Home / วัยรุ่น / แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย / บทที่ 6 เร่งงานแต่ง

Share

บทที่ 6 เร่งงานแต่ง

last update Last Updated: 2025-02-13 09:23:53

หลายวันต่อมา..

"ฉันจะทำยังไงกับเจ้าลูกคนนี้ดีเนี่ย โอ๊ย! ฉันจะบ้าตาย" 

สาริกาที่นั่งอยู่ในห้องโถงโวยวายออกมาเสียงดังลั่นทำให้เมษาที่นั่งอยู่ด้วยถึงกับสะดุ้งโหยงเพราะเธอเองก็กำลังคิดไม่ตกกับเรื่องชายหนุ่มเหมือนสาริกาเช่นกัน 

นี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยเพราะหลังจากวันที่บุกเข้าไปหาเธอในห้องชายหนุ่มก็ออกไปจากบ้านแล้วไม่โผล่หน้ากลับมาอีกเลย

"ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง ขืนปล่อยไว้แบบนี้ลูกชายฉันเสร็จยัยส้มอะไรนั่นแน่" 

เสียงของสาริกาดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสายตาดุดันที่ตวัดมองหน้าเมษาอย่างไม่ชอบใจ 

"เธอไม่คิดจะออกความคิดเห็นอะไรหน่อยเหรอเมษา ฉันทุ่มเงินไปกับเธอมากมายช่วยทำงานให้มันคุ้มค่าหน่อยได้ไหม"

"จะให้ฉันทำยังไงคะในเมื่อลูกชายคุณไม่ยอมกลับบ้านเลย" เมษาตอบกลับสาริกาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าในใจนึกเคืองน้อย ๆ พอไม่พอใจหรือไม่ได้ดั่งใจอะไรสาริกาก็มักมาลงที่เธอเสมอไม่ว่าเรื่องนั้นเธอจะเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม 

"ให้มันได้อย่างนี้สิ" 

สาริกาได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอากับความซื่อบื้อของเด็กสาว ก่อนเธอจะหยิบโทรศัพท์ที่วางข้างตัวขึ้นมาต่อสายหาส้มแฟนสาวของลูกชายเพื่อพูดคุยขอให้เด็กสาวเลิกกับบุตรชาย ส่วนเมษาได้แต่นั่งมองสาริกาด้วยความสงสัย

"หนูส้มใช่ไหม" 

ก่อนความสงสัยของเธอจะกระจ่างในเวลาต่อมาเมื่อได้ยินสาริกาเอ่ยกับคนปลายสายถ้าจำไม่ผิดคนชื่อส้มคือแฟนของเจ้านายนั่นเอง แล้วท่านจะโทรไปหาหญิงสาวทำไมกันเธอได้แต่เก็บความสงสัยแล้วนั่งฟังสาริกาคุยไปเงียบ ๆ 

ผ่านไปกว่าสิบห้านาทีที่สาริกาคุยกับปลายสายเธอไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นพูดอะไรบ้างแต่ดูจากอารมณ์เกรี้ยวกราด และใบหน้าบึ้งตึงของสาริกาคงไม่ใช่เรื่องดี หากให้เดาฝ่ายนั้นคงปฏิเสธคำขอที่สาริกาบอกให้เลิกยุ่งกับบุตรชายแน่ ๆ งานนี้คงไม่แคล้วเป็นเธอที่ต้องรองรับอารมณ์ของสาริกาอีก

"แม่นั่นไม่ยอมเลิกกับลูกชายฉัน หน้าด้านจริง ๆ เลย" 

มันเหมือนที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด ทันทีที่วางสายจากฝั่งนั้นสาริกาก็ตวาดเสียงใส่เธอดังลั่น คำว่าหน้าด้านมันเข้าหน้าเธอเต็ม ๆ จนอดสะดุ้งไม่ได้ถึงแม้สาริกาจะไม่ได้ว่าเธอก็ตาม

"แล้วคุณจะเอายังไงต่อคะ" เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยถามความคิดของสาริกาว่าจะเอายังไงต่อ 

ส่วนเธอนั่นคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ อย่างที่บอกว่าเรื่องผู้ชาย หรือเรื่องความรักเธอไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแม้อายุจะยี่สิบกว่าแล้วก็ตาม

"ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออกหรอก" 

สาริกาตอบเสียงห้วนพลางกลอกตามองเด็กสาวอย่างนึกรำคาญทำเอาเมษาหน้าเจื่อนตัวหลีบเหลือสองนิ้วไม่กล้าจะพูดอะไรอีกทำให้บรรยากาศภายในห้องโถงเงียบสนิท

หลายชั่วโมงต่อมา ระหว่างที่สาริกากับเมษากำลังนั่งคุยกันในห้องโถงหลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จคนที่หายหน้าหายตาไปเกือบอาทิตย์ก็ปรากฏตัวขึ้นสร้างความแปลกใจให้ทั้งสองคนเป็นอย่างมาก

"ลมอะไรหอบแกกลับมาบ้านได้" สาริกาอดไม่ได้จะพูดแดกดันบุตรชาย

"แม่โทรไปพูดแบบนั้นกับแฟนผมได้ยังไง แม่จะทำเกินไปแล้วนะ" 

คนถูกแดกดันอย่างเจ้านายหาได้สนใจไม่เพราะมีเรื่องที่ทำให้เขาโกรธผู้เป็นแม่ยิ่งกว่า มันคือเรื่องที่แม่ของเขาโทรไปพูดจาไม่ดีใส่คนรักของเขานั่นเอง

เขาได้รู้เรื่องนี้จากคนรักพอรู้เขาก็รีบบึ่งรถมาหาท่านทันทีเพื่อพูดคุยให้รู้เรื่องเพราะที่ท่านทำมันเกินไปแล้วจริง ๆ 

"แล้วยังไงแม่ทำได้มากกว่านี้อีกหากลูกยังไม่เลิกกับแม่นั่น" สาริกาไม่ได้มีท่าทีสำนึกสักนิดกับการกระทำของตัวเอง หนำซ้ำยังพูดขู่บุตรชายอีก

"ยิ่งแม่ทำแบบนี้ผมก็ยิ่งอยากแต่งงานกับส้ม ผมจะเลื่อนงานแต่งของผมกับส้มให้เร็วขึ้นอีก" 

แน่นอนว่าเจ้านายไม่ยอมอ่อนข้อให้ผู้เป็นแม่ประกาศออกไปอย่างชัดเจนถึงเจตนารมณ์ ขณะที่สายตาจ้องมองตัวต้นเหตุอย่างเมษาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อหากสามารถฉีกเนื้อหญิงสาวออกเป็นชิ้น ๆ ได้เขาคงทำไปแล้วไม่ปล่อยให้เธอมานั่งหน้าเสร่ออยู่แบบนี้หรอก 

สาริกาถึงกับนั่งไม่ติดกับประโยคที่หลุดจากปากบุตรชายลุกขึ้นตะเบ็งเสียงใส่ดั่งลั่น "แม่ไม่ยอม คนที่ลูกจะแต่งงานด้วยมีเพียงคนเดียวคือหนูลียา"

"ได้ฤกษ์แต่งวันไหนผมจะมาแจ้งให้แม่กับพ่อทราบอีกทีนะครับ" 

เจ้านายไม่คิดฟังคำพูดผู้เป็นแม่บอกกล่าวกับท่านทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากบ้านอีกครั้งทั้งที่เพิ่งกลับมา 

ความจริงเขาไม่อยากจะเหยียบกลับมาด้วยซ้ำถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่ผู้เป็นแม่โทรไปหาคนรักของเขา

ปึก!

เขาใช้กำปั้นทุบลงบนพวงมาลัยสุดแรงหลังจากขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้วเพื่อระบายอารมณ์ขุ่นเคืองที่คุกรุ่นอยู่ภายใน ยิ่งภาพใบหน้าของลียาผุดขึ้นในสมองเขาก็ยิ่งหงุดหงิด เป็นเพราะเธอคนเดียวเรื่องทุกอย่างจึงแย่แบบนี้โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของเขากับคนรักที่นับวันก็ยิ่งสั่นคลอน 

คนรักของเขาเกือบจะถอดใจขอยุติความสัมพันธ์หลายครั้งหลายคราแต่เขาขอร้อง และขอโอกาสจากเธอไว้เลยทำให้ความสัมพันธ์ยังอยู่  

ดังนั้นเขาจึงต้องเคลียร์เรื่องบ้า ๆ นี่ให้จบโดยเร็วที่สุดก่อนคนรักของเขาจะถอดใจไปจริง ๆ 

ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เขาพยายามนั่งระงับอารมณ์ตัวเองกระทั่งรู้สึกเย็นลงจึงขับรถออกจากบ้านไปหาคนรักที่บ้านของเธอ 

เขาพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่พร้อมกับปรับใบหน้าที่บึ้งตึงให้เป็นปกติครั้นรถเคลื่อนตัวมาจอดลงยังบ้านสาวคนรัก ก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปในบ้าน 

ใบหน้าหล่อเหลาพลันประดับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นใบหน้าสาวคนรักกับเด็กน้อยภริตาบุตรสาวของเธอ 

เขาได้รู้จักกับส้มสาวคนรักเพราะพี่ชายของเธอเป็นเพื่อนสนิทกับเขา ตอนนั้นเขาทำงานอยู่ที่อเมริกาเบสพี่ชายของส้มก็ได้ติดต่อให้เขาช่วยหาที่อยู่ให้ส้ม และฝากฝังให้ช่วยดูแลเพราะส้มกำลังท้องแก่ ซึ่งเขาก็ได้หาห้องให้ส้มได้พักอยู่คอนโดเดียวกับเขาและช่วยดูแลตามคำขอของเพื่อน

ช่วงแรกเขาไม่ได้คิดอะไรกับส้มไปมากกว่าน้องสาวเพื่อนนอกจากจะเอ็นดู และสงสารที่เธอหย่ากับสามีทั้งที่กำลังท้อง หนำซ้ำยังทะเลาะกับพ่อแม่จนต้องระหกระเหินมาอยู่ไกลถิ่น แต่พอได้ใกล้ชิด ได้เห็นนิสัยใจคอ ได้เห็นความเด็ดเดี่ยว และเข้มแข็งของเธอก็ทำให้เขานึกชึ่นชมจนไม่รู้เลยว่ามีความรู้สึกอื่นแทรกซึมเข้ามาตอนไหนรู้ตัวอีกทีก็ชอบเธอเข้าเสียแล้วโดยไม่สนใจเลยว่าในท้องของเธอมีลูกผู้ชายคนอื่นอยู่

เขาไม่ได้รังเกียจสักนิดที่เธอเคยผ่านการแต่งงานและมีลูกติด กลับกันเขารักบุตรสาวของส้มเหมือนลูกแท้ ๆ ด้วยซ้ำเพราะคอยดูแลมาตั้งแต่ในท้องจนกระทั่งลืมตาออกมาดูโลกและตอนนี้ก็อายุสามขวบกว่า ๆ แล้ว

"พ่อนาย" เสียงใส ๆ ของเด็กน้อยภริตาดังขึ้นทำให้เจ้านายหลุดจากภวังค์ความคิด เขาฉีกยิ้มหวานให้เด็กน้อยจนตาหยีพร้อมกับเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างเด็กน้อย "ว่าไงครับคนสวยของพ่อนาย"

"คิดถึงค่ะ" 

"เมื่อเช้าก็เพิ่งเจอกันคิดถึงอีกแล้วเหรอครับ" ใบหน้าหล่อยิ่งมีรอยยิ้มผุดพรายมากกว่าเดิมกับคำตอบจากเด็กน้อย อดไม่ได้จะใช้มือบีบแก้มอวบ ๆ เบา ๆ ให้หายมันเขี้ยว "น่ารักจริง ๆ ลูกสาวพ่อนาย"

"น่ารักก็รักน้องริตาเยอะ ๆ นะคะ" เด็กน้อยภริตาเอ่ยอย่างไร้เดียงสาพร้อมกับสวมกอดชายหนุ่มที่ตัวเองรักเสมือนพ่อแน่นทำให้คนถูกกอดอย่างเจ้านายอิ่มเอมหัวใจยิ่งนักกอดตอบร่างน้อย ๆ ไว้หลวม ๆ "ครับ"

เขานั่งกอดนั่งหยอกล้อกับเด็กน้อยสักครู่ใหญ่จึงเรียกให้พี่เลี้ยงพาเด็กน้อยภริตาไปวิ่งเล่นเพราะเขาต้องการคุยเรื่องแม่กับแฟนสาว

เมื่อเด็กน้อยคล้อยหลังไปเขาก็ขยับไปนั่งลงข้างแฟนสาวแล้วบอกกล่าวเรื่องทีี่ไปคุยกับแม่ที่บ้านให้แฟนสาวฟังทันที 

"พี่ไปคุยกับแม่มาแล้วนะ พี่ต่อว่าท่านไปนิดหน่อยแล้วก็บอกกับท่านอย่างชัดเจนว่าจะเร่งงานแต่งของเราให้เราขึ้น"

"เร่งงานแต่ง?" ส้มถึงกับคิ้วขมวดหันมองหน้าแฟนหนุ่มเชิงขอคำขยายความ 

"เราเลื่อนงานแต่งให้เร็วขึ้นนะครับ เป็นเดือนหน้าเลยก็ยิ่งดีพี่ไม่อยากรอแล้ว" เห็นสีหน้างุนงงของแฟนสาวเจ้านายก็รีบทำหน้าออดอ้อนทันทีพลางสอดมือเข้าไปสวมกอดเอวบางหลวม ๆ ด้วยกลัวว่าแฟนสาวจะโกรธและไม่ยอมทำตามคำร้องขอ

"แต่แม่ของพี่ยังไม่ยอมรับส้มนะคะ หากแต่งงานไปแล้วมีปัญหาทีหลังจะทำยังไงคะส้มไม่อยากผิดพลาดเป็นครั้งที่สอง" ส้มบอกกล่าวแฟนหนุ่มไปตามความรู้สึกแม้จะใจอ่อนยวบยาบกับเสียงอ้อนของเขาก็ตาม 

เธอเคยพลาดกับเรื่องความรักมาแล้วครั้งหนึ่งจนได้ชื่อว่าแม่หม้ายลูกติดจึงไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาดเป็นครั้งที่สองอีกเพราะหัวใจของเธอคงตั้งรับกับความบอบช้ำบ่อย ๆ ไม่ไหว 

คนเคยมีบาดแผลอย่างเธอย่อมกลัวเป็นธรรมดาได้แต่หวังว่าแฟนหนุ่มจะเข้าใจ

"เรื่องนี้น้องส้มไม่ต้องกลัว และไม่ต้องกังวลเลยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่ไม่มีวันปล่อยมือน้องเด็ดขาด พี่จะทำให้แม่ยอมรับน้องส้มกับลูกให้ได้ พี่เชื่อว่าแม่พี่จะต้องรักน้องส้มกับลูกในสักวัน พี่สัญญาว่าจะไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย และหลังจากแต่งงานกันหากน้องไม่สบายใจที่จะอยู่รวมกับพ่อแม่พี่ พี่ก็มองหาบ้านไว้แล้วเราจะแยกไปอยู่อีกแห่งหนึ่ง"

"ส้มขอบคุณพี่นายมากนะคะที่พยายามทำอะไรเพื่อส้มมากมาย แต่ส้มขอคิดดูหน่อยนะคะ" 

ส้มซาบซึ้งในความตั้งใจของแฟนหนุ่มยิ่งนักตั้งแต่คบกันเขาดูแลเธอกับลูกดีมาตลอดไม่เคยมีสักครั้งที่ทำให้เสียใจมีแต่จะทำให้เธอมีความสุขและเสียงหัวเราะ 

เขายังเป็นคนเยียวยาบาดแผลในใจของเธอดีขึ้นอีกด้วย หากไม่ติดเรี่องแม่ของเขาเธอคงตอบตกลงโดยไม่คิดมากเลยหรือลังเลเลย

"ครับ" เจ้านายเข้าใจถึงความรู้สึกแฟนสาวดีจึงไม่เร่งเร้าจะเอาคำตอบอีกด้วยกลัวจะทำให้แฟนสาวลำบากใจ

"ขอบคุณนะคะ พี่นายน่ารักกับส้มตลอดเลย" 

"เพราะพี่รักส้มไง อะไรที่เป็นความสุขและความสบายใจของส้มพี่ได้เสมอ" 

เขาตอบไปตามความจริงพร้อมกับสวมกอดผู้หญิงอันเป็นที่รักแนบแน่นขึ้นส่งผ่านความรู้สึกที่มีให้เธอได้รับรู้

Related chapters

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 7 แผนร้าย

    หลังจากวันนั้นเวลาก็ล่วงเลยมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นดีเพราะสาริกาไม่ได้โทรมาระราน หรือทำอะไรตามที่พูดขู่เอาไว้กับส้มทำให้เจ้านายสบายใจได้บ้าง และได้แต่หวังว่าท่านจะยอมหยุดขัดขวางเรื่องการแต่งงานของเขากับแฟนสาวสักทีวันนี้เขาจึงคิดไว้ว่าจะเอาคำตอบจากแฟนสาวเพราะให้เวลาเธอได้คิดมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ แล้วครืดดด~ระหว่างที่กำลังขับรถไปหาแฟนสาวที่บ้านเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาชะลอความเร็วของรถลงเล็กน้อยก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู คิ้วเข้มขมวดชนกันเล็กน้อยครั้นเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือผู้เป็นแม่อดสงสัยไม่ได้ว่าท่านมีอะไรถึงได้โทรมาแต่เช้า ๆ จึงกดรับสาย"ว่าไงครับแม่"(ลูกทำอะไรอยู่เหรอ)"กำลังขับรถครับ แม่มีอะไรรึเปล่าโทรหาผมแต่เช้า"(ลูกไม่กลับบ้านหลายวันแล้ว เย็นนี้กลับมาทานข้าวที่บ้านนะแม่คิดถึง) คำตอบจากผู้เป็นแม่ทำให้เจ้านายแปลกใจเล็กน้อย แต่พอได้ฟังน้ำเสียงแสนเศร้าของท่านก็ทำให้เขาเกิดความรู้สึกผิดน้อย ๆ ปกติท่านไม่เคยใช้น้ำเสียงเศร้าระคนน้อยใจแบบนี้เอาจริง ๆ เขาก็ผิดที่โกรธจนลืมไปว่ายังไงท่านก็เป็นแม่"ได้ครับ" คิด

    Last Updated : 2025-02-13
  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 8 จัดฉาก

    หลังจากการทานมื้อเย็นจบลงสาริกาก็ได้ให้แม่บ้านทำการย่างบาร์บีคิวต่อรวมถึงเสิร์ฟอาหารทานเล่น และเครื่องดื่มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไวน์ บรั่นดี วิสกี้ และเหล้าจากแบรนด์ดังทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารแปลกใจไปตาม ๆ กันกับการจัดเต็มของสาริกาแน่นอนสาริการู้ว่าทุกคนกำลังแปลกใจ แต่เธอก็ทำเป็นไม่สนใจหันเอ่ยกับคนเป็นสามีที่นั่งข้าง ๆ อย่างใจดี "วันนี้ฉันอนุญาตให้คุณดื่มได้เต็มที่หนึ่งวันค่ะ""วันนี้คุณใจดีจัง" ประวีเลิกคิ้วมองหน้าภรรยาด้วยความแปลกใจระคนฉงนเข้าไปอีก ปกติคนเป็นภรรยาจะกำชับหนักหนาว่าไม่ให้เขาแตะต้องแอลกอฮอล์ แต่มาวันนี้กลับใจดีเสียอย่างนั้น"ก็ฉันบอกแล้วไงคะว่าวันนี้เราสังสรรค์กัน ใครอยากทำอะไร หรืออยากทานอะไรตามสบายเลยค่ะ" สาริกาหาเหตุผลมาอ้างได้อย่างแนบเนียน ประวีเชื่ออย่างสนิทใจไม่ได้ถามไถ่อะไรต่อ ส่วนเจ้านายนั้นนั่งดื่มไวน์ไปเงียบ ๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แค่ผู้เป็นแม่ไม่พูดถึงเรื่องการแต่งงานมันก็ดีมากแล้ว ทว่าหากให้ดีกว่านี้ต้องให้ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาหายไปเสียด้วย บรรยากาศในการสังสรรค์กับครอบครัวถึงจะดีมาก ๆเขากระดกไวน์ที่เหลือลงคออึกใหญ่ ก่อนจะเอียงหน้าไปเอ่ยกับร่างบางที่นั่ง

    Last Updated : 2025-02-13
  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 9 ผ่านมากี่คน

    วันต่อมา..ก็อก! ก็อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้งติด ๆ กันปลุกให้สองหนุ่มสาวที่นอนหลับไหลอยู่บนเตียงเดียวกันค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา "เฮ้ย!""คุณ!"ทั้งเจ้านายและเมษาต่างผงะร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจวินาทีแรกที่ลืมตาขึ้นมาเห็นหน้ากัน จากที่มีอาการงัวเงีย และมึนจากฤทธิ์ยานอนหลับบวกฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็หายเป็นปลิดทิ้ง เมษาลอบกลืนน้ำลายหนี่ยว ๆ ลงคออึกใหญ่ ค่อย ๆ ก้มมองตัวเองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ดวงตากลมโตพลันเบิกกว้าง หัวใจดวงน้อยของเธอกระตุกวูบอย่างช่วยไม่ได้เมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าห่มคลุมไว้ถึงหน้าอก เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างกันมีผ้าห่มผืนเดียวกับเธอคลุมท่อนล่างเอาไว้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ความสงสัย และคำถามมากมายเริ่มผุดขึ้นในสมองของเธอ พยายามจะคิดทบทวนถึงเรื่องเมื่อคืนก็จำได้ลาง ๆ ว่าตัวเองดื่มไวน์จนรู้สึกมึน ๆ จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยเหมือนภาพมันตัดไปทว่าในตอนนี้เธอรู้สึกหวั่นใจ และอับอายมากกว่าเพราะมีอีกคนนอนอยู่ข้างกาย เธอรู้สึกอายจนไม่แม้แต่จะกล้าขยับตัว หรือเงยหน้ามองว่าอีกคนกำลังทำหน้าแบบไหน ได้แต่ใช้มือกำผ้าห่มบริ

    Last Updated : 2025-02-13
  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 10 ไม่มีทางเลือก

    เมษายืนทำใจ และรวบรวมความกล้าให้ตัวเองอยู่สักพักใหญ่ ก่อนจะก้าวลงบันไดต่อมาถึงห้องโถงเธอก็เห็นหญิงชายวัยไล่เลี่ยกับแม่ของเธอนั่งอยู่ในห้องโถงด้วยตามที่สาริกาบอก เธอพยายามสะกดจิตตัวเองว่านั้นคือพ่อแม่ของลียาต้องทำตัวสนิทสนมเข้าไว้ แล้วเดินตรงเข้าไปหาพวกท่านพลางแสดงท่าทางตกใจออกมา "พ่อแม่มาได้ยังไงคะ""พ่อกับแม่ตั้งใจจะมาทักทายคุณป้าสาริกาน่ะ" วสินพ่อสวมรอยของเมษาในคราบลียาตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล"ใช่จ้ะ" นิดาแม่สวมรอยเอ่ยเสริมอีกคนพลางมองหน้าเมษาด้วยแววตารักใคร่เอ็นดูราวกับว่าเด็กสาวเป็นลูกจริง ๆ ท่าทางราวกับเป็นพ่อแม่จริง ๆ ที่ทั้งคู่แสดงออกมาช่างสมบทบาททำเอาเมษาแอบทึ่งในใจ แสดงว่าคงเตรียมตัวมาอย่างดี ซึ่งเธอก็ต้องเล่นไปตามน้ำอย่างที่สาริกาบอกเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ คุณแม่สวมรอยแล้วสวมกอดหลวม ๆ ทำเหมือนว่าคิดถึงท่านมาก "คิดถึงจังเลยค่ะ"บอกกล่าวกับแม่สวมรอยจบก็หันไปบอกกล่าวพ่อสวมรอยต่อพร้อมฉีกยิ้มให้จนตายี "คิดถึงพ่อเหมือนกันนะคะ""ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลย มาพูดเรื่องลูกกับพี่เจ้านายดีกว่า พ่อกับแม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจากคุณป้าสาริกาหมดแล้ว" วสินแสร้งตีหน้าเคร่งขรึมแทน สา

    Last Updated : 2025-02-13
  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 11 รับผิดชอบการกระทำ

    "เป็นยังไงบ้าง"ทันทีที่เมษาย่างกรายเข้ามาถึงห้องโถงของบ้านวณิชกาญจนโชติเสียงของสาริกาที่นั่งอยู่ก็ถามไถ่ขึ้น เธอได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนเปล่งเสียงตอบพร้อมเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาตัวตรงข้าม "คุณส้มไม่ได้พูดอะไรค่ะ แต่ฉันคิดว่าวิธีนี้น่าจะได้ผล""ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น ฉันเหนื่อยและเอือมระอากับเรื่องนี้เต็มทนแล้ว" สาริกาเอ่ยพร้อมกับถอนหายใจออกมา"ทันทีที่คุณส้มยอมเลิกกับคุณเจ้านาย ฉันจะได้รับอิสระสามารถกลับไปอยู่กับแม่ และน้องสาวได้เลยใช่ไหมคะ" "ยัง..จนกว่าฉันจะแน่ใจว่าสองคนนั้นเลิกกันจริง ๆ เธอต้องอยู่เป็นไม้กันหมาสักระยะ""สักระยะนี่มันนานแค่ไหนคะ?" เมษาขมวดคิ้วมุ่น"เธอจะถามอะไรเยอะแยะ ถึงเวลาก็รู้เองแหละ" สาริกาตวัดสายตามองหน้าเมษาที่เอาแต่ยิงคำถามไม่เลิกด้วยความรำคาญ ทำเอาคนถูกจ้องต้องรีบหลบสายตาพร้อมกับเอ่ยขอโทษไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว "ขอโทษค่ะ"ภายในห้องโถงถูกความเงียบเข้าปกคลุมนานนับนาที ก่อนสาริกาจะเอ่ยปากไล่เด็กสาวที่นั่งขวางหูขวางตา "จะไปไหนก็ไปไป" สิ้นเสียงไล่เมษาก็ลุกเดินคอตกขึ้นไปยังห้องนอนตัวเองทันที เธอทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงอุตส่าห์หวังไ

    Last Updated : 2025-02-13
  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 12 สนอง

    ตุ้บ!!ร่างของเมษาถูกเจ้านายเหวี่ยงขึ้นเตียงอย่างแรง แรงกระแทกกับที่นอนส่งผลให้เธอจุกจนร้องไม่ออก หน้าคะมำจูบที่นอนนุ่มเต็ม ๆ ทว่าแม้จะรู้สึกจุก และเจ็บเพียงใดเธอก็พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งโดยเร็วที่สุดด้วยความกลัวที่มีมากกว่า "อ๊ะ.."ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรก็ถูกร่างสูงผลักให้นอนราบกับที่นอนอีกครั้งโดยมีเขาตามมาคร่อมเอาไว้ มือเล็กทั้งสองยกขึ้นผลักไสคนด้านบนพัลวันพลางพยายามดีดดิ้นสุดแรง ปากร้องถามไปด้วยความตื่นตระหนก "คะ..คุณจะทำอะไร อะ..ออกไปนะ""อย่ามาทำไขสือลียา เธออยากได้ฉันมากไม่ใช่เหรอฉันก็กำลังสนองให้อยู่นี่ไง" เจ้านายกดเสียงเอ่ยอย่างเย็นเยือก แววตาแข็งกร้าวจดจ้องใบหน้าเรียวเขม็ง มือทั้งสองจับมือเล็กที่เอาแต่ผลักไสไปกดตรึงกับที่นอนข้างศีรษะเล็ก"ไม่ ฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้" ใบหน้าเรียวส่ายปฏิเสธระรัวจนเส้นผมสีน้ำตาลสลวยยุ่งเหยิง ร่างบอบบางยังคงออกแรงดีดดิ้นไม่หยุดหย่อน สองเท้าเล็กถีบยันที่นอนไปมาจนยับยู่ยี่หวังดันตัวให้หลุดพ้นจากพันธนาการคนด้านบน"กรี๊ดด!" ริมฝีปากอิ่มพลันหลุดเสียงกรีดในเสี้ยววินาทีต่อมาเมื่อใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงซุกไซ้ลำคอ ใบหน้าเรียวที่เต็มไปด้วยความตื่นกลัวพยายา

    Last Updated : 2025-02-13
  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 13 ผู้หญิงแพศยา

    @ผับหลังจากออกจากบ้านเจ้านายก็มานั่งดื่มที่ผับของเพื่อนชายคนสนิทเพื่อดับความร้อนรุ่มที่เกิดจากความโกรธน้ำสีอำพันในแก้วคริสตัลถูกชายหนุ่มยกดื่มครั้งแล้วครั้งแล้ว พอหมดก็เติมใหม่โดยมีแมธธิวเพื่อนที่เป็นเจ้าของผับคอยรินให้"แม่งเอ้ย! ทำไมทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ" จู่ ๆ เสียงทุ้มก็สบถออกมาด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่น แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเป็นจำนวนมากไม่สามารถดับไฟในกายเขาได้เลย กลับกันยิ่งเริ่มเมากึ๋ม ๆ ก็ยิ่งมีอารมณ์รุนแรงขึ้น ในสมองมีแต่ใบหน้าของลียาผู้หญิงแพศยาลอยวนซ้ำ ๆมือหนากำแก้วแน่นจนเส้นเลือดบนหลังมือลากยาวไปถึงแขนปูดนูน กรามทั้งสองขบเข้าหากันแน่นจนเกิดเสียงดังกรอด เขาอยากจะขย้ำเธอให้แหลกเป็นผุยผงให้สมกับที่เธอทำลายความรักของเขากับแฟนสาวพังไม่ใช่แค่คิดแต่เขาลุกพรวดขึ้นยืนโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้แมธธิวรู้สึกตกใจไม่น้อย เอ่ยถามไปด้วยความสงสัย "เป็นอะไรของมึง อยู่ ๆ ก็ลุกขึ้นยืน""กูต้องกลับไปจัดการคน" เจ้านายตอบเพื่อนชายเพียงแค่นั้นไม่ได้ขยายความต่อ ว่าจะก็เดินตัวปลิวออกจากผับไปขึ้นรถหรูราคาหลายสิบล้านขับตรงกลับบ้านด้วยความเร็วใช้เวลาขับรถราว ๆ สี่สิบห้านาทีก็มาถึงบ้าน ซึ่งตอน

    Last Updated : 2025-02-13
  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 14 ทำความรู้จักว่าที่สะใภ้ของแม่

    เมษารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ด้วยความรู้สึกที่ไม่สดชื่นเท่าไรนักเพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็เกือบตีสี่แล้ว"เฮ้อ.." เธอถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกหนักอก ก่อนจะสบัดผ้าห่มออกจากตัวลุกลงจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วเดินลงไปยังชั้นล่างเพื่อช่วยแม่บ้านทำอาหารเช้าเหมือนเช่นทุกวันทว่าเมื่อเดินลงไปถึงห้องโถงใหญ่เธอก็ต้องชะงัก หน้าถอดสีฉับพลันเพราะคนที่เพิ่งถูกเธอตีหัวไปเมื่อคืนนั่งอยู่ในห้องโถง รอบศีรษะของเขามีผ้าก็อตพันอยู่ชายหนุ่มคงโกรธเธอมากดูจากสายตาที่จ้องเธอแทบจะเขมือบหัว บางทีหากตอนนี้ไม่มีสาริกานั่งอยู่ที่โซฟาด้วยเขาคงพุ่งเข้ามาฆ่าเธอแล้วก็เป็นได้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าสาริการู้ว่าแผลบนหัวบุตรชายสุดที่รักได้มาจากเธอสาริกาคงเล่นงานเธอแน่ ๆ เหมือนเธออยู่ท่ามกลางฝูงเสือฝูงจระเข้ที่พร้อมจะขย้ำเธอทุกเมื่อแท้ ๆเธอแทบจะก้าวขาเดินต่อไม่ได้เพราะรู้สึกกดดันกับสายตาทั้งสองคู่ที่มองมา มือทั้งสองกำกระโปรงชุดเดรสแน่นพยายามข่มความรู้สึกมากมายที่กำลังประเดประดังเข้ามา"หนูลียามานั่งนี่สิจ๊ะ" กระทั่งสาริกาเอ่ยเรียกเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจึงทำให้เบาใจขึ้นมาหน่อย นั่นอาจหมายความว่าท่านยังไม่ร

    Last Updated : 2025-02-13

Latest chapter

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 22 ชดใช้ยังไง2

    "..."เมษากลับเงียบพร้อมก้มหน้าหลบสายตากดดันเธอไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไงดี อีกทั้งยังรู้สึกกลัวและกังวลไปหมด นั่นทำให้เจ้านายไม่คิดจะอดทนอีกต่อไปผละตัวออกจากร่างบาง "งั้นก็ไปพูดกับลียาตัวจริงเองแล้วกัน แต่เธอคงไม่ได้โง่จนไม่รู้ใช่ไหมว่าการสวมรอยเป็นคนอื่นมันผิดกฎหมาย หากลียาตัวจริงรู้ว่าตัวเองถูกสวมรอยแล้วไปแจ้งความจับเธอเข้าคุกใครหน้าไหนก็คงช่วยเธอไม่ได้" พูดขู่ด้วยน้ำเสียงดุดันพร้อมทั้งยื่นมือไปจับข้อมือเล็กทำท่าลากเธอออกไปจากบ้าน จงใจแสดงให้หญิงสาวเห็นว่าเขาพูดจริงทำจริงเธอจะได้เลิกปากแข็งสักทีและมันได้ผล.."มะ..ไม่นะ"เมษารีบสะบัดมือออกจากการจับกุมวิ่งไปยืนห่าง ๆ ร่างสูงด้วยกลัวว่าจะถูกเขาจับไปส่งลียา สายตาจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยความรู้สึกกลัวและกังวลสองมือน้อย ๆ ขย้ำกระโปรงตัวยาวแน่นจนฝ่ามือเริ่มชื้นไปด้วยเหงื่อตลอดจนถึงไรผม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะภายในบ้านมันร้อน หรือเพราะความกดดันกันแน่ เธอลอบกลืนน้ำลายลงลำคอแห้งผากดังอึก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดยาว ๆ เรียกความกล้าบอกกล่าวไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิวแทบจะขาดหาย"ฉันชื่อ..เมษา..""แล้วเธอมาสวมรอยเป็นลียาทำไม ต้องการอะไร"พอมาถึงคำถามนี้เม

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 21 ชดใช้ยังไง1

    "เฮ้อ.."เมษาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าเขตห้องครัวเพราะเมื่อกี้ตอนออกไปเติมของที่โต๊ะข้างนอก เหลือบเห็นว่าชายหนุ่มนั่งจ้องด้วยสายตาแทบจะกินหัวตลอดเวลา แต่เธอแสร้งทำไม่เห็นรีบเติมของแล้วรีบเข้ามาเธออยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็ว ๆ แล้วสิ.."เป็นอะไรคะน้องลี" รสที่เห็นสีหน้าเหนื่อย ๆ ของหญิงสาวอดถามไถ่ไม่ได้ ทั้งที่ตอนออกไปดูปกติดี"ปะ..""อ๊ะ..".ไม่ทันได้ตอบคำถามเมษาก็ต้องหลุดร้องด้วยแรงกระชากรุนแรงจากด้านหลัง ตัวเธอหมุนติ้วเข้าปะทะร่างเจ้าของการกระทำเต็ม ๆ ท่ามกลางสายตาของแม่บ้านที่ตกใจเจ้านายไม่พูดพร่ำทำเพลงพอจับหญิงสาวได้ก็ลากให้เธอเดินตามไปทางประตูหลังครัว"ปล่อยนะคุณเจ้านาย คุณจะพาฉันไปไหน" เมษาพยายามขัดขืนสะบัดมือออกจากการจับกุมพร้อมทั้งหันส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเหล่าแม่บ้านไปด้วย แต่ไม่มีใครกล้าเข้ายุ่งเพราะเห็นว่าเจ้านายกำลังโกรธมาก "โอ้ย!" เมษาถูกฉุดกระชากแรงขึ้นจนตัวปลิว หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความหวาดหวั่นเมื่อถูกฉุดกระชากเข้าสู่บริเวณทางเดินบ้านพักของแม่บ้านที่มีเพียงแสงสว่างส่องเล็กน้อย บรรยากาศเงียบสงัดจนดูวังเวง"คุณเจ้านาย คุณจะพาฉันไปไ

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 20 ความจริงเปิดเผย2

    "ส่วนนี้คุณหญิงสิณีกับหนูดีเจ้านาย ภรรยาเจ้าสัวเกริกศักดิ์" เสียงแม่ดังทบโสตประสาททำให้เจ้านายหลุดจากภวังค์ความคิด ดึงสายตาไปมองทั้งสองคนตรงหน้า แล้วยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนตามมารยาท สวนทางกับใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มไร้ความยินดีทำคนทั้งสองที่ยิ้มร่าถึงกับหน้าเจื่อนรับรู้ได้ว่าชายหนุ่มคงไม่อยากรู้จักพวกเธอสักเท่าดูจากปฏิกิริยาที่แสดงออกมาสาริกาเองก็รับรู้ได้เกรงว่าปล่อยไว้บรรยากาศจะไม่ราบรื่นจึงเชื้อเชิญให้สองแม่ลูกไปนั่งยังโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ให้ ก่อนไปก็มิวายส่งสายตาตำหนิบุตรชายเธออุตส่าห์แนะนำให้บุตรชายรู้จักกับผู้หญิงที่เพรียบพร้อม และเหมาะสมกับตัวเองทุกอย่างเพื่ออนาคตจะได้เกี่ยวดองกัน แต่บุตรชายกลับทำเสียแผนหมดถามว่าเจ้านายสะท้านกับสายตาตำหนิคนเป็นแม่ไหมตอบเลยว่าไม่ เดินไปนั่งดื่มเครื่องดื่มข้างคนเป็นพ่อหน้าตาเฉยสาริกาจึงต้องเป็นฝ่ายสะกดกลั้นอารมณ์เสียเองไม่อยากทำให้บรรยากาศในวันเกิดเสีย ครั้นส่งสองแม่ลูกถึงโต๊ะก็เดินกลับมานั่งกับสามีและลูก ทำเป็นพูดคุยหัวเราะกับทั้งสองอย่างมีความสุขให้คนในงานอิจฉา ทั้งที่ความรู้สึกตรงกันข้ามเธอหงุดสองคนพ่อลูกมากกว่าที่ไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลยทุกอย่

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 19 ความจริงเปิดเผย1

    วันต่อมาภายในบ้านดูจะวุ่นวายไปเสียหมดเพราะทุกคนยุ่งกับการจัดงานวันเกิดของสาริกา รวมถึงเมษาด้วยที่ไม่อยู่นิ่งเฉยช่วยงานจนตัวเป็นเกลียว คิดเสียว่าเป็นการส่งท้ายก่อนเธอจะออกจากบ้านหลังนี้งานวันเกิดสาริกาถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตทุกปีเพราะครอบครัวของเธอค่อนข้างมีหน้ามีตาทางสังคม บวกด้วยสาริกาที่เป็นคนชอบโอ้อวดเป็นทุกเดิมอยู่แล้วด้วยจึงน้อยหน้าใคร ๆ ไม่ได้ใช้เวลากับการจัดสถานที่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน และจัดเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม ขนมเสร็จก็เย็นพอดีเมษาจึงหลบขึ้นห้องพักผ่อนและคิดว่าคืนนี้คงไม่ไปร่วมงานแค่ช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารในครัวก็พอเพราะพอพรุ่งนี้เช้าเธอก็จะไปจากที่นี่ทันทีไม่มีความจำเป็นต้องแสดงละครอีกต่อไป สาริกาเองก็ไม่ได้สั่งอะไรเมื่อถึงเวลาเริ่มงานแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันมาเมษาก็อาบน้ำแต่งตัว โดยเสื้อผ้าที่เธอเลือกสวมใส่วันนี้เป็นเสื้อยืดคอกลมสีขาวธรรมดากับกระโปรงผ้าซาตินสีชมพูอ่อนยาวถึงกลางขาดูเรียบร้อยและอ่อนหวานในคราวเดียวกันใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางบางเบาให้ดูไม่จืดชืดจนเกินไป เธอไม่ได้แต่งหรูหรา แต่ก็ไม่ได้แต่งจนดูเหมือนไม่ให้เกียรติเจ้าของงานอย่างสาริกาเธอยืนสำรวจความเรีย

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 18 เป็นอิสระ2

    สาริกากับประวีที่กำลังพักผ่อนอยู่บนห้องได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กสาวจนต้องรีบพากันลงมาดู แล้วก็ได้เห็นว่าบุตรชายกำลังกอดรัดเด็กสาวอยู่"เจ้านายลูกทำอะไร ปล่อยน้องเดี๋ยวนี้นะ!" เธอทั้งตกใจและไม่ชอบใจในเวลาเดียวกันที่บุตรชายใกล้ชิดเด็กสาว แต่ยังตีหน้าทำเหมือนเป็นห่วงเด็กสาวรีบเดินเข้าไปดึงตัวบุตรชายออกโดยมีคนเป็นสามียืนมองเงียบ ๆ แต่มีหรือเจ้านายจะยอมปล่อยง่าย ๆ ในเมื่อเขาจับหญิงสาวได้แล้ว"แม่อย่ามายุ่ง ยังไงวันนี้ผมก็จะจัดการเธอให้ได้" เขาจ้องหน้าผู้เป็นแม่เขม็งพลางสลัดแขนออกจากการดึงรั้งของท่าน ขณะที่อีกข้างจับมือหญิงสาวไว้แน่น"ปล่อยนะคุณเจ้านาย" เมษาเองพยายามแกะมือหนาออกจากข้อมือพัลวันพร้อมกับสาริกาที่ไม่ยอมละความพยายามจะแยกบุตรชายออกจากเด็กสาว"แม่บอกให้ปล่อยน้องเจ้านาย มีอะไรค่อยคุยกัน""ผู้หญิงอย่างลียาคุยดีด้วยไม่ได้หรอกครับ"ภายในห้องนั่งเล่นเกิดความวุ่นวายจากการเยื้อยุด และเสียงถกเถียงของสองคนแม่ลูก และไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ขณะที่คนกลางอย่างเมษาตัวเซถลาไปมาแทบจะล้มแล้ไม่ล้มแล้อยู่หลายครั้งจากการแรงเยื้อยุดสุดท้ายประวีที่ยืนมองเหตุการณ์ก็ทนดูไม่ไหวต้องเป็นคนห้ามศึกทั้งที

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 17 เป็นอิสระ1

    บนถนนใหญ่ที่มุ่งตรงสู่บ้านวณิชกาญจนโชติมีรถสองคันวิ่งไล่กันมาติด ๆ คันหนึ่งเป็นรถแท็กซี่ที่เมษานั่งอยู่ ส่วนคันที่วิ่งตามหลังเป็นรถของเจ้านายเสียงแตรจากรถของชายหนุ่มที่ไล่บี้รถหญิงสาวดังมาตลอดทางเป็นเชิงส่งสัญญาณให้รถเธอจอด เมษาได้ยินและรู้ว่าเป็นรถชายหนุ่มที่ตามมา แล้วเธอจะจอดให้โง่เหรออุตส่าห์หนีมาได้แล้วแท้ ๆ ยิ่งบอกคนขับแท็กซี่ให้ขับเร็วขึ้น เธอต้องกลับไปถึงบ้านให้เร็วที่สุดเท่านั้นเพราะในเวลานี้คงมีแค่สาริกาที่ปกป้องเธอจากคนที่กำลังโกรธจนบ้าระห่ำได้"หนูรู้จักคนที่กำลังขับรถไล่ตามมาใช่ไหม" แท็กซี่วัยกลางคนถามไถ่ด้วยความสงสัยระคนร้อนใจด้วยกลัวว่าจะเกิดปัญหาเหมือนที่เคยดูในข่าว"รู้จักค่ะ เขาเป็นญาติหนูเอง" เมษาเลือกโกหกเพราะไม่อยากพูดอะไรมากมายกว่านี้ ขณะนั้นก็คอยหันมองรถชายหนุ่มไปด้วยตอนนี้เธอแทบนั่งไม่ติด จิตใจมันรุ่มร้อนยิ่งกว่าไฟเสียอีกอยากจะกลับถึงบ้านไว ๆ "ลุงขับเร็วกว่านี้ได้ไหมคะ""เร็วกว่านี้ลุงกลัวจะอันตราย" คนขับแท็กซี่บอกกล่าวเมษาจึงทำให้แค่พยายามสงบจิตสงบใจไว้ สองมือน้อย ๆ บนหน้าตักประสานเข้าหากันแน่นด้วยความลุ้นระทึกทุกวินาทีหัวใจดวงน้อยยิ่งกระหน่ำเต้นหนักกว่าเด

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 16 กัดไม่ปล่อย

    จากเหตุการณ์ในคืนนั้นเป็นเวลาหนึ่งเดือน ๆ เต็ม ๆ ที่เมษาต้องอยู่อย่างหวาดระแวง จะขยับตัวหรือทำอะไรก็เหมือนถูกจับจ้องตลอดเวลา และเธอยังถูกชายหนุ่มรังแก พูดจาเหยียดหยามทุกครั้งที่มีโอกาส บอกตามตรงว่าเธอไม่มีความสุขเอาเสียเลย ขนาดจะไปหาแม่กับน้องสาวก็ยังไม่ได้ไปเพราะกลัวความลับแตกทำได้แค่โทรถามข่าวคราวเธอตั้งใจว่าจะคุยกับสาริกาอีกครั้งเพราะนี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่เจ้านายกับส้มเลิกกัน และไม่มีทีท่าว่าทั้งสองจะหวนกลับมาคบกันอีก ซึ่งมันน่าจะมั่นใจได้แล้วเธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะสลัดความคิดอันหนักอึ้งออก แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายไหล่เดินลงไปยังชั้นล่าง"คุณลียาจะไปไหนครับ" ลุงดินที่ยืนสำรวจรถอยู่หน้าบ้านเอ่ยถามเมื่อเห็นเด็กสาวเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก "ให้ลุงไปส่งไหมครับ""ไม่เป็นไรค่ะลุงดิน หนูไปเองดีกว่า" เมษาระบายยิ้มให้ลุงดินบาง ๆ แล้วเดินออกไปยืนรอรถที่โทรเรียกหน้ารั้วบ้านรอไม่นานรถก็มาถึง ที่ที่เธอจะไปก็คือห้างนั่นเองเพื่อซื้อของขวัญให้สาริกาสำหรับวันเกิดของท่านในวันพรุ่งนี้ ความจริงเธอไม่ได้อยากจะซื้อให้สักนิด แต่ติดที่เธออยู่ในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้หากไม่มีอะไรมอบให้ว่าที

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 15 เลือดคนร่าน

    วันทั้งวันเมษาคลุกตัวอยู่แต่ในห้อง มื้อเที่ยงเธอก็ไม่ลงไปทานโดยอ้างว่าไม่หิวทั้งที่ความจริงคือเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนตอนเช้ามากกว่าก็อก! ก็อก!เธอพลันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจครั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น หัวใจดวงน้อยอดเต้นแรงไม่ได้ด้วยระแวงว่าจะเป็นชายหนุ่ม ยอมรับเลยว่าตั้งแต่เกิดเรื่องเธอรู้สึกระแวงไปหมดจริง ๆ"คุณลียาคะ คุณสาริกาให้มาตามลงไปทานข้าวค่ะ"ลมหายใจถูกพ่นออกจากจมูกโด่งด้วยความรู้สึกโล่งอกพอได้ยินเสียงแม่บ้านที่ดังเล็ดลอดเข้ามา เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ชายหนุ่มเธอก็ลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตูทันที "ค่ะ" ส่งยิ้มให้แม่บ้านเล็กน้อย จากนั้นก็เดินลงไปยังชั้นล่างด้วยหัวใจตุ่ม ๆ ต่อม ๆ ลุ้นว่าเย็นนี้เธอจะโดนชายหนุ่มหาเรื่องอะไรอีก เอาจริง ๆ หากไม่เกรงใจสาริกาที่เป็นเจ้าของบ้าน และรู้สึกหิวเธอไม่อยากจะลงไปเลยด้วยซ้ำเธอลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึกสองมือน้อย ๆ ขย้ำกระโปรงชุดเดรสแน่นในตอนที่เดินมาถึงห้องอาหารแล้วเห็นชายหนุ่มนั่งทำหน้ายักษ์อยู่ สายตาจ้องมองเธอราวกับจะกินหัวกันเธอไม่ชอบเอาเสียเลย แต่ก็ทำได้แค่ข่มอารมณ์ และจิตใจให้สงบนิ่งเอาไว้ ก้าวเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ข้างสาริกา"อยู่บ้า

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 14 ทำความรู้จักว่าที่สะใภ้ของแม่

    เมษารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ด้วยความรู้สึกที่ไม่สดชื่นเท่าไรนักเพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็เกือบตีสี่แล้ว"เฮ้อ.." เธอถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกหนักอก ก่อนจะสบัดผ้าห่มออกจากตัวลุกลงจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วเดินลงไปยังชั้นล่างเพื่อช่วยแม่บ้านทำอาหารเช้าเหมือนเช่นทุกวันทว่าเมื่อเดินลงไปถึงห้องโถงใหญ่เธอก็ต้องชะงัก หน้าถอดสีฉับพลันเพราะคนที่เพิ่งถูกเธอตีหัวไปเมื่อคืนนั่งอยู่ในห้องโถง รอบศีรษะของเขามีผ้าก็อตพันอยู่ชายหนุ่มคงโกรธเธอมากดูจากสายตาที่จ้องเธอแทบจะเขมือบหัว บางทีหากตอนนี้ไม่มีสาริกานั่งอยู่ที่โซฟาด้วยเขาคงพุ่งเข้ามาฆ่าเธอแล้วก็เป็นได้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าสาริการู้ว่าแผลบนหัวบุตรชายสุดที่รักได้มาจากเธอสาริกาคงเล่นงานเธอแน่ ๆ เหมือนเธออยู่ท่ามกลางฝูงเสือฝูงจระเข้ที่พร้อมจะขย้ำเธอทุกเมื่อแท้ ๆเธอแทบจะก้าวขาเดินต่อไม่ได้เพราะรู้สึกกดดันกับสายตาทั้งสองคู่ที่มองมา มือทั้งสองกำกระโปรงชุดเดรสแน่นพยายามข่มความรู้สึกมากมายที่กำลังประเดประดังเข้ามา"หนูลียามานั่งนี่สิจ๊ะ" กระทั่งสาริกาเอ่ยเรียกเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจึงทำให้เบาใจขึ้นมาหน่อย นั่นอาจหมายความว่าท่านยังไม่ร

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status