Beranda / รักโบราณ / แม่หม้ายแฝดสาม / ทะลุมิติมาในร่างแม่หม้าย.

Share

แม่หม้ายแฝดสาม
แม่หม้ายแฝดสาม
Penulis: ต้าเหนิง

ทะลุมิติมาในร่างแม่หม้าย.

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-13 06:23:40

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เสียงกรีดร้องของเด็ก ๆ ดังไปทั่วเรือนหลังเล็กที่ทรุดโทรม ซูหนิงเหยียนยืนตระหง่านอยู่กลางลานบ้าน ดวงตาแข็งกร้าวราวกับพายุโหมกระหน่ำ มองดูเด็กทั้งสามที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่ตรงหน้า

“พวกเจ้ามันตัวกาลกิณี! ถ้าไม่มีพวกเจ้า ข้าคงไม่ต้องใช้ชีวิตต่ำต้อยเช่นนี้!” เธอตวาดเสียงแข็ง กวาดสายตามองลูกทั้งสามด้วยความโกรธเคือง

เด็ก ๆ ก้มหน้าซ่อนหยาดน้ำตา ไม่กล้าส่งเสียงโต้แย้งใด ๆ พวกเขารู้ดีว่าแม่ของตนไม่เคยปรานีใคร แม้แต่ลูกในไส้ก็ไม่เว้น

ซูหนิงเหยียนกำลังเงื้อมมือขึ้นเพื่อทุบบนหลังของลูกชายคนโต ทันใดนั้น ความรู้สึกวิงเวียนก็พุ่งเข้าใส่ร่างของเธอ ความเจ็บปวดแล่นขึ้นสมองอย่างรุนแรง โลกทั้งใบหมุนคว้างก่อนที่ร่างของเธอจะทรุดฮวบลงกับพื้น

ตึง!

ร่างของนางแน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตาเด็กทั้งสาม คนโตรีบพุ่งเข้าไปเขย่าตัวแม่ของตน ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ท่านแม่! ท่านแม่!”

ไม่มีเสียงตอบกลับ ซูหนิงเหยียนหมดสติไปแล้ว

โลกอนาคต

เสียงหวอของรถพยาบาลดังระงมกลางถนน หญิงสาวคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนเปล รถพยาบาลเร่งฝ่าการจราจรด้วยความเร็วสูง ทีมแพทย์เร่งช่วยเหลือเธออย่างสุดความสามารถ แต่หัวใจของเธอเต้นช้าลงเรื่อย ๆ ก่อนที่เครื่องวัดชีพจรจะส่งเสียงดัง ปี๊บ! ยาวเหยียด…

ทุกอย่างดับวูบลงสู่ความมืดมิด

โลกยุคจีนโบราณ

เปลือกตาของซูหนิงเหยียนกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้นมา ดวงตาของเธอที่เคยเย็นชาเปลี่ยนเป็นแววตาตกตะลึงและสับสน

“นี่มัน…ที่ไหน?” เสียงหวานแหบพร่าดังขึ้น

หญิงสาวกะพริบตาถี่ ๆ มองไปรอบตัวด้วยความตกใจ เธอพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนพื้นห้องไม้เก่า ๆ รอบข้างมีข้าวของกระจัดกระจาย บรรยากาศไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อย

ก่อนที่เธอจะได้ตั้งสติ เสียงสะอื้นก็ดังขึ้นจากมุมห้อง

เธอหันไปมอง และพบกับเด็กสามคนที่กำลังเบียดกันอยู่ด้วยความหวาดกลัว ดวงตาของพวกเขาแดงก่ำ น้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะที่พวกเขาจับจ้องเธอด้วยสายตาหวาดระแวงและสับสน

หญิงสาวขมวดคิ้ว “นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น? เด็กพวกนี้เป็นใคร?”

เธอพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่กลับรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งร่าง ความทรงจำแปลกประหลาดพรั่งพรูเข้ามาในหัวราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก เธอเห็นภาพของหญิงคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนเธอไม่มีผิดเพี้ยน แต่กลับมีบุคลิกที่โหดร้ายและใจร้าย

ซูหนิงเหยียน… นี่มันชื่อของข้านี่?

หญิงสาวตกใจ ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเข้าใจความจริง เธอไม่ได้อยู่ในโลกเดิมอีกต่อไปแล้ว!

เธอ… ได้ทะลุมิติเข้ามาในร่างของหญิงแม่หม้ายที่มีลูกแฝดสามในยุคจีนโบราณ!

แม่คนใหม่

ซูหนิงเหยียนค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้น แม้ร่างกายจะยังมึนงงและอ่อนแรง แต่เธอก็พยายามพยุงตัวเองให้ยืนขึ้น มือข้างหนึ่งกุมขมับแน่น ความรู้สึกปวดศีรษะราวกับมีใครเอาเหล็กร้อนมากระแทกซ้ำ ๆ แต่สิ่งที่ทำให้เธอปวดใจยิ่งกว่ากลับเป็นเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเด็กทั้งสามที่ดังมาจากมุมห้อง

เธอหันไปมอง และพบว่าพวกเขากำลังขดตัวเบียดกันอยู่ที่มุมกำแพง ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้ มือเล็ก ๆ กอดกันแน่นราวกับพยายามปกป้องกันและกันจากอันตราย

เธอสูดหายใจเข้าลึก พยายามข่มอารมณ์สับสนที่ถาโถมเข้ามา เด็กพวกนี้เป็นลูกของเธอในร่างนี้... พวกเขาคือแฝดสาม

หญิงสาวค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ขณะที่เงาของเธอทอดลงบนตัวเด็ก ๆ พวกเขาก็สะดุ้งเฮือก ใบหน้าเล็กซีดเผือดราวกับหวาดกลัวว่าเธอจะลงโทษพวกเขาอีก

“ท่านแม่… ได้โปรดอย่าทำโทษพวกเราเลย…”

เสียงเด็กชายคนโตพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาสีดำสนิทเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

หัวใจของซูหนิงเหยียนกระตุกวูบ พวกเขากลัวเธอขนาดนี้เลยหรือ?

เธอเม้มปากแน่น ภาพความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมที่มักจะทุบตีและดุด่าลูก ๆ ผุดขึ้นมาในหัว นางหญิงคนก่อนเป็นคนเย็นชาและใจร้าย ไม่เคยมอบความรักให้เด็กพวกนี้เลย ไม่แปลกใจที่พวกเขาจะกลัวเธอ…

หญิงสาวคุกเข่าลงตรงหน้าเด็ก ๆ และเอื้อมมือไปหา พวกเขาสะดุ้งโหยง ตัวสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด เธอหยุดชะงัก ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้

“ไม่ต้องกลัว ข้า…ข้าจะไม่ทำร้ายพวกเจ้า”

เด็กทั้งสามเงยหน้ามองเธออย่างไม่เชื่อสายตา พวกเขาไม่เคยได้ยินเสียงที่อ่อนโยนแบบนี้จากปากของมารดามาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เธอยกมือขึ้นช้า ๆ ใช้หลังมือแตะเบา ๆ ที่แก้มของเด็กชายคนโต

“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”

เด็กชายเบิกตากว้าง มองเธออย่างหวาดระแวงก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ แต่ยังคงไม่พูดอะไร

เธอหันไปมองเด็กหญิงฝาแฝดที่ตัวเล็กกว่า พวกเธอซุกตัวอยู่ด้านหลังพี่ชาย ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่มั่นใจ

นี่คือเด็ก ๆ ที่เธอจะต้องดูแล… พวกเขาคือครอบครัวของเธอจากนี้ไป

หญิงสาวยิ้มบาง ๆ แม้ในใจจะหนักอึ้ง เธอต้องพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่า "ซูหนิงเหยียน" คนเก่าได้จากไปแล้ว และเธอ… แม่คนใหม่ของพวกเขา จะไม่มีวันทำร้ายพวกเขาอีก

อาหารมื้อแรกของครอบครัว

ซูหนิงเหยียนตื่นขึ้นมาในยามเช้าตรู่ แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านหน้าต่างไม้เก่าเข้ามา เธอลืมตาขึ้นแล้วหันไปมองเด็ก ๆ ที่ยังคงหลับอยู่บนฟูกบาง ๆ ที่วางอยู่บนพื้นไม้ พวกเขาขดตัวแน่นด้วยผ้าห่มเก่า ๆ ผืนเดียวกัน

หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นเบา ๆ วันนี้เธอต้องพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่า "แม่" ของพวกเขาเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ

อาหารเช้าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด

แต่เมื่อเธอเดินไปถึงห้องครัวที่อยู่ด้านหลังเรือน ก็ต้องชะงักไปเพราะภาพตรงหน้า...

ห้องครัวเล็ก ๆ มีเพียงเตาถ่านเก่า หม้อดินหนึ่งใบ และภาชนะที่แทบจะใช้งานไม่ได้ ไม่มีข้าวสาร ไม่มีเนื้อ ไม่มีผักสด มีเพียงเศษมันฝรั่งแห้งและถั่วเหลืองที่แข็งราวกับก้อนหิน

ซูหนิงเหยียนขมวดคิ้ว แบบนี้จะทำอาหารยังไงกัน?

เธอกอดอกครุ่นคิด ก่อนจะเดินออกไปสำรวจรอบ ๆ บ้าน และพบว่าในสวนหลังบ้านมีแปลงผักเล็ก ๆ ที่มีต้นหอม กระเทียมป่า และฟักทองลูกเล็ก ๆ ไม่กี่ลูก

หญิงสาวถอนหายใจ ยังดีที่มีของพวกนี้

เธอรีบเก็บฟักทองและถอนต้นหอมกับกระเทียม จากนั้นเดินกลับเข้าครัวและเริ่มลงมือทำอาหารด้วยวัตถุดิบที่มีอยู่

ไม่นานหลังจากนั้น...

กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของฟักทองผัดกับต้นหอมและกระเทียมลอยอบอวลไปทั่วเรือน

ซูหนิงเหยียนใช้ถั่วเหลืองแช่น้ำให้นุ่มก่อนนำไปต้มเป็นน้ำแกง เติมเกลือเล็กน้อยเพื่อให้มีรสชาติ จากนั้นเธอหั่นฟักทองเป็นชิ้นเล็ก ๆ ผัดกับต้นหอมและกระเทียมจนได้กลิ่นหอม ก่อนจะใส่น้ำลงไปให้กลายเป็นซุปอุ่น ๆ

แม้อาหารจะเรียบง่าย แต่เธอก็ตั้งใจทำมันอย่างสุดฝีมือ

เด็ก ๆ ตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นหอม

พวกเขาค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องด้วยท่าทางงัวเงีย แต่เมื่อเห็นแม่ของตนกำลังจัดอาหารลงบนโต๊ะเล็ก ๆ ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

"ท่านแม่ทำอาหารเองหรือ?" เด็กชายคนโตถามเสียงเบา สีหน้าเต็มไปด้วยความระแวง

“ใช่” ซูหนิงเหยียนยิ้ม

“มาลองกินกันเถอะ”

เด็ก ๆ ยังคงลังเล แต่เมื่อเธอวางถ้วยซุปฟักทองร้อน ๆ ไว้ตรงหน้าพวกเขา กลิ่นหอมก็ทำให้พวกเขากลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว

เด็กหญิงฝาแฝดตักน้ำแกงขึ้นมาชิมคนละคำ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเป็นประกาย

"อร่อย!"

เด็กชายคนโตเห็นน้อง ๆ กินอย่างมีความสุข จึงค่อย ๆ ตักซุปขึ้นมาชิมบ้าง และสุดท้ายก็กินเงียบ ๆ แต่ท่าทางของเขาดูผ่อนคลายลงมากกว่าตอนแรก

ซูหนิงเหยียนมองเด็ก ๆ ที่กินอาหารด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่า "ครอบครัว" มีความหมายเพียงใด

ตั้งแต่นี้ไป... เธอจะดูแลลูก ๆ ให้ดีที่สุด

มื้อแรกที่อิ่มจนพุงกาง

เด็กทั้งสามนั่งล้อมวงกันรอบโต๊ะไม้เล็ก ๆ ที่มีรอยแตกร้าว แม้ว่าโต๊ะจะเก่า แต่บรรยากาศในเรือนกลับอบอุ่นเป็นพิเศษ

พวกเขามองถ้วยซุปฟักทองและข้าวต้มที่แม่ของพวกเขาทำด้วยสายตาลังเล แต่เมื่อได้ลองชิมคำแรก คำที่สองก็ตามมาอย่างรวดเร็ว และไม่นานก็เริ่มตักกันจนชามเกือบหมด

เด็กหญิงคนเล็กตบพุงตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายและพี่สาว “วันนี้ข้ากินอิ่มจังเลย!”

เด็กหญิงอีกคนพยักหน้าเห็นด้วย

“ข้าก็เหมือนกัน นานแล้วที่เราไม่ได้กินข้าวอิ่มแบบนี้”

ซูหนิงเหยียนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองเด็ก ๆ ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

เธอรับรู้จากความทรงจำของร่างเดิมว่า เด็ก ๆ แทบไม่เคยได้กินอิ่มท้องเลยสักครั้ง เนื่องจาก "ซูหนิงเหยียน" คนก่อนเป็นคนที่ไม่สนใจดูแลลูก ๆ ของตัวเอง เอาแต่ใช้เงินไปกับเรื่องไร้สาระและทิ้งให้เด็ก ๆ หิวโหย

แต่จากนี้ไป จะไม่มีวันเป็นแบบนั้นอีก

“ถ้าอยากกินอิ่มแบบนี้ทุกวัน เจ้าต้องช่วยข้าดูแลเรือนและหาอาหารด้วยนะ” เธอพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

เด็กชายคนโตเงยหน้าขึ้นมองเธอ สีหน้าเขายังมีแววระแวงเล็กน้อย แต่น้ำเสียงของเธอไม่ได้แข็งกร้าวหรือบังคับเหมือนเมื่อก่อน ทำให้เขาค่อย ๆ พยักหน้า “ข้าจะช่วยท่านแม่”

เด็กหญิงฝาแฝดก็มองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมา

“ข้าก็จะช่วย!”

ซูหนิงเหยียนหัวเราะเบา ๆ พลางลูบศีรษะเด็ก ๆ ด้วยความเอ็นดู

นี่เป็นก้าวแรกของครอบครัวใหม่ที่แท้จริง

หนี้สินจากอดีต

หลังจากที่เด็ก ๆ อิ่มท้องเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน พวกเขาก็นั่งพิงกันอย่างสบายใจอยู่บนเสื่อฟางภายในเรือน ซูหนิงเหยียนนั่งมองเด็ก ๆ ด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจ

แต่ไม่นาน…

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงเคาะประตูดังสนั่นจนฝุ่นร่วงลงมาจากขื่อเรือน เด็กทั้งสามสะดุ้งเฮือก รีบขดตัวเข้าใกล้กัน ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“นังซูหนิงเหยียน! ออกมาเดี๋ยวนี้!”

เสียงแหลมของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นจากนอกเรือน ตามมาด้วยเสียงชายร่างใหญ่ที่ตะโกนเสริม “เจ้าจะหลบหน้าหนี้ไปถึงเมื่อไร หา?!”

ซูหนิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น ในความทรงจำของร่างเดิม เธอจำได้ว่า "ซูหนิงเหยียน" คนก่อนใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย หลงระเริงกับการพนันและเครื่องประทินโฉมจนเป็นหนี้สินมากมาย และคนที่อยู่หน้าประตูก็คือ แม่หม้ายหลี่ เพื่อนบ้านที่เคยให้เจ้าของร่างเดิมยืมเงิน

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู

เมื่อบานไม้เก่าถูกผลักออก แม่หม้ายหลี่ในชุดผ้าฝ้ายสีเทาก็ยืนกอดอก จ้องมองซูหนิงเหยียนด้วยสายตาดูถูก ข้าง ๆ นางมีชายฉกรรจ์สองคนที่น่าจะเป็นลูกน้องที่นางพามาข่มขู่

“หึ! เจ้าคิดว่าหลบอยู่แต่ในเรือนแล้วจะหนีพ้นหรืออย่างไร?”

แม่หม้ายหลี่เอ่ยเสียงเยาะเย้ย ก่อนจะก้าวเข้ามาภายในลานบ้านโดยไม่รอให้ซูหนิงเหยียนเชิญ “เงินที่เจ้ายืมไปเมื่อเดือนก่อน ไหนล่ะ? ถึงเวลาต้องคืนแล้ว!”

ซูหนิงเหยียนกอดอก มองแม่หม้ายหลี่นิ่ง ๆ ร่างนี้เป็นคนก่อหนี้ขึ้นมา แต่คนที่ต้องมารับกรรมกลับเป็นเธอในตอนนี้… นี่มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด!

เด็ก ๆ ที่อยู่ในเรือนรีบกอดกันแน่น ตัวสั่นเล็กน้อย พวกเขารู้ดีว่าแม่ของพวกเขาเป็นหนี้เพื่อนบ้าน แต่ที่ผ่านมาก็ได้แต่หวังว่าเจ้าหนี้จะลืมหรือไม่ก็มองข้ามพวกเขาไป

ซูหนิงเหยียนสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะถามเสียงเรียบ “ข้าติดหนี้เจ้าเท่าไร?”

แม่หม้ายหลี่ยิ้มเยาะ “สิบตำลึงเงิน! พร้อมดอกเบี้ยอีกห้าตำลึง”

เด็ก ๆ ที่นั่งฟังอยู่เบิกตากว้าง สิบห้าตำลึง?

สำหรับพวกเขาที่แทบไม่มีเงินติดบ้าน นั่นเป็นจำนวนเงินที่มากมายมหาศาล!

ซูหนิงเหยียนขมวดคิ้ว เจ้าของร่างเดิมใช้เงินมากมายขนาดนี้ไปกับเรื่องไร้สาระได้อย่างไร?

แม่หม้ายหลี่เห็นซูหนิงเหยียนเงียบไป ก็ยิ้มเยาะหนักขึ้น

“หรือเจ้าจะบอกว่าไม่มีเงิน? ถ้าไม่มี เจ้าก็ควรหาทางใช้คืนมา ไม่อย่างนั้น… ข้าอาจจะต้องเอาของในเรือนเจ้าติดมือกลับไปสักหน่อย”

นางว่าพลางกวาดตามองไปทั่วเรือน แววตาเต็มไปด้วยความโลภ

ซูหนิงเหยียนกำหมัดแน่น ของในเรือนมีอยู่เพียงน้อยนิด หากนางเอาไปจริง ๆ เด็ก ๆ จะอยู่อย่างไร?

เธอรู้ดีว่าตอนนี้ไม่มีเงินพอจะใช้หนี้ แต่เธอก็ไม่ยอมให้ใครมารังแกครอบครัวของเธออีกต่อไป

เธอเงยหน้าขึ้น มองแม่หม้ายหลี่ด้วยสายตานิ่งสงบ แต่แฝงไว้ด้วยความแน่วแน่ “ข้าไม่มีเงินตอนนี้ แต่ข้าจะหาให้”

แม่หม้ายหลี่เลิกคิ้ว “หา? เจ้าจะหาได้จากที่ไหนกัน? หรือจะให้ข้ารอจนชาตินี้ชาติหน้า?”

ซูหนิงเหยียนยิ้มบาง ๆ “ข้าขอเวลาสามวัน ข้าจะคืนเงินให้”

แม่หม้ายหลี่หัวเราะเสียงดัง

“สามวัน? นังซูหนิงเหยียน เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? สามวันจะหาเงินสิบห้าตำลึงได้งั้นหรือ?”

“ถ้าภายในสามวันข้าหาเงินมาไม่ได้ เจ้าค่อยมาเอาของในเรือนข้าไป”

ซูหนิงเหยียนตอบเสียงเรียบ แต่แววตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ

แม่หม้ายหลี่จ้องเธอเขม็ง ดูเหมือนนางเองก็ไม่คิดว่า "ซูหนิงเหยียน" ที่เคยอ่อนแอและขี้ขลาดจะกล้าต่อรองกับนางแบบนี้

“ดี! ถ้าครบสามวันแล้วยังไม่มีเงิน ข้าจะมาเอาของทุกอย่างในเรือนเจ้าไป รวมถึงตัวเจ้าด้วย!”

ซูหนิงเหยียนไม่ตอบอะไร เธอเพียงแค่ยืนมองแม่หม้ายหลี่และพวกลูกน้องเดินออกจากเรือนไป

เมื่อเธอปิดประตูลง เด็ก ๆ ก็รีบวิ่งเข้ามากอดชายเสื้อของเธอแน่น

“ท่านแม่… เราจะทำอย่างไรดี?”

เด็กชายคนโตมองเธอด้วยความเป็นห่วง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวว่าแม่ของพวกเขาจะถูกขายใช้หนี้

ซูหนิงเหยียนย่อตัวลง ลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ ก่อนจะยิ้ม “ไม่ต้องห่วง แม่จะไม่ให้ใครมาทำอะไรพวกเราได้”

สามวัน… เธอต้องหาเงินสิบห้าตำลึงให้ได้

และเธอจะไม่ยอมให้ครอบครัวนี้ต้องลำบากอีกต่อไป!

วิธีหาเงินภายในสามวัน

ซูหนิงเหยียนเดินวนไปมาภายในเรือน สีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก

สิบห้าตำลึง… ภายในสามวัน… จะหาเงินจากที่ไหนกัน?

เด็กทั้งสามนั่งเบียดกันอยู่บนฟูกเก่า ๆ ดวงตากลมโตจับจ้องมารดาของตนไม่กะพริบ ตั้งแต่แม่ของพวกเขาถูกทวงหนี้ เธอก็เอาแต่เดินวนไปมาพลางพึมพำอะไรบางอย่างอยู่คนเดียว

เด็กหญิงคนเล็กกระซิบกับพี่สาว “ท่านแม่เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมเดินไปเดินมาแบบนั้น?”

เด็กชายคนโตถอนหายใจเบา ๆ “ข้าคิดว่า… ท่านแม่คงกำลังหาทางหาเงิน”

ซูหนิงเหยียนหยุดเดิน ก่อนจะหันไปมองเด็ก ๆ ที่กำลังจ้องเธออย่างสนใจ

“ข้าคิดออกแล้ว!” เธอประกาศเสียงดัง ทำให้เด็กทั้งสามสะดุ้งเล็กน้อย

“ท่านแม่คิดจะทำอะไรหรือ?” เด็กชายคนโตถามด้วยความสงสัย

ซูหนิงเหยียนยิ้มกว้าง “เราจะทำอาหารขาย!”

“อาหาร?” เด็กหญิงฝาแฝดมองหน้ากันอย่างงุนงง

“ใช่! แม่สังเกตเห็นว่าหมู่บ้านของเรามีตลาดเล็ก ๆ ทุกเช้า ชาวบ้านมักจะไปซื้ออาหารก่อนออกไปทำงานในไร่นา” ซูหนิงเหยียนอธิบาย “ถ้าเราทำของกินอร่อย ๆ ไปขาย พวกเขาต้องสนใจแน่!”

เด็กชายคนโตขมวดคิ้ว “แต่เรามีเงินไม่พอซื้อวัตถุดิบ…”

ซูหนิงเหยียนหัวเราะเบา ๆ “ไม่เป็นไร ข้าจะใช้สิ่งที่มีอยู่ก่อน แล้วค่อยขยายในวันต่อ ๆ ไป”

เธอเดินไปเปิดตู้เก็บเสบียงในครัว แม้ของจะเหลือน้อย แต่ยังมีแป้งข้าวเจ้า ถั่วเขียว และน้ำตาลอยู่บ้าง

ถั่วเขียวต้ม! นี่แหละสิ่งที่เธอจะทำขายในวันแรก!

เด็ก ๆ มองแม่ของพวกเขาด้วยแววตาตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่แม่ของพวกเขาดูจริงจังกับการทำงานขนาดนี้

“พรุ่งนี้เช้า เราจะเริ่มขายของกัน!” ซูหนิงเหยียนประกาศอย่างมั่นใจ

เด็ก ๆ มองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า แม้ว่าจะยังไม่แน่ใจว่าแผนนี้จะสำเร็จหรือไม่ แต่พวกเขาก็อยากช่วยแม่ให้ได้!

สามวันจากนี้จะเป็นการต่อสู้เพื่ออนาคตของพวกเขาทั้งหมด!

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • แม่หม้ายแฝดสาม   ถั่วเขียวต้มน้ำตาล

    ลวันแรกของร้านขนมถั่วเขียว รุ่งเช้า หมอกจาง ๆ ปกคลุมทั่วหมู่บ้าน ซูหนิงเหยียนตื่นขึ้นมาพร้อมกับแววตามุ่งมั่น เธอใช้เวลาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางในการต้มถั่วเขียวให้นุ่ม แล้วเติมน้ำตาลให้รสหวานกำลังดี กลิ่นหอมของถั่วเขียวต้มลอยอบอวลไปทั่วเรือน เด็กทั้งสามลุกขึ้นมาช่วยกันอย่างแข็งขัน เด็กชายคนโตช่วยหาบน้ำจากบ่อ ส่วนฝาแฝดหญิงช่วยเตรียมถ้วยและตะเกียบ เมื่อทุกอย่างพร้อม พวกเขาก็ช่วยกันหาบหม้อถั่วเขียวใบโตเดินไปยังตลาดเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน ณ ตลาดเช้า ตลาดเช้าของหมู่บ้านแม้จะไม่ใหญ่มาก แต่ก็คึกคักตั้งแต่เช้ามืด ชาวบ้านทยอยกันออกมาซื้อของก่อนจะไปทำงานในไร่นา ซูหนิงเหยียนเลือกตั้งร้านตรงมุมที่มีคนเดินผ่านมากที่สุด เธอใช้ผ้าผืนเก่าปูเป็นโต๊ะ วางถ้วยไม้เล็ก ๆ ที่เตรียมมา และเปิดฝาหม้อให้ไอร้อนลอยออกมา กลิ่นหอมของถั่วเขียวต้มอบอวลไปทั่ว ไม่นานนัก ก็มีคนเดินผ่านมาและหยุดมองด้วยความสนใจ “หืม? กลิ่นอะไรน่ะ หอมจัง!” หญิงชราร่างท้วมที่ถือกระบุงผักยืนมองซูหนิงเหยียนด้วยความสงสัย ซูหนิงเหยียนยิ้มอ่อนโยน “นี่เป็นถั่วเขียวต้มน้ำตาลเจ้าค่ะ ท่านป้าอยากลองชิมสักถ้วยไหม?” หญิงชรามองหม้อถั่วเขียวต้มที่เดือดปุด ๆ ด้ว

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-13
  • แม่หม้ายแฝดสาม   กลิ่นหอมข้าวผัดไข่

    มื้ออาหารแห่งความสุขหลังจากเดินซื้อของในตลาดเสร็จ ซูหนิงเหยียนก็พาลูก ๆ กลับมาถึงเรือน เด็กทั้งสามคนวิ่งเข้าบ้านด้วยความตื่นเต้น ขณะที่ซูหนิงเหยียนถือถุงของกินมากมายตามเข้าไป"วันนี้ท่านแม่จะทำอะไรให้พวกเรากินหรือเจ้าคะ?" เด็กหญิงฝาแฝดเดินตามมาอย่างตื่นเต้นเด็กชายคนโตช่วยแม่ถือของไปวางที่ห้องครัว ก่อนจะหันมามองด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น "ข้าก็อยากรู้เช่นกัน ท่านแม่ซื้อของมาตั้งเยอะ!"ซูหนิงเหยียนยิ้มบาง ๆ พลางลูบศีรษะลูก ๆ "วันนี้… ท่านแม่จะทำอาหารที่พวกเจ้าไม่เคยกินมาก่อนให้ลองชิมกัน""จริงหรือ!?"เด็ก ๆ ตาโตเป็นประกายด้วยความดีใจ พวกเขาไม่เคยเห็นแม่ทำอาหารด้วยท่าทางตั้งใจเช่นนี้มาก่อนซูหนิงเหยียนเริ่มลงมือทำอาหาร นางใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในเรือน รวมกับของที่ซื้อมาจากตลาด แล้วค่อย ๆ ปรุงแต่งรสชาติให้คล้ายกับอาหารจากยุคอนาคตให้มากที่สุดเมนูที่เธอเลือกทำคือ "ข้าวผัดไข่"เธอจุดเตา ใส่น้ำมันหมูลงไปในกระทะ พอเริ่มร้อนก็ใส่ไข่ไก่ลงไปตีจนฟู ตามด้วยข้าวสวยหุงใหม่ที่เธอเตรียมไว้ นางใช้ตะหลิวไม้ค่อย ๆ คลุกข้าวกับไข่ให้เข้ากันดีจากนั้นก็ใส่หมูสามชั้นหั่นเต๋า เพิ่มผักซอยเล็กน้อย ปรุงรสด้วยเกลื

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-15
  • แม่หม้ายแฝดสาม   ประกาศรับสมัครแม่ครัว

    เป้าหมายใหม่ของมารดาซูหนิงเหยียนมองหวังซื่อที่ยิ้มอย่างจริงใจ นางเข้าใจดีว่าการมีโอกาสได้ทำอาหารขายในร้านเป็นเรื่องที่ดี แต่...นั่นไม่ใช่เป้าหมายของนางนางสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วมองไปยังลูก ๆ ทั้งสามที่นั่งมองมาอย่างสงสัย ดวงตาไร้เดียงสาของพวกเขาทำให้หัวใจของนางอบอุ่น"ข้าขอบคุณในความหวังดีของแม่นางหวัง แต่ข้ามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น"หวังซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย "เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น? เจ้าหมายถึงอะไร?"ซูหนิงเหยียนยิ้มบาง ๆ นางคิดถึงป้ายประกาศที่เห็นในตลาด 'ตำแหน่งแม่ครัวในวังหลวง'"ข้า… ตั้งใจจะสมัครเป็นแม่ครัวในวังหลวง""ว่าอย่างไรนะ!?"หวังซื่อตาโตด้วยความตกใจ ไม่เพียงแต่นาง ลูก ๆ ของซูหนิงเหยียนเองก็เบิกตากว้าง"ท่านแม่… ท่านแม่จะเข้าไปในวังหรือเจ้าคะ?" เด็กหญิงฝาแฝดถามเสียงเบา"ใช่" ซูหนิงเหยียนพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น "ข้าต้องการให้พวกเจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้น หากข้าได้เป็นแม่ครัวในวังหลวง พวกเจ้าก็อาจจะมีโอกาสได้เข้าไปศึกษาเล่าเรียนในวัง ข้าอยากให้พวกเจ้ามีอนาคตที่ดีกว่าเดิม"เด็กทั้งสามนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เด็กชายคนโตจะกำมือแน่น ดวงตาของเขามีประกายมุ่งมั่น"ท่านแม่ ข้าจ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-16
  • แม่หม้ายแฝดสาม   ทดสอบขั้นพื้นฐาน

    ด่านแรก ทดสอบอาหารพื้นฐานภายใต้แสงแดดยามสาย ขันทีผู้ดูแลการคัดเลือกแม่ครัวกวาดตามองกลุ่มหญิงสาวที่มายืนรอด้วยความตื่นเต้นและกังวล ก่อนจะประกาศเสียงดังฟังชัด"ด่านแรก! ทดสอบความสามารถด้านอาหารพื้นฐาน พวกเจ้าทุกคนจะได้รับวัตถุดิบชุดเดียวกัน จากนั้นจงปรุงอาหารที่เหมาะสมให้เสร็จภายในสองเค่อ!"(หนึ่งเค่อเท่ากับ 15 นาที สองเค่อจึงเท่ากับ 30 นาที)ทันทีที่กล่าวจบ ขันทีผู้อาวุโสสะบัดพัดในมือ ชี้ไปยังโต๊ะเรียงรายที่มีหม้อ กระทะ และวัตถุดิบเตรียมไว้เรียบร้อย"ขอให้ทุกคนเริ่มได้!"—––เริ่มต้นการทดสอบซูหนิงเหยียนก้าวไปยังโต๊ะที่ถูกกำหนดให้อย่างไม่ร้อนรน นางกวาดตามองวัตถุดิบที่มีให้ข้าวสารไข่ไก่เนื้อหมูสามชั้นผักกาดขาวซีอิ๊ว และเครื่องปรุงพื้นฐาน‘อาหารพื้นฐานที่ใช้วัตถุดิบเหล่านี้…’ นางครุ่นคิดอย่างรวดเร็วรอบตัวมีเสียงพึมพำจากผู้เข้าร่วม หลายคนเริ่มตั้งหม้อต้มน้ำ บางคนหั่นหมูเป็นชิ้นเล็กเพื่อทำซุป ซูหนิงเหยียนกลับคิดแตกต่างออกไป‘ถ้าเป็นอาหารที่เรียบง่ายที่สุด อิ่มท้อง และรสชาติอร่อย… ข้าวผัดไข่กับหมูสามชั้นตุ๋นน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี’—––การลงมือทำอาหาร1. ข้าวผัดไข่ซูหนิงเหยียนรีบหุงข

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-16
  • แม่หม้ายแฝดสาม   ที่อยู่ใหม่

    เริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองหลวง หลังจากได้รับตำแหน่งแม่ครัวหลวง ซูหนิงเหยียนก็ได้รับอนุญาตให้นำลูก ๆ ทั้งสามเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง นางได้รับบ้านพักที่จัดสรรให้แก่ข้าราชสำนักระดับกลาง เป็นตำหนักเล็ก ๆ แต่เงียบสงบและอบอุ่น เมื่อลงจากรถม้า เด็ก ๆ ทั้งสามก็จ้องมองรอบ ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย "แม่จ๋า! บ้านของเราใหญ่กว่าห้องเก่าในหมู่บ้านอีก!" เสี่ยวเป่าเอ่ยขึ้น พลางวิ่งสำรวจไปรอบ ๆ "พวกเรามีสวนด้วย!" เสี่ยวหูชี้ไปยังแปลงดินเล็ก ๆ ข้างตำหนัก"เราปลูกผักเองได้ไหมแม่?" ซูหนิงเหยียนหัวเราะเบา ๆ พลางลูบศีรษะลูก ๆ "ได้สิ หากพวกเจ้าอยากปลูก แม่จะช่วยพวกเจ้าดูแล" เสี่ยวหมิงที่เป็นพี่คนโตกลับไม่ได้วิ่งเล่นเช่นน้อง ๆ แต่เดินสำรวจตำหนักด้วยสีหน้าครุ่นคิด "แม่จ๋า... ตำหนักนี้ไม่เล็กไปสำหรับพวกเรา แต่ก็ไม่ได้ใหญ่เกินไปเช่นกัน เหมาะสมกับแม่ครัวหลวงจริง ๆ" ซูหนิงเหยียนพยักหน้า "ใช่แล้ว ที่นี่ไม่หรูหรา แต่ก็ปลอดภัยและอยู่ใกล้วังหลวง แม่สามารถเดินไปทำงานได้สะดวก ส่วนพวกเจ้าก็สามารถศึกษาหาความรู้ได้" จัดบ้านใหม่ พวกนางช่วยกันทำความสะอาดตำหนัก เสี่ยวเป่ากับเสี่ยวหูช่วยปัดกวาด เสี่ยวหมิงช่วยจัดของใช้ ซูหนิ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-17
  • แม่หม้ายแฝดสาม   นางเอกช่วยชีวิต

    การพบกันโดยไม่ คาดฝันซูหนิงเหยียนยังคงยืนมองรอบ ๆ ตำหนัก ด้วยความระแวดระวัง เสียงลมพัดแรง ทำให้ต้นไม้ไหว เสียงใบไม้เสียดสีกันดัง แผ่วเบา แต่ไม่มีเงาของผู้ใด นางจึงคิด ว่าคงเป็นความรู้สึกไปเองแต่ทันใดนั้น-"ตุบ!"เสียงร่างหนัก ๆ หล่นลงกับพื้นหน้า ตำหนัก นางสะดุ้งเฮือก รีบหันไปมอง ก่อนจะพบร่างของชายผู้หนึ่งนอนคว่ำ หน้าอยู่ เลือดสีแดงเข้มไหลเปรอะเปื้อน พื้นหิน"อ๊ะ!" นางอุทานเบา ๆ ดวงตาเบิกกว้าง เขาสวมอาภรณ์สีดำสนิท แม้ยามนี้จะ เปรอะเปื้อนเลือดและฝุ่นดิน แต่ก็มอง ออกว่าผ้าเนื้อนี้ไม่ใช่ของชนชั้นธรรมดา นางใจสั่น รีบวิ่งเข้าไปดูใกล้ ๆ "ท่าน!" นางแตะร่างเขาเบา ๆ "ท่านยังมี ชีวิตอยู่หรือไม่?" ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะเงย หน้าขึ้นเผยให้เห็นดวงตาคมกริบใต้ แสงจันทร์ แม้จะซีดเซียวจากการเสีย เลือด แต่ก็ยังคงแฝงไว้ด้วยพลังอำนาจ "องค์ชาย!?"ดวงตาสีดำลึกล้ำจ้องมองนาง ราวกับพยายามจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ หมดแรงสลบไปช่วยชีวิตชายลึกลับซูหนิงเหยียนกัดฟัน คิดวิเคราะห์อย่าง รวดเร็ว"เขาเป็นใครกันแน่? ถูกลอบสังหารมา หรือ?"แม้จะสงสัย แต่นางรู้ว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญ ที่สุดคือช่วยชีวิตเขาก่อน น

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-17
  • แม่หม้ายแฝดสาม   ข้าวต้มนก

    ข้าวต้มยามเช้า กับความเข้าใจผิดขององค์ชายรุ่งเช้า...แสงแดดอ่อน ๆ สาดเข้ามาผ่านหน้าต่าง ซูหนิงเหยียนตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหารให้ชายหนุ่มที่ยังคงบาดเจ็บ นางหันไปมองร่างที่ยังนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าหล่อเหลายังคงซีดเซียวจากการเสียเลือดมากเกินไป"หากไม่กินอะไรเลย ร่างกายคงแย่ลงแน่"ด้วยความที่พระเอกยังบาดเจ็บหนัก นางจึงตัดสินใจทำ ข้าวต้มไก่ อาหารง่าย ๆ ที่ย่อยง่ายและให้พลังงานพอสมควรกลิ่นหอมของข้าวต้ม กับสายตาของเด็ก ๆกลิ่นข้าวต้มร้อน ๆ โชยไปทั่วตำหนัก เด็ก ๆ ทั้งสามที่นั่งเฝ้าอยู่ด้านข้างเริ่มกลืนน้ำลาย"แม่จ๋า... กลิ่นหอมจังเลย!""ข้าวต้มอะไรน่ะ?""พวกเรากินได้หรือไม่?"ซูหนิงเหยียนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกชามข้าวต้มขึ้นมา "อันนี้ทำให้พี่ชายในห้องก่อน ส่วนของพวกเจ้า แม่จะทำให้ทีหลัง"เด็ก ๆ พยักหน้าหงึก ๆ แม้จะอยากกินแต่ก็เข้าใจดีว่าคนเจ็บต้องมาก่อนเมื่อองค์ชายพบกับ ‘ข้าวนก’ซูหนิงเหยียนเดินถือถาดอาหารเข้าไปในห้องขององค์ชาย ก่อนจะวางมันลงข้างเตียง"ท่านตื่นหรือยัง?"เสียงขยับตัวเบา ๆ ดังขึ้น ชายหนุ่มค่อย ๆ ลืมตา เขามองนางก่อนจะเหลือบไปมองถ้วยข้าวต้มที่วางอยู่ตรงหน้า"เจ้าทำอะไรมาให้ข้าก

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-18
  • แม่หม้ายแฝดสาม   นาทีชีวิต.

    คลื่นใต้น้ำในวังหลวงคืนวันนั้น ขณะที่ซูหนิงเหยียนกำลังเตรียมยาต้มให้พระเอกพักฟื้น เสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นนอกตำหนัก"ค้นให้ทั่ว!"เสียงทรงอำนาจดังขึ้นตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของกลุ่มคนที่เดินเข้ามาโดยไม่ขออนุญาตซูหนิงเหยียนชะงัก ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที นางหันไปมองเด็ก ๆ ที่กำลังนั่งเล่นกันอยู่"พวกเจ้า อยู่ข้างในอย่าออกมา!" นางสั่งเสียงเข้มแฝดทั้งสามพยักหน้าหงึก ๆ แล้วรีบวิ่งไปซ่อนตัวตามคำสั่งเมื่อซูหนิงเหยียนเดินออกมาหน้าตำหนัก นางก็พบกับกลุ่มข้ารับใช้ในชุดเครื่องแบบของวังหลวงกำลังยืนล้อมรอบ พร้อมกับหญิงวัยกลางคนที่แต่งกายหรูหรา ใบหน้านางเต็มไปด้วยร่องรอยของความเย่อหยิ่ง"ท่านหญิงหลี่…" นางพึมพำในใจอนุภรรยาของฝ่าบาท… หรือก็คือพระสนมหลี่ หนึ่งในภรรยาของฮ่องเต้ และเป็นคนที่มีอำนาจมากในวังหลวงเหตุใดจึงมาค้นตำหนักของนาง?พระสนมหลี่ก้าวมาหยุดตรงหน้าซูหนิงเหยียน ดวงตาเย็นชากวาดมองตำหนักเล็ก ๆ ของแม่ครัวด้วยสีหน้าดูแคลน"เจ้าคือแม่ครัวคนใหม่ใช่หรือไม่?" นางถามเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยอำนาจ"เพคะ" ซูหนิงเหยียนตอบกลับด้วยท่าทางสงบ"ข้าสงสัยว่ามีคนลอบหนีเข้ามาซ่อนตัวที่นี่ ข้าจ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-18

Bab terbaru

  • แม่หม้ายแฝดสาม   จบ

    ทุกสิ่งเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากการเปิดเผยความจริงนั้น ทุกคนในราชวงศ์ต่างจับตามองการดำเนินการของลู่เหรินเจ๋อและซูหนิงเหยียน เมื่อมีการเตรียมการทางการทหารและการเมืองเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อปกป้องอาณาจักรจากภัยคุกคามใหม่ที่เกิดขึ้น ลู่เหรินเจ๋อและซูหนิงเหยียนเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่อาจจะเข้ามาโจมตีได้ทุกเมื่อ ทั้งสองมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถทำลายแผนการของศัตรูได้อย่างรวดเร็ว หากพวกเขาทำงานร่วมกันและสนับสนุนกันอย่างเต็มที่ ลู่เหรินเจ๋อ "ตอนนี้เราไม่สามารถถอยหลังได้แล้ว ทุกการเคลื่อนไหวของเราต้องเป็นการเคลื่อนไหวที่มุ่งมั่นเพื่อชัยชนะ" ซูหนิงเหยียน: "เราจะไม่ยอมให้ทุกสิ่งที่เรารักถูกทำลาย เราจะสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับราชวงศ์นี้" ทั้งสองมองไปข้างหน้า ด้วยความมั่นใจและความรักที่ไม่มีวันเสื่อมคลายเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความมุ่งมั่นที่ลู่เหรินเจ๋อและซูหนิงเหยียนได้พยายามกันมาเริ่มเห็นผล ความรักและการทำงานร่วมกันในครั้งนี้ได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับทั้งสองฝ่าย ทำให้พวกเขาเผชิญหน้ากับอุปสรรคและอันตรายต่างๆ ได้อย่างมั่นคงทั้งสองได้ร่วมมือกันหาวิธีป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จ

  • แม่หม้ายแฝดสาม   ความรัก

    ในห้องที่เงียบสงบของตำหนักหลังใหญ่แห่งนี้ ทั้งพระเอกและซูหนิงเหยียนนั่งอยู่ข้างกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดหลายวันมานี้ แม้ภายนอกจะดูสงบ แต่ทั้งสองคนรู้ดีว่าความจริงนั้นแฝงไปด้วยความซับซ้อนและอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา“ข้ารู้ดีว่าเรากำลังจะเผชิญกับอะไร...” องค์ชายเจ็ดกล่าวเสียงแหบต่ำ รู้สึกถึงน้ำหนักของคำพูดนั้นอย่างมาก ขณะที่สายตาของเขาจ้องไปยังนางเอกซูหญิงเหยียนมองกลับไปด้วยสายตาที่มุ่งมั่นและไม่หวั่นไหว “สิ่งที่เราเผชิญนั้นยากลำบากแน่นอน แต่เราก็ต้องยืนหยัดและเผชิญมันไปพร้อมกัน ข้าจะไม่ยอมให้สิ่งใดมาพรากสิ่งที่เรามีไป”คำพูดของซูหนิงเหยียนนั้นจริงจังและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มันเหมือนการบอกกับองค์ชายเจ็ดว่า นางพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่กำลังจะเกิดขึ้น แม้ว่าจะเป็นอันตรายแค่ไหน แต่เธอเชื่อมั่นว่า ถ้าทั้งสองคนร่วมมือกัน ก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะเอาชนะไม่ได้องค์ชายเจ็ดพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้มบางๆ “ข้าเองก็เช่นกัน ถ้าเราทำทุกอย่างไปด้วยกัน ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว”ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น เสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังขึ้นที่หน้าประตูห้อ

  • แม่หม้ายแฝดสาม   วางแผน

    ความมืดของค่ำคืนไม่สามารถหยุดยั้งความมุ่งมั่นของทั้งองค์ชายเจ็ดและซูหนิงเหยียนได้ ความจริงที่พวกเขาค้นพบในค่ายทหารทำให้พวกเขาตระหนักถึงความร้ายแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นในราชสำนัก พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงมือแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มขุนนางที่มีอำนาจและวางแผนลับเหล่านั้นระหว่างการเดินทางกลับที่ตำหนักหลวง องค์ชายเจ็ดหันไปมองซูหนิงเหยียนและกล่าวเสียงต่ำ “เราอาจต้องใช้วิธีที่ไม่เป็นทางการในการหาความจริง อาจจะต้องทำให้พวกขุนนางเหล่านั้นเชื่อว่าเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน”ซูหนิงเหยียนนิ่งเงียบก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงเรียบ “ข้ารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ข้าไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่อของการสมคบคิดนี้อีก”เมื่อกลับถึงตำหนัก หลายสิ่งที่พวกเขาต้องทำยังคงรออยู่ การเตรียมการเพื่อเข้าร่วมในวงการขุนนางนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย การได้รู้จักและชักชวนผู้อื่นให้ร่วมมือกับพวกเขาจะเป็นเรื่องที่ท้าทายมากองค์ชายเจ็ดจึงเริ่มพิจารณาแผนการที่จะต้องใช้ในการเข้าใกล้กลุ่มขุนนางเหล่านั้น ทันทีที่คิดได้ เขาก็ส่งสัญญาณให้ทหารผู้ไว้ใจและผู้ที่ทำงานในตำหนักมาร่วมช่วยกันสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มขุนนางในราชสำนัก“เราไม่สา

  • แม่หม้ายแฝดสาม   เงามืด

    ความมืดของคืนนี้ยังคงปกคลุมไปทั่วเมืองหลวง ขณะที่องค์ชายและนางเอกยืนอยู่ตรงหน้าฝ่าบาทที่ถูกลักพาตัวไป พวกเขาก็เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ความลับที่ซ่อนอยู่ภายในตำหนักและความเคลื่อนไหวของขุนนางที่ไม่ชัดเจนทำให้สถานการณ์ยิ่งทวีความซับซ้อนมากขึ้นฝ่าบาทที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ท่ามกลางความมืดพูดขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่แผ่วเบาและจริงจัง“ทุกอย่างมันซับซ้อนมากกว่าที่เจ้าทั้งสองคิด ความขัดแย้งในราชวงศ์นี้ไม่ได้เกิดจากคนภายนอก แต่มันมาจากภายใน เหล่าขุนนางบางกลุ่มกำลังวางแผนที่จะทำให้การปกครองของข้าอ่อนแอลง”องค์ชายมองไปที่ฝ่าบาทด้วยความตระหนัก เขารู้ว่าแผนการของศัตรูในราชวงศ์นั้นซับซ้อนยิ่งกว่าแค่การลักพาตัวฝ่าบาทเพียงอย่างเดียว“หมายความว่า...การลักพาตัวครั้งนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น?” พระเอกถามเสียงต่ำ พร้อมจับตามองฝ่าบาทด้วยท่าทีที่จริงจังฝ่าบาทพยักหน้า “ใช่ การลักพาตัวของข้าเป็นแค่การทดสอบความพร้อมของฝ่ายขุนนางบางกลุ่ม พวกเขากำลังจับตาดูข้าและคอยหาจังหวะที่ข้าอ่อนแอเพื่อลงมือทำบางอย่างที่ยิ่งใหญ่”ซูหนิงเหยียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฟังแล้วรู้สึกกังวลใจ เธอรู้ดีว่าการต่อสู้ทางการเมืองในรา

  • แม่หม้ายแฝดสาม   ศาลาใต้ดิน

    ลู่เหรินเจ๋อและซูหนิงเหยียนเดินมาถึงศาลาใต้ดินที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของตำหนัก ศาลานี้เป็นที่เก็บข้อมูลลับที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด โดยมีเพียงไม่กี่คนในราชวงศ์ที่รู้ว่ามันมีอยู่ ซูหนิงเหยียนหยิบคัมภีร์เก่าขึ้นมาเล่มหนึ่งที่พระเอกเพิ่งจัดการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเงามืดในราชวงศ์“หากเราไม่หาข้อมูลจากที่นี่ เราจะไม่สามารถรู้ทันศัตรูได้” บู่เหรินเจ๋อพูดขึ้นขณะที่นางเอกกำลังอ่านข้อความในคัมภีร์“เรื่องนี้มันซับซ้อนเกินไป... ข้าไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะหยุดแค่การโจมตีครั้งนี้” นางเอกกล่าวด้วยความกังวลในใจลู่เหรินเจ๋อหันมามองซูหนิงเหยียนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ข้ารู้ แต่ข้าคิดว่าเราควรตั้งรับและโจมตีพวกเขาก่อน พวกเขากำลังรวบรวมอำนาจในทุกๆ ด้าน หากเราช้าเกินไป เราจะถูกซ้อนเร้นและถูกทำลาย”ลู่เหรินเจ๋อมองไปยังแผนที่ที่วางอยู่บนโต๊ะ โดยมีสัญลักษณ์ของหน่วยต่างๆ ในราชวงศ์ที่พยายามวางแผนการคุมเมืองและเสริมอำนาจให้มากขึ้น“เราต้องกระชับทุกสิ่งในมือไว้ เราต้องรู้ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของพวกเขา” ลู่เหรินเจ๋อกล่าวต่อขณะที่พระเอกพูดอยู่นั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่มาจากทางด้า

  • แม่หม้ายแฝดสาม   สนใจ

    เสียงกรีดร้องจากด้านนอกทำให้นางเอกสะดุ้ง เธอไม่รอช้า รีบหยิบมีดครัวในมือเตรียมตัวรับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทันทีที่เธอก้าวออกจากครัวไป ก็เห็นเงาร่างของคนหลายคนวิ่งข้ามประตูเข้ามาในตำหนักของตน“มีคนบุกเข้ามา!” นางตะโกนออกไปอย่างรวดเร็วลู่เหรินเจ๋อที่ยืนอยู่ข้างนางก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะสั่งการให้บ่าวรับใช้จัดการกับการป้องกันรอบตำหนักอย่างเร่งด่วน "อย่าปล่อยให้ใครเข้ามาใกล้!"ทันทีที่คำสั่งถูกออกมา คนในตำหนักก็เริ่มกระจายไปยังจุดต่างๆ ของวังหลวงเพื่อปิดทางและป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้าถึงตัวซูหนิงเหยียนขณะที่เสียงดังอึกทึกจากการต่อสู้ดังขึ้น เสียงของลู่เหรินเจ๋อก็ดังตามมา "ห้ามทำร้ายใคร!" ลู่เหรินเจ๋อก้าวเข้ามาด้วยท่าทางมั่นคงและดวงตาแสดงออกถึงความตั้งใจที่จะปกป้องซูหนิงเหยียนอย่างสุดความสามารถศัตรูที่บุกเข้ามาคือกลุ่มผู้คนที่ได้รับการว่าจ้างจากพระสนมเหมยฮวาเพื่อทำลายความเชื่อถือของซูหนิงเหยียนและสร้างความสับสนให้กับคนในวังหลวง แต่เมื่อเห็นลู่เหรินเจ๋อเข้ามา ทุกคนก็ลังเลและหยุดชะงัก"พระองค์จะทำอะไร?" หนึ่งในคนร้ายถามด้วยเสียงที่สั่นลู่เหรอนเจ๋อยิ้มเย็น "ไม่ต้องถามคำถามที่รู้คำตอบ" เข

  • แม่หม้ายแฝดสาม   พวกมันมาแล้ว

    หลังจากการประชุมสิ้นสุดลง ลู่เหรินเจ๋อกลับมายังตำหนักของตน แต่ในหัวกลับคิดถึงคำพูดขององค์ชายใหญ่ไม่หยุด"พวกเราอาจใช้ใครสักคนเป็นหมากต่อรอง..."เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงใคร และมันทำให้เขาไม่อาจวางใจได้ด้านในโรงครัวซูหนิงเหยียนยังคงยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารเฉลิมฉลอง บรรยากาศภายในโรงครัวเต็มไปด้วยความคึกคัก แต่ในมุมหนึ่งของห้องกลับมีสายตาของใครบางคนจับจ้องนางอยู่"เจ้าคิดว่านางเป็นใครกันแน่?" เสียงกระซิบดังขึ้นจากเงามืด"ไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่หญิงธรรมดา""หากนางมีความสำคัญต่อองค์ชายเจ็ดจริงๆ เช่นนั้น...พวกเราต้องลงมือก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป"ตกดึกซูหนิงเหยียนพาเจ้าแฝดทั้งสามกลับไปยังตำหนักของตน พวกเขายังคงร่าเริงตามประสาเด็กๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของมารดา ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม"ท่านแม่...เป็นอะไรไปหรือไม่ขอรับ/เจ้าคะ?"ซูหนิงเหยียนยิ้มบางๆ พลางลูบศีรษะลูกๆ "ไม่มีอะไรหรอก เจ้าอย่ากังวลไปเลย"แต่ในใจนางกลับรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง สายตาที่จ้องมองมาเมื่อช่วงกลางวันทำให้นางไม่สบายใจคืนนั้นลู่เหรินเจ๋อมาถึงตำหนักของซูหนิงเหยียนโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า เมื่อเขามาถึง เห็นน

  • แม่หม้ายแฝดสาม   ด้านในท้องพระโรง

    การเผชิญหน้าของสองขั้วอำนาจคืนที่มืดมิด ภายในห้องลับของตำหนักที่ห่างไกลจากสายตาของผู้คน ลู่เหรินเจ๋อและซูหนิงเหยียนยืนอยู่ท่ามกลางสิ่งที่เหลือเชื่อ ทุกอย่างในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึม เสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เข้ามาใกล้ห้องทำให้พวกเขาต้องเงียบกริบ ความเงียบที่สามารถตัดสินชะตาชีวิตของทุกคนได้"ถ้าเราทำผิดพลาดในคืนนี้ เราจะต้องรับผลที่ตามมา" ลู่เหรินเจ๋อพูดเสียงต่ำ พร้อมสายตาที่มุ่งมั่นซูหนิงเหยียนพยักหน้ารับ รู้ดีว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้จะไม่ง่าย และมีความเสี่ยงที่พวกเขาต้องรับมือ แต่นี่คือโอกาสเดียวที่พวกเขาจะสามารถเปิดเผยความจริงได้ในขณะเดียวกัน ภายในห้องของพระสนมเหมยฮวา ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในราชสำนักทำให้เธอรู้สึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แม้เธอจะพยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องนี้ แต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีจากการติดตามข่าวสารได้"ถ้าพวกเขาเปิดเผยทุกสิ่งออกมา..." พระสนมเหมยฮวาบอกกับตัวเองอย่างเงียบๆ ความกังวลทวีขึ้นในใจแต่เธอรู้ดีว่าผลลัพธ์สุดท้ายของการเผชิญหน้าครั้งนี้จะเป็นการกำหนดอนาคตของราชสำนักคืนที่ต้องจบลงด้วยความจริงที่อาจทำให้ชีวิตทุกคนเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลกำลังใกล้เ

  • แม่หม้ายแฝดสาม   แผนซ้อนแผน

    แผนซ้อนแผนณ ท้องพระโรงบรรยากาศภายในท้องพระโรงตึงเครียดจนแทบไม่มีใครกล้าหายใจแรง ฮ่องเต้ทรงขมวดพระขนงแน่น พระพักตร์เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม"เหรินเจ๋อ... เจ้ากล้ายืนยันเช่นนั้นหรือ?"ลู่เหรินเจ๋อคุกเข่าลง "พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ข้ามั่นใจว่านางไม่มีวันคิดร้ายต่อราชวงศ์"เสียงกระซิบกระซาบของเหล่าขุนนางดังขึ้นทั่วห้อง บางคนเห็นด้วย บางคนยังเคลือบแคลงสงสัย"หากเจ้ายืนยันเช่นนั้น เช่นนั้นเราจะให้เจ้ารับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง" ฮ่องเต้ตรัสเสียงเย็น "เจ้ามีเวลาสามวัน หากหาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ คนที่ต้องรับโทษจะเป็นแม่ครัวของเจ้าเอง!""พ่ะย่ะค่ะ!"ลู่เหรินเจ๋อลุกขึ้น ประสานมือโค้งคำนับ ก่อนจะหันไปสบตานางเอกที่ยืนตัวแข็งอยู่อีกมุม นางกำหมัดแน่น ก่อนจะโค้งคำนับตอบด้วยสีหน้ามุ่งมั่นณ ตำหนักพระสนมเหมยฮวาพระสนมเหมยฮวาขว้างถ้วยน้ำชาลงกับพื้นจนแตกกระจาย"เจ้าเด็กนั่นกล้าท้าทายข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ!?"องค์ชายรองที่นั่งเงียบมาตลอดหัวเราะในลำคอ "เสด็จแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป""ร้อนใจหรือ!? หากลู่เหรินเจ๋อสืบจนเจอเบาะแส คนที่เดือดร้อนคือเรา!"องค์ชายรองเพียงแค่ยิ้มบาง "นั่นหมายความว่าเราต้องทำให้เขาสืบไม่ไ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status