“ไม่ได้มาตั้งนาน คอนโดเฮียธีร์ก็ยังน่าอยู่เหมือนเดิมเลยนะคะ” เสียงใสเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาพ้นบานประตูเข้ามาในคอนโดของเขา ท่าทีของเธอดูตื่นเต้นดีใจ ซึ่งแตกต่างจากผู้เป็นเจ้าของที่นี่อย่างสิ้นเชิง
“อยากอยู่ก็อยู่ แต่ถ้าไม่อยากอยู่ก็รีบ ๆ กลับไปได้ทุกเมื่อตามที่เธอต้องการ” ธีร์ธวัชพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง จะว่าไล่ทางอ้อมมันก็ไม่ผิด
“ขิมคงต้องอยู่จนกว่าคุณแม่จะเปลี่ยนใจนั่นแหละค่ะ ยังไงเฮียก็อดทนหน่อยนะ แต่รับรองว่าขิมจะไม่ทำตัวเป็นภาระเฮียธีร์แน่นอน” สายขิมพูดขึ้นแล้วหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟา พร้อมกับใช้สายตามองไปรอบ ๆ แล้วเธอก็นึกอะไรบางอย่างออก
“เฮีย แล้วข้าวเที่ยงเราจะไปกินกันข้างนอกเหรอคะ”
“ฉันไม่กินข้าวเที่ยง อยากกินก็ทำกินเองหรือจะสั่งมากินก็แล้วแต่เธอ ฉันจะนอน ห้ามกวนเด็ดขาด”
พูดเพียงแค่นั้นผู้ชายตัวโตก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนตัวเอง ทิ้งให้น้องสาวต่างสายเลือดที่เพิ่งมาถึงนั่งอยู่คนเดียว โดยที่ไม่ได้สนใจสักนิดเลยว่า สายขิมจะมีอะไรกินหรือในตู้เย็นมีวัตถุดิบให้ทำกับข้าวหรือเปล่า
สายขิมเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บยังห้องนอนของตัวเอง เธอเคยมาที่นี่หลายครั้ง จึงไม่ต้องรอให้ธีร์ธวัชมาคอยบอกว่าอะไรอยู่ตรงไหน หลังจากเก็บของทุกอย่างเรียบร้อยก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบาย ๆ ก่อนที่จะพาตัวเองไปนั่งในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง
ดวงตาคมสวยไล่มองเมนูอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในแอปฯ แต่ก็ไม่มีเมนูไหนถูกใจเลยสักอย่าง เธอชอบกินอาหารใต้มากที่สุด แต่ในกรุงเทพฯ ก็ค่อนข้างหาร้านที่ทำถูกปากได้ยากนอกเสียจากจะต้องลงมือทำเอง
‘ทำเอง’ คิดได้แบบนั้นแทนที่จะสั่งอาหารมากิน สายขิมก็เปลี่ยนเป็นกดสั่งวัตถุดิบในการทำกับข้าวแทน รออยู่ไม่นานเท่าไหร่ พนักงานส่งของก็โทรมาบอกว่าถึงแล้ว คนตัวเล็กรีบลงไปข้างล่างเพื่อเอาวัตถุดิบที่ตัวเองสั่งมา จากนั้นก็กลับขึ้นมาบนห้องแล้วลงมือทำกับข้าว
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงกับข้าวทั้งสี่อย่างก็เสร็จเรียบร้อย คนตัวเล็กยืนมองเมนูอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความภูมิใจ แล้วก็เดินไปเคาะประตูห้องนอนของธีร์ธวัชที่ตอนนี้ยังคงนอนหลับอยู่ข้างใน
ยืนเคาะประตูอยู่หลายครั้ง แต่ว่าผู้เป็นเจ้าของห้องก็ยังไม่ยอมเปิดออกมาเสียที
“หลับลึกเหมือนกันแฮะ” สายขิมพึมพำกับตัวเอง แล้วก็ยังยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องเช่นเดิม
“เธอจะเคาะอะไรหนักหนา ก็บอกแล้วว่าคนจะนอน” ผู้ชายตัวโตเปิดประตูออกมาก็โวยวายใส่ทันที แต่พูดได้ไม่กี่คำก็ต้องชะงักแล้วทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคย
“ขิมแค่จะมาปลุกเฮียไปกินข้าวด้วยกัน”
“ฉันไม่กิน” ธีร์ธวัชตอบกลับมาทันควัน แต่ก็ยังทำจมูกฟุดฟิดอยู่เหมือนเดิม
“เฮียธีร์จะไม่กินจริงเหรอ ขิมทำแต่ของชอบเฮียเลยนะ มีหมูผัดกะปิ ใบเหลียงผัดไข่ แกงไตปลาแล้วก็ไข่เจียว”
แค่ได้ยินชื่อเมนูอาหารก็ทำเอาคนที่บอกว่าไม่กินเมื่อครู่น้ำลายแทบไหลออกมา แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากอะไร ท้องเจ้ากรรมก็ดันร้องมาประท้วงว่าสิ่งที่พูดออกไปเมื่อครู่ไม่เป็นความจริงสักนิด
“โห เฮียหิวขนาดนี้ มา ๆ มากินก่อนแล้วค่อยนอน”
“ก็ได้ นี่ฉันเห็นแก่ที่เธออุตส่าห์ทำหรอกนะ ไม่อยากให้เสียน้ำใจ”
คนตัวเล็กได้แต่เอามือปิดปากแอบหัวเราะเบา ๆ อยู่คนเดียว ในขณะที่ธีร์ธวัชเดินนำหน้าเธอไปนั่งยังโต๊ะทานข้าวแล้วเรียบร้อย
ข้าวถูกตักใส่จานวางให้ตรงหน้าของเขาหนึ่งจานและของเธออีกหนึ่งจาน สายขิมหย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามแล้วมองดูคนที่บอกว่าไม่อยากกินกำลังตักอาหารเข้าปากไม่หยุด
“ฝีมือขิมยังอร่อยเหมือนเดิมไหมเฮีย”
“งั้น ๆ ก็ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อก่อน”
“ก็แสดงว่าอร่อย” พูดจบเธอก็ตักอาหารเข้าปากตัวเองหนึ่งคำ “เพราะเมื่อก่อนเฮียธีร์ชอบพูดว่าขิมทำกับข้าวอร่อยที่สุดในโลก”
ได้ยินคำพูดของยัยตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้าม มือที่กำลังถือช้อนก็ชะงักนิ่ง นั่นสินะ เมื่อก่อนเวลากลับไปเที่ยวที่บ้านสายขิมจะเป็นคนกับข้าวต้อนรับประจำ และเขาก็มักจะชมเธอบ่อย ๆ ทั้งที่ตอนนั้นก็สนิทกันมากแท้ ๆ ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ความสัมพันธ์มันเริ่มห่างออกมาเรื่อย ๆ
“เฮีย ทำไมนิ่งไปอะ อิ่มแล้วเหรอ” เมื่อเห็นคนตัวโตเอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมกินต่อ สายขิมเลยถามขึ้น แต่ธีร์ธวัชก็ไม่ตอบอะไรออกมา ทำเพียงรีบตักข้าวเข้าปากตัวเองต่อเร็ว ๆ
ใช้เวลาไม่นาน กับข้าวที่อยู่บนโต๊ะก็ถูกจัดการหมดเกลี้ยง เมื่อเงยมองนาฬิกาติดผนังก็เกือบบ่ายสามโมงแล้ว ธีร์ธวัชตัดสินใจอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะเข้าไปดูร้านของตัวเอง วันนี้ต้องเคลียร์บัญชีเข้าไปเร็วสักหน่อยน่าจะดีกว่า
ราว ๆ ครึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งก็เดินออกมาจากห้อง เขาที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นจนถึงข้อศอกคู่กับกางเกงขายาวสีดำ ส่งผลให้หญิงสาวที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่นได้แต่มองตาค้าง
“เฮียจะไปร้านแล้วเหรอคะ เร็วจัง” สายขิมเอ่ยทักพร้อมกับพาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“อืม...ฉันมีงานมีการต้องทำ ไม่ได้ว่างมาขออาศัยคนอื่นอยู่เหมือนเธอ” ธีร์ธวัชตอบกลับไปโดยที่ไม่ได้สนใจว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร แต่ก็ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะไม่ได้ใส่ใจคำพูอของเขาเท่าไหร่นัก
“วันหลังเฮียพาขิมไปเที่ยวที่ร้านบ้างสิ”
“ไหนบอกจะไม่ทำตัวเป็นภาระ”
ใบหน้าสวยยู่ลงเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับมายิ้มแฉ่งภายในไม่กี่วินาที “ใครบอกว่าขิมจะไปเป็นภาระ ขิมไปช่วยเฮียทำงานได้นะ ขิมจบบัญชี อยู่ใต้ก็ช่วยคุณแม่ทำบัญชีตลอด ไม่เคยมีข้อผิดพลาดเลยด้วย”
ยัยตัวแสบได้ทีก็อวดอ้างสรรพคุณตัวเองใหญ่ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้รู้สึกชื่นชมเลยแม้แต่นิดเดียว
“เธออยู่เฉย ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวแม่จะมาว่าฉันใช้แรงงานเธออีก”
“ไม่ว่าหรอกค่ะ ก็คุณแม่บอกขิมเองว่าให้มาช่วยงานเฮีย เพื่อเรียนรู้หน้าที่การเป็นเมียที่ดี”
“สายขิม” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อคนที่กำลังพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ ดูเหมือนว่าน้องสาวต่างสายเลือดคนนี้รับมือไม่ง่ายอย่างที่คิด
“แต่ถ้าวันนี้เฮียธีร์ไม่อยากให้ขิมไป ขิมไม่ไปก็ได้ค่ะ แต่เฮียรีบกลับมาเร็ว ๆ นะ” เสียงใส ๆ ยังพูดจาไม่หยุดจนธีร์ธวัชได้แต่ส่ายศีรษะไปมา แล้วรีบเดินไปหยิบกุญแจรถของตัวเอง
“ระหว่างที่ฉันไม่อยู่อย่าสร้างปัญหา เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ ขิมจะอยู่รอเฮียกลับมานะคะ”
ลมหายใจของคนตัวโตถูกพ่นออกมาแรง ๆ ติดกัน อยากอยู่รอก็อยู่ไป เพราะยังไงเขาก็ไม่กลับมานอนที่คอนโดอยู่แล้ว คืนนี้มีนัดกับน้องกิ๊บซี่คนสวย แถมยังมีสัญญาเพิ่มรอบกันอีก เรื่องอะไรจะกลับมานอนคอนโดตัวเอง
/////
“เสี่ย วันนี้มาเร็วจังเลยครับ” เสียงของพนักงานที่กำลังจัดเตรียมของในร้านเอ่ยทักทาย เมื่อเห็นผู้เป็นเจ้านายมาถึงร้านตั้งแต่หัวค่ำ
“อืม...พอดีมีจะมาเคลียร์เอกสารน่ะ” ตอบเสร็จธีร์ธวัชก็รีบเดินขึ้นมาบนห้องวีไอพีส่วนตัวทันที ร่างสูงหย่อนนั่งลนโซฟาตัวโปรดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความ ไม่นานนักข้อความจากอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา
กิ๊บซี่: วันนี้เสี่ยมาเร็วจังเลยค่ะ รอกิ๊บซี่ไม่นานนะคะ ของแต่งตัวสวย ๆ ก่อน
ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นข้อความตอบกลับจากหญิงสาวที่เขาดีลเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ไหน ๆ เมื่อคืนก็อดแล้ว คืนนี้จะทบต้นทบดอกเอาให้คุ้มค่าเลยทีเดียว
เหล้ารสเยี่ยมถูกยกกระดกเข้าปากระหว่างรอเวลาให้คนที่นัดไว้มาหา เกือบชั่วโมง หญิงสาวในชุดสุดแสนเซ็กซี่ก็เปิดประตูห้องเข้ามา
“กิ๊บซี่คิดถึงเสี่ยจังเลยค่ะ” เสียงเล็กพูดจาออดอ้อนแล้วพาตัวเองมานั่งลงบนตักแกร่ง ซึ่งธีร์ธวัชก็อ้าวงแขนออกกว้างโอบรั้งเอวบางเข้ามาหาในทันที
“เสี่ยก็คิดถึงหนู” พูดเสร็จก็กดจมูกลงบนแก้มที่แต่งแต้มเครื่องสำอางเอาไว้หนึ่งทีเพื่อเป็นการเอาใจ
“คืนนี้เสี่ยบอกแล้วนะคะว่าจะเพิ่มรอบให้กิ๊บซี่น่ะ เสี่ยห้ามผิดคำพูดนะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว เอาไว้คืนนี้เสี่ยกลับก่อนร้านปิดเป็นไง ดีไหม เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนานขึ้นอีกหน่อย”
พอได้คำตอบที่ถูกใจ หญิงสาวก็ซบใบหน้าลงกับแผงอกกว้างอย่างออเซาะออดอ้อน มารยาหญิงพวกนี้ธีร์ธวัชล้วนผ่านมาหมดแล้ว แต่ว่าก็ไม่เสียหายอะไร มันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งให้ผู้หญิงเหล่านี้ดูน่ารักขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น คืนนี้เสี่ยดื่มเยอะ ๆ เลยนะคะ จะให้คึกคักเป็นพิเศษไง” ระหว่างที่พูด กิ๊บซี่ก็รินเหล้าใส่แก้วพร้อมผสมสูตรลับเฉพาะตัวให้กับเขา
“เอาใจเก่งแบบนี้เดี๋ยวเสี่ยทิปไม่อั้น”
“เสี่ยน่ารักตลอดเลย”
หญิงสาวออดอ้อนออเซาะไม่หยุด เครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าถูกยกเข้าปาก ผ่านไปแล้วกว่าสามชั่วโมง ในขณะที่อารมณ์กำลังพุ่งขึ้นสองคนนัวเนียอยู่ในห้องวีไอพี เสียงโทรศัพท์ของธีร์ธวัชก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาซึ่งรายชื่อคนโทรเข้าคือสายขิม
“โทรมาทำไมวะ” เสียงบ่นดังออกมาด้วยความรำคาญ แต่ก็ยังจำเป็นต้องกดรับสายเธออยู่ดี “โทรมาทำไม ไม่รู้เหรอว่าฉันไม่ว่าง”
//ขิมขอโทษนะเฮีย แต่จู่ ๆ ไฟในคอนโดเฮียก็ดับหมดเลย ขิมไม่รู้จะทำยังไง เดินดูจนทั่วแล้วไม่ติดเลยสักดวง//
คำบอกของปลายสายทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม ร้อยวันพันปีไฟที่คอนโดไม่เคยดับ แถมเขายังให้คนมาตรวจเช็กทุก ๆ สามเดือน ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีอะไรเสียหรือพังแน่นอน แต่ทำไมมันดันมาดับวันนี้ได้
“แล้วเธอโทรมาบอกฉันทำไม ไฟดับก็รอให้ไฟมา ฉันไม่ใช่ช่างไฟ”
//แต่ขิมกลัวผีเฮียก็รู้ คอนโดเฮียมืดมากเลย ขิมกลัว//
เสียงของสายขิมขาด ๆ หาย ๆ เหมือนกับคนที่กำลังกลัวอะไรสักอย่างจนพูดติดขัด ทำให้คนฟ้งได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะคงทำอะไรไม่ได้นอกจาก...
“แค่นี้แหละเดี๋ยวฉันกลับไป” พูดเสร็จก็กดวางสายโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบอะไรกลับมา
“อะไรกัน เสี่ยจะทิ้งกิ๊บซี่อีกแล้วเหรอคะ” คนที่นั่งอยู่บนตักตัดพ้อพร้อมกับทำหน้าเง้างอน
“เสี่ยขอโทษนะ พอดีน้องสาวมาอยู่ที่คอนโดน่ะ แล้วไฟดับไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ถ้าเกิดเสี่ยไม่กลับไปแล้วน้องสาวโทรไปฟ้องแม่ เสี่ยจะแย่เอา” ธีร์ธวัชรีบบอกเหตุผล
“ก็ได้ค่ะ แต่คราวหลังกิ๊บซี่ไม่ยอมแล้วนะคะ”
“เสี่ยสัญญาเลย คราวหลังจะไม่มีแบบนี้อีกแน่นอน”
เมื่อตกลงกันเสร็จ เขาก็หยิบเงินสดจำนวนหนึ่งให้กับหญิงสาวเป็นค่าเสียเวลา แต่ว่ามันก็มากเกินพอที่จะสร้างความพอใจให้คนรับ แล้วเธอก็กลับไป
“น่ารำคาญฉิบหาย แม่นะแม่ไม่รู้จะส่งมาให้เป็นภาระทำไม” คนตัวโตบ่นอยู่คนเดียวแล้วรีบเดินออกไปจากห้องวีไอพี
///////////////////////////////////////////////////////
ธีร์ธวัชขับรถคู่ใจรีบกลับคอนโดให้เร็วที่สุด ขืนช้าไปกว่านี้หากยัยตัวยุ่งโทรไปฟ้องแม่เขาว่าปล่อยให้เธออยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีไฟฟ้า รับรองได้เลยว่าจะได้โดนบทสวดจากคุณหญิงแม่เป็นเวลาสามวันสามคืนอย่างแน่นอน ยัยนั่นก็ช่างเข้าใจออดอ้อน เวลาอยู่ต่อหน้าแม่เขาจะชอบทำตัวเรียบร้อยว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อ ไม่เถียง แต่เวลาลับหลังกลับกล้าต่อปากต่อคำกับเขาตลอด ถ้าให้แต่งงานกันไป มีหวังคงต้องถูกควบคุมทั้งจากแม่และจากเมียแน่นอน ดังนั้น งานแต่งงานระหว่างเขากับสายขิมจะต้องไม่เกิดขึ้น ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนหรือแผนการอะไรก็ต้องทำให้คุณหญิงเธียรธาราเปลี่ยนใจให้ได้ คันเร่งเหยียบไปเท่าไหร่ไม่รู้ หรือเพราะการจราจรวันนี้เป็นใจ จึงทำให้ธีร์ธวัชกลับมาถึงคอนโดได้ภายในไม่ถึงชั่วโมง ความรีบร้อนเพราะยัยตัวแสบบอกว่าไฟดับทั้งหมดทำให้ตอนนี้เขาแทบจะควันออกหู เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วพบว่าคอนโดของเขาไฟสว่างจ้าทุกดวง และสายขิมก็กำลังนั่งกินขนมพร้อมกับดูรายการโทรทัศน์อยู่ “สายขิม...” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาผ่านไรฟันที่กัดกันจนดังกรอด เพื่อระงับความโมโหของตัวเอง แต่ดูเหมือนเจ้าของชื่อจะไม่ได้รู
“เฮียธีร์ จะไปทำงานแล้วเหรอคะ” เดินยังไม่ห่างประตูห้องได้ถึงสามก้าว เสียงเล็ก ๆ ของคนที่อยู่ร่วมคอนโดก็ดังขึ้น ธีร์ธวัชถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ หันตัวไปทางเสียงเรียก “ก็ใช่น่ะสิ มีอะไร” เอ่ยถามพร้อมสายตาที่มองสำรวจสายขิมจนทั่วทั้งตัว วันนี้ดูเหมือนเธอจะแต่งตัวแปลกกว่าทุกวัน สายเดี๋ยวสีขาวมุกรัดรูป เข้าคู่กับกระโปรงยีนส์สั้น ถึงมันจะสั้นมากแต่ก็ดูไม่โป๊ “แต่งตัวจะไปไหน” “ขิมก็จะไปช่วยงานเฮียธีร์ที่ร้านไงคะ” คำตอบของยัยตัวแสบทำให้นัยน์ตาคมเบิกกว้าง ไล่สายตามองหน้าเธอสลับกับชุดที่ใส่ไปมา “เดี๋ยว...ไปช่วยงานทำไมแต่งตัวแบบนี้” “ไม่สวยเหรอคะ ขิมคิดว่าที่บาร์ของเฮียธีร์น่าจะมีแต่คนสวย ๆ ไปเที่ยว ก็เลยแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศน่ะค่ะ” “ไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้” เสียงเข้ม ๆ พูดลอดไรฟันเอ่ยคำสั่งออกมา ไม่ใช่ว่าเธอใส่ไม่สวย แต่มันอันตรายเกินไป ไม่ใช่อันตรายกับใครที่ไหน อันตรายกับความรู้สึกของเขาเองนี่แหละ “ไม่ค่ะ ขิมจะใส่ชุดนี้” คนตัวเล็กยังยืนยันคำตอบ “ทำไมคะ ขิมไม่สวยเหรอ” สองเท้
“ไหนบอกว่าจะมาช่วยงาน แล้วไปนั่งหน้าบูดอะไรอยู่ตรงนั้น”ธีร์ธวัชอดที่จะถามไม่ได้ เมื่อเห็นสายขิมนั่งกอดอกมองหน้าเขาด้วยสายตาที่กำลังบ่งบอกว่าไม่พอใจอะไรสักอย่าง “ทำคนเดียวไปเถอะค่ะ” “ถ้าไม่ช่วยแล้วจะตามมาทำไม” “ทำไมคะ หรือว่าเฮียกลัวยัยน้องกิ๊บซี่นั่นเข้าใจผิด” ใบหน้าคมเข้มส่ายไปมาเบา ๆ แล้วก็ก้มลงไปอ่านเอกสารที่อยู่ตรงหน้าต่อ เขาไม่อยากเถียงกับเธอด้วยเรื่องไร้สาระ และกับกิ๊บซี่ เขาก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าจะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสายขิมว่าเป็นอะไรกัน “ถ้าไม่ช่วยก็นั่งเงียบ ๆ ไปแบบนั้นแหละ ดีเหมือนกันฉันขี้เกียจทะเลาะกับเธอ” แต่แทนที่คนถูกบอกให้เงียบจะเงียบตามคำสั่ง สายขิมกลับพาตัวเองไปนั่งยังเก้าอี้ที่อยู่ตรงโต๊ะทำงานของเขา แขนข้างหนึ่งยกขึ้น วางข้อศอกลงบนโต๊ะแล้วใช้มือเท้าคางตัวเองเอาไว้ ดวงตากลมโตก็จ้องมองดูเฮียธีร์ พร้อมกะพริบปริบ ๆ ไปด้วย ถึงจะไม่มีเสียงพูดคุย หรือเสียงอื่น ๆ ออกมาให้รำคาญ แต่ว่า การที่ถูกใครสักคนมานั่งจ้องอย่างเอาเป็นเอาตายตอนกำลังทำงาน ก็ทำให้ธีร์ธวัชแทบจะไม่มีสมาธิ “นี่...สายขิม” ปากก
ติ๊งต่อง...เสียงกริ่งหน้าประตูซึ่งดังขึ้นติดกันสามครั้งแล้ว ทำให้สายขิมที่กำลังวุ่นวายอยู่ในครัวรีบถอดผ้ากันเปื้อนออก จากนั้นก็รีบวิ่งมาเปิดประตู เธอรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ใครจะมาหา ถึงได้รีบตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าว ทั้งที่ยังปวดหัวเพราะอาการแฮงค์เหล้าที่ดื่มมากเกินไปเมื่อคืน“สวัสดีค่ะคุณแม่”ทันทีที่ประตูเปิดออก เสียงหวานใสก็เอ่ยทักทายคนตรงหน้า พร้อมกับยื่นมือไปช่วยรับกระเป๋าและถุงกระดาษอีกหลายถุงที่อยู่ในมือของคุณหญิงเธียรธารามาถือเอาไว้ แล้วเดินนำมายังห้องนั่งเล่น“ตาธีร์ไปไหนเสียล่ะ”ผู้เป็นแม่เอ่ยถามขณะที่กำลังหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาในห้องรับแขก พลางใช้สายตากวาดดูรอบ ๆ คอนโดของลูกชายก่อนที่จะหันมามองหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ของตนเอง“เฮียธีร์ยังไม่ตื่นค่ะ พอดีเมื่อคืนกลับมาดึกค่ะ”“แล้วนี่ขิมกำลังทำอะไรอยู่เหรอลูก”“อ๋อ...ขิมทำกับข้าวไว้รอคุณแม่ค่ะ รออีกสิบนาทีก็เสร็จแล้วล่ะค่ะ คุณแม่หิวหรือยังคะ”คุณหญิงเธียรธารามองดูหน้าเจ้าของคำตอบแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สายขิมเป็นเด็กน่ารัก รู้จักกาลเทศะ ทั้งยังรู้จักเอาอกเอาใจผู้ใหญ่ งานบ้าน งานเรือน ทำได้ทุกอย่าง ไม่เสียแรงที่เลี้ยงดูมาเองกับมือ“แล้วกับต
“ไอ้ธีร์ มึงจะรีบแดกไปไหน เพิ่งบ่ายสามโมงเอง” กิตติภพทักขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนซี้เอาแต่ยกแก้วเหล้ากระดกเข้าปากรัว ๆ โดยที่ไม่เว้นจังหวะตั้งแต่มาถึงคลับของเขา ถึงแม้ที่นี่จะเปิดร้านหนึ่งทุ่ม แต่ห้องวีไอพีเจ้าของร้านนั้นเปิดตลอด 24 ชั่วโมง “แดกเหมือนเมียทิ้ง” คราวนี้เป็นภัทรกรพูดขึ้นบ้าง “พวกมึงสองคนไม่เข้าใจหรอก ว่าคนกำลังเครียดมันเป็นยังไง” “แล้วมึงเครียดเรื่องอะไร” สองเพื่อนซี้ถามขึ้นแทบจะพร้อมกัน แล้วตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบจากปากของคนที่จะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม “เมื่อเช้าแม่กูมาหา แล้วก็ถามเรื่องสายขิม” พอพูดจบ เพื่อนทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างกับนัดไว้ โดยเฉพาะกิตติภพ ที่ดูจะขบขันกับอาการของเพื่อนซี้ในตอนนี้มากที่สุด “ไอ้เหี้ยตี๋ มึงจะหัวเราะอะไรขนาดนั้นวะ” “แม่มึงอยากจะให้แต่ง แต่ง ๆ ไปก็จบ สายขิมก็สวย น่ารัก ทำกับข้าวก็เก่ง ทำงานก็เก่ง ไม่ดีตรงไหนวะ” ที่รู้ เพราะเพื่อนตัวดีที่กำลังกระดกเหล้ารัว ๆ เคยเล่าให้ฟังอยู่บ้าง ทีแรกคิดว่าธีร์ธวัชไม่น่าจะมีปัญหาหากต้องแต่งงานกับเธอจริง
เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังไม่หยุดทำให้เปลือกตาคู่สวยต้องเปิดขึ้น ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอจะไม่อยากตื่นเลยแม้แต่น้อย สายตาจ้องมองฝ้าเพดาน หัวใจเต้นตึกตัก ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จู่ ๆ เฮียธีร์ก็เปลี่ยนไป ทั้งที่ปกติเขาจะพยายามอยู่ห่างเธอให้มากที่สุดแท้ ๆ ฝ่ามือแตะลงบนหัวไหล่ แล้วเลื่อนมาแตะบนเนินอกที่ถูกเขาประทับริมฝีปากลงไปเมื่อคืน ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับคนเป็นไข้ เฮียธีร์ร้ายกาจที่สุด! ร่างเล็กดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เรื่องเมื่อคืนเธอแค่ยังไม่ทันตั้งตัว วันนี้เอาใหม่ ยังไงก็ยอมแพ้ตอนนี้ไม่ได้ เพื่อคุณแม่ ท่องไว้ เพื่อคุณแม่ ก๊อก ก๊อก! ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูที่ดังอยู่หลายครั้ง ทำให้คนที่ยังนอนอยู่จำใจลุกขึ้นมาทั้งที่งัวเงียแล้วเดินมาเปิดประตู “มีอะไร คนจะนอน” “เฮียธีร์พูดไม่เพราะเหมือนเมื่อคืนเลยค่ะ” น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจของยัยตัวเล็กที่พูดอยู่ตรงหน้าทำให้ธีร์ธวัชต้องรีบปรับโทนเสียงตัวเองใหม่ ภารกิจยังไม่สำเร็จ ช่วงนี้ก็คงต้องทำแบบเมื่อคืนไปก่อน “ขอโทษครับ พอด
“สวัสดีครับเสี่ย วันนี้หน้าตาสดชื่นจังเลยนะครับ” เสียงของพนักงานในร้ายเอ่ยทักทาย ทำให้ธีร์ธวัชรีบใช้มือจับดูหน้าตัวเอง แปลกตรงไหน ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด “แปลกเหรอ” เขาย้อนถามพนักงาน “ครับ แปลกมาก” “แปลกยังไง” “ก็วันนี้เสี่ยเดินยิ้มตั้งแต่หน้าร้านจนถึงตอนนี้ ยังไม่หุบเลยนะครับ” ริมฝีปากที่คลี่ยิ้มอยู่อย่างไม่รู้ตัวรีบหุบลงทันที พร้อมเม้มเข้าหากันแน่นกว่าเก่า “เอาเหล้าขึ้นไปให้ด้วย เหมือนเดิม” “ครับ ๆ ผมจะรีบเอาขึ้นไปให้นะครับ” เสียงเข้ม ๆ เอ่ยสั่งเครื่องดื่มแก้เขิน ก่อนที่จะรีบก้าวขายาว ๆ จ้ำอ้าวไปยังชั้นสองที่เป็นห้องทำงาน แต่รอยยิ้มที่หุบเอาไว้เมื่อครู่ดันคลี่ออกมาอีกแล้วโดยที่เขาไม่รู้ตัว ธีร์ธวัชหย่อนตัวลงนั่งยังเก้าอี้ทำงานเมื่อเข้ามาในห้อง แผ่นหลังเอนพิงพนัก นิ้วมือก็เคาะลงบนโต๊ะ ในหัวกำลังฉายภาพเมื่อเช้าที่เขากำลังจูบยัยตัวแสบ ริมฝีปากเธอนุ่มมาก แถมหวานอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลิปสติกหรือเปล่าที่ทำให้เขารู้สึกว่าปากของเด็กดื้อนั้นหวานกว่าทุกคนที่เคยจูบมา ‘ฟ
หลังจากติ่มซำมื้อดึกเสร็จ ธีร์ธวัชก็เข้าไปอาบน้ำ ส่วนสายขิมก็เก็บจานชามไปล้าง แต่ก่อนจะเข้าห้อง ผู้ชายตัวโตก็ยังไม่วายหันกลับมาย้ำกับเธอว่าห้ามลืมสัญญาที่พูดเอาไว้ ทำทุกอย่างเรียบร้อย สายขิมก็เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของเขา ที่เจ้าของบอกเอาไว้ว่าไม่ได้ล็อกเข้ามาได้เลย แต่พอเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นว่าเฮียธีร์นั่งอยู่หน้าจอแล็ปท็อปดูเหมือนจะยุ่งมาก “เฮียธีร์ทำงานเหรอคะ” คนตัวเล็กเอ่ยถาม แล้วเลือกที่จะไปนั่งตรงโซฟาในห้องเพื่อจะได้ไม่รบกวนอีกฝ่าย “ครับ ต้องเช็กรายการที่ค้างไว้น่ะ” ธีร์ธวัชตอบกลับทั้งที่สายตายังจ้องอยู่ที่เดิม “ปกติขิมไม่เคยเห็นเฮียเอางานมาทำที่คอนโด” “ก็วันนี้อยากกลับเร็ว ๆ มากินติ่มซำกับขิมไง” มือที่จับเมาส์อยู่วางลงแล้วหันเก้าอี้กลับมามองเด็กดื้อที่นั่งทำตาใสแป๋วอยู่ไม่ไกล จะว่าไปแล้ว พอยัยตัวแสบไม่เถียง ไม่ต่อปากต่อคำ ก็ดูน่ารักดี “นี่เฮียจะบอกว่าขิมเป็นสาเหตุให้เฮียทิ้งงานเหรอคะ” “เปล่านะ เพราะเฮียอยากจะเห็นหน้าขิมต่างหาก” น้ำเสียงทุ้มละมุนที่พูดออกมากำลังพาให้ความคิดเตลิดไปไกล ทั้งแ
การมาบาร์วันนี้ต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย เนื่องจากคนเป็นเจ้าของต้องมาที่นี่เพียงคนเดียว ใจหนึ่งก็อยากจะหยุดอยู่คอนโดเพราะว่าสายขิมดันป่วยขึ้นมาเฉย ๆ ด้วยอาการแพ้อากาศ อยากจะดูแลอยู่ข้าง ๆ แต่ทางภรรยากลับไล่ให้ออกมาที่บาร์ เธอไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นภาระขนาดนั้น และบอกว่าให้เขามองงานสำคัญเป็นที่หนึ่งเสมอ...ห้ามเกเร ห้ามดื้ออีก อาจเพราะสภาพอากาศในช่วงนี้ที่ช่างน่าเบื่อหน่าย การที่ผู้คนเลือกจะหาสถานที่ดื่มด่ำผ่อนคลายจึงกลายเป็นเรื่องที่นิยมขึ้นมา ยูนิคอร์นบาร์จึงแทบไม่เหลือที่ว่าง มันประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิด แต่ก็รองลงมาจากการประสบความสำเร็จเรื่องราวความรักอยู่ดี... ธีร์ธวัชดินตรวจดูรอบ ๆ ร้าน พูดคุยกับลูกค้าสอบถามความเห็นและปัญหาอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการ สิ่งนี้คืออีกเสน่ห์หนึ่งที่ทำให้บาร์ของธีร์ธวัชประสบความสำเร็จได้และติดลมบนอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเขาเดินตรงไปยังบาร์เครื่องดื่ม ที่เวลานี้บาร์เทนเดอร์กำลังโชว์ลวดลายลีลาเชคผสมรังสรรค์เมนูเลิศรสให้กับลูกค้าชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว มองจากข้างหลังก็ยังรู้ว่าเป็นใคร
เธอยังคงสดในเหมือนกับวันแรกที่ได้เจอ... ธีร์ธวัชลอบมองใบหน้าจิ้มลิ้มยามหลับใหลของหญิงสาวอันเป็นที่รักเงียบ ๆ เธอยังไม่ตื่น อาจเพราะเมื่อคืนบทรักที่ร่วมบรรเลงคงยาวนานไปหน่อยสำหรับเด็กดื้อเสียงลมหายใจดังขึ้นแผ่วเบา แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ลอดผ่านม่านพลิ้วไสวสาดทับใบหน้าเนียนยิ่งทำให้ความน่าเสน่หาของสายขิมเปล่งประกาย ปลายนิ้วละเลียดสัมผัสปอยผมด้วยความรักใคร่ ทุกครั้งเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ธีร์ธวัชไม่เคยนึกฝันว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะได้ลงเอยกับใครสักคนแบบนี้หนึ่งเดือนพ้นผ่านหลังจากงานวิวาห์ จะว่าตนเองคือรางวัลของพยายามที่สายขิมตามจีบตามตื๊ออย่างไม่ว่างเว้นก็คงไม่ผิด แต่ถึงอย่างนั้น คนที่ไม่เคยอยากจะมีเมียกลับรู้สึกอบอุ่นและโชคดีที่ได้เธอคนนี้มานอนกอดไม่ต่างกัน รัก...รัก...รัก...รักที่สุด ขิมของเฮีย! ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกริ่มขึ้นมาในความเงียบงัน เป็นเวลาเดียวกับที่แพขนตาสวยขยับเปิดขึ้น สายขิมลืมตาขึ้นมาอย่างแช่มช้า ขยับตัวไปมาในวงแขนของสามี ก่อนที่จะได้เห็นว่าอีกฝ่ายตื่นอยู่ก่อนแล้ว “เฮียธีร์...ตื่นนานหรือยังคะ” เสียงใสเอ่ยถาม พอสายตาได
“เฮียธีร์...เป็นอะไรคะ” สายขิมเอ่ยถามพร้อมกับใช้สายตามองดูสามีที่นอนคว่ำอยู่บนที่นอน ทั้งยังใช้กำปั้นทุบบริเวณไหล่ตัวเองไม่หยุด “ปวดไหล่เหรอคะ”“อืม...” ธีร์ธวัชพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ“ถ้าอย่างนั้นขิมช่วยนวดให้นะ” มือนุ่มวางสัมผัสลงไปบนแผ่นหลังกว้าง เปลือกตาคมปิดลงให้ภรรยาตัวน้อยช่วยนวดคลายความปวดเมื่อย “ไปทำอะไรมาคะ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ปวดหลัง ปวดไหล่ได้ หรือว่าเฮียไปยกอะไรหนัก ๆ มา” “เมื่อคืนช่วยเด็กยกลังใส่โซดาน่ะ เดินผ่านเห็นคนไม่พอ น่าจะผิดท่าไปหน่อย” มือนุ่มเริ่มขยับออกแรงกดลงไปหนัก ๆ ใบหน้าคมเอียงซบลงไปบนหมอนนิ่ม เอียงข้างหันมาด้านหนึ่ง เมื่อเส้นตึงได้รับการบีบนวดถูกอกถูกใจ จึงเผลอครางออกมาผ่านลำคอ เหมือนต้องการอยากบอกกับหมอนวดส่วนตัวว่าตนพออกพอใจเพียงใด “อืม...ขิมนวดเก่งจัง ตรงนั้นแหละ” “ตรงนี้เหรอคะ” คนตัวเล็กขยับตัวขึ้นมาอีกนิดเพื่อจะได้กดน้ำหนักลงบนไหล่แกร่งได้สะดวก ทำให้ตอนนี้ลำตัวของเธออยู่ระดับสายตาของคนที่นอนอยู่อย่างพอดิบพอดี “อืม...”เจ้าของไหล่กว้างปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่าตอนนี้สายตา
โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮิ้ว.... จบเสียงโห่นำก็ตามมาด้วยเสียงกลองยาว ฉิ่ง ฉาบ ที่เริ่มบรรเลงดนตรีเป็นจังหวะสนุกสนาน พร้อมกับคนที่เดินอยู่ในขบวนขันหมากต่างยกไม้ยกมือขึ้นฟ้อนรำมาตามถนน ธีร์ธวัชในชุดเจ้าบ่าวสีขาวสะอาดพาดบ่าด้วยสไบสีทองเดินอยู่หน้าสุด ข้าง ๆ กันเยื้องไปด้านหลังนิดหน่อยมีเพื่อนสนิทสองคนที่เดินถือพานสินสอดตามมาด้วย “หน้าบานเหมือนจานข้าวหมา” เป็นเสียงของกิตติภพพูดขึ้นปนหมั่นไส้ เนื่องจากสีหน้าของคนเป็นเจ้าบ่าววันนี้ดูจะเบิกบานเกินหน้าเกินตา ไม่เหมือนกับไอ้คนที่ประกาศปาว ๆ ว่าจะไม่แต่งงานเมื่อหลายเดือนก่อนเลยสักนิดเดียว “เรื่องของกู” คนโดนแขวะตอบกลับทั้งที่สายตายังจ้องมองไปยังถนนที่ตรงไปยังบ้านของเขา รอยยิ้มกว้างที่อยู่บนใบหน้าไม่ได้หุบลงแม้แต่วินาทีเดียว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ยับเยินให้กับเด็กดื้อที่เคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่แต่งงานด้วยเด็ดขาด แต่ใครใช้ให้เธอน่ารัก น่ามอง แถมยั่วเก่ง นาทีนี้อดใจไหวก็คงไม่ใช่ผู้ชาย แต่ที่มากกว่านั้น ก็คงเป็นความจริงใจที่สายขิมมีให้ หากคิดทบทวนกลับไปให้ดี
สายขิมจ้องมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของธีร์ธวัช ก่อนที่ทั้งสองคนจะหันมองหน้ากัน แล้วก้มมองรายชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจออีกครั้ง “เฮียธีร์แน่ใจแล้วนะ” “แน่ใจแล้วสิ ถ้าไม่แน่ใจเฮียไม่ทำแบบนี้หรอก” เขาตอบแล้ววาดวงแขนรั้งคนตัวเล็กให้มาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนที่ปลายนิ้วจะกดโทรออกหาคนที่โชว์อยู่บนหน้าจอ ไม่นานนักก็มีเสียงทักทายมาจากปลายสาย //โทรมาแต่เช้า มีอะไรหรือเปล่าตาธีร์ หรือว่าน้องไม่สบายแกถึงได้โทรมาหาแม่// แม่ของเขานี่ยังไงกัน นึกถึงแต่ลูกสาวสุดที่รักตลอด ไม่ถามไถ่ลูกตัวเองสักคำว่าสุขสบายดีไหม “นี่แม่คิดแต่ว่าผมจะรังแกลูกสาวแม่หรือไงครับ ถึงได้ถามแบบนี้” น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจกรอกไปตามสาย ทำเอาคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนได้แต่แอบหัวเราะอยู่คนเดียว ก็เวลาเฮียธีร์คุยกับคุณแม่ เหมือนว่าจะทำตัวเป็นเด็กมากกว่าตอนอยู่กับเธอเสียอีก //แล้วแกโทรมาทำไมแต่เช้า// “ผมมีข่าวดีจะบอกแม่ด้วยล่ะ” //ข่าวดีอะไรของแก// แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงของคุณหญิงแม่ดูจะไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าไหร่กับคำว่า ‘ข่าว
แสงแดดในยามบ่ายตกกระทบน้ำทะเลจนเป็นประกายระยิบระยับราวกับเพชรที่กำลังต้องแสง สายลมพัดโชยพาเอาไอเค็มของทะเลมาแตะต้องผิวหนัง ธีร์ธวัชเอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดสีขาว สายตาคมกวาดมองไปทั่วบริเวณจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ร่างบางของเด็กดื้อที่กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่ไม่ไกล สายขิมในชุดบิกินี่สีชมพูอ่อนตัดกับผิวสีน้ำผึ้งดูโดดเด่น ขณะที่คลื่นลูกเล็กๆ ซัดเข้าใส่ร่างอรชร ทำให้ชุดว่ายน้ำแนบชิดไปกับเรือนร่างยิ่งขึ้น นัยน์ตาคมเข้มไล่มองคนตัวเล็กที่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่เส้นผมสีดำสนิทที่ปลิวไปตามลม ใบหน้าหวานที่เปื้อนยิ้ม แก้มนุ่มที่แดงระเรื่อจากแสงแดด ไปจนถึงเรือนร่างที่ดูสมส่วนในชุดบิกินี่ตัวจิ๋ว แล้วก้อนเนื้อใต้หน้าอกข้างซ้ายก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เป็นเอามากแล้วจริง ๆ ยิ่งเขามองยัยตัวเล็กนานมากเท่าไหร่ รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็กว้างขึ้นมากเท่านั้น และมันก็กว้างเสียจนกิตติภพที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดข้าง ๆ กันพูดขึ้น “อาการมันเป็นยังไงบอกกูมาดิ๊ ต้องกินยา หรือว่าต้องไปหาหมอไหมไอ้ธีร์” ได้ยินคำถามของเพื่อนซี้ ธีร์ธวัชก็ค่อย ๆ เบนสายต
“ทำไมจู่ ๆ มึงอยากไปเที่ยวทะเล” ธีร์ธวัชยืนพ่นควันบุหรี่อยู่ที่ระเบียงคอนโด ในมือถือโทรศัพท์กำลังคุยกับกิตติภพ เขาถามออกไปอย่างนั้น เพราะเมื่อครู่เพื่อนสนิทบอกว่า สุดสัปดาห์นี้จะไปเที่ยวทะเลกันและเป็นการชวนกึ่งบังคับที่เขาจะต้องไปด้วย //ก็หมวยเพิ่งกลับจากจีนไง กว่ามหา’ลัยจะเปิดเทอม กูก็อยากพาน้องไปเที่ยวก่อน// “มึงอยากพาน้องไปเที่ยว หรือว่าอยากจะไปแดกเพื่อนน้องที่ริมทะเลกันแน่วะ” //ไอ้เหี้ยธีร์ กูไม่นิยมกินเด็กมึงก็รู้// คำตอบของเพื่อนทำเอาธีร์ธวัชได้แต่หัวเราะเบา ๆ อยู่ในลำคอ คนอย่างเสี่ยตี๋ไม่นิยมกินเด็กก็จริง แต่ว่า...หากเด็กมันยั่วมาก ๆ ก็ไม่น่าจะทนไหว ขนาดเขาที่ว่าอดทนเก่งแล้ว ก็ยังทนที่สายขิมยั่วไม่ไหวเลย “เออ ๆ เดี๋ยวกูบอกขิมก่อน” //เจอกันวันเสาร์ แค่นี้แหละ// จบคำว่า แค่นี้แหละ สายก็ตัดไปทันที ร่างสูงหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องก็เห็นว่าเด็กดื้อกำลังนั่งกินขนมสบายใจ จะว่าไปแล้ว เขาเองก็ไม่เคยพาสายขิมไปเที่ยวที่ไหนเลยตั้งแต่ตกลงคบกัน ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีแล้วกันจะได้พาเธอไปเปิดหูเปิดตา “ขิม...
“ขิมจะกลับพร้อมตาธีร์จริง ๆ เหรอลูก” คุณหญิงเธียรธาราเอ่ยถาม เมื่อกลับมาถึงบ้านในตอนเช้าแล้วเห็นว่าที่ลูกสะใภ้ลากกระเป๋าเดินทางออกมาด้วย ตามหลังสายขิมก็มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเดิมตามอยู่ไม่ห่าง “ค่ะคุณแม่ ขิมจะไปช่วยงานเฮียธีร์น่ะค่ะ เห็นว่าไม่อยู่แค่คืนเดียว ระบบในร้านรวนไปหมด” ธีร์ธวัชยืนเอามือล้วงกระเป๋า ไม่หือ ไม่อือ กับเหตุผลที่ยัยตัวเล็กเอ่ยบอกผู้เป็นแม่ ในตอนนี้ถึงเธอจะบอกว่าถูกตามให้กลับกรุงเทพฯ เพราะเขาทนความคิดถึงไม่ไหว ก็จะไม่เถียง ไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว แต่เป็นสายขิมเสียเองที่ตัดสินใจยังไม่อยากบอกเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แม่ได้รับรู้ “ถ้าอย่างนั้นก็เดินทางปลอดภัยนะลูก ว่างแล้วก็กลับมาเที่ยวบ้านกันบ่อย ๆ ล่ะ แม่คิดถึง” “ค่ะคุณแม่” สองมือยกขึ้นไหว้คนตรงหน้าอย่างนอบน้อม แล้วก็เดินไปยังรถที่จอดรออยู่ ในขณะที่ธีร์ธวัชกำลังจะเดินตามเด็กดื้อออกไป แม่ของเขาก็คว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน “ถ้าแกดูแลน้องไม่ดี รอบนี้แม่จะเอาน้องคืนแบบไม่ให้กลับไปหาแกอีกเลย” คุณหญิงเธียรธาราเอ่ยบอกลูกชายพร้อมกับระบายรอยยิ้มกว้างจนเกือ
ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูที่ดังอยู่ด้านนอก ทำให้คนที่กำลังจะล้มตัวลงนอนต้องดีดตัวลุกขึ้นมาเปิดไฟจนสว่างอีกครั้ง สายขิมเดินไปเปิดประตูเพื่อดูว่าเป็นใคร แล้วก็เห็นผู้ชายตัวโตกำลังยืนฉีกยิ้มกว้างอยู่ ทั้งในมือยังหอบหมอนกับผ้าห่มมาด้วยอีกต่างหาก “เฮียธีร์มาห้องขิมทำไมคะ”เธอเอ่ยถามถึงแม้จะพอรู้คำตอบอยู่บ้างแล้ว คนเจ้าเล่ห์แบบเขาก็คงมีเป้าหมายเดียวเท่านั้น“อยากนอนด้วย แล้วก็มาทวงรางวัลปลอบใจที่ขอเอาไว้เมื่อตอนบ่าย”ยังไม่ทันได้ตอบหรือเอ่ยอนุญาต ธีร์ธวัชก็แทรกตัวเข้ามาในห้องนอนของเธอแล้วเรียบร้อย แถมยังวางหมอนกับผ้าห่มของตัวเองไว้บนเตียงโดยไม่ขอความเห็นจากเจ้าของห้องแม้แต่คำเดียว“ขิมยังไม่ทันได้บอกเลยว่าจะให้เฮียธีร์นอนด้วย”“แต่เฮียอุตส่าห์มาแล้ว ขิมจะใจร้ายไล่เฮียได้ลงคอเหรอ” กำลังสลับบทบาทกันอยู่หรือเปล่านะ เมื่อก่อนเป็นเธอไม่ใช่เหรอที่พยายามเอาตัวไปอยู่ใกล้ ๆ เขา คอยทำทุกอย่างให้ผู้ชายตรงหน้าตกหลุมรัก แล้วดูตอนนี้สิ ทำตัวเหมือนแมวที่กำลังอ้อนขอความรักอยู่อย่างนั้นแหละ คนตัวเล็กส่ายหน้าเพียงเล็กน้อย แล้วก็เดินกลับไปนั่งบนเตียงนอนของตัวเอง ที่ต