“เฮียธีร์ จะไปทำงานแล้วเหรอคะ”
เดินยังไม่ห่างประตูห้องได้ถึงสามก้าว เสียงเล็ก ๆ ของคนที่อยู่ร่วมคอนโดก็ดังขึ้น ธีร์ธวัชถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ หันตัวไปทางเสียงเรียก
“ก็ใช่น่ะสิ มีอะไร”
เอ่ยถามพร้อมสายตาที่มองสำรวจสายขิมจนทั่วทั้งตัว วันนี้ดูเหมือนเธอจะแต่งตัวแปลกกว่าทุกวัน สายเดี๋ยวสีขาวมุกรัดรูป เข้าคู่กับกระโปรงยีนส์สั้น ถึงมันจะสั้นมากแต่ก็ดูไม่โป๊
“แต่งตัวจะไปไหน”
“ขิมก็จะไปช่วยงานเฮียธีร์ที่ร้านไงคะ”
คำตอบของยัยตัวแสบทำให้นัยน์ตาคมเบิกกว้าง ไล่สายตามองหน้าเธอสลับกับชุดที่ใส่ไปมา
“เดี๋ยว...ไปช่วยงานทำไมแต่งตัวแบบนี้”
“ไม่สวยเหรอคะ ขิมคิดว่าที่บาร์ของเฮียธีร์น่าจะมีแต่คนสวย ๆ ไปเที่ยว ก็เลยแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศน่ะค่ะ”
“ไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้”
เสียงเข้ม ๆ พูดลอดไรฟันเอ่ยคำสั่งออกมา ไม่ใช่ว่าเธอใส่ไม่สวย แต่มันอันตรายเกินไป ไม่ใช่อันตรายกับใครที่ไหน อันตรายกับความรู้สึกของเขาเองนี่แหละ
“ไม่ค่ะ ขิมจะใส่ชุดนี้” คนตัวเล็กยังยืนยันคำตอบ “ทำไมคะ ขิมไม่สวยเหรอ”
สองเท้าเดินเข้ามาหาเขาช้า ๆ จนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าก่อนที่จะช้อนสายตาคมสวยขึ้นมอง “ว่าไงคะ ขิมไม่สวยเหรอ”
ธีร์ธวัชรีบเบนหน้าหนีเพราะไม่อยากสบดวงตาคู่นั้น แพขนตาหนาที่รับกับดวงตาคมโต มันกำลังสะกดจิตเขาอยู่
“อยากใส่ก็ใส่ ถ้าเจอไอ้พวกหื่น ๆ ลวนลามฉันไม่ช่วยนะบอกก่อน” เขาพูดขู่
“ก็ถ้าเฮียธีร์จะทนมองคนอื่นลวนลามขิมได้ ก็แล้วแต่เฮียเลยค่ะ”
ริมฝีปากบางสวยที่แต่งแต้มลิปสติกเอาไว้คลี่ยิ้มเพียงนิด แต่มันกลับกำลังทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอเปลี่ยนไปขนาดนี้ แทบไม่เหลือเค้าเด็กน้อยที่วิ่งตามก้นเขาเมื่อสมัยสิบปีก่อนเลย
‘สวย’ ทันทีที่คำนี้ผุดขึ้นมาในหัว ใบหน้าหล่อเหลาก็ต้องรีบส่ายไปมาแรง ๆ เพื่อขจัดมันออก เธอเป็นน้อง ท่องไว้ว่าสายขิมคือน้องสาว
แต่เป็นแค่น้องบุญธรรมนี่หว่า...
“เฮียธีร์”
“...”
“เฮียธีร์”
เมื่อเรียกถึงสองรอบแล้วแต่ผู้ชายตัวสูงยังยืนนิ่ง ไม่ตอบ ไม่หือ ไม่อือ สองเท้าเลยขยับเข้าใกล้เขาอีกอีกนิดพร้อมกับยกมือเล็กขึ้นโบกไปมาตรงหน้าของอีกฝ่าย
“ทำอะไรของเธอ” เมื่อได้สติธีร์ธวัชก็รีบเอ่ยถาม
“ก็ขิมเห็นเฮียยืนเหม่ออยู่ ก็เลยเช็กดูว่ายังสบายดี”
“ฉันไม่ได้ป่วย”
“แต่ขิมว่าคล้าย ๆ นะคะ”
ยัยตัวเล็กต่อปากต่อคำไม่หยุด ทำให้เขาถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนที่เดินเลยเธอไปยังหน้าประตู
“จะไปก็รีบตามมา”
ห้ามไปก็เท่านั้น เพราะยังไงนี่ก็เป็นหนึ่งในคำสั่งของแม่เขาอยู่แล้ว ก็คือการให้สายขิมไปช่วยงานที่ร้าน แต่ก็ดีเหมือนกัน บางทีถ้าเธอเห็นเขานัวเนียกับผู้หญิงคนอื่น ไม่แน่อาจจะรับไม่ไหวร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับใต้ไปเลยก็ได้
‘ฉลาดฉิบหาย’ ได้แต่ชมตัวเองในใจ
รถยนต์แล่นด้วยความเร็วขับไปยังยูนิคอร์นบาร์ ภายในมีผู้หญิงตัวเล็กเต้นโยกย้ายไปตามจังหวะเสียงเพลงที่เปิดดังลั่น จนผู้เป็นเจ้าของต้องยกมือขึ้นมานวดขมับคลายความปวดหัว
“เบาเสียงลงหน่อยไม่ได้หรือไง”
“ทำไมอะ เฮียไม่ชอบเหรอ”
“หนวกหู”
“ทีอยู่ในร้านเสียงดังจะตายยังทนได้”
ไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่ตั้งแต่ยัยดื้อนั่งรถมาด้วยแล้วต่อปากต่อคำกับเขา จะพูดอะไรมากก็ไม่ได้เพราะมีคุณหญิงแม่คอยให้ท้ายอยู่ แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างพอดิบพอดี
หรือเป็นเพราะขยับตัวมากไป เลยทำให้คอเสื้อตัวจิ๋วที่เธอสวมอยู่มันเลื่อนต่ำลงมาก จนเผยให้เห็นสองเต้าอวบใหญ่ที่โชว์อยู่เกินครึ่งเต้า
อึก! เสียงน้ำลายถูกกลืนลงคอไปอย่างยากลำบาก แล้วพยายามควบคุมจิตใจไปมองถนนแทน แต่ไม่ได้ผล!
“ขิม ดึงเสื้อขึ้น” จนสุดท้ายธีร์ธวัชก็ทนไม่ไหวต้องเอ่ยบอกเด็กดื้อออกไป เพราะกลัวว่าตัวเองจะตบะแตกเข้าจริง ๆ
คนตัวเล็กหันหน้ามาทางเฮียธีร์ของเธอแล้วก้มมองเสื้อตัวเอง ก็พบว่าคอเสื้อมันร่นลงไปจนเห็นถึงไหนต่อไหน แต่แทนที่จะดึงขึ้นปิดตามคำสั่ง สายขิมกลับขยับตัวเข้ามาใกล้ จนหน้าอกอวบ ๆ แทบจะชิดกับแขนล่ำ
“ดึงขึ้นทำไมคะ เฮียธีร์ไม่ชอบเหรอ ทีกับผู้หญิงคนอื่นขิมเห็นเฮียชอบเวลาพวกนั้นแต่งตัวยั่ว ๆ แบบนี้”
เดี๋ยวนะ! ยัยเด็กดื้อนี่แปลกไปหรือเปล่า ทำไมทำท่าทางเหมือนกำลังยั่วเขาอยู่แบบนี้ล่ะ
“ดึงขึ้น หรือเธอจะให้ฉันดึงขึ้นให้”
“ถ้าเฮียธีร์กล้า ก็เอาสิคะ”
รถยนต์คันใหญ่เลี้ยวเข้าจอดข้างทางแทบจะทันทีเมื่อสายขิมพูดจบประโยค เมื่อรถจอดสนิท คนตัวโตก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออก แล้วเบี่ยงตัวไปทางที่เด็กดื้อนั่งอยู่
“เธอกำลังท้าฉันอยู่นะสายขิม”
“ขิมเปล่าท้าเฮียนะ แค่บอกเฉย ๆ”
ทั้งน้ำเสียงและสีหน้า ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่อาการแบบนี้เหมือนกำลังยั่วเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น บางทีอาจจะเป็นแผนการที่คุณหญิงแม่ของเขาวางเอาไว้
หึ! ไม่สำเร็จหรอก แต่ว่า...หรือมันจะสำเร็จ?
“แน่ใจเหรอว่าจะใช้วิธีนี้”
เสียงทุ้มเอ่ยถาม พร้อมกับใช้นิ้วมือดึงคอเสื้อที่เปิดกว้างให้ขึ้นมาปิดส่วนที่โชว์อยู่ สายตาคมจับจ้องไปยังใบหน้าสวยที่แต่งแต้มเครื่องสำอางเอาไว้ จะว่าไปเธอก็สวยใช่เล่น ก่อนที่จะหลุบสายตามองยังหน้าอกที่มือของเขายังจับคอเสื้อ
“อืม...ใหญ่ดีเหมือนกันนะ”
“พะ พอแล้วเฮีย”
ท้าเขาไปแบบนั้น พอเอาเข้าจริงหัวใจดวงน้อยกลับเต้นระส่ำแทบคุมไม่ได้ เฮียธีร์ที่ทำเมินเฉยกับเธอตลอด พอเป็นแบบนี้รู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย
“นี่เสื้อ ใส่คลุมเอาไว้”
ธีร์ธวัชหยิบเสื้อคลุมที่แขวนอยู่ด้านหลังรถยื่นไปให้ ตัวเขาเองก็ไม่อยากจะตบะแตกตอนนี้เหมือนกัน ยังไม่อยากมีเมีย และยังไม่อยากแต่งงาน
มือเล็กรับเสื้อที่อีกฝ่ายยื่นมาให้แล้วสวมอย่างว่าง่าย แล้วเบนใบหน้าหันไปมองนอกหน้าต่างรถเพื่อไม่ให้เขาเห็นว่าตอนนี้ หน้าของเธอคงแดงเถือกจนทั่วแล้ว
ลมหายใจถูกพ่นออกมาเบา ๆ เพื่อขจัดความประหม่าจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แววตาแบบนั้นที่เธอไม่เคยได้เห็นมันเลย ราวกับว่าเขากำลังเล้าโลมเธออยู่ แต่ว่า...ถ้าอยากได้เขา เราก็ต้องใจกล้าสิ!
ความเงียบเข้าปกคลุมในรถ แม้แต่เพลงที่เธอเปิดเต้นก็กดปิดแล้ว สายขิมยอมนั่งนิ่ง ๆ เป็นเด็กดีจนรถของเขาเลี้ยวมาจอดยังหน้าร้าน
“ไม่ได้มานาน ร้านเฮียคนเยอะเหมือนเดิมเลยนะ”
เสียงใสเอ่ยพูดเมื่อเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับใช้สายตากวาดมองรอบ ๆ บาร์ของเขา และส่วนมากเท่าที่เห็นตอนนี้ ลูกค้าจะเป็นผู้หญิงทั้งนั้น แต่ยังเดินไม่ถึงไหนก็มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาเกาะแขนของเฮียธีร์เอาไว้
“เสี่ยขา...ไหนบอกจะโทรหากิ๊บซี่ยังไงล่ะคะ เสี่ยหายไปหลายวัน กิ๊บซี่คิดถึงรู้หรือเปล่า”
‘อ๋อ...นี่เองสินะ น้องกิ๊บซี่’ สายขิมได้แต่คิดในพร้อมกับยืนกอดอกมองผู้หญิงตรงหน้ากำลังออดอ้อนออเซาะว่าที่สามีของเธออยู่
แขนเรียวตวัดคล้องแขนคนตัวโตอัตโนมัติ พร้อมกับเบียดตัวเข้าชิดใกล้ ทำให้เห็นไปเลยว่าผู้ชายคนนี้ของฉัน!
“คนนี้ใครคะเสี่ย”
“อ๋อ...น้องสาวน่ะ มาช่วยงาน”
สายขิมหน้ายู่ลงทันทีเมื่ออีกฝ่ายแนะนำสถานะเธอไปแบบนั้น ได้เลยเฮียธีร์ เจอไม้เด็ดแน่!
“ถ้าอย่างนั้นเฮียรีบขึ้นข้างบนดีกว่านะคะ จะได้ทำงาน มัวแต่เสียเวลากับเรื่องไร้สาระ เดี๋ยวจะเสียงานเสียการ”
เธอย้ำคำว่าไร้สาระอย่างชัดถ้อยชัดคำ จนทำให้กิ๊บซี่แทบจะถลึงตาใส่ แต่คนอย่างสายขิมจะแคร์เหรอ เธอถูกคุณแม่ของเขาเทรนด์มาอย่างดีแล้ว
ธีร์ธวัชไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ก็เลือกที่จะเดินตามแรงดึงของน้องสาวต่างพ่อแม่ขึ้นมาข้างบนห้องทำงาน ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะเชื่อฟัง แต่ว่ามีเอกสารหลายอย่างที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยพอดี
///////////////////////////////////////////////////////
“ไหนบอกว่าจะมาช่วยงาน แล้วไปนั่งหน้าบูดอะไรอยู่ตรงนั้น”ธีร์ธวัชอดที่จะถามไม่ได้ เมื่อเห็นสายขิมนั่งกอดอกมองหน้าเขาด้วยสายตาที่กำลังบ่งบอกว่าไม่พอใจอะไรสักอย่าง “ทำคนเดียวไปเถอะค่ะ” “ถ้าไม่ช่วยแล้วจะตามมาทำไม” “ทำไมคะ หรือว่าเฮียกลัวยัยน้องกิ๊บซี่นั่นเข้าใจผิด” ใบหน้าคมเข้มส่ายไปมาเบา ๆ แล้วก็ก้มลงไปอ่านเอกสารที่อยู่ตรงหน้าต่อ เขาไม่อยากเถียงกับเธอด้วยเรื่องไร้สาระ และกับกิ๊บซี่ เขาก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าจะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสายขิมว่าเป็นอะไรกัน “ถ้าไม่ช่วยก็นั่งเงียบ ๆ ไปแบบนั้นแหละ ดีเหมือนกันฉันขี้เกียจทะเลาะกับเธอ” แต่แทนที่คนถูกบอกให้เงียบจะเงียบตามคำสั่ง สายขิมกลับพาตัวเองไปนั่งยังเก้าอี้ที่อยู่ตรงโต๊ะทำงานของเขา แขนข้างหนึ่งยกขึ้น วางข้อศอกลงบนโต๊ะแล้วใช้มือเท้าคางตัวเองเอาไว้ ดวงตากลมโตก็จ้องมองดูเฮียธีร์ พร้อมกะพริบปริบ ๆ ไปด้วย ถึงจะไม่มีเสียงพูดคุย หรือเสียงอื่น ๆ ออกมาให้รำคาญ แต่ว่า การที่ถูกใครสักคนมานั่งจ้องอย่างเอาเป็นเอาตายตอนกำลังทำงาน ก็ทำให้ธีร์ธวัชแทบจะไม่มีสมาธิ “นี่...สายขิม” ปากก
ติ๊งต่อง...เสียงกริ่งหน้าประตูซึ่งดังขึ้นติดกันสามครั้งแล้ว ทำให้สายขิมที่กำลังวุ่นวายอยู่ในครัวรีบถอดผ้ากันเปื้อนออก จากนั้นก็รีบวิ่งมาเปิดประตู เธอรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ใครจะมาหา ถึงได้รีบตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าว ทั้งที่ยังปวดหัวเพราะอาการแฮงค์เหล้าที่ดื่มมากเกินไปเมื่อคืน“สวัสดีค่ะคุณแม่”ทันทีที่ประตูเปิดออก เสียงหวานใสก็เอ่ยทักทายคนตรงหน้า พร้อมกับยื่นมือไปช่วยรับกระเป๋าและถุงกระดาษอีกหลายถุงที่อยู่ในมือของคุณหญิงเธียรธารามาถือเอาไว้ แล้วเดินนำมายังห้องนั่งเล่น“ตาธีร์ไปไหนเสียล่ะ”ผู้เป็นแม่เอ่ยถามขณะที่กำลังหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาในห้องรับแขก พลางใช้สายตากวาดดูรอบ ๆ คอนโดของลูกชายก่อนที่จะหันมามองหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ของตนเอง“เฮียธีร์ยังไม่ตื่นค่ะ พอดีเมื่อคืนกลับมาดึกค่ะ”“แล้วนี่ขิมกำลังทำอะไรอยู่เหรอลูก”“อ๋อ...ขิมทำกับข้าวไว้รอคุณแม่ค่ะ รออีกสิบนาทีก็เสร็จแล้วล่ะค่ะ คุณแม่หิวหรือยังคะ”คุณหญิงเธียรธารามองดูหน้าเจ้าของคำตอบแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สายขิมเป็นเด็กน่ารัก รู้จักกาลเทศะ ทั้งยังรู้จักเอาอกเอาใจผู้ใหญ่ งานบ้าน งานเรือน ทำได้ทุกอย่าง ไม่เสียแรงที่เลี้ยงดูมาเองกับมือ“แล้วกับต
“ไอ้ธีร์ มึงจะรีบแดกไปไหน เพิ่งบ่ายสามโมงเอง” กิตติภพทักขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนซี้เอาแต่ยกแก้วเหล้ากระดกเข้าปากรัว ๆ โดยที่ไม่เว้นจังหวะตั้งแต่มาถึงคลับของเขา ถึงแม้ที่นี่จะเปิดร้านหนึ่งทุ่ม แต่ห้องวีไอพีเจ้าของร้านนั้นเปิดตลอด 24 ชั่วโมง “แดกเหมือนเมียทิ้ง” คราวนี้เป็นภัทรกรพูดขึ้นบ้าง “พวกมึงสองคนไม่เข้าใจหรอก ว่าคนกำลังเครียดมันเป็นยังไง” “แล้วมึงเครียดเรื่องอะไร” สองเพื่อนซี้ถามขึ้นแทบจะพร้อมกัน แล้วตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบจากปากของคนที่จะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม “เมื่อเช้าแม่กูมาหา แล้วก็ถามเรื่องสายขิม” พอพูดจบ เพื่อนทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างกับนัดไว้ โดยเฉพาะกิตติภพ ที่ดูจะขบขันกับอาการของเพื่อนซี้ในตอนนี้มากที่สุด “ไอ้เหี้ยตี๋ มึงจะหัวเราะอะไรขนาดนั้นวะ” “แม่มึงอยากจะให้แต่ง แต่ง ๆ ไปก็จบ สายขิมก็สวย น่ารัก ทำกับข้าวก็เก่ง ทำงานก็เก่ง ไม่ดีตรงไหนวะ” ที่รู้ เพราะเพื่อนตัวดีที่กำลังกระดกเหล้ารัว ๆ เคยเล่าให้ฟังอยู่บ้าง ทีแรกคิดว่าธีร์ธวัชไม่น่าจะมีปัญหาหากต้องแต่งงานกับเธอจริง
เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังไม่หยุดทำให้เปลือกตาคู่สวยต้องเปิดขึ้น ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอจะไม่อยากตื่นเลยแม้แต่น้อย สายตาจ้องมองฝ้าเพดาน หัวใจเต้นตึกตัก ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จู่ ๆ เฮียธีร์ก็เปลี่ยนไป ทั้งที่ปกติเขาจะพยายามอยู่ห่างเธอให้มากที่สุดแท้ ๆ ฝ่ามือแตะลงบนหัวไหล่ แล้วเลื่อนมาแตะบนเนินอกที่ถูกเขาประทับริมฝีปากลงไปเมื่อคืน ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับคนเป็นไข้ เฮียธีร์ร้ายกาจที่สุด! ร่างเล็กดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เรื่องเมื่อคืนเธอแค่ยังไม่ทันตั้งตัว วันนี้เอาใหม่ ยังไงก็ยอมแพ้ตอนนี้ไม่ได้ เพื่อคุณแม่ ท่องไว้ เพื่อคุณแม่ ก๊อก ก๊อก! ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูที่ดังอยู่หลายครั้ง ทำให้คนที่ยังนอนอยู่จำใจลุกขึ้นมาทั้งที่งัวเงียแล้วเดินมาเปิดประตู “มีอะไร คนจะนอน” “เฮียธีร์พูดไม่เพราะเหมือนเมื่อคืนเลยค่ะ” น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจของยัยตัวเล็กที่พูดอยู่ตรงหน้าทำให้ธีร์ธวัชต้องรีบปรับโทนเสียงตัวเองใหม่ ภารกิจยังไม่สำเร็จ ช่วงนี้ก็คงต้องทำแบบเมื่อคืนไปก่อน “ขอโทษครับ พอด
“สวัสดีครับเสี่ย วันนี้หน้าตาสดชื่นจังเลยนะครับ” เสียงของพนักงานในร้ายเอ่ยทักทาย ทำให้ธีร์ธวัชรีบใช้มือจับดูหน้าตัวเอง แปลกตรงไหน ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด “แปลกเหรอ” เขาย้อนถามพนักงาน “ครับ แปลกมาก” “แปลกยังไง” “ก็วันนี้เสี่ยเดินยิ้มตั้งแต่หน้าร้านจนถึงตอนนี้ ยังไม่หุบเลยนะครับ” ริมฝีปากที่คลี่ยิ้มอยู่อย่างไม่รู้ตัวรีบหุบลงทันที พร้อมเม้มเข้าหากันแน่นกว่าเก่า “เอาเหล้าขึ้นไปให้ด้วย เหมือนเดิม” “ครับ ๆ ผมจะรีบเอาขึ้นไปให้นะครับ” เสียงเข้ม ๆ เอ่ยสั่งเครื่องดื่มแก้เขิน ก่อนที่จะรีบก้าวขายาว ๆ จ้ำอ้าวไปยังชั้นสองที่เป็นห้องทำงาน แต่รอยยิ้มที่หุบเอาไว้เมื่อครู่ดันคลี่ออกมาอีกแล้วโดยที่เขาไม่รู้ตัว ธีร์ธวัชหย่อนตัวลงนั่งยังเก้าอี้ทำงานเมื่อเข้ามาในห้อง แผ่นหลังเอนพิงพนัก นิ้วมือก็เคาะลงบนโต๊ะ ในหัวกำลังฉายภาพเมื่อเช้าที่เขากำลังจูบยัยตัวแสบ ริมฝีปากเธอนุ่มมาก แถมหวานอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลิปสติกหรือเปล่าที่ทำให้เขารู้สึกว่าปากของเด็กดื้อนั้นหวานกว่าทุกคนที่เคยจูบมา ‘ฟ
หลังจากติ่มซำมื้อดึกเสร็จ ธีร์ธวัชก็เข้าไปอาบน้ำ ส่วนสายขิมก็เก็บจานชามไปล้าง แต่ก่อนจะเข้าห้อง ผู้ชายตัวโตก็ยังไม่วายหันกลับมาย้ำกับเธอว่าห้ามลืมสัญญาที่พูดเอาไว้ ทำทุกอย่างเรียบร้อย สายขิมก็เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของเขา ที่เจ้าของบอกเอาไว้ว่าไม่ได้ล็อกเข้ามาได้เลย แต่พอเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นว่าเฮียธีร์นั่งอยู่หน้าจอแล็ปท็อปดูเหมือนจะยุ่งมาก “เฮียธีร์ทำงานเหรอคะ” คนตัวเล็กเอ่ยถาม แล้วเลือกที่จะไปนั่งตรงโซฟาในห้องเพื่อจะได้ไม่รบกวนอีกฝ่าย “ครับ ต้องเช็กรายการที่ค้างไว้น่ะ” ธีร์ธวัชตอบกลับทั้งที่สายตายังจ้องอยู่ที่เดิม “ปกติขิมไม่เคยเห็นเฮียเอางานมาทำที่คอนโด” “ก็วันนี้อยากกลับเร็ว ๆ มากินติ่มซำกับขิมไง” มือที่จับเมาส์อยู่วางลงแล้วหันเก้าอี้กลับมามองเด็กดื้อที่นั่งทำตาใสแป๋วอยู่ไม่ไกล จะว่าไปแล้ว พอยัยตัวแสบไม่เถียง ไม่ต่อปากต่อคำ ก็ดูน่ารักดี “นี่เฮียจะบอกว่าขิมเป็นสาเหตุให้เฮียทิ้งงานเหรอคะ” “เปล่านะ เพราะเฮียอยากจะเห็นหน้าขิมต่างหาก” น้ำเสียงทุ้มละมุนที่พูดออกมากำลังพาให้ความคิดเตลิดไปไกล ทั้งแ
ฮืม...ฮืม...ฮืม เสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีของคนตัวเล็กที่กำลังทำกับขนมอยู่ในครัว มือทำไป ปากจิ้มลิ้มก็ขยับเป็นทำนองไปด้วย วันนี้สายขิมตั้งใจจะทำขนมไปให้เฮียธีร์ที่ออกไปทำงานตั้งแต่ตอนบ่าย ส่วนเป้าหมายก็ไม่มีอะไรมาก แค่หาเรื่องได้อยู่ใกล้ ๆ อีกฝ่ายเท่านั้นเอง หลังจากคืนก่อนที่เธอเสนอตัวไปเป็นหมอนข้างให้เขานอนกอด ผู้ชายตัวโตก็ดูเหมือนจะเริ่มเว้นระยะห่างมากขึ้นอีกแล้ว คงรู้ว่าวิธีที่ตนเองทำอยู่ไม่ได้ผล ตอนนี้คงกำลังหาวิธีใหม่เพื่อจะทำให้เธอล้มเลิกความตั้งใจแล้วกลับใต้ไปซะ แต่คนอย่างสายขิม...ไม่ยอมง่าย ๆ หรอก ใช้เวลาไม่นานมากนัก คัพเค้กที่อบอยู่ในตู้อบก็เสร็จเรียบร้อย สายขิมนำถาดขนมออกมาวางด้านนอกแล้วเริ่มตกแต่งหน้าตาแต่ละชิ้นด้วยความตั้งใจ ถึงแม้เรื่องงานแต่งงานของเธอกับเขาจะเป็นเหมือนการคลุมถุงชนที่คุณแม่จัดการให้ แต่ว่า หากไม่ได้รู้สึกรักสักนิด คนอย่างสายขิมก็คงไม่ยอมง่าย ๆ แบบนี้แน่ แต่สำหรับเฮียธีร์ ไม่แน่ใจนักหรอกว่าเขารู้สึกอย่างไร หากว่าสุดท้ายเมื่อพยายามทำทุกอย่างแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่อยากแต่งงานกับเธอ เมื่อถึงตอนนั้นคิดเอาไว้ว่าจะ
“คุณขิมวันนี้มาเที่ยวเหรอคะ” เสียงพนักงานต้อนรับในบาร์เอ่ยทักทายหญิงสาวสวยในชุดเดรสรัดรูปสีดำที่เพิ่งเดินเข้ามาด้านใน “เปล่าค่ะ พอดีขิมเอาเอกสารมาให้เฮียธีร์ค่ะ ว่าแต่ เฮียธีร์อยู่บนห้องทำงานใช่ไหมคะ”เธอเอ่ยตอบพร้อมกับถามหาเจ้าของยูนิคอร์นบาร์ “เมื่อกี้เห็นเสี่ยลงมาข้างล่างแล้วนั่งดื่มกับเพื่อนอยู่แถวโซนวีไอพีนะคะ คุณขิมจะไปหาไหมคะ เดี๋ยวหนูเตรียมเหล้าไปเสิร์ฟให้”“ไม่ล่ะค่ะ ขิมแค่จะเอาเอกสารมาให้เฮียธีร์น่ะ ขอบคุณมากนะคะ” คล้อยหลังพนักงานซึ่งต้องไปต้อนรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามา สายขิมจึงเดินตรงเข้าไปด้านในสุดของร้านทางซึ่งมีบันไดวนที่จะขึ้นไปส่วนออฟฟิศของบาร์ตรงชั้นสองลูกบิดประตูหน้าห้องถูกล็อก คิ้วมนเลิกขึ้นเล็กน้อย แต่เพราะคิดว่าเจ้าของห้องยังนั่งดื่มอยู่ที่โซนวีไอพี สายขิมจึงหยิบกุญแจที่เธอเองก็มีในฐานะคนช่วยดูแลร้านไขเข้าห้อง แต่ภาพที่เห็นทำเอาเธอต้องเม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรง มันเป็นภาพของเฮียธีร์ที่กำลังซุกไซ้ใบหน้าอยู่ตรงอกใหญ่กลมที่ตอนนี้ไร้ซึ่งเสื้อผ้าปกปิด หญิงสาวหน้าตาสะสวยด้วยเครื่องสำอางหันมาเห็นเธอก็ตกใจร้องรีบผละออกจากชายหนุ
การมาบาร์วันนี้ต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย เนื่องจากคนเป็นเจ้าของต้องมาที่นี่เพียงคนเดียว ใจหนึ่งก็อยากจะหยุดอยู่คอนโดเพราะว่าสายขิมดันป่วยขึ้นมาเฉย ๆ ด้วยอาการแพ้อากาศ อยากจะดูแลอยู่ข้าง ๆ แต่ทางภรรยากลับไล่ให้ออกมาที่บาร์ เธอไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นภาระขนาดนั้น และบอกว่าให้เขามองงานสำคัญเป็นที่หนึ่งเสมอ...ห้ามเกเร ห้ามดื้ออีก อาจเพราะสภาพอากาศในช่วงนี้ที่ช่างน่าเบื่อหน่าย การที่ผู้คนเลือกจะหาสถานที่ดื่มด่ำผ่อนคลายจึงกลายเป็นเรื่องที่นิยมขึ้นมา ยูนิคอร์นบาร์จึงแทบไม่เหลือที่ว่าง มันประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิด แต่ก็รองลงมาจากการประสบความสำเร็จเรื่องราวความรักอยู่ดี... ธีร์ธวัชดินตรวจดูรอบ ๆ ร้าน พูดคุยกับลูกค้าสอบถามความเห็นและปัญหาอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการ สิ่งนี้คืออีกเสน่ห์หนึ่งที่ทำให้บาร์ของธีร์ธวัชประสบความสำเร็จได้และติดลมบนอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเขาเดินตรงไปยังบาร์เครื่องดื่ม ที่เวลานี้บาร์เทนเดอร์กำลังโชว์ลวดลายลีลาเชคผสมรังสรรค์เมนูเลิศรสให้กับลูกค้าชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว มองจากข้างหลังก็ยังรู้ว่าเป็นใคร
เธอยังคงสดในเหมือนกับวันแรกที่ได้เจอ... ธีร์ธวัชลอบมองใบหน้าจิ้มลิ้มยามหลับใหลของหญิงสาวอันเป็นที่รักเงียบ ๆ เธอยังไม่ตื่น อาจเพราะเมื่อคืนบทรักที่ร่วมบรรเลงคงยาวนานไปหน่อยสำหรับเด็กดื้อเสียงลมหายใจดังขึ้นแผ่วเบา แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ลอดผ่านม่านพลิ้วไสวสาดทับใบหน้าเนียนยิ่งทำให้ความน่าเสน่หาของสายขิมเปล่งประกาย ปลายนิ้วละเลียดสัมผัสปอยผมด้วยความรักใคร่ ทุกครั้งเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ธีร์ธวัชไม่เคยนึกฝันว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะได้ลงเอยกับใครสักคนแบบนี้หนึ่งเดือนพ้นผ่านหลังจากงานวิวาห์ จะว่าตนเองคือรางวัลของพยายามที่สายขิมตามจีบตามตื๊ออย่างไม่ว่างเว้นก็คงไม่ผิด แต่ถึงอย่างนั้น คนที่ไม่เคยอยากจะมีเมียกลับรู้สึกอบอุ่นและโชคดีที่ได้เธอคนนี้มานอนกอดไม่ต่างกัน รัก...รัก...รัก...รักที่สุด ขิมของเฮีย! ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกริ่มขึ้นมาในความเงียบงัน เป็นเวลาเดียวกับที่แพขนตาสวยขยับเปิดขึ้น สายขิมลืมตาขึ้นมาอย่างแช่มช้า ขยับตัวไปมาในวงแขนของสามี ก่อนที่จะได้เห็นว่าอีกฝ่ายตื่นอยู่ก่อนแล้ว “เฮียธีร์...ตื่นนานหรือยังคะ” เสียงใสเอ่ยถาม พอสายตาได
“เฮียธีร์...เป็นอะไรคะ” สายขิมเอ่ยถามพร้อมกับใช้สายตามองดูสามีที่นอนคว่ำอยู่บนที่นอน ทั้งยังใช้กำปั้นทุบบริเวณไหล่ตัวเองไม่หยุด “ปวดไหล่เหรอคะ”“อืม...” ธีร์ธวัชพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ“ถ้าอย่างนั้นขิมช่วยนวดให้นะ” มือนุ่มวางสัมผัสลงไปบนแผ่นหลังกว้าง เปลือกตาคมปิดลงให้ภรรยาตัวน้อยช่วยนวดคลายความปวดเมื่อย “ไปทำอะไรมาคะ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ปวดหลัง ปวดไหล่ได้ หรือว่าเฮียไปยกอะไรหนัก ๆ มา” “เมื่อคืนช่วยเด็กยกลังใส่โซดาน่ะ เดินผ่านเห็นคนไม่พอ น่าจะผิดท่าไปหน่อย” มือนุ่มเริ่มขยับออกแรงกดลงไปหนัก ๆ ใบหน้าคมเอียงซบลงไปบนหมอนนิ่ม เอียงข้างหันมาด้านหนึ่ง เมื่อเส้นตึงได้รับการบีบนวดถูกอกถูกใจ จึงเผลอครางออกมาผ่านลำคอ เหมือนต้องการอยากบอกกับหมอนวดส่วนตัวว่าตนพออกพอใจเพียงใด “อืม...ขิมนวดเก่งจัง ตรงนั้นแหละ” “ตรงนี้เหรอคะ” คนตัวเล็กขยับตัวขึ้นมาอีกนิดเพื่อจะได้กดน้ำหนักลงบนไหล่แกร่งได้สะดวก ทำให้ตอนนี้ลำตัวของเธออยู่ระดับสายตาของคนที่นอนอยู่อย่างพอดิบพอดี “อืม...”เจ้าของไหล่กว้างปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่าตอนนี้สายตา
โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮิ้ว.... จบเสียงโห่นำก็ตามมาด้วยเสียงกลองยาว ฉิ่ง ฉาบ ที่เริ่มบรรเลงดนตรีเป็นจังหวะสนุกสนาน พร้อมกับคนที่เดินอยู่ในขบวนขันหมากต่างยกไม้ยกมือขึ้นฟ้อนรำมาตามถนน ธีร์ธวัชในชุดเจ้าบ่าวสีขาวสะอาดพาดบ่าด้วยสไบสีทองเดินอยู่หน้าสุด ข้าง ๆ กันเยื้องไปด้านหลังนิดหน่อยมีเพื่อนสนิทสองคนที่เดินถือพานสินสอดตามมาด้วย “หน้าบานเหมือนจานข้าวหมา” เป็นเสียงของกิตติภพพูดขึ้นปนหมั่นไส้ เนื่องจากสีหน้าของคนเป็นเจ้าบ่าววันนี้ดูจะเบิกบานเกินหน้าเกินตา ไม่เหมือนกับไอ้คนที่ประกาศปาว ๆ ว่าจะไม่แต่งงานเมื่อหลายเดือนก่อนเลยสักนิดเดียว “เรื่องของกู” คนโดนแขวะตอบกลับทั้งที่สายตายังจ้องมองไปยังถนนที่ตรงไปยังบ้านของเขา รอยยิ้มกว้างที่อยู่บนใบหน้าไม่ได้หุบลงแม้แต่วินาทีเดียว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ยับเยินให้กับเด็กดื้อที่เคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่แต่งงานด้วยเด็ดขาด แต่ใครใช้ให้เธอน่ารัก น่ามอง แถมยั่วเก่ง นาทีนี้อดใจไหวก็คงไม่ใช่ผู้ชาย แต่ที่มากกว่านั้น ก็คงเป็นความจริงใจที่สายขิมมีให้ หากคิดทบทวนกลับไปให้ดี
สายขิมจ้องมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของธีร์ธวัช ก่อนที่ทั้งสองคนจะหันมองหน้ากัน แล้วก้มมองรายชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจออีกครั้ง “เฮียธีร์แน่ใจแล้วนะ” “แน่ใจแล้วสิ ถ้าไม่แน่ใจเฮียไม่ทำแบบนี้หรอก” เขาตอบแล้ววาดวงแขนรั้งคนตัวเล็กให้มาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนที่ปลายนิ้วจะกดโทรออกหาคนที่โชว์อยู่บนหน้าจอ ไม่นานนักก็มีเสียงทักทายมาจากปลายสาย //โทรมาแต่เช้า มีอะไรหรือเปล่าตาธีร์ หรือว่าน้องไม่สบายแกถึงได้โทรมาหาแม่// แม่ของเขานี่ยังไงกัน นึกถึงแต่ลูกสาวสุดที่รักตลอด ไม่ถามไถ่ลูกตัวเองสักคำว่าสุขสบายดีไหม “นี่แม่คิดแต่ว่าผมจะรังแกลูกสาวแม่หรือไงครับ ถึงได้ถามแบบนี้” น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจกรอกไปตามสาย ทำเอาคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนได้แต่แอบหัวเราะอยู่คนเดียว ก็เวลาเฮียธีร์คุยกับคุณแม่ เหมือนว่าจะทำตัวเป็นเด็กมากกว่าตอนอยู่กับเธอเสียอีก //แล้วแกโทรมาทำไมแต่เช้า// “ผมมีข่าวดีจะบอกแม่ด้วยล่ะ” //ข่าวดีอะไรของแก// แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงของคุณหญิงแม่ดูจะไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าไหร่กับคำว่า ‘ข่าว
แสงแดดในยามบ่ายตกกระทบน้ำทะเลจนเป็นประกายระยิบระยับราวกับเพชรที่กำลังต้องแสง สายลมพัดโชยพาเอาไอเค็มของทะเลมาแตะต้องผิวหนัง ธีร์ธวัชเอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดสีขาว สายตาคมกวาดมองไปทั่วบริเวณจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ร่างบางของเด็กดื้อที่กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่ไม่ไกล สายขิมในชุดบิกินี่สีชมพูอ่อนตัดกับผิวสีน้ำผึ้งดูโดดเด่น ขณะที่คลื่นลูกเล็กๆ ซัดเข้าใส่ร่างอรชร ทำให้ชุดว่ายน้ำแนบชิดไปกับเรือนร่างยิ่งขึ้น นัยน์ตาคมเข้มไล่มองคนตัวเล็กที่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่เส้นผมสีดำสนิทที่ปลิวไปตามลม ใบหน้าหวานที่เปื้อนยิ้ม แก้มนุ่มที่แดงระเรื่อจากแสงแดด ไปจนถึงเรือนร่างที่ดูสมส่วนในชุดบิกินี่ตัวจิ๋ว แล้วก้อนเนื้อใต้หน้าอกข้างซ้ายก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เป็นเอามากแล้วจริง ๆ ยิ่งเขามองยัยตัวเล็กนานมากเท่าไหร่ รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็กว้างขึ้นมากเท่านั้น และมันก็กว้างเสียจนกิตติภพที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดข้าง ๆ กันพูดขึ้น “อาการมันเป็นยังไงบอกกูมาดิ๊ ต้องกินยา หรือว่าต้องไปหาหมอไหมไอ้ธีร์” ได้ยินคำถามของเพื่อนซี้ ธีร์ธวัชก็ค่อย ๆ เบนสายต
“ทำไมจู่ ๆ มึงอยากไปเที่ยวทะเล” ธีร์ธวัชยืนพ่นควันบุหรี่อยู่ที่ระเบียงคอนโด ในมือถือโทรศัพท์กำลังคุยกับกิตติภพ เขาถามออกไปอย่างนั้น เพราะเมื่อครู่เพื่อนสนิทบอกว่า สุดสัปดาห์นี้จะไปเที่ยวทะเลกันและเป็นการชวนกึ่งบังคับที่เขาจะต้องไปด้วย //ก็หมวยเพิ่งกลับจากจีนไง กว่ามหา’ลัยจะเปิดเทอม กูก็อยากพาน้องไปเที่ยวก่อน// “มึงอยากพาน้องไปเที่ยว หรือว่าอยากจะไปแดกเพื่อนน้องที่ริมทะเลกันแน่วะ” //ไอ้เหี้ยธีร์ กูไม่นิยมกินเด็กมึงก็รู้// คำตอบของเพื่อนทำเอาธีร์ธวัชได้แต่หัวเราะเบา ๆ อยู่ในลำคอ คนอย่างเสี่ยตี๋ไม่นิยมกินเด็กก็จริง แต่ว่า...หากเด็กมันยั่วมาก ๆ ก็ไม่น่าจะทนไหว ขนาดเขาที่ว่าอดทนเก่งแล้ว ก็ยังทนที่สายขิมยั่วไม่ไหวเลย “เออ ๆ เดี๋ยวกูบอกขิมก่อน” //เจอกันวันเสาร์ แค่นี้แหละ// จบคำว่า แค่นี้แหละ สายก็ตัดไปทันที ร่างสูงหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องก็เห็นว่าเด็กดื้อกำลังนั่งกินขนมสบายใจ จะว่าไปแล้ว เขาเองก็ไม่เคยพาสายขิมไปเที่ยวที่ไหนเลยตั้งแต่ตกลงคบกัน ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีแล้วกันจะได้พาเธอไปเปิดหูเปิดตา “ขิม...
“ขิมจะกลับพร้อมตาธีร์จริง ๆ เหรอลูก” คุณหญิงเธียรธาราเอ่ยถาม เมื่อกลับมาถึงบ้านในตอนเช้าแล้วเห็นว่าที่ลูกสะใภ้ลากกระเป๋าเดินทางออกมาด้วย ตามหลังสายขิมก็มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเดิมตามอยู่ไม่ห่าง “ค่ะคุณแม่ ขิมจะไปช่วยงานเฮียธีร์น่ะค่ะ เห็นว่าไม่อยู่แค่คืนเดียว ระบบในร้านรวนไปหมด” ธีร์ธวัชยืนเอามือล้วงกระเป๋า ไม่หือ ไม่อือ กับเหตุผลที่ยัยตัวเล็กเอ่ยบอกผู้เป็นแม่ ในตอนนี้ถึงเธอจะบอกว่าถูกตามให้กลับกรุงเทพฯ เพราะเขาทนความคิดถึงไม่ไหว ก็จะไม่เถียง ไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว แต่เป็นสายขิมเสียเองที่ตัดสินใจยังไม่อยากบอกเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แม่ได้รับรู้ “ถ้าอย่างนั้นก็เดินทางปลอดภัยนะลูก ว่างแล้วก็กลับมาเที่ยวบ้านกันบ่อย ๆ ล่ะ แม่คิดถึง” “ค่ะคุณแม่” สองมือยกขึ้นไหว้คนตรงหน้าอย่างนอบน้อม แล้วก็เดินไปยังรถที่จอดรออยู่ ในขณะที่ธีร์ธวัชกำลังจะเดินตามเด็กดื้อออกไป แม่ของเขาก็คว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน “ถ้าแกดูแลน้องไม่ดี รอบนี้แม่จะเอาน้องคืนแบบไม่ให้กลับไปหาแกอีกเลย” คุณหญิงเธียรธาราเอ่ยบอกลูกชายพร้อมกับระบายรอยยิ้มกว้างจนเกือ
ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูที่ดังอยู่ด้านนอก ทำให้คนที่กำลังจะล้มตัวลงนอนต้องดีดตัวลุกขึ้นมาเปิดไฟจนสว่างอีกครั้ง สายขิมเดินไปเปิดประตูเพื่อดูว่าเป็นใคร แล้วก็เห็นผู้ชายตัวโตกำลังยืนฉีกยิ้มกว้างอยู่ ทั้งในมือยังหอบหมอนกับผ้าห่มมาด้วยอีกต่างหาก “เฮียธีร์มาห้องขิมทำไมคะ”เธอเอ่ยถามถึงแม้จะพอรู้คำตอบอยู่บ้างแล้ว คนเจ้าเล่ห์แบบเขาก็คงมีเป้าหมายเดียวเท่านั้น“อยากนอนด้วย แล้วก็มาทวงรางวัลปลอบใจที่ขอเอาไว้เมื่อตอนบ่าย”ยังไม่ทันได้ตอบหรือเอ่ยอนุญาต ธีร์ธวัชก็แทรกตัวเข้ามาในห้องนอนของเธอแล้วเรียบร้อย แถมยังวางหมอนกับผ้าห่มของตัวเองไว้บนเตียงโดยไม่ขอความเห็นจากเจ้าของห้องแม้แต่คำเดียว“ขิมยังไม่ทันได้บอกเลยว่าจะให้เฮียธีร์นอนด้วย”“แต่เฮียอุตส่าห์มาแล้ว ขิมจะใจร้ายไล่เฮียได้ลงคอเหรอ” กำลังสลับบทบาทกันอยู่หรือเปล่านะ เมื่อก่อนเป็นเธอไม่ใช่เหรอที่พยายามเอาตัวไปอยู่ใกล้ ๆ เขา คอยทำทุกอย่างให้ผู้ชายตรงหน้าตกหลุมรัก แล้วดูตอนนี้สิ ทำตัวเหมือนแมวที่กำลังอ้อนขอความรักอยู่อย่างนั้นแหละ คนตัวเล็กส่ายหน้าเพียงเล็กน้อย แล้วก็เดินกลับไปนั่งบนเตียงนอนของตัวเอง ที่ต