นาตาลีรู้สึกคาใจกับเด็กหน้ากลมผมดกดำคนนั้นมาทั้งวัน ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงที่พักในตอนค่ำ หญิงสาวจึงติดต่อไปหาเพื่อนที่อยู่เมืองไทยซึ่งเคยส่งรูปถ่ายของเด็กคนนั้นมาให้เธอ
“มีอะไรเหรอแพม”“เด็กคนนั้นเป็นใคร”“เด็กคนไหน?”“คนที่เธอเอารูปจากไอจีของคุณธีร์ส่งมาให้ฉันดูไง”“ไหนเธอบอกว่าไม่สนใจไง แล้วมาถามอะไรอีก”“อย่าเรื่องมากนะจูลี่”อารมณ์ของนาตาลีเริ่มขุ่นมัว แต่เพื่อนไม่ได้ถือสาหาความเธอ ได้แต่ตอบเธอไปตามความรู้สึกแท้จริง“ฉันมั่นใจว่าเด็กเป็นลูกของคุณธีร์ ฉันไม่ได้มีข้อมูลลับอะไรหรอก ฉันแค่ประมวลจากคอมเมนต์จากเพื่อนและคนใกล้ชิดของเขาตอนที่เห็นรูปถ่ายบนไอจี รวมถึงข่าวเมื่อวานที่บอกว่าเด็กเป็นทายาทราชเวคิน อ้อ! เขามีรูปถ่ายของเด็กอีกชุดหนึ่ง คราวนี้ลงในข่าวออนไลน์เลย ฉันไม่รู้ว่าเธอเห็นหรือยัง”“เห็นแล้ว”เพราะเห็นว่ารูปถ่ายของเด็กคนนั้นถูกนำไปลงเป็นข่าวบนสื่อออนไลน์ เธอจึงไม่อาจวางเฉย อีกทั้งฉากหลังของรูปถ่ายยังเป็นบ้านที่เธอเคยอยู่มาตั้งแต่เ‘พี่ธีร์ไม่เคยรักกวางเลยหรือคะ แล้วพี่ธีร์แต่งงานกับกวางทำไม’‘กวางถามทำไม ทั้งที่รู้แก่ใจดีทุกอย่างอยู่แล้ว...หรือกวางอยากให้พี่รู้สึกผิด’‘แต่พี่เลือกแต่งงานกับกวาง ทั้งที่พี่ชอบ...’เธอพูดไม่ทันจบประโยค เขาก็พูดสวนขึ้นมา น้ำเสียงและสีหน้าบ่งบอกว่าเขาเริ่มหงุดหงิดแล้ว‘กวางต้องยอมรับก่อนว่าตอนนั้นกวางเต็มใจแต่งงานกับพี่ พี่ถามความสมัครใจของกวางแล้ว พี่บอกเงื่อนไขการแต่งงานของเราทุกอย่าง กวางยืนยันว่าเข้าใจและรับได้ ดังนั้นการแต่งงานของเราจึงเกิดขึ้น...ส่วนเรื่องที่ทำไมพี่เสนอเงื่อนไขแต่งงานให้กับกวางแทนที่จะเป็นพี่สาวของกวาง เพราะพี่เห็นว่ากวางเป็นคนมีเหตุมีผล กวางดูเป็นผู้ใหญ่ พี่เลยเลือกกวาง เมื่อเรามาจับมือกัน พ่อของกวางก็ขายหุ้นของธุรกิจครอบครัวให้กับราชเวคิน กรุ๊ปได้โดยไม่ขัดกับพินัยกรรมที่บอกให้ขายและถ่ายโอนหุ้นให้คนในครอบครัวเท่านั้น ครอบครัวของกวางได้เงินไปใช้หนี้ พ่อของกวางได้เกษียณงานและได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสบายๆ ส่วนพี่สาวและพี่ชายของกวางก็ได้เงินไปตั้งตัว มันวินวินกันทุกฝ่าย’ ‘พี่ธีร์พูดถึงแต่เรื่องเงินและผลประโยชน์’‘แล้วจะให้พี่พูดถึงเรื่องอะไร? ที่ผ่านมาพี่ไม่เคยห
เข้าหน้าหนาวแล้ว อากาศเริ่มหนาวเย็น หากปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศว่าอุณหภูมิอบอุ่นกว่าปีก่อน กระนั้นมันยังเย็นสบายกว่าอากาศในกรุงเทพฯ ชีวาพรมาอยู่ที่นี่ได้ปีกว่าแล้ว แม้เป็นเวลาไม่นาน แต่เธอกลับชอบและคิดว่าเธออยู่ที่นี่ได้ตลอดไปมันไม่ใช่แค่ความต้องการของเธอ หากมาจากคนตัวกลมที่กำลังนอนแกว่งขาอยู่บนรถเข็นเด็กเป็นหลัก อากาศเย็นสบายเช่นนี้ถูกใจลูกชายวัยสิบเดือนของเธอนักเชียวชีวาพรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เพิ่งเจ็ดนาฬิกาเศษ ถึงยังไม่ถึงเวลาเปิดร้านร้านกาแฟและเบเกอรี่ที่อยู่ตรงหัวมุมถนน เธอยังมีเวลาพาลูกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ...เช้าๆ อย่างนี้จะมีคนเข้ามาวิ่งออกกำลังกาย ลูกชายของเธอก็มักผงกศีรษะขึ้นมาดูคนที่วิ่งผ่านเจ้าตัวเป็นพักๆน้องพร้อมอยู่ในวัยเริ่มสังเกตและอยากรู้จักผู้คน นอกจากจะเป็นเด็กอารมณ์ดี เจ้าตัวยังมีมนุษย์สัมพันธ์ดีอีกด้วย...ขอให้จำได้เถอะว่าใครเป็นใคร รายไหนก็รายนั้นจะต้องได้รับรอยยิ้มทักทายจากน้องพร้อมมาแต่ไกลเสมอ ไม่เว้นแม้แต่ลุงหมอที่เพิ่งใช้เข็มฉีดยาจิ้มท่อนขาอวบๆ ของเจ้าตัวไปเมื่อต้นเดือน “สวัสดีครับน้องพร้อม ไปทำงานกับแม่ตั้งแต่เช้าเลยนะเรา”นายแพทย์หน
สถานะแม่ม่ายลูกติดไม่อาจลดทอนความภูมิใจของเธอลงได้ เพราะมันหมายถึงเธอมีแก้วตาดวงใจเข้ามาให้รักหนึ่งคนชีวาพรช้อนร่างป้อมของลูกชายขึ้นมาจากรถเข็น หลังจากพาเจ้าตัวกลมกลับมาถึงบ้านเช่าที่อยู่ห่างจากร้านกาแฟประมาณสี่ร้อยเมตร เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน เธอนั่งเครื่องบินมาลงที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยไม่รู้จุดหมายปลายทางที่จะไปต่อ เมื่อคิดว่านอกจากบ้านที่กรุงเทพฯ แล้ว เธอนึกถึงที่ไหนอีก...ก็คงเป็นที่แห่งนี้ เพราะเธอเคยมาเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ถึงสี่ปี ความเคยชินพาเธอกลับมา เมื่อนั่งอยู่ในสนามบินได้สักพัก เธอจึงโทร.ไปหานิสา เพื่อนร่วมคณะที่ยังปักหลักอยู่ที่เชียงราย ทั้งที่เจ้าตัวไม่ใช่คนในพื้นที่นี้เลยเมื่อนิสามาถึง ชีวาพรยังจำสีหน้าตกใจของเพื่อนได้...เรียวปากสวยแย้มเป็นเชิงหยัน เธอกำลังหยันตัวเองเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น ‘กวาง! เธอท้องใช่ไหม? ไหนเมื่อ 2-3 เดือนก่อนเธอบอกว่าหย่ากับคุณธีร์แล้วไง’‘อืม...’นั่นคือคำตอบของเธอ แม้เธอพยายามทำหน้าตาให้สดชื่น แต่สภาพของคนที่นอนไม่หลับมานานนับเดือน มันคงไม่ดีไปกว่าซอมบี้สักเท่าไร‘ไปที่ร้านของฉันก่อน’‘ร้านอะไร? เธอเปิดร้านขายของเหรอ’
ลิ้นชักตู้เก็บเอกสารในห้องทำงานถูกเปิด ข้างในนั้นมีซองสีน้ำตาลถูกเก็บไว้อย่างดี มือหนาดึงเอกสารสัญญาออกมาดู แค่เห็นตัวหนังสือบนหัวกระดาษ หัวใจของเขาก็กระตุก เพราะใบหน้าของเธอคนนั้นลอยเด่นเข้ามาในมโนสำนึกชีวาพร...ลูกสาวคนเล็กของคุณนพ นักธุรกิจใหญ่ที่รู้จักกันดีตั้งแต่สมัยพ่อของเขา หากเมื่อถึงจุดหนึ่งที่กิจการของคุณนพซบเซาจนไปต่อไม่ได้ นอกจากมันจะไม่ถูกแก้ไขแล้ว แต่คุณนพกลับไม่บอกความจริงกับลูกสาวคนโตและลูกชายคนรองที่อยู่ต่างประเทศให้รับรู้ ทั้งสองคนจึงใช้ชีวิตเยี่ยงลูกเศรษฐี ธีทัตรู้เห็นทุกอย่าง แต่เขาถือว่ามันเป็นเรื่องของครอบครัวคนอื่น ตนไม่ควรเข้าไปยุ่มย่ามกระทั่งวันหนึ่งคุณนพมาปรึกษาพ่อของเขาเรื่องต้องการขายหุ้นบริษัท พ่อสนใจ เพราะธุรกิจนั้นสามารถรวบเข้ากับธุรกิจในเครือของราชเวคินได้ มันจะกลายเป็นกิจการที่เอื้อประโยชน์กัน แต่ติดตรงที่ผู้ก่อตั้งบริษัทซึ่งก็คือพ่อของคุณนพได้ตั้งเงื่อนไขไว้ว่าห้ามขายหุ้นให้กับคนนอก เพราะต้องการให้บริษัทเป็นที่ทำมาหากินของลูกหลานในตระกูลเท่านั้น‘ธุรกิจน่าสนใจ แต่ถ้าเราไปซื้อมา มันก็ขัดเจตนาของผู้ก่อตั้งบริษัท ถึงแม้เขาไม่อยู่แล้ว แต่ผมก็จะไม่ยุ่ง...
อากาศในตอนกลางคืนเย็นลงกว่าตอนกลางวัน อุณหภูมิลดต่ำลงถึงสิบห้าองศาเซลเซียส ชีวาพรพอคุ้นเคยกับมัน เพราะเธอเคยสัมผัสหน้าหนาวของจังหวัดเชียงรายมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ในตอนนั้นเธอกับนิสานอนกอดกันกลมอยู่ในหอพักตามประสานักศึกษาต่างถิ่นที่ไม่คุ้นกับอากาศหนาว แต่ตอนนี้มีคนตัวกลมหนึ่งคนที่สัมผัสหน้าหนาวเป็นครั้งแรก แต่เจ้าตัวกลับกระดี๊กระด๊าชอบใจเสียเหลือเกิน จนเวลาสามทุ่มแล้วก็ยังไม่ยอมเข้านอน“น้องพร้อมมาให้แม่กอดหน่อยค่ะ แม่หนาวมาก แม่อยากกอดหนู”น้องพร้อมฟังรู้ความแล้ว รู้ว่าแม่เรียกให้ไปหาเจ้าตัวน้อยจึงผละจากโต๊ะตัวเตี้ยที่ยืนเกาะเล่นอยู่ตั้งนาน แล้วคลานตุ้บตั้บไปหาแม่ชีวาพรรั้งร่างเล็กกลมเข้าสู่อ้อมกอด ลูกน้อยเงยหน้าขึ้นไปมองแม่ แววตาของลูกเปี่ยมด้วยความรักและไว้วางใจ มันเป็นความรักที่บริสุทธิ์เหลือเกิน ชีวาพรไม่เคยรู้จักความรักแบบนี้ เพราะไม่เคยมีใครมองเธอด้วยสายตาเหมือนที่ลูกกำลังมอง...“อุ่นจังเลย แม่กอดหนูแน่นๆ เลยนะคะ”เมื่อแม่แกล้งกอดแน่นมากขึ้น แทนที่น้องพร้อมจะดิ้นหนี แต่เจ้าตัวกลมกลับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบใจ ยกลำแขนเล็กอวบขึ้นไปกอดคอแม่ จนแม่ต้องหอมแก้มกลมๆ อย่างเต็มรัก“ช
“ตูม! ปลาติดเบ็ด”คนที่นั่งซดเบียร์ตรงเก้าอี้ริมสระพูดขึ้นมาพร้อมกับเสียงน้ำแตกกระจายเมื่อใครสักคนพุ่งตัวลงไปในสระว่ายน้ำ คนที่นอนอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ จึงต้องลดหนังสือลงมามอง แล้วถามอย่างงุนงง “มีอะไร? ปลาที่ไหนติดเบ็ด?”แถวนี้มีแต่พี่ชายของตนทั้งสองคน คนหนึ่งนั่งอยู่ด้วยกัน ส่วนอีกคนนั้นกำลังจ้วงแขนว่ายน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย“ปลาฉลามในสระ”“ปลาไหลไฟฟ้าต่างหาก” ถามเองแย้งเอง...อันที่จริงภพธรไม่มั่นใจหรอกว่าคนในสระว่ายน้ำเป็นปลาไหลไฟฟ้าได้หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ...พี่ชายใหญ่ไม่เหมาะกับปลาฉลามนักล่าอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่ได้ออกล่าเหยื่อ แต่เขาอาศัยชั้นเชิงที่เหนือกว่าวางกับดักแล้วรอให้เหยื่อหลงมาติดกับเอง“อ้าว! มึงด่าเฮียธีร์ว่ากะล่อนตอแหลแหรอ”ชนกันต์ทำเสียงโวยวาย ฟังก็รู้ว่าตั้งใจจะให้คนในสระได้ยิน ซึ่งภพธรได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา รู้ว่าตนถูกใช้เป็นเครื่องมือให้พี่ชายคนที่สามหลอกด่าพี่ชายใหญ่เสียแล้ว เขาคิดจะจบเรื่อง...แต่ต่อมอยากรู้รั้งไว้เสียก่อน“ช่วงนี้เฮียธีร์เครียดเรื่องอะไร”“เรื่องเมียไง”“เมียเก่า?”“ก็นั่นแหละ...คนนั้นคนเดียว”“บ้าหรือเปล่า เรื่องผ่านมาสองปีแล้ว ป่านนี้น้องกวา
ชีวาพรทำข้าวกล่องสามสิบกล่องเสร็จในเวลาสิบเอ็ดนาฬิกา วันนี้มีเมนูหมูทอดกระเทียมพริกไทยกับหมูผัดพริกหยวก โดยเธอต้องออกไปใช้ห้องครัวที่ต่อเติมขึ้นมาใหม่ เพื่อป้องกันกลิ่นอาหารเข้ามารบกวนภายในพื้นที่ของร้านกาแฟ ระหว่างนั้นเธอจึงต้องวิ่งรอกดูแลลูกค้าที่มาซื้อกาแฟพร้อมกับดูแลลูกชายไปในตัว นิสาหายไปเกือบครึ่งวัน เธอนึกสงสัยว่าเพื่อนหายไปทำอะไรตั้งนาน ตั้งใจว่าเมื่อทำงานเสร็จแล้วจะโทร.ไปถามสักหน่อย ทว่าเพียงครู่เดียว นิสาก็กลับมาพร้อมกับอารมณ์เคร่งเครียด “ฉันทำข้าวกล่องเสร็จพอดี เธอให้รถมอเตอร์ไซค์เอาไปส่งลูกค้าได้เลยนะ” “ได้สิ ขอโทษด้วยนะที่หายไปนาน เลยไม่ได้ช่วยเธอทำงาน พอดีเจ้าของที่เช่าร้านโทร.มาคุยเรื่องต่อสัญญา ฉันเลยขี่รถไปหาเขาที่บ้านเสียเลย เห็นหน้าเห็นตากันจะได้คุยกันง่ายขึ้น” “เรื่องที่เขาจะเอาร้านคืนใช่ไหม” “ใช่ ฉันขอยืดเวลาหนึ่งปี เขาไม่ตกลง แต่ยอมเซ็นสัญญาเช่าให้ฉันอยู่ต่ออีกหกเดือน พอครบหกเดือนแล้วค่อยว่ากันใหม่ เฮ้อ! พอไม่ใช่ที่ของเรา มันก็ยุ่งยากอย่างนี้แหละ” “เขาจะเอาร้านคืน หรือเขาแค่อยากขึ้นค่าเช่าเพราะเห็นว่ายอดขายของร้านเราดีขึ้น” ชีวาพรอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าอาจมั
ประตูห้องทำงานที่อยู่บนชั้นบนสุดของสำนักงานราชเวคิน กรุ๊ปถูกเปิดออก หลังจากเจ้าของห้องอนุญาตให้คนที่มาพบเขาเข้ามาในห้องได้ธีทัตปรายตามองชายร่างสูงวัยไล่เลี่ยกับเขาที่เดินเข้ามา ซึ่งฝ่ายนั้นก็มองเขาอย่างประเมินเช่นกัน “เชิญนั่งครับคุณเด่นภูมิ เมื่อวานคุณมาพบผมด้วยใช่ไหม”ธีทัตพูดเข้าเรื่อง เพราะเขาไม่อยากเสวนากับ ‘พี่ชายของอดีตเมีย’ ให้ยืดเยื้อนัก แม้การพบกันครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง แต่เขาเชื่อว่าตนดูคนไม่พลาด...ธีทัตไม่ได้แปลกใจที่รู้ว่าเด่นภูมิปล่อยให้พ่อที่สุขภาพไม่ดีกับน้องสาวที่ด้อยประสบการณ์ในธุรกิจต้องแบกรับภาระกันเพียงสองคน แถมตัวเองยังเรียกร้องเงินจากพ่ออยู่เรื่อยๆ แม้ภายหลังจะรู้กิจการของครอบครัวย่ำแย่แล้วก็ตาม“ใช่ แต่ผมไม่ได้เจอคุณ เลขาฯ ของคุณบอกว่าถ้าผมจะคุยกับคุณ ผมจะต้องนัดเวลาล่วงหน้า” น้ำเสียงของเด่นภูมิเจือความหงุดหงิดอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก หากคนที่นั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ยังคงใจเย็น บอกด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย“เมื่อวานผมติดประชุมทั้งวัน ปกติผมไม่ค่อยอยู่ที่ห้องทำงาน ไม่ทราบว่าคุณเด่นภูมิอยากคุยกับผมเรื่องอะไร”“ผมอยากรู้เรื่องบ้าน ทนายความบอกว่าบ้านของครอบครัวผมถูก
นาตาลีรู้สึกคาใจกับเด็กหน้ากลมผมดกดำคนนั้นมาทั้งวัน ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงที่พักในตอนค่ำ หญิงสาวจึงติดต่อไปหาเพื่อนที่อยู่เมืองไทยซึ่งเคยส่งรูปถ่ายของเด็กคนนั้นมาให้เธอ“มีอะไรเหรอแพม”“เด็กคนนั้นเป็นใคร”“เด็กคนไหน?”“คนที่เธอเอารูปจากไอจีของคุณธีร์ส่งมาให้ฉันดูไง”“ไหนเธอบอกว่าไม่สนใจไง แล้วมาถามอะไรอีก”“อย่าเรื่องมากนะจูลี่”อารมณ์ของนาตาลีเริ่มขุ่นมัว แต่เพื่อนไม่ได้ถือสาหาความเธอ ได้แต่ตอบเธอไปตามความรู้สึกแท้จริง“ฉันมั่นใจว่าเด็กเป็นลูกของคุณธีร์ ฉันไม่ได้มีข้อมูลลับอะไรหรอก ฉันแค่ประมวลจากคอมเมนต์จากเพื่อนและคนใกล้ชิดของเขาตอนที่เห็นรูปถ่ายบนไอจี รวมถึงข่าวเมื่อวานที่บอกว่าเด็กเป็นทายาทราชเวคิน อ้อ! เขามีรูปถ่ายของเด็กอีกชุดหนึ่ง คราวนี้ลงในข่าวออนไลน์เลย ฉันไม่รู้ว่าเธอเห็นหรือยัง”“เห็นแล้ว”เพราะเห็นว่ารูปถ่ายของเด็กคนนั้นถูกนำไปลงเป็นข่าวบนสื่อออนไลน์ เธอจึงไม่อาจวางเฉย อีกทั้งฉากหลังของรูปถ่ายยังเป็นบ้านที่เธอเคยอยู่มาตั้งแต่เ
ธีทัตเปิดประตูรั้วด้วยกุญแจที่ตนถือไว้ จากนั้นจึงนำรถไปจอดในโรงจอดรถ แล้วเข้าไปในบ้านโดยใช้รหัสเปิดประตูบ้านทั้งหลังเงียบกริบ เขาเดินเข้าไปในห้องเด็กที่อยู่ชั้นล่าง แต่ลูกไม่อยู่ในนี้ ชะรอยว่าลูกยังอยู่ในห้องนอนชั้นบน เมื่อคิดจะตามขึ้นไป หากต้องชะงักเท้า เพราะฉุกคิดได้ว่าชีวาพรได้สั่งห้ามเขาไม่ให้ล่วงล้ำเข้าไปก่อนที่จะได้รับอนุญาตธีทัตจำใจถอยออกมา หากเมื่อกลิ่นอาหารลอยมาเตะจมูก เขาจึงเบนทิศทางไปยังห้องครัวชีวาพรยืนอยู่หน้าเตา เธอกำลังทำอาหาร เขาได้กลิ่นขิงจากอาหาร มันชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยอยู่ด้วยกัน แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขากลับติดรสมือของเธอ อาหารธรรมดาแต่เธอมักคิดไว้แล้วว่าแต่ละเมนูนั้นทำเพื่ออะไร‘กวางทำไก่ผัดขิงให้พี่ธีร์ค่ะ ช่วงนี้เริ่มหนาว เมื่อวานพี่ธีร์จามตั้งหลายหน เสียงขึ้นจมูกเหมือนคนเป็นหวัดด้วย เช้านี้กวางเลยทำไก่ผัดขิงให้กินไล่หวัด ไม่รู้ว่าพี่ธีร์กินเป็นมื้อเช้าได้หรือเปล่า ตอนแรกจะทำโจ๊กใส่ขิงเยอะๆ แต่แม่บ้านบอกว่าพี่ธีร์ไม่ชอบกินโจ๊ก’อยากได้ความใส่ใจนี้คืนมา ตลอดหนึ่งปีกว่าที่เธอหายไป เขาได้รู้ว่าบางอย่างในชีวิตข
ร่างสูงใหญ่ของคนที่นั่งบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำอยู่ในสายตาของน้องชายทั้งสองคนที่เดินมาหยุดยืนฟังการพูดคุยทางโทรศัพท์ของเขาสักพักใหญ่ ทั้งสองคนหันไปสบตากัน ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวมีท่าทางแปลกไปธีทัตนิ่งเงียบ ท่าทางเหมือนคนกำลังเศร้า...มันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเมื่อกี้พี่ชายใหญ่เพิ่งเล่านิทานให้ลูกฟัง เขาควรมีความสุขมากกว่านั่งคอตกเช่นนี้“กลับมานานแล้วหรือเฮีย แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า”ชนกันต์ถาม...คนถูกถามสะดุ้ง เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่ายังมีคนอื่นอยู่แถวนี้ แต่เขายังไม่เงยหน้าขึ้นมา ภพธรจึงถามซ้ำไปด้วย เพราะเห็นท่าทางของพี่ชายชักน่าเป็นห่วง“เมื่อกี้เฮียคุยกับลูกไม่ใช่เหรอ แล้วนั่งคอตกทำไม ผมไม่ได้แอบฟังนะ แค่จะมาชวนเฮียให้ไปกินเบียร์ด้วยกัน แต่เห็นเฮียติดสายก็เลยรอ แล้วมันก็ได้ยินเอง”“น้องพร้อมไม่ยอมนอน กูเลยเล่านิทานให้ลูกฟัง”ธีทัตเคยได้ยินนิทานเรื่องนี้มาจากก่อฤกษ์ แต่เขาจำเนื้อหานิทานไม่ได้หรอก เพราะเขาได้แต่ฟังผ่านๆ ในตอนที่น้องชายเล่านิทานให้หลานๆ ฟัง อาศัยการฟังหลายครั้งก็เลยปะติดปะต่อเข้าด้
ค่ำนั้นชีวาพรคุยผ่านวิดีโอคอลกับนิสา เธอตั้งใจจะให้น้องพร้อมทักทายแม่ทูนหัว แต่น้องพร้อมไม่ร่าเริงเท่าที่ควร เธอรู้ดีว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร เธอจึงต้องวางสายจากเพื่อนเร็วกว่าปกติ ทั้งที่ยังไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟังอย่างครบครัน“หนูเล่นลูกบอลกับแม่นะครับ แม่โยนลูกบอลให้หนูนะ หนูส่งกลับมาให้แม่เร็ว”ลูกบอลสีชมพูกลิ้งไปหาเจ้าตัวกลมที่ชะเง้อมองไปทางประตูห้องนอน น้องพร้อมเป็นอย่างนี้ตั้งแต่อาบน้ำเสร็จ เจ้าตัวน้อยคอยแต่ชี้นิ้วให้เธอพาลงไปชั้นล่าง ในทีแรกชีวาพรคิดว่าน้องพร้อมคงอยากได้ของเล่นชิ้นใหม่ เธอจึงพาลูกลงไปเลือกของเล่นด้วยตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่าลูกชี้ไปทางประตูหน้าบ้านเหมือนอยากออกไปข้างนอก‘น้องพร้อมคงอยากไปหาคุณพ่อค่ะ วันนี้น้องพร้อมเล่นกับคุณพ่อทั้งวัน คงคิดถึงกันค่ะ’มันเป็นข้อสันนิษฐานของพี่เลี้ยง...ชีวาพรไม่อาจมองข้ามความรู้สึกของลูก เมื่อเธอวางลูกให้นั่งบนพื้นบ้าน เจ้าตัวกลมก็คลานไปทางประตูหน้าบ้านในทันที จนเธอต้องดึงความสนใจของลูกกลับมาที่ของเล่นสารพัดชิ้นที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบในห้องเด็กที่อยู่ชั้นล่า
ธีทัตกลับมาถึงบ้านราชเวคินในเวลาหกโมงเย็นสี่สิบนาที บ้านเงียบกริบ น้องชายทั้งสองคนคงยังไม่กลับมา เขาเดินไปนอนทอดกายบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำ เมื่อหลับตาลง ภาพของลูกน้อยก็ลอยเข้ามาในหัว“ลูก...”เสียงแผ่วเบาหลุดออกมาจากเรียวปากหยัก...ธีทัตขับรถออกมาจากบ้านของชีวาพรยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่เขากลับคิดถึงลูกเหลือเกิน จนต้องหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดดูรูปถ่ายของลูก...เขาดูรูปถ่ายของลูกซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่รู้เบื่อ กระทั่งเห็นข้อความจากน้องชายฝาแฝดปรากฎขึ้นมาก่อฤกษ์ : คิดจะทำยังไงต่อธีทัต : อะไร?ก่อฤกษ์ : เปิดตัวลูกออกสื่อ...มั่นใจแล้วใช่ไหมมั่นใจอะไรวะ?คำถามผุดขึ้นมา ธีทัตจึงโทร.ไปหาน้องชายเสียเลย เพราะถ้าขืนส่งข้อความโต้ตอบกันอยู่อย่างนี้ คืนนี้ทั้งคืนเขาคงไม่รู้เรื่องกันพอดี“อะไรของมึง”“มึงคืนดีกับกวางหรือยัง”“กูกำลังง้อเมีย กวางคงไม่ใจอ่อนง่ายๆ กูเตรียมใจไว้แล้ว แต่ช่วงสองวันมานี้กูหยุดทำงาน แล้วไปอยู่ช่วยกวางที่บ้านโน้น...กวางยอมให้กูอยู่ด้วย แต่อยู่นานไม่ได้ เขาเพิ่งไล่กูกลับมา ส่วน
เมื่อเมียไม่ให้เข้าใกล้ ธีทัตก็ไหวไหล่ เขายอมตามใจเธอ ดังนั้นจึงเหลือแต่ลูกชายตัวกลม วันนี้ทั้งวันน้องพร้อมให้ความร่วมมือกับเขาเป็นอย่างดี ลูกเปิดใจรับเขา ลูกไม่ต่อต้านและไม่เมินหนี ลูกยอมให้เขาอุ้ม แถมลูกยังสนุกกับการพาเล่นของเขา...เพียงแค่นี้ธีทัตก็เห็นช่องทางสะดวกสำหรับตัวเองแล้วชายหนุ่มหันไปทางลูกชายที่นั่งเล่นลูกบอลสีฟ้าและสีชมพูอย่างเพลิดเพลิน แล้วบอกเสียงอ่อนโยน“ไปครับน้องพร้อม ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวพ่อจะป้อนข้าวให้หนูเองนะครับ”ข้าวตุ๋นฝีมือแม่อร่อยจริงๆ เรียกได้ว่าตักเข้าปากน้อยๆ ช้อนแล้วช้อนเล่า เจ้าตัวป้อมก็กลืนหายทุกคำ คนป้อนได้แต่ยิ้มปลื้ม...ลูกกินง่ายอย่างนี้สิเล่า ท่อนแขนท่อนขาถึงได้อวบอ้วนเป็นมัดๆ“อื้อ...หม่ำๆ”คนที่อ้าปากรอแล้วไม่มีข้าวตุ๋นป้อนเข้าปากส่งเสียงประท้วง เพราะคนป้อนเผลอใจลอยปล่อยความคิดไปไกล กำปั้นน้อยๆ ตีลงไปบนโต๊ะกินข้าวอย่างเร่งเร้า จนแม่ต้องรีบจับเอาไว้ เพราะกลัวลูกเจ็บมือ“คุณป้อนข้าวให้ลูกสิ”"ครับๆ พ่อป้อนแล้วครับ"เมื่อข้าวตุ๋นเข้าปาก เจ้าตัวกลมจึงกลับมาเป็นเด็กอา
“พี่แพมรู้เรื่องของนายธีร์หรือยัง”เจ้าของสายเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือถามทันทีหลังจากที่นาตาลีตื่นขึ้นมารับสาย แม้ตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าอยู่มาก หากเธอรู้สึกตาสว่างโดยพลันแค่เพียงได้ยินชื่อของคนคนนั้น“ไม่อยากรู้”“ไม่อยากรู้...แสดงว่าพี่แพมรู้แล้ว”เสียงหัวเราะของน้องชายเรียกอารมณ์หงุดหงิดของสาวสวยที่เพิ่งตื่นนอนได้ดีนักเชียว แม้ข้างนอกจะมีหิมะโปรยปราย แต่หัวใจของเธอร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างยากที่จะระงับ“เธอมีอะไร”“ไอ้นั่นย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของเราแล้ว”“เรียกเขาดีๆ หน่อย ถ้าเธอจะโทร.มาจิกด่าเขาเพื่อระบายความเกลียดก็ไปหาคนระบายเอาข้างหน้า หรือไม่ก็โทร.ไปด่าเขาเองเลย”“คร้าบ! ต่อไปผมจะเรียกไอ้นั่นว่าคุณธีร์...ว่าแต่พี่รู้หรือยังว่าเขาเปิดตัวลูกชายออกสื่อว่าเป็นทายาทราชเวคิน และเขาก็อยู่ที่บ้านของเราด้วยนะ”“เธอรู้ได้ยังไง”“ผมเห็นข่าว ผมจำฉากหลังในรูปถ่ายของเด็กคนนั้นได้”“เด็กหรือ?”“พี่เคยเห็นเด็กหรือย
พี่เลี้ยงของน้องพร้อมออกไปตามคำสั่ง ชีวาพรจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วโทร.ไปหาเจ้าของสายมิสคอล“เธอมีอะไรจะบอกฉันไหม”นิสาถามทันทีที่รับสาย...ชีวาพรเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เธอมองเพื่อนผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างค้นหา“นิสารู้เรื่องอะไรมา”“ยังจะถามฉันอีก ตอนนี้ไม่ใช่แค่ฉันที่รู้เรื่องนี้ แต่คนรู้ทั้งประเทศแล้วมั้ง...ไม่ใช่สิ ป่านนี้คงรู้กันทั้งโลกแล้วว่าบูบุ๊ยเป็นทายาทรุ่นที่สามของราชเวคิน มันเกิดอะไรขึ้นหรือกวาง ทำไมแค่ไม่กี่วันที่ฉันกลับเชียงราย ถึงได้มีข่าวเปิดตัวบูบุ๊ยออกสื่อ เธอคืนดีกับคุณธีร์แล้วหรือ เธอเจอกับเขาได้ยังไง เธอติดต่อไปหาเขาหรือ”“นิสาพูดอะไร? เปิดตัวอะไรกัน? ฉันงงไปหมดแล้ว”“ฉันเจอข่าวของบูบุ๊ยในเว็บไซต์ของข่าวสังคม ฉันไม่ได้เจอเองนะ แต่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่จำบูบุ๊ยได้บังเอิญเห็นข่าว เขาเลยถามฉัน ข่าวไม่ได้บอกรายละเอียดอะไร เขาเรียกเจ้าอ้วนของเราว่า ‘น้องพร้อม’ แล้วบอกว่าเด็กคนนี้เป็นทายาทของราชเวคิน”“ฉันยังไม่รู้เรื่องเลย”“เธ
เงินสองแสนบาทถูกโอนเข้าบัญชีพร้อมกับบัตรเครดิตถูกยื่นมาให้ ชีวาพรยื่นมือไปรับอย่างงงๆ หากพอรู้ตัว เธอก็หดมือกลับเสีย“รับไปสิ บัตรเครดิตวงเงินหนึ่งล้านบาท กวางเอาไว้ใช้จ่ายให้น้องพร้อม ค่าใช้จ่ายจากบัตรใบนี้ พี่จะรับผิดชอบเอง”“พอแล้วค่ะ เงินรายเดือนเดือนละสองแสนบาท มันมากพอแล้ว กวางไม่กล้ารับอะไรจากคุณอีก”“พี่เป็นทายาทคนโตของราชเวคิน กรุ๊ป ส่วนน้องพร้อมก็เป็นลูกชายของพี่ ไม่มีอะไรที่มากเกินไปสำหรับลูกชายคนเดียวของพี่”เธอเข้าใจเขา แต่พอหันไปมองลูกชายตัวป้อมที่นั่งไถขวดน้ำพลาสติกไปมาบนพื้น เธอก็ตัดสินใจอย่างไม่ลังเลว่าต้องการให้ลูกเติบโตขึ้นมาอย่างเด็กธรรมดาคนหนึ่ง...ไม่ใช่เด็กที่มีทุกอย่างเหนือกว่าใคร“กวางไม่รับบัตรเครดิตของคุณ กวางมีบัตรเครดิตเองแล้ว วงเงินมีมากพอ กวางไม่เคยรูดซื้อของถึงครึ่งของวงเงินสักที”วงเงินบัตรเครดิตจำนวนหนึ่งแสนบาท...ชีวาพรเคยใช้ซื้อของมากที่สุดก็คือสองหมื่นกว่าบาท เธอมีบัตรไว้เพื่อให้อุ่นใจเท่านั้น สำหรับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เธอไม่ได้ต้องการวงเงินเพิ่มอีก“ได้สิ...