Share

แผลในใจจากครอบครัว
แผลในใจจากครอบครัว
ผู้แต่ง: โคลนผนึกใจ

บทที่ 1

ศพของฉันถูกพบในตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จ

กรรมกรอ้วกไม่หยุดขณะเดียวกันก็โทรแจ้งตำรวจ

พ่อกับแม่รีบมาสถานที่เกิดเหตุทันทีหลังเสร็จจากงานเลี้ยงฉลองของหลินเสวี่ย

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานขมวดคิ้วเป็นปม ส่งสัญญาณบอกให้พวกเขาสวมหน้ากาก

พ่อเป็นสายสืบมืออาชีพที่ได้รับการว่าจ้างจากกองตำรวจ ส่วนแม่เป็นแพทย์นิติเวชอันดับหนึ่งของเมืองเจียง

แม้พวกเขาจะเคยเห็นจุดเกิดเหตุคดีฆาตกรรมมามากมาย ทว่าตอนเห็นศพก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทา

ด้วยอากาศร้อนอบอ้าวในฤดูร้อน ทำให้สภาพศพบวมขึ้นอืด ใบหน้าถูกทำร้ายจนยุบกลายเป็นก้อนเลือดเละ ชั่วขณะหนึ่งไม่อาจมองเห็นอวัยะทั้งห้าบนใบหน้าได้

ร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ศีรษะเหลือผิวหนังเพียงเล็กน้อยที่เชื่อมติดกับส่วนคอ

สภาพศพที่เน่าเละอย่างยิ่งทำให้เกิดกลิ่นเหม็นฉุนจมูก

แม่หลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สวมถุงมือ แล้วเริ่มชันสูตรศพในขั้นต้น

ดวงตาของแม่ตอนดูร่างศพของฉันฉายแววความสงสาร

ทว่าตอนที่ฉันยังมีชีวิต ฉันไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างอ่อนโยนแบบนี้จากคนเป็นแม่มาก่อนเลย

ฉันดูแม่ถอดแหวนที่เปื้อนเลือดในมือด้วยความตึงเครียด

แหวนวงนี้ฉันทำมาแบบเดียวกันหลายวงเพื่อให้คนในบ้าน แต่เพราะไม่พอดีกับนิ้วหลินเสวี่ยฉันจึงถูกพ่อกับแม่ตำหนิ

“รู้อยู่แล้วว่าแกไม่ได้หวังดีหรอก ตั้งใจแกล้งน้องแกละสิ!”

“เหยียนซวง ถึงแม้แกจะเป็นลูกแท้ ๆ ของพวกฉัน แต่เสี่ยวเสวี่ยอยู่บ้านหลังนี้มาสิบแปดปี เสี่ยวเสวี่ยต้องสำคัญกว่าแกอยู่แล้ว!”

แม้เสียงด่าทอในตอนนั้นจะยังดังก้องหู แต่ฉันยังคงเชื่อว่าพ่อกับแม่รักฉัน

พวกเขาจะต้องจำของขวัญที่ฉันให้ได้แน่นอน!

แต่แม่กลับส่งสัญญาณให้ผู้ช่วยเก็บแหวนใส่เข้าไปในถุงหลักฐานด้วยสีหน้านิ่งสงบ

ฉันไม่ควรคาดหวัง แต่ไหนแต่ไรพ่อกับแม่ไม่เคยมีฉันอยู่ในใจอยู่แล้ว

ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของพวกเขาก็ตาม

พี่ชายบอกว่าพ่อกับแม่รับหลินเสวี่ยมาเลี้ยง เพราะตามหาฉันที่ถูกลักพาตัวไปไม่เจอ ถึงอย่างไรลูกสาวที่พวกเขารักมากที่สุดยังคงเป็นฉัน

แต่หลังจากกลับมาถึงบ้าน บ้านหลังนี้ไม่มีที่สำหรับฉันนานแล้ว

ฉันต่างหากที่เหมือนส่วนเกินของบ้านหลังนี้

หลังจากพ่อสำรวจสถานที่เกิดเหตุแล้ว เขาถอนหายใจถามแม่ว่า “สภาพศพเป็นยังไงบ้าง?”

แม่ถอดถุงมือแล้วนวดระหว่างคิ้ว “คาดว่าผู้ตายอายุประมาณยี่สิบปี สาเหตุการตายเบื้องต้นพบว่าเกิดจากการกรีดคอ ก่อนตายน่าจะถูกทรมานเป็นเวลานาน”

“วิธีการลงมือของคนร้ายเหี้ยมโหดและส่งผลกระทบทางสังคม ต้องรีบจบคดีให้เร็วที่สุดก่อนประชาชนจะวิพากษ์วิจารณ์” พ่อของฉันจุดบุหรี่หนึ่งมวน สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ คล้ายกำลังเคร่งเครียด

หลังจากฉันตาย ฉันก็สร้างปัญหาให้พ่อกับแม่ไม่หยุด

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพูดเตือน “ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ ควรเตือนคนในครอบครัวให้ช่วงนี้ระวังความปลอดภัยก่อนจะดีกว่า ลูกสาวทั้งสองคนของคุณ ตอนกลางคืนก็อย่าให้พวกเธอออกไปไหนเลยนะ”

แม่พูดด้วยความหงุดหงิด “เสี่ยวเสวี่ยเชื่อฟังมาตลอด แต่เหยียนซวงน่ะ ฉันเอาไม่อยู่จริง ๆ”

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเป็นเพื่อนสมัยเรียนของพ่อกับแม่ จึงย่อมรู้ว่าครอบครัวของฉันเป็นอย่างไร

พ่อใช้มือนวดหัวไหล่ขวาเบา ๆ

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานสังเกตเห็นการกระทำของพ่อจึงถาม “เหล่าหลิน นายเจ็บหัวไหล่อีกแล้วเหรอ?”

พ่อของฉันโบกมือ “ไม่เป็นไร แปะแผ่นยาที่เหยียนซวงซื้อมาให้แล้ว...”

ขณะพูด เขาชะงักไปครู่หนึ่ง

ลูกสาวที่พวกเขาบอกว่าไม่เชื่อฟัง กลับเป็นห่วงสุขภาพของพวกเขาเป็นพิเศษ

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตบหลังพ่อ “ทำดีกับเหยียนซวงหน่อย ถึงยังไงเหยียนซวงต่างหากที่เป็นลูกแท้ ๆ ของพวกนาย”

พ่อของฉันส่ายหน้า “สองวันก่อนเสี่ยวเสวี่ยมีแข่งเทนนิส เอาแต่บอกว่าอยากให้เหยียนซวงไปดู แต่เหยียนซวงกลับแสบมาก หลังจากรับสายก็แกล้งตาย เพราะเสี่ยวเสวี่ยคิดถึงพี่สาวก็เลยเสียใจ สุดท้ายได้แค่ที่สาม”

“เหยียนซวงไม่กลับบ้านหลายวันแล้ว จะตายอยู่ข้างนอกเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ เด็กที่ไม่ได้เลี้ยงเองนี่ไม่เอาไหนจริง ๆ”

เมื่อฟังคำที่พ่อกับแม่ตำหนิต่อว่าฉัน ฉันรู้สึกราวกับพลัดตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง

พ่อคะ แม่คะ หนูไม่ได้อยากไม่กลับบ้าน

แต่หนูแค่ไม่อาจกลับไปได้อีกแล้ว

ลูกอกตัญญูในสายตาพ่อกับแม่ ตายในวันที่พ่อแม่ไปดูการแข่งขันเทนนิสของเสี่ยวเสวี่ยแล้วค่ะ

ร่างศพของหนู อยู่ตรงหน้าพ่อกับแม่นี่เอง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status