มือเรียวบางลูบศีรษะเล็กทุยที่มีเรือนผมสีดำปกคลุม น้องพร้อมเป็นเด็กทารกที่มีผมดกดำและนุ่มมือ อีกทั้งแววตาที่เหมือนรู้ความเกินกว่าเด็กวัยสิบเดือน ยังไม่นับรวมถึงการเจริญเติบโตด้านร่างกายที่ได้ไต่ไปอยู่ตรงขอบบนของเกณฑ์เด็กวัยเดียวกันแล้ว...ทั้งหมดนี้ทำให้น้องพร้อมกลายเป็นเด็กน้อยที่น่ารักและน่ามองสำหรับผู้คนที่ได้พบเห็น บ่อยครั้งที่ใครต่อใครมักเข้ามาทักทายและหยอกเย้าลูกของเธอ ชีวาพรนำลูกใส่ในเป้อุ้มเด็กแล้วเดินเลียบถนนในซอยเข้าไปด้านใน ทารกน้อยตื่นตาตื่นใจ ดวงตากลมกวาดมองไปรอบๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น ซึ่งเธอก็พูดคุยกับลูกไปด้วย “เมื่อก่อนคุณตา คุณลุง คุณป้า และแม่เคยอยู่ที่นี่ บ้านเดิมของเราอยู่ในซอยนี้ แม่จะพาน้องพร้อมไปดูบ้านของครอบครัวเรานะคะ”ทารกวัยสิบเดือนอาจไม่เข้าใจว่าแม่กำลังพูดเรื่องอะไร แต่เจ้าตัวคงจับสัญญาณความรู้สึกของแม่ได้ ดวงหน้าเล็กกลมจึงเงยขึ้นไปมองแม่ จนแม่ต้องก้มลงไปหอมแก้มกลมๆ...ซึ่งเพียงเท่านั้นคนเป็นแม่ก็ได้รับรอยยิ้มอย่างเด็กอารมณ์ดีจากลูกคืนมาแล้ว“ตอนแม่เป็นเด็ก หลังกลับจากโรงเรียน แม่จะชวนพี่เลี้ยงออกมาเดินเล่นในซอยนี้ โน่นไง น้องพร้อมเห็นไหม รถเข็นขายขนมยังอยู
โชคดีที่การสัญจรบนถนนกำลังคล่องตัว หากรถทุกคันยังแล่นไปช้าๆ คนในรถสปอร์ตคันสีดำรู้สึกมือไม้สั่น เขาจึงพารถคันงามเบี่ยงเข้าข้างทางได้อย่างทันท่วงที ตุ๊กตาหมีหน้ากลม...ธีทัตเพ่งมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ สายตาของเขาคงพร่าเลือนกระมังถึงได้เห็นว่าตุ๊กตาหมีที่อยู่ในอ้อมแขนของชีวาพรนั้นเคลื่อนไหวได้เหมือนสิ่งมีชีวิต เจ้าตัวกลมแหงนหน้ามองตามที่ชีวาพรชี้บอก แถมยังยกมือป้อมๆ ขึ้นมาประกบไหว้...เขามองเจ้าหนูนั่นอย่างพิจารณา แล้วจึงเห็นว่าเจ้าตัวมีหน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูเกินกว่าจะเป็นตุ๊กตาหมีเด็กที่ไหน... คำถามอื้ออึงอยู่ในอก ธีทัตยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าแรงๆ เมื่อคำพูดของก่อฤกษ์วนเข้ามาในหัวอีกหน หากคราวนี้เขาสลัดมันออกไปอย่างเร็ว เด็กคนนั้นเป็นใคร เขาไม่สนใจ ชีวาพรมีสามีใหม่หรือเปล่า เขาไม่อยากคิด... รู้แต่ว่าเวลานี้เขาต้องพบตัวเธอให้ได้ก่อน“เฮียธีร์ต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอน อยู่ๆ ก็ตะโกนเรียกเมียเก่ากลางห้องประชุม แล้วผลุนผลันออกไป ทั้งที่ผู้บริหารยังนั่งอยู่ครบองค์ประชุม”ชนกันต์ที่อยู่ในเหตุการณ์ชวนงงเดินเข้ามาในห้องทำงานของภพธรแล้วบอกเสียงเหนื่อยหน่ายใจ เขารู้สึกว่างานนี้พี่ชายใหญ่ทำเรื่องเพี้
ตั้งแต่กลางซอยไปจนถึงปากซอยมีคอนโดมิเนียมขึ้นอยู่หลายตึก ธีทัตเดินตามหาชีวาพรด้วยวิธีเดิม นั่นคือนำรูปของเธอกับเด็กชายตัวกลมที่ได้จากกล้องวงจรปิดมาถามกับคนแถวนั้น ซึ่งผลที่ได้ก็ไม่ต่างกับคราวถามจากพ่อค้าโรตีสายไหม“รูปไม่ชัด ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นเมียของคุณจริงๆ คุณน่าจะมีรูปถ่ายของเธอที่ชัดกว่ารูปจากกล้องวงจรปิด”ยามรักษาความปลอดภัยประจำคอนโดมิเนียมตรงปากซอยบอกถึงสาเหตุที่ไม่อาจให้คำตอบกับเขา แถมเขายังได้รับสายตาไม่ไว้ใจกลับมา มันทำให้ธีทัตฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาจึงรีบเปิดรูปเก่าของชีวาพรที่ยังเก็บไว้ในโทรศัพท์ออกมาโชว์ รูปถ่ายรูปนี้ชัดเจน เธอยิ้มสดใสให้เขา แววตาของเธออ่อนหวานขณะมองกล้องที่เขาเป็นคนถ่ายเธอเอง “เธอเป็นเมียของผม ทีนี้บอกได้หรือยังว่าพี่เห็นเธอหรือเปล่า”“แล้วเด็กคนนี้ล่ะ”“ลูกของผม”ธีทัตบอกพลางหรี่ตามองรปภ. ท่าทางคนคนนี้มองยากกว่าพ่อค้าโรตีสายไหม จนเขาต้องพูดหยั่งเชิงไปก่อน“ผมกำลังตามหาลูกเมียของผม เธองอนผม เราทะเลาะกันนิดหน่อย...พี่เห็นเธอใช่ไหม พี่รู้ด้วยใช่ไหมว่าเธอพักอยู่แถวไหน”“ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ที่นี่มีแต่ลูกบ้านที่อยู่มานาน ไม่มีลูกเมียของคุณหรอก”คำตอบนั้นทำให้
“อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่นะเฮีย อยากกลับไปเป็นผัวเมียกับกวางเหมือนเดิมใช่ไหม” ชนกันต์กระเซ้าถาม“เปล่า”“อ้าว!”น้องชายทั้งคู่อุทานพร้อมกัน...เป็นใครจะไม่ร้องอ้าว! ในเมื่อธีทัตทำท่าเหมือนขาดชีวาพรไม่ได้ เขาไม่ยอมหย่า แถมยังตามหาเธอจนวุ่นไปหมด แต่พอถามว่าต้องการอะไร อยากกลับไปคืนดีกันไหม เจ้าตัวกลับปฏิเสธ...จะมีใครทำตัวเข้าใจยากเหมือนพี่ชายเขาอีกไหม“กวางไม่ได้กลับมาคนเดียว”รู้ว่าน้องชายกำลังงงตน ธีทัตจึงให้เหตุผล สีหน้าของเขาหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด“เมียของเฮียมีผัวใหม่มาด้วยเหรอ”ชนกันต์ถามเสียงซื่อ เมื่ออยากจะเข้าใจพี่ชายให้กระจ่าง เขาจึงถามตรงๆ หากคำถามของเขากลับเสียดแทงหัวใจคนฟัง“เดี๋ยวกูถีบตกเก้าอี้”“ผมแค่ถาม มันใช่หรือไม่ใช่ เฮียก็ตอบมาสิ”“กูยังไม่รู้”“เฮียบอกว่ากวางไม่ได้กลับมาคนเดียว มันหมายความว่ายังไง กวางกลับมากับใคร”“เด็ก...” เสียงของธีทัตแหบพร่า ทั้งที่พยายามจะปรับ
“คราวหน้าฉันจะระวังตัว ไม่เผลอเดินเข้าไปแล้ว”“ไม่ใช่ระวังตัวธรรมดา แต่เธอต้องระวังตัวให้มากๆ ต่อไปเธอต้องอยู่กับบูบุ๊ยกันแค่สองคน ถ้าเกิดอะไรขึ้น มันจะไม่มีใครช่วยเธอได้ เธอยังต้องอยู่ดูแลลูก เธอต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทสักก้าวเดียว อีกอย่าง...ฉันว่าเธองดพาบูบุ๊ยไปเดินเล่นในพื้นที่ว่างใกล้บ้านเดิมเถอะ เพราะมันไม่ปลอดภัยแล้ว ฉันกลัวเจ้าของบ้านคนใหม่จะหาเรื่องใส่ความเธอ อย่างเช่นบอกว่าของในบ้านหาย โบ้ยว่าเธอเป็นคนเอาไป มันจะซวยเอานะ”คล้ายพูดเป็นตุเป็นตะ แต่คนที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระและดูแลตัวเองมานานอย่างนิสาย่อมเคยพบเห็นเรื่องทำนองนี้ คนเดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ยาก ในแต่ละวันจึงต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของใคร...เมื่อหันไปมองเพื่อนและหลานรัก นิสาจึงอดที่จะหนักใจไม่ได้เฮ้อ! ฉันวางใจยายกวางให้อยู่กับบูบุ๊ยที่กรุงเทพฯ ได้ไหมเนี่ย“เธอมันคุณหนูใสซื่อ ไม่ทันเหลี่ยมคน” นิสาพูดขึ้นมาตามใจคิด“แต่คนที่ซื้อบ้านของพ่อได้ก็ต้องมีเงินมากพอ เขาจะต้องการอะไรจากฉันอีก ฉันไม่มีอะไรให้เขาสักหน่อย”นิสาส่งค้อน เ
การเคลื่อนไหวของคนที่ตามหาชีวาพรอยู่ในสายตาของรปภ.ประจำคอนโดมิเนียม เมื่อหญิงสาวต้องออกไปทำงานทุกวัน รปภ.จึงเปิดประตูด้านหลังให้เธอเดินออกไปเพื่อหลบสายตาของคนพวกนั้น โดยชีวาพรได้บอกความจริงว่าตนเพิ่งบุกรุกเข้าไปในบ้านท้ายซอย พร้อมกับบอกเหตุผลให้รู้ว่าตนเข้าไปทำไม เธอหวังจะให้รปภ.เข้าใจและช่วยปกป้องอันตรายให้เธอกับลูกในอีกสองวันข้างหน้านิสาต้องกลับไปที่เชียงราย จากกำหนดเดิมที่จะอยู่ด้วยกันนานกว่านี้ เนื่องจากพ่อค้าที่เคยมีร้านขายของติดกันโทร.มาบอกว่าได้ทำเลเปิดร้านใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ว่างพอสำหรับเธอ นิสาจึงอยากไปดูด้วยตัวเอง“พรุ่งนี้พาบูบุ๊ยไปฝากเลี้ยงก็แล้วกันนะ ฉันจะเฝ้าอยู่ที่นั่นทั้งวัน จะได้เห็นว่าเขาเลี้ยงหลานยังไง”“เขาจะยอมให้เราเฝ้าเหรอ”“ไม่ยอมก็ต้องยอม หรือเธอกล้าพาลูกไปฝากไว้โดยที่ไม่รู้ว่าลูกกินนอนยังไง”การมีนิสาอยู่ข้างๆ มันดีอย่างนี้เอง ชีวาพรรู้สึกว่าตนยังไม่เด็ดขาดพอ บ่อยครั้งที่เธอคิดอะไรไม่รอบคอบ ซึ่งเพื่อนคนนี้จะช่วยเธอคิดและตัดสินใจได้ดังนั้นในวันต่อมา น้องพร้อมจึงถูกนำไปฝากเลี้ยงที่สถานรับ
โรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ย่านหลักสี่เป็นสถานที่ที่รถสปอร์ตแล่นปราดไปจอด หัวใจของคนขับรถกำลังเต้นแรง เมื่อคิดว่ากำลังจะได้เจอเธอ“ผมมาพบคุณชีวาพรครับ เธอเป็นพนักงานที่นี่”ตีขลุมขอพบเธอเอาดื้อๆ โดยไม่คิดจะถามก่อนว่าเธอทำงานที่นี่หรือเปล่า และคำตอบที่ได้รับนั้นมันทำให้หน้าของเขาแดงก่ำ เขารู้สึกได้ว่าเลือดในกายกำลังสูบฉีดแรง“กวางกลับไปตั้งแต่บ่ายสามโมงค่ะ มันเป็นเวลาเลิกงานของเธอ เพราะเธอต้องไปรับลูกที่สถานรับเลี้ยงเด็ก”“ไม่ทราบว่าสถานรับเลี้ยงเด็กอยู่ที่ไหนครับ ผม...เอ่อ เป็นญาติของเธอ มีธุระคุยกับเธอครับ”ไม่กล้าบอกว่าตัวเองเป็นสามีและพ่อของเด็ก เพราะกลัวคำถามที่อาจย้อนกลับมาว่าทำไมตนถึงไม่รู้เรื่องของลูกเมีย ซึ่งข้ออ้างนี้มันก็ผ่านฉลุย“ดิฉันรู้แต่ว่าสถานรับเลี้ยงเด็กอยู่ใกล้กับที่พักของเธอ”“กวางพักอยู่ที่คอนโดใช่ไหมครับ”ธีทัตบอกชื่อคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ตรงปากซอยบ้านเดิมของชีวาพรได้อย่างแม่นยำ พนักงานโรงแรมจึงไม่เอะใจสงสัยในตัวเขา เมื่อเธอตอบว่าใช่ เขาจึงรีบผละออกมาโดยไม่ยอมเสี
ชีวาพรเปิดประตูห้องด้วยมือสั่นเทา เธอไม่กล้าหันไปมองข้างหลัง คิดไว้ว่าเมื่อเปิดประตูได้ เธอจะรีบพาลูกเข้าไปข้างใน แล้วล็อกประตูเสียหากเธอทำได้เพียงแค่คิด เพราะเมื่อเธอปลดล็อกกุญแจ มือแข็งแรงก็ยื่นมาจากด้านหลัง แล้วผลักบานประตูให้เปิดกว้างเสียเองชีวาพรถูกบังคับให้เดินเข้าไปในห้อง หากเธอพยายามรวบรวมความกล้า หันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา“ออกไป”ออกปากไล่ทั้งที่กลัวเขาจับใจ ชีวาพรไม่รู้ว่าธีทัตตามเธอมาทำไม แม้เธอบอกว่ามีคนอื่นพักอยู่ในห้องด้วย แต่เขาก็ยังตามเข้ามา“ลูกของใคร”“คุณถามอะไร”“เด็กคนนี้...เป็นลูกของใคร”เสียงของธีทัตสั่นพร่า ชีวาพรดูออกว่าเขาพยายามทำให้มันปกติ แต่เขาทำได้ไม่แนบเนียนสักนิด“ลูกเป็นลูกของกวางกับคนที่ช่วยกวางเลี้ยงแกมา...ไม่เกี่ยวกับคุณธีร์”ชีวาพรไม่ได้โกหก เธอเป็นแม่ ส่วนนิสาเป็นแม่ทูนหัว น้องพร้อมจึงเป็นลูกของเธอกับเพื่อนของเธอเท่านั้น เธอจะไม่ยอมให้ธีทัตเข้ามาเกี่ยวข้องกับลูกอย่างเด็ดขาด“ไหนล่ะ คนที่ช่วยกวางเลี้ยงล
“แง้...แง้...แง้...”เสียงร้องไห้จ้าดังมาจากหน้าบ้าน คนที่กำลังเช็ดทำความสะอาดของเล่นอยู่ในบ้านต้องวางของในมือลง แล้วเดินออกไปดู เธอไม่ได้ตกใจหรือร้อนใจเหมือนครั้งก่อน เพราะรู้ว่าเสียงร้องไห้แบบนี้มาจากการถูกขัดใจ ผู้ใหญ่คงทำอะไรให้ลูกไม่ชอบใจอย่างแน่นอน ซึ่งผู้ใหญ่คนนั้นก็คือพ่อของลูก แล้วภาพที่เห็นก็ทำให้หญิงสาวต้องมุ่นคิ้วอย่างหนัก...ธีทัตกำลังจะทำอะไรลูกของเธอ!“คุณทำอะไรคะ”“แง้...แมะ...แมะ...”ลูกเห็นเธอแล้ว ดวงหน้าเล็กกลมไม่มีน้ำตา แต่กำลังเบะปากอย่างสุดฤทธิ์“พี่จะให้ลูกหัดเดิน แต่ลูกไม่ยอมลง”เธอเห็นแล้วว่าลูกไม่ยอมลง เห็นกับตาเชียวละ ร่างเล็กกลมถูกจับหย่อนลงไปใกล้จะถึงพื้นหญ้า แต่สองขาสั้นป้อมพยายามหดหนี“คุณก็เห็นแล้วว่าลูกไม่อยากยืนบนพื้นหญ้า”“พี่ถึงต้องให้ลูกลองทำไง หรือว่าลูกกลัวสนามหญ้า?”“น้องพร้อมไม่ได้กลัวค่ะ แต่แกไม่เคยเหยียบพื้นหญ้าหรือพื้นดิน”ชีวาพรปล่อยให้น้องพร้อมหัดเดินภายในบ้านหรือห้องพัก ซึ่งมักเป็นพื้นนุ่มที่สามารถปก
“อื้อ...แอะ...แอะ...” เพียงแค่ธีทัตขับรถไปจอดที่โรงรถแล้วเปิดประตูรถก้าวลงมา เสียงจากคนตัวกลมที่อยู่ในอ้อมแขนของพี่เลี้ยงก็ดังขึ้น พร้อมกับมือป้อมที่โบกสะบัดมาทางเขา ธีทัตยิ้มกว้าง ปลื้มใจเหลือเกินที่ลูกจำเขาได้ คนร่างสูงปรี่ไปหา สองมือหนายื่นไปหมายจะรับเจ้าตัวกลมมาอุ้มไว้เอง แต่ดวงหน้าเล็กกลมกลับเมินหนี อ้าว!... ถึงจะงงกับท่าทีของลูก แต่ธีทัตก็ไม่ละความพยายาม “มาหาพ่อสิลูก ขอพ่ออุ้มหนูหน่อยนะครับ” เสียงรถและเสียงห้าวทุ้มที่ดังมาให้ได้ยิน ทำให้คนที่กำลังทำความสะอาดพื้นบ้านด้วยตัวเองเพราะอยากจะมั่นใจในความสะอาดนั้นต้องชะโงกหน้าออกไปดู แล้วจึงเห็นว่าธีทัตกำลังตะล่อมขออุ้มลูก ซึ่งมันเป็นภาพที่น่าตลกจริงๆ ดวงหน้าของลูกวางบนไหล่ของพี่เลี้ยง เมื่อลูกหันมาทางเธอ เธอจึงเห็นว่าลูกกำลังอมยิ้ม ดวงตากลมฉายแววซุกซน ไม่รู้ว่าลูกกำลังคิดอะไร แต่มันทำให้ชีวาพรรู้สึกขัน “เมื่อกี้ลูกจำพี่ได้ ลูกทักทายพี่ด้วย แล้วดูสิ ลูกเมินพี่ไปแล้ว” ธีทัตฟ้อง...เขากำลังฟ้องลูกวัยทารกของตัวเอง คนอย่างนี้ก็มีด้วย “แกเปลี่ยนใจไม่อยากคุยกับคุณแล้วมั้งคะ” ธีทัตหัวเร
ชีวาพรกำลังจะเข้านอน พลันเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา เธอรีบรับสาย เพราะกลัวเสียงเรียกจะปลุกลูกให้ตื่นขึ้นมา“คิดถึงจังเลย”คำพูดของคนปลายสายทำให้ชีวาพรถึงกับดึงโทรศัพท์มือถือมาดูหน้าจอเพื่อให้มั่นใจว่าตนกำลังพูดกับใครไม่ผิดคนนี่นา...หรือว่าเขาโทร.ผิดมาหาเรา“คุณโทร.หาใครหรือคะ?”“เมีย…คิดถึง”“คะ? น้องพร้อมหลับแล้ว ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้วนะคะ”ชีวาพรตอบไปแบบงงๆ เพราะเธอไม่เข้าใจคำพูดของเขา ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ“งั้นเหรอ”“ค่ะ ตอนนี้ดึกเกินกว่าที่คุณจะโทร.ไปหาใครต่อใครแล้ว”“พี่ยังไม่ง่วงครับ”“กวางง่วงนอนแล้วค่ะ ปกติกวางนอนพร้อมกับน้องพร้อม เพราะกวางต้องตื่นเช้าพร้อมกับลูกทุกวัน”น้องพร้อมเคยตื่นนอนมาเล่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้าด้วยซ้ำ เธอก็ต้องตื่นนอนตามลูก หากตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ น้องพร้อมก็เข้านอนในตอนค่ำและตื่นนอนทีเดียวในตอนเช้า เธอจึงได้นอนอย่างเต็มอิ่มตามไปด้วย“วันนี้เราไม่ได้
เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงดังขึ้นในเวลาสามทุ่ม ชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บนเตียงขยับตัวตื่น เขากำลังจะลุกขึ้น หากคนที่นอนอยู่ข้างๆ แตะตัวของเขาเป็นเชิงห้าม ก่อนเธอจะรีบลุกจากที่นอนแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือและรับสายเสียเอง“สวัสดีค่ะ”“เบอร์ของพ่อฉันใช่ไหม เธอเป็นใคร”“ไข่มุกเองค่ะ ตอนนี้สามทุ่มแล้ว คุณนพกำลังเข้านอน มุกเลยมารับสายแทน”“ฉันจะพูดกับพ่อของฉัน”คนปลายสายพูดเสียงเฉียบขาด ซึ่งคนรับสายจำได้ดีว่าเป็นเสียงของลูกสาวคนโตของคุณนพ เธอจึงทำตามคำสั่ง เพราะไม่อยากมีปัญหา ถึงแม้จะขัดใจอยู่บ้างก็ตามที เพราะเธออยากให้คุณนพได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้มีเรื่องกวนใจเข้ามารบกวนเวลานอนของเขา“คุณแพมโทร.มาค่ะ”คุณนพยันกายลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง แล้วรับโทรศัพท์มาพูดสาย“ว่ายังไงแพม สบายดีไหมลูก”“เรื่อยๆ ค่ะ พ่อเป็นยังไงบ้างคะ”“พ่อพออยู่ได้ อยู่สบายๆ ตามประสาคนแก่ว่างงานนั่นแหละ”“พ่อสบายแล้ว แต่แพมกับภูมิยังต้องดิ้นรน
แค่เดินพ้นบานประตูเข้าไปในบ้านราชเวคิน ธีทัตก็แทบสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินสองเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ที่ร้ายกว่านั้นก็คือมันช่างรับส่งกันได้จังหวะจริงๆ“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วถึงเพิ่งกลับบ้าน งานการก็ไม่ทำ โยนให้น้องนุ่งหมดแล้ว ไม่เปลี่ยนจริงๆ...นิสัยไม่เปลี่ยน”“ดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย จากสี่ทุ่มลดเหลือสองทุ่มเศษ”เจ้าของเสียงทั้งคู่เดินผ่านประตูด้านในมายืนประจันหน้ากับเขาตรงกลางห้องโถง แล้วกวาดสายตามองเขาตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้าอย่างสำรวจตรวจตรา“ไปไหนมาเฮีย ทำตัวหายสาบสูญไปทั้งวัน”“กูลาพักร้อน กูก็พักผ่อนและทำธุระของกูสิ พวกมึงทำงานไป ไม่ต้องยุ่งกับกู”“ไม่ได้หรอก ตั้งแต่เมียหายคราวก่อน เฮียเสียผู้เสียคนจนพ่อกับแม่ไม่ไว้ใจ ต้องฝากผมกับไอ้พีทให้คอยสอดส่อง”ชนกันต์กอดอก ทำท่าเหมือนครูฝ่ายปกครองที่กำลังประเมินพฤติกรรมเด็กเกเรหนีเรียน จนพี่ชายใหญ่ชักหมั่นไส้ตงิดๆ เพราะที่ผ่านมาเขามีหน้าที่ดูแลน้องๆ ทั้งสามคน ไม่เคยเลยที่พ่อกับแม่จะให้เจ้าพวกนี้ย้อนมาสอดส่องเขา“มึงพูดเองหรือเปล่า&rdquo
เสียงตีน้ำจนแตกกระจายสลับกับเสียงพูดอ้อแอ้ของลูกดังมาจากห้องน้ำ คนที่ถือวิสาสะนั่งอยู่ตรงปลายเตียงนอนได้แต่ยิ้มจนหุบไม่ลงเขามีความสุข...ความสุขมันเป็นเช่นนี้เอง“พอได้หรือยังคะ แม่เปียกหมดแล้วนะ”เสียงแม่ดุ แต่คงไม่น่ากลัว เพราะเจ้าตัวแสบร้องอ้อแอ้สวนขึ้นมาทันควัน แถมยังตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างชอบใจเสียอีก จนธีทัตต้องลุกขึ้นจากปลายเตียงแล้วเดินไปดูในห้องน้ำเด็กตัวกลมนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำสำหรับเด็ก เขาเห็นคนงานขนอ่างใบนี้มาจากคอนโดมิเนียม เมื่อดูจากสภาพของมัน มันก็คงผ่านการใช้งานมาพอสมควร มีความเป็นไปได้สูงว่ามันคงเดินทางไกลมาจากเชียงรายชายหนุ่มถอนสายตาจากเจ้าจ้ำม่ำเนื้อกายล่อนจ้อนที่นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้วมองแม่ของลูก แล้วได้ตระหนักถึงความเป็นอยู่ของสองแม่ลูกขึ้นมาชีวาพรคงไม่ได้มีเงินมากพอ คุณนพอาจไม่ได้ให้เงินกับลูกสาวคนเล็กสักเท่าไร เพราะทันทีที่ขายหุ้นของบริษัทได้ เช็คเงินสดสองใบก็ถูกยื่นให้กับลูกสาวคนโตและลูกชายคนรองที่มารอรับถึงที่หลังจากเคลียร์หนี้สินของบริษัทและหนี้สินส่วนตัวแล้ว คุณนพเหลือเงินติดตัวไม่มาก
“เอิ้กๆ”เสียงแรกเป็นเสียงของผู้ใหญ่ ส่วนเสียงเล็กๆ ที่ตามมานั้นเป็นเสียงของเด็กตัวกลมที่นอนคว่ำหน้า โดยมีสองมือใหญ่ประคองร่างเล็กกลมให้บินร่อนอยู่กลางอากาศธีทัตพาลูกบินร่อนรอบๆ ห้องเด็ก พี่เลี้ยงนั่งอยู่ตรงมุมห้องโดยไม่ขวางการเล่นของสองพ่อลูก ทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงประตูเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าตนควรเข้าไปขัดพวกเขาดีไหม เพราะลูกควรอาบน้ำเพื่อเตรียมเข้านอนได้แล้วธีทัตเหลือบไปเห็นแม่ของลูก เหมือนกับเขาอ่านความคิดของเธอได้ เขาจึงค่อยๆ หยุดการเล่นกับลูก“เครื่องบินลงจอดแล้วครับ”น้องพร้อมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเมื่อพ่อยกตัวเองขึ้นสูงมากกว่าเดิม ก่อนจะพาบินโฉบลงต่ำและทำท่าจะลงจอดบนโซฟา เจ้าตัวกลมคงรู้ทันว่าพ่อจะหยุดเล่นกับตนแล้ว จึงตีสองขาเล็กอวบไปมาเพราะต้องการประท้วง“แอะ...แอ๊...”“พอแล้วนะครับ”น้องพร้อมตั้งท่าจะออกฤทธิ์...อาการเด็กห่วงเล่นเป็นเช่นนี้เสมอ ชีวาพรจึงรีบไปรับลูกจากธีทัต แต่ลูกก็ไม่ยอมมาหาเธอ กลับโผไปหาธีทัต“หนูมาหาแม่นะคะ แม่จะพาไปอาบน้ำ เดี๋ยวเข้านอนกับแม่”
การเชิญธีทัตให้ออกไปจากบ้านนั้นเป็นเรื่องยากแสนยากหลังจากที่เขาแย่งทำหน้าที่ป้อนข้าวมื้อเย็นให้ลูกไปจากเธอ พอถึงอาหารมื้อเย็นของผู้ใหญ่ เขายังเจ้ากี้เจ้าการสั่งพี่เลี้ยงที่กำลังช่วยเธอทำอาหารให้ตั้งโต๊ะไว้สองที่...สำหรับเธอและตัวเขาเอง“พี่กบกินมื้อเย็นแล้วใช่ไหม ไปดูแลน้องพร้อมได้แล้ว”เขาสั่ง ทั้งที่เพิ่งบอกว่ายกพี่เลี้ยงของลูกให้เป็นคนของเธอ ซึ่งพี่เลี้ยงก็ทำตามคำสั่งเขาแต่โดยดี ชีวาพรจึงได้แต่มองตามหลัง แล้วตวัดสายตามามองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะกินข้าว“ลูกเข้านอนกี่โมงเหรอ”“สองทุ่มค่ะ”แต่บางวันกว่าลูกจะยอมนอนก็ปาเข้าไปสามทุ่ม ซึ่งชีวาพรกำลังจะบอกเขา เพราะเพิ่งคิดได้ว่าเขาถามทำไม ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว“วันนี้พี่จะพาลูกเข้านอนเอง”“”อย่าเลยค่ะ ตอนนี้หนึ่งทุ่มกว่า คุณกินข้าวเสร็จก็กลับบ้านของคุณไปได้ กวางต้องอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนด้วยเหมือนกัน”“กวางทำธุระของตัวเองไปสิ พี่ดูแลลูกให้ ไม่ดีเหรอ”“น้องพร้อมมีพี่เลี้ยงแล้วนี่คะ”&ldqu
เมื่อลูกได้อยู่ในอ้อมแขน ธีทัตก็อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้ เขาเพียรกอดและหอมเจ้าตัวกลมอย่างไม่รู้เบื่อ ไม่เคยรู้เลยว่าคนเราสามารถรักและพร้อมที่จะทุ่มเทให้คนคนหนึ่งได้มากขนาดนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่มีเงื่อนไขและพร้อมจะให้จนหมดทั้งตัวดวงตาคมทอดมองดวงหน้าเล็กกลม ในจังหวะที่เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นไปมองพ่อ ดวงตาสองคู่ประสานกัน พลันเกิดเงาแวววาวขึ้นในนัยน์ตาของคนเป็นพ่อ...ภาพอบอุ่นและงดงามระหว่างสองพ่อลูกอยู่ในสายตาของผู้คนที่มาซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต ธีทัตอุ้มลูกไปยืนรอแม่อยู่ใกล้ประตูทางออก ซึ่งบริเวณนี้นานๆ ถึงจะมีคนเดินผ่าน ทั้งสองคนจึงดูโดดเด่นและกลายเป็นจุดสนใจไปโดยปริยายชีวาพรรวมอยู่ในกลุ่มคนที่หันไปมองสองพ่อลูก ภาพนั้นสะกดสายตาของเธอ น้องพร้อมตัวเล็กนิดเดียวเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของธีทัต ลำแขนล่ำสันของเขาโอบอุ้มลูกเอาไว้อย่างอบอุ่นและปลอดภัย เธอมองแล้วจึงเข้าใจว่าทำไมลูกถึงชอบที่จะอยู่ในอ้อมกอดของเขาหญิงสาวทอดมองภาพนั้นนิ่งนานเกือบนาที ก่อนเธอจะถอนสายตากลับมาเมื่อนึกถึงความจริงบางอย่าง...ธีทัตไม่ได้รักเธอ...ก่อนที่เขาจะมาแต่งงานกับเธอ เขาเคยคบหากับนาตาลีมาก่อน