ฮืม...ฮืม...ฮืม
เสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีของคนตัวเล็กที่กำลังทำกับขนมอยู่ในครัว มือทำไป ปากจิ้มลิ้มก็ขยับเป็นทำนองไปด้วย วันนี้สายขิมตั้งใจจะทำขนมไปให้เฮียธีร์ที่ออกไปทำงานตั้งแต่ตอนบ่าย ส่วนเป้าหมายก็ไม่มีอะไรมาก แค่หาเรื่องได้อยู่ใกล้ ๆ อีกฝ่ายเท่านั้นเอง
หลังจากคืนก่อนที่เธอเสนอตัวไปเป็นหมอนข้างให้เขานอนกอด ผู้ชายตัวโตก็ดูเหมือนจะเริ่มเว้นระยะห่างมากขึ้นอีกแล้ว คงรู้ว่าวิธีที่ตนเองทำอยู่ไม่ได้ผล ตอนนี้คงกำลังหาวิธีใหม่เพื่อจะทำให้เธอล้มเลิกความตั้งใจแล้วกลับใต้ไปซะ
แต่คนอย่างสายขิม...ไม่ยอมง่าย ๆ หรอก
ใช้เวลาไม่นานมากนัก คัพเค้กที่อบอยู่ในตู้อบก็เสร็จเรียบร้อย สายขิมนำถาดขนมออกมาวางด้านนอกแล้วเริ่มตกแต่งหน้าตาแต่ละชิ้นด้วยความตั้งใจ ถึงแม้เรื่องงานแต่งงานของเธอกับเขาจะเป็นเหมือนการคลุมถุงชนที่คุณแม่จัดการให้ แต่ว่า หากไม่ได้รู้สึกรักสักนิด คนอย่างสายขิมก็คงไม่ยอมง่าย ๆ แบบนี้แน่
แต่สำหรับเฮียธีร์ ไม่แน่ใจนักหรอกว่าเขารู้สึกอย่างไร หากว่าสุดท้ายเมื่อพยายามทำทุกอย่างแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่อยากแต่งงานกับเธอ เมื่อถึงตอนนั้นคิดเอาไว้ว่าจะเป็นคนบอกคุณแม่ด้วยตนเองว่าให้ยกเลิกเรื่องงานแต่ง
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คัพเค้กที่อยู่ในถาดก็ถูกตกแต่งด้วยครีมหลากสีและผลไม้สดจนครบ
“ฝีมือยังดีไม่เปลี่ยนนะเนี่ย”
คนตัวเล็กเขยิบตัวถอยหลังสองก้าวแล้วมายืนมองดูขนมที่ตนเองเพิ่งทำเสร็จด้วยความภาคภูมิใจ เสน่ห์ปลายจวัก มันอาจจะมัดใจผู้ชายอย่างเฮียธีร์ได้ ใครจะรู้
“รีบไปอาบน้ำดีกว่า”
สายขิมเอ่ยบอกกับตัวเองก่อนที่จะถอดผ้ากันเปื้อนออกวางไว้ แต่ขณะที่กำลังจะเดินผ่านห้องนั่งเล่น สายตาก็เหลือบไปเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะ
“เฮียธีร์ลืมเหรอ”
สองเท้ามาหยุดอยู่ตรงโต๊ะแล้วหยิบซองนั้นขึ้นมาดู พอเปิดออกก็เห็นว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับร้าน ด้วยกลัวว่ามันอาจจะเป็นเอกสารสำคัญที่เขาต้องใช้ สายขิมจึงรีบหยิบโทรศัพท์แล้วกดโทรหาคนที่ตอนนี้น่าถึงร้านนานแล้ว
//มีอะไรเหรอขิม//
“เฮียธีร์ลืมเอกสารน่ะค่ะ รีบใช้หรือเปล่าเดี๋ยวขิมเอาไปให้ดีไหมคะ”
//จริงด้วย เฮียก็ลืมไปเลย งั้นขิมช่วยเอามาให้เฮียหน่อยนะ มาถึงขึ้นมาบนห้องทำงานได้เลย//
“ได้ค่ะ เดี๋ยวขิมอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ”
หลังจากวางสาย ร่างเล็กก็ย่างกรายเข้ามาในห้องนอน เธอเร่งรีบอาบน้ำและในตอนนี้ก็มาหยุดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า
“อืม...ยั่วสักหน่อยดีไหมนะ”
ที่จริงก็ไม่รู้หรอกว่าหากเฮียธีร์จะทำขึ้นมาจริง ๆ ตนเองจะตกใจ จะพร้อมหรือเปล่า แต่หากว่าไม่ทำอะไรเลยความหวังที่จะได้แต่งงานกับเขาก็ยิ่งมีน้อยลงเรื่อย ๆ เธอไม่ได้อยากจะเอาเรื่องแบบนี้มามัดมือชก ก็ถ้าผู้ชายตัวโตยอมมีอะไรด้วย นั่นเท่ากับว่าเขาเองก็น่าจะมีใจบ้างแล้วสักหน่อย
ถึงตอนนี้จะยังไม่เห็นโอกาสนั้นเลยก็เถอะ...
ชุดชั้นในแสนวาบหวิวถูกสวมลงบนตัว ตามด้วยชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีดำสุดเซ็กซี่ ผมยาวตรงบวกกับสีสันที่แต่งแต้มลงบนใบหน้าเพียงนิด มันก็ทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่สวยจนผู้ชายมองเหลียวหลังได้ไม่ยาก
ถึงจะตัวเล็กด้วยความสูงเพียง 160 นิด ๆ แต่ทรวดทรงที่เด่นชัดไม่ว่าจะเป็นส่วนเว้า ส่วนโค้ง จนถึงหน้าอกหน้าใจที่โดดเด่นจึงทำให้เธอสวมชุดไหนก็ดูดี
อีกด้าน ขณะที่ธีร์ธวัชกำลังรอเอกสารจากสายขิม เขาก็ลงมาเดินสำรวจร้านอยู่ด้านล่าง วันนี้ลูกค้าเข้าแต่หัววันและแน่นอนว่าส่วนมากก็ยังเป็นผู้หญิง หลายต่อหลายคนมาเที่ยวก็เพื่อหวังจะได้เจอเจ้าของร้าน ส่วนอีกหลายคนก็หวังมามองเด็กเสิร์ฟหน้าตาหล่อเหลาที่เขาจัดเอาไว้บริการ
“วันนี้ทุกอย่างเรียบร้อยหรือเปล่า”
เขาเอ่ยถามพนักงานชายที่เดินผ่านมาพอดี
“เรียบร้อยดีครับเสี่ย คิดว่าดึกกว่านี้ลูกค้าน่าจะเต็มร้านครับ”
“อืม...ดี งั้นก็ทำงานกันดี ๆ ละกัน อย่าให้ลูกค้าไม่พอใจ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรให้รีบบอกฉันได้ทันที”
“ได้ครับเสี่ย”
พนักงานชายโค้งศีรษะให้แล้วก็เดินไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ส่วนผู้เป็นเจ้าของร้านก็เดินดูไปเรื่อย ๆ ทุกโซน จนมาหยุดอยู่ที่ตรงโซนวีไอพี แล้วก็มีเสียงหนึ่งเรียกขึ้น
“เสี่ยคะ มานั่งดื่มกับกิ๊บซี่หน่อยสิคะ”
สาวสวยอดีตคู่ขาประจำที่เขาเพิ่งยกเลิกการเลี้ยงดูเธอไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเอ่ยทักทาย พร้อมกับเดินมาหาพูดจาออดอ้อนชวนให้ไปนั่งด้วย
“พอดีฉันตรวจร้านอยู่น่ะ”
“แหม...เสี่ยก็ นี่ยังโกรธกิ๊บซี่อยู่เหรอคะ แต่วันนี้กิ๊บซี่มาในฐานะลูกค้านะคะ จะมาดื่มด้วยกันสักหน่อยไม่ได้เลยเหรอ ใจร้ายจังเลยค่ะ”
ไอ้เขาก็เป็นพวกแพ้ลูกอ้อนแบบนี้เสียด้วย เอาก็เอา โต๊ะที่เธอนั่งอยู่ก็มีหลายคน ไปดื่มเป็นเพื่อนเพื่อดูแลลูกค้าสักหน่อยคงไม่มีอะไรเสียหาย
ทันทีที่เขาพยักหน้าตอบรับ วงแขนของหญิงสาวก็คล้องเขากับแขนแกร่ง เพียงแค่ร่างสูงหย่อนตัวลงนั่ง คนที่ชวนมาทิ้งตัวลงนั่งเบียดข้างกันในทันที แก้วเครื่องดื่มถูกยกขึ้นมาชนแก้วแล้วแก้วเล่า บรรยากาศเสียงเพลงที่ดังคลออยู่ยิ่งเพิ่มความสนุกสนานให้คนในโต๊ะมากกว่าเดิม
“อยากดื่มอะไรสั่งได้เลยนะ เดี๋ยววันนี้เสี่ยเลี้ยงเอง”
ไหน ๆ เธอก็เคยมอบความสุขให้กับเขามาหลายต่อหลายครั้ง ตอบแทนด้วยการจ่ายค่าเครื่องดื่มเล็ก ๆ น้อย ๆ คงไม่เสียหายอะไรมาก ถือเสียว่าเป็นการเลี้ยงส่งที่จะไม่ได้ดูแลกันอย่างใกล้ชิดอย่างเมื่อก่อนอีก
“ถ้าอย่างนั้น เฮียก็ต้องดื่มกับกิ๊บซี่เยอะ ๆ นะคะ”
“ได้อยู่แล้ว”
แก้วเหล้าสีอำพันถูกยกขึ้นป้อนให้กับชายหนุ่ม โดยมีสายตาเป็นประกายของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกันจับจ้องอยู่ตลอดเวลา ริมฝีปากที่แต่งแต้มลิปสติกสีสดเอาไว้คลี่ยิ้ม
“อืม...วันนี้เหมือนจะร้อน ๆ”
ธีร์ธวัชบ่นพึมพำกับตัวเองเมื่อเหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามกรอบหน้า ปกติในร้านของเขาจะเปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ แต่ค่ำคืนนี้ทำไมรู้สึกร้อนอย่างแปลกประหลาด ทั้งที่เมื่อครู่ก็ยังปกติดี
“ถ้าร้อน ก็ปลดกระดุมเสื้อลงหน่อยสิคะ”
ไม่ต้องรอให้เขาอนุญาต อดีตคู่ขาคนสวยก็เอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลงไปสองเม็ด เผยให้เห็นหน้าอกแกร่งที่มีกล้ามแน่นอยู่ข้างใน
“กิ๊บซี่คิดถึงเสี่ยนะคะ”
เธอออดอ้อน ยั่วเย้า วางมือลงบนแผงอกกว้างแล้วลูบไล้ไปมา อากาศที่เหมือนว่าร้อนในตอนแรกนั้น คราวนี้ธีร์ธวัชรู้แล้วว่ามันไม่ได้เป็นเพราะแอร์เสีย มันเป็นที่ร่างกายเขาต่างหาก ความรู้สึกวูบวาบเพียงแค่ถูกสัมผัสเล็กน้อย พร้อมกับอาการตื่นตัวของเจ้าลูกชายที่อยู่ในกางเกง ทำให้เขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น
‘ยาปลุกเซ็กซ์’ แม้จะรู้แต่ร่างกายก็ต่อต้านฤทธิ์ยาไว้ไม่ได้ ความต้องการพุ่งขึ้นสูงเรื่อย ๆ หุ่นอวบอัดของหญิงสาวเบียดเข้าหาใกล้ชนิด แนบสนิทจนแทบจะเป็นคนคนเดียวกัน โดยที่ไม่สนใจสายตาของเพื่อนร่วมโต๊ะเลยแม้แต่น้อย
“เสี่ยอยากเหรอคะ ขึ้นไปข้างบนกันไหม เดี๋ยวกิ๊บซี่จะทำให้ถึงใจเสี่ยเลยค่ะ”
แม้สมองจะบอกว่าไม่ เพราะเขาเอ่ยปากว่ายกเลิกดีลกับเธอไปแล้ว แต่ร่างกายในตอนนี้กลับกระทำสวนทางกัน ฝ่ามือคว้าเอาแขนของหญิงสาวแล้วดึงเธอให้ลุกขึ้นเดินตามขึ้นไปยังห้องทำงานส่วนตัว
เพียงประตูปิดลง ร่างสูงก็ถาโถมเข้าทาบทับบีบขยำฟอนเฟ้นคนที่อยู่ตรงหน้า เสียงครางแผ่วเบาที่เธอเปล่งออกมายั่วเย้ายิ่งทำให้ยามันออกฤทธิ์หนักมากกว่าเดิม
///////////////////////////////////////////////////////
“คุณขิมวันนี้มาเที่ยวเหรอคะ” เสียงพนักงานต้อนรับในบาร์เอ่ยทักทายหญิงสาวสวยในชุดเดรสรัดรูปสีดำที่เพิ่งเดินเข้ามาด้านใน “เปล่าค่ะ พอดีขิมเอาเอกสารมาให้เฮียธีร์ค่ะ ว่าแต่ เฮียธีร์อยู่บนห้องทำงานใช่ไหมคะ”เธอเอ่ยตอบพร้อมกับถามหาเจ้าของยูนิคอร์นบาร์ “เมื่อกี้เห็นเสี่ยลงมาข้างล่างแล้วนั่งดื่มกับเพื่อนอยู่แถวโซนวีไอพีนะคะ คุณขิมจะไปหาไหมคะ เดี๋ยวหนูเตรียมเหล้าไปเสิร์ฟให้”“ไม่ล่ะค่ะ ขิมแค่จะเอาเอกสารมาให้เฮียธีร์น่ะ ขอบคุณมากนะคะ” คล้อยหลังพนักงานซึ่งต้องไปต้อนรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามา สายขิมจึงเดินตรงเข้าไปด้านในสุดของร้านทางซึ่งมีบันไดวนที่จะขึ้นไปส่วนออฟฟิศของบาร์ตรงชั้นสองลูกบิดประตูหน้าห้องถูกล็อก คิ้วมนเลิกขึ้นเล็กน้อย แต่เพราะคิดว่าเจ้าของห้องยังนั่งดื่มอยู่ที่โซนวีไอพี สายขิมจึงหยิบกุญแจที่เธอเองก็มีในฐานะคนช่วยดูแลร้านไขเข้าห้อง แต่ภาพที่เห็นทำเอาเธอต้องเม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรง มันเป็นภาพของเฮียธีร์ที่กำลังซุกไซ้ใบหน้าอยู่ตรงอกใหญ่กลมที่ตอนนี้ไร้ซึ่งเสื้อผ้าปกปิด หญิงสาวหน้าตาสะสวยด้วยเครื่องสำอางหันมาเห็นเธอก็ตกใจร้องรีบผละออกจากชายหนุ
“ไอ้กร มึงปิดร้านก่อนเวลาไม่ได้เหรอวะ” ธีร์ธวัชที่นั่งอยู่ตรงด้านหน้าตู้โชว์ทองเอ่ยถามเพื่อนสนิทซึ่งกำลังให้บริการลูกค้า ยังไม่ทันที่ภัทรกรจะตอบอะไรกลับไป เพื่อนของเขาก็ถามย้ำลงมาอีกครั้ง “ว่าไงไอ้กร ปิดร้านเร็วหน่อย ไปหาไอ้ตี๋กัน” “อะไรของมึงวะไอ้ธีร์ กูยุ่งอยู่เนี่ย” หันกลับมาตอบเพื่อนเสร็จก็หันไปหาลูกค้า “สร้อยข้อมือหนึ่งบาทนะครับ เดี๋ยวให้น้องพนักงานเอามาให้ดูนะครับ” เมื่อบอกพนักงานในร้านให้มาดูแลลูกค้าต่อเรียบร้อย คราวนี้ภัทรกรก็หันมายืนเท้าสะเอวให้เพื่อนที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตรงเคาน์เตอร์ “มึงมีธุระอะไรวะ ถึงต้องมาบังคับให้กูปิดร้านเนี่ย” “สำคัญมาก ก็ต้องการความช่วยเหลือจากมึงกับไอ้ตี๋” เพื่อนซี้เพ่งพิจารณาสีหน้าของเขา เมื่อเห็นธีร์ธวัชมองมาด้วยสายตาละห้อยก็ทำเพียงพยักใบหน้ารับ “เออ ๆ รอกูอีกครึ่งชั่วโมงละกัน ให้ลูกค้าออกจากร้านหมดก่อน” เจ้าของใบหน้าเศร้า ๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีก เขาพยักหน้าตอบเพื่อนสนิทแล้วก็ยอมนั่งรอเงียบ ๆ โดยที่ไม่วุ่นวาย จนครบครึ่งชั่วโมง ลูกค้าคนสุดท้ายออกจากร้า
“ขิม เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เสียงเข้ม ๆ ที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้สายขิมต้องรีบหันไปมอง แล้วหัวคิ้วก็ต้องขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อเห็นร่างสูงกำลังเดินดุ่ม ๆ มาทางเธอ ใบหน้าแดงก่ำดูเคร่งขรึมจริงจัง ที่ไม่ต้องเดาให้เหนื่อยก็รู้ว่าคงไปดื่มมาอีกแน่ “ด่วนไหมคะ ถ้าไม่ด่วนขิมขอดูละครตอนนี้จบก่อนได้หรือเปล่า กำลังสนุกเลย” “ด่วนมาก” ไม่พูดเปล่า คนตัวโตหยิบรีโมทโทรทัศน์แล้วกดปิดละครที่เธอกำลังดูอยู่ทันที เด็กดื้องุ้มหน้าใส่ด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่จะหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดละครอีกครั้ง “เฮียจะมาปิดละครของขิมทำไม” “เพราะเฮียมีเรื่องต้องคุยกับเราไง” ธีร์ธวัชกดปิดโทรทัศน์อีกครั้งเป็นรอบที่สองแล้วโยนรีโมทไปบนโซฟาอีกตัว เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้กดเปิดมันขึ้นมาอีก สองมือแกร่งจับที่หัวไหล่มนแน่นแล้วดึงร่างเล็กให้ลุกขึ้นยืน “ทำไม” เขาเอ่ยถามเพียงสั้น ๆ “ทำไม? เรื่องอะไรคะ” “ก็เรื่องที่เราได้กันวันก่อน ทำไมขิมถึงเฉย ๆ เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำไมไม่บอกแม่เฮีย ทำไมถึงยังดูปกติทั้งที่ตัวเองโดนเปิดซิง” คำถามถู
“ขิม ไหนบอกจะไปช่วยทำงานที่ร้าน” ธีร์ธวัชเอ่ยถามพลางจ้องมองเด็กดื้อที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอน “ใช่ค่ะ ขิมก็จะไปช่วยเฮียธีร์ที่ร้านไงคะ” “ด้วยชุดนี้?” พอได้เห็นสายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองชุดเสื้อครอปตัวสั้น ใส่คู่กับกระโปรงจีบทวิสที่ความยาวประมาณสองคืบ สายขิมก็พยักหน้าตอบแล้วหมุนตัวหนึ่งรอบให้เขาดูชัด ๆ “ใช่ค่ะ ไม่สวยเหรอคะ” “ขิม ไปเปลี่ยนชุด” เขาเลือกที่จะไม่ตอบคำถามแต่ออกคำสั่งให้ยัยตัวเล็กไปเปลี่ยนไอ้ชุดสั้น ๆ นี้ในทันที ไอ้สวยมันก็สวยนั่นแหละ แต่จะให้ใส่ไปช่วยทำงานในร้าน หากมีลูกค้าผู้ชายที่เมาแล้วมาลวนลามจะทำอย่างไร ไม่ได้หวงหรอก แต่แค่ไม่อยากมีปัญหาหากแม่เขารู้เรื่องเข้าก็เท่านั้น “ไม่เปลี่ยนค่ะ ไม่เห็นเป็นไรเลย สวยดีออก” ไม่พูดเปล่า แต่เด็กดื้อเดินนำเขาไปทางหน้าประตู สวมรองเท้าแล้วยืนยิ้มแฉ่งรอ “ถ้าโดนคนเมาลวนลาม ฉันไม่ช่วยนะบอกไว้ก่อน” “ขิมโตแล้วนะ เฮียไม่ต้องห่วงหรอก” “โตแล้ว?” พูดจบก็ไล่สายตามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ถ้าบอกว่าโตก็ไม่เถียงหรอก แต่มันดั
สายตาคมจับจ้องไปยังหน้าจอที่แสดงภาพของกล้องวงจรปิดที่อยู่ในร้านทั้งหมด กล้องตัวหนึ่งที่ติดอยู่ในบาร์น้ำถูกปรับขยายให้เห็นภาพชัดขึ้น เพื่อเขาจะได้ดูเด็กดื้อที่บอกจะลงไปข้างล่างช่วยดูร้านว่ากำลังทำอะไร ท่างทางของเธอที่กำลังตื่นเต้นเมื่อได้ลองทำเครื่องดื่มสีสวยนั้นทำให้เขาเผลอยิ้มตามไม่รู้กี่รอบ ใครกันที่บอกจะมาช่วยทำงาน เท่าที่เห็นเหมือนเด็กมาเล่นระหว่างปิดเทอมมากกว่า “ยัยเตี้ยเอ๊ย...ชิมไปชิมมา เดี๋ยวก็เมาพอดี” ธีร์ธวัชบ่นกับตัวเองเบา ๆ พร้อมส่ายหน้าให้กับความแสนซนของเธอซึ่งกำลังหยิบแก้วเครื่องดื่มหลากสีที่ลองทำขึ้นมาชิมทีละแก้ว แล้วสายตาเป็นประกายระยับก็ต้องเปลี่ยนเป็นคิ้วขมวดเข้าหันกัน พร้อมกับรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ระบายอยู่บนใบหน้าก็หุบลงในทันที เมื่อมีลูกค้าผู้ชายมานั่งยังบาร์แล้วเริ่มพูดคุย รวมถึงสั่งเครื่องดื่มให้กับยัยตัวแสบของเขา ร่างสูงลุกพรวดจากเก้าอี้ทำงาน เดินไปเปิดประตูห้องอย่างรีบร้อนเพื่อลงไปยังด้านล่าง ภาพที่เห็นเมื่อมาถึงมันน่าหงุดหงิดชะมัด บอกแล้วว่าอย่าดื้อ อย่าซน แต่นี่อะไรกลับมายืนยิ้มพูดคุยกับผู้ชายคนอื่นเสียได้
“อืม...แล้วขิมว่า เด็กดื้อต้องโดนอะไรดีนะ” “แล้วเฮียจะลงโทษเด็กดื้อแบบขิมยังไงคะ” ทั้งสายตาและน้ำเสียงของเธอในตอนนี้คงต้องบอกตามตรงว่าทำให้อารมณ์ของเขาพุ่งสูงยิ่งกว่าโดนวางยาเสียอีก ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ที่เด็กน้อยแสนเรียบร้อยน่ารักกลายเป็นแม่เสือสาวที่สามารถตะปบเขาได้แล้ว “ในนี้?” “ที่ไหนก็ได้ค่ะ” ไวเท่าใจคิด สองมือใหญ่จับเอวคอดแล้วยกคนตัวเล็กลอยหวือขึ้นมานั่งบนเคาน์เตอร์ล้างมือ พร้อมกับร่างสูงที่เบียดแทรกมายืนอยู่หว่างขาเรียว สองแขนยกขึ้นคล้องคอของเขาอย่างรู้งาน ไหน ๆ ก็ฝึกด้วยการดูคลิปอย่างว่ามาตั้งเยอะแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องเอามาใช้สักหน่อย ใบหน้าคมถูกโน้มลงมาด้วยคนตัวเล็กกว่าจนปลายจมูกของทั้งคู่ชิดกัน ก่อนเสียงพร่าหวานจะเอ่ยออกมาอย่างยั่วยวน “ขิมอยากให้เฮียจูบ” “ยั่วเก่ง ไปฝึกมาจากไหน” เอ่ยถามแบบไม่ต้องการคำตอบ ริมฝีปากหยักประกบทาบทับลงไปตามคำร้องขอ ปลายลิ้นอุ่นดุนดันให้กลีบปากนุ่มอ้าออกให้แทรกเรียวลิ้นเข้าไปได้ และเพียงแค่เธอเผยออ้า ลิ้นของเขาก็ตวัดเกี่ยวเร่าร้อนในทันที ความรุ่
“แค่ไปกินเหล้ากับไอ้พวกนั้น ไม่เห็นจะต้องแต่งตัวจัดเต็มขนาดนี้เลย ข้างล่างก็สั้น ข้างบนก็เว้า” ผู้ชายตัวโตวัย 35 ขวบ บ่นออกมาเบา ๆ ระหว่างที่นั่งมองยัยตัวแสบกำลังสวมเสื้อผ้าอยู่ในห้องของเขา ใช่แล้ว...ตอนนี้ธีร์ธวัชให้สายขิมย้ายเข้ามานอนกับตัวเองในห้องนอนใหญ่ โดยให้เหตุผลที่ว่า เวลาอยากจะได้เอาได้ง่าย ๆ ส่วนยัยตัวเล็กก็ไม่ปฏิเสธหรือโต้แย้งอะไร เพราะนั่นก็คือสิ่งที่เธอต้องการมาตลอด การที่เฮียธีร์ให้เธอเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร นั่นย่อมหมายถึงอีกฝ่ายเริ่มเปิดใจให้เธอบ้างแล้ว “ก็เฮียธีร์เป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอคะว่าจะไปคลับของเพื่อนเฮีย ขิมก็ต้องแต่งตัวให้เหมาะกับสถานที่สิ” ก็ใช่ เขาเป็นคนบอกเองว่าจะไปคลับของเพื่อนซี้ ซึ่งคืนนี้กิตติภพปิดร้านเพื่อเลี้ยงฉลองต้อนรับน้องสาวเพียงคนเดียวกลับมาจากประเทศจีน แต่ว่า...ก็ไม่ได้หมายความจะให้เธอแต่งตัวด้วยชุดโป๊ ๆ แบบนี้สักหน่อย “มันโป๊ไปขิม เปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลย” “เฮียธีร์หวงขิมเหรอ” สายขิมเดินเข้ามาใกล้ ๆ คนตัวโตที่นั่งอยู่ปลายเตียง สองแขนยกขึ้นคล้องคอเขาเอาไว
ธีร์ธวัชเหลือบสายตามองดูสายขิมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงานของเขาเป็นระยะ เพราะรู้สึกว่าวันนี้เธอดูแปลกไปกว่าทุกวัน อาการที่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูบ่อย ๆ มันเหมือนกับว่ากำลังรอใครหรืออะไรบางอย่างอยู่ “เป็นอะไร มองนาฬิกาอยู่นั่น” “อ๋อ...วันนี้รุ่นพี่ที่สนิทกันมาสัมนาที่กรุงเทพฯ ค่ะ ขิมเลยชวนพวกพี่ ๆ มาเที่ยวที่ร้าน ขิมจะเลี้ยงเอง” เมื่อได้คำตอบใบหน้าคมก็พยักขึ้นลงอย่างเข้าใจ แต่ขณะที่กำลังจะก้มหน้าลงไปอ่านเอกสารต่อ ก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ ธีร์ธวัชเงยหน้าขึ้นมามองยัยตัวเล็กอีกครั้ง “รุ่นพี่ผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วมากันกี่คน” คนโดนถามยกนิ้วขึ้นมานับเพื่อไล่รายชื่อรุ่นพี่ที่จะมาในคืนนี้ เพียงครู่เดียวเธอก็ตอบพร้อมกับรอยยิ้ม “มาหกคนค่ะ ผู้หญิงสี่ ผู้ชายสอง” “ผู้ชายมีใครบ้าง” “บอกไปเฮียธีร์ก็ไม่รู้จักหรอก” เป็นการตัดบทที่ไม่สามารถเถียงอะไรต่อได้อีก ก็ถูกที่เขาไม่รู้จักเพื่อนหรือสังคมของเธอทางนั้นเลย อาจจะเพราะเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่มัธยมปลาย ตอนนั้นสายขิมก็ยังเด็กมาก จำได้ว่าเพิ่งจะสี่ขวบเท่าน
การมาบาร์วันนี้ต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย เนื่องจากคนเป็นเจ้าของต้องมาที่นี่เพียงคนเดียว ใจหนึ่งก็อยากจะหยุดอยู่คอนโดเพราะว่าสายขิมดันป่วยขึ้นมาเฉย ๆ ด้วยอาการแพ้อากาศ อยากจะดูแลอยู่ข้าง ๆ แต่ทางภรรยากลับไล่ให้ออกมาที่บาร์ เธอไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นภาระขนาดนั้น และบอกว่าให้เขามองงานสำคัญเป็นที่หนึ่งเสมอ...ห้ามเกเร ห้ามดื้ออีก อาจเพราะสภาพอากาศในช่วงนี้ที่ช่างน่าเบื่อหน่าย การที่ผู้คนเลือกจะหาสถานที่ดื่มด่ำผ่อนคลายจึงกลายเป็นเรื่องที่นิยมขึ้นมา ยูนิคอร์นบาร์จึงแทบไม่เหลือที่ว่าง มันประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิด แต่ก็รองลงมาจากการประสบความสำเร็จเรื่องราวความรักอยู่ดี... ธีร์ธวัชดินตรวจดูรอบ ๆ ร้าน พูดคุยกับลูกค้าสอบถามความเห็นและปัญหาอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการ สิ่งนี้คืออีกเสน่ห์หนึ่งที่ทำให้บาร์ของธีร์ธวัชประสบความสำเร็จได้และติดลมบนอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเขาเดินตรงไปยังบาร์เครื่องดื่ม ที่เวลานี้บาร์เทนเดอร์กำลังโชว์ลวดลายลีลาเชคผสมรังสรรค์เมนูเลิศรสให้กับลูกค้าชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว มองจากข้างหลังก็ยังรู้ว่าเป็นใคร
เธอยังคงสดในเหมือนกับวันแรกที่ได้เจอ... ธีร์ธวัชลอบมองใบหน้าจิ้มลิ้มยามหลับใหลของหญิงสาวอันเป็นที่รักเงียบ ๆ เธอยังไม่ตื่น อาจเพราะเมื่อคืนบทรักที่ร่วมบรรเลงคงยาวนานไปหน่อยสำหรับเด็กดื้อเสียงลมหายใจดังขึ้นแผ่วเบา แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ลอดผ่านม่านพลิ้วไสวสาดทับใบหน้าเนียนยิ่งทำให้ความน่าเสน่หาของสายขิมเปล่งประกาย ปลายนิ้วละเลียดสัมผัสปอยผมด้วยความรักใคร่ ทุกครั้งเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ธีร์ธวัชไม่เคยนึกฝันว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะได้ลงเอยกับใครสักคนแบบนี้หนึ่งเดือนพ้นผ่านหลังจากงานวิวาห์ จะว่าตนเองคือรางวัลของพยายามที่สายขิมตามจีบตามตื๊ออย่างไม่ว่างเว้นก็คงไม่ผิด แต่ถึงอย่างนั้น คนที่ไม่เคยอยากจะมีเมียกลับรู้สึกอบอุ่นและโชคดีที่ได้เธอคนนี้มานอนกอดไม่ต่างกัน รัก...รัก...รัก...รักที่สุด ขิมของเฮีย! ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกริ่มขึ้นมาในความเงียบงัน เป็นเวลาเดียวกับที่แพขนตาสวยขยับเปิดขึ้น สายขิมลืมตาขึ้นมาอย่างแช่มช้า ขยับตัวไปมาในวงแขนของสามี ก่อนที่จะได้เห็นว่าอีกฝ่ายตื่นอยู่ก่อนแล้ว “เฮียธีร์...ตื่นนานหรือยังคะ” เสียงใสเอ่ยถาม พอสายตาได
“เฮียธีร์...เป็นอะไรคะ” สายขิมเอ่ยถามพร้อมกับใช้สายตามองดูสามีที่นอนคว่ำอยู่บนที่นอน ทั้งยังใช้กำปั้นทุบบริเวณไหล่ตัวเองไม่หยุด “ปวดไหล่เหรอคะ”“อืม...” ธีร์ธวัชพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ“ถ้าอย่างนั้นขิมช่วยนวดให้นะ” มือนุ่มวางสัมผัสลงไปบนแผ่นหลังกว้าง เปลือกตาคมปิดลงให้ภรรยาตัวน้อยช่วยนวดคลายความปวดเมื่อย “ไปทำอะไรมาคะ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ปวดหลัง ปวดไหล่ได้ หรือว่าเฮียไปยกอะไรหนัก ๆ มา” “เมื่อคืนช่วยเด็กยกลังใส่โซดาน่ะ เดินผ่านเห็นคนไม่พอ น่าจะผิดท่าไปหน่อย” มือนุ่มเริ่มขยับออกแรงกดลงไปหนัก ๆ ใบหน้าคมเอียงซบลงไปบนหมอนนิ่ม เอียงข้างหันมาด้านหนึ่ง เมื่อเส้นตึงได้รับการบีบนวดถูกอกถูกใจ จึงเผลอครางออกมาผ่านลำคอ เหมือนต้องการอยากบอกกับหมอนวดส่วนตัวว่าตนพออกพอใจเพียงใด “อืม...ขิมนวดเก่งจัง ตรงนั้นแหละ” “ตรงนี้เหรอคะ” คนตัวเล็กขยับตัวขึ้นมาอีกนิดเพื่อจะได้กดน้ำหนักลงบนไหล่แกร่งได้สะดวก ทำให้ตอนนี้ลำตัวของเธออยู่ระดับสายตาของคนที่นอนอยู่อย่างพอดิบพอดี “อืม...”เจ้าของไหล่กว้างปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่าตอนนี้สายตา
โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮิ้ว.... จบเสียงโห่นำก็ตามมาด้วยเสียงกลองยาว ฉิ่ง ฉาบ ที่เริ่มบรรเลงดนตรีเป็นจังหวะสนุกสนาน พร้อมกับคนที่เดินอยู่ในขบวนขันหมากต่างยกไม้ยกมือขึ้นฟ้อนรำมาตามถนน ธีร์ธวัชในชุดเจ้าบ่าวสีขาวสะอาดพาดบ่าด้วยสไบสีทองเดินอยู่หน้าสุด ข้าง ๆ กันเยื้องไปด้านหลังนิดหน่อยมีเพื่อนสนิทสองคนที่เดินถือพานสินสอดตามมาด้วย “หน้าบานเหมือนจานข้าวหมา” เป็นเสียงของกิตติภพพูดขึ้นปนหมั่นไส้ เนื่องจากสีหน้าของคนเป็นเจ้าบ่าววันนี้ดูจะเบิกบานเกินหน้าเกินตา ไม่เหมือนกับไอ้คนที่ประกาศปาว ๆ ว่าจะไม่แต่งงานเมื่อหลายเดือนก่อนเลยสักนิดเดียว “เรื่องของกู” คนโดนแขวะตอบกลับทั้งที่สายตายังจ้องมองไปยังถนนที่ตรงไปยังบ้านของเขา รอยยิ้มกว้างที่อยู่บนใบหน้าไม่ได้หุบลงแม้แต่วินาทีเดียว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ยับเยินให้กับเด็กดื้อที่เคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่แต่งงานด้วยเด็ดขาด แต่ใครใช้ให้เธอน่ารัก น่ามอง แถมยั่วเก่ง นาทีนี้อดใจไหวก็คงไม่ใช่ผู้ชาย แต่ที่มากกว่านั้น ก็คงเป็นความจริงใจที่สายขิมมีให้ หากคิดทบทวนกลับไปให้ดี
สายขิมจ้องมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของธีร์ธวัช ก่อนที่ทั้งสองคนจะหันมองหน้ากัน แล้วก้มมองรายชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจออีกครั้ง “เฮียธีร์แน่ใจแล้วนะ” “แน่ใจแล้วสิ ถ้าไม่แน่ใจเฮียไม่ทำแบบนี้หรอก” เขาตอบแล้ววาดวงแขนรั้งคนตัวเล็กให้มาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนที่ปลายนิ้วจะกดโทรออกหาคนที่โชว์อยู่บนหน้าจอ ไม่นานนักก็มีเสียงทักทายมาจากปลายสาย //โทรมาแต่เช้า มีอะไรหรือเปล่าตาธีร์ หรือว่าน้องไม่สบายแกถึงได้โทรมาหาแม่// แม่ของเขานี่ยังไงกัน นึกถึงแต่ลูกสาวสุดที่รักตลอด ไม่ถามไถ่ลูกตัวเองสักคำว่าสุขสบายดีไหม “นี่แม่คิดแต่ว่าผมจะรังแกลูกสาวแม่หรือไงครับ ถึงได้ถามแบบนี้” น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจกรอกไปตามสาย ทำเอาคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนได้แต่แอบหัวเราะอยู่คนเดียว ก็เวลาเฮียธีร์คุยกับคุณแม่ เหมือนว่าจะทำตัวเป็นเด็กมากกว่าตอนอยู่กับเธอเสียอีก //แล้วแกโทรมาทำไมแต่เช้า// “ผมมีข่าวดีจะบอกแม่ด้วยล่ะ” //ข่าวดีอะไรของแก// แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงของคุณหญิงแม่ดูจะไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าไหร่กับคำว่า ‘ข่าว
แสงแดดในยามบ่ายตกกระทบน้ำทะเลจนเป็นประกายระยิบระยับราวกับเพชรที่กำลังต้องแสง สายลมพัดโชยพาเอาไอเค็มของทะเลมาแตะต้องผิวหนัง ธีร์ธวัชเอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดสีขาว สายตาคมกวาดมองไปทั่วบริเวณจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ร่างบางของเด็กดื้อที่กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่ไม่ไกล สายขิมในชุดบิกินี่สีชมพูอ่อนตัดกับผิวสีน้ำผึ้งดูโดดเด่น ขณะที่คลื่นลูกเล็กๆ ซัดเข้าใส่ร่างอรชร ทำให้ชุดว่ายน้ำแนบชิดไปกับเรือนร่างยิ่งขึ้น นัยน์ตาคมเข้มไล่มองคนตัวเล็กที่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่เส้นผมสีดำสนิทที่ปลิวไปตามลม ใบหน้าหวานที่เปื้อนยิ้ม แก้มนุ่มที่แดงระเรื่อจากแสงแดด ไปจนถึงเรือนร่างที่ดูสมส่วนในชุดบิกินี่ตัวจิ๋ว แล้วก้อนเนื้อใต้หน้าอกข้างซ้ายก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เป็นเอามากแล้วจริง ๆ ยิ่งเขามองยัยตัวเล็กนานมากเท่าไหร่ รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็กว้างขึ้นมากเท่านั้น และมันก็กว้างเสียจนกิตติภพที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดข้าง ๆ กันพูดขึ้น “อาการมันเป็นยังไงบอกกูมาดิ๊ ต้องกินยา หรือว่าต้องไปหาหมอไหมไอ้ธีร์” ได้ยินคำถามของเพื่อนซี้ ธีร์ธวัชก็ค่อย ๆ เบนสายต
“ทำไมจู่ ๆ มึงอยากไปเที่ยวทะเล” ธีร์ธวัชยืนพ่นควันบุหรี่อยู่ที่ระเบียงคอนโด ในมือถือโทรศัพท์กำลังคุยกับกิตติภพ เขาถามออกไปอย่างนั้น เพราะเมื่อครู่เพื่อนสนิทบอกว่า สุดสัปดาห์นี้จะไปเที่ยวทะเลกันและเป็นการชวนกึ่งบังคับที่เขาจะต้องไปด้วย //ก็หมวยเพิ่งกลับจากจีนไง กว่ามหา’ลัยจะเปิดเทอม กูก็อยากพาน้องไปเที่ยวก่อน// “มึงอยากพาน้องไปเที่ยว หรือว่าอยากจะไปแดกเพื่อนน้องที่ริมทะเลกันแน่วะ” //ไอ้เหี้ยธีร์ กูไม่นิยมกินเด็กมึงก็รู้// คำตอบของเพื่อนทำเอาธีร์ธวัชได้แต่หัวเราะเบา ๆ อยู่ในลำคอ คนอย่างเสี่ยตี๋ไม่นิยมกินเด็กก็จริง แต่ว่า...หากเด็กมันยั่วมาก ๆ ก็ไม่น่าจะทนไหว ขนาดเขาที่ว่าอดทนเก่งแล้ว ก็ยังทนที่สายขิมยั่วไม่ไหวเลย “เออ ๆ เดี๋ยวกูบอกขิมก่อน” //เจอกันวันเสาร์ แค่นี้แหละ// จบคำว่า แค่นี้แหละ สายก็ตัดไปทันที ร่างสูงหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องก็เห็นว่าเด็กดื้อกำลังนั่งกินขนมสบายใจ จะว่าไปแล้ว เขาเองก็ไม่เคยพาสายขิมไปเที่ยวที่ไหนเลยตั้งแต่ตกลงคบกัน ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีแล้วกันจะได้พาเธอไปเปิดหูเปิดตา “ขิม...
“ขิมจะกลับพร้อมตาธีร์จริง ๆ เหรอลูก” คุณหญิงเธียรธาราเอ่ยถาม เมื่อกลับมาถึงบ้านในตอนเช้าแล้วเห็นว่าที่ลูกสะใภ้ลากกระเป๋าเดินทางออกมาด้วย ตามหลังสายขิมก็มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเดิมตามอยู่ไม่ห่าง “ค่ะคุณแม่ ขิมจะไปช่วยงานเฮียธีร์น่ะค่ะ เห็นว่าไม่อยู่แค่คืนเดียว ระบบในร้านรวนไปหมด” ธีร์ธวัชยืนเอามือล้วงกระเป๋า ไม่หือ ไม่อือ กับเหตุผลที่ยัยตัวเล็กเอ่ยบอกผู้เป็นแม่ ในตอนนี้ถึงเธอจะบอกว่าถูกตามให้กลับกรุงเทพฯ เพราะเขาทนความคิดถึงไม่ไหว ก็จะไม่เถียง ไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว แต่เป็นสายขิมเสียเองที่ตัดสินใจยังไม่อยากบอกเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แม่ได้รับรู้ “ถ้าอย่างนั้นก็เดินทางปลอดภัยนะลูก ว่างแล้วก็กลับมาเที่ยวบ้านกันบ่อย ๆ ล่ะ แม่คิดถึง” “ค่ะคุณแม่” สองมือยกขึ้นไหว้คนตรงหน้าอย่างนอบน้อม แล้วก็เดินไปยังรถที่จอดรออยู่ ในขณะที่ธีร์ธวัชกำลังจะเดินตามเด็กดื้อออกไป แม่ของเขาก็คว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน “ถ้าแกดูแลน้องไม่ดี รอบนี้แม่จะเอาน้องคืนแบบไม่ให้กลับไปหาแกอีกเลย” คุณหญิงเธียรธาราเอ่ยบอกลูกชายพร้อมกับระบายรอยยิ้มกว้างจนเกือ
ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูที่ดังอยู่ด้านนอก ทำให้คนที่กำลังจะล้มตัวลงนอนต้องดีดตัวลุกขึ้นมาเปิดไฟจนสว่างอีกครั้ง สายขิมเดินไปเปิดประตูเพื่อดูว่าเป็นใคร แล้วก็เห็นผู้ชายตัวโตกำลังยืนฉีกยิ้มกว้างอยู่ ทั้งในมือยังหอบหมอนกับผ้าห่มมาด้วยอีกต่างหาก “เฮียธีร์มาห้องขิมทำไมคะ”เธอเอ่ยถามถึงแม้จะพอรู้คำตอบอยู่บ้างแล้ว คนเจ้าเล่ห์แบบเขาก็คงมีเป้าหมายเดียวเท่านั้น“อยากนอนด้วย แล้วก็มาทวงรางวัลปลอบใจที่ขอเอาไว้เมื่อตอนบ่าย”ยังไม่ทันได้ตอบหรือเอ่ยอนุญาต ธีร์ธวัชก็แทรกตัวเข้ามาในห้องนอนของเธอแล้วเรียบร้อย แถมยังวางหมอนกับผ้าห่มของตัวเองไว้บนเตียงโดยไม่ขอความเห็นจากเจ้าของห้องแม้แต่คำเดียว“ขิมยังไม่ทันได้บอกเลยว่าจะให้เฮียธีร์นอนด้วย”“แต่เฮียอุตส่าห์มาแล้ว ขิมจะใจร้ายไล่เฮียได้ลงคอเหรอ” กำลังสลับบทบาทกันอยู่หรือเปล่านะ เมื่อก่อนเป็นเธอไม่ใช่เหรอที่พยายามเอาตัวไปอยู่ใกล้ ๆ เขา คอยทำทุกอย่างให้ผู้ชายตรงหน้าตกหลุมรัก แล้วดูตอนนี้สิ ทำตัวเหมือนแมวที่กำลังอ้อนขอความรักอยู่อย่างนั้นแหละ คนตัวเล็กส่ายหน้าเพียงเล็กน้อย แล้วก็เดินกลับไปนั่งบนเตียงนอนของตัวเอง ที่ต