“อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่นะเฮีย อยากกลับไปเป็นผัวเมียกับกวางเหมือนเดิมใช่ไหม” ชนกันต์กระเซ้าถาม
“เปล่า” “อ้าว!” น้องชายทั้งคู่อุทานพร้อมกัน...เป็นใครจะไม่ร้องอ้าว! ในเมื่อธีทัตทำท่าเหมือนขาดชีวาพรไม่ได้ เขาไม่ยอมหย่า แถมยังตามหาเธอจนวุ่นไปหมด แต่พอถามว่าต้องการอะไร อยากกลับไปคืนดีกันไหม เจ้าตัวกลับปฏิเสธ...จะมีใครทำตัวเข้าใจยากเหมือนพี่ชายเขาอีกไหม “กวางไม่ได้กลับมาคนเดียว” รู้ว่าน้องชายกำลังงงตน ธีทัตจึงให้เหตุผล สีหน้าของเขาหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด “เมียของเฮียมีผัวใหม่มาด้วยเหรอ” ชนกันต์ถามเสียงซื่อ เมื่ออยากจะเข้าใจพี่ชายให้กระจ่าง เขาจึงถามตรงๆ หากคำถามของเขากลับเสียดแทงหัวใจคนฟัง “เดี๋ยวกูถีบตกเก้าอี้” “ผมแค่ถาม มันใช่หรือไม่ใช่ เฮียก็ตอบมาสิ” “กูยังไม่รู้” “เฮียบอกว่ากวางไม่ได้กลับมาคนเดียว มันหมายความว่ายังไง กวางกลับมากับใคร” “เด็ก...” เสียงของธีทัตแหบพร่า ทั้งที่พยายามจะปรับความรู้สึกให้เป็นปกติแล้วเชียว “เด็กตัวอ้วนๆ หน้ากลมๆ ตอนแรกกูคิดว่ากวางอุ้มตุ๊กตาหมี แต่ไม่ใช่...เด็กคนนั้นมองกล้องและยกมือไหว้ได้ด้วย” “เด็กที่ไหน” “ลูกของกวาง” สีหน้าของชนกันต์และภพธรบ่งบอกว่าไม่อยากเชื่อ ธีทัตไม่อยากย้ำบอกหลายหน เพราะมันทำให้หัวใจกระตุกทุกทีที่พูดถึงเด็กคนนั้น มันไม่เชิงว่าเป็นความเศร้า แต่เขาสับสน ความสงสัยกำลังโถมเข้าใส่เขาทุกทิศทาง ชายหนุ่มเปิดคลิปจากกล้องวงจรปิด แล้วส่งโทรศัพท์มือถือไปให้น้องชายทั้งสองคนดูด้วยตัวเอง ‘…ลูกชายชอบสนามหญ้ากว้างๆ และต้นไม้ใหญ่ ฉันไม่ทันได้คิดว่ากำลังบุกรุกบ้านของคุณ ฉันขออภัยด้วยนะคะ’ ทั้งภาพทั้งเสียงมาอย่างเต็มพิกัด...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ สองหนุ่มแห่งราชเวคินถึงกับมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือตาค้าง “มันเป็นไปได้ยังไง กวางหายไปไม่นาน จู่ๆ ก็มีลูกโผล่มา แถมลูกยังตัวโตขนาดนี้ นี่มันเด็กสองขวบได้แล้วมั้ง” ชนกันต์พูดทั้งที่ยังงงงัน เขาไม่คุ้นกับเด็กเล็กหรอก ได้แต่อาศัยเทียบกับหลานสาวและหลานชายที่เป็นลูกของก่อฤกษ์ ซึ่งดูอย่างไรเด็กที่ชีวาพรอุ้มอยู่ในคลิปของกล้องวงจรปิดก็ไม่ใช่เด็กเพิ่งคลอดอย่างแน่นอน “ลูกของกวางจริงหรือเปล่า หรือว่ากวางเอาลูกของใครมาเลี้ยง” ภพธรถามขึ้นมาบ้าง หลังจากเขานิ่งคิดอยู่นาน ซึ่งพยายามคิดอย่างไร เขาก็คิดไม่ออกอยู่ดี หากธีทัตตอบอย่างหนักแน่น เพราะเขาไม่อยากหลอกตัวเอง “เด็กหน้าเหมือนกวาง เด็กคนนี้เป็นลูกของกวาง” “เฮียดูยังไงว่าเด็กหน้าเหมือนกวาง ผมยังดูไม่ออกเลยว่าเหมือนใคร แต่จะว่าไป...หน้าของเด็กก็ดูคุ้นๆ อยู่นะ” สามคนพี่น้องนั่งนิ่งเงียบ เพราะไม่มีใครให้คำตอบได้ ธีทัตดึงโทรศัพท์มือถือคืนมาจากน้องชาย เขามองดวงหน้าเล็กกลมของคนที่แหงนมองกล้องวงจรปิด ซึ่งยิ่งมอง เขาก็ยิ่งรู้สึกประหลาด...จนต้องตัดบท “ช่างมันเถอะ ตัดเรื่องเด็กคนนี้ออกไปก่อน ตอนนี้กูอยากเจอกวาง กูมีเรื่องอยากคุยกับเขา กูไม่อยากคิดอะไรไปเองก่อนได้คุยกับเขา” “ผมให้เฮียตอบอีกครั้ง...สมมุติว่ากวางยังไม่มีผัวใหม่ เฮียอยากได้เขาคืนมาใช่ไหม” “กูคิดถึงเขา...กูอยากให้เขากลับมา” ชนกันต์และภพธรหันไปมองหน้ากัน ก่อนจะเบนสายตาไปยังคนที่เปลี่ยนเป็นนั่งกุมขมับ พี่ชายของเขาจนหนทางแล้วกระมัง ถึงได้ยอมรับออกมาตรงๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปากแข็งมาตลอด “กูเชื่อว่ากวางต้องกลับไปแถวบ้านเดิมอีก เขาอาจรู้จักใครหรือยังติดต่อกับใครแถวนั้นอยู่ พรุ่งนี้กูจะให้ทนายที่บริษัทไปจ้างนักสืบตามหากวาง” ชนกันต์และภพธรพยักหน้าพร้อมกัน บอกให้รู้ว่าสนับสนุนความคิดของพี่ชาย ทั้งที่อยากทับถมว่าเจ้าตัวน่าจะทำเรื่องนี้ตั้งนานแล้วนิสาเปิดประตูห้องเข้าพร้อมกับอาหารเช้าเต็มสองมือ แล้วบอกเพื่อนด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ยามหน้าคอนโดฯ บอกว่าเมื่อวานมีคนมาตามหาเธอ เขาได้ภาพของเธอมาจากกล้องวงจรปิด เขาบอกว่าเป็นสามีของเธอ แต่ยามไม่เชื่อ เลยตอบไปว่าไม่รู้จักและไม่เคยเห็นเธอ ยามฝากบอกมาให้เธอระวังตัว” “ภาพจากกล้องวงจรปิดเหรอ...” ชีวาพรชะงักงัน ใครกันที่ตามหาเธอ แถมได้ภาพของเธอมาจากกล้องวงจรปิด...มันอดคิดถึงกล้องในบ้านหลังเดิมของตนไม่ได้ “ใช่ เมื่อวานเธอไปทำอะไรไว้หรือเปล่า” “ฉันเข้าไปในบ้าน...ฉันเผลอเดินเข้าไป คนคนนั้นเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่หรือเปล่า หรือว่าเขาไม่พอใจที่ฉันไปบุกรุกบ้านของเขา” “เฮ้อ! งั้นคงใช่แล้วแหละ หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ เลย อยู่ดีไม่ว่าดี พาลูกบุกรุกเข้าไปในบ้านของเขา เมื่อวานฉันน่าจะไปกับเธอด้วย” นิสาแทบปาดเหงื่อ ไม่ต้องหาสาเหตุให้วุ่นวาย เพราะเจ้าตัวสารภาพมาแล้วว่าเมื่อวานไปทำอะไรไว้...เพื่อนของตนทำไม่ถูกจริงๆ นั่นแหละที่เข้าไปในบ้านของคนอื่น “คราวหน้าฉันจะระวังตัว ไม่เผลอเดินเข้าไปแล้ว”“คราวหน้าฉันจะระวังตัว ไม่เผลอเดินเข้าไปแล้ว”“ไม่ใช่ระวังตัวธรรมดา แต่เธอต้องระวังตัวให้มากๆ ต่อไปเธอต้องอยู่กับบูบุ๊ยกันแค่สองคน ถ้าเกิดอะไรขึ้น มันจะไม่มีใครช่วยเธอได้ เธอยังต้องอยู่ดูแลลูก เธอต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทสักก้าวเดียว อีกอย่าง...ฉันว่าเธองดพาบูบุ๊ยไปเดินเล่นในพื้นที่ว่างใกล้บ้านเดิมเถอะ เพราะมันไม่ปลอดภัยแล้ว ฉันกลัวเจ้าของบ้านคนใหม่จะหาเรื่องใส่ความเธอ อย่างเช่นบอกว่าของในบ้านหาย โบ้ยว่าเธอเป็นคนเอาไป มันจะซวยเอานะ”คล้ายพูดเป็นตุเป็นตะ แต่คนที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระและดูแลตัวเองมานานอย่างนิสาย่อมเคยพบเห็นเรื่องทำนองนี้ คนเดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ยาก ในแต่ละวันจึงต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของใคร...เมื่อหันไปมองเพื่อนและหลานรัก นิสาจึงอดที่จะหนักใจไม่ได้เฮ้อ! ฉันวางใจยายกวางให้อยู่กับบูบุ๊ยที่กรุงเทพฯ ได้ไหมเนี่ย“เธอมันคุณหนูใสซื่อ ไม่ทันเหลี่ยมคน” นิสาพูดขึ้นมาตามใจคิด“แต่คนที่ซื้อบ้านของพ่อได้ก็ต้องมีเงินมากพอ เขาจะต้องการอะไรจากฉันอีก ฉันไม่มีอะไรให้เขาสักหน่อย”นิสาส่งค้อน เ
การเคลื่อนไหวของคนที่ตามหาชีวาพรอยู่ในสายตาของรปภ.ประจำคอนโดมิเนียม เมื่อหญิงสาวต้องออกไปทำงานทุกวัน รปภ.จึงเปิดประตูด้านหลังให้เธอเดินออกไปเพื่อหลบสายตาของคนพวกนั้น โดยชีวาพรได้บอกความจริงว่าตนเพิ่งบุกรุกเข้าไปในบ้านท้ายซอย พร้อมกับบอกเหตุผลให้รู้ว่าตนเข้าไปทำไม เธอหวังจะให้รปภ.เข้าใจและช่วยปกป้องอันตรายให้เธอกับลูกในอีกสองวันข้างหน้านิสาต้องกลับไปที่เชียงราย จากกำหนดเดิมที่จะอยู่ด้วยกันนานกว่านี้ เนื่องจากพ่อค้าที่เคยมีร้านขายของติดกันโทร.มาบอกว่าได้ทำเลเปิดร้านใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ว่างพอสำหรับเธอ นิสาจึงอยากไปดูด้วยตัวเอง“พรุ่งนี้พาบูบุ๊ยไปฝากเลี้ยงก็แล้วกันนะ ฉันจะเฝ้าอยู่ที่นั่นทั้งวัน จะได้เห็นว่าเขาเลี้ยงหลานยังไง”“เขาจะยอมให้เราเฝ้าเหรอ”“ไม่ยอมก็ต้องยอม หรือเธอกล้าพาลูกไปฝากไว้โดยที่ไม่รู้ว่าลูกกินนอนยังไง”การมีนิสาอยู่ข้างๆ มันดีอย่างนี้เอง ชีวาพรรู้สึกว่าตนยังไม่เด็ดขาดพอ บ่อยครั้งที่เธอคิดอะไรไม่รอบคอบ ซึ่งเพื่อนคนนี้จะช่วยเธอคิดและตัดสินใจได้ดังนั้นในวันต่อมา น้องพร้อมจึงถูกนำไปฝากเลี้ยงที่สถานรับ
โรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ย่านหลักสี่เป็นสถานที่ที่รถสปอร์ตแล่นปราดไปจอด หัวใจของคนขับรถกำลังเต้นแรง เมื่อคิดว่ากำลังจะได้เจอเธอ“ผมมาพบคุณชีวาพรครับ เธอเป็นพนักงานที่นี่”ตีขลุมขอพบเธอเอาดื้อๆ โดยไม่คิดจะถามก่อนว่าเธอทำงานที่นี่หรือเปล่า และคำตอบที่ได้รับนั้นมันทำให้หน้าของเขาแดงก่ำ เขารู้สึกได้ว่าเลือดในกายกำลังสูบฉีดแรง“กวางกลับไปตั้งแต่บ่ายสามโมงค่ะ มันเป็นเวลาเลิกงานของเธอ เพราะเธอต้องไปรับลูกที่สถานรับเลี้ยงเด็ก”“ไม่ทราบว่าสถานรับเลี้ยงเด็กอยู่ที่ไหนครับ ผม...เอ่อ เป็นญาติของเธอ มีธุระคุยกับเธอครับ”ไม่กล้าบอกว่าตัวเองเป็นสามีและพ่อของเด็ก เพราะกลัวคำถามที่อาจย้อนกลับมาว่าทำไมตนถึงไม่รู้เรื่องของลูกเมีย ซึ่งข้ออ้างนี้มันก็ผ่านฉลุย“ดิฉันรู้แต่ว่าสถานรับเลี้ยงเด็กอยู่ใกล้กับที่พักของเธอ”“กวางพักอยู่ที่คอนโดใช่ไหมครับ”ธีทัตบอกชื่อคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ตรงปากซอยบ้านเดิมของชีวาพรได้อย่างแม่นยำ พนักงานโรงแรมจึงไม่เอะใจสงสัยในตัวเขา เมื่อเธอตอบว่าใช่ เขาจึงรีบผละออกมาโดยไม่ยอมเสี
‘พี่ธีร์ไม่เคยรักกวางเลยหรือคะ แล้วพี่ธีร์แต่งงานกับกวางทำไม’‘กวางถามทำไม ทั้งที่รู้แก่ใจดีทุกอย่างอยู่แล้ว...หรือกวางอยากให้พี่รู้สึกผิด’‘แต่พี่เลือกแต่งงานกับกวาง ทั้งที่พี่ชอบ...’เธอพูดไม่ทันจบประโยค เขาก็พูดสวนขึ้นมา น้ำเสียงและสีหน้าบ่งบอกว่าเขาเริ่มหงุดหงิดแล้ว‘กวางต้องยอมรับก่อนว่าตอนนั้นกวางเต็มใจแต่งงานกับพี่ พี่ถามความสมัครใจของกวางแล้ว พี่บอกเงื่อนไขการแต่งงานของเราทุกอย่าง กวางยืนยันว่าเข้าใจและรับได้ ดังนั้นการแต่งงานของเราจึงเกิดขึ้น...ส่วนเรื่องที่ทำไมพี่เสนอเงื่อนไขแต่งงานให้กับกวางแทนที่จะเป็นพี่สาวของกวาง เพราะพี่เห็นว่ากวางเป็นคนมีเหตุมีผล กวางดูเป็นผู้ใหญ่ พี่เลยเลือกกวาง เมื่อเรามาจับมือกัน พ่อของกวางก็ขายหุ้นของธุรกิจครอบครัวให้กับราชเวคิน กรุ๊ปได้โดยไม่ขัดกับพินัยกรรมที่บอกให้ขายและถ่ายโอนหุ้นให้คนในครอบครัวเท่านั้น ครอบครัวของกวางได้เงินไปใช้หนี้ พ่อของกวางได้เกษียณงานและได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสบายๆ ส่วนพี่สาวและพี่ชายของกวางก็ได้เงินไปตั้งตัว มันวินวินกันทุกฝ่าย’ ‘พี่ธีร์พูดถึงแต่เรื่องเงินและผลประโยชน์’‘แล้วจะให้พี่พูดถึงเรื่องอะไร? ที่ผ่านมาพี่ไม่เคยห
เข้าหน้าหนาวแล้ว อากาศเริ่มหนาวเย็น หากปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศว่าอุณหภูมิอบอุ่นกว่าปีก่อน กระนั้นมันยังเย็นสบายกว่าอากาศในกรุงเทพฯ ชีวาพรมาอยู่ที่นี่ได้ปีกว่าแล้ว แม้เป็นเวลาไม่นาน แต่เธอกลับชอบและคิดว่าเธออยู่ที่นี่ได้ตลอดไปมันไม่ใช่แค่ความต้องการของเธอ หากมาจากคนตัวกลมที่กำลังนอนแกว่งขาอยู่บนรถเข็นเด็กเป็นหลัก อากาศเย็นสบายเช่นนี้ถูกใจลูกชายวัยสิบเดือนของเธอนักเชียวชีวาพรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เพิ่งเจ็ดนาฬิกาเศษ ถึงยังไม่ถึงเวลาเปิดร้านร้านกาแฟและเบเกอรี่ที่อยู่ตรงหัวมุมถนน เธอยังมีเวลาพาลูกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ...เช้าๆ อย่างนี้จะมีคนเข้ามาวิ่งออกกำลังกาย ลูกชายของเธอก็มักผงกศีรษะขึ้นมาดูคนที่วิ่งผ่านเจ้าตัวเป็นพักๆน้องพร้อมอยู่ในวัยเริ่มสังเกตและอยากรู้จักผู้คน นอกจากจะเป็นเด็กอารมณ์ดี เจ้าตัวยังมีมนุษย์สัมพันธ์ดีอีกด้วย...ขอให้จำได้เถอะว่าใครเป็นใคร รายไหนก็รายนั้นจะต้องได้รับรอยยิ้มทักทายจากน้องพร้อมมาแต่ไกลเสมอ ไม่เว้นแม้แต่ลุงหมอที่เพิ่งใช้เข็มฉีดยาจิ้มท่อนขาอวบๆ ของเจ้าตัวไปเมื่อต้นเดือน “สวัสดีครับน้องพร้อม ไปทำงานกับแม่ตั้งแต่เช้าเลยนะเรา”นายแพทย์หน
สถานะแม่ม่ายลูกติดไม่อาจลดทอนความภูมิใจของเธอลงได้ เพราะมันหมายถึงเธอมีแก้วตาดวงใจเข้ามาให้รักหนึ่งคนชีวาพรช้อนร่างป้อมของลูกชายขึ้นมาจากรถเข็น หลังจากพาเจ้าตัวกลมกลับมาถึงบ้านเช่าที่อยู่ห่างจากร้านกาแฟประมาณสี่ร้อยเมตร เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน เธอนั่งเครื่องบินมาลงที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยไม่รู้จุดหมายปลายทางที่จะไปต่อ เมื่อคิดว่านอกจากบ้านที่กรุงเทพฯ แล้ว เธอนึกถึงที่ไหนอีก...ก็คงเป็นที่แห่งนี้ เพราะเธอเคยมาเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ถึงสี่ปี ความเคยชินพาเธอกลับมา เมื่อนั่งอยู่ในสนามบินได้สักพัก เธอจึงโทร.ไปหานิสา เพื่อนร่วมคณะที่ยังปักหลักอยู่ที่เชียงราย ทั้งที่เจ้าตัวไม่ใช่คนในพื้นที่นี้เลยเมื่อนิสามาถึง ชีวาพรยังจำสีหน้าตกใจของเพื่อนได้...เรียวปากสวยแย้มเป็นเชิงหยัน เธอกำลังหยันตัวเองเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น ‘กวาง! เธอท้องใช่ไหม? ไหนเมื่อ 2-3 เดือนก่อนเธอบอกว่าหย่ากับคุณธีร์แล้วไง’‘อืม...’นั่นคือคำตอบของเธอ แม้เธอพยายามทำหน้าตาให้สดชื่น แต่สภาพของคนที่นอนไม่หลับมานานนับเดือน มันคงไม่ดีไปกว่าซอมบี้สักเท่าไร‘ไปที่ร้านของฉันก่อน’‘ร้านอะไร? เธอเปิดร้านขายของเหรอ’
ลิ้นชักตู้เก็บเอกสารในห้องทำงานถูกเปิด ข้างในนั้นมีซองสีน้ำตาลถูกเก็บไว้อย่างดี มือหนาดึงเอกสารสัญญาออกมาดู แค่เห็นตัวหนังสือบนหัวกระดาษ หัวใจของเขาก็กระตุก เพราะใบหน้าของเธอคนนั้นลอยเด่นเข้ามาในมโนสำนึกชีวาพร...ลูกสาวคนเล็กของคุณนพ นักธุรกิจใหญ่ที่รู้จักกันดีตั้งแต่สมัยพ่อของเขา หากเมื่อถึงจุดหนึ่งที่กิจการของคุณนพซบเซาจนไปต่อไม่ได้ นอกจากมันจะไม่ถูกแก้ไขแล้ว แต่คุณนพกลับไม่บอกความจริงกับลูกสาวคนโตและลูกชายคนรองที่อยู่ต่างประเทศให้รับรู้ ทั้งสองคนจึงใช้ชีวิตเยี่ยงลูกเศรษฐี ธีทัตรู้เห็นทุกอย่าง แต่เขาถือว่ามันเป็นเรื่องของครอบครัวคนอื่น ตนไม่ควรเข้าไปยุ่มย่ามกระทั่งวันหนึ่งคุณนพมาปรึกษาพ่อของเขาเรื่องต้องการขายหุ้นบริษัท พ่อสนใจ เพราะธุรกิจนั้นสามารถรวบเข้ากับธุรกิจในเครือของราชเวคินได้ มันจะกลายเป็นกิจการที่เอื้อประโยชน์กัน แต่ติดตรงที่ผู้ก่อตั้งบริษัทซึ่งก็คือพ่อของคุณนพได้ตั้งเงื่อนไขไว้ว่าห้ามขายหุ้นให้กับคนนอก เพราะต้องการให้บริษัทเป็นที่ทำมาหากินของลูกหลานในตระกูลเท่านั้น‘ธุรกิจน่าสนใจ แต่ถ้าเราไปซื้อมา มันก็ขัดเจตนาของผู้ก่อตั้งบริษัท ถึงแม้เขาไม่อยู่แล้ว แต่ผมก็จะไม่ยุ่ง...
อากาศในตอนกลางคืนเย็นลงกว่าตอนกลางวัน อุณหภูมิลดต่ำลงถึงสิบห้าองศาเซลเซียส ชีวาพรพอคุ้นเคยกับมัน เพราะเธอเคยสัมผัสหน้าหนาวของจังหวัดเชียงรายมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ในตอนนั้นเธอกับนิสานอนกอดกันกลมอยู่ในหอพักตามประสานักศึกษาต่างถิ่นที่ไม่คุ้นกับอากาศหนาว แต่ตอนนี้มีคนตัวกลมหนึ่งคนที่สัมผัสหน้าหนาวเป็นครั้งแรก แต่เจ้าตัวกลับกระดี๊กระด๊าชอบใจเสียเหลือเกิน จนเวลาสามทุ่มแล้วก็ยังไม่ยอมเข้านอน“น้องพร้อมมาให้แม่กอดหน่อยค่ะ แม่หนาวมาก แม่อยากกอดหนู”น้องพร้อมฟังรู้ความแล้ว รู้ว่าแม่เรียกให้ไปหาเจ้าตัวน้อยจึงผละจากโต๊ะตัวเตี้ยที่ยืนเกาะเล่นอยู่ตั้งนาน แล้วคลานตุ้บตั้บไปหาแม่ชีวาพรรั้งร่างเล็กกลมเข้าสู่อ้อมกอด ลูกน้อยเงยหน้าขึ้นไปมองแม่ แววตาของลูกเปี่ยมด้วยความรักและไว้วางใจ มันเป็นความรักที่บริสุทธิ์เหลือเกิน ชีวาพรไม่เคยรู้จักความรักแบบนี้ เพราะไม่เคยมีใครมองเธอด้วยสายตาเหมือนที่ลูกกำลังมอง...“อุ่นจังเลย แม่กอดหนูแน่นๆ เลยนะคะ”เมื่อแม่แกล้งกอดแน่นมากขึ้น แทนที่น้องพร้อมจะดิ้นหนี แต่เจ้าตัวกลมกลับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบใจ ยกลำแขนเล็กอวบขึ้นไปกอดคอแม่ จนแม่ต้องหอมแก้มกลมๆ อย่างเต็มรัก“ช
โรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ย่านหลักสี่เป็นสถานที่ที่รถสปอร์ตแล่นปราดไปจอด หัวใจของคนขับรถกำลังเต้นแรง เมื่อคิดว่ากำลังจะได้เจอเธอ“ผมมาพบคุณชีวาพรครับ เธอเป็นพนักงานที่นี่”ตีขลุมขอพบเธอเอาดื้อๆ โดยไม่คิดจะถามก่อนว่าเธอทำงานที่นี่หรือเปล่า และคำตอบที่ได้รับนั้นมันทำให้หน้าของเขาแดงก่ำ เขารู้สึกได้ว่าเลือดในกายกำลังสูบฉีดแรง“กวางกลับไปตั้งแต่บ่ายสามโมงค่ะ มันเป็นเวลาเลิกงานของเธอ เพราะเธอต้องไปรับลูกที่สถานรับเลี้ยงเด็ก”“ไม่ทราบว่าสถานรับเลี้ยงเด็กอยู่ที่ไหนครับ ผม...เอ่อ เป็นญาติของเธอ มีธุระคุยกับเธอครับ”ไม่กล้าบอกว่าตัวเองเป็นสามีและพ่อของเด็ก เพราะกลัวคำถามที่อาจย้อนกลับมาว่าทำไมตนถึงไม่รู้เรื่องของลูกเมีย ซึ่งข้ออ้างนี้มันก็ผ่านฉลุย“ดิฉันรู้แต่ว่าสถานรับเลี้ยงเด็กอยู่ใกล้กับที่พักของเธอ”“กวางพักอยู่ที่คอนโดใช่ไหมครับ”ธีทัตบอกชื่อคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ตรงปากซอยบ้านเดิมของชีวาพรได้อย่างแม่นยำ พนักงานโรงแรมจึงไม่เอะใจสงสัยในตัวเขา เมื่อเธอตอบว่าใช่ เขาจึงรีบผละออกมาโดยไม่ยอมเสี
การเคลื่อนไหวของคนที่ตามหาชีวาพรอยู่ในสายตาของรปภ.ประจำคอนโดมิเนียม เมื่อหญิงสาวต้องออกไปทำงานทุกวัน รปภ.จึงเปิดประตูด้านหลังให้เธอเดินออกไปเพื่อหลบสายตาของคนพวกนั้น โดยชีวาพรได้บอกความจริงว่าตนเพิ่งบุกรุกเข้าไปในบ้านท้ายซอย พร้อมกับบอกเหตุผลให้รู้ว่าตนเข้าไปทำไม เธอหวังจะให้รปภ.เข้าใจและช่วยปกป้องอันตรายให้เธอกับลูกในอีกสองวันข้างหน้านิสาต้องกลับไปที่เชียงราย จากกำหนดเดิมที่จะอยู่ด้วยกันนานกว่านี้ เนื่องจากพ่อค้าที่เคยมีร้านขายของติดกันโทร.มาบอกว่าได้ทำเลเปิดร้านใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ว่างพอสำหรับเธอ นิสาจึงอยากไปดูด้วยตัวเอง“พรุ่งนี้พาบูบุ๊ยไปฝากเลี้ยงก็แล้วกันนะ ฉันจะเฝ้าอยู่ที่นั่นทั้งวัน จะได้เห็นว่าเขาเลี้ยงหลานยังไง”“เขาจะยอมให้เราเฝ้าเหรอ”“ไม่ยอมก็ต้องยอม หรือเธอกล้าพาลูกไปฝากไว้โดยที่ไม่รู้ว่าลูกกินนอนยังไง”การมีนิสาอยู่ข้างๆ มันดีอย่างนี้เอง ชีวาพรรู้สึกว่าตนยังไม่เด็ดขาดพอ บ่อยครั้งที่เธอคิดอะไรไม่รอบคอบ ซึ่งเพื่อนคนนี้จะช่วยเธอคิดและตัดสินใจได้ดังนั้นในวันต่อมา น้องพร้อมจึงถูกนำไปฝากเลี้ยงที่สถานรับ
“คราวหน้าฉันจะระวังตัว ไม่เผลอเดินเข้าไปแล้ว”“ไม่ใช่ระวังตัวธรรมดา แต่เธอต้องระวังตัวให้มากๆ ต่อไปเธอต้องอยู่กับบูบุ๊ยกันแค่สองคน ถ้าเกิดอะไรขึ้น มันจะไม่มีใครช่วยเธอได้ เธอยังต้องอยู่ดูแลลูก เธอต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทสักก้าวเดียว อีกอย่าง...ฉันว่าเธองดพาบูบุ๊ยไปเดินเล่นในพื้นที่ว่างใกล้บ้านเดิมเถอะ เพราะมันไม่ปลอดภัยแล้ว ฉันกลัวเจ้าของบ้านคนใหม่จะหาเรื่องใส่ความเธอ อย่างเช่นบอกว่าของในบ้านหาย โบ้ยว่าเธอเป็นคนเอาไป มันจะซวยเอานะ”คล้ายพูดเป็นตุเป็นตะ แต่คนที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระและดูแลตัวเองมานานอย่างนิสาย่อมเคยพบเห็นเรื่องทำนองนี้ คนเดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ยาก ในแต่ละวันจึงต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของใคร...เมื่อหันไปมองเพื่อนและหลานรัก นิสาจึงอดที่จะหนักใจไม่ได้เฮ้อ! ฉันวางใจยายกวางให้อยู่กับบูบุ๊ยที่กรุงเทพฯ ได้ไหมเนี่ย“เธอมันคุณหนูใสซื่อ ไม่ทันเหลี่ยมคน” นิสาพูดขึ้นมาตามใจคิด“แต่คนที่ซื้อบ้านของพ่อได้ก็ต้องมีเงินมากพอ เขาจะต้องการอะไรจากฉันอีก ฉันไม่มีอะไรให้เขาสักหน่อย”นิสาส่งค้อน เ
“อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่นะเฮีย อยากกลับไปเป็นผัวเมียกับกวางเหมือนเดิมใช่ไหม” ชนกันต์กระเซ้าถาม“เปล่า”“อ้าว!”น้องชายทั้งคู่อุทานพร้อมกัน...เป็นใครจะไม่ร้องอ้าว! ในเมื่อธีทัตทำท่าเหมือนขาดชีวาพรไม่ได้ เขาไม่ยอมหย่า แถมยังตามหาเธอจนวุ่นไปหมด แต่พอถามว่าต้องการอะไร อยากกลับไปคืนดีกันไหม เจ้าตัวกลับปฏิเสธ...จะมีใครทำตัวเข้าใจยากเหมือนพี่ชายเขาอีกไหม“กวางไม่ได้กลับมาคนเดียว”รู้ว่าน้องชายกำลังงงตน ธีทัตจึงให้เหตุผล สีหน้าของเขาหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด“เมียของเฮียมีผัวใหม่มาด้วยเหรอ”ชนกันต์ถามเสียงซื่อ เมื่ออยากจะเข้าใจพี่ชายให้กระจ่าง เขาจึงถามตรงๆ หากคำถามของเขากลับเสียดแทงหัวใจคนฟัง“เดี๋ยวกูถีบตกเก้าอี้”“ผมแค่ถาม มันใช่หรือไม่ใช่ เฮียก็ตอบมาสิ”“กูยังไม่รู้”“เฮียบอกว่ากวางไม่ได้กลับมาคนเดียว มันหมายความว่ายังไง กวางกลับมากับใคร”“เด็ก...” เสียงของธีทัตแหบพร่า ทั้งที่พยายามจะปรับ
ตั้งแต่กลางซอยไปจนถึงปากซอยมีคอนโดมิเนียมขึ้นอยู่หลายตึก ธีทัตเดินตามหาชีวาพรด้วยวิธีเดิม นั่นคือนำรูปของเธอกับเด็กชายตัวกลมที่ได้จากกล้องวงจรปิดมาถามกับคนแถวนั้น ซึ่งผลที่ได้ก็ไม่ต่างกับคราวถามจากพ่อค้าโรตีสายไหม“รูปไม่ชัด ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นเมียของคุณจริงๆ คุณน่าจะมีรูปถ่ายของเธอที่ชัดกว่ารูปจากกล้องวงจรปิด”ยามรักษาความปลอดภัยประจำคอนโดมิเนียมตรงปากซอยบอกถึงสาเหตุที่ไม่อาจให้คำตอบกับเขา แถมเขายังได้รับสายตาไม่ไว้ใจกลับมา มันทำให้ธีทัตฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาจึงรีบเปิดรูปเก่าของชีวาพรที่ยังเก็บไว้ในโทรศัพท์ออกมาโชว์ รูปถ่ายรูปนี้ชัดเจน เธอยิ้มสดใสให้เขา แววตาของเธออ่อนหวานขณะมองกล้องที่เขาเป็นคนถ่ายเธอเอง “เธอเป็นเมียของผม ทีนี้บอกได้หรือยังว่าพี่เห็นเธอหรือเปล่า”“แล้วเด็กคนนี้ล่ะ”“ลูกของผม”ธีทัตบอกพลางหรี่ตามองรปภ. ท่าทางคนคนนี้มองยากกว่าพ่อค้าโรตีสายไหม จนเขาต้องพูดหยั่งเชิงไปก่อน“ผมกำลังตามหาลูกเมียของผม เธองอนผม เราทะเลาะกันนิดหน่อย...พี่เห็นเธอใช่ไหม พี่รู้ด้วยใช่ไหมว่าเธอพักอยู่แถวไหน”“ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ที่นี่มีแต่ลูกบ้านที่อยู่มานาน ไม่มีลูกเมียของคุณหรอก”คำตอบนั้นทำให้
โชคดีที่การสัญจรบนถนนกำลังคล่องตัว หากรถทุกคันยังแล่นไปช้าๆ คนในรถสปอร์ตคันสีดำรู้สึกมือไม้สั่น เขาจึงพารถคันงามเบี่ยงเข้าข้างทางได้อย่างทันท่วงที ตุ๊กตาหมีหน้ากลม...ธีทัตเพ่งมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ สายตาของเขาคงพร่าเลือนกระมังถึงได้เห็นว่าตุ๊กตาหมีที่อยู่ในอ้อมแขนของชีวาพรนั้นเคลื่อนไหวได้เหมือนสิ่งมีชีวิต เจ้าตัวกลมแหงนหน้ามองตามที่ชีวาพรชี้บอก แถมยังยกมือป้อมๆ ขึ้นมาประกบไหว้...เขามองเจ้าหนูนั่นอย่างพิจารณา แล้วจึงเห็นว่าเจ้าตัวมีหน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูเกินกว่าจะเป็นตุ๊กตาหมีเด็กที่ไหน... คำถามอื้ออึงอยู่ในอก ธีทัตยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าแรงๆ เมื่อคำพูดของก่อฤกษ์วนเข้ามาในหัวอีกหน หากคราวนี้เขาสลัดมันออกไปอย่างเร็ว เด็กคนนั้นเป็นใคร เขาไม่สนใจ ชีวาพรมีสามีใหม่หรือเปล่า เขาไม่อยากคิด... รู้แต่ว่าเวลานี้เขาต้องพบตัวเธอให้ได้ก่อน“เฮียธีร์ต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอน อยู่ๆ ก็ตะโกนเรียกเมียเก่ากลางห้องประชุม แล้วผลุนผลันออกไป ทั้งที่ผู้บริหารยังนั่งอยู่ครบองค์ประชุม”ชนกันต์ที่อยู่ในเหตุการณ์ชวนงงเดินเข้ามาในห้องทำงานของภพธรแล้วบอกเสียงเหนื่อยหน่ายใจ เขารู้สึกว่างานนี้พี่ชายใหญ่ทำเรื่องเพี้
มือเรียวบางลูบศีรษะเล็กทุยที่มีเรือนผมสีดำปกคลุม น้องพร้อมเป็นเด็กทารกที่มีผมดกดำและนุ่มมือ อีกทั้งแววตาที่เหมือนรู้ความเกินกว่าเด็กวัยสิบเดือน ยังไม่นับรวมถึงการเจริญเติบโตด้านร่างกายที่ได้ไต่ไปอยู่ตรงขอบบนของเกณฑ์เด็กวัยเดียวกันแล้ว...ทั้งหมดนี้ทำให้น้องพร้อมกลายเป็นเด็กน้อยที่น่ารักและน่ามองสำหรับผู้คนที่ได้พบเห็น บ่อยครั้งที่ใครต่อใครมักเข้ามาทักทายและหยอกเย้าลูกของเธอ ชีวาพรนำลูกใส่ในเป้อุ้มเด็กแล้วเดินเลียบถนนในซอยเข้าไปด้านใน ทารกน้อยตื่นตาตื่นใจ ดวงตากลมกวาดมองไปรอบๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น ซึ่งเธอก็พูดคุยกับลูกไปด้วย “เมื่อก่อนคุณตา คุณลุง คุณป้า และแม่เคยอยู่ที่นี่ บ้านเดิมของเราอยู่ในซอยนี้ แม่จะพาน้องพร้อมไปดูบ้านของครอบครัวเรานะคะ”ทารกวัยสิบเดือนอาจไม่เข้าใจว่าแม่กำลังพูดเรื่องอะไร แต่เจ้าตัวคงจับสัญญาณความรู้สึกของแม่ได้ ดวงหน้าเล็กกลมจึงเงยขึ้นไปมองแม่ จนแม่ต้องก้มลงไปหอมแก้มกลมๆ...ซึ่งเพียงเท่านั้นคนเป็นแม่ก็ได้รับรอยยิ้มอย่างเด็กอารมณ์ดีจากลูกคืนมาแล้ว“ตอนแม่เป็นเด็ก หลังกลับจากโรงเรียน แม่จะชวนพี่เลี้ยงออกมาเดินเล่นในซอยนี้ โน่นไง น้องพร้อมเห็นไหม รถเข็นขายขนมยังอยู
เช้าวันต่อมา รถรับจ้างขนของจากเชียงรายแล่นมาถึงคอนโดมิเนียมที่อยู่ย่านรามอินทราในเวลาสาย หลังจากข้าวของถูกขนย้ายเข้าไปในห้องพักของผู้อาศัยที่ย้ายมาอยู่ใหม่เรียบร้อยแล้ว พวกเธอก็ใช้เวลาจัดห้องเกือบทั้งวัน ซึ่งกว่าจะเสร็จลงได้ก็แทบหมดแรงหากมีคนคนหนึ่งที่ยังสดชื่น เจ้าตัวคลานออกมาจากห้องนอนแล้วนั่งมองแม่กับคุณน้า ก่อนจะยิ้มเผล่หน้าเป็น“หนูตื่นแล้วหรือคะ”ชีวาพรปราดไปอุ้มลูกชายตัวกลมไว้ในอ้อมแขน ในระหว่างที่จัดห้องอยู่ด้านนอก เธอพาลูกเข้าไปนอนกลางวันอยู่ในห้องนอนขนาดเล็กที่กั้นไว้อย่างเป็นสัดส่วนแม้เป็นสถานที่แปลกใหม่ แต่น้องพร้อมไม่ได้ร้องไห้งอแงเมื่อตื่นนอนแล้วไม่เห็นแม่ แต่เจ้าตัวกลมกลับคลานออกมาหาแม่ตามเสียงพูดคุยที่ได้ยินด้วยตัวเอง“เด็กอะไรรู้ความขนาดนี้ ไม่รู้ว่าพอพาไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก บูบุ๊ยจะร้องไห้หรือเปล่า”นิสาพูดไปตามความรู้สึก หากชีวาพรหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด เธอพยายามเข้มแข็ง หากหัวอกของแม่ย่อมไม่อยากห่างจากลูก เธอมีความเป็นห่วงลูกอยู่เต็มหัวใจ จนถึงวันนี้เธอยังกลัวไปสารพัด...กลัวว่าใครจะทำให้ลูกของเธอเจ็บ เมื่อลูกกลัวและร้องไห้ แล้วจะมีใครอุ้มและปลอบโยนลูกของเธอไ
ห้องชุดแบบหนึ่งห้องนอน ขนาดห้องแค่พออยู่ นิสามองไปรอบๆ ห้อง แล้วขมวดคิ้วมุ่นมันอุดอู้เกินไป สงสารเจ้าก้อนน้อยจัง...หากเธอไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะรู้ว่าชีวาพรเลือกที่พักที่ดีที่สุดเท่าที่กำลังเอื้อมถึงแล้ว ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสถานการณ์การเงินของเพื่อนคงไม่ดีนัก“ฉันยังค้างเงินเธออีกหนึ่งแสนกว่าบาท ฉันจะขอคืนสี่หมื่นก่อน พอสิ้นเดือน ฉันจะได้เงินค่ารื้อถอนร้าน ฉันค่อยปิดหนี้ทั้งหมดให้เธอ”“ทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอมีเงินเท่านี้ใช่ไหม เก็บไว้กินใช้เถอะ ฉันยังมีเงินสำรองใช้ทั้งปีและฉันกำลังจะมีงานที่โรงแรมทำ ส่วนเธอยังไม่มีอะไรแน่นอน ค่อยคืนฉันตอนที่เธอได้เงินมาแล้ว”มันเป็นจริงอย่างที่ชีวาพรพูด เงินสี่หมื่นที่นอนอยู่ในบัญชีเป็นเงินก้อนสุดท้ายของเธอ เธอควรเก็บไว้กินข้าวและจ่ายค่าเช่าห้องระหว่างหาช่องทางทำมาหากินต่อไป แต่พอหันไปมองหลานรักที่กำลังเกาะโซฟาเดิน เธอก็รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย...เฮ้อ! ทำไงดีล่ะ อยากให้บูบุ๊ยมีที่อยู่ที่ดีกว่านี้ “มันไม่ได้แย่ แค่ห้องเล็กลง ตึกนี้มีคนอยู่เป็นครอบครัวตั้งหลายห้อง ห้องแค่นี้แต่เขาอยู่กันหลายคนได้ ส่วนฉันอยู่กับน้องพร้อมแค่สองคน เรามีพื้นที่ใช้สอยมากก