บรืนนน~
เมษายิ่งบีบมือเข้าหากันแน่นกว่าเดิมในตอนที่ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน หากให้เดาคงเป็นเจ้านายบุตรชายของสาริกานั่นเอง แววตาที่ฉายด้วยความกังวลปรายมองไปยังประตูอย่างลุ้นระทึก
หัวใจดวงน้อย ๆ ที่เต้นแรงอยู่แล้วพลันเต้นแรงยิ่งกว่าเดิมวินาทีที่ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่งราวกับนายแบบปรากฏกายตรงหน้าประตู เห็นในรูปว่าหล่อมากแล้วพอได้เห็นตัวจริงยิ่งหล่อกว่าในรูปเป็นร้อยเท่า เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าจนผู้หญิงอย่างเธอยังเทียบไม่ได้เลย เขาหล่อ เขาดูดี เขาตรงสเปคของเธอทุกอย่างนี่คือความคิด และความรู้สึกของเธอในตอนนี้.. "เธอคงไม่ลืมใช่ไหมว่าอะไรควรไม่ควร" เหมือนสาริกาพอจะอ่านสีหน้าของเด็กสาวออกจึงพูดดักทางเอาไว้เสียก่อน ซึ่งมันก็ได้ผลคำพูดของสาริกาทำให้เมษาสติคืนกลับมาพยักหน้ารับคำน้อย ๆ "ค่ะ" เธอจำได้ขึ้นเพราะสาริกาย้ำนักหนาว่าทำเฉพาะหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายห้ามรู้สึก หรือตกหลุมรักลูกชายของท่านเด็ดขาด แน่นอนว่าเธอรู้ตัวเองดีเช่นกันว่าไม่คู่ควรกับชายหนุ่มสักนิด "ดีมาก" สาริกายกยิ้มมุมปากอย่างพอใจที่เด็กสาวว่านอนสอนง่าย ก่อนจะมองไปยังบุตรชายที่เดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิง และเด็กน้อยอีกหนึ่งคนด้วยสายตาเรียบนิ่งไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ออกมาให้เห็น ขณะที่เมษากลับรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจเมื่อมองหน้าของหญิงสาวกับเด็กน้อยหน้าตาน่ารักที่ยืนจับมือกับชายหนุ่ม มองดูแล้วเหมือนทั้งสามจะรักกันมากหากเธอไม่รู้มาก่อนว่าอะไรเป็นอะไรคงคิดว่าทั้งสามเป็นพ่อแม่ลูกกันจริง ๆ นี่เธอจะต้องทำลายความรักของสามคนตรงหน้าจริง ๆ หรือ "อึก.." เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาฉับพลันในตอนที่ชายหนุ่มตวัดสายตามองหน้าเธอคล้ายกับว่าสงสัยอะไรบางอย่าง แต่เพียงเสี้ยวนาทีเขาก็เสสายตากลับไปมองหน้าสาริกาแทนพร้อมกับเอ่ยแนะนำหญิงสาวกับเด็กน้อยที่ยืนเคียงข้างให้สาริกาได้รู้จัก "แม่ครับนี่ส้มแฟนของผมครับ ส่วนนี่น้องภริตาครับเป็นลูกของส้ม" "สวัสดีค่ะ" สิ้นคำแนะนำชายหนุ่มผู้หญิงชื่อส้มก็ยกมือไหว้แม่ของเขาด้วยท่าทางนอบน้อม เช่นเดียวกับเด็กน้อยภริตาที่ยกมือขึ้นไหว้ตามผู้เป็นแม่ของตัวเอง "สวัสดีค่ะ" "อืม.." สาริกาพยักหน้ารับด้วยท่าทางเรียบนิ่งพลางไล่สายตามองแฟนของบุตรชายอย่างพินิจพิจารณา ขณะที่เมษาทำได้เพียงนั่งมองทั้งสามคนพูดคุยกันเงียบ ๆ แม้ลึก ๆ ในใจเธอเองจะรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลยกับสายตา และท่าทางที่สาริกาใช้มองหญิงสาวกับลูก มันดูเหยียด ๆ ยังไงไม่รู้แต่ก็นั้นแหละเธอเป็นผู้น้อยจะทำอะไรได้ "นั่งก่อนสิครับ" ด้านเจ้านายไม่ได้คิดเอะใจอะไรเลยเพราะเขาค่อนข้างมั่นใจว่าผู้เป็นแม่จะต้องชอบหญิงสาวจึงเชื้อเชิญให้เธอนั่ง ก่อนเขาจะจูงมือเด็กน้อยให้ไปหย่อนก้นนั่งด้วยกันบนโซฟาไม่คิดสนใจผู้หญิงอีกคนที่นั่งข้างผู้เป็นแม่สักนิด "นายจำได้ไหมลูกคนนี้ใคร" เมื่อทุกคนนั่งลงกับที่สาริกาก็เริ่มเปิดประเด็นคุยทันที โดยการถามไถ่บุตรชายพร้อมกับยื่นมือไปโอบไหล่หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทางรักใคร่เอ็นดูแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่อยู่กันสองคนสิ้นเชิงทำเอาเมษานึกฉงนไม่น้อยกับการแสดงของสาริกา แต่ก็ทำได้แค่ฝืนยิ้มออกมาบาง ๆ ขณะที่เจ้านายกลับไม่เข้าใจว่าผู้เป็นแม่ต้องการอะไรถึงถามแบบนี้แทนที่จะสนใจแฟนของเขา ได้แต่เก็บความสงสัยไว้แล้วตอบไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "จำไม่ได้ครับ" สายตาจ้องมองหน้าผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ ผู้เป็นแม่อย่างพินิจ แต่ไม่ว่าพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก เขาไม่เคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้สักครั้งแล้วจะจำได้ยังไงกัน "ลูกนี่แย่จริง ๆ เลยนะตานาย จำหนูลียาคู่หมั้นตัวเองไม่ได้ยังไงกัน""คู่หมั้น!"คำว่าคู่หมั้นจากปากผู้เป็นแม่ทำเอาเจ้านายถึงกับเบิกตากว้างพรวดพราดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ คู่หมั้นของเขาอย่างนั้นเหรอนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเขาไปมีคู่หมั้นตั้งแต่ตอนไหน คำถามมากมายผุดขึ้นในสมอง "นี่มันอะไรกันครับแม่ คู่หมั้นอะไรกัน"ไม่ใช่แค่เจ้านายที่ตกใจส้มแฟนของเขาก็ตกใจเช่นกันที่จู่ ๆ แฟนตัวเองก็มีคู่หมั้นโผล่มา ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอควรรู้สึกยังไงดี ทว่าในตอนนี้เธอก็ทำได้แค่เก็บความรู้สึกเก็บความสงสัยเอาไว้นั่งฟังต่อไปเงียบ ๆ ไว้ค่อยถามเจ้านายทีหลังเพราะเธอยังเชื่อมั่นในตัวเขาภายในห้องโถงตกอยู่ในความเงียบ บรรยากาศเป็นไปอย่างอึมครึม ก่อนที่สาริกาจะตอบคำถามบุตรชายด้วยสีหน้าท่าทางสบาย ๆ ไม่มีแว่วทุกขร้อนใด ๆ"ลูกจำไม่ได้เหรอที่แม่เคยบอกว่าพ่อได้หมั้นหมายลูกสาวของเพื่อนพ่อไว้ให้ลูกในตอนที่ลูกยังเด็ก ๆ อยู่ เด็กผู้หญิงคนนั้นก็คือหนูลียานี่ไง วันนี้พ่อของลียาเลยส่งหนูลียามาทวงสัญญา""...""ลูกเองก็เคยเจอหนูลียาแล้วนิเมื่อสิบปีก่อน ก่อนที่หนูลียาจะย้ายไปอยู่เกาหลีทำไมถึงจำไม่ได้ แต่ก็ไม่แปลกเพราะลูกเคยเจอกับน้องตอนเด็ก ๆ ตอนนี้น้องเขาโตเป็นสาวแถมยังสวยด้วยเป็นธรรมดาที่ลูกจะจำไ
สาริกามองตามหลังบุตรชายจนสุดสายตาพร้อมกับถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ด้วยความรู้สึกขัดใจ ก่อนจะดึงสายตากลับมาหน้าเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ "เธอเห็นรึยังเมษาว่าทำไมฉันถึงต้องให้เธอสวมรอยเป็นคู่หมั้นของลูกชายฉัน""ค่ะ แล้วคุณสาริกาจะให้ฉันทำยังไงต่อไปคะในเมื่อคุณเจ้านายยืนยันขนาดนี้แล้ว การจะทำให้ทั้งสองคนเลิกกันคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ" เมษาตอบกลับสาริกาด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความหนักใจ จากเหตุการณ์เมื่อกี้แล้วการทำให้ชายหนุ่มกับคนรักเลิกกันมีแนวโน้มว่ายากเพราะดูทั้งสองจะรักกันมาก ๆ ขนาดสาริกาพูดออกไปแบบนั้นแล้วเขายังต่อต้านเลย และที่สำคัญเหมือนว่าชายหนุ่มจะโกรธเคืองเธอมากด้วยดูจากสายตาวาวโรจน์ที่เขาใช้มองเธอตอนที่รู้ว่าเธอคู่หมั้นของเขา เห็นทีการทำงานของเธอจะไม่ราบรื่นเสียแล้วสิ หนทางการเป็นอิสระของเธอยิ่งไกลออกไป"มันไม่ง่าย แต่ก็คงไม่ยากเกินความสามารถเธอใช่ไหม" สาริกาย้อนถามเด็กสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สวนทางกลับสายตาที่ส่งกดดันอย่างหนัก "ฉันให้สิทธิ์เต็มที่เธอจะทำยังไง หรือใช้วิธีไหนก็ได้แยกทั้งคู่ออกจากกัน""บอกตามตรงนะคะว่าฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าควรทำยังไงดี ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องค
หลังจากไปหาผู้เป็นแม่กับน้องสาว และได้พูดคุยกันเรียบร้อยแล้วเมษาก็เดินทางกลับมายังบ้านวณิชกาญจนโชติอีกครั้งตามคำสั่งของสาริกา"เฮ้อ..สู้ ๆ เมย์" เธอพ่นลมหายใจหนัก ๆ ออกมาพร้อมกับบ่นพึมพำให้กำลังใจตัวเองครั้นรถมาจอดลงยังบ้านวณิชกาญจนโชติ ก่อนจะพาตัวลงจากรถเดินเข้าไปภายในบ้านทว่าเธอก็ต้องชะงักเท้าดังกึกเมื่อเดินมาถึงห้องโถงแล้วเจอเข้ากับเจ้านายที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ ยังมีสาริกานั่งอยู่ที่โซฟาอีกตัวดูเหมือนสถานการณ์ระหว่างแม่ลูกจะอึมครึมไม่น้อยเธออยากจะถอยหลังกลับแต่ก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้ทั้งสาริกา และเจ้านายต่างมองมายังเธอเป็นตาเดียวกันแน่นอนว่าคนถูกจ้องอย่างเธอแทบอยากจะหายไปจากตรงนี้ ยิ่งได้เห็นสายตาของชายหนุ่มที่จับจ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อยิ่งรู้สึกตัวหลีบ ลมหายใจติด ๆ ขัด ๆ หัวใจกระหน่ำเต้นแทบจะทะลุออกมานอกอกอ่า..ให้ตายสิเธอไม่ชอบความรู้สึก และสถานการณ์แบบนี้เลยได้แต่วิงวอนในใจขอให้ใครก็ได้มาช่วยพาเธอออกไปจากตรงนี้ที"กลับมาแล้วเหรอหนูลียา" แต่เหมือนคำขอของเธอจะไม่เป็นผลเมื่อเสียงของสาริกาดังขึ้น"ค่ะคุณป้า" เธอทำได้แค่เก็บความรู้สึกมากมายเอาไว้ฝืนระบายยิ้มตอบเสียงอ่อนเส
หลายวันต่อมา.."ฉันจะทำยังไงกับเจ้าลูกคนนี้ดีเนี่ย โอ๊ย! ฉันจะบ้าตาย" สาริกาที่นั่งอยู่ในห้องโถงโวยวายออกมาเสียงดังลั่นทำให้เมษาที่นั่งอยู่ด้วยถึงกับสะดุ้งโหยงเพราะเธอเองก็กำลังคิดไม่ตกกับเรื่องชายหนุ่มเหมือนสาริกาเช่นกัน นี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยเพราะหลังจากวันที่บุกเข้าไปหาเธอในห้องชายหนุ่มก็ออกไปจากบ้านแล้วไม่โผล่หน้ากลับมาอีกเลย"ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง ขืนปล่อยไว้แบบนี้ลูกชายฉันเสร็จยัยส้มอะไรนั่นแน่" เสียงของสาริกาดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสายตาดุดันที่ตวัดมองหน้าเมษาอย่างไม่ชอบใจ "เธอไม่คิดจะออกความคิดเห็นอะไรหน่อยเหรอเมษา ฉันทุ่มเงินไปกับเธอมากมายช่วยทำงานให้มันคุ้มค่าหน่อยได้ไหม""จะให้ฉันทำยังไงคะในเมื่อลูกชายคุณไม่ยอมกลับบ้านเลย" เมษาตอบกลับสาริกาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าในใจนึกเคืองน้อย ๆ พอไม่พอใจหรือไม่ได้ดั่งใจอะไรสาริกาก็มักมาลงที่เธอเสมอไม่ว่าเรื่องนั้นเธอจะเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม "ให้มันได้อย่างนี้สิ" สาริกาได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอากับความซื่อบื้อของเด็กสาว ก่อนเธอจะหยิบโทรศัพท์ที่วางข้างตัวขึ้นมาต่อสายหาส้มแฟนสาวของลูกชายเพื่อพู
หลังจากวันนั้นเวลาก็ล่วงเลยมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นดีเพราะสาริกาไม่ได้โทรมาระราน หรือทำอะไรตามที่พูดขู่เอาไว้กับส้มทำให้เจ้านายสบายใจได้บ้าง และได้แต่หวังว่าท่านจะยอมหยุดขัดขวางเรื่องการแต่งงานของเขากับแฟนสาวสักทีวันนี้เขาจึงคิดไว้ว่าจะเอาคำตอบจากแฟนสาวเพราะให้เวลาเธอได้คิดมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ แล้วครืดดด~ระหว่างที่กำลังขับรถไปหาแฟนสาวที่บ้านเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาชะลอความเร็วของรถลงเล็กน้อยก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู คิ้วเข้มขมวดชนกันเล็กน้อยครั้นเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือผู้เป็นแม่อดสงสัยไม่ได้ว่าท่านมีอะไรถึงได้โทรมาแต่เช้า ๆ จึงกดรับสาย"ว่าไงครับแม่"(ลูกทำอะไรอยู่เหรอ)"กำลังขับรถครับ แม่มีอะไรรึเปล่าโทรหาผมแต่เช้า"(ลูกไม่กลับบ้านหลายวันแล้ว เย็นนี้กลับมาทานข้าวที่บ้านนะแม่คิดถึง) คำตอบจากผู้เป็นแม่ทำให้เจ้านายแปลกใจเล็กน้อย แต่พอได้ฟังน้ำเสียงแสนเศร้าของท่านก็ทำให้เขาเกิดความรู้สึกผิดน้อย ๆ ปกติท่านไม่เคยใช้น้ำเสียงเศร้าระคนน้อยใจแบบนี้เอาจริง ๆ เขาก็ผิดที่โกรธจนลืมไปว่ายังไงท่านก็เป็นแม่"ได้ครับ" คิด
หลังจากการทานมื้อเย็นจบลงสาริกาก็ได้ให้แม่บ้านทำการย่างบาร์บีคิวต่อรวมถึงเสิร์ฟอาหารทานเล่น และเครื่องดื่มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไวน์ บรั่นดี วิสกี้ และเหล้าจากแบรนด์ดังทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารแปลกใจไปตาม ๆ กันกับการจัดเต็มของสาริกาแน่นอนสาริการู้ว่าทุกคนกำลังแปลกใจ แต่เธอก็ทำเป็นไม่สนใจหันเอ่ยกับคนเป็นสามีที่นั่งข้าง ๆ อย่างใจดี "วันนี้ฉันอนุญาตให้คุณดื่มได้เต็มที่หนึ่งวันค่ะ""วันนี้คุณใจดีจัง" ประวีเลิกคิ้วมองหน้าภรรยาด้วยความแปลกใจระคนฉงนเข้าไปอีก ปกติคนเป็นภรรยาจะกำชับหนักหนาว่าไม่ให้เขาแตะต้องแอลกอฮอล์ แต่มาวันนี้กลับใจดีเสียอย่างนั้น"ก็ฉันบอกแล้วไงคะว่าวันนี้เราสังสรรค์กัน ใครอยากทำอะไร หรืออยากทานอะไรตามสบายเลยค่ะ" สาริกาหาเหตุผลมาอ้างได้อย่างแนบเนียน ประวีเชื่ออย่างสนิทใจไม่ได้ถามไถ่อะไรต่อ ส่วนเจ้านายนั้นนั่งดื่มไวน์ไปเงียบ ๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แค่ผู้เป็นแม่ไม่พูดถึงเรื่องการแต่งงานมันก็ดีมากแล้ว ทว่าหากให้ดีกว่านี้ต้องให้ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาหายไปเสียด้วย บรรยากาศในการสังสรรค์กับครอบครัวถึงจะดีมาก ๆเขากระดกไวน์ที่เหลือลงคออึกใหญ่ ก่อนจะเอียงหน้าไปเอ่ยกับร่างบางที่นั่ง
วันต่อมา..ก็อก! ก็อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้งติด ๆ กันปลุกให้สองหนุ่มสาวที่นอนหลับไหลอยู่บนเตียงเดียวกันค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา "เฮ้ย!""คุณ!"ทั้งเจ้านายและเมษาต่างผงะร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจวินาทีแรกที่ลืมตาขึ้นมาเห็นหน้ากัน จากที่มีอาการงัวเงีย และมึนจากฤทธิ์ยานอนหลับบวกฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็หายเป็นปลิดทิ้ง เมษาลอบกลืนน้ำลายหนี่ยว ๆ ลงคออึกใหญ่ ค่อย ๆ ก้มมองตัวเองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ดวงตากลมโตพลันเบิกกว้าง หัวใจดวงน้อยของเธอกระตุกวูบอย่างช่วยไม่ได้เมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าห่มคลุมไว้ถึงหน้าอก เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างกันมีผ้าห่มผืนเดียวกับเธอคลุมท่อนล่างเอาไว้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ความสงสัย และคำถามมากมายเริ่มผุดขึ้นในสมองของเธอ พยายามจะคิดทบทวนถึงเรื่องเมื่อคืนก็จำได้ลาง ๆ ว่าตัวเองดื่มไวน์จนรู้สึกมึน ๆ จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยเหมือนภาพมันตัดไปทว่าในตอนนี้เธอรู้สึกหวั่นใจ และอับอายมากกว่าเพราะมีอีกคนนอนอยู่ข้างกาย เธอรู้สึกอายจนไม่แม้แต่จะกล้าขยับตัว หรือเงยหน้ามองว่าอีกคนกำลังทำหน้าแบบไหน ได้แต่ใช้มือกำผ้าห่มบริ
เมษายืนทำใจ และรวบรวมความกล้าให้ตัวเองอยู่สักพักใหญ่ ก่อนจะก้าวลงบันไดต่อมาถึงห้องโถงเธอก็เห็นหญิงชายวัยไล่เลี่ยกับแม่ของเธอนั่งอยู่ในห้องโถงด้วยตามที่สาริกาบอก เธอพยายามสะกดจิตตัวเองว่านั้นคือพ่อแม่ของลียาต้องทำตัวสนิทสนมเข้าไว้ แล้วเดินตรงเข้าไปหาพวกท่านพลางแสดงท่าทางตกใจออกมา "พ่อแม่มาได้ยังไงคะ""พ่อกับแม่ตั้งใจจะมาทักทายคุณป้าสาริกาน่ะ" วสินพ่อสวมรอยของเมษาในคราบลียาตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล"ใช่จ้ะ" นิดาแม่สวมรอยเอ่ยเสริมอีกคนพลางมองหน้าเมษาด้วยแววตารักใคร่เอ็นดูราวกับว่าเด็กสาวเป็นลูกจริง ๆ ท่าทางราวกับเป็นพ่อแม่จริง ๆ ที่ทั้งคู่แสดงออกมาช่างสมบทบาททำเอาเมษาแอบทึ่งในใจ แสดงว่าคงเตรียมตัวมาอย่างดี ซึ่งเธอก็ต้องเล่นไปตามน้ำอย่างที่สาริกาบอกเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ คุณแม่สวมรอยแล้วสวมกอดหลวม ๆ ทำเหมือนว่าคิดถึงท่านมาก "คิดถึงจังเลยค่ะ"บอกกล่าวกับแม่สวมรอยจบก็หันไปบอกกล่าวพ่อสวมรอยต่อพร้อมฉีกยิ้มให้จนตายี "คิดถึงพ่อเหมือนกันนะคะ""ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลย มาพูดเรื่องลูกกับพี่เจ้านายดีกว่า พ่อกับแม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจากคุณป้าสาริกาหมดแล้ว" วสินแสร้งตีหน้าเคร่งขรึมแทน สา
“อ๊ะ!” เมษาหลับตาพริ้มเมื่อแก่นกายหนาค่อย ๆ สอดใส่ผ่านปากทางรัก ฝากฝังความเป็นชายของเขาเข้ามาถึงครึ่งลำอย่างรวดเร็วจากหยาดน้ำหวานเปียกชื้นที่ทำหน้าที่แทนสารหล่อลื่นลำกายหนาชำแรกผ่านม่านความเจ็บปวดที่ตอดรัดเขาอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่กี่วินาทีขนาดอันใหญ่โตก็ถูกโอบอุ้มด้วยความอบอุ่นจากร่างกายของหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวสั่นเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่“ฮึก..” เมษากัดริมฝีปาก ใบหน้าหวานเชิดขึ้นสูงเมื่อคนตัวโตทิ้งน้ำหนักลงจนร่างกายเบียดแนบกันไร้ช่องว่าง“เจ็บไหมคะ?” เจ้านายกระซิบถามเสียงต่ำขณะโน้มตัวลงจูบซับไปตามใบหน้าเรียว“เจ็บนิดหน่อยค่ะ..แต่ทนไหว” หญิงสาวตอบเสียงอ้อนอาจเป็นเพราะห่างหายมานาน และขนาดที่ใหญ่โตของชายหนุ่มเลยทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ๆ ทว่าแม้จะเจ็บแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาแยกจากเลยแม้แต่วินาทีเดียว สองมือเรียวจิกผ้าปูที่นอนระบายความเจ็บที่เคล้าระคนไปกับความเสียวซ่านจนแทบจะแยกไม่ออก เสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่ข้างใบหูทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ในที่สุดเธอก็ปรับตัวได้ “พี่จะขยับแล้วนะ” เจ้านายกระซิบ สอดผสานฝ่ามือของเขาและเธอเข้าด้วยกัน กดลงที่เหนือศีรษะเล็กแล้วเริ่มขยับ ในจังหวะแรกเนิบนาบและมั่นคง
@โรงแรมภายในห้องทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกเปิดไฟดาวน์ไลท์หน้าห้องน้ำเอาไว้ ให้ความสว่างเพียงสลัว ๆ เท่านั้น กลิ่นอโรม่าลอยจาง ๆ ในอากาศทำให้บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อย เดินมาถึงห้องนอนเมษาก็อดหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นบนเตียงนอนสีขาวที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจตรงกลางถูกโรยเป็นตัวอักษรคำว่า 'พี่นายรักน้องเมย์'ตรงปลายเตียงมีผ้าขนหนูที่ถูกทำเป็นรูปหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันมันเหมือนเตียงสำหรับคู่บ่าวสาวชัด ๆ สมองพานก่อเกิดภาพแสนลามกขึ้นมา"ชอบไหมครับ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกคนตัวโตสอดแขนเข้ามาโอบกอดเอวคอดจากด้านหลังพร้อมกับน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ที่ดังชิดกกหูตามมาด้วยลมหายใจร้อนผะผ่าวทำขนกายเธอลุกซู่ ในท้องรู้สึกปั่นป่วนแปลก ๆ"ชอบค่ะ เหมือนเตียงในเรือนหอบ่าวสาวเลย" ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มแสนหวานเอียงขึ้นมองสบสายตาร่างสูงด้านหลัง"งั้นเรามาเข้าหอกันไหมครับ" ได้ทีเจ้านายก็ชวนทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่สัญญาดิบดีว่าแค่นอนกอดเฉย ๆ เอาจริง ๆ ที่พูดแบบนั้นเขาก็แค่หลอล่อคนตัวเล็กเขาของขาดมาตั้งไม่รู้กี่เดือนจะให้ทนไหวได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าเมษาเองรู้ทันคนตัวโตอย่างที่รู้ ๆ กันดีทั้งเธอแล
หลังจากคืนดีกันสิ่งแรกที่เจ้านายทำคือพาหญิงสาวไปเดท เขาเลือกร้านอาหารที่เป็นร้านโปรดของเธอ เขาอยากให้เธอประทับใจที่สุดกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่เพราะที่ผ่านมาการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ดีเท่าไรนัก ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าไม่ดีมาก ๆ..แต่นี่สินะที่คนโบร่ำโบราณกล่าวไว้ว่าเกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้นวันนี้เขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามสุดหัวใจ รักแบบไม่คิดว่าจะรักได้มากขนาดนี้"อย่ามองแบบนี้สิคะ เมย์เขินนะ" เมษาที่ถูกชายหนุ่มจ้องมองแทบจะกลืนกินถึงกับหน้าแดงระเรื่อออกอาการเขินจนเก็บไม่อยู่ บ่อยครั้งที่ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนี้แต่อย่างที่บอกว่าเธอก็ไม่เคยต้านทานมันได้สักทียิ่งหลังจากกลับมาคืนดีกันเขาก็ใช้สายตาแบบนี้แทบทุกวันแทบทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน แค่นั้นไม่พอเขายังติดสกินชิพเธอชนิดที่ว่าเหมือนกาวตราช้างก็ไม่ปราน วันแรกที่ตกลงคืนดีกันเขาก็ไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนเธอที่มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบเธอกะว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอเลยสิ แต่บอกตามตรงว่าแทนที่จะไม่พอใจเธอกับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาแสดงความหึงหวงออกมา และกล้าจะเป
วันต่อมา.."อรุณสวัสดิ์ครับน้องเมย์"เสียงทักทายดังขึ้นเหนือศีรษะทำเมษาที่กำลังลืมตาตื่นถึงกับตาเบิกโพลงอาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง เธอดีดตัวลุกขี้นนั่งอัตโนมัติเมื่อเงยขึ้นเห็นคนตัวโตนั่งพิงหัวเตียง และกำลังจับจ้องมาที่เธอ สองคิ้วสวยขมวดมุ่นจำได้ว่าเมื่อคืนเธอนั่งทำรายงานจนดึกจึงเข้านอน โดยตอนที่เธอเข้านอนชายหนุ่มยังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ แต่ไหง่เช้านี้ตื่นมาเขาถึงอยู่บนเตียงได้ แล้วเขาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร"คุณขึ้นมาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร" ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยเปล่งเสียงถามตรง ๆ "ราวตีสองได้แล้วครับ นอนตรงนั้นแล้วปวดเมื่อยไปทั้งตัวพี่เลยมานอนบนเตียง" เจ้านายเอ่ยเสียงอ่อนพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้หญิงสาวด้วยกลัวว่าเธอจะโกรธ ที่เขาพูดไปไม่ใช่คำแก้ตัว แต่รู้สึกปวดหลังปวดขาจริง ๆ จึงมานอนที่เตียงกับเธออย่างถือวิสาสะใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวเธอโกรธ ทว่าเมษากลับแอบอมยิ้ม ในสายตาเขาเธอดุมากเลยหรือถึงให้ออกอาการขนาดนี้ เจ้านายคนใจร้ายหายไปไหนเสียแล้ว เธออยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้"ฉันเข้าใจ คนแก่ก็แบบนี้แหละปวดหลังปวดนู่นปวดนี่ป็นธรรมดาจะไม่ถือโทษแล้วกัน" เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ซี๊ดด.."เจ้านายซูดปากออกมาเบา ๆ ในตอนที่กำลังหยัดกายลุกขึ้นยืน มือกอบกุมหน้าท้องแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเหยเกคล้ายคนกำลังเจ็บปวด เมษาเห็นก็อดสงสัยไม่ได้ "คุณเป็นอะไร""พี่รู้สึกปวดท้องนิดหน่อยครับ"พอฟังคำตอบเธอก็เดาได้ทันทีว่าที่ชายหนุ่มปวดท้องน่าจะเพราะทานอาหารที่เธอทำมากเกินไป สิ่งที่แอบกังวลก็เป็นจริงถึงเธอจะตั้งใจแกล้ง แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขาถึงขั้นเจ็บตัว"ไปหาหมอไหม" ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทว่าคนตัวโตกลับส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับเดินกอบกุมท้องออกไปยังห้องโถงเดินมาหย่อนก้นนั่งที่โซฟาโดยมีเมษาเดินตามมาติด ๆ ด้วยรู้สึกเป็นห่วงต่อให้เขาบอกว่าปวดท้องนิดหน่อยก็ตาม"แน่ใจจริง ๆ นะว่าจะไม่ไปหาหมอ" เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้าง ๆ แล้วถามย้ำอีกครั้ง "ฉันว่าไปหาหมอดีกว่า"ใบหน้าเรียวและดวงตากลมแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างปิดไม่มิดเจ้านายเห็นก็แอบหัวใจพองโตถือว่าที่เขาทนทานอาหารรสชาติแย่จนเกลี้ยงไม่เสียเปล่าอย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าหญิงสาวยังมีความรู้สึกต่อเขาไม่มากก็น้อยไม่อย่างนั้นคงไม่มีท่าทีเป็นห่วงแบบนี้"แน่ใจครับ ไม่ได้เจ็บมากเดี๋ยวก็คงหายไปเอง" เขาระบายยิ้มออกมาบาง ๆ สายตาจ้องมองใ
เจ้านายเดินไปหย่อนก้นนั่งที่โซฟาในห้องโถง ขณะที่เมษาเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อเอาของไว้ แล้วลงมายังชั้นล่างอีกครั้ง"ฉันจะไปทำกับข้าว คุณนั่งรอก่อน" บอกกล่าวกับร่างสูงที่นั่งบนโซฟาแล้วเดินเข้าไปในครัว แต่เมื่อมาถึงเธอกลับบอกให้แม่บ้านทำเมนูต่างให้ สวนปรุงรสเธอจะเป็นคนปรุงเองสั่งเสร็จก็นั่งบนเก้าอี้แถวนั้นรอแม่บ้านทำอาหาร แม่บ้านห้าคนเร่งทำเมนูอาหารที่หญิงสาวสั่งพัลวัน ใช้เวลาราวยี่สิบนาทีก็เสร็จเหลือเพียงให้คนเป็นเจ้านายมาปรุงรส"มาปรุงรสได้เลยค่ะคุณหนู" แม่บ้านคนหนึ่งบอกกล่าว เมษาจึงลุกเดินไปยื่นหน้าเตาที่วางเรียงกันสี่อัน ก่อนจะยื่นมือไปหยิบขวดน้ำส้มสายชูมาบีบใส่ผัดผักรวมในกระทะ ตามด้วยหม้อแกงอีกสามหม้อ จากนั้นก็หยิบขวดเกลือมาเปิดฝาเหยาะใส่ต่อสร้างความงุนงงให้เหล่าแม่บ้านที่ยืนมองอยู่ด้านหลังไม่น้อย ต่างพากันมองหน้าไปมาเพราะจะทักท้วงก็ไม่กล้าเมษยกยิ้มร้ายมุมปากพลางไล่สายตามองกับข้าวบนเตา เธอใช้แค่น้ำส้มสายชูกับเกลือปรุงรสด้วยนึกหมั่นไส้คนตัวโตจึงอยากแกล้งเขา ดูสิยังจะบอกว่าได้ทานข้าวกับคนที่รักอร่อยอยู่ไหม"เสร็จแล้วจัดโต๊ะได้เลยนะคะ แล้วก็ทอดไข่เจียวให้เมย์สักสองฟองด้วยนะคะ" เธอ
แป๊บเดียวเวลาก็ผ่านมาสามเดือนเต็มแล้วที่เจ้านายตามง้อเมษา และเหมือนความพยายามของเขาจะออกผลบ้างแล้วเพราะเธอดูอ่อนลง ยอมรับอะไร ๆ ที่เขาคอยทำให้บ้างแม้จะไม่ทุกอย่างก็ตามเจ้านายมารอรับหญิงสาวเหมือนเช่นทุกวัน ที่แตกต่างไปคงเป็นกุหลาบสีแดงช่อโตที่วางบนเบาะข้างคนขับ เขาขับรถผ่านร้านดอกไม้แล้วนึกถึงเธอจึงตั้งใจซื้อมาให้ ได้แต่หวังว่าเธอจะชอบ และไม่โยนทิ้งถังขยะเขานั่งรอในรถจนเห็นเธอเดินมาจึงเปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับรอ"เชิญครับคุณผู้หญิง" เธอเดินมาถึงก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานพลางโน้มตัวผายมือเชื้อเชิญขึ้นรถ"ขอบคุณ" เมษาเอ่ยตามมารยาท ในวินาทีที่กำลังจะก้าวขึ้นไปนั่งบนรถแล้วเห็นช่อดอกไม้วางอยู่บนเบาะเธอก็ต้องชะงักสองคิ้วขมวดมุ่น ก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่ยืนยิ้มแฉ่งเชิงตั้งคำถาม"ชอบไหมครับ พี่เห็นมันสวยดีเลยนึกถึงน้องเมย์" เจ้านายบอกกล่าวพลางมองช่อดอกไม้สลับกับใบหน้าแสนสวย "พี่ตั้งใจซื้อมาให้เลยนะครับ"เมษาไม่ได้พูดอะไรอีก ยื่นมือไปหยิบช่อดอกไม้มาถือไว้แล้วก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนจะวางช่อดอกไม้บนตักเจ้านายเห็นแบบนั้นก็ใจชื่นหน่อยเพราะแอบลุ้นอย่างหนักว่าเธอจะรับไหม หรือร
เมษารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาหลังจากนอนหลับเต็มอิ่มแล้ว สองคิ้วสวยพลันขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อปรือตาขึ้นพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดคนตัวโตหนำซ้ำเธอยังกอดเขาอยู่เช่นกัน ใบหน้าชิดใกล้กับแผงอกแกร่งที่หลบซ่อนภายใต้เสื้อยืดสีดำจนได้ยินเสียงเต้นของหัวใจอีกฝ่าย และได้กลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขา เธอเผลอสูดดมเข้าปอดพรืดใหญ่ ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าคมคายที่อยู่ห่างเพียงนิด มือยกขึ้นสัมผัสบนแก้มเกลี้ยงเกลาเบา ๆ นานแล้วสินะที่เธอไม่ได้มอง และได้อยู่ใกล้ ๆ เขาแบบนี้อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้จริง ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอโคตรคิดถึงและโหยหาเขาเลย แต่ก็ทำได้แค่อดทนอดกลั้นความรู้สึกเอาไว้แม้เขาทำเธอเจ็บ แต่เธอก็ยังรู้สึกดีเวลาที่ได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอดนี้เพราะเขาเป็นคนที่เข้ามาเติมเต็มความรักความอบอุ่นที่ขาดหายจากผู้เป็นพ่อให้กับเธอภายนอกเธอแสดงออกไปเหมือนยังโกรธเขาอยู่ ทว่าจริง ๆ หัวใจของเธอมันอ่อนไหวไปแล้วเพียงแค่พยายามฝืนตัวเองไว้เท่านั้นเธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ สายตายังคงจับจ้องใบหน้าคมคายไม่วาง เนิ่นนานหลายนาทีก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับซุกหน้าเข้าหาอกแกร่งใช้โอกาสที่คนตัวโตหลับซึมซับความอบอุ่นที่โหย
@ร้านอาหารครึ่งชั่วโมงต่อมาเมษาก็ต้องมานั่งหน้าบูดบึ้งอยู่ที่ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งแทนที่จะได้กลับบ้านก็เพราะคนหน้ามึนอย่างชายหนุ่มพามาน่ะสิทั้งที่เธอบอกแล้วว่าไม่หิวไม่อยากกิน แต่เขาก็ไม่ฟังพามาจนได้เธอนั่งกอดอกมองอาหารมากกว่าห้าอย่างด้วยแววตาขุ่นเคือง ซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นเมนูโปรดเธอทั้งนั้นถามว่าใครสั่งก็คนที่พามานั่นแหละ คิดว่าแค่จำเมนูอาหารทุกอย่างที่เธอชอบทานได้จะทำให้เธอใจอ่อนงั้นหรือบอกเลยไม่มีทาง"พี่สั่งของโปรดน้องเมย์ทั้งนั้นเลยนะครับ ทานสิ" เจ้านายเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อเห็นคนตัวเล็กเอาแต่นั่งทำหน้าคว่ำ มือกอดอก สายตามองมาอย่างไม่พอใจราวกับเด็กน้อย"ก็บอกแล้วไงว่าไม่หิว อยากกินก็กินไปคนเดียวสิ" เมษาตอบเสียงขุ่นพลางสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นไม่อยากจะมองหน้าคนใจร้าย"ไม่หิวจริง ๆ เหรอครับ ของโปรดน้องทั้งนั้นเลยนะ" ไม่ว่าเปล่าเจ้านายยังยกจานปูผัดผงกะหรี่ไปใกล้ใบหน้าเรียวยั่วความอยากของเธอด้วยกลิ่นหอม ๆกลิ่นหอมของผงกะหรี่ลอยอบอวลแตะจมูกทำเมษาลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึก จากที่หิวอยู่แล้วก็ยิ่งหิวเข้าไปอีก ทว่าเธอยังคงเก็บอาการได้ดี"ก็บอกว่าไม่หิวไง" หันกลับมามองคนตัวโตตาขวา