ชีวาพรเปิดประตูห้องด้วยมือสั่นเทา เธอไม่กล้าหันไปมองข้างหลัง คิดไว้ว่าเมื่อเปิดประตูได้ เธอจะรีบพาลูกเข้าไปข้างใน แล้วล็อกประตูเสีย
หากเธอทำได้เพียงแค่คิด เพราะเมื่อเธอปลดล็อกกุญแจ มือแข็งแรงก็ยื่นมาจากด้านหลัง แล้วผลักบานประตูให้เปิดกว้างเสียเองชีวาพรถูกบังคับให้เดินเข้าไปในห้อง หากเธอพยายามรวบรวมความกล้า หันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา “ออกไป”ออกปากไล่ทั้งที่กลัวเขาจับใจ ชีวาพรไม่รู้ว่าธีทัตตามเธอมาทำไม แม้เธอบอกว่ามีคนอื่นพักอยู่ในห้องด้วย แต่เขาก็ยังตามเข้ามา “ลูกของใคร”“คุณถามอะไร”“เด็กคนนี้...เป็นลูกของใคร” เสียงของธีทัตสั่นพร่า ชีวาพรดูออกว่าเขาพยายามทำให้มันปกติ แต่เขาทำได้ไม่แนบเนียนสักนิด“ลูกเป็นลูกของกวางกับคนที่ช่วยกวางเลี้ยงแกมา...ไม่เกี่ยวกับคุณธีร์”ชีวาพรไม่ได้โกหก เธอเป็นแม่ ส่วนนิสาเป็นแม่ทูนหัว น้องพร้อมจึงเป็นลูกของเธอกับเพื่อนของเธอเท่านั้น เธอจะไม่ยอมให้ธีทัตเข้ามาเกี่ยวข้องกับลูกอย่างเด็ดขาด “ไหนล่ะ คนที่ช่วยกวางเลี้ยงลธีทัตไม่รู้ว่าชีวาพรกำลังทำอะไร เขาได้ยินเพียงเสียงกุกกักดังมาจากห้องครัว ส่วนเจ้าตัวกลมที่ทำท่าเหมือนหิวจนกินกำปั้นของตัวเองได้นั้น ในเวลานี้กลับสงบ ยืนเกาะขอบคอกกั้นแล้วมองเขาตาแป๋ว“สวัสดี นายชื่ออะไร”เมื่อคนเป็นแม่ไม่อยู่ เหลือแต่เจ้าตัวกลม เขาจึงชวนเจ้าตัวคุย ซึ่งไม่ผิดหวัง เด็กน้อยตอบรับโดยไว แถมด้วยน้ำลายที่ไหลย้อยถึงคางกลมๆ“แอ...แอ๊...แอ๊...”“นายยังพูดไม่ได้เหรอ แต่นายไม่ถึงหนึ่งขวบนี่นา สงสัยยังเดินไม่ได้ด้วย”“เอิ๊กๆ”ถูกเผงเลย...ถ้าเจ้าตัวกลมพูดได้คงตอบเขาเช่นนี้ ธีทัตหัวเราะ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเด็กน้อยที่กำลังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากใส่เขา ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น ยื่นมือไปลูบศีรษะเล็กทุยที่มีผมสีดำปกคลุม แล้วเพ่งมองดวงหน้าเล็กกลม...เมื่อมองมากเข้า เขาก็รู้สึกหายใจติดขัดเสียดื้อๆมือหนายื่นไปจับปลายคางมน เด็กตัวกลมไม่ถอยหนี ไม่กลัวเขา มันทำให้เขารู้สึกทึ่ง เพราะเขายังติดภาพจำมาจากหลานสาว...กว่าฟ้าใสจะยอมให้ลุงธีร์เข้าใกล้ เขาต้องรอจนหลานอายุเกือบครบหนึ่งขวบ ทั้งที่เขาเห็นฟ้าใสมาตั้
“กล้องวงจรปิดที่บ้านของกวาง กวางพาลูกไปที่บ้าน กวางพูดกับกล้องว่ากวางพาลูกชายไปเดินเล่น เพราะลูกชอบสนามหญ้ากับต้นไม้ใหญ่”ธีทัตไม่มีทางเดาสุ่ม เพราะเขายกคำพูดของเธอมาทั้งดุ้นได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน เธอตั้งใจบอกเจ้าของบ้านคนใหม่อย่างนั้นจริงๆ เพราะต้องการให้รู้ว่าเธอไม่มีเจตนาร้ายในการเข้าไปในบ้าน“พี่ซื้อบ้านจากคุณพ่อของกวางเก็บไว้เอง”ชีวาพรครางอยู่ในใจ...นึกอยู่แล้วเชียวว่าทำไมธีทัตถึงรู้เรื่องของเธอได้ละเอียดขนาดนี้“งั้นกวางขอโทษคุณที่บุกรุกเข้าไปในบ้านหลังนั้นค่ะ”“เราเป็นผัวเมียกัน พี่ซื้อบ้านไว้ มันก็จะกลายเป็นบ้านของเรา”ในขณะที่ชีวาพรพยายามถอยห่างไปตั้งหลัก แต่เขากลับโยนบ่วงมาคล้องเธอ แล้วกระชากให้เธอกลับไป...เขาสนุกกับเกมนี้นักหรือไง“บ้านเป็นของคุณแล้วค่ะ คุณใช้เงินของคุณซื้อมา กวางกับลูกไม่เกี่ยวข้องกับบ้านหลังนั้น”“พี่เปิดประตูรั้วเล็กเอาไว้ตั้งแต่วันนั้น เผื่อกวางจะพาลูกเข้าไปเดินเล่นในบ้านอีก แต่กวางก็ไม่ได้พาลูกไป”หญิงสาวกลอกตามองเพดาน...ดูเขาทำสิ
ชีวาพรนั่งมองลูกน้อยที่เกาะตามขอบคอกกั้นแล้วเดินไปรอบๆ หลังจากกินนมอิ่ม น้องพร้อมก็อารมณ์ดี ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอคงพาลูกออกไปเดินเล่นนอกบ้าน แต่เมื่อย้ายมาอยู่ในคอนโดมิเนียมของเมืองใหญ่ พื้นที่ส่วนกลางของคอนโดมิเนียมก็ไม่มี เธอจึงจำยอมให้ลูกใช้พื้นที่แค่ในห้องพักนึกถึงนิสาที่กลับไปเชียงรายแล้ว เพื่อนของเธออาลัยอาวรณ์น้องพร้อมมาก ย้ำว่าถ้ามีเวลาว่างก็จะมาเยี่ยมที่กรุงเทพฯ ซึ่งในตอนเย็นก่อนที่นิสาจะเดินทางกลับ เจ้าตัวได้พาน้องพร้อมลงไปเดินเล่นในล็อบบี้และพูดคุยกับน้องพร้อมโดยไม่ทันเห็นว่าเธอได้ตามลงไปด้วย‘เดือนหน้าบูบุ๊ยคงเดินได้คล่องมากขึ้น ช่วงนี้หนูต้องใช้พื้นที่กว้างๆ หัดเดิน ถ้าบูบุ๊ยได้ไปหัดเดินในสนามหญ้ากว้างๆ ที่บ้านราชเวคิน มันจะดีแค่ไหนนะ เฮ้อ! น้ารู้สึกสองจิตสองใจกับเรื่องนี้มาตลอด ใจหนึ่งอยากให้บูบุ๊ยได้เป็นลูกของพ่อธีร์ เพราะหนูจะได้รับสิ่งดีๆ จากเขา พ่อธีร์ของหนูมีพร้อมทุกอย่าง เขาจะจัดหาให้หนูได้ แต่อีกใจน้าก็เป็นห่วงแม่ของหนู น้ากลัวพ่อธีร์จะทำให้แม่กวางเสียใจอีก’ชีวาพรรู้สึกสะเทือนใจ เธอปิดกั้นความคิดที่จะให้น้องพร้อมได้รับสิ่
“กวางต้องทำงานและลูกก็อยู่ได้ค่ะ”เสียงของชีวาพรแข็งขึ้น ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับการนำลูกน้อยวัยทารกไปฝากคนอื่นเลี้ยง แต่ในเมื่อมันเป็นความจำเป็น...เธอก็ต้องทำ“ลาออกจากงานได้ไหม แล้วอยู่บ้านเลี้ยงลูก”“ไม่ได้ค่ะ”การมีงานทำและมีรายได้จะทำให้เธอกับลูกมีชีวิตที่มั่นคงมากขึ้น เงินที่พ่อแบ่งมาให้หลังจากปิดกิจการมันมีพอแค่สำรองใช้ในระยะหนึ่ง แต่ไม่อาจกินใช้ไปนานๆ โดยไม่ต้องทำงาน...“พี่ไม่อยากขัดใจกวาง แต่น้องพร้อมเป็นลูกของพี่ กวางรู้แก่ใจดี อีกทั้งพี่กับกวางยังเป็นผัวเมียกัน เราไม่เคยหย่ากัน ที่ผ่านมาเราแค่แยกกันอยู่ ไม่ว่ายังไงพี่ก็ยังมีสิทธิ์ตัดสินใจเกี่ยวกับลูก พี่ไม่เห็นด้วยกับการนำลูกไปฝากเลี้ยง ลูกยังเล็กเกินไป พี่ไม่อยากเสี่ยง พี่ไม่มีความจำเป็นต้องเสี่ยงกับเรื่องพวกนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับน้องพร้อม เราจะเสียใจในภายหลัง สู้เราทำให้มันดีตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า...กวางไม่เห็นหรือว่าขนาดพี่เป็นพ่อแท้ๆ ลูกยังไม่ยอมให้พี่อุ้ม พี่เข้าใจว่าธรรมชาติของเด็กว่าไม่คุ้นกับคนแปลกหน้าง่ายๆ เขารู้สึกไม่ปลอดภัย แล้วในช
“พ่อ เอ่อ...ลุงธีร์จะหาพี่เลี้ยงมาดูแลหนู เขาจะอยู่กับหนูด้วย แม่ไม่รู้ว่าหนูชอบพวกเขาหรือเปล่า”ชีวาพรพูดในขณะที่สวมชุดนอนให้เจ้าตัวกลม หากเมื่อเห็นว่าดวงตากลมใสกำลังมองเธออยู่ หญิงสาวก็รู้สึกตื้อในอก...การเปลี่ยนแปลงสถานที่และผู้คนที่อยู่รอบตัว มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเด็ก ลูกของเธออายุแค่สิบเดือน ลูกยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ถ้าหากลูกรู้สึกกลัวและไม่วางใจกับทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว ลูกจะทุกข์และทรมานใจสักแค่ไหน...ไฟในบ้านถูกปิดลง ก่อนที่รถสปอร์ตคันสีดำจะแล่นผ่านประตูรั้วใหญ่ เมื่อคนขับรถปิดประตูรั้วแล้ว รถคันนั้นก็ถูกบังคับให้แล่นไปทางหน้าปากซอย เขาแลกบัตรตรงป้อมยามของคอนโดมิเนียมเพื่อเข้าไปจอดรถในพื้นที่สำหรับแขกที่มาเยือนแม้ไม่ได้ขึ้นไปหา แต่การได้นั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้ ในสถานที่ที่รู้ว่าลูกและเมียของเขาพักอาศัย ธีทัตก็รู้สึกอุ่นใจ...ไม่อยากเชื่อเลยว่าในที่สุดเขาก็ได้พบเธอและลูก ลูกของเขาน่ารักเหลือเกินชีวาพรคงไม่รู้ว่าเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องพักของเธอ เขายังเดินวนอยู่ตรงหน้าลิฟต์นานนับสิบนาที เพราะเขาตัดใจจากลูกไม่ได้ เขาอยากเดินกลับไ
“นั่นสิ เขาจับตามองพี่ตั้งแต่ลงจากรถ พอพี่บอกว่ามาหาลูกเมีย ลูกเมียของพี่อยู่ที่นี่ เขาก็ไม่เชื่อ พี่ต้องงัดหลักฐานว่าพี่กับกวางเป็นผัวเมียกันจริงๆ พี่เอารูปคู่ของเราให้เขาดู มีรูปถ่ายของน้องพร้อมด้วย เขายังบอกว่าน้องพร้อมหน้าเหมือนพี่”ธีทัตไม่ได้บอกว่าขั้นตอนมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่เขาเล่า เพราะเขาเคยใช้วิธีนี้แต่ไม่สำเร็จ รอบนี้เขาจึงต้องงัดหลักฐานความเกี่ยวพันของตนกับสองแม่ลูกเพื่อยืนยันกับรปภ. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรูปของน้องพร้อมในอิริยาบถต่างๆ ที่ถ่ายในห้องนี้ส่วนชีวาพรถึงกับครางในอก ไม่อยากเชื่อเลยว่ารปภ.ที่เธอให้คะแนนเต็มร้อยในเรื่องความตรงไปตรงมานั้นจะหลงลมปากคนเจ้าเล่ห์คนนี้ไปแล้ว กระนั้นเธอก็ยังมีเรื่องสงสัย“คุณเอารูปของลูกมาจากไหนไปให้เขาดู”“เมื่อวานตอนที่กวางเข้าไปในครัว พี่ได้ถ่ายรูปลูกเก็บไว้ พี่แค่อยากเก็บรูปของลูกเอาไว้ดูตอนที่คิดถึงแก”รูปของลูกอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของเขาแล้ว เมื่อเขายื่นให้เธอดู ชีวาพรก็อดที่จะดูไม่ได้ ทั้งที่ยังขุ่นใจเขาอยู่“วันนี้กวางหยุดงานสักวันนะ จัดการเรื่องของลูกให้เร
เมื่อข้าวตุ๋นในหม้อสุกได้ที่ ชีวาพรจึงตักข้าวมาใส่ถ้วยรอไว้เพื่อให้เย็นลง อีกสักพักเธอจะได้ป้อนข้าวให้ลูกกินเธอรู้ว่าน้องพร้อมยังไม่หิว เพราะยังไม่ถึงเวลากิน หากทุกครั้งที่ลูกเห็นว่าเธอกำลังตุ๋นข้าว เจ้าตัวกลมก็จะร้องขอเหมือนกำลังหิว นี่แหละ...ที่มาของหุ่นจ้ำม่ำของลูกชายเธอน้องพร้อมเงียบไปจนชีวาพรต้องขยับกายออกมามองผ่านช่องประตูของห้องครัว เธอเห็นสองพ่อลูกนั่งอยู่ใกล้ๆ แต่คนเป็นลูกกลับหันหลังหนีและสนใจเพียงขวดน้ำพลาสติกที่เธอวางไว้ให้เล่นตั้งแต่เพิ่งตื่นนอนเรียวปากสวยเม้มแน่น แค่วันเดียวที่ธีทัตตามมาพบเธอกับลูก ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลง มันเปลี่ยนเร็วเสียจนเธอรู้สึกเอะใจ เกิดความไม่มั่นใจขึ้นมาธีทัตบอกว่าเขาและเธอยังไม่ได้หย่ากัน ในทางกฎหมายทั้งสองคนยังเป็นสามีภรรยา หากในความเป็นจริงชีวาพรรู้ว่าสถานะของเธอที่ทุกคนมองเห็นนั้นคือแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอครองสถานะแม่ม่ายที่มีลูกหนึ่งคนมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว...มันเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ธีทัตกลับมาในคราวนี้ เขาทำเหมือนอยากคืนดีกับเธอ...แค่ทำเหมือนนะ แต่เขาไม่ได้พูดออกมาสักคำเจ็บจี๊ดตรงหัวใจ...ในห
ชีวาพรไม่อาจปฏิเสธความหวังดีของธีทัต เธอปล่อยให้เขานั่งรออยู่ภายในห้องพัก ในขณะที่เธอจัดการให้ลูกกินข้าวตุ๋นจนหมดถ้วย ต่อด้วยให้เจ้าตัวป้อมเล่นอยู่ในคอกกั้นอีกพักใหญ่ เพราะเห็นลูกกำลังเพลิน จนได้เวลาที่นัดกับผู้อำนวยการสถานเลี้ยงเด็กไว้ว่าจะพาน้องพร้อมไปคุยเรื่องลาออกเก้านาฬิกาเศษ รถสปอร์ตคันสีดำจึงแล่นออกจากคอนโดมิเนียม โดยชายหนุ่มร่างสูงใหญ่นั่งประจำเก้าอี้คนขับ ส่วนเก้าอี้โดยสารนั้นมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยและเด็กน้อยตัวกลมนั่งมาด้วย“เมื่อกี้คนงานมาเคลียร์บ้านให้เรียบร้อยแล้ว กวางกับลูกย้ายข้าวของไปอยู่ได้เลย ปกติคนงานเข้ามาทำความสะอาดทุกสัปดาห์ ส่วนคนสวนก็มาดูแลต้นไม้และตัดหญ้าอยู่เป็นประจำ พี่กำชับไว้ว่าอย่าปล่อยให้บ้านทรุดโทรม ต้องดูแลบ้านบ้านให้มีสภาพเหมือนตอนที่กวางกับคุณอายังอาศัยอยู่”“สิ่งไหนที่เป็นของคุณ คุณมีสิทธิ์ที่จะทำหรือไม่ทำอยู่แล้ว กวางไม่อยากให้คุณดึงกวางกับคุณพ่อเข้าไปเกี่ยวข้องค่ะ”ชีวาพรบอกปัด เพราะต้องการปกป้องความรู้สึกตัวเอง เธอไม่อยากได้ยินคำพูดที่ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญของเขาบ่อยเกินไป เพราะมันจะทำให
นาตาลีรู้สึกคาใจกับเด็กหน้ากลมผมดกดำคนนั้นมาทั้งวัน ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงที่พักในตอนค่ำ หญิงสาวจึงติดต่อไปหาเพื่อนที่อยู่เมืองไทยซึ่งเคยส่งรูปถ่ายของเด็กคนนั้นมาให้เธอ“มีอะไรเหรอแพม”“เด็กคนนั้นเป็นใคร”“เด็กคนไหน?”“คนที่เธอเอารูปจากไอจีของคุณธีร์ส่งมาให้ฉันดูไง”“ไหนเธอบอกว่าไม่สนใจไง แล้วมาถามอะไรอีก”“อย่าเรื่องมากนะจูลี่”อารมณ์ของนาตาลีเริ่มขุ่นมัว แต่เพื่อนไม่ได้ถือสาหาความเธอ ได้แต่ตอบเธอไปตามความรู้สึกแท้จริง“ฉันมั่นใจว่าเด็กเป็นลูกของคุณธีร์ ฉันไม่ได้มีข้อมูลลับอะไรหรอก ฉันแค่ประมวลจากคอมเมนต์จากเพื่อนและคนใกล้ชิดของเขาตอนที่เห็นรูปถ่ายบนไอจี รวมถึงข่าวเมื่อวานที่บอกว่าเด็กเป็นทายาทราชเวคิน อ้อ! เขามีรูปถ่ายของเด็กอีกชุดหนึ่ง คราวนี้ลงในข่าวออนไลน์เลย ฉันไม่รู้ว่าเธอเห็นหรือยัง”“เห็นแล้ว”เพราะเห็นว่ารูปถ่ายของเด็กคนนั้นถูกนำไปลงเป็นข่าวบนสื่อออนไลน์ เธอจึงไม่อาจวางเฉย อีกทั้งฉากหลังของรูปถ่ายยังเป็นบ้านที่เธอเคยอยู่มาตั้งแต่เ
ธีทัตเปิดประตูรั้วด้วยกุญแจที่ตนถือไว้ จากนั้นจึงนำรถไปจอดในโรงจอดรถ แล้วเข้าไปในบ้านโดยใช้รหัสเปิดประตูบ้านทั้งหลังเงียบกริบ เขาเดินเข้าไปในห้องเด็กที่อยู่ชั้นล่าง แต่ลูกไม่อยู่ในนี้ ชะรอยว่าลูกยังอยู่ในห้องนอนชั้นบน เมื่อคิดจะตามขึ้นไป หากต้องชะงักเท้า เพราะฉุกคิดได้ว่าชีวาพรได้สั่งห้ามเขาไม่ให้ล่วงล้ำเข้าไปก่อนที่จะได้รับอนุญาตธีทัตจำใจถอยออกมา หากเมื่อกลิ่นอาหารลอยมาเตะจมูก เขาจึงเบนทิศทางไปยังห้องครัวชีวาพรยืนอยู่หน้าเตา เธอกำลังทำอาหาร เขาได้กลิ่นขิงจากอาหาร มันชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยอยู่ด้วยกัน แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขากลับติดรสมือของเธอ อาหารธรรมดาแต่เธอมักคิดไว้แล้วว่าแต่ละเมนูนั้นทำเพื่ออะไร‘กวางทำไก่ผัดขิงให้พี่ธีร์ค่ะ ช่วงนี้เริ่มหนาว เมื่อวานพี่ธีร์จามตั้งหลายหน เสียงขึ้นจมูกเหมือนคนเป็นหวัดด้วย เช้านี้กวางเลยทำไก่ผัดขิงให้กินไล่หวัด ไม่รู้ว่าพี่ธีร์กินเป็นมื้อเช้าได้หรือเปล่า ตอนแรกจะทำโจ๊กใส่ขิงเยอะๆ แต่แม่บ้านบอกว่าพี่ธีร์ไม่ชอบกินโจ๊ก’อยากได้ความใส่ใจนี้คืนมา ตลอดหนึ่งปีกว่าที่เธอหายไป เขาได้รู้ว่าบางอย่างในชีวิตข
ร่างสูงใหญ่ของคนที่นั่งบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำอยู่ในสายตาของน้องชายทั้งสองคนที่เดินมาหยุดยืนฟังการพูดคุยทางโทรศัพท์ของเขาสักพักใหญ่ ทั้งสองคนหันไปสบตากัน ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวมีท่าทางแปลกไปธีทัตนิ่งเงียบ ท่าทางเหมือนคนกำลังเศร้า...มันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเมื่อกี้พี่ชายใหญ่เพิ่งเล่านิทานให้ลูกฟัง เขาควรมีความสุขมากกว่านั่งคอตกเช่นนี้“กลับมานานแล้วหรือเฮีย แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า”ชนกันต์ถาม...คนถูกถามสะดุ้ง เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่ายังมีคนอื่นอยู่แถวนี้ แต่เขายังไม่เงยหน้าขึ้นมา ภพธรจึงถามซ้ำไปด้วย เพราะเห็นท่าทางของพี่ชายชักน่าเป็นห่วง“เมื่อกี้เฮียคุยกับลูกไม่ใช่เหรอ แล้วนั่งคอตกทำไม ผมไม่ได้แอบฟังนะ แค่จะมาชวนเฮียให้ไปกินเบียร์ด้วยกัน แต่เห็นเฮียติดสายก็เลยรอ แล้วมันก็ได้ยินเอง”“น้องพร้อมไม่ยอมนอน กูเลยเล่านิทานให้ลูกฟัง”ธีทัตเคยได้ยินนิทานเรื่องนี้มาจากก่อฤกษ์ แต่เขาจำเนื้อหานิทานไม่ได้หรอก เพราะเขาได้แต่ฟังผ่านๆ ในตอนที่น้องชายเล่านิทานให้หลานๆ ฟัง อาศัยการฟังหลายครั้งก็เลยปะติดปะต่อเข้าด้
ค่ำนั้นชีวาพรคุยผ่านวิดีโอคอลกับนิสา เธอตั้งใจจะให้น้องพร้อมทักทายแม่ทูนหัว แต่น้องพร้อมไม่ร่าเริงเท่าที่ควร เธอรู้ดีว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร เธอจึงต้องวางสายจากเพื่อนเร็วกว่าปกติ ทั้งที่ยังไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟังอย่างครบครัน“หนูเล่นลูกบอลกับแม่นะครับ แม่โยนลูกบอลให้หนูนะ หนูส่งกลับมาให้แม่เร็ว”ลูกบอลสีชมพูกลิ้งไปหาเจ้าตัวกลมที่ชะเง้อมองไปทางประตูห้องนอน น้องพร้อมเป็นอย่างนี้ตั้งแต่อาบน้ำเสร็จ เจ้าตัวน้อยคอยแต่ชี้นิ้วให้เธอพาลงไปชั้นล่าง ในทีแรกชีวาพรคิดว่าน้องพร้อมคงอยากได้ของเล่นชิ้นใหม่ เธอจึงพาลูกลงไปเลือกของเล่นด้วยตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่าลูกชี้ไปทางประตูหน้าบ้านเหมือนอยากออกไปข้างนอก‘น้องพร้อมคงอยากไปหาคุณพ่อค่ะ วันนี้น้องพร้อมเล่นกับคุณพ่อทั้งวัน คงคิดถึงกันค่ะ’มันเป็นข้อสันนิษฐานของพี่เลี้ยง...ชีวาพรไม่อาจมองข้ามความรู้สึกของลูก เมื่อเธอวางลูกให้นั่งบนพื้นบ้าน เจ้าตัวกลมก็คลานไปทางประตูหน้าบ้านในทันที จนเธอต้องดึงความสนใจของลูกกลับมาที่ของเล่นสารพัดชิ้นที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบในห้องเด็กที่อยู่ชั้นล่า
ธีทัตกลับมาถึงบ้านราชเวคินในเวลาหกโมงเย็นสี่สิบนาที บ้านเงียบกริบ น้องชายทั้งสองคนคงยังไม่กลับมา เขาเดินไปนอนทอดกายบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำ เมื่อหลับตาลง ภาพของลูกน้อยก็ลอยเข้ามาในหัว“ลูก...”เสียงแผ่วเบาหลุดออกมาจากเรียวปากหยัก...ธีทัตขับรถออกมาจากบ้านของชีวาพรยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่เขากลับคิดถึงลูกเหลือเกิน จนต้องหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดดูรูปถ่ายของลูก...เขาดูรูปถ่ายของลูกซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่รู้เบื่อ กระทั่งเห็นข้อความจากน้องชายฝาแฝดปรากฎขึ้นมาก่อฤกษ์ : คิดจะทำยังไงต่อธีทัต : อะไร?ก่อฤกษ์ : เปิดตัวลูกออกสื่อ...มั่นใจแล้วใช่ไหมมั่นใจอะไรวะ?คำถามผุดขึ้นมา ธีทัตจึงโทร.ไปหาน้องชายเสียเลย เพราะถ้าขืนส่งข้อความโต้ตอบกันอยู่อย่างนี้ คืนนี้ทั้งคืนเขาคงไม่รู้เรื่องกันพอดี“อะไรของมึง”“มึงคืนดีกับกวางหรือยัง”“กูกำลังง้อเมีย กวางคงไม่ใจอ่อนง่ายๆ กูเตรียมใจไว้แล้ว แต่ช่วงสองวันมานี้กูหยุดทำงาน แล้วไปอยู่ช่วยกวางที่บ้านโน้น...กวางยอมให้กูอยู่ด้วย แต่อยู่นานไม่ได้ เขาเพิ่งไล่กูกลับมา ส่วน
เมื่อเมียไม่ให้เข้าใกล้ ธีทัตก็ไหวไหล่ เขายอมตามใจเธอ ดังนั้นจึงเหลือแต่ลูกชายตัวกลม วันนี้ทั้งวันน้องพร้อมให้ความร่วมมือกับเขาเป็นอย่างดี ลูกเปิดใจรับเขา ลูกไม่ต่อต้านและไม่เมินหนี ลูกยอมให้เขาอุ้ม แถมลูกยังสนุกกับการพาเล่นของเขา...เพียงแค่นี้ธีทัตก็เห็นช่องทางสะดวกสำหรับตัวเองแล้วชายหนุ่มหันไปทางลูกชายที่นั่งเล่นลูกบอลสีฟ้าและสีชมพูอย่างเพลิดเพลิน แล้วบอกเสียงอ่อนโยน“ไปครับน้องพร้อม ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวพ่อจะป้อนข้าวให้หนูเองนะครับ”ข้าวตุ๋นฝีมือแม่อร่อยจริงๆ เรียกได้ว่าตักเข้าปากน้อยๆ ช้อนแล้วช้อนเล่า เจ้าตัวป้อมก็กลืนหายทุกคำ คนป้อนได้แต่ยิ้มปลื้ม...ลูกกินง่ายอย่างนี้สิเล่า ท่อนแขนท่อนขาถึงได้อวบอ้วนเป็นมัดๆ“อื้อ...หม่ำๆ”คนที่อ้าปากรอแล้วไม่มีข้าวตุ๋นป้อนเข้าปากส่งเสียงประท้วง เพราะคนป้อนเผลอใจลอยปล่อยความคิดไปไกล กำปั้นน้อยๆ ตีลงไปบนโต๊ะกินข้าวอย่างเร่งเร้า จนแม่ต้องรีบจับเอาไว้ เพราะกลัวลูกเจ็บมือ“คุณป้อนข้าวให้ลูกสิ”"ครับๆ พ่อป้อนแล้วครับ"เมื่อข้าวตุ๋นเข้าปาก เจ้าตัวกลมจึงกลับมาเป็นเด็กอา
“พี่แพมรู้เรื่องของนายธีร์หรือยัง”เจ้าของสายเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือถามทันทีหลังจากที่นาตาลีตื่นขึ้นมารับสาย แม้ตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าอยู่มาก หากเธอรู้สึกตาสว่างโดยพลันแค่เพียงได้ยินชื่อของคนคนนั้น“ไม่อยากรู้”“ไม่อยากรู้...แสดงว่าพี่แพมรู้แล้ว”เสียงหัวเราะของน้องชายเรียกอารมณ์หงุดหงิดของสาวสวยที่เพิ่งตื่นนอนได้ดีนักเชียว แม้ข้างนอกจะมีหิมะโปรยปราย แต่หัวใจของเธอร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างยากที่จะระงับ“เธอมีอะไร”“ไอ้นั่นย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของเราแล้ว”“เรียกเขาดีๆ หน่อย ถ้าเธอจะโทร.มาจิกด่าเขาเพื่อระบายความเกลียดก็ไปหาคนระบายเอาข้างหน้า หรือไม่ก็โทร.ไปด่าเขาเองเลย”“คร้าบ! ต่อไปผมจะเรียกไอ้นั่นว่าคุณธีร์...ว่าแต่พี่รู้หรือยังว่าเขาเปิดตัวลูกชายออกสื่อว่าเป็นทายาทราชเวคิน และเขาก็อยู่ที่บ้านของเราด้วยนะ”“เธอรู้ได้ยังไง”“ผมเห็นข่าว ผมจำฉากหลังในรูปถ่ายของเด็กคนนั้นได้”“เด็กหรือ?”“พี่เคยเห็นเด็กหรือย
พี่เลี้ยงของน้องพร้อมออกไปตามคำสั่ง ชีวาพรจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วโทร.ไปหาเจ้าของสายมิสคอล“เธอมีอะไรจะบอกฉันไหม”นิสาถามทันทีที่รับสาย...ชีวาพรเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เธอมองเพื่อนผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างค้นหา“นิสารู้เรื่องอะไรมา”“ยังจะถามฉันอีก ตอนนี้ไม่ใช่แค่ฉันที่รู้เรื่องนี้ แต่คนรู้ทั้งประเทศแล้วมั้ง...ไม่ใช่สิ ป่านนี้คงรู้กันทั้งโลกแล้วว่าบูบุ๊ยเป็นทายาทรุ่นที่สามของราชเวคิน มันเกิดอะไรขึ้นหรือกวาง ทำไมแค่ไม่กี่วันที่ฉันกลับเชียงราย ถึงได้มีข่าวเปิดตัวบูบุ๊ยออกสื่อ เธอคืนดีกับคุณธีร์แล้วหรือ เธอเจอกับเขาได้ยังไง เธอติดต่อไปหาเขาหรือ”“นิสาพูดอะไร? เปิดตัวอะไรกัน? ฉันงงไปหมดแล้ว”“ฉันเจอข่าวของบูบุ๊ยในเว็บไซต์ของข่าวสังคม ฉันไม่ได้เจอเองนะ แต่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่จำบูบุ๊ยได้บังเอิญเห็นข่าว เขาเลยถามฉัน ข่าวไม่ได้บอกรายละเอียดอะไร เขาเรียกเจ้าอ้วนของเราว่า ‘น้องพร้อม’ แล้วบอกว่าเด็กคนนี้เป็นทายาทของราชเวคิน”“ฉันยังไม่รู้เรื่องเลย”“เธ
เงินสองแสนบาทถูกโอนเข้าบัญชีพร้อมกับบัตรเครดิตถูกยื่นมาให้ ชีวาพรยื่นมือไปรับอย่างงงๆ หากพอรู้ตัว เธอก็หดมือกลับเสีย“รับไปสิ บัตรเครดิตวงเงินหนึ่งล้านบาท กวางเอาไว้ใช้จ่ายให้น้องพร้อม ค่าใช้จ่ายจากบัตรใบนี้ พี่จะรับผิดชอบเอง”“พอแล้วค่ะ เงินรายเดือนเดือนละสองแสนบาท มันมากพอแล้ว กวางไม่กล้ารับอะไรจากคุณอีก”“พี่เป็นทายาทคนโตของราชเวคิน กรุ๊ป ส่วนน้องพร้อมก็เป็นลูกชายของพี่ ไม่มีอะไรที่มากเกินไปสำหรับลูกชายคนเดียวของพี่”เธอเข้าใจเขา แต่พอหันไปมองลูกชายตัวป้อมที่นั่งไถขวดน้ำพลาสติกไปมาบนพื้น เธอก็ตัดสินใจอย่างไม่ลังเลว่าต้องการให้ลูกเติบโตขึ้นมาอย่างเด็กธรรมดาคนหนึ่ง...ไม่ใช่เด็กที่มีทุกอย่างเหนือกว่าใคร“กวางไม่รับบัตรเครดิตของคุณ กวางมีบัตรเครดิตเองแล้ว วงเงินมีมากพอ กวางไม่เคยรูดซื้อของถึงครึ่งของวงเงินสักที”วงเงินบัตรเครดิตจำนวนหนึ่งแสนบาท...ชีวาพรเคยใช้ซื้อของมากที่สุดก็คือสองหมื่นกว่าบาท เธอมีบัตรไว้เพื่อให้อุ่นใจเท่านั้น สำหรับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เธอไม่ได้ต้องการวงเงินเพิ่มอีก“ได้สิ...