Share

บทที่ 4

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
ฮ่องเต้ทรราชจะเสด็จมา เฟิ่งจิ่วเหยียนได้แต่บอกให้เหลียนซวงทำทรงผมกลับไปตามเดิม แต่มือของเหลียนซวงสั่นเทิ้ม คิดว่าคงเป็นเพราะหวาดกลัวฮ่องเต้ทรราชที่กำลังจะมาเยือนผู้นั้น

นางมือสั่น ย่อมทำผิดพลาดอย่างไม่อาจเลี่ยง

เมื่อถูกถอนผมเป็นเส้นที่สาม เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ทนไม่ไหว เอ่ยเสียงเย็นชาว่า

“ถอยไป ข้าจัดการเอง” นางเชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉม การฝึกฝนทำผมทรงต่าง ๆ ให้ได้อย่างคล่องแคล่วจึงเป็นสิ่งจำเป็น

ด้วยเหตุนี้ นางจัดแจงเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้ทรงผมกลับไปเหมือนตอนแรกได้แล้ว เหลียนซวงเห็นแล้วก็ตกตะลึงเหลือล้น

“ฮองเฮา ท่านมีฝีมือยอดเยี่ยมนักเพคะ!”

แต่ขณะที่ฝั่งพวกนางเตรียมความพร้อมต้อนรับฮ่องเต้ คนจากนอกตำหนักก็มารายงานอีกครั้งว่า

“ฮองเฮา โรคปวดศีรษะของหวงกุ้ยเฟยกำเริบ ฝ่าบาทเสด็จไปตำหนักหลิงเซียวแล้วเพคะ”

เหลียนซวงเผยอปาก รู้สึกโมโหแต่ไม่กล้าพูดออกมา

หวงกุ้ยเฟยจะต้องแกล้งป่วยเป็นแน่ โรคปวดศีรษะกำเริบขึ้นมาตอนนี้ จะเหมาะเจาะขนาดนี้ได้อย่างไร

คงเห็นว่าฝ่าบาทเสด็จกลับวังมาแล้วจึงให้คนไปเชิญน่ะสิ

พอเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินคำว่าหวงกุ้ยเฟยก็คิดถึงเวยเฉียงน้องสาว

เวยเฉียงถูกทำร้ายแสนสาหัสจนถึงแก่ความตาย แค้นนี้ต้องชำระ!

ทว่า รู้เขารู้เรา จึงจะชนะอย่างยั่งยืน

หวงกุ้ยเฟยได้รับความโปรดปรานไม่เสื่อมคลาย ข้างกายจะต้องมีองครักษ์ยอดฝีมืออยู่เป็นแน่

นางไม่อาจบุ่มบ่ามลงมือ

……

ตำหนักฉือหนิง

ไทเฮาหมุนสร้อยลูกประคำในมือ แต่ยังคงยากจะระงับโทสะในใจได้

นางเอ่ยถามทุกคนว่า

“พิธีอภิเษกสมรสในวันนี้ ฮ่องเต้กลับให้รุ่ยอ๋องเข้าพิธีแทนเขา! พวกเจ้าไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยรึ!”

คนในตำหนักที่ยืนอยู่ตรงหน้านางต่างก้มศีรษะ

“บ่าวมิทราบ”

ฮ่องเต้กระทำตามอำเภอใจมาแต่ไหนแต่ไร ไทเฮายังทำอันใดเขาไม่ได้

แต่คนทั้งใต้หล้ามีแต่จะคิดว่านางล้มเหลวในการอบรมบุตร

ดวงเนตรไทเฮาฉายแววเศร้าโศก ราวมีความเจ็บช้ำใจเหลือแสนเอ่อคลออยู่ในนั้น

“ถึงข้าจะไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของเขา แต่ก็เลี้ยงดูเขาด้วยความเอาใจใส่ทุ่มเทมาจนโต ไฉนโตมาแล้วจึงมีแต่เรื่องให้กลุ้มใจแบบนี้...”

เหล่าข้ารับใช้เห็นเช่นนั้นก็เข้าข้างไทเฮาไปโดยไม่รู้ตัว คิดว่าฮ่องเต้อกตัญญู

ดุจจะราดน้ำมันลงบนกองเพลิง มีคนในวังมารายงานว่า

“ไทเฮา ฝ่าบาทเสด็จกลับมาแล้ว แต่ทรง ทรงไปตำหนักหลิงเซียวแล้วเพคะ”

“เหลวไหล!” ไทเฮาตบโต๊ะน้ำชาดังปัง

หลิงเยี่ยนเอ๋อร์นางคนต่ำช้านั่น วันแบบนี้ก็ยังกล้าก่อเรื่อง ได้รับความโปรดปรานจนเหิมเกริมไร้ขอบเขต ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำไปหมดแล้ว!

เฟิ่งเวยเฉียงก็เหมือนกัน เป็นบุตรีตระกูลเฟิ่งแท้ ๆ ไม่มีฝีมือสักนิดเลยหรือไร? รึจะยอมให้คนเหยียบบนศีรษะเอาเช่นนี้?

เดิมยังหวังว่าฮองเฮาจะสามารถข่มหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ไว้ได้ ยามนี้เห็นทีคงเป็นคนไร้ประโยชน์คนหนึ่งเหมือนกัน

ไม่เพียงแต่ไทเฮา เหล่าสนมคนอื่น ๆ ก็คิดเช่นนี้

นางสนมหลายคนที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาจับกลุ่มพูดคุยกันในสถานที่แห่งหนึ่ง

“คืนอภิเษกสมรสยังรั้งตัวฝ่าบาทไว้ไม่ได้ เห็นทีคงพ่ายแพ้ให้กุ้ยเฟยแน่แล้ว”

สนมชุดเขียวคนหนึ่งนึกเห็นใจเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกัน “ฮองเฮาก็เป็นคนอาภัพคนหนึ่ง ตงเซี่ย พรุ่งนี้ให้เตรียมพัดหยกเซียงจวินของข้าเอาไว้ ข้าจะนำไปมอบให้ฮองเฮา”

“เพคะ พระสนม”

หนึ่งในคนที่นั่งอยู่ด้วยกันถอนหายใจออกมา “หวงกุ้ยเฟยหน้าตาเหมือนหรงเฟยจึงได้รับความโปรดปราน หากฮองเฮาเป็นคนฉลาดก็ควรคล้อยตามพระประสงค์ของฝ่าบาท อย่าให้มีเรื่องขัดแย้งกัน...”

สิ้นเสียงก็มีคนในวังมารายงานว่า

“เรียนพระสนม ได้ยินว่าฮองเฮาเสด็จไปที่ตำหนักหลิงเซียวแล้วเพคะ!”

คนทั้งหลายมองหน้ากัน แล้วส่ายศีรษะน้อย ๆ

“ฮองเฮาทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมเลย”

“ไม่เหมาะสมอย่างมากเลยต่างหาก! ระงับโทสะไม่อยู่เช่นนี้ มิทำให้ฝ่าบาทรำคาญพระทัยหรอกรึ?”

“ถ้ามีเรื่องกัน ฝ่าบาทก็ต้องลำเอียงเข้าข้างหวงกุ้ยเฟยอยู่แล้ว ฮองเฮาไม่น่าทำเช่นนี้เลย”

พวกนางเฝ้ารอจะมีฮองเฮาผู้เก่งกาจมากคุณธรรม เหมือนกับบรรดาฮองเฮาที่ผ่านมาของตระกูลเฟิ่ง ที่สามารถปกครองให้วังหลังอยู่ร่วมกันได้อย่างปรองดอง เหล่าสนมร่วมใจกันปรนนิบัติฝ่าบาท หลีกเลี่ยงการต่อสู้แย่งชิงความโปรดปรานอย่างสุดโต่งชนิดตายกันไปข้างหนึ่ง

ตอนนี้เห็นที ฮองเฮาผู้นี้คงหวังพึ่งไม่ได้แล้ว

หวงกุ้ยเฟยยังไม่ได้งัดฝีมือที่ร้ายกาจกว่านี้ออกมา ฮองเฮาก็รับมือไม่ไหวเสียแล้ว

นอกตำหนักหลิงเซียว

เฟิ่งจิ่วเหยียนสวมชุดเจ้าสาว มงกุฎหงส์บนศีรษะเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงฐานันดรอันสูงศักดิ์ของนาง

ฮองเฮาที่ถูกสนมคนโปรดทำลายคืนเข้าหอผู้หนึ่ง คนในวังไม่เพียงไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจ แต่ยังดูแคลนอีกด้วย

ถูกฮ่องเต้ทอดทิ้งไว้ในห้องหอก็น่าอับอายมากอยู่แล้ว ไฉนยังมีหน้ามาที่นี่อีก?

องครักษ์ที่อารักขาตำหนักอยู่เข้าใจว่านางมาขอให้ฮ่องเต้กลับห้องหอ ไม่รอให้นางเอ่ยปากก็ชิงพูดขึ้นก่อนว่า

“ฮองเฮา ฮ่องเต้กำชับไว้ว่า หมอหลวงกำลังตรวจอาการให้หวงกุ้ยเฟย ไม่อนุญาตให้ใครรบกวน โปรดอภัยที่กระหม่อมไม่อาจเข้าไปรายงานให้ท่านได้”

เวลานั้นเอง หัวหน้าหมัวมัวที่มีหน้าที่ปรนนิบัตินางก็เตือนว่า

“ฮองเฮา ไม่มีประโยชน์หรอกเพคะ ทุกเรื่องในวังหลังล้วนยกให้หวงกุ้ยเฟยมาก่อนเสมอ ถ้าท่านอยากพบฝ่าบาทตอนนี้ ฝ่าบาทคงไม่...”

ภายใต้แสงจันทร์ แต้มบุปผาตรงหว่างคิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนงดงามหยาดเยิ้ม ใช้หางตากวาดมองรอบหนึ่ง แววตาก็พลันมืดครึ้มลง

นางถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ใครว่าข้ามาพบฝ่าบาท?”

ทุกคนเงียบไป

แล้วนางจะมาทำไมเล่า?

มาชมวิวทิวทัศน์? มาดูว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานหวงกุ้ยเฟยเพียงไหน?

เฟิ่งจิ่วเหยียนส่งสายตา สาวใช้เหลียนซวงก็ก้าวออกมาข้างหน้า ยื่นกล่องไม้ใบหนึ่งให้องครักษ์ที่เฝ้าหน้าตำหนักผู้นั้น

“ข้าได้ยินว่าหวงกุ้ยเฟยเป็นโรคปวดศีรษะ ยานี้พี่ชายข้าได้มาจากชายแดน รักษาโรคปวดศีรษะได้ชะงัดนัก จึงนำมาให้หวงกุ้ยเฟยลองใช้ดู”

ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ฮองเฮาเพียงนำยามาให้?

นางใจกว้างขนาดนั้นเสียที่ไหน จะต้องเสแสร้งแกล้งเป็นคนดีแน่นอน!

องครักษ์ลังเลเล็กน้อย แล้วเข้าไปขอคำปรึกษาในตำหนัก

จากนั้น หมอหลวงท่านหนึ่งก็ออกมารับยานั้น หลังพิศดูอย่างละเอียดก็เอ่ยชมเชยพลางประคองราวกับเป็นของล้ำค่า

“นี่คือยาวิเศษที่หายากยิ่งนัก!”

หลังเขาเข้าไปข้างใน ผ่านไปไม่นานก็มีขันทีผู้หนึ่งออกมากล่าวกับเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยท่าทีนอบน้อม

“ฮองเฮา หวงกุ้ยเฟยรับประทานยานี้ก็ดีขึ้นบ้างแล้ว ฝ่าบาทตรัสว่าท่านมีน้ำใจนัก ให้ท่านกลับไปเตรียมปรนนิบัติบรรทมพ่ะย่ะค่ะ”

ขันทีเข้าใจว่าฮองเฮาได้ยินคำกล่าวนี้แล้วจะต้องดีพระทัยมากเป็นแน่

หากความจริง เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ดีใจเลยสักนิด

ฮ่องเต้ทรราชผู้นี้จะต้องมีใบหน้าใหญ่โตเหมือนขนมปังอบที่ชายแดนใต้เป็นแน่แท้

ปรนนิบัติบรรทม ฟังดูราวกับว่าพระราชทานรางวัลให้นางอย่างนั้นแหละ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (20)
goodnovel comment avatar
Ilada Zenlee
สนุกมากค่ะ
goodnovel comment avatar
Joom
I cannot wait for the next episodes.
goodnovel comment avatar
Atitan Srikul
สนุกมากค่ะ
Tignan lahat ng Komento

Kaugnay na kabanata

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 5

    กลับถึงห้องหอ หัวหน้าหมัวมัวที่ตอนแรกก้มหน้าก้มตาท่าทางเข้มงวดก็สั่งให้คนเตรียมน้ำมาปรนนิบัติฮองเฮาอาบน้ำนางเบียดเหลียนซวงออก เข้ามายิ้มกว้างให้เฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮองเฮา หลายปีมานี้ นอกจากหวงกุ้ยเฟยแล้ว ฝ่าบาทยังไม่เคยโปรดปรานสนมคนอื่นมาก่อนเลยนะเพคะ ท่านนับเป็นคนแรก!”เหลียนซวงยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกไม่ใคร่พอใจหมัวมัวผู้นี้ตอนแรกยังไม่เห็นว่านางจะปรนนิบัติด้วยความกระตือรือร้นปานนี้ ช่างเป็นพวกประจบผู้มีอำนาจเหยียบย่ำคนฐานะต่ำกว่าโดยแท้ในวังหลวงแห่งนี้ ฐานะของสตรีล้วนพึ่งพาความโปรดปรานของฮ่องเต้ดังคาด มิฉะนั้น ต่อให้สูงส่งเป็นฮองเฮาก็ยังถูกเมินเฉยไม่ได้รับการเหลียวแลหัวหน้าหมัวมัวพูดอะไรไปมากมาย เฟิ่งจิ่วเหยียนล้วนไม่ตอบนางสั่งความอย่างเย็นชา “ออกไปให้หมด ให้เหลียนซวงปรนนิบัติในตำหนักคนเดียวก็พอ”……หลังจากในตำหนักเงียบลงแล้ว เหลียนซวงก็ถามอย่างกังวลใจ“ฮองเฮา ฝ่าบาทเสด็จมาย่อมเป็นเรื่องดี“แต่ท่านทำเช่นนี้ จะมิเป็นการขัดแย้งกับหวงกุ้ยเฟยหรือเพคะ?“นายหญิงบอกให้พวกเราอยู่ในวังหลวงอย่างเงียบ ๆ อย่าสร้างศัตรู โดยเฉพาะหวงกุ้ยเฟย...”“ท่านแม่ก็สอนเวยเฉียงเช่นนี้หรือ” เฟิ่งจิ่ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 6

    เมื่อเหลียนซวงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็รีบเข้าไปในตำหนัก“ฮองเฮา เกิดอะไรขึ้นเพคะ...”เหลียนซวงพูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงสายหนึ่งดังออกมาจากม่านอักษรมงคล [1] “ไสหัวไป”เป็นเสียงของบุรุษ!เหลียนซวงตระหนักว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว คิดจะตะโกนเรียกคนเข้ามาทันใดนั้นขันทีคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาขวางนางไว้อย่างรีบร้อน เสียงที่พยายามกดความโกรธเกรี้ยวเอาไว้กล่าวว่า“ไม่รู้จักเบิกตาดูซะบ้าง! นั่นคือฮ่องเต้!”เหลียนซวงตกตะลึงจนพูดไม่ออกฝ่ะ ฝ่ะ ฝ่า...ฝ่าบาท? ฮ่องเต้ทรราชผู้ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาผู้นั้น?มืดค่ำถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดอยู่ ๆ พระองค์ถึงเสด็จมาเล่า!!ภายในม่านฝ่ามือใหญ่ของบุรุษกดไหล่ข้างหนึ่งของเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งจับข้อมือข้างที่นางถือกริช โน้มร่างอยู่เหนือนาง ราวกับสิงโตที่กำลังโถมเข้าหาเหยื่อเดิมเฟิ่งจิ่วเหยียนสามารถลองสลัดให้หลุดได้ แต่เมื่อรู้สถานะของอีกฝ่ายนางจึงไม่ได้ลงมือในความมืดมิด นางไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดแต่รังสีฆ่าฟันบนร่างของเขาเข้มข้นยิ่ง“ฮองเฮา ไม่อธิบายซักหน่อยหรือ?”น้ำเสียงทุ้มอันราบเรียบของบุรุษทำให้คนรู้สึกกลัวเกรงหากเป็นสต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 7

    คืนนี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่านางต้องถูกเอาเปรียบซักครั้ง เฟิ่งจิ่วเหยียนคาดการณ์เรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วที่จริงเมื่อเทียบกับโดนฮ่องเต้ทรราชนี่พรากคืนแรกไป ให้ทำเองยังนับว่าดีกว่ามากนักอย่างน้อยก็ไม่ต้องทนถูกคนกดไว้ข้างล่างเฟิ่งจิ่วเหยียนฉีกผ้าจากชายกระโปรงออกมาชิ้นหนึ่ง นำมาปูรองไว้เป็นผ้าพรหมจรรย์[1]หลังจากนั้นก็ใช้มือหนึ่งถลกกระโปรงขึ้นมา อีกข้างพลิกมือจับกริชนั้นถึงแม้นางตัดสินใจแล้วว่าจะทำ แต่ร่างกายยังคงต่อต้านโดยสัญชาตญาณนางปลอบใจตัวเอง คิดเสียว่าโดนแทงหนึ่งทีแล้วกันตั้งแต่เล็กจนโตนางบาดเจ็บมาน้อยหรือไร?จากนั้นนางก็เริ่มออกแรง...เพียงชั่วพริบตานั้นเองพละกำลังสายหนึ่งพุ่งเข้ามาจับข้อมือนางเอาไว้แน่นเฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเซียวอวี้แย่งกริชในมือนางไปอีกครั้ง ครั้งนี้น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก“ช่างเป็นสตรีที่โง่เสียจริง”เคร้ง!กริชถูกโยนออกไปนอกม่านเตียงอักษรมงคล“เจ้าจะบริสุทธิ์หรือไม่ เราไม่แยแสแม้แต่น้อย”“ในเมื่อเจ้ากล้าแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเป็นฮองเฮาให้ได้ เช่นนั้นก็อย่าแกล้งโง่ไปเลย”“ดังเช่นที่เจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าเราอยู่ที่ตำหนักห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 8

    เฟิ่งจิ่วเหยียนดูไม่เหมือนพระมเหสีที่ถูกพระสวามีทอดทิ้งอย่างเย็นชาแม้แต่น้อย นางสวมชุดอย่างฮองเฮา แลดูสูงศักดิ์ดั่งพญาหงส์ที่เดินดินนัยน์ตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่ง ม่านตาสีอ่อนเผยให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ที่มิอาจเอื้อมราวกับหยกผิวพรรณของนางหาได้ซีดขาวอมโรคเหมือนดังที่สตรีในเมืองหลวงนิยมกันไม่ แต่เป็นผิวที่อิ่มเอิบและเปล่งปลั่งดังกลีบกุหลาบรูปลักษณ์งดงามแฝงด้วยความสูงศักดิ์น่าเกรงขาม งามล้ำดั่งเทพธิดาในวังจันทราเหล่าผู้คนในวังหลังล้วนคุ้นเคยกับการเห็นสนมนางในที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับหรงเฟยดี พอวันนี้ได้พบกับความงามพิลาสล้ำของฮองเฮาก็ตาลุกวาวราวกับจะเปล่งแสงได้ไม่เสียทีที่เป็นหญิงงามผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในเมืองหลวง รูปโฉมงดงามล่มเมืองเช่นนี้ หาใช่ปุถุชนคนธรรมดาจะเทียบเคียงได้ตั้งแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าสู่ยุทธภพเพียงลำพัง นางก็ใช้ชีวิตแปลงโฉมหน้ามาโดยตลอดสำหรับนางแล้วหน้าตาที่งดงามคือภาระ โดยเฉพาะในค่ายทหารอาจารย์หญิงมักบอกว่าใบหน้างามนี้ของนางช่างเสียเปล่ายิ่งนัก วัน ๆ ล้วนแต่ถูกนางใช้อย่างส่งเดชเหลียนซวงที่เดินติดตามอยู่ด้านหลังฮองเฮาก็พลันรู้สึกมีหน้ามีตาไปด้วยเมื่อเดินจนถึง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 9

    รุ่ยอ๋องไม่อาจทำใจได้จึงเอ่ยปากโน้มน้าว“ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ ออกจะโหดร้ายต่อฮองเฮาไปซักหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”ทว่าเซียวอวี้กลับสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้เพียงภาพแผ่นหลังอันน่าเกรงขามที่ยากจะต่อกรได้สายลมพัดโชยโบกสะบัดเสื้อของบุรุษผู้นี้ เขาย่างก้าวเดินลงบันได สายตาทอดมองไปไกลโพ้น กวาดตามองทัศนียภาพของอุทยานหลวงและสนามม้าหลวงไว้ในสายตา รวมทั้งภาพของสตรีที่ขี่ม้าอยู่เมื่อครู่นี้ด้วยภาพเงาร่างของหญิงสาวที่ขี่ม้าในความทรงจำ ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้......เพราะได้รับความตื่นตระหนก ไทเฮาจึงเสด็จกลับตำหนักฉือหนิงก่อนเฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็กลับตำหนักหย่งเหอของตนตามกฎระเบียบแล้วฮองเฮายังต้องรับการคารวะจากเหล่าสนมนางในแต่สนมนางในที่มาถึงก่อนแล้วกลับมีเพียงน้อยนิด ส่วนใหญ่หากไม่อ้างว่าป่วย ก็อ้างว่ายุ่งกับภารกิจในตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็ไม่มีใจจะมานั่งเสแสร้งรับหน้าพวกนาง จึงส่งพวกนางไม่กี่คนที่มาให้กลับไปเสียผ่านไปไม่นานก็มีคนมาถ่ายทอดคำพูดของฮ่องเต้“ฮองเฮา ฝ่าบาทได้ทรงทราบถึงคุณงามความดีที่เมื่อเช้าพระองค์ได้ทรงช่วยไทเฮาเอาไว้แล้ว ทรงพระราชทานหยกสมปรารถนาให้คู่หนึ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 10

    ดูเหมือนว่ารุ่ยอ๋องจะเพิ่งออกมาจากตำหนักฉือหนิง เขาก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วคารวะเฟิ่งจิ่วเหยียน“น้องชายขอคารวะพี่สะใภ้”การที่เขาเรียกนางเป็นพี่สะใภ้ไม่ใช่ฮองเฮา แสดงให้เห็นว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮ่องเต้เหลียนซวงที่ชำเลืองมองรุ่ยอ๋องตกอยู่ในภวังค์รุ่ยอ๋องช่างรูปงามเสียจริง! หน้าตาสะอาดสะอ้าน บุคลิกมารยาทงามสง่า ลักษณะเช่นนี้ดีกว่าฮ่องเต้ทรราชที่เอาแต่ฆ่าคนตั้งมากหากผู้ที่คุณหนูแต่งด้วยคือ...เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เหลียนซวงก็รีบหยุดความคิดที่ไร้สาระนี้ทันทีกฎระเบียบในวังเคร่งครัดยิ่งนัก ไม่อาจเทียบกับในค่ายทหารที่สามารถพูดคุยกับบุรุษอย่างไรก็ได้เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะจากไป รุ่ยอ๋องพลันเอ่ยปากแสดงความเป็นห่วงออกมา“การประหารเมื่อวานนี้พี่สะใภ้ได้รับความตระหนกหรือไม่? ”เฟิ่งจิ่วเหยียนที่จดจ่ออยู่กับความคิดตอบกลับอย่างกลัวพิกุลจะร่วงว่า “ไม่”“เมื่อวานยามที่พี่สะใภ้ปราบพยศม้าตัวนั้น ข้าบังเอิญเห็นเข้าพอดี ท่านฝีมือดียิ่ง ที่จริงแล้วฝ่าบาททรงโปรดสตรีที่มีทักษะการขี่ม้า พี่สะใภ้เริ่มต้นจากเรื่องนี้ดู บางทีอาจจะได้รับความโปรดปราน”น้ำเสียงของรุ่ยอ๋องอ่อนโยนนุ่มนวลราวก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 11

    น้ำกระเซ็นตามจังหวะคนที่ถูกยกขึ้น จนเกิดเป็นคลื่นกระเพื่อมไหวเฟิ่งจิ่วเหยียนใช้มือทั้งสองข้างปิดร่างกายส่วนหน้าไว้ทันทีทว่าด้านหลังของนาง กลับเปิดเปลือยไปทั้งกายร่างกายไม่ได้อ้อนแอ้นเกินเหตุ สายตาของเซียวอวี้ทอดมองไปยังบริเวณบั้นเอวของเฟิ่งจิ่วเหยียนบั้นเอวของนางไม่มีรอยช้ำใด ๆ จากฝ่ามือซ้ำยังเกลี้ยงเกลา และแน่นกระชับคิ้วคมของเซียวอวี้มุ่นเข้าหากัน ม่านตาทอแววเยือกเย็นไม่เลือนหายฝ่ามือของเฟิ่งจิ่วเหยียนร้อนผ่าว บริเวณหน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาเต็มเมื่อครู่เพราะความฉุกละหุก นางจึงใช้ลมปราณสลายเลือดคลั่งแต่เนื่องจากเป็นระยะเวลาสั้น ๆ จึงเสียพลังภายในไปไม่น้อยในตอนนี้นางจึงอ่อนแรงแต่ฮองเต้ทรราชไม่ล้มเลิกความสงสัยที่มีง่าย ๆวินาทีต่อมา เขาก็รวบเอวของนางด้วยฝ่ามืออันใหญ่ นิ้วโป้งทาบลงตรงบั้นเอวของนาง แล้วออกแรงกด...“อื้อ!” เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกเจ็บแปล๊บถึงขั้วกระดูก จึงส่งเสียงอื้ออึงในลำคอออกมาอย่างอดไม่ได้ต่อมานางก็ไม่กล้าแสดงอาการอะไรออกมา เพียงอดกลั้นไว้ชายหนุ่มด้านหลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ“บาดเจ็บที่เอวหรือ?” นางส่ายหน้า “เปล่า เหตุใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 12

    ณ ห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้กำลังตรวจตราราชสารอยู่พลันหยุดชะงัก นัยน์ตาทอแววเยือกเย็น“นางอยากได้ตราประทับทอง?”ขันทีผู้มากราบทูลพลันสะอึก“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท พระนางเสด็จมาขอเข้าเฝ้าอยู่นอกตำหนัก เพื่อตราประทับทอง”แต่ว่าตราประทับทองอยู่กับหวงกุ้ยเฟยเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าฮองเฮาตั้งใจจะหาเรื่องหรอกหรือ!เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นมาตามหน้าผากของขันที เพราะกลัวว่าตนเองจะถูกฝ่าบาทบันดาลโทสะใส่บนม่านกั้นหลังบัลลังก์มังกร สะท้อนเกิดเป็นร่างเงาใบหน้าของเซียวอวี้เลือนราง ดวงตาคู่เรียวยาวดุจเหยี่ยว ทอแววคมกริบอันตราย“ไปบอกนาง หากยังไม่เจียมตัวเช่นนี้ต่อไป เราจะปลดนางลงจากฮองเฮาเสีย”“บ่าวน้อมรับคำบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”……บริเวณนอกห้องทรงพระอักษรสายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเรียบนิ่ง  ไม่โกรธไม่ยินดี ราวกับละทางโลกไปแล้วยามที่ขันทีตรงหน้าบอกกล่าวคำตรัสของฮ่องเต้เสร็จ จึงโน้มน้าวนางเสริม “ฮองเฮา เชิญท่านกลับไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ“หวงกุ้ยเฟยเป็นผู้ใช้ตราประทับทองมาโดยตลอด ฝ่าบาทมิอาจยึดคืนกลับมาจากนางได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ“นอกเสียจากว่าหวงกุ้ยเฟยไม่ต้องการมันแล้ว”เหลียนซวงได้ยินถ้อยคำนี้ พลันโมโหโทโสแ

Pinakabagong kabanata

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1134

    เซียวอวี้ตามความคิดของเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ทัน เมื่อครู่ยังพูดถึงมู่หรงจ่างจี๋อยู่แท้ ๆ ทำไมตอนนี้ถึงวกไปพูดถึงปฐมจักรพรรดิได้? ทว่าเขาก็ยังตอบนาง “ไท่จู่ฝังที่สุสานตะวันออก” เพื่อป้องกันการถูกปล้นสุสาน สุสานปฐมจักรพรรดิมีทั้งหมดสิบสามแห่ง ล้วนมีเวรยามคอยเฝ้าปกป้องแน่นหนา ความจริง ทั้งสิบสามแห่งนั้นล้วนเป็นของปลอม สถานที่ฝังพระศพที่แท้จริง มีเพียงจักรพรรดิในแต่ละยุคเท่านั้นที่ล่วงรู้ เฟิ่งจิ่วเหยียนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฝ่าบาท ทรงเปิดสุสานได้หรือไม่เพคะ?” เซียวอวี้ขมวดคิ้วทันที“ไม่ได้” ปฐมจักรพรรดิเสด็จสวรรคตไปนานแล้ว เขาจะทำลายความสงบของท่านได้อย่างไร เฟิ่งจิ่วเหยียนก็เข้าใจ คำขอนี้ทำให้เขาลำบากใจ ทว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความจริงของคดีมนุษย์โอสถ นางพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผู้ที่ต้องการมีชีวิตอมตะที่แท้จริง อาจไม่ใช่มู่หรงจ่างจี๋ แต่เป็นปฐมจักรพรรดิ” เซียวอวี้ตกตะลึงอย่างมาก อ้าปากเล็กน้อย “จิ่วเหยียน เจ้าพูดจาเลอะเลือน “เจ้าหมายความว่า คนที่อยู่เบื้องหลังคดีมนุษย์โอสถ คือปฐมจักรพรรดิอย่างนั้นหรือ?” เรื่องนี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1133

    ก่อนหน้านี้เฟิ่งจิ่วเหยียนเคยสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับบันทึกบรรพบุรุษของตระกูลมู่หรง จึงเคยเห็นภาพวาดนี้มาก่อน ตามบันทึกกล่าวไว้ว่า ปฐมจักรพรรดิทรงขยายดินแดนรวบรวมแผ่นดิน โดยได้รับการสนับสนุนจากมู่หรงจ่างจี๋ที่ยอมสละยุทธสัมภาระ มู่หรงจ่างจี๋ในวัยเพียงสี่สิบ ดำรงตำแหน่งอัครเสนาบดีได้ไม่ถึงสามปี ก็จากโลกนี้ไปตลอดกาล ภาพบุคคลที่อยู่เบื้องหลังที่ตงฟางซื่อวาดขึ้นมาในตอนนี้ ใบหน้าคล้ายคลึงกับมู่หรงจ่างจี๋อย่างมาก เซียวอวี้ก็นำภาพวาดมาเทียบกัน เขามองภาพวาดในมือ แล้วก็มองภาพวาดที่บันทึกไว้ ถึงจะไม่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว แต่ก็มีความคล้ายถึงเก้าส่วนจากสิบ! เขาสบตากับเฟิ่งจิ่วเหยียน “อาจเป็นเพียงคนหน้าคล้ายกัน หรือไม่ก็อาจเป็นบุตรนอกสมรสของตระกูลมู่หรงที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างนอก”อย่างไรก็ตาม เขาไม่เชื่อว่ามู่หรงจ่างจี๋จะยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเดินทางท่องยุทธภพมานาน เคยพบเจอเรื่องราวประหลาดมามากมาย ที่แคว้นฉู่มีชายชราท่านหนึ่ง อายุมากถึงสามร้อยกว่าปี นักพรตอาวุโสของสำนักเทพยุทธ์ มีอายุยืนยาวถึงสองร้อยสิบเจ็ดปี แคว้นหนานฉีสถาปนาราชวงศ์มายาวนานกว่าสองร้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1132

    หลังจากที่เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ความจริงเรื่องที่เซียวอวี้รับนางกลับมา เป็นเพราะกลัวว่านางจะไปแคว้นซีหนี่ว์แล้วไม่กลับมาอีก ก็นิ่งเงียบอยู่นานขณะที่เซียวอวี้กำลังครุ่นคิดว่าจะยอมรับผิดอย่างไร จู่ ๆ นางก็จุมพิตเบา ๆ ที่ริมฝีปากเขาเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเฟิ่งจิ่วเหยียนก้มลงจุมพิตเขาอีกครั้ง การกระทำดูนุ่มนวล เต็มไปด้วยความรู้สึกปลอบโยน“เรื่องนี้ไม่อาจตำหนิท่านได้ ท่านไม่เชื่อ เป็นเพราะหม่อมฉันให้ความเชื่อมั่นกับท่านไม่มากพอ“ถานไถเหยี่ยนมีทักษะในการพูด และมักจะทำให้คนหลงเชื่อได้ง่าย“ทว่า ฝ่าบาท หม่อมฉันจะบอกท่านให้ชัดเจนว่า ในใจของหม่อมฉัน ที่ที่มีคนในครอบครัวอยู่ ที่นั่นถึงจะเป็นบ้าน“ท่านเป็นสามีของหม่อมฉัน แม้จะไม่ใช่เครือญาติที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ท่านเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตที่เหลืออยู่ต่อจากนี้ของหม่อมฉัน“ต่อให้แคว้นซีหนี่ว์จะดีเพียงใด ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับท่าน”เซียวอวี้นิ้วมือสั่นเทา“จริงหรือ?”ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ จึงถามอีกครั้ง: “เราเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตเจ้าจริง ๆ หรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนถามกลับ: “ไม่ใช่ท่าน แล้วจะเป็นใครได้เพคะ?”เรื่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1131

    ในที่ประชุมเช้าเหล่าขุนนางที่ร่วมประชุมรู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างยิ่ง พากันเรียกร้องให้ตรวจสอบตระกูลมู่หรงอย่างเข้มงวด“ฝ่าบาท ในเมื่อได้สืบพบความผิดปกติภายในหอบรรพบุรุษของตระกูลมู่หรง อีกทั้งยังค้นพบรังมนุษย์โอสถที่จวนของมู่หรงสวี้ เช่นนั้นก็ต้องตรวจสอบคนอื่นในตระกูลมู่หรงอย่างเข้มงวดด้วย!” “กระหม่อมเห็นด้วย! จะต้องไม่ใช่การกระทำของมู่หรงสวี้เพียงผู้เดียวเป็นแน่ คนอื่น ๆ ในตระกูลมู่หรงต่อให้ไม่มีส่วนร่วมโดยตรง ก็มีความผิดฐานปกปิด! ความผิดฐานละเลยไม่ตรวจสอบ!”เริ่มต้นหลังจากเกิดความวุ่นวายที่วิหารบรรพบุรุษ ตระกูลมู่หรงก็ไม่ต่างจากสภาพของกำแพงที่คลอนแคลนและถูกผู้คนผลักให้ล้มลงตอนนี้คดีมนุษย์โอสถทำให้ขุนนางที่ไม่มีความผิดหลายคนถูกโยงเข้ามาเกี่ยวข้อง และสร้างความวุ่นวายจนทำให้ผู้คนตื่นตระหนก ทุกคนจึงสะสมความคับแค้นมาเป็นเวลานานในเมื่อสืบพบตัวการที่กระทำความผิด ก็ต้องลงโทษให้หนัก ถึงจะระงับความโกรธแค้นของราษฎรได้ดังนั้นแล้ว ตระกูลมู่หรงจึงถูกคุมขังทั้งตระกูลอีกครั้งครั้งก่อนก็มีบิดาของมู่หรงหลัน---มู่หรงเหลียนสละชีพปกป้องทั้งตระกูลครั้งนี้ โอกาสรอดชีวิตของตระกูลมู่หรงมีน้อยเห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1130

    ณ ห้องทรงพระอักษร“ฝ่าบาท รุ่ยอ๋องและพระชายาถูกช่วยเหลือออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว! รุ่ยอ๋องกำลังรอเข้าเฝ้าอยู่หน้าประตูตำหนัก มีเรื่องสำคัญจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ได้ยินเช่นนั้น เซียวอวี้จึงรีบสั่งให้รุ่ยอ๋องเข้ามาในตำหนักทันทีไม่นาน รุ่ยอ๋องก็มาถึงเขาทำความเคารพทันที: “กระหม่อม ถวายบังคมฝ่าบาท!”เซียวอวี้เห็นสภาพร่างกายและจิตใจของเขายังดีอยู่ ในใจก็คลายกังวลลงบ้าง“ปลอดภัยก็ดี”รุ่ยอ๋องสีหน้าดูคร่ำเคร่ง“ฝ่าบาท สาเหตุที่กระหม่อมถูกจับ เป็นเพราะพวกเขาต้องการเลือดของกระหม่อม นี่ทำให้กระหม่อมนึกถึงการตายของบิดา”เซียวอวี้กลับเพิ่งได้ยินเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรกเขาจ้องมองไปที่รุ่ยอ๋อง “ต้องการเลือดของเจ้าเพราะเหตุใด? แล้วพวกเขาได้ไปหรือไม่?”รุ่ยอ๋องส่ายศีรษะ“กระหม่อมไม่รู้สิ่งใดเลย เพียงแต่สงสัยว่า คนที่สังหารบิดากระหม่อม และจับตัวกระหม่อม อาจจะเป็นพวกเดียวกัน”เซียวอวี้คิ้วขมวดแน่นความคับข้องใจที่ถูกใส่ร้ายของท่านอ๋องผู้เฒ่า เขาเข้าใจเป็นอย่างดีฮ่องเต้องค์ก่อนก็ทรงเสียพระทัยมาตลอดและเนื่องด้วยความผิดพลาดในอดีตที่เป็นข้อเตือนใจนี้ ทุกครั้งที่มีคนกล่าวหาว่าเมิ่งสิงโจวมีกองก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1129

    เซียวอวี้ครุ่นคิดอยู่นาน ไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจเรื่องอื่นเขาไม่เชื่อในเรื่องดวงชะตาอะไรนั่น ทว่าธรรมชาติของมนุษย์ที่ถานไถเหยี่ยนพูดถึง เขากลับเชื่อจิ่วเหยียนแต่ไหนแต่ไรมาก็ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และความชอบธรรม ถึงแม้ตอนนั้นนางจะตัดใจจากต้วนไหวซวี่แล้ว ทว่ากลับยินดีที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือเขาอำนาจการปกครองของแคว้นซีหนี่ว์ไม่มั่นคงเป็นปัญหาพื้นฐาน ต่อให้แก้ปัญหาภายนอกจากสองแคว้นอย่างแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งได้ แต่ปัญหาภายในยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องการไปของจิ่วเหยียนในครั้งนี้ หากต้องรับตำแหน่งประมุขแคว้นจริง ๆ แล้วจะสามารถวางมือ มองดูแคว้นซีหนี่ว์เผชิญกับความวุ่นวายภายในได้อย่างไร? นางต้องเลือกที่จะเริ่มต้นและจบลงอย่างสมบูรณ์...เซียวอวี้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกกังวลใจถานไถเหยี่ยนคิดจะทำสิ่งใด เขารู้ชัดเจน นั่นก็คือการรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียวทว่าเขาไม่กลัวว่าแคว้นซีหนี่ว์จะแข็งแกร่ง กลัวเพียงว่าจิ่วเหยียนจะไม่กลับมา“เฉินจี๋!”เฉินจี๋รีบเข้ามาในตำหนักทันทีเซียวอวี้คิ้วตาดูเย็นชา น้ำเสียงฟังดูเคร่งขรึม“ส่งกองกำลังไปหนึ่งกลุ่ม ไปรับฮองเฮากลับวังอย่างลับ ๆ”เฉินจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1128

    งูตัวนั้นเจ้าเล่ห์นัก ครู่เดียวก็เลื้อยเข้าไปในเรือนหลัก และไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ที่ใดเพื่อจะจับงู จึงจำเป็นต้องรื้อค้นทรัพย์สินส่วนพระองค์ของฮองเฮาเรื่องนี้จำต้องทูลขออนุญาตจากฮ่องเต้ประจวบเหมาะที่ช่วงค่ำเซียวอวี้คิดถึงฮองเฮา จึงมาที่จื้อจ้ายจวี องครักษ์จึงนำเรื่องนี้กราบทูลทันทีเซียวอวี้ขมวดคิ้วเขาเข้าไปในห้องด้วยตนเอง หลังจากค้นหาอยู่รอบหนึ่ง กลับพบว่างูตัวนั้นกำลังนอนขดตัวอยู่บนเตียงทันใดนั้น คนหนึ่งคนกับงูหนึ่งตัว ก็ประสานสายตากันสีหน้าของเซียวอวี้เปลี่ยนเป็นคร่ำเคร่ง ขณะกำลังจะให้คนเข้ามาจับงู จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามันดูคุ้นตางูตัวนี้ คล้ายกับงูตัวที่หร่วนฝูอวี้เลี้ยงไว้เมื่อนึกถึงว่าหร่วนฝูอวี้กับรุ่ยอ๋องหายตัวไปพร้อมกัน เซียวอวี้ก็เริ่มเอะใจหลังจากเขาสั่งให้คนใช้ถุงตาข่ายจับงูตัวนั้นไว้แล้ว ก็นำมันไปส่งที่จวนรุ่ยอ๋อง เพื่อต้องการให้คนในจวนยืนยัน องครักษ์หลิวหวาออกมายืนยันเป็นคนแรกหลิวหวาฝืนความรู้สึกต่อต้านตามสัญชาตญาณ เข้าไปดูใกล้ ๆหลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เขาก็ยืนยันทันที“นี่คืองูที่พระชายาเลี้ยงไว้!”ที่จื้อจ้ายจวีเมื่อข่าวส่งกลับมาที่เซียวอวี้ เขาก็เก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1127

    ทุกที่ในสุสานใต้ดินนั้นมืดสนิทหร่วนฝูอวี้กับรุ่ยอ๋องออกจากที่ถูกคุมขัง ในเวลานั้นราวกับแมลงวันไร้หัว ไม่รู้ทิศทาง ยากที่จะหาทางออกได้เพื่อป้องกันไม่ให้เดินแยกกัน หร่วนฝูอวี้จึงเอ่ยในทำนองออกคำสั่ง“จับแขนเสื้อของข้าไว้ และตามมาใกล้ ๆ หน่อย”“ตกลง” รุ่ยอ๋องอยู่ด้านหลังของนาง คล้ายกับผู้ติดตามเขาเอ่ยเตือน: “ระวังหน่อย กลัวว่าจะเจอกับ...”“ชู่! เจ้าฟังสิ เสียงอะไร?”ท่ามกลางความมืด พวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้ามีคนมา!ที่นี่ซับซ้อนมืดมิด แต่ก็เป็นประโยชน์ต่อการซ่อนตัวหร่วนฝูอวี้กับรุ่ยอ๋องกลั้นหายใจ ยืนชิดกับกำแพง สุดท้ายก็ไม่ทำให้คนที่มาจับได้รอจนเสียงฝีเท้าห่างออกไปไกล พวกเขาถึงค่อยโล่งใจหร่วนฝูอวี้เข้าไปใกล้ ๆ ข้างหูของรุ่ยอ๋อง และเอ่ยเสียงเบา“เดินคลำไปตามกำแพง จะต้องเจอทางออกได้”รุ่ยอ๋องตอบ: “เจ้าคลำกำแพงนำทางไป ข้าจะดึงชายเสื้อเจ้าไว้”หร่วนฝูอวี้: ...เขาไม่คิดจะออกแรงแม้แต่น้อยเลยหรือ!ตอนที่นางกับซูฮ่วนตกอยู่ในอันตรายด้วยกัน นางไม่ต้องทำสิ่งใดเลย เพียงแค่ทำตัวออดอ้อน แนบชิดอยู่ในอ้อมอกของซูฮ่วน แทบไม่ต้องกังวลว่าจะออกไปไม่ได้ด้วยซ้ำเฮ่อ!เป็นอีกวันที่คิดถึงซ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1126

    ตอนนี้หร่วนฝูอวี้รู้สึกหงุดหงิดใจอยู่บ้างเป็นเพราะนางประมาทศัตรู ถึงต้องตกอยู่ในสภาพ “พลาดท่าอย่างสิ้นเชิง”รุ่ยอ๋องเป็นเพียงสามีในนามของนางเท่านั้น ไม่ว่าจะตายหรือมีชีวิตอยู่ ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับนางมากนักเพื่อช่วยเหลือเขา ตอนนี้แม้แต่นางเองก็ต้องเผชิญอันตรายด้วยช่างไม่คุ้มค่าจริง ๆทว่าต่อให้มีเงินทองมากมายก็ไม่อาจซื้อยาแก้โรคเสียใจภายหลังได้สิ่งที่เร่งด่วนตอนนี้คือการหนีออกจากที่แห่งนี้หร่วนฝูอวี้ลดเสียงเบาลง เอ่ยกับรุ่ยอ๋อง“ข้าฟื้นก่อนเจ้าหน่อย สถานที่เลวร้ายแห่งนี้มีกลไกซับซ้อน กลางดึกยังได้ยินเสียงภูตผีร้องโหยหวนและสุนัขเห่าหอนด้วย“หากคิดจะหนีออกไป ต้องตรงไปยังจุดหมาย“เจ้าลองคิดดูก่อนว่า คนที่ลักพาตัวเจ้าเป็นใคร“หากรู้เป้าหมายของพวกเขา พวกเราถึงจะใช้ประโยชน์จากมันได้”รุ่ยอ๋องครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตอนนี้ข้านึกไม่ออกเลย”เขาเป็นคนเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย น้อยมากที่จะล่วงเกินผู้ใดหร่วนฝูอวี้โมโหที่เขาไม่พยายามใช้ความคิด“เจ้านึกดูให้ดี! จะต้องเป็นศัตรูของเจ้าแน่นอน”เพราะอย่างไรคนที่พวกเขาต้องการจับตัวมาก็คือเขา นางเพื่อช่วยเหลือเขา จึงถูกบังคับให้เข้ามา

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status