สถานะแม่ม่ายลูกติดไม่อาจลดทอนความภูมิใจของเธอลงได้ เพราะมันหมายถึงเธอมีแก้วตาดวงใจเข้ามาให้รักหนึ่งคน
ชีวาพรช้อนร่างป้อมของลูกชายขึ้นมาจากรถเข็น หลังจากพาเจ้าตัวกลมกลับมาถึงบ้านเช่าที่อยู่ห่างจากร้านกาแฟประมาณสี่ร้อยเมตร เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน เธอนั่งเครื่องบินมาลงที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยไม่รู้จุดหมายปลายทางที่จะไปต่อ เมื่อคิดว่านอกจากบ้านที่กรุงเทพฯ แล้ว เธอนึกถึงที่ไหนอีก...ก็คงเป็นที่แห่งนี้ เพราะเธอเคยมาเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ถึงสี่ปี ความเคยชินพาเธอกลับมา เมื่อนั่งอยู่ในสนามบินได้สักพัก เธอจึงโทร.ไปหานิสา เพื่อนร่วมคณะที่ยังปักหลักอยู่ที่เชียงราย ทั้งที่เจ้าตัวไม่ใช่คนในพื้นที่นี้เลย เมื่อนิสามาถึง ชีวาพรยังจำสีหน้าตกใจของเพื่อนได้...เรียวปากสวยแย้มเป็นเชิงหยัน เธอกำลังหยันตัวเองเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น ‘กวาง! เธอท้องใช่ไหม? ไหนเมื่อ 2-3 เดือนก่อนเธอบอกว่าหย่ากับคุณธีร์แล้วไง’ ‘อืม...’ นั่นคือคำตอบของเธอ แม้เธอพยายามทำหน้าตาให้สดชื่น แต่สภาพของคนที่นอนไม่หลับมานานนับเดือน มันคงไม่ดีไปกว่าซอมบี้สักเท่าไร ‘ไปที่ร้านของฉันก่อน’ ‘ร้านอะไร? เธอเปิดร้านขายของเหรอ’ ‘ใช่ ฉันยังไม่ได้เล่าให้เธอฟัง งานบริษัทที่ฉันเคยทำปิดตัวไปแล้ว ฉันตกงาน ฉันเลยเอาเงินที่มีติดมือมาเปิดร้านกาแฟ แต่ความจริงฉันก็ทำสารพัดอย่าง มีทั้งเบเกอรี่ ขนมกล้วยทอด ข้าวกล่องก็มี แล้วแต่ลูกค้าอยากได้อะไร ฉันจัดให้ได้ทั้งหมด’ เธอหยุดชะงักทันที เพราะลังเลว่าตนมารบกวนเพื่อนหรือเปล่า เห็นอยู่ว่านิสาคงใช้ชีวิตอย่างดิ้นรน กังวลว่าตัวเองมาเป็นภาระของเพื่อน...ซึ่งท่าทางของเธอ นิสาก็ดูออก ‘อย่าคิดมาก ฉันสบายดี ฉันมีความสุขมากกว่าตอนทำงานในบริษัทเสียอีก เธอไปกับฉัน พาเจ้าบูบุ๊ยในพุงไปพักที่บ้านน้านิสาก่อน’ นิสาช่วยเข็นกระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถรับจ้างที่จอดอยู่หน้าสนามบิน แล้วบอกจุดหมายปลายทางเป็นร้านกาแฟของตัวเองโดยไม่ถามสักคำว่าทำไมอยู่ๆ เธอถึงโผล่มาที่นี่ได้ อีกทั้งยังขนข้าวของมาอย่างกับจะย้ายบ้าน เพราะถ้าหากนิสาถามขึ้นมาในเวลานั้น มั่นใจได้เลยว่าเธอต้องร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนบ้าอย่างแน่นอน ชีวาพรไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนั้น แต่เธอจมอยู่กับมันนานเกือบสามเดือนนับตั้งแต่หย่ากับธีทัต เวลาของเธอหมดไปกับการตามเฝ้าอดีตสามี เธอตามตื๊อเขาทุกทางทั้งที่รู้แก่ใจว่ามันไม่มีอะไรดีขึ้น แต่เธอก็ยังทำ...ทำทั้งที่ไม่มีสิทธิ์ในตัวเขาแล้ว ผู้หญิงประเภทไหนกันที่ทำตัวอย่างนี้ ชีวาพรเกลียดตัวเองในช่วงเวลานั้นเหลือเกิน เธอไม่อยากกลับไปเป็นผู้หญิงไร้สติคนนั้นอีก กระทั่งตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง ชีวาพรรับรู้ถึงแรงดิ้นของลูกในท้อง เธอท้องเข้าเดือนที่สี่แล้ว ซึ่งทุกครั้งที่ไปเผชิญหน้ากับอดีตสามี เขาไม่เคยสังเกตร่างกายของเธอ เรียกได้ว่าเขาไม่ชายตาแลเธอคงถูกต้องกว่า...ลูกจึงยังเป็นความลับสำหรับเขามาจนถึงวันนี้ เธอตัดสินใจขนเสื้อผ้าออกจากบ้านในช่วงสายของวันนั้น...บ้านหลังนั้นเธอเคยอาศัยตั้งแต่จำความได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการฝากขายกับนายหน้า มันจึงไม่มีใครพักอาศัยอีก ไม่ว่าพ่อ พี่ชาย หรือพี่สาว ทุกคนต่างแยกย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ เหลือเพียงเธอที่ยังจมปลักอยู่ที่เดิม เมื่อยอมรับความจริงได้ว่าถึงอยู่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ชีวาพรจึงขนเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว แล้วซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางมาที่เชียงราย มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง หลังจากที่เธอทำผิดพลาดซ้ำๆ มาหลายครั้งจนทำให้ชีวิตของตัวเองพังลง มือเรียวบางไล้พวงแก้มอวบกลมของลูกน้อยที่กำลังนอนกางแขนกางขาบนที่นอน เธอทอดมองดวงหน้าของลูกอย่างแสนรัก หน้าตาของลูกคล้ายเขามาก แต่นิสามักย้ำว่าลูกคล้ายเธอมากกว่า ขอบคุณที่หนูมาให้แม่รักนะครับ หนูเตือนสติแม่ในวันที่แม่อ่อนแอ แม่สัญญาว่าจะไม่กลับไปเป็นแบบนั้นอีกเงาร่างสูงที่เคลื่อนเข้ามาในห้องรับประทานอาหารสามารถดับเสียงพูดคุยของคนในห้องได้อย่างชะงัด กระทั่งเจ้าของเงาปรากฎตัวขึ้นตรงช่องประตู แล้วเดินเข้าไปข้างใน
“วันนี้กลับเร็วแฮะ เพิ่งสามทุ่มเอง ปกติต้องกลับเที่ยงคืนถึงตีสอง” ชนกันต์ซึ่งเป็นน้องชายคนที่สองพูดเปรยๆ แต่พี่ชายใหญ่ที่เพิ่งเข้ามากลับทำเหมือนไม่ได้ยิน เขานั่งบนเก้าอี้ตรงโต๊ะรับประทานอาหารตัวยาว โดยเว้นระยะห่างจากน้องทั้งสองคนไปพอสมควร “งานที่บริษัทไม่เร่ง ไม่ทราบว่าเฮียไปเถลไถลที่ไหนมาครับ” เมื่อถามลอยๆ ไม่ได้ผล ชนกันต์จึงส่งคำถามเจาะจงไปให้ ซึ่งได้ผล เขาได้ยินเสียงตอบงึมงำผ่านลำคอหนามาให้ได้ยิน “มึงไม่ยุ่งสักเรื่องได้ไหม” ถูกต่อว่าสักกี่ครั้งก็ยังไม่ชิน ชนกันต์ทำหน้ายุ่ง ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ ต่อให้ถูกพี่ชายด่าว่า ‘เสือก’ เขาก็รับได้ แต่ตอนนี้พี่ชาย ‘ไม่ปกติ’ ใครๆ ก็มองออก... เหลือแต่เจ้าตัวที่ไม่ยอมรับความจริง “ผมถามหน่อยเถอะ ทุกวันนี้เฮียมีความสุขไหม” “มึงถามถึงเรื่องอะไร” ยังมีอารมณ์ตีมึนอีกนะ!...ชนกันต์ถอนหายใจเฮือก หากก่อนที่เขาจะได้โต้วาทีกับพี่ชาย น้องชายคนสุดท้องก็พูดขึ้นมาเสียเอง “เฮียออกไปกินเหล้าไม่เว้นวัน ทั้งที่เมื่อก่อนเฮียไม่ชอบดื่มสังสรรค์ เฮียบอกว่าตื่นเช้ามามันไม่สดชื่น สมองไม่แล่น ประสิทธิภาพการทำงานลดลง แต่ตอนนี้เฮียเป็นขาปาร์ตี้ไปแล้ว ใครจัดปาร์ตี้ที่ไหนก็ต้องบอกเฮีย รับรองไม่ผิดหวังสักราย” ภพธรคนหน้านิ่งร่ายยาว ปกติเขาเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ถ้าได้พูดเมื่อไรก็มักไม่จบง่ายๆ “ถ้าทำแล้วไม่มีความสุข กูจะทำทำไม พวกมึงเป็นอะไรถึงเซ้าซี้กูอยู่ได้ทุกวัน ถึงพวกมึงไม่เบื่อตัวเอง แต่กูโคตรเบื่อขี้หน้าพวกมึงเลยว่ะ” เบื่อถึงขนาดเคยคิดแผนร้ายจะส่งเจ้าสองคนนี้ไปดูแลงานที่ออสเตรเลียให้รู้แล้วรู้รอด หวังจะให้อยู่ห่างๆ เขา แต่ติดตรงที่ก่อฤกษ์ซึ่งเป็นน้องชายฝาแฝดยังอยู่กับลูกเมียที่นั่น ธีทัตเลยต้องทนน้องชายสองคนนี้ต่อไปโดยไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง “ขอบคุณที่กรุณาตอบคำถามของกันต์ ทีนี้ผมขอถามบ้าง” ภพธรพูดเสียงเนิบ แล้วใช้สิทธิ์ถามต่อโดยเว้นช่องให้ใครขัด “ทำไมเฮียถึงยังทำอะไรคาราคาซังกับเมียเก่า น้องกวางเป็นเมียเก่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเฮียแล้ว เฮียให้คนไปซื้อบ้านของเธอมาเก็บไว้ทำไม แล้วทำไมเฮียถึงจ่ายค่าเช่าบ้านที่ริมหาดหัวหินให้อดีตพ่อตา แถมยังจ้างแม่บ้านให้ดูแลอดีตพ่อตาอีกด้วย มันเป็นหน้าที่ของเฮียหรือเปล่า...ก่อนจะทำทำไมเฮียไม่ปรึกษาพวกเราก่อน” “ทำไมกูต้องปรึกษาพวกมึง นั่นมันเป็นเงินส่วนตัวของกู กูไม่ได้เอาเงินส่วนกลางไปใช้!” ธีทัตหลุดอารมณ์ฉุนเฉียว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หรือความรู้สึกไม่พอใจที่ถูกล้วงลึกถึงเรื่องที่ตนต้องการเก็บไว้ให้เป็นเรื่องส่วนตัว...หากถ้อยคำต่อมาของชนกันต์ก็ทำให้เขารู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว “อ้าว! สรุปว่าเฮียทำทั้งหมดนี้จริงๆ เหรอ ผมไม่อยากเชื่อเลย เฮียเกลียดน้องกวางอย่างกับอะไรดี ผู้หญิงอะไรหย่ากันแล้วแต่ยังตามตื๊อเฮียอยู่ได้ ไล่แล้วก็ไม่ยอมไป ตอนที่เฮียก่อเล่าให้พวกเราฟังว่าเฮียทำอะไรลงไปบ้าง ผมยังเถียงเลยนะว่าคนอย่างเฮียธีร์ไม่ทำเรื่องย้อนแย้งพวกนี้หรอก” น้องชายทั้งสองคนตีหน้าซื่อมากเท่าไร ธีทัตก็ยิ่งตระหนักว่าเจ้าพวกนี้มันร้ายจริงๆ แว้งกัดได้แม้แต่พี่ชายตัวเอง!ลิ้นชักตู้เก็บเอกสารในห้องทำงานถูกเปิด ข้างในนั้นมีซองสีน้ำตาลถูกเก็บไว้อย่างดี มือหนาดึงเอกสารสัญญาออกมาดู แค่เห็นตัวหนังสือบนหัวกระดาษ หัวใจของเขาก็กระตุก เพราะใบหน้าของเธอคนนั้นลอยเด่นเข้ามาในมโนสำนึกชีวาพร...ลูกสาวคนเล็กของคุณนพ นักธุรกิจใหญ่ที่รู้จักกันดีตั้งแต่สมัยพ่อของเขา หากเมื่อถึงจุดหนึ่งที่กิจการของคุณนพซบเซาจนไปต่อไม่ได้ นอกจากมันจะไม่ถูกแก้ไขแล้ว แต่คุณนพกลับไม่บอกความจริงกับลูกสาวคนโตและลูกชายคนรองที่อยู่ต่างประเทศให้รับรู้ ทั้งสองคนจึงใช้ชีวิตเยี่ยงลูกเศรษฐี ธีทัตรู้เห็นทุกอย่าง แต่เขาถือว่ามันเป็นเรื่องของครอบครัวคนอื่น ตนไม่ควรเข้าไปยุ่มย่ามกระทั่งวันหนึ่งคุณนพมาปรึกษาพ่อของเขาเรื่องต้องการขายหุ้นบริษัท พ่อสนใจ เพราะธุรกิจนั้นสามารถรวบเข้ากับธุรกิจในเครือของราชเวคินได้ มันจะกลายเป็นกิจการที่เอื้อประโยชน์กัน แต่ติดตรงที่ผู้ก่อตั้งบริษัทซึ่งก็คือพ่อของคุณนพได้ตั้งเงื่อนไขไว้ว่าห้ามขายหุ้นให้กับคนนอก เพราะต้องการให้บริษัทเป็นที่ทำมาหากินของลูกหลานในตระกูลเท่านั้น‘ธุรกิจน่าสนใจ แต่ถ้าเราไปซื้อมา มันก็ขัดเจตนาของผู้ก่อตั้งบริษัท ถึงแม้เขาไม่อยู่แล้ว แต่ผมก็จะไม่ยุ่ง...
อากาศในตอนกลางคืนเย็นลงกว่าตอนกลางวัน อุณหภูมิลดต่ำลงถึงสิบห้าองศาเซลเซียส ชีวาพรพอคุ้นเคยกับมัน เพราะเธอเคยสัมผัสหน้าหนาวของจังหวัดเชียงรายมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ในตอนนั้นเธอกับนิสานอนกอดกันกลมอยู่ในหอพักตามประสานักศึกษาต่างถิ่นที่ไม่คุ้นกับอากาศหนาว แต่ตอนนี้มีคนตัวกลมหนึ่งคนที่สัมผัสหน้าหนาวเป็นครั้งแรก แต่เจ้าตัวกลับกระดี๊กระด๊าชอบใจเสียเหลือเกิน จนเวลาสามทุ่มแล้วก็ยังไม่ยอมเข้านอน“น้องพร้อมมาให้แม่กอดหน่อยค่ะ แม่หนาวมาก แม่อยากกอดหนู”น้องพร้อมฟังรู้ความแล้ว รู้ว่าแม่เรียกให้ไปหาเจ้าตัวน้อยจึงผละจากโต๊ะตัวเตี้ยที่ยืนเกาะเล่นอยู่ตั้งนาน แล้วคลานตุ้บตั้บไปหาแม่ชีวาพรรั้งร่างเล็กกลมเข้าสู่อ้อมกอด ลูกน้อยเงยหน้าขึ้นไปมองแม่ แววตาของลูกเปี่ยมด้วยความรักและไว้วางใจ มันเป็นความรักที่บริสุทธิ์เหลือเกิน ชีวาพรไม่เคยรู้จักความรักแบบนี้ เพราะไม่เคยมีใครมองเธอด้วยสายตาเหมือนที่ลูกกำลังมอง...“อุ่นจังเลย แม่กอดหนูแน่นๆ เลยนะคะ”เมื่อแม่แกล้งกอดแน่นมากขึ้น แทนที่น้องพร้อมจะดิ้นหนี แต่เจ้าตัวกลมกลับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบใจ ยกลำแขนเล็กอวบขึ้นไปกอดคอแม่ จนแม่ต้องหอมแก้มกลมๆ อย่างเต็มรัก“ช
“ตูม! ปลาติดเบ็ด”คนที่นั่งซดเบียร์ตรงเก้าอี้ริมสระพูดขึ้นมาพร้อมกับเสียงน้ำแตกกระจายเมื่อใครสักคนพุ่งตัวลงไปในสระว่ายน้ำ คนที่นอนอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ จึงต้องลดหนังสือลงมามอง แล้วถามอย่างงุนงง “มีอะไร? ปลาที่ไหนติดเบ็ด?”แถวนี้มีแต่พี่ชายของตนทั้งสองคน คนหนึ่งนั่งอยู่ด้วยกัน ส่วนอีกคนนั้นกำลังจ้วงแขนว่ายน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย“ปลาฉลามในสระ”“ปลาไหลไฟฟ้าต่างหาก” ถามเองแย้งเอง...อันที่จริงภพธรไม่มั่นใจหรอกว่าคนในสระว่ายน้ำเป็นปลาไหลไฟฟ้าได้หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ...พี่ชายใหญ่ไม่เหมาะกับปลาฉลามนักล่าอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่ได้ออกล่าเหยื่อ แต่เขาอาศัยชั้นเชิงที่เหนือกว่าวางกับดักแล้วรอให้เหยื่อหลงมาติดกับเอง“อ้าว! มึงด่าเฮียธีร์ว่ากะล่อนตอแหลแหรอ”ชนกันต์ทำเสียงโวยวาย ฟังก็รู้ว่าตั้งใจจะให้คนในสระได้ยิน ซึ่งภพธรได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา รู้ว่าตนถูกใช้เป็นเครื่องมือให้พี่ชายคนที่สามหลอกด่าพี่ชายใหญ่เสียแล้ว เขาคิดจะจบเรื่อง...แต่ต่อมอยากรู้รั้งไว้เสียก่อน“ช่วงนี้เฮียธีร์เครียดเรื่องอะไร”“เรื่องเมียไง”“เมียเก่า?”“ก็นั่นแหละ...คนนั้นคนเดียว”“บ้าหรือเปล่า เรื่องผ่านมาสองปีแล้ว ป่านนี้น้องกวา
ชีวาพรทำข้าวกล่องสามสิบกล่องเสร็จในเวลาสิบเอ็ดนาฬิกา วันนี้มีเมนูหมูทอดกระเทียมพริกไทยกับหมูผัดพริกหยวก โดยเธอต้องออกไปใช้ห้องครัวที่ต่อเติมขึ้นมาใหม่ เพื่อป้องกันกลิ่นอาหารเข้ามารบกวนภายในพื้นที่ของร้านกาแฟ ระหว่างนั้นเธอจึงต้องวิ่งรอกดูแลลูกค้าที่มาซื้อกาแฟพร้อมกับดูแลลูกชายไปในตัว นิสาหายไปเกือบครึ่งวัน เธอนึกสงสัยว่าเพื่อนหายไปทำอะไรตั้งนาน ตั้งใจว่าเมื่อทำงานเสร็จแล้วจะโทร.ไปถามสักหน่อย ทว่าเพียงครู่เดียว นิสาก็กลับมาพร้อมกับอารมณ์เคร่งเครียด “ฉันทำข้าวกล่องเสร็จพอดี เธอให้รถมอเตอร์ไซค์เอาไปส่งลูกค้าได้เลยนะ” “ได้สิ ขอโทษด้วยนะที่หายไปนาน เลยไม่ได้ช่วยเธอทำงาน พอดีเจ้าของที่เช่าร้านโทร.มาคุยเรื่องต่อสัญญา ฉันเลยขี่รถไปหาเขาที่บ้านเสียเลย เห็นหน้าเห็นตากันจะได้คุยกันง่ายขึ้น” “เรื่องที่เขาจะเอาร้านคืนใช่ไหม” “ใช่ ฉันขอยืดเวลาหนึ่งปี เขาไม่ตกลง แต่ยอมเซ็นสัญญาเช่าให้ฉันอยู่ต่ออีกหกเดือน พอครบหกเดือนแล้วค่อยว่ากันใหม่ เฮ้อ! พอไม่ใช่ที่ของเรา มันก็ยุ่งยากอย่างนี้แหละ” “เขาจะเอาร้านคืน หรือเขาแค่อยากขึ้นค่าเช่าเพราะเห็นว่ายอดขายของร้านเราดีขึ้น” ชีวาพรอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าอาจมั
ประตูห้องทำงานที่อยู่บนชั้นบนสุดของสำนักงานราชเวคิน กรุ๊ปถูกเปิดออก หลังจากเจ้าของห้องอนุญาตให้คนที่มาพบเขาเข้ามาในห้องได้ธีทัตปรายตามองชายร่างสูงวัยไล่เลี่ยกับเขาที่เดินเข้ามา ซึ่งฝ่ายนั้นก็มองเขาอย่างประเมินเช่นกัน “เชิญนั่งครับคุณเด่นภูมิ เมื่อวานคุณมาพบผมด้วยใช่ไหม”ธีทัตพูดเข้าเรื่อง เพราะเขาไม่อยากเสวนากับ ‘พี่ชายของอดีตเมีย’ ให้ยืดเยื้อนัก แม้การพบกันครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง แต่เขาเชื่อว่าตนดูคนไม่พลาด...ธีทัตไม่ได้แปลกใจที่รู้ว่าเด่นภูมิปล่อยให้พ่อที่สุขภาพไม่ดีกับน้องสาวที่ด้อยประสบการณ์ในธุรกิจต้องแบกรับภาระกันเพียงสองคน แถมตัวเองยังเรียกร้องเงินจากพ่ออยู่เรื่อยๆ แม้ภายหลังจะรู้กิจการของครอบครัวย่ำแย่แล้วก็ตาม“ใช่ แต่ผมไม่ได้เจอคุณ เลขาฯ ของคุณบอกว่าถ้าผมจะคุยกับคุณ ผมจะต้องนัดเวลาล่วงหน้า” น้ำเสียงของเด่นภูมิเจือความหงุดหงิดอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก หากคนที่นั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ยังคงใจเย็น บอกด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย“เมื่อวานผมติดประชุมทั้งวัน ปกติผมไม่ค่อยอยู่ที่ห้องทำงาน ไม่ทราบว่าคุณเด่นภูมิอยากคุยกับผมเรื่องอะไร”“ผมอยากรู้เรื่องบ้าน ทนายความบอกว่าบ้านของครอบครัวผมถูก
“ฉันตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว แต่การหางานทำ ยังไงก็ต้องผ่านการสัมภาษณ์งาน ถึงเบื้องต้นจะสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ได้ แต่ขั้นตอนสุดท้ายเขาก็มักเรียกไปเจอตัวกันก่อนอยู่ดี”เมื่อนึกถึงรายละเอียดแต่ละขั้นตอนในการย้ายกลับไปที่กรุงเทพฯ ชีวาพรก็พบว่ามันยังมีเรื่องติดขัดอยู่หลายเรื่อง“ข้ามขั้นตอนนั้นไปได้ไหม เธอโทร.ไปขอความช่วยเหลือจากคนรู้จักให้เขาช่วยหางานทำ เธอจะเป็นเด็กเส้นหรืออะไรก็ช่างเถอะ เวลานี้เอาตัวเองให้รอดก็พอ”“ฉันไม่กลัวถูกหาว่าเป็นเด็กเส้นหรอก แต่ฉันกำลังคิดเรื่องอื่น”เมื่ออยู่ในจุดที่ต้องดิ้นรน ชีวาพรก็พบว่าความคิดของตนได้เปลี่ยนไปจากเดิมหลายเรื่อง...“เรื่องที่คนเหล่านั้นเป็นคนรู้จักของพ่อเธอใช่ไหม เธอกลัวว่าถ้าขอให้พวกเขาช่วยหางานให้ทำ แล้วพวกเขาจะรู้ว่าเธอมีบูบุ๊ย สุดท้ายพ่อของเธอก็จะรู้ด้วย”“ใช่ ความจริงฉันไม่คิดจะปิดเรื่องน้องพร้อมไปตลอดหรอก ฉันรู้ว่ามันไม่มีทางปิดกันได้ ฉันไม่อยากให้ลูกต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ จากใคร น้องพร้อมไม่ได้ทำอะไรผิด แกควรได้ใช้ชีวิตอย่างเปิดเผย สักวันหนึ่งทุกคนต้องรู้อยู่ดีว่าฉันมีน้องพร้อม เพียงแต่ก่อนหน้านี้ฉันตั้งใจจะรอให้ตัวเองแข็งแรงก่อน แต่ตอน
น้องพร้อมหวีดเสียงร้องอย่างชอบใจเมื่อตัวเองถูกยกขึ้นสูงคล้ายนกกำลังบิน ทุกคราวที่นายแพทย์อคินลดแขนต่ำลง หนูน้อยจะกระพือแขนเป็นเชิงบอกว่า ‘หนูขอบินสูงๆ อีก’ ซึ่งลุงหมอก็ตามใจ พาเจ้าตัวกลมบินร่อนอย่างไม่รู้สึกเหนื่อย กระทั่งเวลาผ่านไปนานกว่าสิบนาที ชีวาพรจึงขอให้คุณหมอหยุด เพราะเธอรู้สึกเกรงใจ น้ำหนักตัวของน้องพร้อมไม่น้อยเลย เธอกลัวว่าแขนของคุณหมอจะล้าไปเสียก่อน อีกทั้งคิดว่าลูกชายเล่นสนุกพอแล้ว เมื่อหญิงสาวขอลูกคืนมา หมอหนุ่มก็ส่งเด็กชายให้เธอแต่โดยดี แต่กลับเป็นเจ้าตัวกลมที่จับคอเสื้อของลุงหมอไว้แน่น มือป้อมๆ กำอย่างไม่ยอมปล่อย ชีวาพรตกใจ เธอรีบแกะมือของลูกให้คลายออก...ไม่วายที่จะขอโทษขอโพยเขาไปด้วย “ขอโทษด้วยนะคะ เสื้อคุณหมอยับหมดเลย” “ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมต้องกลับไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ที่บ้านพักอยู่แล้ว” สายตาของหมอหนุ่มอ่อนโยน หากมันทำให้หญิงสาวต้องถอยห่างจากเขาไปถึงสองก้าว... นายแพทย์อคินไม่ได้น่ากลัว ในทางกลับกันเขาสุภาพกับเธออย่างคงเส้นคงวา เขาไม่เคยแสดงท่าทางคุกคามหรือทำให้เธออึดอัดใจ แต่ชีวาพรรู้ว่ายิ่งเขาดีกับเธอและลูกมากเท่าไร เธอก็ควรรักษาระยะห่างเอาไว้ เพรา
‘คนอย่างคุณธีร์ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ราชเวคิน กรุ๊ปยิ่งใหญ่ เขาขายวิญญาณให้ธุรกิจไปแล้ว พี่รู้จักเขาดี พี่เลยไม่อยากเอาตัวเองไปยุ่งกับเขา‘ชีวาพรยังจำการสนทนาข้ามทวีปกับพี่สาวได้ วันนั้นเธอโทร.ไปแจ้งสถานการณ์ของครอบครัว โดยบอกว่าพ่อตกลงขายหุ้นให้ราชเวคิน กรุ๊ปแล้ว พี่สาวนิ่งไปนานทีเดียว จนเธอรู้สึกอึดอัดใจ เพราะต่างรู้กันว่าถ้ามีการตกลงขายหุ้นบริษัทเกิดขึ้น ย่อมหมายถึงจะมีการแต่งงานระหว่างธีทัตกับลูกสาวของพ่อ ซึ่งถ้าไม่ใช่พี่สาวของเธอ เจ้าสาวก็จะเป็นเธอเอง‘พี่แพมพูดน่ากลัว กวางไม่เห็นคุณธีร์เป็นแบบนั้นเลย คุณธีร์น่ารักดี เขาเข้าใจครอบครัวของเรา เขาไม่ได้ต้องการหุ้นของบริษัทเราตั้งแต่แรก แต่เป็นเพราะคุณพ่อขอร้องให้คุณลุงเนตรช่วยซื้อกิจการเราต่างหาก...คุณพ่ออยากพัก แต่ถ้าไม่มีใครรับช่วงกิจการ คุณพ่อก็ยังพักไม่ได้’ในตอนท้ายน้ำเสียงของชีวาพรเบาลง เพราะเธอสงสารพ่อ หากคนฟังกลับตีความเป็นอย่างอื่น‘เธอตั้งใจพูดให้พี่รู้สึกผิดที่ไม่ได้กลับไปแบกรับกิจการของที่บ้านเราใช่ไหม พี่ไม่เคยอยากทำ คุณพ่อก็รู้ตั้งแต่ต้น พี่มีงานของพี่อยู่ทางนี้แล้ว เธออยู่กับพ่อก็ช่วยพ่อทำไปสิ’‘กวางไม่ได้มีความรู้ควา
“อื้อ...แอะ...แอะ...” เพียงแค่ธีทัตขับรถไปจอดที่โรงรถแล้วเปิดประตูรถก้าวลงมา เสียงจากคนตัวกลมที่อยู่ในอ้อมแขนของพี่เลี้ยงก็ดังขึ้น พร้อมกับมือป้อมที่โบกสะบัดมาทางเขา ธีทัตยิ้มกว้าง ปลื้มใจเหลือเกินที่ลูกจำเขาได้ คนร่างสูงปรี่ไปหา สองมือหนายื่นไปหมายจะรับเจ้าตัวกลมมาอุ้มไว้เอง แต่ดวงหน้าเล็กกลมกลับเมินหนี อ้าว!... ถึงจะงงกับท่าทีของลูก แต่ธีทัตก็ไม่ละความพยายาม “มาหาพ่อสิลูก ขอพ่ออุ้มหนูหน่อยนะครับ” เสียงรถและเสียงห้าวทุ้มที่ดังมาให้ได้ยิน ทำให้คนที่กำลังทำความสะอาดพื้นบ้านด้วยตัวเองเพราะอยากจะมั่นใจในความสะอาดนั้นต้องชะโงกหน้าออกไปดู แล้วจึงเห็นว่าธีทัตกำลังตะล่อมขออุ้มลูก ซึ่งมันเป็นภาพที่น่าตลกจริงๆ ดวงหน้าของลูกวางบนไหล่ของพี่เลี้ยง เมื่อลูกหันมาทางเธอ เธอจึงเห็นว่าลูกกำลังอมยิ้ม ดวงตากลมฉายแววซุกซน ไม่รู้ว่าลูกกำลังคิดอะไร แต่มันทำให้ชีวาพรรู้สึกขัน “เมื่อกี้ลูกจำพี่ได้ ลูกทักทายพี่ด้วย แล้วดูสิ ลูกเมินพี่ไปแล้ว” ธีทัตฟ้อง...เขากำลังฟ้องลูกวัยทารกของตัวเอง คนอย่างนี้ก็มีด้วย “แกเปลี่ยนใจไม่อยากคุยกับคุณแล้วมั้งคะ” ธีทัตหัวเร
ชีวาพรกำลังจะเข้านอน พลันเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา เธอรีบรับสาย เพราะกลัวเสียงเรียกจะปลุกลูกให้ตื่นขึ้นมา“คิดถึงจังเลย”คำพูดของคนปลายสายทำให้ชีวาพรถึงกับดึงโทรศัพท์มือถือมาดูหน้าจอเพื่อให้มั่นใจว่าตนกำลังพูดกับใครไม่ผิดคนนี่นา...หรือว่าเขาโทร.ผิดมาหาเรา“คุณโทร.หาใครหรือคะ?”“เมีย…คิดถึง”“คะ? น้องพร้อมหลับแล้ว ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้วนะคะ”ชีวาพรตอบไปแบบงงๆ เพราะเธอไม่เข้าใจคำพูดของเขา ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ“งั้นเหรอ”“ค่ะ ตอนนี้ดึกเกินกว่าที่คุณจะโทร.ไปหาใครต่อใครแล้ว”“พี่ยังไม่ง่วงครับ”“กวางง่วงนอนแล้วค่ะ ปกติกวางนอนพร้อมกับน้องพร้อม เพราะกวางต้องตื่นเช้าพร้อมกับลูกทุกวัน”น้องพร้อมเคยตื่นนอนมาเล่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้าด้วยซ้ำ เธอก็ต้องตื่นนอนตามลูก หากตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ น้องพร้อมก็เข้านอนในตอนค่ำและตื่นนอนทีเดียวในตอนเช้า เธอจึงได้นอนอย่างเต็มอิ่มตามไปด้วย“วันนี้เราไม่ได้
เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงดังขึ้นในเวลาสามทุ่ม ชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บนเตียงขยับตัวตื่น เขากำลังจะลุกขึ้น หากคนที่นอนอยู่ข้างๆ แตะตัวของเขาเป็นเชิงห้าม ก่อนเธอจะรีบลุกจากที่นอนแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือและรับสายเสียเอง“สวัสดีค่ะ”“เบอร์ของพ่อฉันใช่ไหม เธอเป็นใคร”“ไข่มุกเองค่ะ ตอนนี้สามทุ่มแล้ว คุณนพกำลังเข้านอน มุกเลยมารับสายแทน”“ฉันจะพูดกับพ่อของฉัน”คนปลายสายพูดเสียงเฉียบขาด ซึ่งคนรับสายจำได้ดีว่าเป็นเสียงของลูกสาวคนโตของคุณนพ เธอจึงทำตามคำสั่ง เพราะไม่อยากมีปัญหา ถึงแม้จะขัดใจอยู่บ้างก็ตามที เพราะเธออยากให้คุณนพได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้มีเรื่องกวนใจเข้ามารบกวนเวลานอนของเขา“คุณแพมโทร.มาค่ะ”คุณนพยันกายลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง แล้วรับโทรศัพท์มาพูดสาย“ว่ายังไงแพม สบายดีไหมลูก”“เรื่อยๆ ค่ะ พ่อเป็นยังไงบ้างคะ”“พ่อพออยู่ได้ อยู่สบายๆ ตามประสาคนแก่ว่างงานนั่นแหละ”“พ่อสบายแล้ว แต่แพมกับภูมิยังต้องดิ้นรน
แค่เดินพ้นบานประตูเข้าไปในบ้านราชเวคิน ธีทัตก็แทบสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินสองเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ที่ร้ายกว่านั้นก็คือมันช่างรับส่งกันได้จังหวะจริงๆ“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วถึงเพิ่งกลับบ้าน งานการก็ไม่ทำ โยนให้น้องนุ่งหมดแล้ว ไม่เปลี่ยนจริงๆ...นิสัยไม่เปลี่ยน”“ดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย จากสี่ทุ่มลดเหลือสองทุ่มเศษ”เจ้าของเสียงทั้งคู่เดินผ่านประตูด้านในมายืนประจันหน้ากับเขาตรงกลางห้องโถง แล้วกวาดสายตามองเขาตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้าอย่างสำรวจตรวจตรา“ไปไหนมาเฮีย ทำตัวหายสาบสูญไปทั้งวัน”“กูลาพักร้อน กูก็พักผ่อนและทำธุระของกูสิ พวกมึงทำงานไป ไม่ต้องยุ่งกับกู”“ไม่ได้หรอก ตั้งแต่เมียหายคราวก่อน เฮียเสียผู้เสียคนจนพ่อกับแม่ไม่ไว้ใจ ต้องฝากผมกับไอ้พีทให้คอยสอดส่อง”ชนกันต์กอดอก ทำท่าเหมือนครูฝ่ายปกครองที่กำลังประเมินพฤติกรรมเด็กเกเรหนีเรียน จนพี่ชายใหญ่ชักหมั่นไส้ตงิดๆ เพราะที่ผ่านมาเขามีหน้าที่ดูแลน้องๆ ทั้งสามคน ไม่เคยเลยที่พ่อกับแม่จะให้เจ้าพวกนี้ย้อนมาสอดส่องเขา“มึงพูดเองหรือเปล่า&rdquo
เสียงตีน้ำจนแตกกระจายสลับกับเสียงพูดอ้อแอ้ของลูกดังมาจากห้องน้ำ คนที่ถือวิสาสะนั่งอยู่ตรงปลายเตียงนอนได้แต่ยิ้มจนหุบไม่ลงเขามีความสุข...ความสุขมันเป็นเช่นนี้เอง“พอได้หรือยังคะ แม่เปียกหมดแล้วนะ”เสียงแม่ดุ แต่คงไม่น่ากลัว เพราะเจ้าตัวแสบร้องอ้อแอ้สวนขึ้นมาทันควัน แถมยังตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างชอบใจเสียอีก จนธีทัตต้องลุกขึ้นจากปลายเตียงแล้วเดินไปดูในห้องน้ำเด็กตัวกลมนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำสำหรับเด็ก เขาเห็นคนงานขนอ่างใบนี้มาจากคอนโดมิเนียม เมื่อดูจากสภาพของมัน มันก็คงผ่านการใช้งานมาพอสมควร มีความเป็นไปได้สูงว่ามันคงเดินทางไกลมาจากเชียงรายชายหนุ่มถอนสายตาจากเจ้าจ้ำม่ำเนื้อกายล่อนจ้อนที่นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้วมองแม่ของลูก แล้วได้ตระหนักถึงความเป็นอยู่ของสองแม่ลูกขึ้นมาชีวาพรคงไม่ได้มีเงินมากพอ คุณนพอาจไม่ได้ให้เงินกับลูกสาวคนเล็กสักเท่าไร เพราะทันทีที่ขายหุ้นของบริษัทได้ เช็คเงินสดสองใบก็ถูกยื่นให้กับลูกสาวคนโตและลูกชายคนรองที่มารอรับถึงที่หลังจากเคลียร์หนี้สินของบริษัทและหนี้สินส่วนตัวแล้ว คุณนพเหลือเงินติดตัวไม่มาก
“เอิ้กๆ”เสียงแรกเป็นเสียงของผู้ใหญ่ ส่วนเสียงเล็กๆ ที่ตามมานั้นเป็นเสียงของเด็กตัวกลมที่นอนคว่ำหน้า โดยมีสองมือใหญ่ประคองร่างเล็กกลมให้บินร่อนอยู่กลางอากาศธีทัตพาลูกบินร่อนรอบๆ ห้องเด็ก พี่เลี้ยงนั่งอยู่ตรงมุมห้องโดยไม่ขวางการเล่นของสองพ่อลูก ทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงประตูเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าตนควรเข้าไปขัดพวกเขาดีไหม เพราะลูกควรอาบน้ำเพื่อเตรียมเข้านอนได้แล้วธีทัตเหลือบไปเห็นแม่ของลูก เหมือนกับเขาอ่านความคิดของเธอได้ เขาจึงค่อยๆ หยุดการเล่นกับลูก“เครื่องบินลงจอดแล้วครับ”น้องพร้อมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเมื่อพ่อยกตัวเองขึ้นสูงมากกว่าเดิม ก่อนจะพาบินโฉบลงต่ำและทำท่าจะลงจอดบนโซฟา เจ้าตัวกลมคงรู้ทันว่าพ่อจะหยุดเล่นกับตนแล้ว จึงตีสองขาเล็กอวบไปมาเพราะต้องการประท้วง“แอะ...แอ๊...”“พอแล้วนะครับ”น้องพร้อมตั้งท่าจะออกฤทธิ์...อาการเด็กห่วงเล่นเป็นเช่นนี้เสมอ ชีวาพรจึงรีบไปรับลูกจากธีทัต แต่ลูกก็ไม่ยอมมาหาเธอ กลับโผไปหาธีทัต“หนูมาหาแม่นะคะ แม่จะพาไปอาบน้ำ เดี๋ยวเข้านอนกับแม่”
การเชิญธีทัตให้ออกไปจากบ้านนั้นเป็นเรื่องยากแสนยากหลังจากที่เขาแย่งทำหน้าที่ป้อนข้าวมื้อเย็นให้ลูกไปจากเธอ พอถึงอาหารมื้อเย็นของผู้ใหญ่ เขายังเจ้ากี้เจ้าการสั่งพี่เลี้ยงที่กำลังช่วยเธอทำอาหารให้ตั้งโต๊ะไว้สองที่...สำหรับเธอและตัวเขาเอง“พี่กบกินมื้อเย็นแล้วใช่ไหม ไปดูแลน้องพร้อมได้แล้ว”เขาสั่ง ทั้งที่เพิ่งบอกว่ายกพี่เลี้ยงของลูกให้เป็นคนของเธอ ซึ่งพี่เลี้ยงก็ทำตามคำสั่งเขาแต่โดยดี ชีวาพรจึงได้แต่มองตามหลัง แล้วตวัดสายตามามองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะกินข้าว“ลูกเข้านอนกี่โมงเหรอ”“สองทุ่มค่ะ”แต่บางวันกว่าลูกจะยอมนอนก็ปาเข้าไปสามทุ่ม ซึ่งชีวาพรกำลังจะบอกเขา เพราะเพิ่งคิดได้ว่าเขาถามทำไม ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว“วันนี้พี่จะพาลูกเข้านอนเอง”“”อย่าเลยค่ะ ตอนนี้หนึ่งทุ่มกว่า คุณกินข้าวเสร็จก็กลับบ้านของคุณไปได้ กวางต้องอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนด้วยเหมือนกัน”“กวางทำธุระของตัวเองไปสิ พี่ดูแลลูกให้ ไม่ดีเหรอ”“น้องพร้อมมีพี่เลี้ยงแล้วนี่คะ”&ldqu
เมื่อลูกได้อยู่ในอ้อมแขน ธีทัตก็อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้ เขาเพียรกอดและหอมเจ้าตัวกลมอย่างไม่รู้เบื่อ ไม่เคยรู้เลยว่าคนเราสามารถรักและพร้อมที่จะทุ่มเทให้คนคนหนึ่งได้มากขนาดนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่มีเงื่อนไขและพร้อมจะให้จนหมดทั้งตัวดวงตาคมทอดมองดวงหน้าเล็กกลม ในจังหวะที่เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นไปมองพ่อ ดวงตาสองคู่ประสานกัน พลันเกิดเงาแวววาวขึ้นในนัยน์ตาของคนเป็นพ่อ...ภาพอบอุ่นและงดงามระหว่างสองพ่อลูกอยู่ในสายตาของผู้คนที่มาซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต ธีทัตอุ้มลูกไปยืนรอแม่อยู่ใกล้ประตูทางออก ซึ่งบริเวณนี้นานๆ ถึงจะมีคนเดินผ่าน ทั้งสองคนจึงดูโดดเด่นและกลายเป็นจุดสนใจไปโดยปริยายชีวาพรรวมอยู่ในกลุ่มคนที่หันไปมองสองพ่อลูก ภาพนั้นสะกดสายตาของเธอ น้องพร้อมตัวเล็กนิดเดียวเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของธีทัต ลำแขนล่ำสันของเขาโอบอุ้มลูกเอาไว้อย่างอบอุ่นและปลอดภัย เธอมองแล้วจึงเข้าใจว่าทำไมลูกถึงชอบที่จะอยู่ในอ้อมกอดของเขาหญิงสาวทอดมองภาพนั้นนิ่งนานเกือบนาที ก่อนเธอจะถอนสายตากลับมาเมื่อนึกถึงความจริงบางอย่าง...ธีทัตไม่ได้รักเธอ...ก่อนที่เขาจะมาแต่งงานกับเธอ เขาเคยคบหากับนาตาลีมาก่อน
รถสปอร์ตคันสีดำแล่นไปจอดหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตที่ตั้งอยู่ชานเมืองซึ่งวางขายสินค้าคุณภาพดี ธีทัตเลือกที่แห่งนี้เพราะผู้คนไม่พลุกพล่าน เขาไม่อยากให้น้องพร้อมต้องเข้ามาอยู่ในสถานที่แออัด เพราะลูกยังมีภูมิต้านทานต่ำ ลูกจะติดเชื้อโรคได้ง่ายแล้วอาจไม่สบายได้“ไปซื้อนมให้ลูกก่อน”ธีทัตบอกขณะเดินขนาบข้างหญิงสาวโดยไม่ยอมห่าง คนที่อุ้มลูกน้อยไว้แนบอกพยายามถอยจากเขาอยู่หลายหน แต่เขาก็ยังเดินตามมาประชิดตัว จนเธอต้องข่มใจเอาไว้...ที่ตั้งกว้าง คนก็ไม่เยอะ แต่เขามาเดินเบียดเราอยู่ได้ชีวาพรดึงรถเข็นออกมาใช้ ท่าทางทุลักทุเลอยู่ไม่น้อย เพราะเธอกำลังอุ้มลูกอยู่ด้วย ลูกของเธอตัวเล็กเสียเมื่อไรกัน จนชายหนุ่มทนมองไม่ไหว“ส่งลูกมาเถอะ”“ไม่ต้อง กวางอุ้มลูกเอง”“กวางเข็นรถเข็น”“งั้นคุณเอารถเข็นไปก็แล้วกัน”“พี่เข็นรถเข็นให้กวางได้ แต่กวางส่งลูกมาให้พี่ด้วย กวางต้องเดินซื้อของ แล้วจะอุ้มลูกให้เหนื่อยทำไม ดูแขนขาของลูกเสียก่อน อวบล่ำขนาดนี้ เหมือนเดินแบกก้อนหินทั้งก้อน”อยากทุบเขาให้เจ็บ