Share

บทที่ 3

หลังจากพูดน้ำเสียงอ่อนโยนบอกให้หลินเสวี่ยรีบพักผ่อน แม่ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นซึ่งปลายสายคือพี่ชายของฉันเอง

“หลินเลี่ย ลูกจะเสร็จงานที่ต่างเมืองวันไหน? น้องรอลูกไปดูการแข่งขันของน้องนะ!” พี่ชายยังไม่ทันได้พูด แม่ก็รีบถามทันที

วันที่ฉันถูกรับกลับบ้าน พ่อกับแม่อยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนน้องหลินเสวี่ยซึ่งกำลังร้องไห้ มีแค่พี่ชายเท่านั้นที่เดินจับมือพาฉันกลับมาที่บ้าน และบอกฉันว่าไม่ต้องกลัว

ความอบอุ่นเดียวที่ฉันได้รับในครอบครัวมาจากพี่ชาย

พี่ชายที่อยู่ปลายสายชะงักไปครู่หนึ่ง

ก่อนจะถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อย “การแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกของเสี่ยวซวงเหรอครับ? ไม่ใช่เดือนหน้าเหรอครับ...”

แม่พูดแทรกด้วยความโมโห “เสี่ยวซวง เสี่ยวซวง เสี่ยวเสวี่ยต่างหากคือน้องสาวที่อยู่กับลูกมาหลายปี! แม่บอกลูกกี่ครั้งแล้ว เหยียนซวงถูกเลี้ยงข้างนอกจนเสียคนหมดแล้ว เธอไม่เหมาะเป็นคนตระกูลเหยียนของพวกเรา”

พี่ชายถอนหายใจ ดูเหมือนจะไม่เข้าใจความใจร้ายของแม่ที่มีต่อฉัน “แม่ครับ บางครั้งแม่ก็ไม่ควรฟังเสี่ยวเสวี่ยทุกอย่างนะครับ เสี่ยวซวงจิตใจดีและขยันขันแข็ง ถ้าแม่ลองให้ความสำคัญกับน้องบ้าง แม่ก็จะเห็นครับ”

“เมื่อกี้ผมโทรหาเสี่ยวซวงแล้วน้องไม่รับสาย สองวันก่อนทักไลน์ไปก็ไม่ตอบ น้องไม่อยู่บ้านเหรอครับ?”

แม่หัวเราะในลำคอ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ขาอยู่ติดกับตัว แม่จะจับมัดไว้ได้หรือไง? แม่ว่าหล่อนคงออกไปเถลไถลอีกแล้ว พรุ่งนี้เสี่ยวเสวี่ยแข่งเทนนิส ถ้าลูกกลับมาไม่ได้ก็ช่างมัน”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง แม่ทิ้งท้ายด้วยคำพูดใจร้ายอีกครั้ง “ลูกบอกเหยียนซวงด้วย ว่าอย่ามาแกล้งหายตัวไปหรือว่าแกล้งตาย ถ้าพรุ่งนี้เหยียนซวงไม่ไปดูการแข่งเทนนิสของเสี่ยวเสวี่ยก็อย่าคิดกลับมาอีก ถึงอย่างไรบ้านที่ไม่มีเหยียนซวงก็ดียิ่งกว่าอยู่แล้ว!”

แม่ตัดสายด้วยความเย็นชา โดยไม่สนใจพี่ชายที่พยายามอธิบายแทนฉันจากปลายสาย

ประจวบเหมาะกับพ่อที่เพิ่งพาคนในทีมกลับมา เมื่เห็นสีหน้าของแม่ไม่สบอารมณ์ จึงถามด้วยความสงสัย “ศพนี้ชันสูตรยากเหรอคุณ?”

แม่ส่ายหน้าพลางโอดครวญ “นางตัวดีเหยียนซวงน่ะสิ คงโทรไปฟ้องหลินเลี่ยอีกแล้ว ตอนนี้หลินเลี่ยก็เล่นเกมหายตัวไปกับเหยียนซวงด้วย”

พ่อหายใจฮึดฮัดเสียงดัง “รู้ว่างานพวกเรายุ่งแล้วยังทำตัวไร้สาระอยู่อีก ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย! ผมจะโทรไปสั่งสอนเดี๋ยวนี้เอง!”

แต่ไม่ว่าเขาจะโทรกี่รอบ สุดท้ายคำตอบที่ได้คือไม่สามารถติดต่อเลขหมายที่ท่านเรียกได้

“ลูกทรพี ไม่ตามกลับมายังจะดีเสียกว่า กลับมาแล้วก็ทำตัวให้โมโห!”

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินเรื่องทุกอย่าง จึงถอนหายใจแล้วพูด “ตอนที่เสี่ยวซวงถูกจับตัวไป พวกคุณสองคนหยุดงานหนึ่งปีเพื่อตามหา ทำไมตอนนี้เจอตัวแล้วกลับทำเป็นเหมือนศัตรูล่ะครับ”

ฉันอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากแน่น ความขมขื่นแผ่ซ่านทั่วทั้งปาก

กลับมาบ้านตอนอายุสิบห้า ในห้องรับแขกหรู พ่อกับแม่โอบหลินเสวี่ยที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความใจเย็น

ฉันสวมเสื้อผ้าที่ถูกปะชุนแล้วปะชุนอีก ก้มหน้าลงมองนิ้วเท้าที่โผล่ออกมานิ้วหนึ่งด้วยความประหม่า

ตอนหลินเสวี่ยเห็นฉัน เธอหยุดร้องไห้ และแกล้งถามด้วยความใสซื่อ “ขอทานคนนี้เป็นใครเหรอคะ?”

สีหน้าของพ่อกับแม่ไม่สบอารมณ์ทันที แต่ไม่ใช่เพราะหลินเสวี่ย

เป็นเพราะฉันลูกสาวคนนี้ที่ไม่ตรงตามภาพในฝันของพวกท่าน

“พี่หลิน หมอจาง ผมตรวจดูบันทึกแล้วครับ สองวันนี้ไม่ได้รับรายงานคดีคนสูญหายเลยครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจถือบันทึกการแจ้งความแล้วเดินใกล้เข้ามา

“ลูกสาวหายตัวไป แต่คนในครอบครัวกลับไม่รู้เนี่ยนะ หรือว่ามีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับคนในครอบครัว?”

“มีพ่อแม่แบบนี้จริง ๆ เหรอเนี่ย? ไม่เป็นห่วงลูกเลยแม้แต่น้อย!”

เมื่อฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนรอบ ๆ ฉันเองก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจ

ฉันถูกความเจ็บปวดโอบล้อมเอาไว้ ความปวดร้าวนี้กดทับจนฉันหายใจไม่ออก

พ่อกับแม่สงสารผู้ตายเพราะพ่อแม่ของผู้ตายไม่เข้าแจ้งความทันเวลา

ทว่าไม่เคยคิดมาก่อนว่า ฉันหายตัวไปหลายวันยังปลอดภัยดีไหม

ในตอนนั้นหลังจากที่ฉันถูกจับตัวไป พ่อกับแม่ยอมแม้กระทั่งทิ้งงาน วัแต่นนี้กลับสงสัยว่าการหายตัวไปของฉันเป็นแค่การเรียกร้องความสนใจจากพวกเขา

หรือว่าบางทีฉันไม่ควรกลับตระกูลหลินตั้งแต่แรกหลังจากถูกพบ

นี่เป็นบ้านของหลินเสวี่ย ไม่ใช่ของฉัน

ช่วงเวลาที่พ่อกับแม่รักและเป็นห่วงฉันมากที่สุด ถูกหลินเสวี่ยครอบครองไปนานแล้ว

ความผูกพันและความรักที่ควรเป็นของฉัน ไม่มีทางกลับมาหาฉันอีกแล้ว

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status