก่อนจะสอดสายตาหาร่างบางที่คุ้นเคยเขาวิ่งไปที่ห้องน้ำก่อนจะเห็นมูกเลือกที่ไหลออกตามน่องขานั้นส
จิรัติกรมางานแต่งเพื่อนชาวญี่ปุ่นด้วยความไม่คาดคิด ไม่คาดคิดว่าเพื่อนเขาจะสละโสดเร็วกว่าใคร ๆ ในรุ่น ก็แหงล่ะ…เจ้าชู้ประตูดินเสียขนาดนั้น แต่พอมาเจอเจ้าสาวในวันนี้ เขายังรับรู้ได้เลยว่าเพื่อนรักของเขามีความสุขในการแต่งงานครั้งนี้จริง ๆ แถมลูกชายยังน่ารักน่าชัง อ้วนท้วนสมบูรณ์เชียวนึกถึงตอนที่มาขอให้ช่วยรวบหัวรวบหางสาวเจ้าแล้วก็อดขำไม่ได้เพื่อนเขาถึงต้องลงทุนมากมายเพื่อทะเบียนสมรสฉบับเดียวแทนที่จะเป็นหญิงสาวคนนั้นที่ต้องอ้อนวอนขอทะเบียนสมรสจากริวอิจิน่ะส่งเพื่อนเข้าประตูวิวาห์พลันอดที่จะคิดถึงตัวเองไม่ได้…แล้วชีวิตคู่ของเขาจะเป็นแบบไหนเจ้าสาวจะเป็นใครแม้ว่าไม่เคยฉุกคิดเรื่องนี้ในหัวมาก่อนเลยก็ตามความคิดในหัวแตกกระเจิงเมื่อเจอใครบางคนคนคนนั้นที่ติดอยู่ในหัวของเขาแมวขโมย! สองแขนของปานประดับถูกกระชากอย่างแรงหลังจากที่เธอเพิ่งจะเรียงจานชามบนโต๊ะได้ไม่นาน“อะ” ฉันร้องเสียงหลงแถมยังต้องตกใจจนหน้าขาวซีดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครโลกมันจะกลมเกินไปแล้วอีกอย่างฉันเองก็คอยระมัดระวังตัวตลอด…“ไง” เขาถามด้วยใบหน้าราบเรียบแต่แววตากลับวาวโรจน์“คะ” ฉันตีเนียนแต่มือไม้เย็นจนเกือบจะถือถาดในมือไว้ไม
งานแต่งงานของฉันกับริวอิจิที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นการแต่งงานแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ศาลเจ้าแห่งหนึ่งในโตเกียว เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ ซึ่งคุณนายเคอิเป็นคนขอเอาไว้เนื่องจากเราแต่งงานที่ไทยกันมาแล้ว เลยอยากจะจัดงานแบบญี่ปุ่นบ้าง ฉันเลือกชุดกิโมโนสีขาว ส่วนเจ้าบ่าวเป็นสีดำ พิธีการค่อนข้างเคร่งครัดและเป็นระเบียบ แขกเหรื่อจะต้องยืนยันว่าจะมาร่วมงานเพราะชุดอาหารนับตามจำนวนคนและแพงมาก แม่เจ้า! รวมไปถึงของชำร่วยที่แขกเหรื่อจะเป็นคนเลือกเอง แต่สำหรับฉันพิธีการเรียบง่ายแต่กลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเป็นการบอกกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าฉันจะมาเป็นสะใภ้ของที่นี่ ทุกคนให้การต้อนรับฉันอย่างดีไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในสถานะที่แตกต่างออกไปในตอนแรกฉันมาเยือนโตเกียวด้วยวีซ่านักเรียนแต่พอมาอีกครั้งกลับมาในสถานะภรรยาของชาวญี่ปุ่นจัดงานเสร็จสรรพใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ฉันชอบความเรียบง่ายเลยไม่ได้จัดการฉลองที่โรงแรมอีกอีกอย่างเราก็มีลูกเล็กด้วยกระเตงออกงานทั้งวันคงเหนื่อยน่าดูที่สำคัญเจ้าเด็กอ้วนยังติดพี่เลี้ยงมากๆอีกด้วยพี่ไผ่เองตอนนี้ก็เปรียบเสมือนญาติอีกคนที่เข้าร่วมพิธีการในครั้ง
อีกทั้งฉันเองก็ขอร้องว่า…ไม่ต้องใส่ซองอะไรมาให้อีกอย่างทุกคนก็เสียสละวันหยุดมางานกันแล้วไหนจะเสื้อผ้าหน้าผมอีกแต่ทุกคนกลับมีของขวัญชิ้นเล็กชิ้นน้อยติดมือมาให้อยู่ดีคุณนายเคอิเองก็ยิ้มแช่มชื่นแม้จะมีอุปสรรคทางภาษาแต่เอแคร์เองก็พูดควบสองภาษาเพื่อให้คนทั้งงานเอนจอยไปด้วยกันแถมเพื่อนรักอย่างจิรัติกรเองก็มาร่วมงานด้วย“ไง” จิรัติกรเอ่ยทักเจ้าบ่าวข้างกายฉันพลางส่งของขวัญในมือให้“ขอบใจ” “งานสำคัญของนายทั้งทีฉันต้องมาอยู่แล้วน่า”“ยินดีด้วยนะครับคุณ…เอ่อ”“เจค่ะ”“ยินดีด้วยนะครับคุณเจ” “ขอบคุณมากค่ะ” แถมเขายังเข้ามาหยอกล้อเจ้าตัวน้อยที่นั่งหันหน้าบนเป้นั่งคาดเอวด้วยความเอ็นดู“นี่มันริวอิจิฉบับจิ๋วชัดๆ” เขาว่าพลางหัวเราะในคอแต่พลันสายตาก็เบิกกว้างเมื่อเห็นพนักงานที่คอยเติมอาหารและเครื่องดื่มในงาน“ขอตัวก่อนนะครับ” “ค่ะ” ฉันผายมือให้เขาเข้าไปในงานก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มลูกน้อยที่แทะยีราฟตัวสีเหลืองอย่างมันเขี้ยวโดยไม่รู้เลยว่าบริเวณหลังร้านคนสองคนกำลังมีปากเสียงกันอยู่ เพราะเน้นความเรียบง่ายห้าโมงเย็นทุกอย่างก็เป็นอันสิ้นสุดนิ้วนางข้างซ้ายของฉันและเขาต่างประดับด้วยแหวนแต่งงานที่เราต่างแลกแห
“แต่พี่ก็ดีใจนะ อย่างน้อยเจก็ไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนอย่างตอนแรก ให้ตาย! ตอนแรกพี่เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน หลังคลอดเราจะอยู่ยังไงกันสองคน พอรู้ว่าน้องเจมีคนคอยดูแลพี่ก็เบาใจ” พี่น้ำตาลที่ผ่านการมีลูกเต้ามาก่อนเอ่ยพร้อมกับเดินมาตบต้นแขนให้กำลังใจฉันยิ้มทั้งน้ำตา“ขอบคุณนะคะแต่ยังไงก็ยังเป็นเจคนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป” ทุกคนพยักหน้าให้ “วันหลังเอาอากิระมาให้พี่ๆอุ้มบ้างพวกเราจะได้กอดหอมตอนยังเด็กนี่แหละ” เอแคร์ว่า“โตขึ้นมาพี่สาวคนนี้จองตัวเป็นผู้จัดการดาราเลยนะคะ” บรรยากาศผ่อนคลายลงมากภพที่ยังพูดน้อยเหมือนเดิมเอ่ยเพียงสองสามประโยค“ยินดีด้วยนะเจ”“ขอบคุณนะภพ” จะว่าไปเขาเป็นคนแรกๆก็ว่าได้ที่รู้ว่าพ่อในท้องของผู้หญิงตรงหน้าเป็นใครเป็นการพบกันโดยบังเอิญไม่ว่าจะรถของหญิงสาวที่ท่านประธานคนใหม่ใช้อยู่เนืองๆไหนจะตอนที่คนทั้งสองไปซื้อของด้วยกันตอนแรกเขาทั้งตกใจและคาดไม่ถึง…ตอนแรกเขายอมรับว่าสนใจผู้หญิงคนนี้อยู่เหมือนกันแต่เหมือนเจ้าหล่อนก็ไม่เปิดโอกาสให้ใครหน้าไหนได้เข้าหามีกำแพงบางๆกั้นเอาไว้หากเธอไม่ท้องหรือมีครอบครัวไปเสียก่อนเขาก็ยังหวังว่าเราจะมีโอกาสได้สานต่อ…“แหมน้องภพมองตาละห้อยเชียวพ
ริวอิจิส่งข้อความมาบ้างแต่เราก็แทบไม่ได้คุยกันเลยตารางชีวิตแต่ละคนยุ่งสุดๆแต่แล้วความทรมานในการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงกดออดที่หน้าห้องเมื่อเห็นในมอนิเตอร์ว่าเป็นใครฉันก็เปิดประตูให้อย่างเร็วรี่แม้ใบหน้าเขาจะเหนื่อยล้าสุดๆแต่กลับยิ้มแฉ่งเข้ามากอดและอุ้มฉันจนตัวลอย“ว้ายเล่นอะไรคะเนี่ย” ฉันแหวใส่เขาเมื่อถูกอุ้มจนเท้าไม่ติดพื้นแถมในตอนนี้เจ้าตัวน้อยเริ่มจะคว่ำแล้วคอกเด็กที่สั่งทำเอาไว้ก็ได้ฤกษ์ใช้เสียที“อากิระคุง” เสียงมาก่อนตัวริวอิจิที่สองมือหอบข้าวของพะรุงพะรังมามากมายก็ไม่ลืมที่จะรีบไปล้างมือหมายจะรีบมาอุ้มลูกชายแต่โดนฉันเบรกไว้ก่อน“ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าคะ” พ่อหมาทำหน้าละห้อยเหงื่อไหลโทรมกายขนาดนั้นอีกอย่างเชื้อโรคก็เยอะด้วยกันไว้ดีกว่าแก้เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างเงียบเชียบบริเวณข้างๆคอกเด็กฉันรีบไปอุ้มเจ้าก้อนมาไว้แนบอกนั่งหันหน้าออก“ปะป๊ากลับมาแล้วดีใจไหมครับ” เจ้าก้อนดิ้นดุ๊กดิ๊กมือเท้าปัดป่ายกลางอากาศอย่างน่ารักฉันอุ้มเขาไม่กี่อึดใจอากิระคุงก็ถูกริวอิจิอุ้มไปฟัดในคอกเด็กสองพ่อลูกคุยกันงุ้งงิ้งอยู่นานสองนานส่วนฉันก็รีบกลับมาเคลียร์งานที่ค้างไว้ต่อพี่ไผ่เองก็เก็บของเตรียมต
“แค่ก แค่ก ๆ” เมื่อเขาถอนออก ฉันสำลักหน้าดำหน้าแดง อีตาบ้ากดมาได้! ฉันทำได้เพียงก่นด่าเขาในใจเท่านั้น ไม่นานแผ่นหลังก็แนบติดกับประตู ชุดนอนกระโปรงถูกถกมากองไว้ที่เอว ขาข้างหนึ่งพาดบนท่อนแขนแกร่ง ยืนอย่างหมิ่นเหม่เพื่อให้เขาตอกอย่างถนัดถนี่“อื้อ” ฉันครางเครือแทบไม่เป็นภาษาเข็มยักษ์นี้ไม่รู้ว่าจะทำให้ฉันหายไข้หรือว่าป่วยเพิ่มกันแน่ยิ่งเข้าสุดออกสุดอย่างนี้ฉันจิกเล็บกับต้นแขนเขาอย่างแรงเมื่อเอวสอบเร่งจังหวะไม่ว่าจะเสียงเฉอะแฉะของน้ำลายน้ำหล่อลื่นส่วนล่างที่เชื่อมต่อกันอยู่หรือเสียงเนื้อกระทบเนื้อต่างก็พาอารมณ์พุ่งทะยานสุดกู่ริมฝีปากจูบคลอเคลียกันไม่ห่างช่วงล่างเองก็เช่นกันฉันตบต้นแขนเขาเป็นเชิงให้เปลี่ยนท่าก่อนจะผลักเขาลงกับเตียงกว้างถอดชุดนอนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดีก้าวเข้าไปควบคี่กลายเป็นคนคุมเกมและจังหวะเสียเอง สองมือสอดประสานกันเพื่อให้ฉันพยุงตัวแถมเขายังกระเด้งเอวขึ้นมาตอบรับจังหวะของฉันอีกที “อึกอื้อ” เสียงปักปักของเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่วห้องนอนฉันหลับตาพริ้มคอเชิดแหงนเมื่อจุดกระสันถูกแทงย้ำๆอย่างไม่ปรานีย้ำๆจุดนั้นไม่กี่ทีฉันก็ตัวสั่นกระตุกหอบเสียงครางเครือเท้าแขนไว้ข้างศีรษะเขา
“แล้วฝั่งของคุณล่ะ” ฉันชั่งใจ…เพื่อนร่วมงานมีแค่ไม่กี่คน เพื่อนหลายคนที่เคยสนิทก่อนหน้าก็ห่างหายกันไปตามกาลเวลา จะร่อนการ์ดส่งไปให้ก็กะไรอยู่…ฉันค่อนข้างเป็นคนคิดมาก อีกอย่างไม่ค่อยได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันจู่ ๆ จะส่งการ์ดไปให้เขาจะหาว่าฉันอยากได้เงินใส่ซองไหมนะ“คิดอะไรขนาดนั้น”“ก็…”“ไม่รู้สิคะนอกจากเพื่อนร่วมงานแล้วก็คงไม่มีใครอีกอย่างญาติฝั่งพ่อแม่ก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วค่ะตั้งแต่ท่านเสีย” เขาโอบกอดฉันเข้ามาในอ้อมแขน“แต่ตอนนี้คุณไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้วนะมีผมอากิระแล้วก็แม่ผมที่เป็นหนึ่งในครอบครัวของคุณ”“ขอบคุณมากค่ะ” ฉันยิ้มตอบเขาด้วยใจจริงไม่น่าเชื่อว่าความบังเอิญความเมาหรือผีผลักในคืนนั้นที่ทำให้เราทั้งสองได้มาเจอกันได้มาใช้ชีวิตคู่ด้วยกันและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นไปพร้อมกันตลอดกาลมีจริงหรือไม่…นั่นไม่ใช่คำตอบที่ฉันเฝ้าหาคำตอบอีกต่อไปเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเฝ้าหา…อยู่ตรงหน้านี้แล้วเราแพลนทุกอย่างไว้ล่วงหน้าหลังจากที่ริวอิจิกลับมาจากญี่ปุ่นก็จะจัดงานแต่งที่ประเทศไทยหลังจากนั้นค่อยกลับไปจัดที่ญี่ปุ่นต่อจะว่าปุบปับก็ไม่เกินจริงหลังจากนั้นไม่กี่วันฉันและเขาก็มาฟิตติ้งชุดเจ้
พอรู้ว่าต้นเดือนหน้าจะเริ่มงานตารางชีวิตของฉันก็ต้องจัดการใหม่หมดรวมไปถึงเวลาที่ให้พ่อของลูกด้วย“ทำไมไม่ลาหนึ่งปีไปเลยคุณจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”“ไม่ดีกว่าค่ะฉันอยากทำงานไม่อยากแบมือขอเงินคุณ” ฉันพูดออกไปตามจริงใช้เงินเขามันก็ดีอยู่หรอกแต่อย่างว่า…เราต้องมีเก็บสำรองด้วยอีกอย่างฉันเพิ่งเริ่มชีวิตการทำงานได้ไม่ถึงปีเสียดายวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาใช้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องกลายมาเป็นแม่คนเสียแล้ว “เป็นถึงคุณนายเคอิ” เขาพูดพร้อมกับบีบจมูกที่เชิดรั้นของฉันตอนนี้เจ้าหมูน้อยก็เข้าเต้าอยู่แถมมือป้อมๆนั้นยังกำของเล่นในมือไว้แน่น“เงินของคุณนี่คะไม่ใช่เงินฉันสักหน่อย” “แต่ผมเต็มใจให้คุณใช้นะ…ใช้เท่าที่คุณต้องการยังได้” ฉันมองค้อนเขา“ทราบค่ะว่าคุณรวย”“แถมยังหล่อเหลามากอีกด้วย” ชมเองชงเองเหลือจะเชื่อฉันรู้ว่าเขาน่ะรวยมากขนาดไหนแล้วยังไงล่ะ…เกิดวันไหนเขาหมดใจกับฉันขึ้นมาทวงเงินที่ฉันใช้ไปทำไงล่ะทีนี้…สมองพลันนึกถึงกรุปแม่บ้านที่ว่าขึ้นมาที่แม่บ้านคนไทยต่างประสบปัญหาต่างๆกับสามีชาวญี่ปุ่นแล้วการที่ฉันไม่ได้เอาแต่พึ่งพาเขามากเกินไปเพื่อเป็นการเหลือทางรอดให้กับตัวเอง “สัปดาห์หน้าผมจะกลับไปเคลียร์งา
“อะอ๊ะ” แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปขัดถูหลังให้เล่าเขาต้องการคนขัดหลังให้ที่ไหนต้องการรวบหัวรวบหางเหยื่อเสียมากกว่า…แต่จะว่าไปฉันก็เป็นเหยื่อที่เต็มใจให้ถูกกินซะด้วยสิหากเขาเป็นกองไฟฉันก็พร้อมจะเป็นน้ำมันให้มันเผาไหม้พวกเราสองคนไปพร้อมกัน แถมเจ้าหมูน้อยยังนอนหลับปุ๋ยในเปลอย่างฝันหวานเหมือนว่าเมื่อคืนพ่อลูกทำข้อตกลงอะไรกันเอาไว้อย่างนั้นเจ้าหมูน้อยรีบตื่นมาช่วยแม่หน่อยเร็ว!!!พ่ออากิระผิวปากออกจากห้องนอนมาในตอนเจ็ดโมงเช้าร่างกายไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อนไม่เหมือนแม่ของลูกที่แทบจะลืมตาไม่ขึ้นวันนี้เขาคงไปทำงานสายหน่อยรอจนกว่าพี่เลี้ยงลูกจะมาช่วยไม่ได้นี่นะก็แม่ของลูกสวยขนาดนั้นใครจะอดใจยั้งมือไหว…ก็อย่างที่เคยบอก…เราสองคนเข้ากันได้ดีดีมากเสียด้วยดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก ;pเขาจัดแจงทำอาหารเช้าไว้ให้ภรรยาดูแลลูกน้อยเมื่อพี่เลี้ยงมาถึงก็แปะมือเปลี่ยนกะเขาออกไปทำงานก่อนจะออกจากห้องแวะไปดูคุณเขาเสียหน่อยอีกฝ่ายนอนหลับอุตุจะว่าไปสองแม่ลูกนอนท่าเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนเขาหยิกจมูกที่เชิดรั้นของเธอเบาๆก่อนจะกระซิบที่ข้างหู “ผมไปทำงานก่อนนะอย่านอนตื่นสายล่ะ” ฉันงัวเงียแม้ว่าร่างกายจะอ่อนเปลี้ยแต่ยังไงลูก