ตุ้บ!!
ร่างของเมษาถูกเจ้านายเหวี่ยงขึ้นเตียงอย่างแรง แรงกระแทกกับที่นอนส่งผลให้เธอจุกจนร้องไม่ออก หน้าคะมำจูบที่นอนนุ่มเต็ม ๆ
ทว่าแม้จะรู้สึกจุก และเจ็บเพียงใดเธอก็พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งโดยเร็วที่สุดด้วยความกลัวที่มีมากกว่า
"อ๊ะ.."
ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรก็ถูกร่างสูงผลักให้นอนราบกับที่นอนอีกครั้งโดยมีเขาตามมาคร่อมเอาไว้ มือเล็กทั้งสองยกขึ้นผลักไสคนด้านบนพัลวันพลางพยายามดีดดิ้นสุดแรง ปากร้องถามไปด้วยความตื่นตระหนก
"คะ..คุณจะทำอะไร อะ..ออกไปนะ"
"อย่ามาทำไขสือลียา เธออยากได้ฉันมากไม่ใช่เหรอฉันก็กำลังสนองให้อยู่นี่ไง"
เจ้านายกดเสียงเอ่ยอย่างเย็นเยือก แววตาแข็งกร้าวจดจ้องใบหน้าเรียวเขม็ง มือทั้งสองจับมือเล็กที่เอาแต่ผลักไสไปกดตรึงกับที่นอนข้างศีรษะเล็ก
"ไม่ ฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้" ใบหน้าเรียวส่ายปฏิเสธระรัวจนเส้นผมสีน้ำตาลสลวยยุ่งเหยิง ร่างบอบบางยังคงออกแรงดีดดิ้นไม่หยุดหย่อน สองเท้าเล็กถีบยันที่นอนไปมาจนยับยู่ยี่หวังดันตัวให้หลุดพ้นจากพันธนาการคนด้านบน
"กรี๊ดด!"
ริมฝีปากอิ่มพลันหลุดเสียงกรีดในเสี้ยววินาทีต่อมาเมื่อใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงซุกไซ้ลำคอ ใบหน้าเรียวที่เต็มไปด้วยความตื่นกลัวพยายามสั่นส่ายพาคอหนีการรุกรานสุดกำลังพลางพยายามขืนมืออกจากการกดตรึง
แต่มีหรือแรงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอจะสู้กำลังคนตัวโตกว่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังซุกไซ้คลอเคลียซอกคอรุนแรงขึ้น
แคว่ก!
มือหนาข้างขวาคลายพันธการจากมือเล็กเลื่อนลงดึงทึ้งคอเสื้อยืดที่ร่างบางสวมใส่อย่างแรงจนแหกเป็นทางยาวเกือบถึงสะดือ การกระทำแสนห่ามของคนตัวโตยิ่งสร้างความกลัวให้เมษาจับใจ
"ยะ..อย่า" เธอดิ้นพล่านด้วยความหวาดกลัวสุดขีด มือข้างที่ได้รับอิสระรัวทุบตีบ่ากว้างพัลวัน "ปล่อยฉัน ปล่อย"
ในใจร่ำร้องขอให้สาริกากลับมาช่วยเธอได้ทันก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป ขณะที่อีกคนโกรธจนขาดสติเดินหน้าระบายความโกรธทั้งหมดที่มีใส่ร่างบาง ใช้ขบกัดผิวอ่อนนุ่มไม่อ้อมแรงจนเกิดเป็นรอยแดงสร้างความเจ็บให้เจ้าของเป็นอย่างมาก
"อึก..ฉะ..ฉันเจ็บ" ริมฝีปากอิ่มที่สั่นระริกร้องบอกน้ำเสียงขาดหว้ง หยาดน้ำใสค่อย ๆ เออคลอดวงตาอย่างกลั้นไม่อยู่
เธอเจ็บจนปากคอสั่นทุกครั้งที่ฟันคมขบกัดบนผิวอ่อนนุ่มไม่ว่าเธอจะพยายามขัดขืนเท่าไรก็มิอาจสู้กำลังของเขาได้อยู่ดี
แม้จะรู้สึกหวาดกลัวแค่ไหน แต่เธอจะยอมให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้พยายามรวบรวมเรี่ยวแรงอีกเฮือก งอเข่าแล้วกระทุ้งเข้ากลางเป้าของร่างสูงด้านบนสุดแรง
"โอ้ย!..อึก"
เจ้านายที่ไม่ทันได้ระวังตัว และคิดไม่ถึงว่าคนใต้ร่างจะทำแบบนี้ถึงกับจุกจนหน้าแดง พลิกตัวลงนอนขดตัวบนที่นอนด้วยความทรมาน
เมษาจึงใช้โอกาสนั้นวิ่งหนีลงจากเตียงตรงไปยังประตู มือทั้งสองรวบเสื้อที่ขาดออกจากกันจนเผยให้เห็นบราเซียมาปกปิดมันเอาไว้ ระหว่างที่วิ่งหนีก็หันมองด้านหลังเป็นระยะด้วยกลัวว่าอีกคนจะตามมา
และเขาวิ่งตามมาจริง ๆ...
"หยุดเดี๋ยวนี้นะลียา ฉันบอกให้เธอหยุด" เจ้านายรีบวิ่งตามหญิงสาวออกมาจากห้องแม้จะยังรู้สึกจุกอยู่ก็ตาม ทว่าความโกรธกลับมีมากกว่ายังไงวันนี้เขาจะต้องจับเธอมาจัดการให้ได้
เขาจะขย้ำเธอให้แหลกคามือเลยคอยดู..
มีหรือเมษาจะยอมหยุดตามคำสั่งที่ดังตามหลังมาเธออุตส่าห์หนีจากอุ้งมือมารได้แล้ว เมื่อเห็นว่าเขาตามมาก็ยิ่งเร่งฝีเท้าวิ่งให้เร็วขึ้น และเหมือนสวรรค์จะเข้าข้างขณะกำลังวิ่งลงบันไดก็เห็นสาริกาเดินเข้ามาพอดี
"ช่วยด้วยค่ะ คุณเจ้านายจะทำร้ายฉัน" รีบตะเบ็งเสียงขอความช่วยเหลืออย่างไม่รอช้า
ทำให้สาริกาที่กำลังเดินเข้าบ้านพลันหยุดชะงัก ก่อนหันมองทางต้นเสียง คิ้วทั้งสองของเธอถึงกับขมวดชนกันเมื่อเมื่อเห็นสภาพเสื้อที่ขาดวิ่น และผมเผ้ากระเส่อกระเซิงของเมษาที่วิ่งลงมาจากบันไดราวกับไปฟัดกับหมาที่ไหนมา
"เกิดอะไรขึ้น"
ก่อนความสงสัยของเธอจะกระจ่างในวินาทีต่อมาเมื่อเห็นบุตรชายวิ่งตามเด็กสาวลงมาจากชั้นสองของบ้าน ให้ตายเถอะหากเธอกลับมาไม่ทันอะไรจะเกิดขึ้นกัน
"แม่.."
เจ้านายที่กำลังก้าวลงบันไดพลันหยุดชะงักเมื่อเห็นผู้เป็นแม่ยืนมองอยู่ที่ปลายบันได เขาถอนหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินลงบันไดไปช้า ๆ ไม่ได้วิ่งเหมือนก่อนหน้านี้
ส่วนเมษาก็รีบวิ่งไปยืนหลบหลังสาริกาด้วยเนื้อตัวสั่นเทา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังทำให้เธอกลัวไม่หายแม้ตอนนี้จะมีสาริกาเป็นเกราะป้องกันแล้วก็ตาม
ใบหน้าเรียวที่เต็มไปด้วยความรู้สึกกลัวก้มงุดเมื่อร่างสูงเดินมาหยุดยืนตรงหน้าสาริกา เธอกลัวจนไม่กล้าสบสายตาหรือมองหน้าเขา
"ทำไมทำแบบนี้เจ้านาย เห็นไหมน้องกลัวหมดแล้ว" สาริกาต่อว่าบุตรชายไปทันที สายตาจ้องมองอย่างตำหนิ
"แม่อยากได้ลียาเป็นสะใภ้มากไม่ใช่เหรอครับ ผมก็กำลังสนองความต้องการของแม่อยู่นี่ไงไม่ดีเหรอครับ" เจ้านายตอบแดกดันผู้เป็นแม่ ใบหน้าไร้ความรู้สึกสำนึกใด ๆ ขณะที่สายตามองผ่านหน้าท่านไปหยุดที่คนด้านหลัง
หากไม่ติดว่าท่านยืนขวางอยู่เขาอยากจะเข้าไปกระชากเธอมาบีบบี้ให้แหลกคามือเหลือเกิน
"ฉันหมายถึงให้แกแต่งงานกับน้องให้ถูกต้องตามประเพณี ไม่ใช่ให้แกมาทำร้ายน้องแบบนี้"
"หึ"
สิ้นคำผู้เป็นแม่เจ้านายก็เค้นหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยันราวกับว่ามันตลกทั้งที่ความจริงไม่ใช่เลย เขากำลังรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียคนรัก และผิดหวังเสียใจในตัวผู้เป็นแม่ต่างหาก
ถ้าเป็นคนอื่นที่ทำให้ความรักของเขาต้องพังลงเขาคงไม่รู้สึกผิดหวังเสียใจมากมายขนาดนี้ แต่นี่หนึ่งในคนที่ทำให้ความรักเขาจบลงเป็นแม่บังเกิดเกล้า
"เพราะแบบนี้ใช่ไหมครับแม่ถึงรวมหัวกับเธอกำจัดคนรักของผมออกไปให้พ้นทาง ดีใจด้วยแม่ทำสำเร็จแล้ว ส้มเขาบอกเลิกผมแล้ว"
เขาตะเบ็งเสียงบอกกล่าวผู้เป็นแม่ด้วยความเสียใจระคนโกรธเคือง เน้นย้ำผ่านทางน้ำเสียงหม่นหมองให้ท่านรู้ว่าเขาเจ็บปวดกับการกระทำของท่านมากแค่ไหน
"ได้ยินไหมว่าผมเลิกกับส้มแล้วตามที่แม่ต้องการ"
ว่าจบก็เดินผ่านทั้งสองคนไปด้วยความเร็วเพราะไม่ต้องการให้ใครเห็นว่านัยน์ตาของเขาแดงก่ำเหมือนคนกำลังจะร้องไห้
"ลูกชายฉันได้ทำอะไรเธอรึเปล่า" ทันทีที่บุตรชายเดินพ้นประตูบ้านไปสาริกาก็หันกลับมายิงคำถามใส่คนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ต้องการถามให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ
"ยังไม่ทันได้ทำอะไรค่ะ ฉันหนีออกมาได้เสียก่อน" เมษาพยายามเค้นเสียงที่ติดในลำคอบอกกล่าวไป
"ค่อยโล่งใจหน่อย หลังจากนี้เธอก็อยู่ให้ห่างลูกชายฉันไว้แล้วกัน ห้ามให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองเธอก็รู้ใช่ไหมว่าทำไม" สาริกาเน้นย้ำ
"ค่ะ" เมษาพยักหน้ารับด้วยเข้าใจดีว่าเพราะอะไร เธอมันเป็นผู้หญิงต่ำต้อยไม่ควรไปเกลือกกลั้วกับลูกชายของสาริกายังไงล่ะ มันเป็นประโยคที่สาริกาย้ำเตือนกับเธอบ่อย ๆ จนจำได้ขึ้นใจแล้ว
"ดีมาก งั้นเธอก็ขึ้นไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเถอะ สภาพดูไม่ได้เลย" สาริกายกยิ้มมุมปากอย่างพอใจกับความว่าง่ายของเด็กสาว ก่อนจะไล่ให้ไปจัดการกับตัวเองเพราะเธอทนดูสภาพไม่ไหวจริง ๆ
สิ้นเสียงสาริกาเมษาก็ลุกเดินขึ้นไปยังห้องนอนตัวเอง ทันทีที่ปิดประตูลงเธอก็ทรุดลงนั่งกอดเข่าก้มหน้าร้องไห้ออกมาจนตัวโยนเผยความอ่อนแอออกมา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึกท้อแท้กับชีวิตมากเหลือเกิน ทำไมเธอต้องมาพบเจอคนใจร้ายอย่างสาริกากับเจ้านายด้วยก็ไม่รู้ นี่มันเป็นเวรกรรมอะไรของเธอกัน
เธอนั่งกอดเข่าสะอื้นไห้อยู่อย่างนั้นระบายความอ่อนแอ กระทั่งรู้สึกดีขึ้นจึงพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ จัดการถอดเสื้อที่ถูกชายหนุ่มทำลายจนขาดวางบนเคาวน์เตอร์อ่างล้างหน้า
ไล่สายตาสำรวจรอยฟันที่อีกคนฝากไว้บนลำคอครั้นเอามือไปแตะเธอก็ต้องเบ้หน้าออกมาเพราะรู้สึกเจ็บพานนึกเกลียดเจ้าของการกระทำหยาบช้ายิ่งนัก
เธอผิดก็จริง แต่เขาไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายร่างกายกันแบบนี้..
@ผับหลังจากออกจากบ้านเจ้านายก็มานั่งดื่มที่ผับของเพื่อนชายคนสนิทเพื่อดับความร้อนรุ่มที่เกิดจากความโกรธน้ำสีอำพันในแก้วคริสตัลถูกชายหนุ่มยกดื่มครั้งแล้วครั้งแล้ว พอหมดก็เติมใหม่โดยมีแมธธิวเพื่อนที่เป็นเจ้าของผับคอยรินให้"แม่งเอ้ย! ทำไมทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ" จู่ ๆ เสียงทุ้มก็สบถออกมาด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่น แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเป็นจำนวนมากไม่สามารถดับไฟในกายเขาได้เลย กลับกันยิ่งเริ่มเมากึ๋ม ๆ ก็ยิ่งมีอารมณ์รุนแรงขึ้น ในสมองมีแต่ใบหน้าของลียาผู้หญิงแพศยาลอยวนซ้ำ ๆมือหนากำแก้วแน่นจนเส้นเลือดบนหลังมือลากยาวไปถึงแขนปูดนูน กรามทั้งสองขบเข้าหากันแน่นจนเกิดเสียงดังกรอด เขาอยากจะขย้ำเธอให้แหลกเป็นผุยผงให้สมกับที่เธอทำลายความรักของเขากับแฟนสาวพังไม่ใช่แค่คิดแต่เขาลุกพรวดขึ้นยืนโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้แมธธิวรู้สึกตกใจไม่น้อย เอ่ยถามไปด้วยความสงสัย "เป็นอะไรของมึง อยู่ ๆ ก็ลุกขึ้นยืน""กูต้องกลับไปจัดการคน" เจ้านายตอบเพื่อนชายเพียงแค่นั้นไม่ได้ขยายความต่อ ว่าจะก็เดินตัวปลิวออกจากผับไปขึ้นรถหรูราคาหลายสิบล้านขับตรงกลับบ้านด้วยความเร็วใช้เวลาขับรถราว ๆ สี่สิบห้านาทีก็มาถึงบ้าน ซึ่งตอน
เมษารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ด้วยความรู้สึกที่ไม่สดชื่นเท่าไรนักเพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็เกือบตีสี่แล้ว"เฮ้อ.." เธอถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกหนักอก ก่อนจะสบัดผ้าห่มออกจากตัวลุกลงจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วเดินลงไปยังชั้นล่างเพื่อช่วยแม่บ้านทำอาหารเช้าเหมือนเช่นทุกวันทว่าเมื่อเดินลงไปถึงห้องโถงใหญ่เธอก็ต้องชะงัก หน้าถอดสีฉับพลันเพราะคนที่เพิ่งถูกเธอตีหัวไปเมื่อคืนนั่งอยู่ในห้องโถง รอบศีรษะของเขามีผ้าก็อตพันอยู่ชายหนุ่มคงโกรธเธอมากดูจากสายตาที่จ้องเธอแทบจะเขมือบหัว บางทีหากตอนนี้ไม่มีสาริกานั่งอยู่ที่โซฟาด้วยเขาคงพุ่งเข้ามาฆ่าเธอแล้วก็เป็นได้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าสาริการู้ว่าแผลบนหัวบุตรชายสุดที่รักได้มาจากเธอสาริกาคงเล่นงานเธอแน่ ๆ เหมือนเธออยู่ท่ามกลางฝูงเสือฝูงจระเข้ที่พร้อมจะขย้ำเธอทุกเมื่อแท้ ๆเธอแทบจะก้าวขาเดินต่อไม่ได้เพราะรู้สึกกดดันกับสายตาทั้งสองคู่ที่มองมา มือทั้งสองกำกระโปรงชุดเดรสแน่นพยายามข่มความรู้สึกมากมายที่กำลังประเดประดังเข้ามา"หนูลียามานั่งนี่สิจ๊ะ" กระทั่งสาริกาเอ่ยเรียกเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจึงทำให้เบาใจขึ้นมาหน่อย นั่นอาจหมายความว่าท่านยังไม่ร
วันทั้งวันเมษาคลุกตัวอยู่แต่ในห้อง มื้อเที่ยงเธอก็ไม่ลงไปทานโดยอ้างว่าไม่หิวทั้งที่ความจริงคือเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนตอนเช้ามากกว่าก็อก! ก็อก!เธอพลันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจครั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น หัวใจดวงน้อยอดเต้นแรงไม่ได้ด้วยระแวงว่าจะเป็นชายหนุ่ม ยอมรับเลยว่าตั้งแต่เกิดเรื่องเธอรู้สึกระแวงไปหมดจริง ๆ"คุณลียาคะ คุณสาริกาให้มาตามลงไปทานข้าวค่ะ"ลมหายใจถูกพ่นออกจากจมูกโด่งด้วยความรู้สึกโล่งอกพอได้ยินเสียงแม่บ้านที่ดังเล็ดลอดเข้ามา เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ชายหนุ่มเธอก็ลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตูทันที "ค่ะ" ส่งยิ้มให้แม่บ้านเล็กน้อย จากนั้นก็เดินลงไปยังชั้นล่างด้วยหัวใจตุ่ม ๆ ต่อม ๆ ลุ้นว่าเย็นนี้เธอจะโดนชายหนุ่มหาเรื่องอะไรอีก เอาจริง ๆ หากไม่เกรงใจสาริกาที่เป็นเจ้าของบ้าน และรู้สึกหิวเธอไม่อยากจะลงไปเลยด้วยซ้ำเธอลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึกสองมือน้อย ๆ ขย้ำกระโปรงชุดเดรสแน่นในตอนที่เดินมาถึงห้องอาหารแล้วเห็นชายหนุ่มนั่งทำหน้ายักษ์อยู่ สายตาจ้องมองเธอราวกับจะกินหัวกันเธอไม่ชอบเอาเสียเลย แต่ก็ทำได้แค่ข่มอารมณ์ และจิตใจให้สงบนิ่งเอาไว้ ก้าวเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ข้างสาริกา"อยู่บ้า
จากเหตุการณ์ในคืนนั้นเป็นเวลาหนึ่งเดือน ๆ เต็ม ๆ ที่เมษาต้องอยู่อย่างหวาดระแวง จะขยับตัวหรือทำอะไรก็เหมือนถูกจับจ้องตลอดเวลา และเธอยังถูกชายหนุ่มรังแก พูดจาเหยียดหยามทุกครั้งที่มีโอกาส บอกตามตรงว่าเธอไม่มีความสุขเอาเสียเลย ขนาดจะไปหาแม่กับน้องสาวก็ยังไม่ได้ไปเพราะกลัวความลับแตกทำได้แค่โทรถามข่าวคราวเธอตั้งใจว่าจะคุยกับสาริกาอีกครั้งเพราะนี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่เจ้านายกับส้มเลิกกัน และไม่มีทีท่าว่าทั้งสองจะหวนกลับมาคบกันอีก ซึ่งมันน่าจะมั่นใจได้แล้วเธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะสลัดความคิดอันหนักอึ้งออก แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายไหล่เดินลงไปยังชั้นล่าง"คุณลียาจะไปไหนครับ" ลุงดินที่ยืนสำรวจรถอยู่หน้าบ้านเอ่ยถามเมื่อเห็นเด็กสาวเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก "ให้ลุงไปส่งไหมครับ""ไม่เป็นไรค่ะลุงดิน หนูไปเองดีกว่า" เมษาระบายยิ้มให้ลุงดินบาง ๆ แล้วเดินออกไปยืนรอรถที่โทรเรียกหน้ารั้วบ้านรอไม่นานรถก็มาถึง ที่ที่เธอจะไปก็คือห้างนั่นเองเพื่อซื้อของขวัญให้สาริกาสำหรับวันเกิดของท่านในวันพรุ่งนี้ ความจริงเธอไม่ได้อยากจะซื้อให้สักนิด แต่ติดที่เธออยู่ในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้หากไม่มีอะไรมอบให้ว่าที
บนถนนใหญ่ที่มุ่งตรงสู่บ้านวณิชกาญจนโชติมีรถสองคันวิ่งไล่กันมาติด ๆ คันหนึ่งเป็นรถแท็กซี่ที่เมษานั่งอยู่ ส่วนคันที่วิ่งตามหลังเป็นรถของเจ้านายเสียงแตรจากรถของชายหนุ่มที่ไล่บี้รถหญิงสาวดังมาตลอดทางเป็นเชิงส่งสัญญาณให้รถเธอจอด เมษาได้ยินและรู้ว่าเป็นรถชายหนุ่มที่ตามมา แล้วเธอจะจอดให้โง่เหรออุตส่าห์หนีมาได้แล้วแท้ ๆ ยิ่งบอกคนขับแท็กซี่ให้ขับเร็วขึ้น เธอต้องกลับไปถึงบ้านให้เร็วที่สุดเท่านั้นเพราะในเวลานี้คงมีแค่สาริกาที่ปกป้องเธอจากคนที่กำลังโกรธจนบ้าระห่ำได้"หนูรู้จักคนที่กำลังขับรถไล่ตามมาใช่ไหม" แท็กซี่วัยกลางคนถามไถ่ด้วยความสงสัยระคนร้อนใจด้วยกลัวว่าจะเกิดปัญหาเหมือนที่เคยดูในข่าว"รู้จักค่ะ เขาเป็นญาติหนูเอง" เมษาเลือกโกหกเพราะไม่อยากพูดอะไรมากมายกว่านี้ ขณะนั้นก็คอยหันมองรถชายหนุ่มไปด้วยตอนนี้เธอแทบนั่งไม่ติด จิตใจมันรุ่มร้อนยิ่งกว่าไฟเสียอีกอยากจะกลับถึงบ้านไว ๆ "ลุงขับเร็วกว่านี้ได้ไหมคะ""เร็วกว่านี้ลุงกลัวจะอันตราย" คนขับแท็กซี่บอกกล่าวเมษาจึงทำให้แค่พยายามสงบจิตสงบใจไว้ สองมือน้อย ๆ บนหน้าตักประสานเข้าหากันแน่นด้วยความลุ้นระทึกทุกวินาทีหัวใจดวงน้อยยิ่งกระหน่ำเต้นหนักกว่าเด
สาริกากับประวีที่กำลังพักผ่อนอยู่บนห้องได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กสาวจนต้องรีบพากันลงมาดู แล้วก็ได้เห็นว่าบุตรชายกำลังกอดรัดเด็กสาวอยู่"เจ้านายลูกทำอะไร ปล่อยน้องเดี๋ยวนี้นะ!" เธอทั้งตกใจและไม่ชอบใจในเวลาเดียวกันที่บุตรชายใกล้ชิดเด็กสาว แต่ยังตีหน้าทำเหมือนเป็นห่วงเด็กสาวรีบเดินเข้าไปดึงตัวบุตรชายออกโดยมีคนเป็นสามียืนมองเงียบ ๆ แต่มีหรือเจ้านายจะยอมปล่อยง่าย ๆ ในเมื่อเขาจับหญิงสาวได้แล้ว"แม่อย่ามายุ่ง ยังไงวันนี้ผมก็จะจัดการเธอให้ได้" เขาจ้องหน้าผู้เป็นแม่เขม็งพลางสลัดแขนออกจากการดึงรั้งของท่าน ขณะที่อีกข้างจับมือหญิงสาวไว้แน่น"ปล่อยนะคุณเจ้านาย" เมษาเองพยายามแกะมือหนาออกจากข้อมือพัลวันพร้อมกับสาริกาที่ไม่ยอมละความพยายามจะแยกบุตรชายออกจากเด็กสาว"แม่บอกให้ปล่อยน้องเจ้านาย มีอะไรค่อยคุยกัน""ผู้หญิงอย่างลียาคุยดีด้วยไม่ได้หรอกครับ"ภายในห้องนั่งเล่นเกิดความวุ่นวายจากการเยื้อยุด และเสียงถกเถียงของสองคนแม่ลูก และไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ขณะที่คนกลางอย่างเมษาตัวเซถลาไปมาแทบจะล้มแล้ไม่ล้มแล้อยู่หลายครั้งจากการแรงเยื้อยุดสุดท้ายประวีที่ยืนมองเหตุการณ์ก็ทนดูไม่ไหวต้องเป็นคนห้ามศึกทั้งที
วันต่อมาภายในบ้านดูจะวุ่นวายไปเสียหมดเพราะทุกคนยุ่งกับการจัดงานวันเกิดของสาริกา รวมถึงเมษาด้วยที่ไม่อยู่นิ่งเฉยช่วยงานจนตัวเป็นเกลียว คิดเสียว่าเป็นการส่งท้ายก่อนเธอจะออกจากบ้านหลังนี้งานวันเกิดสาริกาถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตทุกปีเพราะครอบครัวของเธอค่อนข้างมีหน้ามีตาทางสังคม บวกด้วยสาริกาที่เป็นคนชอบโอ้อวดเป็นทุกเดิมอยู่แล้วด้วยจึงน้อยหน้าใคร ๆ ไม่ได้ใช้เวลากับการจัดสถานที่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน และจัดเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม ขนมเสร็จก็เย็นพอดีเมษาจึงหลบขึ้นห้องพักผ่อนและคิดว่าคืนนี้คงไม่ไปร่วมงานแค่ช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารในครัวก็พอเพราะพอพรุ่งนี้เช้าเธอก็จะไปจากที่นี่ทันทีไม่มีความจำเป็นต้องแสดงละครอีกต่อไป สาริกาเองก็ไม่ได้สั่งอะไรเมื่อถึงเวลาเริ่มงานแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันมาเมษาก็อาบน้ำแต่งตัว โดยเสื้อผ้าที่เธอเลือกสวมใส่วันนี้เป็นเสื้อยืดคอกลมสีขาวธรรมดากับกระโปรงผ้าซาตินสีชมพูอ่อนยาวถึงกลางขาดูเรียบร้อยและอ่อนหวานในคราวเดียวกันใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางบางเบาให้ดูไม่จืดชืดจนเกินไป เธอไม่ได้แต่งหรูหรา แต่ก็ไม่ได้แต่งจนดูเหมือนไม่ให้เกียรติเจ้าของงานอย่างสาริกาเธอยืนสำรวจความเรีย
"ส่วนนี้คุณหญิงสิณีกับหนูดีเจ้านาย ภรรยาเจ้าสัวเกริกศักดิ์" เสียงแม่ดังทบโสตประสาททำให้เจ้านายหลุดจากภวังค์ความคิด ดึงสายตาไปมองทั้งสองคนตรงหน้า แล้วยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนตามมารยาท สวนทางกับใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มไร้ความยินดีทำคนทั้งสองที่ยิ้มร่าถึงกับหน้าเจื่อนรับรู้ได้ว่าชายหนุ่มคงไม่อยากรู้จักพวกเธอสักเท่าดูจากปฏิกิริยาที่แสดงออกมาสาริกาเองก็รับรู้ได้เกรงว่าปล่อยไว้บรรยากาศจะไม่ราบรื่นจึงเชื้อเชิญให้สองแม่ลูกไปนั่งยังโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ให้ ก่อนไปก็มิวายส่งสายตาตำหนิบุตรชายเธออุตส่าห์แนะนำให้บุตรชายรู้จักกับผู้หญิงที่เพรียบพร้อม และเหมาะสมกับตัวเองทุกอย่างเพื่ออนาคตจะได้เกี่ยวดองกัน แต่บุตรชายกลับทำเสียแผนหมดถามว่าเจ้านายสะท้านกับสายตาตำหนิคนเป็นแม่ไหมตอบเลยว่าไม่ เดินไปนั่งดื่มเครื่องดื่มข้างคนเป็นพ่อหน้าตาเฉยสาริกาจึงต้องเป็นฝ่ายสะกดกลั้นอารมณ์เสียเองไม่อยากทำให้บรรยากาศในวันเกิดเสีย ครั้นส่งสองแม่ลูกถึงโต๊ะก็เดินกลับมานั่งกับสามีและลูก ทำเป็นพูดคุยหัวเราะกับทั้งสองอย่างมีความสุขให้คนในงานอิจฉา ทั้งที่ความรู้สึกตรงกันข้ามเธอหงุดสองคนพ่อลูกมากกว่าที่ไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลยทุกอย่
"..."เมษากลับเงียบพร้อมก้มหน้าหลบสายตากดดันเธอไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไงดี อีกทั้งยังรู้สึกกลัวและกังวลไปหมด นั่นทำให้เจ้านายไม่คิดจะอดทนอีกต่อไปผละตัวออกจากร่างบาง "งั้นก็ไปพูดกับลียาตัวจริงเองแล้วกัน แต่เธอคงไม่ได้โง่จนไม่รู้ใช่ไหมว่าการสวมรอยเป็นคนอื่นมันผิดกฎหมาย หากลียาตัวจริงรู้ว่าตัวเองถูกสวมรอยแล้วไปแจ้งความจับเธอเข้าคุกใครหน้าไหนก็คงช่วยเธอไม่ได้" พูดขู่ด้วยน้ำเสียงดุดันพร้อมทั้งยื่นมือไปจับข้อมือเล็กทำท่าลากเธอออกไปจากบ้าน จงใจแสดงให้หญิงสาวเห็นว่าเขาพูดจริงทำจริงเธอจะได้เลิกปากแข็งสักทีและมันได้ผล.."มะ..ไม่นะ"เมษารีบสะบัดมือออกจากการจับกุมวิ่งไปยืนห่าง ๆ ร่างสูงด้วยกลัวว่าจะถูกเขาจับไปส่งลียา สายตาจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยความรู้สึกกลัวและกังวลสองมือน้อย ๆ ขย้ำกระโปรงตัวยาวแน่นจนฝ่ามือเริ่มชื้นไปด้วยเหงื่อตลอดจนถึงไรผม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะภายในบ้านมันร้อน หรือเพราะความกดดันกันแน่ เธอลอบกลืนน้ำลายลงลำคอแห้งผากดังอึก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดยาว ๆ เรียกความกล้าบอกกล่าวไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิวแทบจะขาดหาย"ฉันชื่อ..เมษา..""แล้วเธอมาสวมรอยเป็นลียาทำไม ต้องการอะไร"พอมาถึงคำถามนี้เม
"เฮ้อ.."เมษาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าเขตห้องครัวเพราะเมื่อกี้ตอนออกไปเติมของที่โต๊ะข้างนอก เหลือบเห็นว่าชายหนุ่มนั่งจ้องด้วยสายตาแทบจะกินหัวตลอดเวลา แต่เธอแสร้งทำไม่เห็นรีบเติมของแล้วรีบเข้ามาเธออยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็ว ๆ แล้วสิ.."เป็นอะไรคะน้องลี" รสที่เห็นสีหน้าเหนื่อย ๆ ของหญิงสาวอดถามไถ่ไม่ได้ ทั้งที่ตอนออกไปดูปกติดี"ปะ..""อ๊ะ..".ไม่ทันได้ตอบคำถามเมษาก็ต้องหลุดร้องด้วยแรงกระชากรุนแรงจากด้านหลัง ตัวเธอหมุนติ้วเข้าปะทะร่างเจ้าของการกระทำเต็ม ๆ ท่ามกลางสายตาของแม่บ้านที่ตกใจเจ้านายไม่พูดพร่ำทำเพลงพอจับหญิงสาวได้ก็ลากให้เธอเดินตามไปทางประตูหลังครัว"ปล่อยนะคุณเจ้านาย คุณจะพาฉันไปไหน" เมษาพยายามขัดขืนสะบัดมือออกจากการจับกุมพร้อมทั้งหันส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเหล่าแม่บ้านไปด้วย แต่ไม่มีใครกล้าเข้ายุ่งเพราะเห็นว่าเจ้านายกำลังโกรธมาก "โอ้ย!" เมษาถูกฉุดกระชากแรงขึ้นจนตัวปลิว หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความหวาดหวั่นเมื่อถูกฉุดกระชากเข้าสู่บริเวณทางเดินบ้านพักของแม่บ้านที่มีเพียงแสงสว่างส่องเล็กน้อย บรรยากาศเงียบสงัดจนดูวังเวง"คุณเจ้านาย คุณจะพาฉันไปไ
"ส่วนนี้คุณหญิงสิณีกับหนูดีเจ้านาย ภรรยาเจ้าสัวเกริกศักดิ์" เสียงแม่ดังทบโสตประสาททำให้เจ้านายหลุดจากภวังค์ความคิด ดึงสายตาไปมองทั้งสองคนตรงหน้า แล้วยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนตามมารยาท สวนทางกับใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มไร้ความยินดีทำคนทั้งสองที่ยิ้มร่าถึงกับหน้าเจื่อนรับรู้ได้ว่าชายหนุ่มคงไม่อยากรู้จักพวกเธอสักเท่าดูจากปฏิกิริยาที่แสดงออกมาสาริกาเองก็รับรู้ได้เกรงว่าปล่อยไว้บรรยากาศจะไม่ราบรื่นจึงเชื้อเชิญให้สองแม่ลูกไปนั่งยังโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ให้ ก่อนไปก็มิวายส่งสายตาตำหนิบุตรชายเธออุตส่าห์แนะนำให้บุตรชายรู้จักกับผู้หญิงที่เพรียบพร้อม และเหมาะสมกับตัวเองทุกอย่างเพื่ออนาคตจะได้เกี่ยวดองกัน แต่บุตรชายกลับทำเสียแผนหมดถามว่าเจ้านายสะท้านกับสายตาตำหนิคนเป็นแม่ไหมตอบเลยว่าไม่ เดินไปนั่งดื่มเครื่องดื่มข้างคนเป็นพ่อหน้าตาเฉยสาริกาจึงต้องเป็นฝ่ายสะกดกลั้นอารมณ์เสียเองไม่อยากทำให้บรรยากาศในวันเกิดเสีย ครั้นส่งสองแม่ลูกถึงโต๊ะก็เดินกลับมานั่งกับสามีและลูก ทำเป็นพูดคุยหัวเราะกับทั้งสองอย่างมีความสุขให้คนในงานอิจฉา ทั้งที่ความรู้สึกตรงกันข้ามเธอหงุดสองคนพ่อลูกมากกว่าที่ไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลยทุกอย่
วันต่อมาภายในบ้านดูจะวุ่นวายไปเสียหมดเพราะทุกคนยุ่งกับการจัดงานวันเกิดของสาริกา รวมถึงเมษาด้วยที่ไม่อยู่นิ่งเฉยช่วยงานจนตัวเป็นเกลียว คิดเสียว่าเป็นการส่งท้ายก่อนเธอจะออกจากบ้านหลังนี้งานวันเกิดสาริกาถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตทุกปีเพราะครอบครัวของเธอค่อนข้างมีหน้ามีตาทางสังคม บวกด้วยสาริกาที่เป็นคนชอบโอ้อวดเป็นทุกเดิมอยู่แล้วด้วยจึงน้อยหน้าใคร ๆ ไม่ได้ใช้เวลากับการจัดสถานที่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน และจัดเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม ขนมเสร็จก็เย็นพอดีเมษาจึงหลบขึ้นห้องพักผ่อนและคิดว่าคืนนี้คงไม่ไปร่วมงานแค่ช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารในครัวก็พอเพราะพอพรุ่งนี้เช้าเธอก็จะไปจากที่นี่ทันทีไม่มีความจำเป็นต้องแสดงละครอีกต่อไป สาริกาเองก็ไม่ได้สั่งอะไรเมื่อถึงเวลาเริ่มงานแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันมาเมษาก็อาบน้ำแต่งตัว โดยเสื้อผ้าที่เธอเลือกสวมใส่วันนี้เป็นเสื้อยืดคอกลมสีขาวธรรมดากับกระโปรงผ้าซาตินสีชมพูอ่อนยาวถึงกลางขาดูเรียบร้อยและอ่อนหวานในคราวเดียวกันใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางบางเบาให้ดูไม่จืดชืดจนเกินไป เธอไม่ได้แต่งหรูหรา แต่ก็ไม่ได้แต่งจนดูเหมือนไม่ให้เกียรติเจ้าของงานอย่างสาริกาเธอยืนสำรวจความเรีย
สาริกากับประวีที่กำลังพักผ่อนอยู่บนห้องได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กสาวจนต้องรีบพากันลงมาดู แล้วก็ได้เห็นว่าบุตรชายกำลังกอดรัดเด็กสาวอยู่"เจ้านายลูกทำอะไร ปล่อยน้องเดี๋ยวนี้นะ!" เธอทั้งตกใจและไม่ชอบใจในเวลาเดียวกันที่บุตรชายใกล้ชิดเด็กสาว แต่ยังตีหน้าทำเหมือนเป็นห่วงเด็กสาวรีบเดินเข้าไปดึงตัวบุตรชายออกโดยมีคนเป็นสามียืนมองเงียบ ๆ แต่มีหรือเจ้านายจะยอมปล่อยง่าย ๆ ในเมื่อเขาจับหญิงสาวได้แล้ว"แม่อย่ามายุ่ง ยังไงวันนี้ผมก็จะจัดการเธอให้ได้" เขาจ้องหน้าผู้เป็นแม่เขม็งพลางสลัดแขนออกจากการดึงรั้งของท่าน ขณะที่อีกข้างจับมือหญิงสาวไว้แน่น"ปล่อยนะคุณเจ้านาย" เมษาเองพยายามแกะมือหนาออกจากข้อมือพัลวันพร้อมกับสาริกาที่ไม่ยอมละความพยายามจะแยกบุตรชายออกจากเด็กสาว"แม่บอกให้ปล่อยน้องเจ้านาย มีอะไรค่อยคุยกัน""ผู้หญิงอย่างลียาคุยดีด้วยไม่ได้หรอกครับ"ภายในห้องนั่งเล่นเกิดความวุ่นวายจากการเยื้อยุด และเสียงถกเถียงของสองคนแม่ลูก และไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ขณะที่คนกลางอย่างเมษาตัวเซถลาไปมาแทบจะล้มแล้ไม่ล้มแล้อยู่หลายครั้งจากการแรงเยื้อยุดสุดท้ายประวีที่ยืนมองเหตุการณ์ก็ทนดูไม่ไหวต้องเป็นคนห้ามศึกทั้งที
บนถนนใหญ่ที่มุ่งตรงสู่บ้านวณิชกาญจนโชติมีรถสองคันวิ่งไล่กันมาติด ๆ คันหนึ่งเป็นรถแท็กซี่ที่เมษานั่งอยู่ ส่วนคันที่วิ่งตามหลังเป็นรถของเจ้านายเสียงแตรจากรถของชายหนุ่มที่ไล่บี้รถหญิงสาวดังมาตลอดทางเป็นเชิงส่งสัญญาณให้รถเธอจอด เมษาได้ยินและรู้ว่าเป็นรถชายหนุ่มที่ตามมา แล้วเธอจะจอดให้โง่เหรออุตส่าห์หนีมาได้แล้วแท้ ๆ ยิ่งบอกคนขับแท็กซี่ให้ขับเร็วขึ้น เธอต้องกลับไปถึงบ้านให้เร็วที่สุดเท่านั้นเพราะในเวลานี้คงมีแค่สาริกาที่ปกป้องเธอจากคนที่กำลังโกรธจนบ้าระห่ำได้"หนูรู้จักคนที่กำลังขับรถไล่ตามมาใช่ไหม" แท็กซี่วัยกลางคนถามไถ่ด้วยความสงสัยระคนร้อนใจด้วยกลัวว่าจะเกิดปัญหาเหมือนที่เคยดูในข่าว"รู้จักค่ะ เขาเป็นญาติหนูเอง" เมษาเลือกโกหกเพราะไม่อยากพูดอะไรมากมายกว่านี้ ขณะนั้นก็คอยหันมองรถชายหนุ่มไปด้วยตอนนี้เธอแทบนั่งไม่ติด จิตใจมันรุ่มร้อนยิ่งกว่าไฟเสียอีกอยากจะกลับถึงบ้านไว ๆ "ลุงขับเร็วกว่านี้ได้ไหมคะ""เร็วกว่านี้ลุงกลัวจะอันตราย" คนขับแท็กซี่บอกกล่าวเมษาจึงทำให้แค่พยายามสงบจิตสงบใจไว้ สองมือน้อย ๆ บนหน้าตักประสานเข้าหากันแน่นด้วยความลุ้นระทึกทุกวินาทีหัวใจดวงน้อยยิ่งกระหน่ำเต้นหนักกว่าเด
จากเหตุการณ์ในคืนนั้นเป็นเวลาหนึ่งเดือน ๆ เต็ม ๆ ที่เมษาต้องอยู่อย่างหวาดระแวง จะขยับตัวหรือทำอะไรก็เหมือนถูกจับจ้องตลอดเวลา และเธอยังถูกชายหนุ่มรังแก พูดจาเหยียดหยามทุกครั้งที่มีโอกาส บอกตามตรงว่าเธอไม่มีความสุขเอาเสียเลย ขนาดจะไปหาแม่กับน้องสาวก็ยังไม่ได้ไปเพราะกลัวความลับแตกทำได้แค่โทรถามข่าวคราวเธอตั้งใจว่าจะคุยกับสาริกาอีกครั้งเพราะนี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่เจ้านายกับส้มเลิกกัน และไม่มีทีท่าว่าทั้งสองจะหวนกลับมาคบกันอีก ซึ่งมันน่าจะมั่นใจได้แล้วเธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะสลัดความคิดอันหนักอึ้งออก แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายไหล่เดินลงไปยังชั้นล่าง"คุณลียาจะไปไหนครับ" ลุงดินที่ยืนสำรวจรถอยู่หน้าบ้านเอ่ยถามเมื่อเห็นเด็กสาวเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก "ให้ลุงไปส่งไหมครับ""ไม่เป็นไรค่ะลุงดิน หนูไปเองดีกว่า" เมษาระบายยิ้มให้ลุงดินบาง ๆ แล้วเดินออกไปยืนรอรถที่โทรเรียกหน้ารั้วบ้านรอไม่นานรถก็มาถึง ที่ที่เธอจะไปก็คือห้างนั่นเองเพื่อซื้อของขวัญให้สาริกาสำหรับวันเกิดของท่านในวันพรุ่งนี้ ความจริงเธอไม่ได้อยากจะซื้อให้สักนิด แต่ติดที่เธออยู่ในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้หากไม่มีอะไรมอบให้ว่าที
วันทั้งวันเมษาคลุกตัวอยู่แต่ในห้อง มื้อเที่ยงเธอก็ไม่ลงไปทานโดยอ้างว่าไม่หิวทั้งที่ความจริงคือเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนตอนเช้ามากกว่าก็อก! ก็อก!เธอพลันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจครั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น หัวใจดวงน้อยอดเต้นแรงไม่ได้ด้วยระแวงว่าจะเป็นชายหนุ่ม ยอมรับเลยว่าตั้งแต่เกิดเรื่องเธอรู้สึกระแวงไปหมดจริง ๆ"คุณลียาคะ คุณสาริกาให้มาตามลงไปทานข้าวค่ะ"ลมหายใจถูกพ่นออกจากจมูกโด่งด้วยความรู้สึกโล่งอกพอได้ยินเสียงแม่บ้านที่ดังเล็ดลอดเข้ามา เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ชายหนุ่มเธอก็ลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตูทันที "ค่ะ" ส่งยิ้มให้แม่บ้านเล็กน้อย จากนั้นก็เดินลงไปยังชั้นล่างด้วยหัวใจตุ่ม ๆ ต่อม ๆ ลุ้นว่าเย็นนี้เธอจะโดนชายหนุ่มหาเรื่องอะไรอีก เอาจริง ๆ หากไม่เกรงใจสาริกาที่เป็นเจ้าของบ้าน และรู้สึกหิวเธอไม่อยากจะลงไปเลยด้วยซ้ำเธอลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึกสองมือน้อย ๆ ขย้ำกระโปรงชุดเดรสแน่นในตอนที่เดินมาถึงห้องอาหารแล้วเห็นชายหนุ่มนั่งทำหน้ายักษ์อยู่ สายตาจ้องมองเธอราวกับจะกินหัวกันเธอไม่ชอบเอาเสียเลย แต่ก็ทำได้แค่ข่มอารมณ์ และจิตใจให้สงบนิ่งเอาไว้ ก้าวเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ข้างสาริกา"อยู่บ้า
เมษารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ด้วยความรู้สึกที่ไม่สดชื่นเท่าไรนักเพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็เกือบตีสี่แล้ว"เฮ้อ.." เธอถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกหนักอก ก่อนจะสบัดผ้าห่มออกจากตัวลุกลงจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วเดินลงไปยังชั้นล่างเพื่อช่วยแม่บ้านทำอาหารเช้าเหมือนเช่นทุกวันทว่าเมื่อเดินลงไปถึงห้องโถงใหญ่เธอก็ต้องชะงัก หน้าถอดสีฉับพลันเพราะคนที่เพิ่งถูกเธอตีหัวไปเมื่อคืนนั่งอยู่ในห้องโถง รอบศีรษะของเขามีผ้าก็อตพันอยู่ชายหนุ่มคงโกรธเธอมากดูจากสายตาที่จ้องเธอแทบจะเขมือบหัว บางทีหากตอนนี้ไม่มีสาริกานั่งอยู่ที่โซฟาด้วยเขาคงพุ่งเข้ามาฆ่าเธอแล้วก็เป็นได้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าสาริการู้ว่าแผลบนหัวบุตรชายสุดที่รักได้มาจากเธอสาริกาคงเล่นงานเธอแน่ ๆ เหมือนเธออยู่ท่ามกลางฝูงเสือฝูงจระเข้ที่พร้อมจะขย้ำเธอทุกเมื่อแท้ ๆเธอแทบจะก้าวขาเดินต่อไม่ได้เพราะรู้สึกกดดันกับสายตาทั้งสองคู่ที่มองมา มือทั้งสองกำกระโปรงชุดเดรสแน่นพยายามข่มความรู้สึกมากมายที่กำลังประเดประดังเข้ามา"หนูลียามานั่งนี่สิจ๊ะ" กระทั่งสาริกาเอ่ยเรียกเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจึงทำให้เบาใจขึ้นมาหน่อย นั่นอาจหมายความว่าท่านยังไม่ร