Share

บทที่ 7

Penulis: อี้ซัวเยียนอวี่
คืนนี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่านางต้องถูกเอาเปรียบซักครั้ง เฟิ่งจิ่วเหยียนคาดการณ์เรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว

ที่จริงเมื่อเทียบกับโดนฮ่องเต้ทรราชนี่พรากคืนแรกไป ให้ทำเองยังนับว่าดีกว่ามากนัก

อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนถูกคนกดไว้ข้างล่าง

เฟิ่งจิ่วเหยียนฉีกผ้าจากชายกระโปรงออกมาชิ้นหนึ่ง นำมาปูรองไว้เป็นผ้าพรหมจรรย์[1]

หลังจากนั้นก็ใช้มือหนึ่งถลกกระโปรงขึ้นมา อีกข้างพลิกมือจับกริชนั้น

ถึงแม้นางตัดสินใจแล้วว่าจะทำ แต่ร่างกายยังคงต่อต้านโดยสัญชาตญาณ

นางปลอบใจตัวเอง คิดเสียว่าโดนแทงหนึ่งทีแล้วกัน

ตั้งแต่เล็กจนโตนางบาดเจ็บมาน้อยหรือไร?

จากนั้นนางก็เริ่มออกแรง...

เพียงชั่วพริบตานั้นเองพละกำลังสายหนึ่งพุ่งเข้ามาจับข้อมือนางเอาไว้แน่น

เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว

เซียวอวี้แย่งกริชในมือนางไปอีกครั้ง ครั้งนี้น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก

“ช่างเป็นสตรีที่โง่เสียจริง”

เคร้ง!

กริชถูกโยนออกไปนอกม่านเตียงอักษรมงคล

“เจ้าจะบริสุทธิ์หรือไม่ เราไม่แยแสแม้แต่น้อย”

“ในเมื่อเจ้ากล้าแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเป็นฮองเฮาให้ได้ เช่นนั้นก็อย่าแกล้งโง่ไปเลย”

“ดังเช่นที่เจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าเราอยู่ที่ตำหนักหลิงเซียว ยังจะกล้าบุกไปหาเรา”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกัดฟันกรอด

ที่แท้ยามนั้นเขาก็คิดว่านางทำเพื่อแย่งชิงความโปรดปราน ด้วยเหตุนี้จึงตั้งใจมาสั่งสอนเพื่อให้นางจดจำกฎระเบียบนี้ให้ดี

ดูท่าทีที่ยามนั้นบอกให้นางเตรียมร่วมบรรทม ก็เพื่อหลอกให้นางรอไปทั้งคืน

ช่างเป็นวิธีฆ่าคนไม่เห็นเลือดเสียจริง

แต่วิธีนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อใช้กับผู้ที่คิดอยากได้ความรักความโปรดปรานจากเขาเท่านั้น

เขาไม่คิดที่จะโปรดปรานนาง เรื่องนี้ตรงกับความต้องการของนางพอดี

เฟิ่งจิ่วเหยียนผูกสายรัดเอวกลับอย่างรวดเร็ว แล้วคุกเข่านั่งลงบนเตียง

สองมือรวบไว้ด้านหน้าลำตัว ก้มคำนับด้วยลักษณะท่าทางเคารพนบนอบตามแบบแผนของพระราชวัง

“ฝ่าบาท หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วเพคะ”

“หม่อมฉันจะไม่วางแผนเพื่อแย่งชิงความโปรดปรานจากฝ่าบาทอีกแล้วเพคะ”

“หวงกุ้ยเฟยคือคนในดวงใจของฝ่าบาท หม่อมฉันจะปฏิบัติต่อนางราวกับเป็นพี่น้องแท้ ๆ รักถนอมนางดังเช่นฝ่าบาทเพคะ”

เมื่อนางกล่าวจบ เขาก็ไม่ตั้งแง่กับนางต่อจริง ๆ

เขามองมาที่นางด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก “สกุลเฟิ่งช่างอบรมสั่งสอนฮองเฮามาดีเสียจริง”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบยากที่จะคาดเดาอารมณ์ จากนั้นเขาก็พลันลุกขึ้นเปิดม่านแล้วจากไป

หลังจากนั้นเหลียนซวงก็ถือโคมไฟวิ่งเข้ามาในตำหนักทันที

เมื่อมีแสงสว่างแล้ว สภาพภายในม่านก็กระจ่างชัดขึ้น

พระแท่นบรรทมยุ่งเหยิง เสื้อผ้าของฮองเฮาก็หลุดลุ่ยอยู่บ้าง บนพระศอยังมีรอยแดงจาง ๆ ......

นี่คือรูปการณ์หลังจากได้รับความโปรดปรานอย่างนั้นหรือ?

เหลียนซวงฉงนอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าที่จะสงสัย เหตุใดฮ่องเต้ทรราชจึงเสร็จกิจเร็วเช่นนี้ ในหนังสือที่ฮูหยินให้นางดูก่อนที่จะเข้าวังมาไม่ได้เขียนเช่นนี้นี่

“ฮองเฮา ให้ข้าน้อยปรนนิบัติท่านชำระกาย...”

“ไม่จำเป็น ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เท้าเปลือยเปล่าก้าวลงพื้น เก็บกริชบนพื้นเล่มนั้นขึ้นมา

เหลียนซวงตกตะลึง

ด้านหนึ่งตกตะลึงที่ฮ่องเต้และฮองเฮาไม่ได้เข้าหอร่วมกัน

อีกด้านหนึ่ง......

ฮองเฮาซ่อนกริชไว้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? เอาไว้ลอบสังหารหวงกุ้ยเฟยหรือ?

ฮ่องเต้ทรราชรู้เรื่องนี้หรือไม่?

การลอบสังหารที่นางคิดวางแผนอย่างรัดกุม ซ่อนเจตนามิดชิด หลอกให้ศัตรูตายใจ

การลอบสังหารที่นางเห็นจริง ออกไปตรวจสอบสถานการณ์ของศัตรูอย่างเปิดเผย แสดงกริชต่อหน้าฮ่องเต้......

ณ ห้องเครื่อง[2]

หมัวมัว[3] ผู้ดูแลแสดงสีหน้าไม่พอใจ

“เหตุใดยังไม่เรียกให้ยกน้ำไป? ฝ่าบาทเสด็จมาแล้วไม่ใช่หรือ!”

นางอดหลับอดนอนเสียเปล่าจริง ๆ พอรู้ว่าฮ่องเต้เสด็จมา นางก็รีบลุกจากเตียงขึ้นมาต้มน้ำด้วยตัวเอง เฝ้ารออยู่ที่ประตูห้องเครื่อง รมควันจนหน้าดำไปหมด

แล้วตอนนี้กลับมาบอกนางว่า โอกาสดีหลุดจากมือไปแล้ว?!

ในขณะเดียวกันนั้นเอง

ณ ตำหนักหลิงเซียว

หลิงเยี่ยนเอ๋อร์พลิกกายไปมาอย่างไม่อาจหลับตาลง

ตั้งแต่ฝ่าบาทออกไปจากตำหนักนาง ใจของนางก็ราวกับถูกแขวนเอาไว้ไม่อาจสงบใจลงได้

ในที่สุดสาวใช้ก็วิ่งเข้ามาบอกข่าวนาง

“พระสนม ทางฝั่งฮองเฮาไม่ได้เรียกให้ยกน้ำเข้าไปเพคะ!”

หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็แย้มยิ้ม ดวงตาที่งดงามหยาดเยิ้มเปล่งประกาย

“เปิ่นกง[4] รู้อยู่แล้วว่าฝ่าบาทไม่มีทางไปโปรดสตรีนางอื่นหรอก”

สาวใช้รู้สึกยินดีในโชคร้ายของฮองเฮา

“ฮองเฮาช่างน่าสงสารเสียจริง ได้ยินมาว่ารอฝ่าบาทอยู่นานเลยเพคะ คงคิดว่าคืนนี้จะได้ร่วมบรรทมเป็นแน่ ให้คนรีบเตรียมน้ำร้อนไว้ล่วงหน้า แต่สุดท้ายกลับไม่ได้ใช้เสียนี่”

ไม่เพียงแค่ตำหนักหลิงเซียวเท่านั้น สนมนางในแทบทุกคนล้วนรอดูเรื่องสนุกด้วยกันทั้งนั้น

เหล่าสนมนางในต่างก็ถอนหายใจ

......

วันต่อมา

ณ ตำหนักฉือหนิง

เมื่อไทเฮาได้ยินเรื่องเมื่อคืนวาน ร่องรอยที่หางตาและคิ้วก็ปรากฎ

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? ฝ่าบาทไปถึงที่แล้วฮองเฮากลับคว้าโอกาสไว้ไม่ได้?”

กุ้ยหมัวมัวทอดถอนใจ

“บางทีอาจจะเป็นที่เฟิ่งฮูหยินอบรมสอนสั่งมาไม่เพียงพอ ฮองเฮาไม่เข้าใจเรื่องราวในห้องหอไม่อาจรั้งฝ่าบาทเอาไว้ได้”

แววตาของไทเฮาหม่นลง

“เอาเถิด ไม่ต้องไปคิดแทนฝ่าบาท”

“เรื่องที่เขาเมินเฉยต่อสตรีอื่นในวังหลังเพื่อหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเสียหน่อย”

“เฟิ่งเวยเฉียงไม่มีสิ่งใดเหมือนหรงเฟยแม้แต่ครึ่งส่วน ย่อมไม่อยู่ในสายตาของเขา ข้าคาดเดาได้แต่แรกแล้ว”

ในวันที่สองของพิธีอภิเษกสมรส ฮ่องเต้และฮองเฮาจะต้องมาคารวะไทเฮา

แต่กลับมีเพียงฮองเฮาเท่านั้นที่มาถึงก่อน

ทุกคนในตำหนักฉือหนิงล้วนกระจ่างแจ้งอยู่ในใจ

หลายปีมานี้คนที่สามารถเชิญให้ฝ่าบาทเสด็จมาเป็นเพื่อนได้ ก็มีเพียงหวงกุ้ยเฟยแล้ว

เมื่อยามนั้นหลังจากที่หวงกุ้ยเฟยได้รับความโปรดปรานครั้งแรก ฝ่าบาทก็เป็นฝ่ายพานางมาคารวะไทเฮาเอง ความรักความโปรดปราน การสนับสนุนเชิดชูนี้ สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

ในความคิดของพวกเขา วันนี้ฮองเฮาจะต้องพ่ายแพ้สิ้นหวัง หมดสิ้นเกียรติยศเป็นแน่

แต่ทว่าหลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนมา ผู้คนในวังก็ล้วนตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง......

----------------------------------------------

[1] ผ้าที่ใช้รองเลือดในคืนแรกของหญิงพรหมจรรย์ เนื่องจากชาวจีนโบราณมีความเชื่อว่าคืนแรกของหญิงพรหมจรรย์จะมีเลือดไหลออกมา

[2] ห้องเครื่องในที่นี้ดูแลทั้งเรื่องอาหารและน้ำอาบ

[3] คำที่ใช้เรียกนางกำนัลอาวุโส มักเป็นผู้ดูแลหรือแม่นม

[4] สรรพนามแทนตนเองของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงที่มีตำหนักหรือที่พำนักเป็นของตนเอง เช่น ฮองเฮา หวงกุ้ยเฟย
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (6)
goodnovel comment avatar
Joom
This novel reflects the king and his women.
goodnovel comment avatar
Suchart Damthong
ฮ่องเต้ทรราชนี่เหี้ยจริงๆ อยากให้มันโดนนางเอกฆ่าซะจริงๆ
goodnovel comment avatar
29 เมษา Mesa
พระเอกเหี้ยมาก หรือไม่ใช่พระเอก ก็ดีนะ
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 8

    เฟิ่งจิ่วเหยียนดูไม่เหมือนพระมเหสีที่ถูกพระสวามีทอดทิ้งอย่างเย็นชาแม้แต่น้อย นางสวมชุดอย่างฮองเฮา แลดูสูงศักดิ์ดั่งพญาหงส์ที่เดินดินนัยน์ตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่ง ม่านตาสีอ่อนเผยให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ที่มิอาจเอื้อมราวกับหยกผิวพรรณของนางหาได้ซีดขาวอมโรคเหมือนดังที่สตรีในเมืองหลวงนิยมกันไม่ แต่เป็นผิวที่อิ่มเอิบและเปล่งปลั่งดังกลีบกุหลาบรูปลักษณ์งดงามแฝงด้วยความสูงศักดิ์น่าเกรงขาม งามล้ำดั่งเทพธิดาในวังจันทราเหล่าผู้คนในวังหลังล้วนคุ้นเคยกับการเห็นสนมนางในที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับหรงเฟยดี พอวันนี้ได้พบกับความงามพิลาสล้ำของฮองเฮาก็ตาลุกวาวราวกับจะเปล่งแสงได้ไม่เสียทีที่เป็นหญิงงามผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในเมืองหลวง รูปโฉมงดงามล่มเมืองเช่นนี้ หาใช่ปุถุชนคนธรรมดาจะเทียบเคียงได้ตั้งแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าสู่ยุทธภพเพียงลำพัง นางก็ใช้ชีวิตแปลงโฉมหน้ามาโดยตลอดสำหรับนางแล้วหน้าตาที่งดงามคือภาระ โดยเฉพาะในค่ายทหารอาจารย์หญิงมักบอกว่าใบหน้างามนี้ของนางช่างเสียเปล่ายิ่งนัก วัน ๆ ล้วนแต่ถูกนางใช้อย่างส่งเดชเหลียนซวงที่เดินติดตามอยู่ด้านหลังฮองเฮาก็พลันรู้สึกมีหน้ามีตาไปด้วยเมื่อเดินจนถึง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 9

    รุ่ยอ๋องไม่อาจทำใจได้จึงเอ่ยปากโน้มน้าว“ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ ออกจะโหดร้ายต่อฮองเฮาไปซักหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”ทว่าเซียวอวี้กลับสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้เพียงภาพแผ่นหลังอันน่าเกรงขามที่ยากจะต่อกรได้สายลมพัดโชยโบกสะบัดเสื้อของบุรุษผู้นี้ เขาย่างก้าวเดินลงบันได สายตาทอดมองไปไกลโพ้น กวาดตามองทัศนียภาพของอุทยานหลวงและสนามม้าหลวงไว้ในสายตา รวมทั้งภาพของสตรีที่ขี่ม้าอยู่เมื่อครู่นี้ด้วยภาพเงาร่างของหญิงสาวที่ขี่ม้าในความทรงจำ ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้......เพราะได้รับความตื่นตระหนก ไทเฮาจึงเสด็จกลับตำหนักฉือหนิงก่อนเฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็กลับตำหนักหย่งเหอของตนตามกฎระเบียบแล้วฮองเฮายังต้องรับการคารวะจากเหล่าสนมนางในแต่สนมนางในที่มาถึงก่อนแล้วกลับมีเพียงน้อยนิด ส่วนใหญ่หากไม่อ้างว่าป่วย ก็อ้างว่ายุ่งกับภารกิจในตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็ไม่มีใจจะมานั่งเสแสร้งรับหน้าพวกนาง จึงส่งพวกนางไม่กี่คนที่มาให้กลับไปเสียผ่านไปไม่นานก็มีคนมาถ่ายทอดคำพูดของฮ่องเต้“ฮองเฮา ฝ่าบาทได้ทรงทราบถึงคุณงามความดีที่เมื่อเช้าพระองค์ได้ทรงช่วยไทเฮาเอาไว้แล้ว ทรงพระราชทานหยกสมปรารถนาให้คู่หนึ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 10

    ดูเหมือนว่ารุ่ยอ๋องจะเพิ่งออกมาจากตำหนักฉือหนิง เขาก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วคารวะเฟิ่งจิ่วเหยียน“น้องชายขอคารวะพี่สะใภ้”การที่เขาเรียกนางเป็นพี่สะใภ้ไม่ใช่ฮองเฮา แสดงให้เห็นว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮ่องเต้เหลียนซวงที่ชำเลืองมองรุ่ยอ๋องตกอยู่ในภวังค์รุ่ยอ๋องช่างรูปงามเสียจริง! หน้าตาสะอาดสะอ้าน บุคลิกมารยาทงามสง่า ลักษณะเช่นนี้ดีกว่าฮ่องเต้ทรราชที่เอาแต่ฆ่าคนตั้งมากหากผู้ที่คุณหนูแต่งด้วยคือ...เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เหลียนซวงก็รีบหยุดความคิดที่ไร้สาระนี้ทันทีกฎระเบียบในวังเคร่งครัดยิ่งนัก ไม่อาจเทียบกับในค่ายทหารที่สามารถพูดคุยกับบุรุษอย่างไรก็ได้เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะจากไป รุ่ยอ๋องพลันเอ่ยปากแสดงความเป็นห่วงออกมา“การประหารเมื่อวานนี้พี่สะใภ้ได้รับความตระหนกหรือไม่? ”เฟิ่งจิ่วเหยียนที่จดจ่ออยู่กับความคิดตอบกลับอย่างกลัวพิกุลจะร่วงว่า “ไม่”“เมื่อวานยามที่พี่สะใภ้ปราบพยศม้าตัวนั้น ข้าบังเอิญเห็นเข้าพอดี ท่านฝีมือดียิ่ง ที่จริงแล้วฝ่าบาททรงโปรดสตรีที่มีทักษะการขี่ม้า พี่สะใภ้เริ่มต้นจากเรื่องนี้ดู บางทีอาจจะได้รับความโปรดปราน”น้ำเสียงของรุ่ยอ๋องอ่อนโยนนุ่มนวลราวก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 11

    น้ำกระเซ็นตามจังหวะคนที่ถูกยกขึ้น จนเกิดเป็นคลื่นกระเพื่อมไหวเฟิ่งจิ่วเหยียนใช้มือทั้งสองข้างปิดร่างกายส่วนหน้าไว้ทันทีทว่าด้านหลังของนาง กลับเปิดเปลือยไปทั้งกายร่างกายไม่ได้อ้อนแอ้นเกินเหตุ สายตาของเซียวอวี้ทอดมองไปยังบริเวณบั้นเอวของเฟิ่งจิ่วเหยียนบั้นเอวของนางไม่มีรอยช้ำใด ๆ จากฝ่ามือซ้ำยังเกลี้ยงเกลา และแน่นกระชับคิ้วคมของเซียวอวี้มุ่นเข้าหากัน ม่านตาทอแววเยือกเย็นไม่เลือนหายฝ่ามือของเฟิ่งจิ่วเหยียนร้อนผ่าว บริเวณหน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาเต็มเมื่อครู่เพราะความฉุกละหุก นางจึงใช้ลมปราณสลายเลือดคลั่งแต่เนื่องจากเป็นระยะเวลาสั้น ๆ จึงเสียพลังภายในไปไม่น้อยในตอนนี้นางจึงอ่อนแรงแต่ฮองเต้ทรราชไม่ล้มเลิกความสงสัยที่มีง่าย ๆวินาทีต่อมา เขาก็รวบเอวของนางด้วยฝ่ามืออันใหญ่ นิ้วโป้งทาบลงตรงบั้นเอวของนาง แล้วออกแรงกด...“อื้อ!” เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกเจ็บแปล๊บถึงขั้วกระดูก จึงส่งเสียงอื้ออึงในลำคอออกมาอย่างอดไม่ได้ต่อมานางก็ไม่กล้าแสดงอาการอะไรออกมา เพียงอดกลั้นไว้ชายหนุ่มด้านหลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ“บาดเจ็บที่เอวหรือ?” นางส่ายหน้า “เปล่า เหตุใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 12

    ณ ห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้กำลังตรวจตราราชสารอยู่พลันหยุดชะงัก นัยน์ตาทอแววเยือกเย็น“นางอยากได้ตราประทับทอง?”ขันทีผู้มากราบทูลพลันสะอึก“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท พระนางเสด็จมาขอเข้าเฝ้าอยู่นอกตำหนัก เพื่อตราประทับทอง”แต่ว่าตราประทับทองอยู่กับหวงกุ้ยเฟยเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าฮองเฮาตั้งใจจะหาเรื่องหรอกหรือ!เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นมาตามหน้าผากของขันที เพราะกลัวว่าตนเองจะถูกฝ่าบาทบันดาลโทสะใส่บนม่านกั้นหลังบัลลังก์มังกร สะท้อนเกิดเป็นร่างเงาใบหน้าของเซียวอวี้เลือนราง ดวงตาคู่เรียวยาวดุจเหยี่ยว ทอแววคมกริบอันตราย“ไปบอกนาง หากยังไม่เจียมตัวเช่นนี้ต่อไป เราจะปลดนางลงจากฮองเฮาเสีย”“บ่าวน้อมรับคำบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”……บริเวณนอกห้องทรงพระอักษรสายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเรียบนิ่ง  ไม่โกรธไม่ยินดี ราวกับละทางโลกไปแล้วยามที่ขันทีตรงหน้าบอกกล่าวคำตรัสของฮ่องเต้เสร็จ จึงโน้มน้าวนางเสริม “ฮองเฮา เชิญท่านกลับไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ“หวงกุ้ยเฟยเป็นผู้ใช้ตราประทับทองมาโดยตลอด ฝ่าบาทมิอาจยึดคืนกลับมาจากนางได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ“นอกเสียจากว่าหวงกุ้ยเฟยไม่ต้องการมันแล้ว”เหลียนซวงได้ยินถ้อยคำนี้ พลันโมโหโทโสแ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 13

    ณ ตำหนักหลิงเซียว หวงกุ้ยเฟยกำลังเจ็บปวดทรมาณเพราะอาการปวดหัวภายในตำหนัก หมอหลวงกำลังฝังเข็มคลายอาการให้นางบนเก้าอี้พระที่นั่งทำจากไม้จันทร์แดงนอกตำหนัก มีจักรพรรดิผู้ทรงอำนาจ นั่งขมวดคิ้วอยู่บนนั้น“คนที่ส่งไปตำหนักหย่งเหอล่ะ!”สิ้นคำพูดเพียงเสี้ยววิ  ข้าหลวงผู้นั้นก็พรวดพราดเข้ามาอย่างลุ้มลุกคลุกคลาน“ฝ่าบาท! ฮองเฮาทรงตรัสว่า ยานั้นเหลืออยู่ไม่มาก ไม่สามารถให้ได้…”ดวงตาของเซียวอวี้ทอแววคมกริบ ราวใบมีด ให้ความรู้สึกเหมือนความตายมารออยู่ข้างหลัง“ไปเรียกฮองเฮามา!”เมื่อจักรพรรดิพิโรธ ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าชักช้าไม่นานหลังจากนั้น ข้าหลวงและขันทีที่ถูกส่งไปครั้งที่สองก็กลับมาขันทีคุกเข้าบนพื้นทูลรายงานอย่างกระอึกกระอัก“ฝ่าบาท พระนาง…ทรงพักผ่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เพล้ง!เซียวอวี้สะบัดชายเสื้อ ปัดแก้วชาบนโต๊ะแตกกระจายเขาผุดตัวลุกขึ้น กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น“เตรียมขบวนรถม้าไปที่ตำหนักหย่งเหอ”ส่วนด้านในตำหนัก หวงกุ้ยเฟยเจ็บปวดแทบเป็นแทบตาย พร่ำร้องเรียกหา “ฝ่าบาท” ไม่หยุดก่อนที่ฮ่องเต้จะเสด็จก็กลับเข้ามาในตำหนัก แล้วปลอบโยนนาง“สนมรักอดทนไว้นะ เราจะกลับมาในอีกไม่ช้า”ฮ่อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 14

    ณ ตำหนักฉือหนิงไทเฮาดูใจดีมีเมตตา  ทว่าทุกคำที่เอื้อนเอ่ยออกมากลับมีแบบแผนเป็นขั้นเป็นตอน“ฮองเฮา ตอนนี้เจ้าถือครองตราประทับทองอยู่ในมือ ไม่ว่าจะจัดการเรื่องอันใดในวังหลัง ก็คงสะดวกยิ่งขึ้น“อาทิเช่นรายชื่อของนางสนมอุ่นเตียง คงถึงเวลาจัดการให้เป็นระบบระเบียบแล้ว“กลุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เหล่านางสนมที่เข้าวังมาเนิ่นนานแล้วคงมิอาจรีรอได้อีกต่อไป“โดยเฉพาะ ‘คนเก่า ๆ’ เฉกเช่นเสียนเฟยและหนิงเฟย อย่าได้ปล่อยให้พวกนางเหน็บหนาวหัวใจเชียว“หากเจ้าทำให้ฝ่าบาทมอบความเมตตาแก่ทุกคนอย่างทั่วถึง นางสนมเหล่านั้นจักเคารพเจ้าเป็นแน่ และจะเชื่อฟังเจ้าแต่เพียงผู้เดียว“เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จะสามารถควบคุมวังหลังได้ง่ายกว่าเดิม…”เฟิ่งจิ่วเหยียนผงกหัวตอบรับ“เสด็จแม่พูดถูกเพคะ“คราที่หม่อมฉันยังอยู่ในจวน ก็ได้ฟังท่านแม่พร่ำสอนอยู่บ่อยครั้ง หากภายในเรือนสงบสุข ประมุขย่อมจัดการเรื่องภายนอกได้อย่างสบายใจ นี่คือหลักการเป็นภรรยา”ไทเฮาพยักหน้าอย่างปลื้มใจ“ในเมื่อฮองเฮาทราบถึงหลักการนี้ ข้าก็สบายใจ”เมื่อออกมาจากตำหนักฉือหนิง เหลียนซวงก็รีบกล่าวเตือนเฟิ่งจิ่วเหยียน“พระนาง ไทเฮ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 15

    ไทเฮาถามข้าหลวงที่มาทูลรายงาน “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น? ไฉนอยู่ดี ๆ ถึงทะเลาะกันขึ้นมาล่ะ? ใครเป็นคนเริ่ม?”ข้าหลวงผู้นั้นตอบกลับ“พระสนมทั้งหลาย…พวกนาง พวกนางไม่พอใจหนิงเฟย เริ่มแรกเพียงทะเลาะกันด้วยฝีปากเท่านั้น ทว่าต่อมาก็เริ่มลงไม้ลงมือ หนิงเฟยถูกล้อมไว้หลายคน ไร้เรี่ยวแรงเอาคืน…” “เป็นเช่นนี้หรือ!” เมื่อครู่ไทเฮายังนิ่งดูดาย แต่พอได้ยินว่าหลานสาวของตนเสียเปรียบ พลันกังวลขึ้นมาทันที“ฮองเฮาล่ะ! หรือว่าฮองเฮาแค่ดูเฉย ๆ!”……ตำหนักหย่งเหอหนิงเฟยผู้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ไหนเลยจะเคยถูกกระทำเช่นนี้ตั้งแต่ที่เข้าวังมา ฝ่าบาทไม่เคยเอ็นดูเมตตานาง ปล่อยให้คนที่เคยงดงามในวัยเยาว์เช่นนางกลายเป็นสตรีทึนทึกตอนนี้ไม่ว่าผู้ใดต่างก็กล้าเหยียบย่ำนาง ว่านางไม่คู่ควรกับตำแหน่ง ดีแต่พึ่งพาบารมีผู้เป็นป้านางจึงทนไม่ไหวเป็นธรรมดาส่วนใครเป็นคนลงไม้ลงมือ นางไม่รู้จริง ๆรู้แค่ว่าจู่ ๆ ก็มีเสียงคนกรีดร้อง จากนั้นก็มีคนมาล้อมนางไว้โดยพลันบ้างดึงผมนาง บ้างกระชากอาภรณ์ของนาง ถึงขั้นมีคนถุยน้ำลายใส่นางด้วยซ้ำ!!!หนิงเฟยจึงแทบเสียสติเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นภาพนี้ สีหน้าพลันเคร่งขรึมตอนที

Bab terbaru

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1070

    เคล็ดวิชาพลังจิตภายในและกระบวนท่าของแต่ละสำนัก ล้วนแตกต่างกัน บางท่าถึงขั้นมองออกได้ทันทีถึงอย่างไรก็ตาม เซียวอวี้ไม่เคยเรียนวิชากระบี่ของสำนักเฉวียนเจิน การที่คนอื่นมองเห็นความแตกต่าง ย่อมเป็นเรื่องที่แน่นอนเหลิ่งเซียนเอ๋อร์นั่งอยู่ประจำที่ แววตาเยือกเย็นราวกับน้ำค้างแข็ง“หลังจากการสู้รบครั้งใหญ่ แต่ละสำนักต่างก็รับศิษย์ใหม่เข้ามา เพื่อซึมซับจุดเด่นของแต่ละสำนัก จะได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับสำนักตนเอง“ในเมื่อหย่ากูเข้ามาในสำนักเฉวียนเจิน ก็เท่ากับเป็นคนของสำนักเฉวียนเจิน“เจ้าสำนักชิว สำนักอวิ๋นซานไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”คำพูดของนางฟังดูสมเหตุสมผลชิวเฮ่อมีสีหน้าเคร่งขรึม พลางตักเตือนศิษย์ผู้นั้น“แพ้ก็คือแพ้ ยังไม่ถอยออกไปอีก!”เซียวอวี้ยังคงยืนอยู่บนเวทีประลอง รอคู่ต่อสู้คนที่สองของเขาเหลิ่งเซียนเอ๋อร์สีหน้าดูเรียบเฉย ในสายตามีแต่เงาของเซียวอวี้นางรู้สึกคลับคล้ายว่า คนผู้นี้เหมือนไม่ใช่สตรี......เซียวอวี้เป็นศิษย์ของหวูหยาซาน--- เสวียนหลิงเฟิงเขาหาใช่วางท่าดูดีแต่ภายนอกไม่หลังจากเข้าสู่สนาม เขาก็ชนะคู่ต่อสู้ติดต่อกันถึงห้าคนมิหนำซ้ำยังช

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1069

    เฟิ่งจิ่วเหยียนพิจารณากระดูกมนุษย์นั้นอย่างละเอียด ในแววตาฉายแววความเยือกเย็นถึงแม้ไฟจะลุกไหม้อย่างแรง ทว่าคนมาช่วยดับไฟก็มีมากเพียงเวลาไม่นาน ไฟก็ดับลงอย่างช้า ๆทว่าก็มีเพียงไฟตรงเรือนด้านตะวันออกที่ดับลงอย่างรวดเร็วส่วนที่อื่น ๆ บางแห่งความแรงของไฟไม่อาจควบคุมได้ จนเผาวอดทั้งเรือนลูกศิษย์วิ่งไปที่งานชุมนุมประลองยุทธ์ และรายงานสถานการณ์ไฟไหม้ให้เจ้าสำนักทราบเจ้าสำนักชิวเฮ่อเข้าใจภาพรวมทั้งหมด แววตาที่คมกริบ เผยให้เห็นความเฉียบคม“เรือนด้านตะวันออกเป็นอย่างไร”“เรียนเจ้าสำนัก ไฟที่เรือนด้านตะวันออกดับแล้วขอรับ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชิวเฮ่อจึงถอนหายใจเบา ๆ“เฝ้าระวังที่เรือนด้านตะวันออกอย่างเข้มงวดต่อไป ของที่อยู่ภายใน อย่าให้สูญหายแม้แต่ชิ้นเดียว”“ทราบแล้วขอรับ เจ้าสำนัก!”ในเวลาเดียวกัน ที่สนามประลองยุทธ์ ผลแพ้ชนะก็ตัดสินแล้วการประลองยุทธ์มาถึงตอนนี้ สำนักอวิ๋นซานก็ชนะไปอีกหนึ่งรอบ มีชัยชนะรวมทั้งหมดแปดครั้ง เรียกได้ว่าไม่อาจต้านทานได้ชิวเฮ่อพยักหน้าอย่างพึงพอใจศิษย์ในสำนักพวกเขา ยอดฝีมือนับไม่ถ้วน สำนักเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นจะชนะได้อย่างไร?สำนักอสนีบาตกลับแ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1068

    อู๋ไป๋สงสัยยิ่งนัก จุดไฟในตอนนี้เพื่ออะไร? จะยิ่งไม่ง่ายต่อการถูกเปิดเผยหรอกหรือ?ทว่าเขาติดตามเฟิ่งจิ่วเหยียนมานานหลายปี สักครู่เดียวก็เข้าใจในทันที“นายท่าน ท่านจะลองโยนหินถามทาง?”การจุดไฟตามที่ต่าง ๆ สถานที่ที่สำคัญที่สุด จักต้องได้รับการช่วยเหลือมากที่สุดทำเช่นนี้พวกเขาก็พอจะมีทิศทางคร่าว ๆ รู้ว่าควรจะไปค้นหาที่ใดในขณะเดียวกัน ที่สนามประลองยุทธ์“สำนักกระบี่เทพชนะ!”“สำนักกระบี่เทพชนะเป็นครั้งที่สอง!”สำนักกระบี่เทพในฐานะสำนักดาวรุ่ง ได้ชนะติดต่อกันสองรอบเซียวอวี้นั่งอยู่นิ่ง ๆ ในตำแหน่งที่นั่ง ไม่ขยับเขยื้อนราวกับขุนเขาถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ไม่สามารถลงสนามได้ มิเช่นนั้นการประลองยุทธ์ก็จะสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว นั่นจะไม่สามารถช่วยให้จิ่วเหยียนกับพวกเขามีเวลามากขึ้นหลังจากสำนักกระบี่เทพชนะไปแล้วสามรอบ หลายสำนักเริ่มนั่งไม่ติดที่แล้วสำนักเฟยเสวี่ยซานจึงส่งคนออกมาท้าประลองต่อ และคว้าชัยชนะมาได้หนึ่งรอบอย่างยากลำบากคู่ต่อสู้คนต่อไปของเขา ก็คือศิษย์สำนักอวิ๋นซานเจ้าสำนักชิวเฮ่อไม่ได้กังวลว่าจะแพ้แม้แต่น้อย เขากลับสนใจ โจรที่พยายามบุกเข้าไปในห้องของเขาป้องกันทุกวิถี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1067

    วันนี้เป็นวันงานชุมนุมประลองยุทธ์ บรรดาศิษย์ของสำนักอวิ๋นซานต่างยุ่งอยู่กับงานภายในห้องครัว บรรดาศิษย์กำลังเตรียมอาหารมื้อเที่ยง“พวกเจ้ามีใครเห็นขาหมูของข้าบ้าง? ขาหมูที่ข้าเพิ่งจะนึ่งเสร็จ วางอยู่บนเตา เหตุใดจึงไม่เห็นแล้ว?” ศิษย์ผู้หนึ่งในนั้นค้นหาขาหมูที่หายไป ในใจเริ่มกระวนกระวาย คนอื่นไม่สนใจเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตน ต่างกำลังยุ่งอยู่กับงานในมือของตนเอง“เจ้าคงจะวางไว้ที่อื่นแล้วเป็นแน่!”“มักจะหลงลืมอยู่บ่อย ๆ...”“บางทีอาจจะมีคนยกไปที่ห้องโถงด้านหน้าแล้ว”ภายนอกห้องครัว ใต้ฐานกำแพงห่างไปไม่ไกลนัก เลี่ยอู๋ซินกำลังถือขาหมู และแทะกินมันจนเหลือแต่กระดูก จากนั้นก็โยนให้สุนัขเฝ้ายามตรงลานกว้างสุนัขเฝ้ายามคาบกระดูกและวิ่งไปไกล ส่วนเลี่ยอู๋ซินก็กระโดดข้ามกำแพงเข้าไปเมื่อลงถึงพื้น เขาใช้มือทั้งจับทั้งดึงต้นหญ้า เพื่อเช็ดคราบมันออกจากมือ ขณะเดียวกัน ก็มองสำรวจโดยรอบอย่างระแวดระวังที่นี่เป็นที่พักของศิษย์ขั้นสูงสำนักอวิ๋นซาน หากเดินเข้าไปอีก ก็จะเป็นห้องเจ้าสำนักขณะที่เขาเพิ่งจะเดินไปไม่กี่ก้าว ก็มีคนเดินผ่านมาเขาไม่มีที่หลบ จึงกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้นึกไม่ถึงว่า บนต้นไม้ก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1066

    ก่อนที่งานชุมนุมประลองยุทธ์จะเริ่มขึ้น รองเจ้าสำนักอวิ๋นซานก็เดินขึ้นไปบนเวที“สำนักอวิ๋นซานยินดีต้อนรับเหล่าวีรบุรุษผู้กล้าทุกท่าน งานชุมนุมประลองยุทธ์ที่จัดขึ้นหนึ่งครั้งต่อหนึ่งปี จะมีการคัดเลือดเจ้ายุทธจักรแห่งอู่หลิน เพื่อสร้างยุทธภพให้ยิ่งใหญ่ ภายใต้การนำของผู้แข็งแกร่ง”“ทุกท่าน ก่อนที่การประลองจะเริ่มขึ้น ข้าขอพูดอะไรอีกสักหน่อย“กฎในการประลองครั้งนี้ พวกท่านน่าจะเข้าใจกันดี“ก่อนเริ่มประลอง สำนักไหนคว้าชัยชนะได้ถึงสิบห้าครั้งก่อน ถือว่าชนะการประลอง“แม้นจะกล่าวว่านักบุ๋นไร้ที่หนึ่ง นักบู๊มีได้เพียงผู้เดียวในใต้หล้า แต่การประลองในวันนี้ ให้สิ้นสุดเมื่อมีการสัมผัสตัว ห้ามให้ถึงแก่ชีวิต หากเพื่อแย่งชิงที่หนึ่ง ทำให้คนร่วมยุทธภพต้องตาย ถึงจะชนะ ก็เอาชนะใจผู้คนไม่ได้”“พูดได้ถูกต้อง!” คนข้างล่างส่งเสียงเห็นด้วยรองเจ้าสำนักผู้นั้นมองผู้คนโดยรอบ พูดอีกว่า“หากทุกท่านไม่มีเรื่องจะถามแล้ว เช่นนั้น การประลองในครั้งนี้ ก็จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!”คนที่นั่ง ณ ตำแหน่งหลัก คือเจ้าสำนักอวิ๋นซาน——ชิวเฮ่อรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผากของเขาเหมือนหุบเหว ดูแก่ชราอย่างมาก แต่ยังดูคล่องแคล่ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1065

    เฟิ่งจิ่วเหยียนเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่แรก ใบหน้าภายใต้หน้ากาก นางก็ทำการแปลงโฉมมาก่อนแล้วหลังจากที่ถอดหน้ากากออก นางก็เงยหน้าอย่างผ่าเผย แววตาเด็ดเดี่ยวทรงพลัง“เจ้าทำอะไรน่ะ!” ศิษย์ในสำนักเฉวียนเจินผู้หนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ผลักลูกศิษย์สำนักอวิ๋นซานที่เข้ามาเกาะแกะตัวเองออกไปอีกฝ่ายหลงคิดไปเอง“ข้าต่างหากที่ต้องถามว่าเจ้าทำอะไร! หลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจค้นร่างกาย ดูก็รู้แล้วว่ามีพิรุธ!”“ข้าหลบซ่อนอย่างไร? เห็น ๆ กันอยู่ว่า เจ้าฉวยโอกาสลูบคลำข้า…” ศิษย์สำนักเสวียนเจินผู้นั้นโต้แย้งสุดกำลังคนจากสำนักอวิ๋นซานรีบโต้แย้งนาง“ไร้สาระ! พวกข้าตรวจค้นร่างกายอย่างถูกต้อง เจ้านั่นแหละที่คิดไม่ซื่อเอง!”คนจากสำนักอื่นที่ยืนอยู่รอบ ๆ ต่างทยอยหันมามองพวกนาง เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“สตรีจากสำนักเฉวียนเจิน แต่ละคนต่างจงใจใส่ชุดมาเช่นนี้ เบื้องหน้าดูสะอาดบริสุทธ์ แต่ลึก ๆ คงคาดหวังให้ชายหนุ่มลูบคลำเป็นแน่!”“นั่นสิ ก็แค่ตรวจค้นร่างกายธรรมดา พวกนางสะบัดสะบิ้งไปเอง แถมยังคิดว่าผู้ชายต่างชอบพวกนางอีก!​ เหอะ!”“ในยุทธภพแห่งนี้ มีใครสนใจความแตกต่างระหว่างชายหญิงที่ไหน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1064

    ความผิดปกติของเหล่าข้าราชการเจียงโจว ไปถึงหูสำนักอวิ๋นซานอย่างรวดเร็วภายในห้องโถงหลักสำนักอวิ๋นซานเจ้าสำนักกับเหล่าผู้อาวุโสกำลังร่วมประชุมพวกเขาแต่ละคนล้วนหนักใจ คิ้วขมวดแน่นไม่คลายหนึ่งในนั้นมองมาที่เจ้าสำนัก พูดเสียงเบาในลำคอ“เจ้าสำนัก ต้องรีบตัดสินใจเร็ว ๆ นะ ดูท่าแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากที่ฮ่องเต้จะมาที่เจียงโจว”“ใช่! ข้าก็ได้ข่าวมาเช่นนี้ พ่อตาของไอ้เด็กฮ่องเต้ ช่วงนี้เคลื่อนไหวบ่อยมาก ฮ่องเต้ต้องอยู่ที่เจียงโจวเป็นแน่!”เจ้าสำนักอวิ๋นซานหนวดเคราหงอกขาว อายุราว ๆ หกสิบปีนัยน์ตาของเขาเจือไปด้วยแววเย็นชาเล็กน้อย“ทางหมู่บ้านจู๋ซาน ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”มีคนตอบกลับ “จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวส่งกลับมา คาดว่านักฆ่าน่าจะทำไม่สำเร็จ”“ยังต้องเดาอีกหรือ? ต้องไม่สำเร็จอยู่แล้วสิ! ไม่เพียงล้มเหลว ยังมีคนทรยศสำนักอวิ๋นซานอีกด้วย! ไม่เช่นนั้น ไอ้เด็กฮ่องเต้นั่นจะมาที่เจียงโจวได้อย่างไร? ต้องพุ่งเป้ามาที่สำนักอวิ๋นซานเป็นแน่!”ทุกคนทั้งกังวลและหนักใจ หันไปมองเจ้าสำนักโดยไม่ได้นัดหมายเจ้าสำนักลูบเครา ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก็เอ่ยพูดอย่างไม่รีบร้อน“ส่งศิษย์กลุ่มหนึ่งไปสืบข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1063

    หลังจากเข้ามาในห้อง เซียวอวี้ก็เอ่ยในที่สุดเขาไม่เป็นวิชาการเปลี่ยนน้ำเสียง อดกลั้นจนทนไม่ไหว“รองเจ้าสำนักผู้นั้น เหมือนจะยังไม่ตัดใจจากเจ้า” เขาดื่มชาเข้าไปเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้คิดมากเรื่องความรักใคร่ของหญิงสาวสิ่งที่นางสนใจมากกว่า คืองานชุมนุมประลองยุทธ์ในอีกสองวันหากชนะงานชุมนุมประลองยุทธ์ ก็จะสามารถตัดกำลังของสำนักอวิ๋นซานให้อ่อนลงได้ เช่นนี้ก็จะปลอดภัย“คิดอะไรอยู่?” เซียวอวี้เห็นนางเหม่อลอย จึงยื่นมือออกไปโบกข้างหน้านางเฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวเสียงเข้ม“ข้ากำลังคิด ว่าศักยภาพของสำนักอวิ๋นซานเป็นเช่นไร โอกาสชนะงานชุมนุมประลองยุทธ์มีเท่าไร”เซียวอวี้ยกมือขึ้นโอบเอวนางไว้เบา ๆ ถูไถจอนหูของนาง พูดเสียงเบาว่า “ข้าเชื่อว่า เราต้องชนะแน่นอน แต่ข้ามีคำถาม จำเป็นต้องอยู่ในสำนักเฉวียนเจินตลอดเลยหรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“เหลืออีกแค่สองวัน อีกไม่นานหรอก จะได้ไม่ต้องไป ๆ กลับ ๆ จนถูกคนจับตามอง”เซียวอวี้ถอนหายใจ“เราเป็นถึงฮ่องเต้ แต่ต้องมาแต่งตัวเป็นสตรี เป็นเรื่องน่าอับอายต่อบรรพบุรุษยิ่งนัก ฮองเฮาต้องชดเชยให้เราดี ๆ นะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนผลักหัวเขาที่โน้มเข้ามาใกล้ออกไป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1062

    รองเจ้าสำนักเฉวียนเจิน——เหลิ่งเซียนเอ๋อร์ นั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะกลม ในอาภรณ์สีขาว แผ่นหลังบอบบาง แต่ไม่ดูผอมแห้งนางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา พูดเสียงดังฟังชัด“ไปเอาป้ายไม้มา”ลูกศิษย์เดินอ้อมมาตรงหน้านาง ส่งให้ด้วยสองมือวินาทีที่เห็นป้ายไม้ นัยน์ตาสวยของเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ก็หดลงซูฮ่วนหรือ? นางมาที่สำนักเฉวียนเจิน?หรือว่า…ซูฮ่วนส่งป้ายไม้ให้ใคร แล้วคนนั้นมีเรื่องอยากขอร้องสำนักเฉวียนเจิน?เหลิ่งเซียนเอ๋อร์สีหน้าสงบนิ่ง “ให้คนผู้นั้นเข้ามา”“รับทราบ รองเจ้าสำนัก”ขณะที่ลูกศิษย์กำลังจะออกไป เลิ่งเซียนเอ๋อร์พลันเอ่ยขึ้น“ช้าก่อน”เหลิ่งเซียนเอ๋อร์ลุกขึ้น อาภรณ์สีขาวปลิวไสวราวเทพเซียนนางกำชับศิษย์ผู้นั้น “ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า รอเวลาอีกสองถ้วยชา ค่อยพาคนผู้นั้นเข้ามา”ลูกศิษย์ค่อนข้างไม่เข้าใจเสื้อผ้าของรองเจ้าสำนักก็ไม่ได้เปื้อนนี่นา จำเป็นต้องเปลี่ยนตอนนี้เลยหรือ?สำนักเฉวียนเจินล้วนเป็นผู้หญิง ศิษย์ทั่วไปอาศัยอยู่รวมกัน สิบคนต่อหนึ่งห้องเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักมีห้องส่วนตัวเหลิ่งเซียนเอ๋อร์กลับมาที่ห้องตัวเอง เลือกใส่อาภรณ์ที่สะอาด เดิมตั้งใจจะออกไป แต่เมื่อเดินผ่านคันฉ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status