สถานะแม่ม่ายลูกติดไม่อาจลดทอนความภูมิใจของเธอลงได้ เพราะมันหมายถึงเธอมีแก้วตาดวงใจเข้ามาให้รักหนึ่งคน
ชีวาพรช้อนร่างป้อมของลูกชายขึ้นมาจากรถเข็น หลังจากพาเจ้าตัวกลมกลับมาถึงบ้านเช่าที่อยู่ห่างจากร้านกาแฟประมาณสี่ร้อยเมตร เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน เธอนั่งเครื่องบินมาลงที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยไม่รู้จุดหมายปลายทางที่จะไปต่อ เมื่อคิดว่านอกจากบ้านที่กรุงเทพฯ แล้ว เธอนึกถึงที่ไหนอีก...ก็คงเป็นที่แห่งนี้ เพราะเธอเคยมาเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ถึงสี่ปี ความเคยชินพาเธอกลับมา เมื่อนั่งอยู่ในสนามบินได้สักพัก เธอจึงโทร.ไปหานิสา เพื่อนร่วมคณะที่ยังปักหลักอยู่ที่เชียงราย ทั้งที่เจ้าตัวไม่ใช่คนในพื้นที่นี้เลย เมื่อนิสามาถึง ชีวาพรยังจำสีหน้าตกใจของเพื่อนได้...เรียวปากสวยแย้มเป็นเชิงหยัน เธอกำลังหยันตัวเองเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น ‘กวาง! เธอท้องใช่ไหม? ไหนเมื่อ 2-3 เดือนก่อนเธอบอกว่าหย่ากับคุณธีร์แล้วไง’ ‘อืม...’ นั่นคือคำตอบของเธอ แม้เธอพยายามทำหน้าตาให้สดชื่น แต่สภาพของคนที่นอนไม่หลับมานานนับเดือน มันคงไม่ดีไปกว่าซอมบี้สักเท่าไร ‘ไปที่ร้านของฉันก่อน’ ‘ร้านอะไร? เธอเปิดร้านขายของเหรอ’ ‘ใช่ ฉันยังไม่ได้เล่าให้เธอฟัง งานบริษัทที่ฉันเคยทำปิดตัวไปแล้ว ฉันตกงาน ฉันเลยเอาเงินที่มีติดมือมาเปิดร้านกาแฟ แต่ความจริงฉันก็ทำสารพัดอย่าง มีทั้งเบเกอรี่ ขนมกล้วยทอด ข้าวกล่องก็มี แล้วแต่ลูกค้าอยากได้อะไร ฉันจัดให้ได้ทั้งหมด’ เธอหยุดชะงักทันที เพราะลังเลว่าตนมารบกวนเพื่อนหรือเปล่า เห็นอยู่ว่านิสาคงใช้ชีวิตอย่างดิ้นรน กังวลว่าตัวเองมาเป็นภาระของเพื่อน...ซึ่งท่าทางของเธอ นิสาก็ดูออก ‘อย่าคิดมาก ฉันสบายดี ฉันมีความสุขมากกว่าตอนทำงานในบริษัทเสียอีก เธอไปกับฉัน พาเจ้าบูบุ๊ยในพุงไปพักที่บ้านน้านิสาก่อน’ นิสาช่วยเข็นกระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถรับจ้างที่จอดอยู่หน้าสนามบิน แล้วบอกจุดหมายปลายทางเป็นร้านกาแฟของตัวเองโดยไม่ถามสักคำว่าทำไมอยู่ๆ เธอถึงโผล่มาที่นี่ได้ อีกทั้งยังขนข้าวของมาอย่างกับจะย้ายบ้าน เพราะถ้าหากนิสาถามขึ้นมาในเวลานั้น มั่นใจได้เลยว่าเธอต้องร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนบ้าอย่างแน่นอน ชีวาพรไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนั้น แต่เธอจมอยู่กับมันนานเกือบสามเดือนนับตั้งแต่หย่ากับธีทัต เวลาของเธอหมดไปกับการตามเฝ้าอดีตสามี เธอตามตื๊อเขาทุกทางทั้งที่รู้แก่ใจว่ามันไม่มีอะไรดีขึ้น แต่เธอก็ยังทำ...ทำทั้งที่ไม่มีสิทธิ์ในตัวเขาแล้ว ผู้หญิงประเภทไหนกันที่ทำตัวอย่างนี้ ชีวาพรเกลียดตัวเองในช่วงเวลานั้นเหลือเกิน เธอไม่อยากกลับไปเป็นผู้หญิงไร้สติคนนั้นอีก กระทั่งตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง ชีวาพรรับรู้ถึงแรงดิ้นของลูกในท้อง เธอท้องเข้าเดือนที่สี่แล้ว ซึ่งทุกครั้งที่ไปเผชิญหน้ากับอดีตสามี เขาไม่เคยสังเกตร่างกายของเธอ เรียกได้ว่าเขาไม่ชายตาแลเธอคงถูกต้องกว่า...ลูกจึงยังเป็นความลับสำหรับเขามาจนถึงวันนี้ เธอตัดสินใจขนเสื้อผ้าออกจากบ้านในช่วงสายของวันนั้น...บ้านหลังนั้นเธอเคยอาศัยตั้งแต่จำความได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการฝากขายกับนายหน้า มันจึงไม่มีใครพักอาศัยอีก ไม่ว่าพ่อ พี่ชาย หรือพี่สาว ทุกคนต่างแยกย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ เหลือเพียงเธอที่ยังจมปลักอยู่ที่เดิม เมื่อยอมรับความจริงได้ว่าถึงอยู่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ชีวาพรจึงขนเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว แล้วซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางมาที่เชียงราย มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง หลังจากที่เธอทำผิดพลาดซ้ำๆ มาหลายครั้งจนทำให้ชีวิตของตัวเองพังลง มือเรียวบางไล้พวงแก้มอวบกลมของลูกน้อยที่กำลังนอนกางแขนกางขาบนที่นอน เธอทอดมองดวงหน้าของลูกอย่างแสนรัก หน้าตาของลูกคล้ายเขามาก แต่นิสามักย้ำว่าลูกคล้ายเธอมากกว่า ขอบคุณที่หนูมาให้แม่รักนะครับ หนูเตือนสติแม่ในวันที่แม่อ่อนแอ แม่สัญญาว่าจะไม่กลับไปเป็นแบบนั้นอีกเงาร่างสูงที่เคลื่อนเข้ามาในห้องรับประทานอาหารสามารถดับเสียงพูดคุยของคนในห้องได้อย่างชะงัด กระทั่งเจ้าของเงาปรากฎตัวขึ้นตรงช่องประตู แล้วเดินเข้าไปข้างใน
“วันนี้กลับเร็วแฮะ เพิ่งสามทุ่มเอง ปกติต้องกลับเที่ยงคืนถึงตีสอง” ชนกันต์ซึ่งเป็นน้องชายคนที่สองพูดเปรยๆ แต่พี่ชายใหญ่ที่เพิ่งเข้ามากลับทำเหมือนไม่ได้ยิน เขานั่งบนเก้าอี้ตรงโต๊ะรับประทานอาหารตัวยาว โดยเว้นระยะห่างจากน้องทั้งสองคนไปพอสมควร “งานที่บริษัทไม่เร่ง ไม่ทราบว่าเฮียไปเถลไถลที่ไหนมาครับ” เมื่อถามลอยๆ ไม่ได้ผล ชนกันต์จึงส่งคำถามเจาะจงไปให้ ซึ่งได้ผล เขาได้ยินเสียงตอบงึมงำผ่านลำคอหนามาให้ได้ยิน “มึงไม่ยุ่งสักเรื่องได้ไหม” ถูกต่อว่าสักกี่ครั้งก็ยังไม่ชิน ชนกันต์ทำหน้ายุ่ง ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ ต่อให้ถูกพี่ชายด่าว่า ‘เสือก’ เขาก็รับได้ แต่ตอนนี้พี่ชาย ‘ไม่ปกติ’ ใครๆ ก็มองออก... เหลือแต่เจ้าตัวที่ไม่ยอมรับความจริง “ผมถามหน่อยเถอะ ทุกวันนี้เฮียมีความสุขไหม” “มึงถามถึงเรื่องอะไร” ยังมีอารมณ์ตีมึนอีกนะ!...ชนกันต์ถอนหายใจเฮือก หากก่อนที่เขาจะได้โต้วาทีกับพี่ชาย น้องชายคนสุดท้องก็พูดขึ้นมาเสียเอง “เฮียออกไปกินเหล้าไม่เว้นวัน ทั้งที่เมื่อก่อนเฮียไม่ชอบดื่มสังสรรค์ เฮียบอกว่าตื่นเช้ามามันไม่สดชื่น สมองไม่แล่น ประสิทธิภาพการทำงานลดลง แต่ตอนนี้เฮียเป็นขาปาร์ตี้ไปแล้ว ใครจัดปาร์ตี้ที่ไหนก็ต้องบอกเฮีย รับรองไม่ผิดหวังสักราย” ภพธรคนหน้านิ่งร่ายยาว ปกติเขาเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ถ้าได้พูดเมื่อไรก็มักไม่จบง่ายๆ “ถ้าทำแล้วไม่มีความสุข กูจะทำทำไม พวกมึงเป็นอะไรถึงเซ้าซี้กูอยู่ได้ทุกวัน ถึงพวกมึงไม่เบื่อตัวเอง แต่กูโคตรเบื่อขี้หน้าพวกมึงเลยว่ะ” เบื่อถึงขนาดเคยคิดแผนร้ายจะส่งเจ้าสองคนนี้ไปดูแลงานที่ออสเตรเลียให้รู้แล้วรู้รอด หวังจะให้อยู่ห่างๆ เขา แต่ติดตรงที่ก่อฤกษ์ซึ่งเป็นน้องชายฝาแฝดยังอยู่กับลูกเมียที่นั่น ธีทัตเลยต้องทนน้องชายสองคนนี้ต่อไปโดยไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง “ขอบคุณที่กรุณาตอบคำถามของกันต์ ทีนี้ผมขอถามบ้าง” ภพธรพูดเสียงเนิบ แล้วใช้สิทธิ์ถามต่อโดยเว้นช่องให้ใครขัด “ทำไมเฮียถึงยังทำอะไรคาราคาซังกับเมียเก่า น้องกวางเป็นเมียเก่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเฮียแล้ว เฮียให้คนไปซื้อบ้านของเธอมาเก็บไว้ทำไม แล้วทำไมเฮียถึงจ่ายค่าเช่าบ้านที่ริมหาดหัวหินให้อดีตพ่อตา แถมยังจ้างแม่บ้านให้ดูแลอดีตพ่อตาอีกด้วย มันเป็นหน้าที่ของเฮียหรือเปล่า...ก่อนจะทำทำไมเฮียไม่ปรึกษาพวกเราก่อน” “ทำไมกูต้องปรึกษาพวกมึง นั่นมันเป็นเงินส่วนตัวของกู กูไม่ได้เอาเงินส่วนกลางไปใช้!” ธีทัตหลุดอารมณ์ฉุนเฉียว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หรือความรู้สึกไม่พอใจที่ถูกล้วงลึกถึงเรื่องที่ตนต้องการเก็บไว้ให้เป็นเรื่องส่วนตัว...หากถ้อยคำต่อมาของชนกันต์ก็ทำให้เขารู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว “อ้าว! สรุปว่าเฮียทำทั้งหมดนี้จริงๆ เหรอ ผมไม่อยากเชื่อเลย เฮียเกลียดน้องกวางอย่างกับอะไรดี ผู้หญิงอะไรหย่ากันแล้วแต่ยังตามตื๊อเฮียอยู่ได้ ไล่แล้วก็ไม่ยอมไป ตอนที่เฮียก่อเล่าให้พวกเราฟังว่าเฮียทำอะไรลงไปบ้าง ผมยังเถียงเลยนะว่าคนอย่างเฮียธีร์ไม่ทำเรื่องย้อนแย้งพวกนี้หรอก” น้องชายทั้งสองคนตีหน้าซื่อมากเท่าไร ธีทัตก็ยิ่งตระหนักว่าเจ้าพวกนี้มันร้ายจริงๆ แว้งกัดได้แม้แต่พี่ชายตัวเอง!ลิ้นชักตู้เก็บเอกสารในห้องทำงานถูกเปิด ข้างในนั้นมีซองสีน้ำตาลถูกเก็บไว้อย่างดี มือหนาดึงเอกสารสัญญาออกมาดู แค่เห็นตัวหนังสือบนหัวกระดาษ หัวใจของเขาก็กระตุก เพราะใบหน้าของเธอคนนั้นลอยเด่นเข้ามาในมโนสำนึกชีวาพร...ลูกสาวคนเล็กของคุณนพ นักธุรกิจใหญ่ที่รู้จักกันดีตั้งแต่สมัยพ่อของเขา หากเมื่อถึงจุดหนึ่งที่กิจการของคุณนพซบเซาจนไปต่อไม่ได้ นอกจากมันจะไม่ถูกแก้ไขแล้ว แต่คุณนพกลับไม่บอกความจริงกับลูกสาวคนโตและลูกชายคนรองที่อยู่ต่างประเทศให้รับรู้ ทั้งสองคนจึงใช้ชีวิตเยี่ยงลูกเศรษฐี ธีทัตรู้เห็นทุกอย่าง แต่เขาถือว่ามันเป็นเรื่องของครอบครัวคนอื่น ตนไม่ควรเข้าไปยุ่มย่ามกระทั่งวันหนึ่งคุณนพมาปรึกษาพ่อของเขาเรื่องต้องการขายหุ้นบริษัท พ่อสนใจ เพราะธุรกิจนั้นสามารถรวบเข้ากับธุรกิจในเครือของราชเวคินได้ มันจะกลายเป็นกิจการที่เอื้อประโยชน์กัน แต่ติดตรงที่ผู้ก่อตั้งบริษัทซึ่งก็คือพ่อของคุณนพได้ตั้งเงื่อนไขไว้ว่าห้ามขายหุ้นให้กับคนนอก เพราะต้องการให้บริษัทเป็นที่ทำมาหากินของลูกหลานในตระกูลเท่านั้น‘ธุรกิจน่าสนใจ แต่ถ้าเราไปซื้อมา มันก็ขัดเจตนาของผู้ก่อตั้งบริษัท ถึงแม้เขาไม่อยู่แล้ว แต่ผมก็จะไม่ยุ่ง...
อากาศในตอนกลางคืนเย็นลงกว่าตอนกลางวัน อุณหภูมิลดต่ำลงถึงสิบห้าองศาเซลเซียส ชีวาพรพอคุ้นเคยกับมัน เพราะเธอเคยสัมผัสหน้าหนาวของจังหวัดเชียงรายมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ในตอนนั้นเธอกับนิสานอนกอดกันกลมอยู่ในหอพักตามประสานักศึกษาต่างถิ่นที่ไม่คุ้นกับอากาศหนาว แต่ตอนนี้มีคนตัวกลมหนึ่งคนที่สัมผัสหน้าหนาวเป็นครั้งแรก แต่เจ้าตัวกลับกระดี๊กระด๊าชอบใจเสียเหลือเกิน จนเวลาสามทุ่มแล้วก็ยังไม่ยอมเข้านอน“น้องพร้อมมาให้แม่กอดหน่อยค่ะ แม่หนาวมาก แม่อยากกอดหนู”น้องพร้อมฟังรู้ความแล้ว รู้ว่าแม่เรียกให้ไปหาเจ้าตัวน้อยจึงผละจากโต๊ะตัวเตี้ยที่ยืนเกาะเล่นอยู่ตั้งนาน แล้วคลานตุ้บตั้บไปหาแม่ชีวาพรรั้งร่างเล็กกลมเข้าสู่อ้อมกอด ลูกน้อยเงยหน้าขึ้นไปมองแม่ แววตาของลูกเปี่ยมด้วยความรักและไว้วางใจ มันเป็นความรักที่บริสุทธิ์เหลือเกิน ชีวาพรไม่เคยรู้จักความรักแบบนี้ เพราะไม่เคยมีใครมองเธอด้วยสายตาเหมือนที่ลูกกำลังมอง...“อุ่นจังเลย แม่กอดหนูแน่นๆ เลยนะคะ”เมื่อแม่แกล้งกอดแน่นมากขึ้น แทนที่น้องพร้อมจะดิ้นหนี แต่เจ้าตัวกลมกลับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบใจ ยกลำแขนเล็กอวบขึ้นไปกอดคอแม่ จนแม่ต้องหอมแก้มกลมๆ อย่างเต็มรัก“ช
“ตูม! ปลาติดเบ็ด”คนที่นั่งซดเบียร์ตรงเก้าอี้ริมสระพูดขึ้นมาพร้อมกับเสียงน้ำแตกกระจายเมื่อใครสักคนพุ่งตัวลงไปในสระว่ายน้ำ คนที่นอนอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ จึงต้องลดหนังสือลงมามอง แล้วถามอย่างงุนงง “มีอะไร? ปลาที่ไหนติดเบ็ด?”แถวนี้มีแต่พี่ชายของตนทั้งสองคน คนหนึ่งนั่งอยู่ด้วยกัน ส่วนอีกคนนั้นกำลังจ้วงแขนว่ายน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย“ปลาฉลามในสระ”“ปลาไหลไฟฟ้าต่างหาก” ถามเองแย้งเอง...อันที่จริงภพธรไม่มั่นใจหรอกว่าคนในสระว่ายน้ำเป็นปลาไหลไฟฟ้าได้หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ...พี่ชายใหญ่ไม่เหมาะกับปลาฉลามนักล่าอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่ได้ออกล่าเหยื่อ แต่เขาอาศัยชั้นเชิงที่เหนือกว่าวางกับดักแล้วรอให้เหยื่อหลงมาติดกับเอง“อ้าว! มึงด่าเฮียธีร์ว่ากะล่อนตอแหลแหรอ”ชนกันต์ทำเสียงโวยวาย ฟังก็รู้ว่าตั้งใจจะให้คนในสระได้ยิน ซึ่งภพธรได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา รู้ว่าตนถูกใช้เป็นเครื่องมือให้พี่ชายคนที่สามหลอกด่าพี่ชายใหญ่เสียแล้ว เขาคิดจะจบเรื่อง...แต่ต่อมอยากรู้รั้งไว้เสียก่อน“ช่วงนี้เฮียธีร์เครียดเรื่องอะไร”“เรื่องเมียไง”“เมียเก่า?”“ก็นั่นแหละ...คนนั้นคนเดียว”“บ้าหรือเปล่า เรื่องผ่านมาสองปีแล้ว ป่านนี้น้องกวา
ชีวาพรทำข้าวกล่องสามสิบกล่องเสร็จในเวลาสิบเอ็ดนาฬิกา วันนี้มีเมนูหมูทอดกระเทียมพริกไทยกับหมูผัดพริกหยวก โดยเธอต้องออกไปใช้ห้องครัวที่ต่อเติมขึ้นมาใหม่ เพื่อป้องกันกลิ่นอาหารเข้ามารบกวนภายในพื้นที่ของร้านกาแฟ ระหว่างนั้นเธอจึงต้องวิ่งรอกดูแลลูกค้าที่มาซื้อกาแฟพร้อมกับดูแลลูกชายไปในตัว นิสาหายไปเกือบครึ่งวัน เธอนึกสงสัยว่าเพื่อนหายไปทำอะไรตั้งนาน ตั้งใจว่าเมื่อทำงานเสร็จแล้วจะโทร.ไปถามสักหน่อย ทว่าเพียงครู่เดียว นิสาก็กลับมาพร้อมกับอารมณ์เคร่งเครียด “ฉันทำข้าวกล่องเสร็จพอดี เธอให้รถมอเตอร์ไซค์เอาไปส่งลูกค้าได้เลยนะ” “ได้สิ ขอโทษด้วยนะที่หายไปนาน เลยไม่ได้ช่วยเธอทำงาน พอดีเจ้าของที่เช่าร้านโทร.มาคุยเรื่องต่อสัญญา ฉันเลยขี่รถไปหาเขาที่บ้านเสียเลย เห็นหน้าเห็นตากันจะได้คุยกันง่ายขึ้น” “เรื่องที่เขาจะเอาร้านคืนใช่ไหม” “ใช่ ฉันขอยืดเวลาหนึ่งปี เขาไม่ตกลง แต่ยอมเซ็นสัญญาเช่าให้ฉันอยู่ต่ออีกหกเดือน พอครบหกเดือนแล้วค่อยว่ากันใหม่ เฮ้อ! พอไม่ใช่ที่ของเรา มันก็ยุ่งยากอย่างนี้แหละ” “เขาจะเอาร้านคืน หรือเขาแค่อยากขึ้นค่าเช่าเพราะเห็นว่ายอดขายของร้านเราดีขึ้น” ชีวาพรอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าอาจมั
ประตูห้องทำงานที่อยู่บนชั้นบนสุดของสำนักงานราชเวคิน กรุ๊ปถูกเปิดออก หลังจากเจ้าของห้องอนุญาตให้คนที่มาพบเขาเข้ามาในห้องได้ธีทัตปรายตามองชายร่างสูงวัยไล่เลี่ยกับเขาที่เดินเข้ามา ซึ่งฝ่ายนั้นก็มองเขาอย่างประเมินเช่นกัน “เชิญนั่งครับคุณเด่นภูมิ เมื่อวานคุณมาพบผมด้วยใช่ไหม”ธีทัตพูดเข้าเรื่อง เพราะเขาไม่อยากเสวนากับ ‘พี่ชายของอดีตเมีย’ ให้ยืดเยื้อนัก แม้การพบกันครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง แต่เขาเชื่อว่าตนดูคนไม่พลาด...ธีทัตไม่ได้แปลกใจที่รู้ว่าเด่นภูมิปล่อยให้พ่อที่สุขภาพไม่ดีกับน้องสาวที่ด้อยประสบการณ์ในธุรกิจต้องแบกรับภาระกันเพียงสองคน แถมตัวเองยังเรียกร้องเงินจากพ่ออยู่เรื่อยๆ แม้ภายหลังจะรู้กิจการของครอบครัวย่ำแย่แล้วก็ตาม“ใช่ แต่ผมไม่ได้เจอคุณ เลขาฯ ของคุณบอกว่าถ้าผมจะคุยกับคุณ ผมจะต้องนัดเวลาล่วงหน้า” น้ำเสียงของเด่นภูมิเจือความหงุดหงิดอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก หากคนที่นั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ยังคงใจเย็น บอกด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย“เมื่อวานผมติดประชุมทั้งวัน ปกติผมไม่ค่อยอยู่ที่ห้องทำงาน ไม่ทราบว่าคุณเด่นภูมิอยากคุยกับผมเรื่องอะไร”“ผมอยากรู้เรื่องบ้าน ทนายความบอกว่าบ้านของครอบครัวผมถูก
“ฉันตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว แต่การหางานทำ ยังไงก็ต้องผ่านการสัมภาษณ์งาน ถึงเบื้องต้นจะสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ได้ แต่ขั้นตอนสุดท้ายเขาก็มักเรียกไปเจอตัวกันก่อนอยู่ดี”เมื่อนึกถึงรายละเอียดแต่ละขั้นตอนในการย้ายกลับไปที่กรุงเทพฯ ชีวาพรก็พบว่ามันยังมีเรื่องติดขัดอยู่หลายเรื่อง“ข้ามขั้นตอนนั้นไปได้ไหม เธอโทร.ไปขอความช่วยเหลือจากคนรู้จักให้เขาช่วยหางานทำ เธอจะเป็นเด็กเส้นหรืออะไรก็ช่างเถอะ เวลานี้เอาตัวเองให้รอดก็พอ”“ฉันไม่กลัวถูกหาว่าเป็นเด็กเส้นหรอก แต่ฉันกำลังคิดเรื่องอื่น”เมื่ออยู่ในจุดที่ต้องดิ้นรน ชีวาพรก็พบว่าความคิดของตนได้เปลี่ยนไปจากเดิมหลายเรื่อง...“เรื่องที่คนเหล่านั้นเป็นคนรู้จักของพ่อเธอใช่ไหม เธอกลัวว่าถ้าขอให้พวกเขาช่วยหางานให้ทำ แล้วพวกเขาจะรู้ว่าเธอมีบูบุ๊ย สุดท้ายพ่อของเธอก็จะรู้ด้วย”“ใช่ ความจริงฉันไม่คิดจะปิดเรื่องน้องพร้อมไปตลอดหรอก ฉันรู้ว่ามันไม่มีทางปิดกันได้ ฉันไม่อยากให้ลูกต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ จากใคร น้องพร้อมไม่ได้ทำอะไรผิด แกควรได้ใช้ชีวิตอย่างเปิดเผย สักวันหนึ่งทุกคนต้องรู้อยู่ดีว่าฉันมีน้องพร้อม เพียงแต่ก่อนหน้านี้ฉันตั้งใจจะรอให้ตัวเองแข็งแรงก่อน แต่ตอน
น้องพร้อมหวีดเสียงร้องอย่างชอบใจเมื่อตัวเองถูกยกขึ้นสูงคล้ายนกกำลังบิน ทุกคราวที่นายแพทย์อคินลดแขนต่ำลง หนูน้อยจะกระพือแขนเป็นเชิงบอกว่า ‘หนูขอบินสูงๆ อีก’ ซึ่งลุงหมอก็ตามใจ พาเจ้าตัวกลมบินร่อนอย่างไม่รู้สึกเหนื่อย กระทั่งเวลาผ่านไปนานกว่าสิบนาที ชีวาพรจึงขอให้คุณหมอหยุด เพราะเธอรู้สึกเกรงใจ น้ำหนักตัวของน้องพร้อมไม่น้อยเลย เธอกลัวว่าแขนของคุณหมอจะล้าไปเสียก่อน อีกทั้งคิดว่าลูกชายเล่นสนุกพอแล้ว เมื่อหญิงสาวขอลูกคืนมา หมอหนุ่มก็ส่งเด็กชายให้เธอแต่โดยดี แต่กลับเป็นเจ้าตัวกลมที่จับคอเสื้อของลุงหมอไว้แน่น มือป้อมๆ กำอย่างไม่ยอมปล่อย ชีวาพรตกใจ เธอรีบแกะมือของลูกให้คลายออก...ไม่วายที่จะขอโทษขอโพยเขาไปด้วย “ขอโทษด้วยนะคะ เสื้อคุณหมอยับหมดเลย” “ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมต้องกลับไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ที่บ้านพักอยู่แล้ว” สายตาของหมอหนุ่มอ่อนโยน หากมันทำให้หญิงสาวต้องถอยห่างจากเขาไปถึงสองก้าว... นายแพทย์อคินไม่ได้น่ากลัว ในทางกลับกันเขาสุภาพกับเธออย่างคงเส้นคงวา เขาไม่เคยแสดงท่าทางคุกคามหรือทำให้เธออึดอัดใจ แต่ชีวาพรรู้ว่ายิ่งเขาดีกับเธอและลูกมากเท่าไร เธอก็ควรรักษาระยะห่างเอาไว้ เพรา
‘คนอย่างคุณธีร์ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ราชเวคิน กรุ๊ปยิ่งใหญ่ เขาขายวิญญาณให้ธุรกิจไปแล้ว พี่รู้จักเขาดี พี่เลยไม่อยากเอาตัวเองไปยุ่งกับเขา‘ชีวาพรยังจำการสนทนาข้ามทวีปกับพี่สาวได้ วันนั้นเธอโทร.ไปแจ้งสถานการณ์ของครอบครัว โดยบอกว่าพ่อตกลงขายหุ้นให้ราชเวคิน กรุ๊ปแล้ว พี่สาวนิ่งไปนานทีเดียว จนเธอรู้สึกอึดอัดใจ เพราะต่างรู้กันว่าถ้ามีการตกลงขายหุ้นบริษัทเกิดขึ้น ย่อมหมายถึงจะมีการแต่งงานระหว่างธีทัตกับลูกสาวของพ่อ ซึ่งถ้าไม่ใช่พี่สาวของเธอ เจ้าสาวก็จะเป็นเธอเอง‘พี่แพมพูดน่ากลัว กวางไม่เห็นคุณธีร์เป็นแบบนั้นเลย คุณธีร์น่ารักดี เขาเข้าใจครอบครัวของเรา เขาไม่ได้ต้องการหุ้นของบริษัทเราตั้งแต่แรก แต่เป็นเพราะคุณพ่อขอร้องให้คุณลุงเนตรช่วยซื้อกิจการเราต่างหาก...คุณพ่ออยากพัก แต่ถ้าไม่มีใครรับช่วงกิจการ คุณพ่อก็ยังพักไม่ได้’ในตอนท้ายน้ำเสียงของชีวาพรเบาลง เพราะเธอสงสารพ่อ หากคนฟังกลับตีความเป็นอย่างอื่น‘เธอตั้งใจพูดให้พี่รู้สึกผิดที่ไม่ได้กลับไปแบกรับกิจการของที่บ้านเราใช่ไหม พี่ไม่เคยอยากทำ คุณพ่อก็รู้ตั้งแต่ต้น พี่มีงานของพี่อยู่ทางนี้แล้ว เธออยู่กับพ่อก็ช่วยพ่อทำไปสิ’‘กวางไม่ได้มีความรู้ควา
โรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ย่านหลักสี่เป็นสถานที่ที่รถสปอร์ตแล่นปราดไปจอด หัวใจของคนขับรถกำลังเต้นแรง เมื่อคิดว่ากำลังจะได้เจอเธอ“ผมมาพบคุณชีวาพรครับ เธอเป็นพนักงานที่นี่”ตีขลุมขอพบเธอเอาดื้อๆ โดยไม่คิดจะถามก่อนว่าเธอทำงานที่นี่หรือเปล่า และคำตอบที่ได้รับนั้นมันทำให้หน้าของเขาแดงก่ำ เขารู้สึกได้ว่าเลือดในกายกำลังสูบฉีดแรง“กวางกลับไปตั้งแต่บ่ายสามโมงค่ะ มันเป็นเวลาเลิกงานของเธอ เพราะเธอต้องไปรับลูกที่สถานรับเลี้ยงเด็ก”“ไม่ทราบว่าสถานรับเลี้ยงเด็กอยู่ที่ไหนครับ ผม...เอ่อ เป็นญาติของเธอ มีธุระคุยกับเธอครับ”ไม่กล้าบอกว่าตัวเองเป็นสามีและพ่อของเด็ก เพราะกลัวคำถามที่อาจย้อนกลับมาว่าทำไมตนถึงไม่รู้เรื่องของลูกเมีย ซึ่งข้ออ้างนี้มันก็ผ่านฉลุย“ดิฉันรู้แต่ว่าสถานรับเลี้ยงเด็กอยู่ใกล้กับที่พักของเธอ”“กวางพักอยู่ที่คอนโดใช่ไหมครับ”ธีทัตบอกชื่อคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ตรงปากซอยบ้านเดิมของชีวาพรได้อย่างแม่นยำ พนักงานโรงแรมจึงไม่เอะใจสงสัยในตัวเขา เมื่อเธอตอบว่าใช่ เขาจึงรีบผละออกมาโดยไม่ยอมเสี
การเคลื่อนไหวของคนที่ตามหาชีวาพรอยู่ในสายตาของรปภ.ประจำคอนโดมิเนียม เมื่อหญิงสาวต้องออกไปทำงานทุกวัน รปภ.จึงเปิดประตูด้านหลังให้เธอเดินออกไปเพื่อหลบสายตาของคนพวกนั้น โดยชีวาพรได้บอกความจริงว่าตนเพิ่งบุกรุกเข้าไปในบ้านท้ายซอย พร้อมกับบอกเหตุผลให้รู้ว่าตนเข้าไปทำไม เธอหวังจะให้รปภ.เข้าใจและช่วยปกป้องอันตรายให้เธอกับลูกในอีกสองวันข้างหน้านิสาต้องกลับไปที่เชียงราย จากกำหนดเดิมที่จะอยู่ด้วยกันนานกว่านี้ เนื่องจากพ่อค้าที่เคยมีร้านขายของติดกันโทร.มาบอกว่าได้ทำเลเปิดร้านใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ว่างพอสำหรับเธอ นิสาจึงอยากไปดูด้วยตัวเอง“พรุ่งนี้พาบูบุ๊ยไปฝากเลี้ยงก็แล้วกันนะ ฉันจะเฝ้าอยู่ที่นั่นทั้งวัน จะได้เห็นว่าเขาเลี้ยงหลานยังไง”“เขาจะยอมให้เราเฝ้าเหรอ”“ไม่ยอมก็ต้องยอม หรือเธอกล้าพาลูกไปฝากไว้โดยที่ไม่รู้ว่าลูกกินนอนยังไง”การมีนิสาอยู่ข้างๆ มันดีอย่างนี้เอง ชีวาพรรู้สึกว่าตนยังไม่เด็ดขาดพอ บ่อยครั้งที่เธอคิดอะไรไม่รอบคอบ ซึ่งเพื่อนคนนี้จะช่วยเธอคิดและตัดสินใจได้ดังนั้นในวันต่อมา น้องพร้อมจึงถูกนำไปฝากเลี้ยงที่สถานรับ
“คราวหน้าฉันจะระวังตัว ไม่เผลอเดินเข้าไปแล้ว”“ไม่ใช่ระวังตัวธรรมดา แต่เธอต้องระวังตัวให้มากๆ ต่อไปเธอต้องอยู่กับบูบุ๊ยกันแค่สองคน ถ้าเกิดอะไรขึ้น มันจะไม่มีใครช่วยเธอได้ เธอยังต้องอยู่ดูแลลูก เธอต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทสักก้าวเดียว อีกอย่าง...ฉันว่าเธองดพาบูบุ๊ยไปเดินเล่นในพื้นที่ว่างใกล้บ้านเดิมเถอะ เพราะมันไม่ปลอดภัยแล้ว ฉันกลัวเจ้าของบ้านคนใหม่จะหาเรื่องใส่ความเธอ อย่างเช่นบอกว่าของในบ้านหาย โบ้ยว่าเธอเป็นคนเอาไป มันจะซวยเอานะ”คล้ายพูดเป็นตุเป็นตะ แต่คนที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระและดูแลตัวเองมานานอย่างนิสาย่อมเคยพบเห็นเรื่องทำนองนี้ คนเดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ยาก ในแต่ละวันจึงต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของใคร...เมื่อหันไปมองเพื่อนและหลานรัก นิสาจึงอดที่จะหนักใจไม่ได้เฮ้อ! ฉันวางใจยายกวางให้อยู่กับบูบุ๊ยที่กรุงเทพฯ ได้ไหมเนี่ย“เธอมันคุณหนูใสซื่อ ไม่ทันเหลี่ยมคน” นิสาพูดขึ้นมาตามใจคิด“แต่คนที่ซื้อบ้านของพ่อได้ก็ต้องมีเงินมากพอ เขาจะต้องการอะไรจากฉันอีก ฉันไม่มีอะไรให้เขาสักหน่อย”นิสาส่งค้อน เ
“อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่นะเฮีย อยากกลับไปเป็นผัวเมียกับกวางเหมือนเดิมใช่ไหม” ชนกันต์กระเซ้าถาม“เปล่า”“อ้าว!”น้องชายทั้งคู่อุทานพร้อมกัน...เป็นใครจะไม่ร้องอ้าว! ในเมื่อธีทัตทำท่าเหมือนขาดชีวาพรไม่ได้ เขาไม่ยอมหย่า แถมยังตามหาเธอจนวุ่นไปหมด แต่พอถามว่าต้องการอะไร อยากกลับไปคืนดีกันไหม เจ้าตัวกลับปฏิเสธ...จะมีใครทำตัวเข้าใจยากเหมือนพี่ชายเขาอีกไหม“กวางไม่ได้กลับมาคนเดียว”รู้ว่าน้องชายกำลังงงตน ธีทัตจึงให้เหตุผล สีหน้าของเขาหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด“เมียของเฮียมีผัวใหม่มาด้วยเหรอ”ชนกันต์ถามเสียงซื่อ เมื่ออยากจะเข้าใจพี่ชายให้กระจ่าง เขาจึงถามตรงๆ หากคำถามของเขากลับเสียดแทงหัวใจคนฟัง“เดี๋ยวกูถีบตกเก้าอี้”“ผมแค่ถาม มันใช่หรือไม่ใช่ เฮียก็ตอบมาสิ”“กูยังไม่รู้”“เฮียบอกว่ากวางไม่ได้กลับมาคนเดียว มันหมายความว่ายังไง กวางกลับมากับใคร”“เด็ก...” เสียงของธีทัตแหบพร่า ทั้งที่พยายามจะปรับ
ตั้งแต่กลางซอยไปจนถึงปากซอยมีคอนโดมิเนียมขึ้นอยู่หลายตึก ธีทัตเดินตามหาชีวาพรด้วยวิธีเดิม นั่นคือนำรูปของเธอกับเด็กชายตัวกลมที่ได้จากกล้องวงจรปิดมาถามกับคนแถวนั้น ซึ่งผลที่ได้ก็ไม่ต่างกับคราวถามจากพ่อค้าโรตีสายไหม“รูปไม่ชัด ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นเมียของคุณจริงๆ คุณน่าจะมีรูปถ่ายของเธอที่ชัดกว่ารูปจากกล้องวงจรปิด”ยามรักษาความปลอดภัยประจำคอนโดมิเนียมตรงปากซอยบอกถึงสาเหตุที่ไม่อาจให้คำตอบกับเขา แถมเขายังได้รับสายตาไม่ไว้ใจกลับมา มันทำให้ธีทัตฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาจึงรีบเปิดรูปเก่าของชีวาพรที่ยังเก็บไว้ในโทรศัพท์ออกมาโชว์ รูปถ่ายรูปนี้ชัดเจน เธอยิ้มสดใสให้เขา แววตาของเธออ่อนหวานขณะมองกล้องที่เขาเป็นคนถ่ายเธอเอง “เธอเป็นเมียของผม ทีนี้บอกได้หรือยังว่าพี่เห็นเธอหรือเปล่า”“แล้วเด็กคนนี้ล่ะ”“ลูกของผม”ธีทัตบอกพลางหรี่ตามองรปภ. ท่าทางคนคนนี้มองยากกว่าพ่อค้าโรตีสายไหม จนเขาต้องพูดหยั่งเชิงไปก่อน“ผมกำลังตามหาลูกเมียของผม เธองอนผม เราทะเลาะกันนิดหน่อย...พี่เห็นเธอใช่ไหม พี่รู้ด้วยใช่ไหมว่าเธอพักอยู่แถวไหน”“ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ที่นี่มีแต่ลูกบ้านที่อยู่มานาน ไม่มีลูกเมียของคุณหรอก”คำตอบนั้นทำให้
โชคดีที่การสัญจรบนถนนกำลังคล่องตัว หากรถทุกคันยังแล่นไปช้าๆ คนในรถสปอร์ตคันสีดำรู้สึกมือไม้สั่น เขาจึงพารถคันงามเบี่ยงเข้าข้างทางได้อย่างทันท่วงที ตุ๊กตาหมีหน้ากลม...ธีทัตเพ่งมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ สายตาของเขาคงพร่าเลือนกระมังถึงได้เห็นว่าตุ๊กตาหมีที่อยู่ในอ้อมแขนของชีวาพรนั้นเคลื่อนไหวได้เหมือนสิ่งมีชีวิต เจ้าตัวกลมแหงนหน้ามองตามที่ชีวาพรชี้บอก แถมยังยกมือป้อมๆ ขึ้นมาประกบไหว้...เขามองเจ้าหนูนั่นอย่างพิจารณา แล้วจึงเห็นว่าเจ้าตัวมีหน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูเกินกว่าจะเป็นตุ๊กตาหมีเด็กที่ไหน... คำถามอื้ออึงอยู่ในอก ธีทัตยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าแรงๆ เมื่อคำพูดของก่อฤกษ์วนเข้ามาในหัวอีกหน หากคราวนี้เขาสลัดมันออกไปอย่างเร็ว เด็กคนนั้นเป็นใคร เขาไม่สนใจ ชีวาพรมีสามีใหม่หรือเปล่า เขาไม่อยากคิด... รู้แต่ว่าเวลานี้เขาต้องพบตัวเธอให้ได้ก่อน“เฮียธีร์ต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอน อยู่ๆ ก็ตะโกนเรียกเมียเก่ากลางห้องประชุม แล้วผลุนผลันออกไป ทั้งที่ผู้บริหารยังนั่งอยู่ครบองค์ประชุม”ชนกันต์ที่อยู่ในเหตุการณ์ชวนงงเดินเข้ามาในห้องทำงานของภพธรแล้วบอกเสียงเหนื่อยหน่ายใจ เขารู้สึกว่างานนี้พี่ชายใหญ่ทำเรื่องเพี้
มือเรียวบางลูบศีรษะเล็กทุยที่มีเรือนผมสีดำปกคลุม น้องพร้อมเป็นเด็กทารกที่มีผมดกดำและนุ่มมือ อีกทั้งแววตาที่เหมือนรู้ความเกินกว่าเด็กวัยสิบเดือน ยังไม่นับรวมถึงการเจริญเติบโตด้านร่างกายที่ได้ไต่ไปอยู่ตรงขอบบนของเกณฑ์เด็กวัยเดียวกันแล้ว...ทั้งหมดนี้ทำให้น้องพร้อมกลายเป็นเด็กน้อยที่น่ารักและน่ามองสำหรับผู้คนที่ได้พบเห็น บ่อยครั้งที่ใครต่อใครมักเข้ามาทักทายและหยอกเย้าลูกของเธอ ชีวาพรนำลูกใส่ในเป้อุ้มเด็กแล้วเดินเลียบถนนในซอยเข้าไปด้านใน ทารกน้อยตื่นตาตื่นใจ ดวงตากลมกวาดมองไปรอบๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น ซึ่งเธอก็พูดคุยกับลูกไปด้วย “เมื่อก่อนคุณตา คุณลุง คุณป้า และแม่เคยอยู่ที่นี่ บ้านเดิมของเราอยู่ในซอยนี้ แม่จะพาน้องพร้อมไปดูบ้านของครอบครัวเรานะคะ”ทารกวัยสิบเดือนอาจไม่เข้าใจว่าแม่กำลังพูดเรื่องอะไร แต่เจ้าตัวคงจับสัญญาณความรู้สึกของแม่ได้ ดวงหน้าเล็กกลมจึงเงยขึ้นไปมองแม่ จนแม่ต้องก้มลงไปหอมแก้มกลมๆ...ซึ่งเพียงเท่านั้นคนเป็นแม่ก็ได้รับรอยยิ้มอย่างเด็กอารมณ์ดีจากลูกคืนมาแล้ว“ตอนแม่เป็นเด็ก หลังกลับจากโรงเรียน แม่จะชวนพี่เลี้ยงออกมาเดินเล่นในซอยนี้ โน่นไง น้องพร้อมเห็นไหม รถเข็นขายขนมยังอยู
เช้าวันต่อมา รถรับจ้างขนของจากเชียงรายแล่นมาถึงคอนโดมิเนียมที่อยู่ย่านรามอินทราในเวลาสาย หลังจากข้าวของถูกขนย้ายเข้าไปในห้องพักของผู้อาศัยที่ย้ายมาอยู่ใหม่เรียบร้อยแล้ว พวกเธอก็ใช้เวลาจัดห้องเกือบทั้งวัน ซึ่งกว่าจะเสร็จลงได้ก็แทบหมดแรงหากมีคนคนหนึ่งที่ยังสดชื่น เจ้าตัวคลานออกมาจากห้องนอนแล้วนั่งมองแม่กับคุณน้า ก่อนจะยิ้มเผล่หน้าเป็น“หนูตื่นแล้วหรือคะ”ชีวาพรปราดไปอุ้มลูกชายตัวกลมไว้ในอ้อมแขน ในระหว่างที่จัดห้องอยู่ด้านนอก เธอพาลูกเข้าไปนอนกลางวันอยู่ในห้องนอนขนาดเล็กที่กั้นไว้อย่างเป็นสัดส่วนแม้เป็นสถานที่แปลกใหม่ แต่น้องพร้อมไม่ได้ร้องไห้งอแงเมื่อตื่นนอนแล้วไม่เห็นแม่ แต่เจ้าตัวกลมกลับคลานออกมาหาแม่ตามเสียงพูดคุยที่ได้ยินด้วยตัวเอง“เด็กอะไรรู้ความขนาดนี้ ไม่รู้ว่าพอพาไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก บูบุ๊ยจะร้องไห้หรือเปล่า”นิสาพูดไปตามความรู้สึก หากชีวาพรหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด เธอพยายามเข้มแข็ง หากหัวอกของแม่ย่อมไม่อยากห่างจากลูก เธอมีความเป็นห่วงลูกอยู่เต็มหัวใจ จนถึงวันนี้เธอยังกลัวไปสารพัด...กลัวว่าใครจะทำให้ลูกของเธอเจ็บ เมื่อลูกกลัวและร้องไห้ แล้วจะมีใครอุ้มและปลอบโยนลูกของเธอไ
ห้องชุดแบบหนึ่งห้องนอน ขนาดห้องแค่พออยู่ นิสามองไปรอบๆ ห้อง แล้วขมวดคิ้วมุ่นมันอุดอู้เกินไป สงสารเจ้าก้อนน้อยจัง...หากเธอไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะรู้ว่าชีวาพรเลือกที่พักที่ดีที่สุดเท่าที่กำลังเอื้อมถึงแล้ว ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสถานการณ์การเงินของเพื่อนคงไม่ดีนัก“ฉันยังค้างเงินเธออีกหนึ่งแสนกว่าบาท ฉันจะขอคืนสี่หมื่นก่อน พอสิ้นเดือน ฉันจะได้เงินค่ารื้อถอนร้าน ฉันค่อยปิดหนี้ทั้งหมดให้เธอ”“ทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอมีเงินเท่านี้ใช่ไหม เก็บไว้กินใช้เถอะ ฉันยังมีเงินสำรองใช้ทั้งปีและฉันกำลังจะมีงานที่โรงแรมทำ ส่วนเธอยังไม่มีอะไรแน่นอน ค่อยคืนฉันตอนที่เธอได้เงินมาแล้ว”มันเป็นจริงอย่างที่ชีวาพรพูด เงินสี่หมื่นที่นอนอยู่ในบัญชีเป็นเงินก้อนสุดท้ายของเธอ เธอควรเก็บไว้กินข้าวและจ่ายค่าเช่าห้องระหว่างหาช่องทางทำมาหากินต่อไป แต่พอหันไปมองหลานรักที่กำลังเกาะโซฟาเดิน เธอก็รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย...เฮ้อ! ทำไงดีล่ะ อยากให้บูบุ๊ยมีที่อยู่ที่ดีกว่านี้ “มันไม่ได้แย่ แค่ห้องเล็กลง ตึกนี้มีคนอยู่เป็นครอบครัวตั้งหลายห้อง ห้องแค่นี้แต่เขาอยู่กันหลายคนได้ ส่วนฉันอยู่กับน้องพร้อมแค่สองคน เรามีพื้นที่ใช้สอยมากก