Home / โรแมนติก / แก้วตาของคนพาล / บทที่ 2 มนุษย์จิ๋วจากดาวดวงไกล (1)

Share

บทที่ 2 มนุษย์จิ๋วจากดาวดวงไกล (1)

last update Last Updated: 2025-03-13 15:59:04

เข้าหน้าหนาวแล้ว อากาศเริ่มหนาวเย็น หากปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศว่าอุณหภูมิอบอุ่นกว่าปีก่อน กระนั้นมันยังเย็นสบายกว่าอากาศในกรุงเทพฯ ชีวาพรมาอยู่ที่นี่ได้ปีกว่าแล้ว แม้เป็นเวลาไม่นาน แต่เธอกลับชอบและคิดว่าเธออยู่ที่นี่ได้ตลอดไป

มันไม่ใช่แค่ความต้องการของเธอ หากมาจากคนตัวกลมที่กำลังนอนแกว่งขาอยู่บนรถเข็นเด็กเป็นหลัก อากาศเย็นสบายเช่นนี้ถูกใจลูกชายวัยสิบเดือนของเธอนักเชียว

ชีวาพรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เพิ่งเจ็ดนาฬิกาเศษ ถึงยังไม่ถึงเวลาเปิดร้านร้านกาแฟและเบเกอรี่ที่อยู่ตรงหัวมุมถนน เธอยังมีเวลาพาลูกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ...เช้าๆ อย่างนี้จะมีคนเข้ามาวิ่งออกกำลังกาย ลูกชายของเธอก็มักผงกศีรษะขึ้นมาดูคนที่วิ่งผ่านเจ้าตัวเป็นพักๆ

น้องพร้อมอยู่ในวัยเริ่มสังเกตและอยากรู้จักผู้คน นอกจากจะเป็นเด็กอารมณ์ดี เจ้าตัวยังมีมนุษย์สัมพันธ์ดีอีกด้วย...ขอให้จำได้เถอะว่าใครเป็นใคร รายไหนก็รายนั้นจะต้องได้รับรอยยิ้มทักทายจากน้องพร้อมมาแต่ไกลเสมอ ไม่เว้นแม้แต่ลุงหมอที่เพิ่งใช้เข็มฉีดยาจิ้มท่อนขาอวบๆ ของเจ้าตัวไปเมื่อต้นเดือน 

“สวัสดีครับน้องพร้อม ไปทำงานกับแม่ตั้งแต่เช้าเลยนะเรา”

นายแพทย์หนุ่มทักทายทารกน้อยซึ่งกำลังยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันสองซี่ให้เขา เจ้าตัวน้อยโบกมือป้อมไหวๆ เป็นการทักทาย ไร้วี่แววเด็กแสนงอนที่สะบัดหน้าพรืดในวันที่เขาฉีดวัคซีนให้

ชีวาพรทักทายคุณหมอแทนลูกชายด้วยคำสั้นๆ เพราะเห็นว่าเขากำลังวิ่งออกกำลังกาย เธอไม่อยากขัดจังหวะการวิ่งของเขา หากเขากลับชะลอความเร็วเป็นการเดินพร้อมกับเธอเสียอย่างนั้น

“เข้าหน้าหนาวแล้ว ดูแลร่างกายให้อบอุ่นนะครับ ใส่เสื้อหนาๆ อย่างนี้ไว้ เชียงรายหนาวกว่ากรุงเทพฯ มาก กลัวหนุ่มน้อยจากเมืองกรุงจะไม่ชินกับอากาศบ้านเรา”

คุณหมอพูดเสียยืดยาว...ชีวาพรฟังแล้วยิ้ม นึกอยากแก้ความเข้าใจให้คุณหมอว่าน้องพร้อมเป็นหนุ่มเชียงรายเต็มตัว เพราะเจ้าตัวน้อยเกิดที่นี่ จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยย้ายไปที่ไหน หากเธอรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวมากเกินไป เธอจึงได้แต่คิด ไม่ได้พูดออกมา 

ชีวาพรค่อนข้างระมัดระวังตัว เธออยู่ที่นี่ในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอยังอยู่ในวัยสาว ดังนั้นการใกล้ชิดผู้ชายสักคนมากเกินไป ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนโสดหรือไม่โสด มันก็อาจนำปัญหามาสู่เธอได้

เมื่อหมอหนุ่มเห็นว่าแม่ของเด็กชายไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก เธอเพียงยิ้มให้เขา ความเก้อเขินและทำตัวไม่ถูกจึงเกิดขึ้นกับหมอหนุ่ม ชายร่างสูงผิวขาวใส่แว่นตาเลนส์ใสจึงทำทีเป็นขอลาทารกน้อย แล้ววิ่งบนทางวิ่งจากสองแม่ลูกไป

“เธอน่ะคิดมาก”

คำพูดมาจากคนที่กำลังวางปลากะพงแล่เนื้อทอดบนข้าวสวยในกล่องใส่อาหารเพื่อเตรียมส่งให้ลูกค้า ในตอนนี้ชีวาพรพาน้องพร้อมมาถึงร้านกาแฟและเบเกอรี่แล้ว เธอทำงานที่นี่และร้านนี้เป็นร้านของเพื่อนสนิทของเธอ ซึ่งเจ้าตัวกำลังทำหน้าอ่อนระอาเธออยู่อย่างไรล่ะ

“ฉันคิดรอบคอบต่างหาก” 

ชีวาพรบอกยิ้มๆ รู้ว่าเพื่อนห่วงใย แต่เธอสบายใจที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า ซึ่งเพื่อนก็ยังถามต่ออย่างอยากรู้

“ถ้าหมอนิคชอบเธอจริงๆ เธอจะว่ายังไง”

“ฉันจะขอบคุณเขา แล้วฉันขออยู่กับน้องพร้อมต่อไป ฉันไม่คิดจะมีใครเข้ามาในชีวิตอีก ฉันอยู่กับลูกแค่สองคนก็พอ”

“เธอต้องคิดถึงอนาคต วันที่บูบุ๊ยโตเป็นหนุ่ม ซึ่งแน่นอนว่าผู้หญิงชายตามองหลานของฉันกันเกรียวอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าบูบุ๊ยมีแฟน เธอจะกลายเป็นป้าแก่ๆ ที่คอยตามหวงลูกชายที่อยู่ในวัยหนุ่มไหม...ฉันห่วงเธอตรงนี้แหละ เวลาเห็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับลูก สุดท้ายก็ติดหนึบอยู่กับลูก แงะตัวเองออกจากลูกไม่ได้ ฉันเห็นทีไรก็สงสารทั้งแม่ทั้งลูกทุกที”

บูบุ๊ยก็คือชื่อที่นิสาตั้งให้น้องพร้อม ซึ่งเจ้าตัวป้อมก็พร้อมที่จะหันไปหาเมื่อถูกคุณน้าเรียกด้วยชื่อนี้ เพราะรับรู้ไปแล้วว่ามันเป็นอีกชื่อหนึ่งของตน

“ขอบใจที่เตือนสติ แต่รับรองว่าบูบุ๊ยของเธอจะได้ใช้ชีวิตวัยหนุ่มอย่างเต็มที่ แกจะไม่มีแม่แก่ๆ ไปคอยขวางทางแกกับสาวๆ”

“นั่นแหละ มันเป็นเหตุผลที่ฉันอยากให้เธอเปิดใจมองผู้ชายคนใหม่ เพราะวันหนึ่งบูบุ๊ยก็ต้องโตและห่างจากเธอ ถือว่าเธอโชคดีที่ได้เริ่มต้นใหม่ในวันที่เธอยังสาวและสวยเลือกได้”

“มันใช่ที่ไหนกันล่ะ ฉันเป็นแม่ม่ายมีลูกติดหนึ่งคนต่างหาก”

“เธอเอาคำโบราณนี้มาพูดได้ยังไง ลบออกจากหัวไปเลย ฉันทนฟังไม่ได้”

นิสาโวยวาย ท่าทางรับไม่ได้อย่างจริงจัง ชีวาพรจึงแกล้งย้ำ...

“มันคือความจริง ฉันเป็นแม่ม่ายลูกติด”

มันไม่ใช่คำหยาบคาย มันเป็นเพียงคำที่บอกถึงสถานะของผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น ชีวาพรไม่คิดว่าคำนี้จะลดทอนคุณค่าของเธอได้ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องเลี่ยงพูดถึงมัน

“เธอเอาคำว่าแม่ม่ายลูกติดมาฝังหัว แต่รับรองเลยว่าคนคนนั้นไม่เคยคิดอย่างเธอ เขาทำตัวเป็นหนุ่มโสดแห่งปี เป็นผู้ชายไม่มีพันธะที่พร้อมเปิดรับสาวๆ เข้าสู่อ้อมอกอยู่เหมือนเดิม”

ใบหน้าของชีวาพรสลดวูบ นิสารีบปิดปาก...แต่ไม่ทันแล้วแหละ 

“ฉันขอโทษนะ เธอกับเขาไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว เธอมูฟออนได้แล้ว แต่ฉันยังทำตัวรุงรังกับตานั่นอยู่” 

นิสาไม่ตั้งใจพูดกระทบใจเพื่อน การทำร้ายจิตใจของเพื่อนที่บอบช้ำมาอย่างหนักเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะทำ แต่เธอโกรธผู้ชายคนนั้นมากเกินไป มันจี๊ดในใจทุกทีที่นึกถึงเขา เธอจึงยั้งคำพูดไว้ไม่ทัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 3 มนุษย์จิ๋วจากดาวดวงไกล (2)

    สถานะแม่ม่ายลูกติดไม่อาจลดทอนความภูมิใจของเธอลงได้ เพราะมันหมายถึงเธอมีแก้วตาดวงใจเข้ามาให้รักหนึ่งคนชีวาพรช้อนร่างป้อมของลูกชายขึ้นมาจากรถเข็น หลังจากพาเจ้าตัวกลมกลับมาถึงบ้านเช่าที่อยู่ห่างจากร้านกาแฟประมาณสี่ร้อยเมตร เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน เธอนั่งเครื่องบินมาลงที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยไม่รู้จุดหมายปลายทางที่จะไปต่อ เมื่อคิดว่านอกจากบ้านที่กรุงเทพฯ แล้ว เธอนึกถึงที่ไหนอีก...ก็คงเป็นที่แห่งนี้ เพราะเธอเคยมาเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ถึงสี่ปี ความเคยชินพาเธอกลับมา เมื่อนั่งอยู่ในสนามบินได้สักพัก เธอจึงโทร.ไปหานิสา เพื่อนร่วมคณะที่ยังปักหลักอยู่ที่เชียงราย ทั้งที่เจ้าตัวไม่ใช่คนในพื้นที่นี้เลยเมื่อนิสามาถึง ชีวาพรยังจำสีหน้าตกใจของเพื่อนได้...เรียวปากสวยแย้มเป็นเชิงหยัน เธอกำลังหยันตัวเองเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น ‘กวาง! เธอท้องใช่ไหม? ไหนเมื่อ 2-3 เดือนก่อนเธอบอกว่าหย่ากับคุณธีร์แล้วไง’‘อืม...’นั่นคือคำตอบของเธอ แม้เธอพยายามทำหน้าตาให้สดชื่น แต่สภาพของคนที่นอนไม่หลับมานานนับเดือน มันคงไม่ดีไปกว่าซอมบี้สักเท่าไร‘ไปที่ร้านของฉันก่อน’‘ร้านอะไร? เธอเปิดร้านขายของเหรอ’

    Last Updated : 2025-03-13
  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 4 ปลาติดเบ็ด (1)

    ลิ้นชักตู้เก็บเอกสารในห้องทำงานถูกเปิด ข้างในนั้นมีซองสีน้ำตาลถูกเก็บไว้อย่างดี มือหนาดึงเอกสารสัญญาออกมาดู แค่เห็นตัวหนังสือบนหัวกระดาษ หัวใจของเขาก็กระตุก เพราะใบหน้าของเธอคนนั้นลอยเด่นเข้ามาในมโนสำนึกชีวาพร...ลูกสาวคนเล็กของคุณนพ นักธุรกิจใหญ่ที่รู้จักกันดีตั้งแต่สมัยพ่อของเขา หากเมื่อถึงจุดหนึ่งที่กิจการของคุณนพซบเซาจนไปต่อไม่ได้ นอกจากมันจะไม่ถูกแก้ไขแล้ว แต่คุณนพกลับไม่บอกความจริงกับลูกสาวคนโตและลูกชายคนรองที่อยู่ต่างประเทศให้รับรู้ ทั้งสองคนจึงใช้ชีวิตเยี่ยงลูกเศรษฐี ธีทัตรู้เห็นทุกอย่าง แต่เขาถือว่ามันเป็นเรื่องของครอบครัวคนอื่น ตนไม่ควรเข้าไปยุ่มย่ามกระทั่งวันหนึ่งคุณนพมาปรึกษาพ่อของเขาเรื่องต้องการขายหุ้นบริษัท พ่อสนใจ เพราะธุรกิจนั้นสามารถรวบเข้ากับธุรกิจในเครือของราชเวคินได้ มันจะกลายเป็นกิจการที่เอื้อประโยชน์กัน แต่ติดตรงที่ผู้ก่อตั้งบริษัทซึ่งก็คือพ่อของคุณนพได้ตั้งเงื่อนไขไว้ว่าห้ามขายหุ้นให้กับคนนอก เพราะต้องการให้บริษัทเป็นที่ทำมาหากินของลูกหลานในตระกูลเท่านั้น‘ธุรกิจน่าสนใจ แต่ถ้าเราไปซื้อมา มันก็ขัดเจตนาของผู้ก่อตั้งบริษัท ถึงแม้เขาไม่อยู่แล้ว แต่ผมก็จะไม่ยุ่ง...

    Last Updated : 2025-03-13
  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 5 ปลาติดเบ็ด (2)

    อากาศในตอนกลางคืนเย็นลงกว่าตอนกลางวัน อุณหภูมิลดต่ำลงถึงสิบห้าองศาเซลเซียส ชีวาพรพอคุ้นเคยกับมัน เพราะเธอเคยสัมผัสหน้าหนาวของจังหวัดเชียงรายมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ในตอนนั้นเธอกับนิสานอนกอดกันกลมอยู่ในหอพักตามประสานักศึกษาต่างถิ่นที่ไม่คุ้นกับอากาศหนาว แต่ตอนนี้มีคนตัวกลมหนึ่งคนที่สัมผัสหน้าหนาวเป็นครั้งแรก แต่เจ้าตัวกลับกระดี๊กระด๊าชอบใจเสียเหลือเกิน จนเวลาสามทุ่มแล้วก็ยังไม่ยอมเข้านอน“น้องพร้อมมาให้แม่กอดหน่อยค่ะ แม่หนาวมาก แม่อยากกอดหนู”น้องพร้อมฟังรู้ความแล้ว รู้ว่าแม่เรียกให้ไปหาเจ้าตัวน้อยจึงผละจากโต๊ะตัวเตี้ยที่ยืนเกาะเล่นอยู่ตั้งนาน แล้วคลานตุ้บตั้บไปหาแม่ชีวาพรรั้งร่างเล็กกลมเข้าสู่อ้อมกอด ลูกน้อยเงยหน้าขึ้นไปมองแม่ แววตาของลูกเปี่ยมด้วยความรักและไว้วางใจ มันเป็นความรักที่บริสุทธิ์เหลือเกิน ชีวาพรไม่เคยรู้จักความรักแบบนี้ เพราะไม่เคยมีใครมองเธอด้วยสายตาเหมือนที่ลูกกำลังมอง...“อุ่นจังเลย แม่กอดหนูแน่นๆ เลยนะคะ”เมื่อแม่แกล้งกอดแน่นมากขึ้น แทนที่น้องพร้อมจะดิ้นหนี แต่เจ้าตัวกลมกลับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบใจ ยกลำแขนเล็กอวบขึ้นไปกอดคอแม่ จนแม่ต้องหอมแก้มกลมๆ อย่างเต็มรัก“ช

    Last Updated : 2025-03-13
  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 6 ปลาติดเบ็ด (3)

    “ตูม! ปลาติดเบ็ด”คนที่นั่งซดเบียร์ตรงเก้าอี้ริมสระพูดขึ้นมาพร้อมกับเสียงน้ำแตกกระจายเมื่อใครสักคนพุ่งตัวลงไปในสระว่ายน้ำ คนที่นอนอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ จึงต้องลดหนังสือลงมามอง แล้วถามอย่างงุนงง “มีอะไร? ปลาที่ไหนติดเบ็ด?”แถวนี้มีแต่พี่ชายของตนทั้งสองคน คนหนึ่งนั่งอยู่ด้วยกัน ส่วนอีกคนนั้นกำลังจ้วงแขนว่ายน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย“ปลาฉลามในสระ”“ปลาไหลไฟฟ้าต่างหาก” ถามเองแย้งเอง...อันที่จริงภพธรไม่มั่นใจหรอกว่าคนในสระว่ายน้ำเป็นปลาไหลไฟฟ้าได้หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ...พี่ชายใหญ่ไม่เหมาะกับปลาฉลามนักล่าอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่ได้ออกล่าเหยื่อ แต่เขาอาศัยชั้นเชิงที่เหนือกว่าวางกับดักแล้วรอให้เหยื่อหลงมาติดกับเอง“อ้าว! มึงด่าเฮียธีร์ว่ากะล่อนตอแหลแหรอ”ชนกันต์ทำเสียงโวยวาย ฟังก็รู้ว่าตั้งใจจะให้คนในสระได้ยิน ซึ่งภพธรได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา รู้ว่าตนถูกใช้เป็นเครื่องมือให้พี่ชายคนที่สามหลอกด่าพี่ชายใหญ่เสียแล้ว เขาคิดจะจบเรื่อง...แต่ต่อมอยากรู้รั้งไว้เสียก่อน“ช่วงนี้เฮียธีร์เครียดเรื่องอะไร”“เรื่องเมียไง”“เมียเก่า?”“ก็นั่นแหละ...คนนั้นคนเดียว”“บ้าหรือเปล่า เรื่องผ่านมาสองปีแล้ว ป่านนี้น้องกวา

    Last Updated : 2025-03-13
  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 7 คนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง (1)

    ชีวาพรทำข้าวกล่องสามสิบกล่องเสร็จในเวลาสิบเอ็ดนาฬิกา วันนี้มีเมนูหมูทอดกระเทียมพริกไทยกับหมูผัดพริกหยวก โดยเธอต้องออกไปใช้ห้องครัวที่ต่อเติมขึ้นมาใหม่ เพื่อป้องกันกลิ่นอาหารเข้ามารบกวนภายในพื้นที่ของร้านกาแฟ ระหว่างนั้นเธอจึงต้องวิ่งรอกดูแลลูกค้าที่มาซื้อกาแฟพร้อมกับดูแลลูกชายไปในตัว นิสาหายไปเกือบครึ่งวัน เธอนึกสงสัยว่าเพื่อนหายไปทำอะไรตั้งนาน ตั้งใจว่าเมื่อทำงานเสร็จแล้วจะโทร.ไปถามสักหน่อย ทว่าเพียงครู่เดียว นิสาก็กลับมาพร้อมกับอารมณ์เคร่งเครียด “ฉันทำข้าวกล่องเสร็จพอดี เธอให้รถมอเตอร์ไซค์เอาไปส่งลูกค้าได้เลยนะ” “ได้สิ ขอโทษด้วยนะที่หายไปนาน เลยไม่ได้ช่วยเธอทำงาน พอดีเจ้าของที่เช่าร้านโทร.มาคุยเรื่องต่อสัญญา ฉันเลยขี่รถไปหาเขาที่บ้านเสียเลย เห็นหน้าเห็นตากันจะได้คุยกันง่ายขึ้น” “เรื่องที่เขาจะเอาร้านคืนใช่ไหม” “ใช่ ฉันขอยืดเวลาหนึ่งปี เขาไม่ตกลง แต่ยอมเซ็นสัญญาเช่าให้ฉันอยู่ต่ออีกหกเดือน พอครบหกเดือนแล้วค่อยว่ากันใหม่ เฮ้อ! พอไม่ใช่ที่ของเรา มันก็ยุ่งยากอย่างนี้แหละ” “เขาจะเอาร้านคืน หรือเขาแค่อยากขึ้นค่าเช่าเพราะเห็นว่ายอดขายของร้านเราดีขึ้น” ชีวาพรอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าอาจมั

    Last Updated : 2025-03-13
  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 8 คนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง (2)

    ประตูห้องทำงานที่อยู่บนชั้นบนสุดของสำนักงานราชเวคิน กรุ๊ปถูกเปิดออก หลังจากเจ้าของห้องอนุญาตให้คนที่มาพบเขาเข้ามาในห้องได้ธีทัตปรายตามองชายร่างสูงวัยไล่เลี่ยกับเขาที่เดินเข้ามา ซึ่งฝ่ายนั้นก็มองเขาอย่างประเมินเช่นกัน “เชิญนั่งครับคุณเด่นภูมิ เมื่อวานคุณมาพบผมด้วยใช่ไหม”ธีทัตพูดเข้าเรื่อง เพราะเขาไม่อยากเสวนากับ ‘พี่ชายของอดีตเมีย’ ให้ยืดเยื้อนัก แม้การพบกันครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง แต่เขาเชื่อว่าตนดูคนไม่พลาด...ธีทัตไม่ได้แปลกใจที่รู้ว่าเด่นภูมิปล่อยให้พ่อที่สุขภาพไม่ดีกับน้องสาวที่ด้อยประสบการณ์ในธุรกิจต้องแบกรับภาระกันเพียงสองคน แถมตัวเองยังเรียกร้องเงินจากพ่ออยู่เรื่อยๆ แม้ภายหลังจะรู้กิจการของครอบครัวย่ำแย่แล้วก็ตาม“ใช่ แต่ผมไม่ได้เจอคุณ เลขาฯ ของคุณบอกว่าถ้าผมจะคุยกับคุณ ผมจะต้องนัดเวลาล่วงหน้า” น้ำเสียงของเด่นภูมิเจือความหงุดหงิดอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก หากคนที่นั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ยังคงใจเย็น บอกด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย“เมื่อวานผมติดประชุมทั้งวัน ปกติผมไม่ค่อยอยู่ที่ห้องทำงาน ไม่ทราบว่าคุณเด่นภูมิอยากคุยกับผมเรื่องอะไร”“ผมอยากรู้เรื่องบ้าน ทนายความบอกว่าบ้านของครอบครัวผมถูก

    Last Updated : 2025-03-13
  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 9 คนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง (3)

    “ฉันตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว แต่การหางานทำ ยังไงก็ต้องผ่านการสัมภาษณ์งาน ถึงเบื้องต้นจะสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ได้ แต่ขั้นตอนสุดท้ายเขาก็มักเรียกไปเจอตัวกันก่อนอยู่ดี”เมื่อนึกถึงรายละเอียดแต่ละขั้นตอนในการย้ายกลับไปที่กรุงเทพฯ ชีวาพรก็พบว่ามันยังมีเรื่องติดขัดอยู่หลายเรื่อง“ข้ามขั้นตอนนั้นไปได้ไหม เธอโทร.ไปขอความช่วยเหลือจากคนรู้จักให้เขาช่วยหางานทำ เธอจะเป็นเด็กเส้นหรืออะไรก็ช่างเถอะ เวลานี้เอาตัวเองให้รอดก็พอ”“ฉันไม่กลัวถูกหาว่าเป็นเด็กเส้นหรอก แต่ฉันกำลังคิดเรื่องอื่น”เมื่ออยู่ในจุดที่ต้องดิ้นรน ชีวาพรก็พบว่าความคิดของตนได้เปลี่ยนไปจากเดิมหลายเรื่อง...“เรื่องที่คนเหล่านั้นเป็นคนรู้จักของพ่อเธอใช่ไหม เธอกลัวว่าถ้าขอให้พวกเขาช่วยหางานให้ทำ แล้วพวกเขาจะรู้ว่าเธอมีบูบุ๊ย สุดท้ายพ่อของเธอก็จะรู้ด้วย”“ใช่ ความจริงฉันไม่คิดจะปิดเรื่องน้องพร้อมไปตลอดหรอก ฉันรู้ว่ามันไม่มีทางปิดกันได้ ฉันไม่อยากให้ลูกต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ จากใคร น้องพร้อมไม่ได้ทำอะไรผิด แกควรได้ใช้ชีวิตอย่างเปิดเผย สักวันหนึ่งทุกคนต้องรู้อยู่ดีว่าฉันมีน้องพร้อม เพียงแต่ก่อนหน้านี้ฉันตั้งใจจะรอให้ตัวเองแข็งแรงก่อน แต่ตอน

    Last Updated : 2025-03-13
  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 10 สถานะเงาในใจ (1)

    น้องพร้อมหวีดเสียงร้องอย่างชอบใจเมื่อตัวเองถูกยกขึ้นสูงคล้ายนกกำลังบิน ทุกคราวที่นายแพทย์อคินลดแขนต่ำลง หนูน้อยจะกระพือแขนเป็นเชิงบอกว่า ‘หนูขอบินสูงๆ อีก’ ซึ่งลุงหมอก็ตามใจ พาเจ้าตัวกลมบินร่อนอย่างไม่รู้สึกเหนื่อย กระทั่งเวลาผ่านไปนานกว่าสิบนาที ชีวาพรจึงขอให้คุณหมอหยุด เพราะเธอรู้สึกเกรงใจ น้ำหนักตัวของน้องพร้อมไม่น้อยเลย เธอกลัวว่าแขนของคุณหมอจะล้าไปเสียก่อน อีกทั้งคิดว่าลูกชายเล่นสนุกพอแล้ว เมื่อหญิงสาวขอลูกคืนมา หมอหนุ่มก็ส่งเด็กชายให้เธอแต่โดยดี แต่กลับเป็นเจ้าตัวกลมที่จับคอเสื้อของลุงหมอไว้แน่น มือป้อมๆ กำอย่างไม่ยอมปล่อย ชีวาพรตกใจ เธอรีบแกะมือของลูกให้คลายออก...ไม่วายที่จะขอโทษขอโพยเขาไปด้วย “ขอโทษด้วยนะคะ เสื้อคุณหมอยับหมดเลย” “ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมต้องกลับไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ที่บ้านพักอยู่แล้ว” สายตาของหมอหนุ่มอ่อนโยน หากมันทำให้หญิงสาวต้องถอยห่างจากเขาไปถึงสองก้าว... นายแพทย์อคินไม่ได้น่ากลัว ในทางกลับกันเขาสุภาพกับเธออย่างคงเส้นคงวา เขาไม่เคยแสดงท่าทางคุกคามหรือทำให้เธออึดอัดใจ แต่ชีวาพรรู้ว่ายิ่งเขาดีกับเธอและลูกมากเท่าไร เธอก็ควรรักษาระยะห่างเอาไว้ เพรา

    Last Updated : 2025-03-13

Latest chapter

  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 51 อย่าปล่อยลูกไว้กับพ่อ (1)

    “อื้อ...แอะ...แอะ...” เพียงแค่ธีทัตขับรถไปจอดที่โรงรถแล้วเปิดประตูรถก้าวลงมา เสียงจากคนตัวกลมที่อยู่ในอ้อมแขนของพี่เลี้ยงก็ดังขึ้น พร้อมกับมือป้อมที่โบกสะบัดมาทางเขา ธีทัตยิ้มกว้าง ปลื้มใจเหลือเกินที่ลูกจำเขาได้ คนร่างสูงปรี่ไปหา สองมือหนายื่นไปหมายจะรับเจ้าตัวกลมมาอุ้มไว้เอง แต่ดวงหน้าเล็กกลมกลับเมินหนี อ้าว!... ถึงจะงงกับท่าทีของลูก แต่ธีทัตก็ไม่ละความพยายาม “มาหาพ่อสิลูก ขอพ่ออุ้มหนูหน่อยนะครับ” เสียงรถและเสียงห้าวทุ้มที่ดังมาให้ได้ยิน ทำให้คนที่กำลังทำความสะอาดพื้นบ้านด้วยตัวเองเพราะอยากจะมั่นใจในความสะอาดนั้นต้องชะโงกหน้าออกไปดู แล้วจึงเห็นว่าธีทัตกำลังตะล่อมขออุ้มลูก ซึ่งมันเป็นภาพที่น่าตลกจริงๆ ดวงหน้าของลูกวางบนไหล่ของพี่เลี้ยง เมื่อลูกหันมาทางเธอ เธอจึงเห็นว่าลูกกำลังอมยิ้ม ดวงตากลมฉายแววซุกซน ไม่รู้ว่าลูกกำลังคิดอะไร แต่มันทำให้ชีวาพรรู้สึกขัน “เมื่อกี้ลูกจำพี่ได้ ลูกทักทายพี่ด้วย แล้วดูสิ ลูกเมินพี่ไปแล้ว” ธีทัตฟ้อง...เขากำลังฟ้องลูกวัยทารกของตัวเอง คนอย่างนี้ก็มีด้วย “แกเปลี่ยนใจไม่อยากคุยกับคุณแล้วมั้งคะ” ธีทัตหัวเร

  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 50 กลิ่นแป้ง (เด็ก) แรงกว่ากลิ่นเหล้า (3)

    ชีวาพรกำลังจะเข้านอน พลันเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา เธอรีบรับสาย เพราะกลัวเสียงเรียกจะปลุกลูกให้ตื่นขึ้นมา“คิดถึงจังเลย”คำพูดของคนปลายสายทำให้ชีวาพรถึงกับดึงโทรศัพท์มือถือมาดูหน้าจอเพื่อให้มั่นใจว่าตนกำลังพูดกับใครไม่ผิดคนนี่นา...หรือว่าเขาโทร.ผิดมาหาเรา“คุณโทร.หาใครหรือคะ?”“เมีย…คิดถึง”“คะ? น้องพร้อมหลับแล้ว ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้วนะคะ”ชีวาพรตอบไปแบบงงๆ เพราะเธอไม่เข้าใจคำพูดของเขา ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ“งั้นเหรอ”“ค่ะ ตอนนี้ดึกเกินกว่าที่คุณจะโทร.ไปหาใครต่อใครแล้ว”“พี่ยังไม่ง่วงครับ”“กวางง่วงนอนแล้วค่ะ ปกติกวางนอนพร้อมกับน้องพร้อม เพราะกวางต้องตื่นเช้าพร้อมกับลูกทุกวัน”น้องพร้อมเคยตื่นนอนมาเล่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้าด้วยซ้ำ เธอก็ต้องตื่นนอนตามลูก หากตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ น้องพร้อมก็เข้านอนในตอนค่ำและตื่นนอนทีเดียวในตอนเช้า เธอจึงได้นอนอย่างเต็มอิ่มตามไปด้วย“วันนี้เราไม่ได้

  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 49 กลิ่นแป้ง (เด็ก) แรงกว่ากลิ่นเหล้า (2)

    เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงดังขึ้นในเวลาสามทุ่ม ชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บนเตียงขยับตัวตื่น เขากำลังจะลุกขึ้น หากคนที่นอนอยู่ข้างๆ แตะตัวของเขาเป็นเชิงห้าม ก่อนเธอจะรีบลุกจากที่นอนแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือและรับสายเสียเอง“สวัสดีค่ะ”“เบอร์ของพ่อฉันใช่ไหม เธอเป็นใคร”“ไข่มุกเองค่ะ ตอนนี้สามทุ่มแล้ว คุณนพกำลังเข้านอน มุกเลยมารับสายแทน”“ฉันจะพูดกับพ่อของฉัน”คนปลายสายพูดเสียงเฉียบขาด ซึ่งคนรับสายจำได้ดีว่าเป็นเสียงของลูกสาวคนโตของคุณนพ เธอจึงทำตามคำสั่ง เพราะไม่อยากมีปัญหา ถึงแม้จะขัดใจอยู่บ้างก็ตามที เพราะเธออยากให้คุณนพได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้มีเรื่องกวนใจเข้ามารบกวนเวลานอนของเขา“คุณแพมโทร.มาค่ะ”คุณนพยันกายลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง แล้วรับโทรศัพท์มาพูดสาย“ว่ายังไงแพม สบายดีไหมลูก”“เรื่อยๆ ค่ะ พ่อเป็นยังไงบ้างคะ”“พ่อพออยู่ได้ อยู่สบายๆ ตามประสาคนแก่ว่างงานนั่นแหละ”“พ่อสบายแล้ว แต่แพมกับภูมิยังต้องดิ้นรน

  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 48 กลิ่นแป้ง (เด็ก) แรงกว่ากลิ่นเหล้า (1)

    แค่เดินพ้นบานประตูเข้าไปในบ้านราชเวคิน ธีทัตก็แทบสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินสองเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ที่ร้ายกว่านั้นก็คือมันช่างรับส่งกันได้จังหวะจริงๆ“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วถึงเพิ่งกลับบ้าน งานการก็ไม่ทำ โยนให้น้องนุ่งหมดแล้ว ไม่เปลี่ยนจริงๆ...นิสัยไม่เปลี่ยน”“ดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย จากสี่ทุ่มลดเหลือสองทุ่มเศษ”เจ้าของเสียงทั้งคู่เดินผ่านประตูด้านในมายืนประจันหน้ากับเขาตรงกลางห้องโถง แล้วกวาดสายตามองเขาตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้าอย่างสำรวจตรวจตรา“ไปไหนมาเฮีย ทำตัวหายสาบสูญไปทั้งวัน”“กูลาพักร้อน กูก็พักผ่อนและทำธุระของกูสิ พวกมึงทำงานไป ไม่ต้องยุ่งกับกู”“ไม่ได้หรอก ตั้งแต่เมียหายคราวก่อน เฮียเสียผู้เสียคนจนพ่อกับแม่ไม่ไว้ใจ ต้องฝากผมกับไอ้พีทให้คอยสอดส่อง”ชนกันต์กอดอก ทำท่าเหมือนครูฝ่ายปกครองที่กำลังประเมินพฤติกรรมเด็กเกเรหนีเรียน จนพี่ชายใหญ่ชักหมั่นไส้ตงิดๆ เพราะที่ผ่านมาเขามีหน้าที่ดูแลน้องๆ ทั้งสามคน ไม่เคยเลยที่พ่อกับแม่จะให้เจ้าพวกนี้ย้อนมาสอดส่องเขา“มึงพูดเองหรือเปล่า&rdquo

  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 47 เมื่อพ่อถูกตีท้ายครัว (3)

    เสียงตีน้ำจนแตกกระจายสลับกับเสียงพูดอ้อแอ้ของลูกดังมาจากห้องน้ำ คนที่ถือวิสาสะนั่งอยู่ตรงปลายเตียงนอนได้แต่ยิ้มจนหุบไม่ลงเขามีความสุข...ความสุขมันเป็นเช่นนี้เอง“พอได้หรือยังคะ แม่เปียกหมดแล้วนะ”เสียงแม่ดุ แต่คงไม่น่ากลัว เพราะเจ้าตัวแสบร้องอ้อแอ้สวนขึ้นมาทันควัน แถมยังตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างชอบใจเสียอีก จนธีทัตต้องลุกขึ้นจากปลายเตียงแล้วเดินไปดูในห้องน้ำเด็กตัวกลมนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำสำหรับเด็ก เขาเห็นคนงานขนอ่างใบนี้มาจากคอนโดมิเนียม เมื่อดูจากสภาพของมัน มันก็คงผ่านการใช้งานมาพอสมควร มีความเป็นไปได้สูงว่ามันคงเดินทางไกลมาจากเชียงรายชายหนุ่มถอนสายตาจากเจ้าจ้ำม่ำเนื้อกายล่อนจ้อนที่นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้วมองแม่ของลูก แล้วได้ตระหนักถึงความเป็นอยู่ของสองแม่ลูกขึ้นมาชีวาพรคงไม่ได้มีเงินมากพอ คุณนพอาจไม่ได้ให้เงินกับลูกสาวคนเล็กสักเท่าไร เพราะทันทีที่ขายหุ้นของบริษัทได้ เช็คเงินสดสองใบก็ถูกยื่นให้กับลูกสาวคนโตและลูกชายคนรองที่มารอรับถึงที่หลังจากเคลียร์หนี้สินของบริษัทและหนี้สินส่วนตัวแล้ว คุณนพเหลือเงินติดตัวไม่มาก

  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 46 เมื่อพ่อถูกตีท้ายครัว (2)

    “เอิ้กๆ”เสียงแรกเป็นเสียงของผู้ใหญ่ ส่วนเสียงเล็กๆ ที่ตามมานั้นเป็นเสียงของเด็กตัวกลมที่นอนคว่ำหน้า โดยมีสองมือใหญ่ประคองร่างเล็กกลมให้บินร่อนอยู่กลางอากาศธีทัตพาลูกบินร่อนรอบๆ ห้องเด็ก พี่เลี้ยงนั่งอยู่ตรงมุมห้องโดยไม่ขวางการเล่นของสองพ่อลูก ทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงประตูเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าตนควรเข้าไปขัดพวกเขาดีไหม เพราะลูกควรอาบน้ำเพื่อเตรียมเข้านอนได้แล้วธีทัตเหลือบไปเห็นแม่ของลูก เหมือนกับเขาอ่านความคิดของเธอได้ เขาจึงค่อยๆ หยุดการเล่นกับลูก“เครื่องบินลงจอดแล้วครับ”น้องพร้อมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเมื่อพ่อยกตัวเองขึ้นสูงมากกว่าเดิม ก่อนจะพาบินโฉบลงต่ำและทำท่าจะลงจอดบนโซฟา เจ้าตัวกลมคงรู้ทันว่าพ่อจะหยุดเล่นกับตนแล้ว จึงตีสองขาเล็กอวบไปมาเพราะต้องการประท้วง“แอะ...แอ๊...”“พอแล้วนะครับ”น้องพร้อมตั้งท่าจะออกฤทธิ์...อาการเด็กห่วงเล่นเป็นเช่นนี้เสมอ ชีวาพรจึงรีบไปรับลูกจากธีทัต แต่ลูกก็ไม่ยอมมาหาเธอ กลับโผไปหาธีทัต“หนูมาหาแม่นะคะ แม่จะพาไปอาบน้ำ เดี๋ยวเข้านอนกับแม่”

  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 45 เมื่อพ่อถูกตีท้ายครัว (1)

    การเชิญธีทัตให้ออกไปจากบ้านนั้นเป็นเรื่องยากแสนยากหลังจากที่เขาแย่งทำหน้าที่ป้อนข้าวมื้อเย็นให้ลูกไปจากเธอ พอถึงอาหารมื้อเย็นของผู้ใหญ่ เขายังเจ้ากี้เจ้าการสั่งพี่เลี้ยงที่กำลังช่วยเธอทำอาหารให้ตั้งโต๊ะไว้สองที่...สำหรับเธอและตัวเขาเอง“พี่กบกินมื้อเย็นแล้วใช่ไหม ไปดูแลน้องพร้อมได้แล้ว”เขาสั่ง ทั้งที่เพิ่งบอกว่ายกพี่เลี้ยงของลูกให้เป็นคนของเธอ ซึ่งพี่เลี้ยงก็ทำตามคำสั่งเขาแต่โดยดี ชีวาพรจึงได้แต่มองตามหลัง แล้วตวัดสายตามามองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะกินข้าว“ลูกเข้านอนกี่โมงเหรอ”“สองทุ่มค่ะ”แต่บางวันกว่าลูกจะยอมนอนก็ปาเข้าไปสามทุ่ม ซึ่งชีวาพรกำลังจะบอกเขา เพราะเพิ่งคิดได้ว่าเขาถามทำไม ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว“วันนี้พี่จะพาลูกเข้านอนเอง”“”อย่าเลยค่ะ ตอนนี้หนึ่งทุ่มกว่า คุณกินข้าวเสร็จก็กลับบ้านของคุณไปได้ กวางต้องอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนด้วยเหมือนกัน”“กวางทำธุระของตัวเองไปสิ พี่ดูแลลูกให้ ไม่ดีเหรอ”“น้องพร้อมมีพี่เลี้ยงแล้วนี่คะ”&ldqu

  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 44 จู่ๆ เราก็ดีกันฮะแม่ (2)

    เมื่อลูกได้อยู่ในอ้อมแขน ธีทัตก็อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้ เขาเพียรกอดและหอมเจ้าตัวกลมอย่างไม่รู้เบื่อ ไม่เคยรู้เลยว่าคนเราสามารถรักและพร้อมที่จะทุ่มเทให้คนคนหนึ่งได้มากขนาดนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่มีเงื่อนไขและพร้อมจะให้จนหมดทั้งตัวดวงตาคมทอดมองดวงหน้าเล็กกลม ในจังหวะที่เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นไปมองพ่อ ดวงตาสองคู่ประสานกัน พลันเกิดเงาแวววาวขึ้นในนัยน์ตาของคนเป็นพ่อ...ภาพอบอุ่นและงดงามระหว่างสองพ่อลูกอยู่ในสายตาของผู้คนที่มาซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต ธีทัตอุ้มลูกไปยืนรอแม่อยู่ใกล้ประตูทางออก ซึ่งบริเวณนี้นานๆ ถึงจะมีคนเดินผ่าน ทั้งสองคนจึงดูโดดเด่นและกลายเป็นจุดสนใจไปโดยปริยายชีวาพรรวมอยู่ในกลุ่มคนที่หันไปมองสองพ่อลูก ภาพนั้นสะกดสายตาของเธอ น้องพร้อมตัวเล็กนิดเดียวเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของธีทัต ลำแขนล่ำสันของเขาโอบอุ้มลูกเอาไว้อย่างอบอุ่นและปลอดภัย เธอมองแล้วจึงเข้าใจว่าทำไมลูกถึงชอบที่จะอยู่ในอ้อมกอดของเขาหญิงสาวทอดมองภาพนั้นนิ่งนานเกือบนาที ก่อนเธอจะถอนสายตากลับมาเมื่อนึกถึงความจริงบางอย่าง...ธีทัตไม่ได้รักเธอ...ก่อนที่เขาจะมาแต่งงานกับเธอ เขาเคยคบหากับนาตาลีมาก่อน

  • แก้วตาของคนพาล   บทที่ 43 จู่ๆ เราก็ดีกันฮะแม่ (1)

    รถสปอร์ตคันสีดำแล่นไปจอดหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตที่ตั้งอยู่ชานเมืองซึ่งวางขายสินค้าคุณภาพดี ธีทัตเลือกที่แห่งนี้เพราะผู้คนไม่พลุกพล่าน เขาไม่อยากให้น้องพร้อมต้องเข้ามาอยู่ในสถานที่แออัด เพราะลูกยังมีภูมิต้านทานต่ำ ลูกจะติดเชื้อโรคได้ง่ายแล้วอาจไม่สบายได้“ไปซื้อนมให้ลูกก่อน”ธีทัตบอกขณะเดินขนาบข้างหญิงสาวโดยไม่ยอมห่าง คนที่อุ้มลูกน้อยไว้แนบอกพยายามถอยจากเขาอยู่หลายหน แต่เขาก็ยังเดินตามมาประชิดตัว จนเธอต้องข่มใจเอาไว้...ที่ตั้งกว้าง คนก็ไม่เยอะ แต่เขามาเดินเบียดเราอยู่ได้ชีวาพรดึงรถเข็นออกมาใช้ ท่าทางทุลักทุเลอยู่ไม่น้อย เพราะเธอกำลังอุ้มลูกอยู่ด้วย ลูกของเธอตัวเล็กเสียเมื่อไรกัน จนชายหนุ่มทนมองไม่ไหว“ส่งลูกมาเถอะ”“ไม่ต้อง กวางอุ้มลูกเอง”“กวางเข็นรถเข็น”“งั้นคุณเอารถเข็นไปก็แล้วกัน”“พี่เข็นรถเข็นให้กวางได้ แต่กวางส่งลูกมาให้พี่ด้วย กวางต้องเดินซื้อของ แล้วจะอุ้มลูกให้เหนื่อยทำไม ดูแขนขาของลูกเสียก่อน อวบล่ำขนาดนี้ เหมือนเดินแบกก้อนหินทั้งก้อน”อยากทุบเขาให้เจ็บ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status