ในห้องแยกมีหน้าต่างเปิดอยู่ เฉิงซิ่วบอกเป็นนัยว่าตนรู้สึกหนาว เขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากนัก เพียงแค่ยิ้มแล้วสั่งให้คนเอาเตาอังเท้ามาให้เฉิงซิ่วก่อนจะหมั้นกับเขาก็เคยได้ยินข่าวลือมามากมาย ลู่เหยียนประพฤติตัวไม่เหมาะสมบ้าง มีความสัมพันธ์กับลูกพี่ลูกน้องฝ่ายมารดาบ้างแต่ยามนี้เขาดูสุภาพมากนางส่งสัญญาณเช่นนั้น เขาก็ไม่ได้ทำอะไรนางเลย แสดงให้เห็นว่าข่าวลือเหล่านั้นไม่เป็นความจริงเฉิงซิ่วยิ่งชอบเขามากขึ้นไปอีก จึงอดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ข้าเติมชาให้พี่ลู่เพิ่มนะ”นางเดินไปหาเขา ตั้งใจเบียดเข้าไปใกล้ และเติมน้ำชาให้เสร็จแล้ว ก็ผลักมือไปเล็กน้อยอย่างใจกล้า ทำให้ถ้วยชาล้มคว่ำลงบนโต๊ะนางอุทานว่า “อ้าย” แล้วรีบใช้ผ้าเช็ดโต๊ะ “พี่ลู่ ขอโทษด้วย เป็นความผิดของข้าเอง”ลู่เหยียนรู้สึกตัว ก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไร เรียกสาวใช้มาทำความสะอาดก็ได้แล้ว”เฉิงซิ่วพยักหน้า น้ำชาไหลลงพื้น นางหันหลังกลับแต่เท้าลื่นอันที่จริงแล้ว แรงประมาณนี้นางรับไหว แต่ไม่รู้ทำไม กลับปล่อยให้ตัวเองล้มลงบนร่างกายของลู่เหยียน หัวใจก็เต้นเร็วขึ้นในทันทีลู่เหยียนจึงโอบไหล่นางไว้"ไม่เป็นไรใช่หรือไม่""ไม่
ซ่างไฉถึงกับเข่าอ่อนเพราะนายท่านของเขาผู้นี้ ห้ามไม่อยู่ อย่างไรลู่เหยียนก็จะต้องลองให้ได้เขาถึงขั้นบอกว่า : "เจ้าพูดถูก น้องซูกับท่านสามผูกพันธ์ลึกซึ้ง แต่นางน่าจะอยากลองกับข้าดูด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นไม่มีทางมองข้าเช่นนั้น แล้วก็ไม่มีทางขุดคุ้ยปัญหาเก่าๆ ออกมาอีก"พูดถึงตรงนี้ นัยน์ตาของเขาฉายประกายความตื่นเต้นดีใจ "ใช่แล้ว นางต้องการให้ข้าขอร้องนาง"ซ่างไฉ : "?"สมองของท่านชายผู้นี้มีปัญหาใช่หรือไม่เขาไม่อยากจะถูกท่านชายโบยจนขาหักช่างเถอะ ฮูหยินน้อยที่สามอยู่ในขนบธรรมเนียม รู้จักวางตัวมาโดยตลอด ไม่มีทางก่อเรื่องวุ่นวายตามอำเภอใจท่านชายผู้นี้จะหาเรื่องให้ตนเสียหน้าให้ได้ เช่นนั้นก็ปล่อยให้เขาโดนเสียบ้างเมื่อมาหา เป็นอย่างที่คิด คนของฮูหยินน้อยที่สามบอกว่านางกำลังนอนกลางวัน ไม่พบแขกซ่างไฉโล่งใจ กำลังจะเกลี้ยกล่อมให้เขากลับไป กลับได้ยินเขาพูดขึ้นมาด้วยความมั่นใจ : "ใช่แล้ว นางต้องการทดสอบข้า เช่นนั้นพวกเราก็รออยู่ที่นี่สักพักเถอะ"ซ่างไฉ : "? ? ?"เขาขอเปลี่ยนงานจะได้หรือไม่ลู่เหยียนรออยู่นอกเรือนเป็นเวลานานก่อนหน้าใช่ว่าจะไม่เคยรอซูชิงลั่วมาก่อน ทว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาม
ต่างก็เป็นชายหนุ่มด้วยกันทั้งนั้น สายตาร้อนลุ่มของลู่เหยียนเมื่อครู่หมายความเช่นไรเขารู้แจ้งดีเขาพูดเสียงขรึม : "คุกเข่าหน้าจวนลู่สามวันสามคืน หากมีครั้งหน้าอีก..."เขากดดาบไว้ที่ต้นคอของลู่เหยียน "ข้าไม่รังเกียจหากจะต้องได้ชื่อว่าเป็นผู้ข้าน้องชายอีก"ลู่เหยียนนึกขึ้นมาได้ ตอนนั้นลู่เหิงจือลงมือฆ่าอาด้วยตัวเขาเองจริงๆเขาตกใจกลัวทรุดลงไปที่พื้นจนลุกไม่ขึ้น เป็นซ่างไฉที่รีบเข้ามาประครองเขาขึ้นมา แล้วทำความเคารพลู่เหิงจือก่อนจะพยุงเขาออกไปลู่เหิงจือโยนดาบกลับไปในมือโฉวกว่าง ทอดมองไปยังแผ่นหลังที่กำลังจากไปของเขาพลางสั่งซ่งเหวิน : "ห้ามให้เขาย่างเข้ามาในจวนอีกแม้แต่ก้าวเดียว"ซ่งเหวินรีบรับคำสั่งทันทีลู่เหิงจือหันไปมองในเรือนปราดหนึ่ง สายตาอ่อนโยนลงกว่าเดิมอย่างสังเกตเห็นได้ด้านนอกเสียงความเคลื่อนไหวดังเช่นนี้ นางคงจะได้ยินหมดแล้วเขาครุ่นคิดก่อนจะสั่งซ่งเหวิน : "ไปบอกน้องหญิงว่าเรื่องข้างนอก นางไม่ต้องสนใจ พักผ่อนให้ดีก็พอ"ซ่งเหวินรีบวิ่งกลับไป ให้จื๋อหยวนนำคำพูดไปบอกต่อ แล้วถือโอกาสตอนที่อวี้จู๋ไปยกน้ำร้อน แอบยัดปิ่นที่เมื่อครู่ยังไม่มีโอกาสได้ให้นางใส่ไปในมือนางเขาเด็กหนุ่มผู้ซึ
เช้าวันรุ่งขึ้นแม่นมเหมยเรียกรถลาลากมาสองคัน เพื่อขนกระเป๋ามายังจวนหลังจากจัดแจงเรียบร้อย นางก็มาพูดคุยกับซูชิงลั่วก่อนในช่วงเช้าเมื่อใกล้เที่ยง แม่นมเหมยก็กระซิบถามเบาๆ : "ท่านแต่งงานกับใต้เท้าใกล้จะหนึ่งปีแล้วใช่หรือไม่"ซูชิงลั่วเข้าใจความหมายของนาง พยักหน้าด้วยท่าทางเขินอาย : "แต่ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ เลย"หากมีลูก จะเหมือนลู่เหิงจือหรือเหมือนนางมากกว่า นางเองก็ตั้งตารออยู่เช่นกันแม่นมเหมยเอ่ย : "นายหญิงยังสาว ไม่ต้องรีบร้อน เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับวาสนาด้วย ข้าจะตรวจชีพจรให้ท่าน"ซูชิงลั่วพยักหน้า แล้วยื่นมือออกไปสีหน้าของแม่นมเหมยค่อยๆ จริงจังขึ้นซูชิงลั่วเริ่มเป็นกังวล อดถามไม่ได้ : "ร่างกายของข้ามีปัญหาใดหรือ หมัวมัวบอกมาตามตรงได้เลย"เนื่องจากเมื่อวานแม่นมเหมยเห็นสีหน้านาง กลัวว่าร่างกายนางจะมีสิ่งใดผิดปกติ จึงได้รีบเก็บของกลับมาตั้งแต่เช้าวันนี้นางพูดอย่างอ่อนโยน : "ไม่มีปัญหา ร่างกายของนายหญิงเพียงแค่มีธาตุเย็นมากไปหน่อย บำรุงสักนิดก็ไม่มีปัญหาใหญ่ใดแล้ว"ซูชิงลั่วโล่งใจ : "เช่นนั้นก็ดี"แม่นมเหมยลุกขึ้น ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม : "ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้คนไปซื้อ วันนี้นายหญิงจะ
แต่ไม่ว่าผู้ใดก็รู้ว่านี่คือโรคหัวใจตั้งแต่ที่หวังเหลียงฮั่นถูกริบสมบัติและเนรเทศออกไป องค์รัชทายาทก็ประหนึ่งเสียแขนไปหนึ่งข้าง เหล่าราชวงศ์ล้วนแต่กลัวตนเองเดือดร้อน ยังไม่ทันเกิดเหตุ ก็พากันแตกตื่นไหวตัวหนีไปก่อนหลังจากสวดมนต์เสร็จแล้ว กลางดึกองค์รัชทายาทไม่ได้ไปที่พระชายา เพียงแต่นั่งทำสมาธิตามลำพังในพระอุโบสถแน่นอนว่าหน้าประตูย่อมมีคนเฝ้าอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาหากเฉิงซิ่วจะพาสาวใช้เข้าไปพี่สาวของเฉิงซิ่วคือพระชายารองขององค์รัชทายาท นับว่าเป็นหน้าเป็นตาให้องค์รัชทายาทยิ่งนักเฉิงซิ่วนำสาวใช้ทำความเคารพ ก่อนจะพูดเสียงเบา : "นี่ก็คือผู้ที่ข้าบอกกับท่านพี่ว่าอยากพบท่าน"องค์รัชทายาทเห็นทั้งสองคนเข้ามาก็เงยหน้าขึ้นมา สายตาไปหยุดอยู่บนตัวสาวใช้นางนั้นหน้าตานับว่าพอไปวัดไปวา เป็นลักษณะที่เขาชอบ คล้ายว่าจะเคยเจอที่ไหนมาก่อนองค์รัชทายาทพยักหน้าให้เฉิงซิ่ว : "เจ้าออกไปก่อน"เฉิงซิ่วมองลู่หมิงซือปราดหนึ่ง ก่อนจะรีบถอยออกไปภายในใจลู่หมิงซือก็ตื่นเต้นไม่น้อย แพ้ชนะล้วนแต่ขึ้นอยู่กับวันพรุ่งหัวใจของนางเต้นเร็วขึ้น พลันได้ยินเสียงองค์รัชทายาท : "เงยหน้า"นางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆองค์รัชทายาท
ลู่โย่วตะลึงงัน : "ท่านแม่ !"หญิงชราไม่หันไปมองเขาอีก : "เจ้าออกไปเถอะ ต่อไปก็ไม่ต้องมาหาข้าอีก"การอกตัญญูเป็นความผิดมหันต์ ลู่โย่วไม่มีทางยอมรับได้แต่เวลานี้หญิงชรากำลังโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาเองก็ไม่อาจใช้ไม้แข็งไปงัดได้ ทำได้เพียงแค่ค่อยๆ หาหนทางจัดการเรื่องนี้ภายหลังเขาก้มหัวคำนับสามที หลังจากออกจากเรือนของนายหญิงเฒ่าแล้วก็ไปยังจวนตะวันตกทันทีซูชิงลั่วกำลังเพลิดเพลินกับการกินยาบำรุงที่แม่นมเหมยตุ๋นมาให้ จื๋อหยวนก็เข้ามารายงานว่านายท่านรองมานางรีบเก็บของทั้งหมดไปอย่างรวดเร็วก่อนจะสั่งให้คนพาลู่โย่วเข้ามาทันทีที่ลู่โย่วเดินเข้าไป ซูชิงลั่วก็รีบคำนับเขาทันที ก่อนจะเอ่ยด้วยความกระตือรือร้น : "น้ารอง เหตุใดวันนี้จึงว่างมาที่นี่ได้ รีบยกชามา"สายตาที่มองนางของลู่โย่วเย็นเยียบ : "ไม่ต้องหรอก ข้ามาเพราะมีเรื่องจะพูดกับเจ้า"เขาไม่ได้มาดี ซูชิงลั่วอมยิ้ม : "ขอน้ารองสั่งมาได้เลย"น้ำเสียงของลู่โย่วนิ่งขรึม : "เจ้าจะทำลายครอบครัวข้าจนแตกแยกหรือตายจากครั้งแล้วครั้งเล่าก็ช่าง ข้าไม่หาเรื่องเอาความกับเจ้า"เขาสะบัดปลายแขนเสื้อ "เพียงแค่หวังว่าเจ้าจะเห็นกับที่ข้าเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดระหว่า
ภายในห้องเงียบสงัดแบบที่ว่าแม้แต่เข็มแท่งเดียวหล่นก็ยังได้ยินในใจลู่โย่วโกรธจนกระสับกระส่าย แต่กลับทำอะไรไม่ได้ เพราะรู้ว่าสิ่งที่ซูชิงลั่วพูดเป็นความจริงผ่านไปสักพัก เขาถึงจะทอดถอนใจออกมา : "ชิงลั่ว เกิดเป็นคนต้องใจกว้าง ยิ่งไปกว่านั้นในมือเจ้าก็มีเงินมากมายถึงเพียงนั้น ให้น้าสะใภ้รองของเจ้าใช้หน่อยจะเป็นไรไป"ซูชิงลั่วโมโหจนแทบจะกลั้นขำไว้ไม่ไหวนางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลู่โย่วจะเป็นคนหน้าไม่อายเช่นนี้เขาพูดแทนนางหลิ่วเช่นนี้ เชื่อว่าเงินพวกนั้นต้องไม่ใช่เพียงแค่นางหลิ่วใช้แต่ผู้เดียวแน่ เขาก็ใช้ด้วยเหมือนกันที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เดิมไม่มีความผิด แต่กลับผิดเพราะมีของล้ำค่าในครอบครองซูชิงลั่วมองเขาเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย : "ในมือข้ามีเงิน จึงต้องยกให้พวกท่านใช้เช่นนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้นน้ารอง...""ห้องหนังสือของท่านสะสมจานฝนหมึกจากร้านดังไว้มากมายเพียงนั้น มอบให้ข้าสักกี่ชิ้นคงจะไม่ใช่ปัญหาหรอกใช่หรือไม่"ลู่โย่วพูดด้วยความมั่นใจ : "นั่นจะไปเหมือนกันได้อย่างไรเล่า แท่นฝนหมึกคือของรักของข้า เป็นสิ่งที่ข้าเก็บสะสมมาอย่างยากลำบาก..."คำพูดของเขาถูกซูชิงลั่วแทรกเสียงดัง : "เงิน
"ผู้ใดรู้สึกแย่" ซูชิงลั่วดุดันขึงขัง "ข้าใช้เป้าแทนตัวนางหลิ่วและลู่หมิงซือแล้วกำลังจะจัดการพวกนางให้ตายอยู่!"“……”กระทั่งรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากข้อต่อนิ้ว ซูชิงลั่วถึงจะหยุดพัก ตอนที่วางคันธนูลงถึงจะพบว่าบนสายธนูเปื้อนไปด้วยคราบเลือดกลายเป็นสีแดงไปแล้ว"โธ่" จื๋อหยวนส่งเสียงเบาๆ ก่อนจะรีบเข้าไปประครองนางเข้าไปในห้องเพื่อทายาให้ พลางบ่น "หากใต้เท้ากลับมาคงจะโทษว่าข้าดูแลนายหญิงไม่ดี"ซูชิงลั่วเห็นสีหน้าที่ตื่นตกใจของนางก็อดเย้านางเล่นไม่ได้ "หากเขาลงโทษเจ้า ข้าจะลงโทษซ่งเหวินเอง"จื๋อหยวน : "?"นางไปทำกรรมใดไว้กับซ่งเหวินกันนางเม้มริมฝีปาก พูดเสียงเบา : "ไม่ ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับซ่งเหวินด้วย""ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับซ่งเหวิน" ซูชิงลั่วมองไปทางนาง "เช่นนั้นข้าลงโทษซ่งเหวิน เกี่ยวอันใดกับเจ้าหรือ"“……”ประมาทเกินไปเสียแล้วจื๋อหยวนทายาสมานแผลให้ซูชิงลั่ว ระหว่างนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ : "นายหญิงนี่จริงๆ เลย เหตุใดต้องเอาข้าไปล้อเล่นด้วย"ซูชิงลั่วหลุดขำออกมา : "ไม่ได้ล้อเจ้าเล่น เพียงแต่กังวลเรื่องการเป็นฝั่งเป็นฝาแทนเจ้า"จื๋อหยวนตอบ : "ท่านกังวลว่าอีกประเ