"เป็นยังไงบ้าง"
ทันทีที่เมษาย่างกรายเข้ามาถึงห้องโถงของบ้านวณิชกาญจนโชติเสียงของสาริกาที่นั่งอยู่ก็ถามไถ่ขึ้น
เธอได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนเปล่งเสียงตอบพร้อมเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาตัวตรงข้าม "คุณส้มไม่ได้พูดอะไรค่ะ แต่ฉันคิดว่าวิธีนี้น่าจะได้ผล"
"ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น ฉันเหนื่อยและเอือมระอากับเรื่องนี้เต็มทนแล้ว" สาริกาเอ่ยพร้อมกับถอนหายใจออกมา
"ทันทีที่คุณส้มยอมเลิกกับคุณเจ้านาย ฉันจะได้รับอิสระสามารถกลับไปอยู่กับแม่ และน้องสาวได้เลยใช่ไหมคะ"
"ยัง..จนกว่าฉันจะแน่ใจว่าสองคนนั้นเลิกกันจริง ๆ เธอต้องอยู่เป็นไม้กันหมาสักระยะ"
"สักระยะนี่มันนานแค่ไหนคะ?" เมษาขมวดคิ้วมุ่น
"เธอจะถามอะไรเยอะแยะ ถึงเวลาก็รู้เองแหละ"
สาริกาตวัดสายตามองหน้าเมษาที่เอาแต่ยิงคำถามไม่เลิกด้วยความรำคาญ ทำเอาคนถูกจ้องต้องรีบหลบสายตาพร้อมกับเอ่ยขอโทษไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว "ขอโทษค่ะ"
ภายในห้องโถงถูกความเงียบเข้าปกคลุมนานนับนาที ก่อนสาริกาจะเอ่ยปากไล่เด็กสาวที่นั่งขวางหูขวางตา "จะไปไหนก็ไปไป"
สิ้นเสียงไล่เมษาก็ลุกเดินคอตกขึ้นไปยังห้องนอนตัวเองทันที
เธอทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงอุตส่าห์หวังไว้ว่าทันทีที่ทำงานสำเร็จก็จะได้ออกไปจากบ้านหลังนี้ แต่ที่ไหนได้ต้องอยู่ต่อโดยไม่มีกำหนดแล้วเธอจะต้องอดทนไปจนถึงเมื่อไรกัน
นี่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหากชายหนุ่มรู้ว่าเธอไปพูดเรื่องคืนนั้นกับแฟนของเขาเธอจะโดนเขาฆ่าไหมเพราะทุกวันนี้เขาก็จะเขมือบหัวเธอแทบทุกครั้งที่เจอกันแล้ว
"เฮ้อ..มันเป็นเวรกรรมอะไรของเธอนะเมษา"
พอคิด ๆ ก็อดตัดพ้อชีวิตตัวเองไม่ได้ ตั้งแต่จำความได้เธอก็ต้องพบเจอกับความลำบากตลอด ไม่รู้ว่าเมื่อไรฟ้าจะเมตตาดลบันดาลให้ชีวิตเธอสุขสบายอย่างคนอื่นเขาสักที
ไม่ต้องรวยมากก็ได้แค่มีบ้านอยู่ มีงานทำมั่นคง และมีกินมีใช้ก็พอ เธอนอนจมอยู่กับความคิดมากมายนานเกือบชั่วโมง ก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด
ปัง! ปัง!
มาสะดุ้งตกใจตื่นก็ตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าทุบประตูมากกว่าเพราะเสียงดังปังสนั่นหวั่นไหวไปหมดทำเอาเธอตาเหลือกตาลานลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจสุดขีด
ขณะที่เสียงทุบประตูยังดังไม่ขาดสายตามด้วยน้ำเสียงเกี้ยวกราดของเจ้านาย "เปิดประตูเดี๋ยวนี้ลียา! ฉันบอกให้เปิดประตู"
บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของเสียงกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน ไม่อยากคิดเลยว่าหากเปิดประตูออกไปจะต้องพบกับอะไรบ้างดูท่าแล้วไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต
"อึก.."
เธอเผลอกลืนน้ำลายลงลำคออึกใหญ่พร้อมกับยกมือขึ้นทาบหัวใจที่เต้นแรงราวกับจะทะลุออกมานอกอกไว้ พยายามตั้งสติคิดว่าจะเอายังไงดีกับสถานการณ์ในตอนนี้ ดูทรงแล้วหากเธอไม่ยอมเปิดอีกคนก็คงไม่ยอมล่าถอย ดีไม่ดีอาจจะพังประตูเข้ามาด้วยซ้ำ
เสี้ยวนาทีต่อมาเธอก็ฉุกคิดอะไรขึ้นได้คนที่จะช่วยเธอได้คือสาริกาเท่านั้น แต่ก็น่าแปลกที่เสียงเคาะประตูดังสนั่นหวั่นไหวขนาดนี้ทำไมสาริกาถึงไม่มาดูว่าเกิดอะไรขึ้นจะว่าไม่ได้ยินก็คงไม่ใช่ หรือสาริกาจะไม่อยู่บ้าน
คิดได้ดังนั้นเธอก็รีบหยิบมือถือที่วางบนหัวเตียงมาต่อสายหาสาริกาทันที แต่ก็ไร้การตอบรับจากปลายสายจึงกดโทรหาใหม่อีกครั้งด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึก พลางภาวนาขอให้สาริการับสายเธอทีเถอะ
(โทรหาฉันมีอะไรเมษา)
วินาทีที่ปลายสายกดรับแล้วถามไถ่มาพลอยทำให้เธอคลายความกลัวได้บ้างรีบบอกกล่าวปลายสายไปด้วยน้ำเสียงสั่น
"คุณสาริกาช่วยด้วยค่ะ ตอนนี้คุณเจ้านายมาทุบประตูห้องฉันใหญ่เลยคงรู้เรื่องที่ฉันไปคุยกับแฟนเขาแล้วแน่ ๆ ค่ะ ดูท่าเขาจะโกรธมาก ๆ เลยค่ะ"
(ตอนนี้ฉันออกมาธุระข้างนอก ยังไงเธอก็อยู่ในห้องนั่นแหละไม่ต้องเปิดประตูออกมาจนกว่าฉันจะกลับไป)
"แล้วเกิดคุณเจ้านายพังประตูเข้ามาล่ะคะ"
(เธอก็หาวิธีเอาตัวรอดไปก่อน แล้วฉันจะรีบกลับไป)
"ค่ะ"
เมษาได้แต่ขานรับด้วยความจำใจ แล้วจึงกดวางสาย ตวัดสายตามองไปยังประตูด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น
อ่า..ให้ตายสิแล้วเธอจะรอดไหมล่ะงานนี้กว่าจะสาริกาจะกลับมา...
ปัง!
ขณะที่กำลังนั่งวิตกกังวลเธอก็ต้องสะดุ้งโหยงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจเพราะเสียงประตูที่ดังอึกกระทึกครึกโครมราวกับฟ้าผ่า มันทั้งดังและสั่นกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าเล่นเอาเธออกสั่นขวัญหายเข้าไปใหญ่
"ลียาเปิดประตูออกมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้ อย่าให้ฉันโมโหและหมดความอดทนกับเธอไปมากกว่านี้ เพราะหากฉันเปิดประตูเข้าไปได้จะไม่รับรองความปลอดภัยของเธอ"
ประโยคขมขู่ดังผ่านประตูเข้ามายิ่งทำให้เมษารู้สึกกลัวเป็นทวีคูณ เริ่มลังเลว่าจะเปิดให้เขาดีไหม ทว่าอีกใจก็แย้งขึ้นมาอย่าเปิดอย่าไปเชื่อคำขู่ของเขาเพราะฟังจากเสียงเกรี้ยวกราดที่ดังเข้ามาก็เดาได้แล้วว่าเขากำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หากเธอเปิดประตูออกไปจะเหลืออะไร
เธอนั่งคิดแล้วคิดอีก ก่อนจะรวบรวมความกล้าตะเบ็งเสียงตอบคนด้านนอกไป "ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ"
สิ้นเสียงของเธอก็ได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าคนเดินห่างออกไป ชายหนุ่มไปแล้วอย่างนั้นเหรอมันจะง่ายไปไหมเพื่อความแน่ใจเธอจึงเดินไปแนบหูฟังที่ประตู คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจดูเหมือนเขาจะไปแล้วจริง ๆ ทำไมมันง่ายจัง
แต่ก็ช่างเถอะเธอเลือกจะทิ้งความสงสัยแล้วเดินกลับไปหย่อนก้นนั่งริมเตียง พ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
แกร็ก!
โล่งใจได้ไม่ทันไรก็ต้องสะดุ้งตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงคล้ายคนกำลังปลดล็อกลูกบิด รีบหันไปมองทางประตูปรากฏว่าใช่จริง ๆ และก่อนที่เธอจะได้ทำอะไรประตูก็ถูกเปิดเข้ามาโดยเจ้านายนั่นเอง
อ่า..ให้ตายเถอะเธอว่าแล้วเชียวทำไมเขาถึงไปง่าย ๆ ที่แท้ก็ไปเอากุญแจมาไขประตูนี่เองเธอพลาดที่ชะล่าใจเกินไป
เห็นสีหน้าเกรี้ยวกราด แววตาทอประกายวาวโรจน์ที่จ้องมองมายังเธอราวกับจะเขมือบหัวนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าความฉิบหายมาเยือนแล้วไงล่ะ..
เธอทำใจดีสู้เสือแม้ในใจจะรู้สึกกลัวจนขึ้นสมองก็ตาม หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเตรียมพร้อมสำหรับวิ่งหนีหากเห็นท่าไม่ดี ก่อนจะข่มน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือพูดออกไปให้เป็นปกติที่สุด
"คุณมีอะไรงั้นเหรอคะ ถึงได้ลงทุนไขกุญแจเข้ามาในห้องฉันแบบนี้"
"เธออย่ามาทำตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่องราวลียา ผู้หญิงอย่างเธอนี่มันดื้อด้าน ไร้ยางอายที่สุดอยากได้ฉันจนตัวสั่นจนสามารถทำได้ทุกอย่าง"
เจ้านายชี้หน้าต่อว่าหญิงสาวด้วยความโกรธพร้อมทั้งก้าวเท้าเข้าหาเธอช้า ๆ เขาโกรธจนอยากจะขย้ำเธอให้แหลกคามือให้สมกับที่เธอทำความรักของเขากับแฟนสาวพัง
เขากับแฟนสาวกำลังจะแต่งงานกันแล้วแท้ ๆ แต่ทุกอย่างก็ต้องพังคลืนลงมา แฟนสาวขอลดสถานะจากคนรักกลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมแม้เขาพยายามพูดขอให้เธอเปลี่ยนใจแค่ไหนก็ไม่อาจเปลี่ยนใจแฟนสาวได้
เพราะผู้หญิงแพศยาอย่างลียาที่ไปบอกกับแฟนสาวของเขาว่าเธอกับเขาพลาดมีอะไรกัน หนำซ้ำยังมีรูปถ่ายไปให้แฟนสาวเขาดูอีก พอรู้แบบนี้ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นเป็นฝีมือของเธอไม่อย่างนั้นเธอจะถ่ายรูปไว้ทำไมหากเมาแล้วพลาดมีอะไรกันจริง ๆ
"ฉันไม่ได้อยากทำแบบนี้ แต่คุณบังคับให้ฉันต้องทำเองนะ" เมษาสวนกลับไปตามความจริง เธออยากจะบอกความจริงเขาไปเหลือเกินว่าคนที่ทำคือแม่เขาทั้งหมด แต่ก็พูดไม่ได้
สายตาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความรู้สึกผิดระคนหวาดกลัว เท้าก็เริ่มขยับถอยหลังหนีร่างสูงที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
"ยังมีหน้ามาโทษฉันอีกเหรอลียา เธอนี่มันเกินเยียวยาจริง ๆ"
คำตอบกลับจากเมษาเหมือนกระตุ้นอารมณ์โกรธของเจ้านายให้ประทุยิ่งกว่าเก่า ขบกรามเข้าหากันแน่นจนเสียงดังกรอด ใบหน้าแดงก่ำลามไปจนถึงใบหู แววตาทอประกายวาวโรจน์แข็งกร้าวจนดูน่ากลัวทำอีกคนหัวใจกระตุกวูบ เสียวสันหลังแปลบเพราะเธอไม่เคยเห็นเขาโกรธมากขนาดนี้มาก่อน
ในใจร่ำร้องว่าตายแน่เมษางานนี้ เธอต้องถูกเขาฆาตกรรมแน่ ๆ สัญชาตญาณมันบอกให้เธอวิ่งหนีสิจะรอให้เขาฆ่าหรือไงกัน ไวเท่าความคิดสองเท้าเล็กก็ก้าวกระโดดขึ้นบนเตียง
"อย่าคิดหนีลียา เธอต้องรับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง"
เจ้านายรีบพุ่งเข้าไปที่เตียงหมายจะจับร่างบางที่กำลังหนี แต่ก็พลาดไปอีกแค่นิดเดียวเท่านั้นเขาก็จะจับข้อเท้าเล็กได้แล้วแต่อีกคนดันหลบทัน
เมษาสามารถวิ่งหนีชายหนุ่มลงมายืนที่ข้างเตียงอีกฝั่งได้สำเร็จ ก่อนจะหันไปสวนกลับร่างสูงด้วยน้ำเสียงหอบสั่น "ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องรับผิดชอบด้วย"
"เธอเป็นต้นเหตุทำให้ฉันกับคนรักต้องเลิกกัน จะไม่ผิดได้ยังไงเพราะเธอคนเดียวลียาไม่รู้สึกละอายแก่ใจ หรือรู้สึกผิดบาปบ้างเหรอที่ทำให้คนอื่นเขาเลิกกัน"
"คุณกับแฟนเลิกกันแล้วเหรอ"
แทนที่เมษาจะรู้สึกสลดเมื่อได้รู้ว่าชายหนุ่มเลิกกับแฟนสาวแล้วเธอกลับแสดงท่าทางดีใจออกมาเพราะคิดว่าตัวเองกำลังจะได้รับอิสระจนลืมนึกถึงข้ออื่นไป
ทว่าเพียงเสี้ยวนาทีที่นึกขึ้นได้กลับกลายเป็นความรู้สึกผิดเข้ามาแทนที่ ใบหน้าเรียวพลันเศร้าหมองลงทันใด สายตาจ้องมองร่างสูงที่ยืนข้างเตียงอีกฝั่งอย่างคนรู้สึกผิด
"ฉันขอโทษที่ทำให้คุณกับแฟนต้องเลิกกัน แต่ฉันมีเหตุผลที่ต้องทำ" ความรู้สึกผิดที่เปี่ยมล้นอยู่ในอกทำให้เธอกล่าวขอโทษอีกคนไป ใจเหม่อลอยนึกถึงภาพของส้มและบุตรสาวที่กำลังเล่นกับเจ้านายอย่างมีความสุข
ทั้งสามเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่เป็นเธอที่ทำให้ความสุขของคนทั้งสามพังลง ยิ่งตอกย้ำให้รู้สึกผิด และย้ำเตือนว่าเธอมันเลวมากแค่ไหน
น้ำตาแห่งความเสียใจค่อย ๆ เอ่อคลอดวงตาอย่างกลั้นไม่อยู่จนเธอต้องรีบยกมือขึ้นเช็ดพลางเชิดหน้าสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสะกดกลั้นก้อนน้ำตาเอาไว้
"นอกจากเธอจะหน้าด้าน ไร้ยางอายแล้วยังเสแสร้งแกล้งทำเก่งอีกด้วยนะลียา"
สิ่งที่หญิงสาวแสดงออกมาเจ้านายกลับมองว่าเป็นการแสดง เขาไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะรู้สึกผิดจริง เพราะถ้าเธอมีจิตสำนึกคงไม่ทำเรื่องทุเรศแบบนี้
เมษาไม่คิดจะต่อปากต่อคำ หรือพูดอะไรอีกหันมองไปที่ประตูแล้วหันกลับมามองคนที่ยืนข้างเตียงอีกฝั่งเพื่อประมวลว่าหากวิ่งหนีออกไปจะถูกเขาจับได้ไหม
ซึ่งเหมือนเจ้านายจะรู้ทันความคิดของหญิงสาว แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปยืนมองหน้าเธอนิ่ง ๆ
ทันทีที่ร่างบางพุ่งตัวไปที่ประตูเขาก็รีบวิ่งเข้าตะครุบด้วยความเร็ว
"กรี๊ดด!"
เมษากรีดออกมาด้วยความตกใจในตอนที่ถูกร่างสูงพุ่งเข้าตะปบรวบร่างเข้าสู่วงแขน เธออุตส่าห์กะระยะไว้อย่างดีแล้วเชียวทำไมถึงยังโดนเขาจับได้ก็ไม่รู้ พยายามดีดดิ้นพลางใช้มือผลักไสร่างสูงสุดแรงที่มีแต่ก็มิอาจหลุดพ้นจากวงแขนแกร่งได้ หนำซ้ำยังถูกโอบรัดแน่นขึ้นจนลำตัวแนบสนิทกัน
"ปล่อยฉันนะ ปล่อยสิ"
"เธออยากได้ฉันจนตัวสั่นไม่ใช่เหรอ แล้วจะวิ่งหนีทำไม" เจ้านายจ้องหน้าร่างบางที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนเขม็ง
"แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากได้แล้วไง ปล่อยสิ" ความกลัวที่มีจนมากล้นทำให้เมษาพูดออกไปแบบนั้น นาทีนี้เธอคิดเพียงอย่างเดียวว่าต้องออกไปให้ห่างชายหนุ่มเขามันน่ากลัวเกินไปสำหรับเธอ
ทว่ายิ่งเธอปฏิเสธยิ่งทำให้เจ้านายโกรธมันเหมือนว่าเธอกำลังเล่นตลกกับความรู้สึกของเขา และคนรัก พอทำลายทุกอย่างได้สำเร็จก็มีท่าทีเปลี่ยนไป คิดเหรอว่าเขาจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ
ตุ้บ!!ร่างของเมษาถูกเจ้านายเหวี่ยงขึ้นเตียงอย่างแรง แรงกระแทกกับที่นอนส่งผลให้เธอจุกจนร้องไม่ออก หน้าคะมำจูบที่นอนนุ่มเต็ม ๆ ทว่าแม้จะรู้สึกจุก และเจ็บเพียงใดเธอก็พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งโดยเร็วที่สุดด้วยความกลัวที่มีมากกว่า "อ๊ะ.."ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรก็ถูกร่างสูงผลักให้นอนราบกับที่นอนอีกครั้งโดยมีเขาตามมาคร่อมเอาไว้ มือเล็กทั้งสองยกขึ้นผลักไสคนด้านบนพัลวันพลางพยายามดีดดิ้นสุดแรง ปากร้องถามไปด้วยความตื่นตระหนก "คะ..คุณจะทำอะไร อะ..ออกไปนะ""อย่ามาทำไขสือลียา เธออยากได้ฉันมากไม่ใช่เหรอฉันก็กำลังสนองให้อยู่นี่ไง" เจ้านายกดเสียงเอ่ยอย่างเย็นเยือก แววตาแข็งกร้าวจดจ้องใบหน้าเรียวเขม็ง มือทั้งสองจับมือเล็กที่เอาแต่ผลักไสไปกดตรึงกับที่นอนข้างศีรษะเล็ก"ไม่ ฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้" ใบหน้าเรียวส่ายปฏิเสธระรัวจนเส้นผมสีน้ำตาลสลวยยุ่งเหยิง ร่างบอบบางยังคงออกแรงดีดดิ้นไม่หยุดหย่อน สองเท้าเล็กถีบยันที่นอนไปมาจนยับยู่ยี่หวังดันตัวให้หลุดพ้นจากพันธนาการคนด้านบน"กรี๊ดด!" ริมฝีปากอิ่มพลันหลุดเสียงกรีดในเสี้ยววินาทีต่อมาเมื่อใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงซุกไซ้ลำคอ ใบหน้าเรียวที่เต็มไปด้วยความตื่นกลัวพยายา
@ผับหลังจากออกจากบ้านเจ้านายก็มานั่งดื่มที่ผับของเพื่อนชายคนสนิทเพื่อดับความร้อนรุ่มที่เกิดจากความโกรธน้ำสีอำพันในแก้วคริสตัลถูกชายหนุ่มยกดื่มครั้งแล้วครั้งแล้ว พอหมดก็เติมใหม่โดยมีแมธธิวเพื่อนที่เป็นเจ้าของผับคอยรินให้"แม่งเอ้ย! ทำไมทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ" จู่ ๆ เสียงทุ้มก็สบถออกมาด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่น แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเป็นจำนวนมากไม่สามารถดับไฟในกายเขาได้เลย กลับกันยิ่งเริ่มเมากึ๋ม ๆ ก็ยิ่งมีอารมณ์รุนแรงขึ้น ในสมองมีแต่ใบหน้าของลียาผู้หญิงแพศยาลอยวนซ้ำ ๆมือหนากำแก้วแน่นจนเส้นเลือดบนหลังมือลากยาวไปถึงแขนปูดนูน กรามทั้งสองขบเข้าหากันแน่นจนเกิดเสียงดังกรอด เขาอยากจะขย้ำเธอให้แหลกเป็นผุยผงให้สมกับที่เธอทำลายความรักของเขากับแฟนสาวพังไม่ใช่แค่คิดแต่เขาลุกพรวดขึ้นยืนโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้แมธธิวรู้สึกตกใจไม่น้อย เอ่ยถามไปด้วยความสงสัย "เป็นอะไรของมึง อยู่ ๆ ก็ลุกขึ้นยืน""กูต้องกลับไปจัดการคน" เจ้านายตอบเพื่อนชายเพียงแค่นั้นไม่ได้ขยายความต่อ ว่าจะก็เดินตัวปลิวออกจากผับไปขึ้นรถหรูราคาหลายสิบล้านขับตรงกลับบ้านด้วยความเร็วใช้เวลาขับรถราว ๆ สี่สิบห้านาทีก็มาถึงบ้าน ซึ่งตอน
เมษารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ด้วยความรู้สึกที่ไม่สดชื่นเท่าไรนักเพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็เกือบตีสี่แล้ว"เฮ้อ.." เธอถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกหนักอก ก่อนจะสบัดผ้าห่มออกจากตัวลุกลงจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วเดินลงไปยังชั้นล่างเพื่อช่วยแม่บ้านทำอาหารเช้าเหมือนเช่นทุกวันทว่าเมื่อเดินลงไปถึงห้องโถงใหญ่เธอก็ต้องชะงัก หน้าถอดสีฉับพลันเพราะคนที่เพิ่งถูกเธอตีหัวไปเมื่อคืนนั่งอยู่ในห้องโถง รอบศีรษะของเขามีผ้าก็อตพันอยู่ชายหนุ่มคงโกรธเธอมากดูจากสายตาที่จ้องเธอแทบจะเขมือบหัว บางทีหากตอนนี้ไม่มีสาริกานั่งอยู่ที่โซฟาด้วยเขาคงพุ่งเข้ามาฆ่าเธอแล้วก็เป็นได้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าสาริการู้ว่าแผลบนหัวบุตรชายสุดที่รักได้มาจากเธอสาริกาคงเล่นงานเธอแน่ ๆ เหมือนเธออยู่ท่ามกลางฝูงเสือฝูงจระเข้ที่พร้อมจะขย้ำเธอทุกเมื่อแท้ ๆเธอแทบจะก้าวขาเดินต่อไม่ได้เพราะรู้สึกกดดันกับสายตาทั้งสองคู่ที่มองมา มือทั้งสองกำกระโปรงชุดเดรสแน่นพยายามข่มความรู้สึกมากมายที่กำลังประเดประดังเข้ามา"หนูลียามานั่งนี่สิจ๊ะ" กระทั่งสาริกาเอ่ยเรียกเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจึงทำให้เบาใจขึ้นมาหน่อย นั่นอาจหมายความว่าท่านยังไม่ร
วันทั้งวันเมษาคลุกตัวอยู่แต่ในห้อง มื้อเที่ยงเธอก็ไม่ลงไปทานโดยอ้างว่าไม่หิวทั้งที่ความจริงคือเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนตอนเช้ามากกว่าก็อก! ก็อก!เธอพลันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจครั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น หัวใจดวงน้อยอดเต้นแรงไม่ได้ด้วยระแวงว่าจะเป็นชายหนุ่ม ยอมรับเลยว่าตั้งแต่เกิดเรื่องเธอรู้สึกระแวงไปหมดจริง ๆ"คุณลียาคะ คุณสาริกาให้มาตามลงไปทานข้าวค่ะ"ลมหายใจถูกพ่นออกจากจมูกโด่งด้วยความรู้สึกโล่งอกพอได้ยินเสียงแม่บ้านที่ดังเล็ดลอดเข้ามา เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ชายหนุ่มเธอก็ลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตูทันที "ค่ะ" ส่งยิ้มให้แม่บ้านเล็กน้อย จากนั้นก็เดินลงไปยังชั้นล่างด้วยหัวใจตุ่ม ๆ ต่อม ๆ ลุ้นว่าเย็นนี้เธอจะโดนชายหนุ่มหาเรื่องอะไรอีก เอาจริง ๆ หากไม่เกรงใจสาริกาที่เป็นเจ้าของบ้าน และรู้สึกหิวเธอไม่อยากจะลงไปเลยด้วยซ้ำเธอลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึกสองมือน้อย ๆ ขย้ำกระโปรงชุดเดรสแน่นในตอนที่เดินมาถึงห้องอาหารแล้วเห็นชายหนุ่มนั่งทำหน้ายักษ์อยู่ สายตาจ้องมองเธอราวกับจะกินหัวกันเธอไม่ชอบเอาเสียเลย แต่ก็ทำได้แค่ข่มอารมณ์ และจิตใจให้สงบนิ่งเอาไว้ ก้าวเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ข้างสาริกา"อยู่บ้า
จากเหตุการณ์ในคืนนั้นเป็นเวลาหนึ่งเดือน ๆ เต็ม ๆ ที่เมษาต้องอยู่อย่างหวาดระแวง จะขยับตัวหรือทำอะไรก็เหมือนถูกจับจ้องตลอดเวลา และเธอยังถูกชายหนุ่มรังแก พูดจาเหยียดหยามทุกครั้งที่มีโอกาส บอกตามตรงว่าเธอไม่มีความสุขเอาเสียเลย ขนาดจะไปหาแม่กับน้องสาวก็ยังไม่ได้ไปเพราะกลัวความลับแตกทำได้แค่โทรถามข่าวคราวเธอตั้งใจว่าจะคุยกับสาริกาอีกครั้งเพราะนี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่เจ้านายกับส้มเลิกกัน และไม่มีทีท่าว่าทั้งสองจะหวนกลับมาคบกันอีก ซึ่งมันน่าจะมั่นใจได้แล้วเธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะสลัดความคิดอันหนักอึ้งออก แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายไหล่เดินลงไปยังชั้นล่าง"คุณลียาจะไปไหนครับ" ลุงดินที่ยืนสำรวจรถอยู่หน้าบ้านเอ่ยถามเมื่อเห็นเด็กสาวเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก "ให้ลุงไปส่งไหมครับ""ไม่เป็นไรค่ะลุงดิน หนูไปเองดีกว่า" เมษาระบายยิ้มให้ลุงดินบาง ๆ แล้วเดินออกไปยืนรอรถที่โทรเรียกหน้ารั้วบ้านรอไม่นานรถก็มาถึง ที่ที่เธอจะไปก็คือห้างนั่นเองเพื่อซื้อของขวัญให้สาริกาสำหรับวันเกิดของท่านในวันพรุ่งนี้ ความจริงเธอไม่ได้อยากจะซื้อให้สักนิด แต่ติดที่เธออยู่ในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้หากไม่มีอะไรมอบให้ว่าที
บนถนนใหญ่ที่มุ่งตรงสู่บ้านวณิชกาญจนโชติมีรถสองคันวิ่งไล่กันมาติด ๆ คันหนึ่งเป็นรถแท็กซี่ที่เมษานั่งอยู่ ส่วนคันที่วิ่งตามหลังเป็นรถของเจ้านายเสียงแตรจากรถของชายหนุ่มที่ไล่บี้รถหญิงสาวดังมาตลอดทางเป็นเชิงส่งสัญญาณให้รถเธอจอด เมษาได้ยินและรู้ว่าเป็นรถชายหนุ่มที่ตามมา แล้วเธอจะจอดให้โง่เหรออุตส่าห์หนีมาได้แล้วแท้ ๆ ยิ่งบอกคนขับแท็กซี่ให้ขับเร็วขึ้น เธอต้องกลับไปถึงบ้านให้เร็วที่สุดเท่านั้นเพราะในเวลานี้คงมีแค่สาริกาที่ปกป้องเธอจากคนที่กำลังโกรธจนบ้าระห่ำได้"หนูรู้จักคนที่กำลังขับรถไล่ตามมาใช่ไหม" แท็กซี่วัยกลางคนถามไถ่ด้วยความสงสัยระคนร้อนใจด้วยกลัวว่าจะเกิดปัญหาเหมือนที่เคยดูในข่าว"รู้จักค่ะ เขาเป็นญาติหนูเอง" เมษาเลือกโกหกเพราะไม่อยากพูดอะไรมากมายกว่านี้ ขณะนั้นก็คอยหันมองรถชายหนุ่มไปด้วยตอนนี้เธอแทบนั่งไม่ติด จิตใจมันรุ่มร้อนยิ่งกว่าไฟเสียอีกอยากจะกลับถึงบ้านไว ๆ "ลุงขับเร็วกว่านี้ได้ไหมคะ""เร็วกว่านี้ลุงกลัวจะอันตราย" คนขับแท็กซี่บอกกล่าวเมษาจึงทำให้แค่พยายามสงบจิตสงบใจไว้ สองมือน้อย ๆ บนหน้าตักประสานเข้าหากันแน่นด้วยความลุ้นระทึกทุกวินาทีหัวใจดวงน้อยยิ่งกระหน่ำเต้นหนักกว่าเด
สาริกากับประวีที่กำลังพักผ่อนอยู่บนห้องได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กสาวจนต้องรีบพากันลงมาดู แล้วก็ได้เห็นว่าบุตรชายกำลังกอดรัดเด็กสาวอยู่"เจ้านายลูกทำอะไร ปล่อยน้องเดี๋ยวนี้นะ!" เธอทั้งตกใจและไม่ชอบใจในเวลาเดียวกันที่บุตรชายใกล้ชิดเด็กสาว แต่ยังตีหน้าทำเหมือนเป็นห่วงเด็กสาวรีบเดินเข้าไปดึงตัวบุตรชายออกโดยมีคนเป็นสามียืนมองเงียบ ๆ แต่มีหรือเจ้านายจะยอมปล่อยง่าย ๆ ในเมื่อเขาจับหญิงสาวได้แล้ว"แม่อย่ามายุ่ง ยังไงวันนี้ผมก็จะจัดการเธอให้ได้" เขาจ้องหน้าผู้เป็นแม่เขม็งพลางสลัดแขนออกจากการดึงรั้งของท่าน ขณะที่อีกข้างจับมือหญิงสาวไว้แน่น"ปล่อยนะคุณเจ้านาย" เมษาเองพยายามแกะมือหนาออกจากข้อมือพัลวันพร้อมกับสาริกาที่ไม่ยอมละความพยายามจะแยกบุตรชายออกจากเด็กสาว"แม่บอกให้ปล่อยน้องเจ้านาย มีอะไรค่อยคุยกัน""ผู้หญิงอย่างลียาคุยดีด้วยไม่ได้หรอกครับ"ภายในห้องนั่งเล่นเกิดความวุ่นวายจากการเยื้อยุด และเสียงถกเถียงของสองคนแม่ลูก และไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ขณะที่คนกลางอย่างเมษาตัวเซถลาไปมาแทบจะล้มแล้ไม่ล้มแล้อยู่หลายครั้งจากการแรงเยื้อยุดสุดท้ายประวีที่ยืนมองเหตุการณ์ก็ทนดูไม่ไหวต้องเป็นคนห้ามศึกทั้งที
วันต่อมาภายในบ้านดูจะวุ่นวายไปเสียหมดเพราะทุกคนยุ่งกับการจัดงานวันเกิดของสาริกา รวมถึงเมษาด้วยที่ไม่อยู่นิ่งเฉยช่วยงานจนตัวเป็นเกลียว คิดเสียว่าเป็นการส่งท้ายก่อนเธอจะออกจากบ้านหลังนี้งานวันเกิดสาริกาถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตทุกปีเพราะครอบครัวของเธอค่อนข้างมีหน้ามีตาทางสังคม บวกด้วยสาริกาที่เป็นคนชอบโอ้อวดเป็นทุกเดิมอยู่แล้วด้วยจึงน้อยหน้าใคร ๆ ไม่ได้ใช้เวลากับการจัดสถานที่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน และจัดเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม ขนมเสร็จก็เย็นพอดีเมษาจึงหลบขึ้นห้องพักผ่อนและคิดว่าคืนนี้คงไม่ไปร่วมงานแค่ช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารในครัวก็พอเพราะพอพรุ่งนี้เช้าเธอก็จะไปจากที่นี่ทันทีไม่มีความจำเป็นต้องแสดงละครอีกต่อไป สาริกาเองก็ไม่ได้สั่งอะไรเมื่อถึงเวลาเริ่มงานแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันมาเมษาก็อาบน้ำแต่งตัว โดยเสื้อผ้าที่เธอเลือกสวมใส่วันนี้เป็นเสื้อยืดคอกลมสีขาวธรรมดากับกระโปรงผ้าซาตินสีชมพูอ่อนยาวถึงกลางขาดูเรียบร้อยและอ่อนหวานในคราวเดียวกันใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางบางเบาให้ดูไม่จืดชืดจนเกินไป เธอไม่ได้แต่งหรูหรา แต่ก็ไม่ได้แต่งจนดูเหมือนไม่ให้เกียรติเจ้าของงานอย่างสาริกาเธอยืนสำรวจความเรีย
"..."เมษากลับเงียบพร้อมก้มหน้าหลบสายตากดดันเธอไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไงดี อีกทั้งยังรู้สึกกลัวและกังวลไปหมด นั่นทำให้เจ้านายไม่คิดจะอดทนอีกต่อไปผละตัวออกจากร่างบาง "งั้นก็ไปพูดกับลียาตัวจริงเองแล้วกัน แต่เธอคงไม่ได้โง่จนไม่รู้ใช่ไหมว่าการสวมรอยเป็นคนอื่นมันผิดกฎหมาย หากลียาตัวจริงรู้ว่าตัวเองถูกสวมรอยแล้วไปแจ้งความจับเธอเข้าคุกใครหน้าไหนก็คงช่วยเธอไม่ได้" พูดขู่ด้วยน้ำเสียงดุดันพร้อมทั้งยื่นมือไปจับข้อมือเล็กทำท่าลากเธอออกไปจากบ้าน จงใจแสดงให้หญิงสาวเห็นว่าเขาพูดจริงทำจริงเธอจะได้เลิกปากแข็งสักทีและมันได้ผล.."มะ..ไม่นะ"เมษารีบสะบัดมือออกจากการจับกุมวิ่งไปยืนห่าง ๆ ร่างสูงด้วยกลัวว่าจะถูกเขาจับไปส่งลียา สายตาจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยความรู้สึกกลัวและกังวลสองมือน้อย ๆ ขย้ำกระโปรงตัวยาวแน่นจนฝ่ามือเริ่มชื้นไปด้วยเหงื่อตลอดจนถึงไรผม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะภายในบ้านมันร้อน หรือเพราะความกดดันกันแน่ เธอลอบกลืนน้ำลายลงลำคอแห้งผากดังอึก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดยาว ๆ เรียกความกล้าบอกกล่าวไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิวแทบจะขาดหาย"ฉันชื่อ..เมษา..""แล้วเธอมาสวมรอยเป็นลียาทำไม ต้องการอะไร"พอมาถึงคำถามนี้เม
"เฮ้อ.."เมษาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าเขตห้องครัวเพราะเมื่อกี้ตอนออกไปเติมของที่โต๊ะข้างนอก เหลือบเห็นว่าชายหนุ่มนั่งจ้องด้วยสายตาแทบจะกินหัวตลอดเวลา แต่เธอแสร้งทำไม่เห็นรีบเติมของแล้วรีบเข้ามาเธออยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็ว ๆ แล้วสิ.."เป็นอะไรคะน้องลี" รสที่เห็นสีหน้าเหนื่อย ๆ ของหญิงสาวอดถามไถ่ไม่ได้ ทั้งที่ตอนออกไปดูปกติดี"ปะ..""อ๊ะ..".ไม่ทันได้ตอบคำถามเมษาก็ต้องหลุดร้องด้วยแรงกระชากรุนแรงจากด้านหลัง ตัวเธอหมุนติ้วเข้าปะทะร่างเจ้าของการกระทำเต็ม ๆ ท่ามกลางสายตาของแม่บ้านที่ตกใจเจ้านายไม่พูดพร่ำทำเพลงพอจับหญิงสาวได้ก็ลากให้เธอเดินตามไปทางประตูหลังครัว"ปล่อยนะคุณเจ้านาย คุณจะพาฉันไปไหน" เมษาพยายามขัดขืนสะบัดมือออกจากการจับกุมพร้อมทั้งหันส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเหล่าแม่บ้านไปด้วย แต่ไม่มีใครกล้าเข้ายุ่งเพราะเห็นว่าเจ้านายกำลังโกรธมาก "โอ้ย!" เมษาถูกฉุดกระชากแรงขึ้นจนตัวปลิว หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความหวาดหวั่นเมื่อถูกฉุดกระชากเข้าสู่บริเวณทางเดินบ้านพักของแม่บ้านที่มีเพียงแสงสว่างส่องเล็กน้อย บรรยากาศเงียบสงัดจนดูวังเวง"คุณเจ้านาย คุณจะพาฉันไปไ
"ส่วนนี้คุณหญิงสิณีกับหนูดีเจ้านาย ภรรยาเจ้าสัวเกริกศักดิ์" เสียงแม่ดังทบโสตประสาททำให้เจ้านายหลุดจากภวังค์ความคิด ดึงสายตาไปมองทั้งสองคนตรงหน้า แล้วยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนตามมารยาท สวนทางกับใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มไร้ความยินดีทำคนทั้งสองที่ยิ้มร่าถึงกับหน้าเจื่อนรับรู้ได้ว่าชายหนุ่มคงไม่อยากรู้จักพวกเธอสักเท่าดูจากปฏิกิริยาที่แสดงออกมาสาริกาเองก็รับรู้ได้เกรงว่าปล่อยไว้บรรยากาศจะไม่ราบรื่นจึงเชื้อเชิญให้สองแม่ลูกไปนั่งยังโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ให้ ก่อนไปก็มิวายส่งสายตาตำหนิบุตรชายเธออุตส่าห์แนะนำให้บุตรชายรู้จักกับผู้หญิงที่เพรียบพร้อม และเหมาะสมกับตัวเองทุกอย่างเพื่ออนาคตจะได้เกี่ยวดองกัน แต่บุตรชายกลับทำเสียแผนหมดถามว่าเจ้านายสะท้านกับสายตาตำหนิคนเป็นแม่ไหมตอบเลยว่าไม่ เดินไปนั่งดื่มเครื่องดื่มข้างคนเป็นพ่อหน้าตาเฉยสาริกาจึงต้องเป็นฝ่ายสะกดกลั้นอารมณ์เสียเองไม่อยากทำให้บรรยากาศในวันเกิดเสีย ครั้นส่งสองแม่ลูกถึงโต๊ะก็เดินกลับมานั่งกับสามีและลูก ทำเป็นพูดคุยหัวเราะกับทั้งสองอย่างมีความสุขให้คนในงานอิจฉา ทั้งที่ความรู้สึกตรงกันข้ามเธอหงุดสองคนพ่อลูกมากกว่าที่ไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลยทุกอย่
วันต่อมาภายในบ้านดูจะวุ่นวายไปเสียหมดเพราะทุกคนยุ่งกับการจัดงานวันเกิดของสาริกา รวมถึงเมษาด้วยที่ไม่อยู่นิ่งเฉยช่วยงานจนตัวเป็นเกลียว คิดเสียว่าเป็นการส่งท้ายก่อนเธอจะออกจากบ้านหลังนี้งานวันเกิดสาริกาถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตทุกปีเพราะครอบครัวของเธอค่อนข้างมีหน้ามีตาทางสังคม บวกด้วยสาริกาที่เป็นคนชอบโอ้อวดเป็นทุกเดิมอยู่แล้วด้วยจึงน้อยหน้าใคร ๆ ไม่ได้ใช้เวลากับการจัดสถานที่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน และจัดเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม ขนมเสร็จก็เย็นพอดีเมษาจึงหลบขึ้นห้องพักผ่อนและคิดว่าคืนนี้คงไม่ไปร่วมงานแค่ช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารในครัวก็พอเพราะพอพรุ่งนี้เช้าเธอก็จะไปจากที่นี่ทันทีไม่มีความจำเป็นต้องแสดงละครอีกต่อไป สาริกาเองก็ไม่ได้สั่งอะไรเมื่อถึงเวลาเริ่มงานแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันมาเมษาก็อาบน้ำแต่งตัว โดยเสื้อผ้าที่เธอเลือกสวมใส่วันนี้เป็นเสื้อยืดคอกลมสีขาวธรรมดากับกระโปรงผ้าซาตินสีชมพูอ่อนยาวถึงกลางขาดูเรียบร้อยและอ่อนหวานในคราวเดียวกันใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางบางเบาให้ดูไม่จืดชืดจนเกินไป เธอไม่ได้แต่งหรูหรา แต่ก็ไม่ได้แต่งจนดูเหมือนไม่ให้เกียรติเจ้าของงานอย่างสาริกาเธอยืนสำรวจความเรีย
สาริกากับประวีที่กำลังพักผ่อนอยู่บนห้องได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กสาวจนต้องรีบพากันลงมาดู แล้วก็ได้เห็นว่าบุตรชายกำลังกอดรัดเด็กสาวอยู่"เจ้านายลูกทำอะไร ปล่อยน้องเดี๋ยวนี้นะ!" เธอทั้งตกใจและไม่ชอบใจในเวลาเดียวกันที่บุตรชายใกล้ชิดเด็กสาว แต่ยังตีหน้าทำเหมือนเป็นห่วงเด็กสาวรีบเดินเข้าไปดึงตัวบุตรชายออกโดยมีคนเป็นสามียืนมองเงียบ ๆ แต่มีหรือเจ้านายจะยอมปล่อยง่าย ๆ ในเมื่อเขาจับหญิงสาวได้แล้ว"แม่อย่ามายุ่ง ยังไงวันนี้ผมก็จะจัดการเธอให้ได้" เขาจ้องหน้าผู้เป็นแม่เขม็งพลางสลัดแขนออกจากการดึงรั้งของท่าน ขณะที่อีกข้างจับมือหญิงสาวไว้แน่น"ปล่อยนะคุณเจ้านาย" เมษาเองพยายามแกะมือหนาออกจากข้อมือพัลวันพร้อมกับสาริกาที่ไม่ยอมละความพยายามจะแยกบุตรชายออกจากเด็กสาว"แม่บอกให้ปล่อยน้องเจ้านาย มีอะไรค่อยคุยกัน""ผู้หญิงอย่างลียาคุยดีด้วยไม่ได้หรอกครับ"ภายในห้องนั่งเล่นเกิดความวุ่นวายจากการเยื้อยุด และเสียงถกเถียงของสองคนแม่ลูก และไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ขณะที่คนกลางอย่างเมษาตัวเซถลาไปมาแทบจะล้มแล้ไม่ล้มแล้อยู่หลายครั้งจากการแรงเยื้อยุดสุดท้ายประวีที่ยืนมองเหตุการณ์ก็ทนดูไม่ไหวต้องเป็นคนห้ามศึกทั้งที
บนถนนใหญ่ที่มุ่งตรงสู่บ้านวณิชกาญจนโชติมีรถสองคันวิ่งไล่กันมาติด ๆ คันหนึ่งเป็นรถแท็กซี่ที่เมษานั่งอยู่ ส่วนคันที่วิ่งตามหลังเป็นรถของเจ้านายเสียงแตรจากรถของชายหนุ่มที่ไล่บี้รถหญิงสาวดังมาตลอดทางเป็นเชิงส่งสัญญาณให้รถเธอจอด เมษาได้ยินและรู้ว่าเป็นรถชายหนุ่มที่ตามมา แล้วเธอจะจอดให้โง่เหรออุตส่าห์หนีมาได้แล้วแท้ ๆ ยิ่งบอกคนขับแท็กซี่ให้ขับเร็วขึ้น เธอต้องกลับไปถึงบ้านให้เร็วที่สุดเท่านั้นเพราะในเวลานี้คงมีแค่สาริกาที่ปกป้องเธอจากคนที่กำลังโกรธจนบ้าระห่ำได้"หนูรู้จักคนที่กำลังขับรถไล่ตามมาใช่ไหม" แท็กซี่วัยกลางคนถามไถ่ด้วยความสงสัยระคนร้อนใจด้วยกลัวว่าจะเกิดปัญหาเหมือนที่เคยดูในข่าว"รู้จักค่ะ เขาเป็นญาติหนูเอง" เมษาเลือกโกหกเพราะไม่อยากพูดอะไรมากมายกว่านี้ ขณะนั้นก็คอยหันมองรถชายหนุ่มไปด้วยตอนนี้เธอแทบนั่งไม่ติด จิตใจมันรุ่มร้อนยิ่งกว่าไฟเสียอีกอยากจะกลับถึงบ้านไว ๆ "ลุงขับเร็วกว่านี้ได้ไหมคะ""เร็วกว่านี้ลุงกลัวจะอันตราย" คนขับแท็กซี่บอกกล่าวเมษาจึงทำให้แค่พยายามสงบจิตสงบใจไว้ สองมือน้อย ๆ บนหน้าตักประสานเข้าหากันแน่นด้วยความลุ้นระทึกทุกวินาทีหัวใจดวงน้อยยิ่งกระหน่ำเต้นหนักกว่าเด
จากเหตุการณ์ในคืนนั้นเป็นเวลาหนึ่งเดือน ๆ เต็ม ๆ ที่เมษาต้องอยู่อย่างหวาดระแวง จะขยับตัวหรือทำอะไรก็เหมือนถูกจับจ้องตลอดเวลา และเธอยังถูกชายหนุ่มรังแก พูดจาเหยียดหยามทุกครั้งที่มีโอกาส บอกตามตรงว่าเธอไม่มีความสุขเอาเสียเลย ขนาดจะไปหาแม่กับน้องสาวก็ยังไม่ได้ไปเพราะกลัวความลับแตกทำได้แค่โทรถามข่าวคราวเธอตั้งใจว่าจะคุยกับสาริกาอีกครั้งเพราะนี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่เจ้านายกับส้มเลิกกัน และไม่มีทีท่าว่าทั้งสองจะหวนกลับมาคบกันอีก ซึ่งมันน่าจะมั่นใจได้แล้วเธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะสลัดความคิดอันหนักอึ้งออก แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายไหล่เดินลงไปยังชั้นล่าง"คุณลียาจะไปไหนครับ" ลุงดินที่ยืนสำรวจรถอยู่หน้าบ้านเอ่ยถามเมื่อเห็นเด็กสาวเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก "ให้ลุงไปส่งไหมครับ""ไม่เป็นไรค่ะลุงดิน หนูไปเองดีกว่า" เมษาระบายยิ้มให้ลุงดินบาง ๆ แล้วเดินออกไปยืนรอรถที่โทรเรียกหน้ารั้วบ้านรอไม่นานรถก็มาถึง ที่ที่เธอจะไปก็คือห้างนั่นเองเพื่อซื้อของขวัญให้สาริกาสำหรับวันเกิดของท่านในวันพรุ่งนี้ ความจริงเธอไม่ได้อยากจะซื้อให้สักนิด แต่ติดที่เธออยู่ในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้หากไม่มีอะไรมอบให้ว่าที
วันทั้งวันเมษาคลุกตัวอยู่แต่ในห้อง มื้อเที่ยงเธอก็ไม่ลงไปทานโดยอ้างว่าไม่หิวทั้งที่ความจริงคือเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนตอนเช้ามากกว่าก็อก! ก็อก!เธอพลันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจครั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น หัวใจดวงน้อยอดเต้นแรงไม่ได้ด้วยระแวงว่าจะเป็นชายหนุ่ม ยอมรับเลยว่าตั้งแต่เกิดเรื่องเธอรู้สึกระแวงไปหมดจริง ๆ"คุณลียาคะ คุณสาริกาให้มาตามลงไปทานข้าวค่ะ"ลมหายใจถูกพ่นออกจากจมูกโด่งด้วยความรู้สึกโล่งอกพอได้ยินเสียงแม่บ้านที่ดังเล็ดลอดเข้ามา เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ชายหนุ่มเธอก็ลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตูทันที "ค่ะ" ส่งยิ้มให้แม่บ้านเล็กน้อย จากนั้นก็เดินลงไปยังชั้นล่างด้วยหัวใจตุ่ม ๆ ต่อม ๆ ลุ้นว่าเย็นนี้เธอจะโดนชายหนุ่มหาเรื่องอะไรอีก เอาจริง ๆ หากไม่เกรงใจสาริกาที่เป็นเจ้าของบ้าน และรู้สึกหิวเธอไม่อยากจะลงไปเลยด้วยซ้ำเธอลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึกสองมือน้อย ๆ ขย้ำกระโปรงชุดเดรสแน่นในตอนที่เดินมาถึงห้องอาหารแล้วเห็นชายหนุ่มนั่งทำหน้ายักษ์อยู่ สายตาจ้องมองเธอราวกับจะกินหัวกันเธอไม่ชอบเอาเสียเลย แต่ก็ทำได้แค่ข่มอารมณ์ และจิตใจให้สงบนิ่งเอาไว้ ก้าวเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ข้างสาริกา"อยู่บ้า
เมษารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ด้วยความรู้สึกที่ไม่สดชื่นเท่าไรนักเพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็เกือบตีสี่แล้ว"เฮ้อ.." เธอถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกหนักอก ก่อนจะสบัดผ้าห่มออกจากตัวลุกลงจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วเดินลงไปยังชั้นล่างเพื่อช่วยแม่บ้านทำอาหารเช้าเหมือนเช่นทุกวันทว่าเมื่อเดินลงไปถึงห้องโถงใหญ่เธอก็ต้องชะงัก หน้าถอดสีฉับพลันเพราะคนที่เพิ่งถูกเธอตีหัวไปเมื่อคืนนั่งอยู่ในห้องโถง รอบศีรษะของเขามีผ้าก็อตพันอยู่ชายหนุ่มคงโกรธเธอมากดูจากสายตาที่จ้องเธอแทบจะเขมือบหัว บางทีหากตอนนี้ไม่มีสาริกานั่งอยู่ที่โซฟาด้วยเขาคงพุ่งเข้ามาฆ่าเธอแล้วก็เป็นได้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าสาริการู้ว่าแผลบนหัวบุตรชายสุดที่รักได้มาจากเธอสาริกาคงเล่นงานเธอแน่ ๆ เหมือนเธออยู่ท่ามกลางฝูงเสือฝูงจระเข้ที่พร้อมจะขย้ำเธอทุกเมื่อแท้ ๆเธอแทบจะก้าวขาเดินต่อไม่ได้เพราะรู้สึกกดดันกับสายตาทั้งสองคู่ที่มองมา มือทั้งสองกำกระโปรงชุดเดรสแน่นพยายามข่มความรู้สึกมากมายที่กำลังประเดประดังเข้ามา"หนูลียามานั่งนี่สิจ๊ะ" กระทั่งสาริกาเอ่ยเรียกเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจึงทำให้เบาใจขึ้นมาหน่อย นั่นอาจหมายความว่าท่านยังไม่ร